จริง เท๊จ โปรดใช้วิจารณญาน
*******************
กฐินหลวง"ให้แยกราชประสงค์
คมชัดลึก : เมื่อศูนย์อำนวยการสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ยกระดับสถานการณ์การชุมนุมให้เป็นการชุมนุมที่มี "กลุ่มก่อการร้าย" แทรกแล้ว การบริหารจัดการปัญหานี้ จึงจำเป็นต้องมอบหมายให้ผู้ที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ
นั่นคือที่มาของ การตั้ง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์ และสั่งการใช้กำลัง
เหตุการณ์ลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อครั้ง สมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อเกิดเหตุจลาจลในกัมพูชา จนถึงขั้นเผาสถานทูตที่ครั้งนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ เตรียมการถึงขั้นพร้อมทำสงครามกับกัมพูชา
พ.ต.ท.ทักษิณ เรียกประชุมผบ.เหล่าทัพ ซึ่งขณะนั้น พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็น ผบ.ทหารสูงสุด แต่นั่งนิ่งฟังการบรรยายของพ.ต.ท.ทักษิณ จนกระทั่งมีการถามไปยังเหล่าทัพว่า กำลังพลพร้อมไหม หน่วยใด แม้กระทั่ง เอฟ 16 พร้อมบินเมื่อไหร่
พล.อ.สุรยุทธ์ ที่นั่งนิ่งมานาน จึงได้เอ่ยปากบอกไปว่า "เรื่องจัดกำลังรบไว้ให้เป็นหน้าที่ของพวกผม ซึ่งจะขอเวลา 2 ชั่วโมงเพื่อปรึกษาหารือร่วมกัน"
นั่นแหละจึงทำให้ นักการเมืองที่อยากสั่งใช้กำลังทหารได้คิดและหยุดให้ข้อ เสนอแนะเรื่องของยุทธการ
กรณีพล.อ.อนุพงษ์ ก็เป็นในแนวทางนี้ ...เมื่อได้รับคำสั่ง ก็นัดถกผบ.เหล่าทัพเมื่อค่ำคืนที่ 17 เมษายน เพื่อประเมินสถานการณ์ และคาดการณ์ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งวางแผนรับมือ
งาน นี้นอกจาก ผบ.เหล่าทัพ อันได้แก่ พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รักษาราชการแทนตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แล้ว พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม ก็ไม่พลาดโอกาสนี้ด้วย
เพราะต่างก็เห็นพ้องกัน ว่า จะปล่อยให้กลุ่มก่อการร้ายมาแฝงตัวในผู้ชุมนุม ทำร้ายเจ้าหน้าที่และคนเสื้อแดงอย่างอิสรเสรีเหมือนวันที่ 10 เมษายนไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
การข่าวที่ต่างเอามาแลกเปลี่ยนกันระบุว่า “กลุ่มก่อการร้าย” ที่แฝงเข้ากับผู้ชุมนุม มาจากคน 3 กลุ่ม
กลุ่มแรก มาจากในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
กลุ่มที่สอง ส่งตรงมาจากประเทศเพื่อนบ้าน
กลุ่มที่สาม มีนายทหารในกองทัพไปช่วยฝึกฝนเพื่อจัดตั้งเป็นกองกำลังขึ้นมาโดยไม่ได้คิด ว่านั่นคือการทำลายชาติวิธีหนึ่ง
แต่ไม่ว่าจะมาจากไหนเมื่อมา ถึงจุดนี้แล้ว เมื่อรับภาระอันยิ่งใหญ่มาแล้ว ก็ต้องเร่งมือวางแผนกันอย่างเต็มที่ เพราะการนัดหมายระดมพลเพื่อชุมนุมครั้งใหญ่ หลังเทศกาลสงกรานต์ที่กระชั้นเข้ามาทุกขณะ
การข่าวระบุด้วยซ้ำไปว่า การเดินทางของคนเสื้อแดงจากต่างจังหวัดจะเริ่มเข้ามาตั้งแต่วันที่ 19-21 เมษายน
ตรงนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้กำชับไปยังกองทัพภาคที่ 1-4 ให้ตั้งจุดสกัดอย่างจริงจัง ส่งกำลังพลไปพบปะพูดคุยอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนเข้ามาเมืองหลวงที่กลุ่มผู้ก่อการร้ายยังลอยนวล อยู่
ในส่วนของพื้นที่ชุมนุมบริเวณแยกราชประสงค์นั้น เนื่องจากรอบด้านเต็มไปด้วยตึกสูง หากเกิดเหตุการณ์สลายการชุมนุม ก็อาจเป็นช่องว่างให้กลุ่มก่อการร้ายใช้วิธีการเดียวกันกับเมื่อวันที่ 10 เมษายน ก็ได้สั่งการให้นำกำลังไปคุมพื้นที่เหล่านั้นเพื่อป้องกันเหตุ
สำรวจ กันแล้วมีตึกสูงอยู่กว่า 20 อาคาร แต่หลักๆ นั้นมี 10 อาคาร ได้แก่ เซ็นทรัลเวิลด์ เกษรพลาซ่า โรงพยาบาลตำรวจ โรงแรมไฮแอทเอราวัณ บิ๊กซี โรงแรมอโนมา โรงแรมอมารี แพทรินั่ม ประตูน้ำพลาซ่า รวมถึงไปอาคารใบหยก 84 ชั้น
ที่สำคัญงานนี้ พล.อ.อนุพงษ์ ได้ขอความร่วมมือจาก “ผบ.เหล่าทัพ” ให้ส่ง "มือขั้นเทพ" ของแต่ละเหล่าทัพมาจัดการกับผู้ก่อการร้ายโดยเฉพาะ
มือขั้นเทพที่ สังกัดแต่ละกองทัพล้วนแต่ "เป็นงาน" กันทุกคนเพราะฝึกมาโดยเฉพาะในเรื่องของการ "จู่โจม-ทำลาย" ความสามารถเรียกได้ว่า เอาไปโชว์ชุดรบพิเศษของต่างชาติได้สบายๆ
กองทัพบก จัดส่งหน่วยปฏิบัติการเฉพาะกิจ 90 (ฉก.90) กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) หรือหน่วยอาร์ดีเอฟ หน่วยพลรบ หรือหน่วยรบพิเศษจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.)
กองทัพเรือ จัดส่งหน่วยปฏิบัติการสงครามพิเศษทางเรือ (นสร.) หรือที่รู้จักกันในนาม “ซีล” นอกจากนี้ยังมีหน่วยนาวิกโยธิน (นย.) หรือหน่วยลาดตระเวนจู่โจม หรือ “รีคอน” ซึ่งพวกเขารู้ดีว่า "The only easyday was yesterday"
กองทัพอากาศ จัดส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษอากาศโยธิน (อย.) หรือหน่วยคอมมานโดกองทัพอากาศ ซึ่งชุดนี้ก็สร้างชื่อให้ประเทศไทยมาหลายครั้งหลายหน
สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการสนธิกำลังกับหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองปราบปราม หรือหน่วยคอมมานโด กองปราบปราม รวมถึงหน่วยอรินทราช จากศูนย์ปฏิบัติการพิเศษ 191 และตำรวจพลร่ม จากค่ายนเรศวรซึ่งตำรวจพลร่มนั้น ถือได้ว่าเป็น "รบพิเศษ" ของสีกากีเลยทีเดียว
เรียกได้ว่า ระดมกันมาราวกับงาน "กฐินหลวง"
เพื่อคนชุดดำที่ยืนหลังม็อเสื้อแดงคืนวันที่ 10 เมษายน เป็นการเฉพาะ
เนื้อๆ เน้นๆ ที่แยกราชประสงค์!
ศอฉ.ประกาศชัด แจ้งแดงแจ๋ไม่ต้องแปลให้เหนื่อยแล้วว่า “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” หากจำเป็นต้องใช้อาวุธ ก็ต้องใช้ ไม่หน่อมแน้มกันอีกแล้ว
แต่ก็อย่าง ว่า ยังต้องรอดู "พล.อ.อนุพงษ์" ว่าจะเข้มตามที่จัดขนวบรบ หรือเพียงออกเอ็กเซอร์ไซส์ ให้กำลังพลยืดเส้นยืดสายไม่ให้ยืนเป็นตะคริวเท่านั้น
ทีมข่าวความ มั่นคง
http://www.komchadluek.net/detail/20100419/56041/กฐิน หลวงให้แยกราชประสงค์.html