Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: แนะนำร้านอาหาร  (อ่าน 34499 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #195 เมื่อ: มกราคม 09, 2012, 08:46:02 PM »

ร้านแม่จำปา



25 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่พิมไปเที่ยวเชียงใหม่ เป็นวันที่อากาศดีมากเลยค่ะ เพื่อนคุณสามีพิมก็เลยชวนไปกินข้าวที่ร้านแม่จำปาหลังโรงเรียนวารีเชียงใหม่กันค่ะ



"ร้านแม่จำปา" ตั้งอยู่ใกล้โรงเรียนวารีเชียงใหม่อ่ะค่ะ  ซึ่งถ้าหากเพื่อน ๆ จะไปที่ร้านนี้นะคะ หลังจากขับรถหรือนั่งรถมาตามถนนมหิดลแล้ว พอเจอซอยข้างโรงแรม B2 ก็ให้เลี้ยวรถเข้าซอยเลยค่ะ

ป.ล. ยืมแผนที่มาจากโรงเรียนวารีเชียงใหม่นะคะ ขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วยจ้า



จากนั้นขับรถตรงเข้ามาในซอยอีกหน่อยประมาณสักร้อยกว่าเมตรเห็นจะได้ ข้ามคลองนิดนึง  ก็จะเจอร้านแม่จำปาอยู่ทางด้านซ้ายมืออ่ะค่ะ



บริเวณร้านนี้ครึ่งนึงจะถูกล้อมรอบด้วยคูน้ำ  ซึ่งพิมดูจากภาพที่เพื่อนๆ ท่านอื่นในเวบอื่นได้เคยรีวิวเอาไว้เมื่อสัก 3-4 ปีก่อน ตอนต้นไม้ยังไม่รก ขอบอกว่าบริเวณรอบร้านดูสวยงามสบายตามากเลยอ่ะค่ะ   แต่มาปัจจุบันนี้แอบรก ๆ ไปหน่อยนึง



ซึ่งทางเข้าร้านเนี่ย จะเข้าได้ 2 ทางนะคะ ก็คือทางด้านหน้าร้านที่ติดถนน กับทางด้านข้างร้านที่ติดกับคูน้ำ   ซึ่งถ้าหากใครต้องการจะเข้าทางด้านข้างร้านก็จะต้องเดินข้ามสะพานในรูปด้านล่างนี้ไปอ่ะค่ะ ^^



และพอเราข้ามสะพานกันมาแล้ว เราก็จะเจอกับบรรยากาศภายในร้านเป็นประมาณนี้ล่ะค่ะ   สไตล์ไทยล้านนามากๆ  ตามสถานที่ตั้งเลย



สำหรับร้านนี้ .. พิมขอบอกว่าเค้ามีชื่อเสียงโด่งดังมากเลยนะคะ ดังขนาดที่มีนิตยสารท่องเที่ยว หนังสือต่างประเทศเคยมาเก็บภาพไปลงหนังสือหรือว่าแนะนำร้านแล้วอ่ะค่ะ  ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยที่พอพิมเข้าไปในร้าน จะเห็นชาวต่างชาติเยอะกว่าคนไทยอ่ะค่ะ



เมื่อเข้าไปในร้านแล้ว สิ่งแรกเลยที่เราจะต้องหาก็คือที่นั่งค่ะ  .... และเมื่อได้ที่นั่งแล้วก็มาดูว่าจะสั่งอะไรมาทานกันบ้าง ซึ่งแม้ร้านนี้จะมีชื่อว่าเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย แต่ขอบอกว่าเค้าไม่ได้ขายแต่ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเพียงอย่างเดียวค่ะ แต่ยังขายอาหารประเภทอื่น ๆ อีกหลากหลายมาก  ไม่ว่าจะเป็นข้าวซอย ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส ก๋วยเตี๋ยวน้ำตก  ข้าวต้ม ซุป ต้มแซ่บ ต้มยำ ส้มตำสารพัดแบบ  ข้าวซอย หมูย่าง  ไก่ย่าง หมูสะเต๊ะ และอื่น ๆ อีกมากมายค่ะ



ซึ่งใครต้องการจะสั่งอะไร แบบไหน special ยังไงก็สามารถเขียนจำนวนที่ต้องการสั่ง พร้อมรายละเอียดลงในแบบฟอร์มสั่งอาหารของทางร้านเค้าได้เลยอ่ะค่ะ

ป.ล. ชอบอย่างนึงตรงที่แบบฟอร์มรายการอาหารของทางร้านเค้ามีการ reuse ก็คือ ให้ลูกค้าเขียนจำนวนที่ต้องการสั่งด้วยดินสอลงในแบบฟอร์ม พอทางร้านรับออเดอร์เสร็จ ก็จะลบรอยดินสอออก และนำแบบฟอร์มนั้นกลับมาใช้ใหม่น่ะค่ะ



หรือถ้าใครอยากรู้ก่อนว่าอาหารชนิดไหนหน้าตาเป็นยังไง สั่งออกมาแล้วจะชอบไหม จะทานได้ไหม ก็สามารถดูรูปภาพอาหารแต่ละอย่างได้จากในเมนูเล่มนี้เลยอ่ะค่ะ  (พิมไม่ได้ถ่ายรูปภายในเมนูมาให้ดูนะคะ แบบว่าไม่ค่อยสะดวกจ้า)



เมื่อสั่งอาหารเสร็จ สิ่งที่เราจะต้องสั่งอันดับต่อไปก็คือ น้ำ ... สำหรับคนที่ดื่มแต่น้ำเปล่าก็ไม่ต้องสั่งนะคะ เพราะที่โต๊ะเค้ามีขวดน้ำเปล่าวางไว้ให้เลย  แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากได้น้ำอย่างอื่น เช่นกาแฟ น้ำอัดลม น้ำผลไม้อะไรพวกนี้ ก็สามารถสั่งได้เลยค่ะ  โดยจะสั่งแบบพูดเอาหรือติ๊กในแบบฟอร์มสั่งเครื่องดื่มของทางร้านเค้าก็ได้อ่ะค่ะ ^^



สั่งเสร็จแล้วเราก็นั่งรอสักพักค่ะ  แล้วสักประเดี๋ยวอาหารที่เราสั่งไปทั้งหมดก็มาเสริฟ  (มาไวมาก) ...... ถึงตรงนี้ขอเม้าท์นิดนึงค่ะว่าตอนสั่งก็สักแต่สั่งนะคะ ไม่ได้คิดอะไรเลย ไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่าจะกินหมดไหม >_<"   สั่งๆๆๆ อย่างเดียวเลยค่ะ เห็นชื่ออันไหนแล้วคิดว่าจะน่ากินก็สั่ง   แล้วพอพนักงานเค้าเอามาเสริฟก็ถึงกับแอบอึ้งค่ะว่านี่พวกเราสั่งกันมาเยอะขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ฮ่ะๆ   (จริง ๆ เพื่อนคุณสามีสั่งไปอย่างเดียว ที่เหลืออ่ะพิมสั่งค่ะ >_<")

ป.ล. อาหารในภาพอาจจะมีแหว่ง ๆ ไปบ้าง เพราะกว่าจะนึกออกว่าจะต้องถ่ายรูปก่อนตามธรรมเนียม ก็เผลอกินไปซะหลายคำแล้วอ่ะค่ะ หุหุ



เมื่อทุกอย่างมาเสริฟแล้ว ก็มาเริ่มรีวิวอาหารแต่ละอย่างกันดีกว่าค่ะ ... สำหรับอย่างแรก "หมูสะเต๊ะ"   ขอบอกว่ารสชาติดีค่ะทั้งตัวหมู และอาจาดที่ข้น ๆ  ตัวหมูเองก็ไม่ได้นิ่มมากและไม่ได้แข็งมาก เรียกว่านุ่มแต่ยังมีอะไรให้เคี้ยวบ้าง  ติดตรงส่วนมันชิ้นใหญ่เตะปากไปนิดนึงค่ะ  ก็เลยแอบเลี่ยนเมื่อเจอคำสุดท้าย   ส่วนอาจาดที่เป็นน้ำใสแอบใสและรสจืดไปนิดนึง ถ้ารสจัดกว่านี้สักหน่อยจะอร่อยเหาะไปเลยค่ะ



ต่อมาก็เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำสุโขทัยของพิมนะคะ ตอนแรกแอบคิดว่าเค้าจะใส่ถั่วฝักยาวซอย ๆ และไข่ต้มเหมือนที่เคยกินที่ร้านอื่นมา แต่ที่นี้เค้าไม่มีอ่ะค่ะ  ก็เลยแอบงง ๆ ว่าตกลงแล้วเอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยนี่เป็นยังไง  แต่ถึงร้านนี้ไม่มีถั่วฝักยาวกับไข่ต้มก็อร่อยเลยอ่ะค่ะ แบบว่ารสชาติกลมกล่อมมากเลย ซดกันน้ำซุปแทบจะเกลี้ยงชาม ^^



ต่อมาก็เป็น เอ่อ.อ.อ.อ. เรียกว่าอะไรก็ไม่รู้อ่ะค่ะ  ไม่แน่ใจว่าใช่บะหมี่แห้งไหม เป็นของเพื่อนคุณสามีสั่งมา  แต่ขอบอกว่าแม้จะไม่รู้ว่าชื่อเมนูอะไร แต่น่ากินมากๆ เลยค่ะ



ส่วนชามนี้ข้าวซอยไก่ของคุณสามีค่ะ    รสชาติโดยรวมก็กลาง ๆ ค่ะ  ไม่เข้มข้นมาก ซึ่งตัวพิมเองชอบแบบเข้มข้น ๆ หอมกลิ่นเครื่องแกงเครื่องเทศสไตล์ร้านบนดอยปุยอย่างนั้นมากกว่าอ่ะค่ะ



ส่วนจานนี้ "ยำหมูย่าง" หรือ "ยำคอหมูย่าง" นี่แหละค่ะ  ... สำหรับจานนี้เนี่ยอยากจะบอกว่า ใครที่ไปร้านนี้อย่าลืมสั่งมาทานกันนะคะ เพราะว่าอร่อยมากก.ก..ก.ก. พิมไม่เคยกินยำคอหมูย่างรสชาติแบบนี้มาก่อน คือมันจะออกหวาน ๆ หน่อยอ่ะค่ะ  ไม่รู้เค้าปรุงรสแบบไหน แต่มันอร่อยมากเลย (สไตล์ไปทางส้มตำไทย)    อร่อยทั้งตัวน้ำยำ อร่อยทั้งคอหมู ปลากรอบ และผักที่เค้ายำรวมมา ... เรียกว่าอร่อยซะจนอยากจะสั่งมาเบิ้ลเลยค่ะ ^^



สั่งยำหมูย่างมาแล้ว หากติดใจตัวหมูย่างเปล่า ๆ ก็อย่าลืมสั่งหมูย่างเปล่าๆ  แบบพิมมาด้วยนะคะ   ... ซึ่งพิมก็ขอบอกอีกนั่นแหละค่ะว่าหมูย่างที่นี่เค้าอร่อยมาก ไม่รู้ใช้หมูส่วนไหนย่าง ทั้งติดมันและก็นุ่มมากเลยอ่ะค่ะ แถมรสชาติก็กำลังดี ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยล่ะค่ะ



จริง ๆ อาหารที่สั่งไปยังมีเส้นเล็กต้มยำน้ำพริกเผาอีกอย่างนะคะ  (เป็นของคุณสามี)  แต่เหมือนว่าพิมจะลืมถ่ายรูปมา ก็เลยไม่มีรูปอ่ะค่ะ  แต่สอบถามคุณสามีแล้วเค้าก็ว่ารสกลาง ๆ ใช้ได้ ไม่มีปัญหาค่า ...... และในรูปล่างนี่ก็คือภาพบรรยากาศการกินของพวกเรานะคะ ขอบอกว่ากินอาหารอร่อยไปพลาง ๆ นั่งชมการตกแต่งร้านแบบล้านนาไปพลาง ๆ ท่ามกลางอากาศที่เย็นกำลังดี  ..... มันสุดยอดไปเลยค่า ^^



และแล้วหลังจากพวกเราใช้เวลาละเอียดกับอาหารที่พวกเราสั่งมาเป็นเวลาประมาณครึ่ง ชม. กว่า ๆ (กะ ๆ เอาค่ะ ไม่ได้จับเวลาจริงๆ หรอก)  อาหารที่เราสั่งมาทั้งหมดก็เรียบวุธล่ะจ้า   ส่วนว่าอาหารอันไหนโดดเด่นเป็นพิเศษ อร่อยเป็นพิเศษ ถูกปากคนทานอย่างพวกเราเป็นพิเศษ  สังเกตุได้จากปริมาณที่เหลือในจานชามแต่ละจานเลยก็จะรู้อ่ะค่ะ ^^



และเบ็ดเสร็จค่าเสียหายสำหรับมื้อนี้ ....... เพื่อน ๆ ลองทายกันสิค่ะว่ากี่บาท  พิมเชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องทายกันไม่ถูกแน่นอนค่ะ  เพราะพิมเองก็ยังทายไม่ถูกเลย คือตอนแรกประมาณเอาไว้ว่าราว ๆ  400-500 ไรงี้อ่ะค่ะ แต่จริง ๆ แล้วพอเค้ามาคิดเงิน ปรากฎว่าค่าเสียหาย 270 กว่าบาทเองจ้า เรียกว่าถูกมาก ๆ ทั้งถูกทั้งอร่อยแบบนี้หากินในกรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้แน่นอนค่ะ ^^

แล้วยังไงไว้เจอกันใหม่กับรีวิวร้านถัดไปนะค๊า บ๊ายบายจ้า

ขอขอบคุณ คุณpim ไว้ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ

ปล.ผ่านไปแอ่วเหนืออย่าลืมน้ะเจ้ากิงข้าวสอยบ่อกอ้ายด้วยเน้อว่าเข้าซอยไหน  อิ อิ  Grin
ไปแอ่วเหนือก็หลายครั้งเจ้า จำชื่อร้านบ่จ่างเจ้า แต่ละเส้นทางมัน โค ตะ ระ ไกล  sleepyหลับ สะดุ้งตื่น ก้อ กิง  เทวดาก้อแต่ละที่เที่ยว Cry เดินเป็นกิโลแม้ว Shocked คร้ายฟ่ะจะไหว อิ อิ  Cheesy ก็ลอง ตามคุณpimไปกินน้ะเจ้า Wink
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #196 เมื่อ: มกราคม 19, 2012, 10:08:28 PM »

“ไอติมผัด ice mania” อร่อยแปลก เย็นชื่นใจ''


วันหยุดที่ผ่านมานี้ “ผ่านมาแวะกิน” อยู่บ้านว่างๆ ก็เลยออกมาเดินเล่นที่ตลาดน้ำมหานคร ที่อยู่แถวๆ สุวรรณภูมิ-ลาดกระบัง แล้วก็เลยชวนเพื่อนสาวมาด้วย บรรยากาศภายในตลาดก็เดินกันได้แบบสบายๆ มีขายทั้งของกินของใช้ เสื้อผ้า เครื่องประดับ ของแต่งบ้าน มีมุมสวยๆ ให้นั่งเล่นถ่ายรูป แล้วยังนั่งสบายๆ ริมลำคลองให้เย็นชื่นใจได้ด้วย

เดินกันรอบตลาดในยามบ่ายๆ ก็เริ่มเหนื่อยเริ่มร้อนเลยหาที่นั่งพักหาอะไรเย็นๆ กินเสียหน่อย จนมาเจอร้าน “ไอติมผัด ice mania” เห็นชื่อแล้วก็ข้องใจ ต้องลองเข้าไปลองชิมให้รู้


สอบถามเจ้าของร้านเกี่ยวกับไอติมผัด ก็ได้ความว่า ไอติมผัด หรือไอศกรีมผัดนี้ ถูกคิดค้นสูตรขึ้นมาโดยคนไทย และยังผลิตเครื่องทำไอศกรีมผัดขึ้นเองได้ในประเทศ ซึ่งเมื่อเห็นจากชื่อแล้ว ก็แน่นอนว่าจะต้องนำลงไปผัดในกระทะ แต่กระทะของที่ร้านจะเป็นกระทะเย็นที่มีอุณหภูมิต่ำถึง -30 องศาเซลเซียส

วิธีการทำก็คือ นำน้ำไอศกรีมสดเทลงในกระทะเย็น จากนั้นก็ผัดไปเรื่อยๆ จนเกาะตัวกันเป็นเนื้อไอศกรีม ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1-2 นาที โดยที่ตัวน้ำไอศกรีมสดนั้นจะทำมาจากผงไอศกรีมและนมสดรวมกัน ส่วนรสชาติพื้นฐานของไอศกรีมนั้นมีอยู่ 2 อย่าง คือ ไอศกรีมนมสด และไอศกรีมโยเกิร์ต


ความแตกต่างระหว่างไอศกรีมทั้งสองอย่างนี้ อยู่ที่ไอศกรีมนมสดจะสามารถนำไปทำเป็นรสชาติต่างๆ ได้ อาทิ ช็อคโกแลต ชาเขียว วนิลา ม็อคค่า เป็นต้น ส่วนไอศกรีมโยเกิร์ต จะเป็นไอศกรีมโลว์แฟต ที่มักจะกินคู่กับผลไม้ต่างๆ

สำหรับไอศกรีมผัด 1 ถ้วยนั้น จะขายกันในราคา 59 บาท โดยสามารถเลือกรสชาติไอศกรีม และท้อปปิ้งได้อีก 2 อย่างจากเมนูแนะนำของทางร้าน หรือจะเลือกสั่งผสมกันตามใจชอบก็ได้ ซึ่งท้อปปิ้งที่เลือกนั้นก็จะใส่ลงไปผัดพร้อมๆ กับไอศกรีม ทำให้ได้รสชาติกลมกลืนไปในเนื้อไอศกรีมเลยทีเดียว


อย่างรสชาติที่ได้ลองชิม ก็คือ วนิลา+แอลมอนด์+คอนเฟล็ก เป็น ไอศกรีมรสวนิลา ที่จะนำแอลมอนด์ลงไปผัด แล้วโรยหน้าด้วยคอนเฟล็ก ลองชิมรสชาติหอมมันวนิลา ไม่หวานมากนัก ได้ความกรอบกรุบจากคอนเฟล็กและแอลมอนด์

ส่วนถ้วยถัดมาลองชิม กล้วยหอม+โอริโอ้ ที่นำทั้ง กล้วยหอมและโอริโอ้ลงไปผัดพร้อมกับไอศกรีม นอกจากนี้ก็ยังแต่งหน้าด้วยกล้วยหอมสดฝานเป็นแว่น พร้อมกับชิ้นโอริโอ้ ลองชิมแล้วได้รสหวานๆ ขมๆ เล็กน้อย ได้รสชาติกล้วยหอมเต็มคำ แถมยังหอมกลิ่นกล้วยอีกด้วย


สุดท้ายลิ้มรส ช็อคโกแลต+บราวนี่ สำหรับคนชอบรสชา ติของช็อคโกแลต ในเนื้อไอศกรีม ถ้าหากว่าได้ลองชิมและได้ลิ้มรสชาติช็อคโกแลตที่ไม่ขมมากเกินไปนัก พร้อมกับเคี้ยวชิ้นบราวนี่เล็กๆ ที่แทรกอยู่ในเนื้อไอศกรีม แถมด้านบนก็ยังตกแต่งด้วยบราวนี่ พร้อมกับราดช็อคโกแลตเพิ่มความหอมอร่อยถูกใจ

ใครที่สนใจอยากลองชิมไอศกรีมผัด นอกจากจะมีสาขาอยู่ที่ตลาดน้ำมหานครแห่งนี้แล้ว ก็ยังมีอีกหลายสาขาทั่วประเทศ ซึ่งสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook : itimpad และยังสามารถติดต่อขอซื้อแฟรนชายส์ได้อีกด้วย

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ร้าน “ไอติมผัด ice mania” ตั้ง อยู่ภายในโซนพระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ในตลาดน้ำมหานคร เขตลาดกระบัง กทม. การเดินทาง จาก ถ.อ่อนนุช-ลาดกระบัง ให้ตรงมาทางลาดกระบัง ผ่านโรงพยาบาลลาดกระบัง และสำนักงานเขต ข้ามสะพานข้ามคลองศีรษะจระเข้น้อย ลงสะพานแล้วตลาดน้ำมหานครจะอยู่ทางซ้ายมือ สามารถจอดรถได้บริเวณที่จอดรถของตลาด ร้านเปิดทุกวัน จันทร์-ศุกร์ เปิดเวลา 16.00-21.00 น. เสาร์-อาทิตย์ เปิดเวลา 10.00-21.00 น. โทร. 08-4682-3923 ผู้ที่สนใจข้อมูลเกี่ยวกับแฟรนชายส์ไอติมผัด โทร. 08-1100-1081, 08-1111-2330, 08-9799-8900 www.facebook.com/itimpad
 
ขอบคุณค่ะ

 หัวเราะกันนะอยากไปกิงจังเลย เทวดา
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #197 เมื่อ: มกราคม 22, 2012, 12:31:28 PM »

  รีวิว :: อิ่มอร่อยราคาประหยัดที่ Shabu Bar ลาดพร้าว 71
by คุณพิม
















































ขอขอบคุณค่ะ
www.pim.in.th
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #198 เมื่อ: มกราคม 22, 2012, 12:46:24 PM »

 Cheesyสวัสดีค่ะ

                    
                             หลังจากเงินไปอยู่กระเป๋าผู้อื่นซะส่วนใหญ่ Sad การเงินก็สั่นคลอน Cry  เพราะต้องเสียเงินไปสวัสดีลูกหนี้ [ทวง]  
และรายจ่ายมะลุ่มม่ะตุ้ม [รุมเร้า] Cry น้องมั่นนี่ก้อดิสสะเพีย Kiss  เลยไม่มี บช./ ปญ. ไปรับประทานได้เอง เทวดา อาศัยชาวบ้านไปกิน [เกาะ] ร้านก็เป็นแบบเดิมๆๆๆ sleepyไม่ต้องลืมตาก็รู้ว่าไปอย่างไร sleepy เดินไปตรงไหนนั่งโต๊ะไหน กิงรั่ยดี โซ บอร์ริ่ง จิง จิง Grin กลัวคนอ่าน บอริ่ง ตามค้ะ


                                                หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านคงเข้าใจ :Smiley และยิ่งกว่านั้นคนที่พาไปเลี้ยงคงไม่มาอ่านเจอ เทวดา




อิ อิ  เทวดา    

                                                              
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 23, 2012, 02:20:22 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #199 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 10:00:01 PM »

“ข้าวแช่แม่ศิริ” ข้าวแช่ตำรับมอญ คลายร้อนชื่นใจ


ช่วงร้อนๆ แบบนี้ ใครๆ ก็พากันออกไปหาของหวานของเย็นกินเพื่อความเย็นฉ่ำชื่นใจ ใครจะชอบขนม ของหวาน หรือไอศกรีม ก็ตามแต่ใจชอบ แต่ของว่างดั้งเดิมที่นิยมกินกันในช่วงเมษาหน้าร้อนแบบนี้ก็เห็นจะเป็น “ข้าวแช่” ที่ทั้งหอมเย็นชื่นใจ “ผ่านมาแวะกิน” เลยไม่พลาดที่จะไปลองลิ้มให้อิ่มอร่อย

ร้านข้าวแช่ที่จะมาชิมในคราวนี้มีชื่อว่า “ข้าวแช่แม่ศิริ” ตั้งอยู่ในละแวกบางลำพู และถือได้ว่าเป็นร้านเก่าแก่ของจริง เพราะขายกันมาตั้งแต่ปลายสมัยรัชกาลที่ 5 จนมาถึงปัจจุบัน มีคุณอุ้ม-ชาา วิสุทธิ์สกนธ์ ทายาทรุ่นที่ 5 เป็นผู้สืบทอดความอร่อย




ข้าวแช่ของร้านนี้เป็นข้าวแช่สูตรคนมอญแท้ๆ ที่มีความพิถีพิถันในการทำทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่กระบวนการทำข้าวแช่ที่ต้องเลือกข้าวเสาไห้มาขัดล้างให้ยาง ข้าวออกจนได้เมล็ดข้าวที่ขาวสวย จากนั้นจึงนำมานึ่งให้สุก แล้วนำออกมาผึ่งไว้จนแห้งและเย็นตัวลง

ส่วนน้ำที่ใช้กับข้าวแช่ก็ใช้น้ำกรองสะอาด นำไปอบควันเทียนพร้อมลอยดอกมะลิที่ปลูกเองแบบไร้สาร อบน้ำไว้ข้ามคืนก็นำมาใช้ได้ เวลาเสิร์ฟก็ตักข้าวใส่ถ้วย ใส่น้ำลายดอกมะลิ และใส่น้ำแข็งลงไปเพิ่มความเย็นชุ่มฉ่ำ กินคู่กับเครื่องเคียงต่างๆ

เริ่มที่ ไชโป๊วหวาน ที่ใช้ไชโป๊วฝอยที่เป็นเส้นมาล้างทำความสะอาดหลายๆ น้ำจนหมดกลิ่น จากนั้นนำมาผัดกับน้ำตาลมะพร้าวจนเหนียวเข้ากันดี เคี้ยวแล้วหอมหวานน้ำตาลมะพร้าว ส่วน ลูกกะปิทอด ที่ไม่ ได้ใช้กะปิล้วนๆ มาทอดเลย แต่ใช้กะปิเป็นส่วนประกอบ นำไปผสมกับเนื้อกุ้ง กระชาย มะพร้าว และถั่วงคั่ว รวนจนเหนียวเข้าเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นค่อยนำมาปั้นเป็นก้อนแล้วชุบแป้งทอดอีกที ลองเคี้ยวแล้วได้รสหวานๆ หอมๆ มีรสกระชายเล็กน้อย

และยังมี หมูฝอย ที่ใช้เนื้อหมูนำมาฉีกแล้วผัดกับเครื่องปรุงรสจนแห้งได้ที่ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว เคี้ยวกรอบๆ หวานๆ และ ปลาหวาน นี่ก็อร่อยไม่แพ้กัน โดยจะใช้ปลายี่สกต้มจนสุกแล้วเลาะเอาแต่เนื้อมาบดละเอียด นำไปคั่วกับมะพร้าวป่นปรุงรสเล็กน้อย คั่วไปประมาณ 4-5 ชั่วโมงจนเนื้อปลาเหนียว ชิมแล้วหอมมะพร้าว รสหวานนำเค็มเล็กน้อย



หากว่ามานั่งกินที่ร้าน ทางร้านก็จัดข้าวแช่เป็นชุด (ชุดละ 25 บาท) ที่ประกอบไปด้วยข้าวแช่ 1 ถ้วย พร้อมกับอีก 4 อย่าง แต่หากใครชอบไม่ชอบกับอย่างไหนก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ และกับชนิดพิเศษที่มีให้ลองชิมเฉพาะช่วงเดือน เม.ย.นี้ก็คือ พริกหยวก (เม็ดละ 25 บาท) ที่เป็นพริกหยวกเนื้อบางนำมาแกะเอาไส้ในออก จากนั้นทำหมูทรงเครื่องปรุงรสยัดไส้เข้าไปแล้วนำไปนึ่งจนสุก จากนั้นทำแพไข่แล้วนำมาห่อพริกหยวกอีกที พอลองชิมจะได้กลิ่นหอมพริกไทย เนื้อหมูนุ่ม

หรือถ้าจะซื้อข้าวแช่กลับบ้าน ก็มีข้าวแช่เป็นชุดขายในราคา 30 บาท แต่หากต้องการข้าวแช่ชุดใหญ่ (100 บาท) นอกจากจะมีข้าวแช่และกับทั้ง 4 อย่างแล้ว ก็ยังเพิ่มพริกหยวก ผักแกะสลักทั้งกระชาย ต้นหอม พริก และมะม่วง รวมอยู่ด้วย โดยจะต้องโทรศัพท์มาสั่งไว้ล่วงหน้า และมีขายเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย.นี้เท่านั้น




นอกจากข้าวแช่แล้ว ทางร้านก็ยังมีขนมไทยโบราณให้ลองชิมกันอีกด้วย อาทิ ทองเอก (แพ็กละ 20 บาท) สัมปันนี (แพ็กละ 25 บาท) เสน่ห์จันทร์ (แพ็กละ 25 บาท) เป็นต้น และในช่วงเสาร์-อาทิตย์ ก็ยังมี ข้าวตังเมี่ยงลาว (ชุดละ 25 บาท) ให้มาลิ้มรสกันอีกด้วย

ร้าน “ข้าวแช่แม่ศิริ” เปิดขายข้าวแช่ทุกวัน และยังรับออกงานนอกสถานที่ด้วย ที่สำคัญ ข้าวแช่อร่อยๆ แบบนี้มีให้กินกันตลอด ไม่ว่าจะหน้าร้อน ร้อนมาก หรือร้อนที่สุด ก็มากินให้อิ่มฉ่ำใจได้ทั้งปี




ร้าน “ข้าวแช่แม่ศิริ” ตั้งอยู่ในซอยไกรสีห์ ถนนพระสุเมรุ เขตพระนคร กทม. การเดินทางหากมาจากถนนสามเสน ให้วิ่งตรงมาทางบางลำพู เมื่อถึงแยกบางลำพูให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระสุเมรุ สังเกตทางขวามือจะเห็นธนาคารกรุงไทย ข้างๆ ธนาคารจะเป็นซอยไกรสีห์ เดินเข้าซอยไปเล็กน้อยจะเห็นร้านอยู่ทางซ้ายมือ ทางร้านรับออกงานภายนอก ร้านเปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. (หยุดช่วงสงกรานต์ วันที่ 12-14 เม.ย.) โทร. 08-1448-9924, 0-2281-7996

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #200 เมื่อ: เมษายน 18, 2012, 07:39:45 PM »

เมธาวลัย ศรแดง เพลินลิ้นกับรสชาติต้นตำรับ

ในย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ อย่างถนนราชดำเนิน เป็นสถานที่ที่บันทึกประวัติศาสตร์และความทรงจำอันมีค่ามากมาย ไม่เว้นแม้แต่ความอร่อยอันเลื่องชื่อของภัตตาคารชื่อดัง วันนี้ We Recommend จะพาไปสัมผัสความอร่อยแบบไทยแท้ ที่อยู่คู่ถนนราชดำเนินมายาวนานกว่า 50 ปี ที่ร้าน "เมธาวลัย ศรแดง"

เพลินใจกับบรรยากาศคลาสสิค


 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยคือบรรยากาศงดงามภายนอกของร้านนี้ ด้านในมีการบรรเลงเปียโนเพลงสุนทราภรณ์ การแสดงสดของวงดนตรีทหารเรือ เพื่อพาคุณร่วมย้อนรำลึกกลิ่นอายความงดงามเมื่อครั้งอดีต ลูกค้าจึงมีทั้งคนไทยและคนต่างชาติ ที่รักในรสชาติอาหารและบรรยากาศแบบไทยคลาสสิค



จานแรกที่ We Recommend อยากแนะนำคือ ยำตะไคร้ เมนูซึ่งหาทานได้ไม่ง่ายเลย ความอร่อยอยู่ตรงเครื่องปรุงครบเครื่อง ทั้งตะไคร้ หอมแดง พริก มะพร้าวคั่ว และถั่วง รับประทานคู่กับใบคะน้าสดกรอบ อาหารตำรับไทยที่เรียกได้ว่าแทบทุกโต๊ะต้องสั่งคือ หมี่กรอบชาววัง เส้นหมี่กรุบกรอบปรุงรสกลมกล่อม ทานคู่กับผักเครื่องเคียงอย่างต้นหอมและถั่วงอก แล้วลองชิมน้ำแกงร้อนๆ รสเข้มข้นของ แกงส้มปักษ์ใต้ ใส่เนื้อปลาสดหวานชิ้นโตและสายบัว

หากว่าคุณชอบรสชาติอาหารแบบไทยแท้ และอยากฟังดนตรีรำลึกอดีต เดินทางมาได้เลยที่ "เมธาวลัย ศรแดง" ร้านตั้งอยู่ตรงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลางค่ะ

Recommended Dishes



ยำตะไคร้




แกงส้มปักษ์ใต้


ที่ตั้ง:78/2 อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศ พระนคร กรุงเทพมหานคร 10200
โทร: 02-224-3088, 02-224-3178
เวลาเปิดบริการ: ทุกวันเวลา 11.00-23.00 น.
ราคาต่อท่านโดยประมาณ: 101-300 บาทต่อคน
บัตรเครดิตที่รับ:American Express
สัญชาติอาหาร: ไทย
ประเภทอาหาร: อาหารจานเดียว
รูปแบบการให้บริการ: ร้านอาหารทั่วไป


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 18, 2012, 07:43:45 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #201 เมื่อ: เมษายน 19, 2012, 08:18:01 PM »

แกงป่าศรีย่าน อร่อยครบเครื่องแกงป่า



พริกแกงสูตรเด็ดลับเฉพาะ เต็มไปด้วยกลิ่นและรสของสมุนไพรไทย คือหัวใจสำคัญของความอร่อย ที่ทำให้ร้านแกงป่าศรีย่านเติบโตจากร้านอาหารตามสั่งเล็กๆ ผ่านเวลากว่า 35 ปี จนกลายมาเป็นร้านขึ้นชื่อ ทั้งรสชาติ ทั้งการบริการ มีลูกค้าขาประจำแวะเวียนมาชิมความอร่อยกันที่ร้านและแบบซื้อกลับบ้าน แถมยังมีบริการ Delivery ส่งความอร่อยกันถึงที่ เมื่อชื่อร้านก็บ่งบอกอยู่แล้วว่าแกงป่า และที่ทางร้านการันตีว่าอร่อยเด็ดก็คงเป็น แกงป่าปลากราย (70 บาท) น้ำแกงเผ็ดร้อนกับเนื้อปลากรายนุ่มหนึบ หอมกลิ่นเครื่ิองแกง จากนั้นลองชิมแกงกะทิกันบ้าง อย่าง แกงคั่วหอยขม (70 บาท) ซึ่งมีทีเด็ดอยู่ตรงที่หอยขมแกะเปลือกมาแล้ว เคี้ยวกรุบเข้ากันกับน้ำแกงกะทิหอมมันเข้มข้น นอกจากเมนูแกงจะขึ้นชื่อแล้ว อยากให้ลองชิม ผัดพริกขิงปลาดุกฟู (80-100 บาท) ความกรอบฟูของเนื้อปลาดุกใส่มาแบบไม่มีหวงผัดผสมกับเครื่องพริกขิงรสจัดจ้าน จานสุดท้ายคนรักอาหารใต้ไม่ควรพลาดกับ สตอผัดกุ้ง (100 บาท) กุ้งสด ๆ สตอเนื้อมันๆ ผัดพริกเผ็ดร้อน



ที่ตั้ง: 954/2 ติดกับที่ทำการไปรษณีย์ดุสิต ถนนนครไชยศรี แขวงถนนนครไชยศรี ดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

โทร: 02-241-4216

เวลาเปิดบริการ: วันจันทร์-วันเสาร์ 10.00-21.00 น.วันอาทิตย์ หยุด

ราคาต่อท่านโดยประมาณ: 101-300 บาทต่อคน

สัญชาติอาหาร: ไทย

รูปแบบการให้บริการ: ร้านอาหารทั่วไป

เหมาะสำหรับ: ครอบครัว

ที่จอดรถ: ริมถนน
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #202 เมื่อ: กรกฎาคม 29, 2012, 05:35:42 PM »

“Madame Ong”รักอาหารเวียดนาม



“Madame Ong“ (มาดาม ออง)” เหตุผลก็ไม่ใช่อื่นใด ร้านนี้เป็นร้านอาหารเวียดนาม-ไทย ที่สามารถนั่งกินพร้อมนั่งชิลล์ได้ในคราวเดียวกัน





















 “Madame Ong” (มาดาม ออง) ตั้งอยู่ที่ 21/45 ซ.ชวกุล ถ.รางน้ำ แขวงถนนพญาไท เขตราชเทวี การเดินทางถ้ามาจากรถไฟฟ้าสถานีอนุสาวรีย์ฯ ให้ทางมาทางห้างเซ็นจูรี่ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยรางน้ำ เดินตรงเข้ามาจนเจอซอยชวกุลตรงข้ามกับ King Power รางน้ำ ให้เข้าซ.ชวกุลมาประมาณ 100 ม. จะเห็นตึก V.P. Tower แล้วร้านมาดามออกก็จะอยู่ที่ชั้นล่างของตึกฯ มีป้ายร้านให้ชัดเจน เปิดทุกวัน เวลา 11.00-22.30 น. โทร.0-2248-0322-3
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #203 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 05:56:37 PM »

อิ่มอร่อยที่ “Four Seasons” ลิ้มรสเป็ดย่างชั้นเทพ ต้นตำรับจากลอนดอน



บรรยากาศโต๊ะนั่งภายในร้าน “Four Seasons”
 
 

การแข่งขันกีฬาโอลิมปิก 2012 เดินทางมาถึงโค้งสุดท้ายแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะรูดม่านปิดฉากลง

โอลิมปิกครั้งนี้จัดขึ้นที่กรุงลอนดอน เมืองหลวงเก่าแก่ของอังกฤษซึ่งหากพูดถึงเรื่องอาหารการกินแล้ว บรรดาเศรษฐีและนักการเมืองหลายคนในบ้านเราที่เคยไปเยือนเมืองนี้ ส่วนใหญ่มักจะไม่พลาดการไปหม่ำ “เป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์” ของร้าน “Four Seasons London” หนึ่งในเมนูอันขึ้นชื่อลือชาของกรุงลอนดอน



สำหรับใครที่อยากจะกินเป็ดย่างชื่อดังกับเขาบ้าง ปัจจุบันไม่ต้องบินไปกินไกลถึงที่ลอนดอนแล้ว เพราะร้านเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์ได้มาเปิดให้บริการในรสชาติต้นตำรับจากลอนดอน ที่เมืองไทย 2 สาขาด้วยกัน สาขาแรกที่สยามพารากอน ส่วนอีกสาขาหนึ่งเป็นสาขาใหม่อยู่ที่เมกะบางนาที่เพิ่งให้บริการได้ไม่นาน

ด้วยเหตุนี้ “ตระเวนกิน” จึงขอพามากินเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์เจ้าใหม่กันที่ร้าน “Four Seasons” ที่ตั้งอยู่ที่ Mega Bangna เมื่อเข้ามาในร้านก็จะได้อารมณ์เดียวกับร้านที่ลอนดอน ด้วยสไตล์การตกแต่งแบบจีนโมเดิร์น มีโต๊ะให้เลือกนั่งในมุมสบายและมีห้องส่วนตัวให้บริการอยู่ 4 ห้อง




เป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์
 
 

ส่วนอาหารไม่ต้องพูดถึงแน่นอนว่าก็ต้องลิ้มรสเป็ดย่างกันให้ได้ และที่ร้านก็ยังมีอาหารจีนสไตล์จีนแคะ ให้ได้ลองล้มรสชาติกันมากหลายเมนู แต่ว่าเราขอประเดิมแรกด้วยเมนูขึ้นชื่อชูโรงอย่าง เป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์ (ตัว ละ 1,100 บาท++) โดยทางร้านใช้เป็ดไทยพันธุ์ผสมที่คัดมาเป็นพิเศษเฉพาะของทางร้าน (แต่ในช่วงปลายเดือนธ.ค. จะมีเป็ดที่ส่งตรงมาจากลอนดอนโดยเฉพาะ) นำมาล้างทำความสะอาดแล้วผ่านขั้นตอนการทำแบบเป็ดย่างสูตรต้นตำรับจากลอนดอน แท้ๆ

โดยมีการนำเป็ดมาหมักกับเครื่องเทศจีนหลายชนิด แล้วยัดเข้าไปท้องเป็ดและทำการเย็บปิดตัวเป็ด หลังจากนั้นนำเป็ดไปราดด้วยน้ำซอสเลมอนกับน้ำส้มสายชู แล้วนำไปพึ่งลมให้ได้ที่ และนำไปอบให้ได้ที่อีกที จนได้เป็ดที่เนื้อนุ่ม หนังกรอบพอดี มีน้ำซอสเป็ดสูตรพิเศษเฉพาะของทางร้านที่เข้มข้นราดมาบนเนื้อเป็ด และมีน้ำจิ้ม 3 อย่างให้กินคู่กัน คือ พริกดอง น้ำพริกเผา และซอสพริก แค่ส่งชิ้นเป็ดส่งเข้าปากเคี้ยวแล้วสัมผัสได้ถึงความบางกรอบของหนัง และเนื้อเป็นที่เคี้ยวนุ่มปากชุ่มน้ำซอสที่ราดมาช่างอร่อยกลมกลืนเข้าถูกปาก โดนใจมากๆ




เป็ดอโรเมติก
 
 

เมนูถัดมาเป็นอีกหนึ่งเมนูเป็ดที่ชวนลองลิ้มไม่แพ้กัน นั่นคือ เป็ดอโรเมติก ( 1 ตัว 1,500 บาท++, ครึ่งตัว 800 บาท++) ทางร้านเลือกใช้เป็ดผสมพันธุ์พิเศษ นำเป็ดมาตุ๋นในน้ำซุป ต่อจากนั้นทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ และทุบด้วยค้อนให้เนื้อเป็ดมีความนุ่ม แล้วนำไปแช่ในน้ำซุปอีกประมาณ 1 ชม. ก่อนจะนำมาทอดอีกที เสิร์ฟมาร้อนๆ และพนักงานจะมาฉีกเนื้อและหนังให้เป็นเส้นๆ พร้อมกินคู่กับแผ่นแป้งโรตี ต้นหอมญี่ปุ่น แตงกวาญี่ปุ่น และราดด้วยน้ำซอสสูตรพิเศษ ห่อเข้าด้วยกันกัดกินทั้งคำได้รสชาติของแผ่นแป้งโรตีหอมนุ่มเข้ากับเป็ด เนื้อนุ่มแห้งหนังกรอบไม่อมน้ำมัน และเข้ากันดีกับน้ำซอสที่หวานหอมอร่อยถูกปากดีจริง




ปลาหยินหยาง
 
 

จากนั้นมาชิมเมนูปลากันบ้าง ปลาหยินหยาง (450 บาท++) เป็นปลาตาเดียวมาทำเป็นสองเมนูในจานเดียวกัน อย่างแรกแล่เนื้อปลาออกจากก้าง และนำก้างไปทอดให้ได้รูปทรงปลา นำเนื้อไปชุบแป้งทอดจนได้ที่ แล้วนำไปผัดกับเครื่องเคียง มีทั้งพริกชี้ฟ้าซอย ต้นหอมซอย หัวหอมใหญ่ซอย ผัดกับเกลือและพริกไทยจนเข้ากัน อีกอย่างเอาแต่เนื้อปลามาผัดกับเหล้าจีน ใส่คะน้าฮ่องกง เห็ดหลินจือขาว แครอท ผัดจนเข้ากัน และนำทั้งสองอย่างมาเสิร์ฟในจานเดียวกัน จะได้ลิ้มรสเนื้อปลา 2 แบบ 2 รสชาติที่อร่อยตรงที่เนื้อปลาสดเนื้อนุ่มหวาน




หมูสามชั้นผักกาดดองหม้อดิน
 
 

แล้วก็มากินเมนู หมูสามชั้นผักกาดดองหม้อดิน (320 บาท++) เป็นหมูสามชั้นนำมาทอดจนได้ที่ และนำมาหมักกับซอสสูตรพิเศษ แล้วเอามาใส่หม้อดิน อบกับผักกาดดองสับปรุงรส พร้อมเสิร์ฟร้อนๆ ชิมแล้วได้รสชาติหมูสามชั้นที่เนื้อนุ่มหอมมันกำลังดี เข้ากันได้ดีกับผักกาดดองสับ หากใครที่ชอบเมนูหมูสามชั้นแล้วพลาดไม่ได้จริงๆ



และนอกจากเหนือจากที่แนะนำมานี้แล้ว ก็ยังมีเมนูอื่นๆ ที่ชวนกินอีกมากมาย อาทิ กุ้งมังกรอบบะหมี่ (3,500 บาท++) ไก่ทอดฉงชิ่ง (280 บาท++) ปูเนื้อผัดกระเทียมเจียว (500 บาท++) กุ้งลายเสือพริกเกลือจัดจ้าน (600 บาท++) ฯลฯ ซึ่งหากใครที่ชื่นชอบการกินเป็ด หรืออาหารจีนเป็นชีวิตจิตใจ ก็ไม่ควรที่จะพลาดร้านอาหารชื่อดังอย่าง “Four Seasons” ซึ่ง มีเมนูเป็ดย่างโฟร์ซีซั่นส์อร่อยๆ สูตรต้นตำรับจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ส่งตรงมาให้นักกินได้ลิ้มรสกันถึงเมืองไทย แบบไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางและค่าใช้จ่ายมากมาย ก็ได้ลิ้มลองความอร่อยแบบสมใจปาก



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #204 เมื่อ: กันยายน 21, 2012, 08:37:13 PM »

5 ย่านในกรุงเทพฯที่มีอาหารริมทางอร่อยที่สุด

[img][http://variety.teenee.com/foodforbrain/img0/136863.jpg/img]

เว็บไซต์ Virtualtourist ได้จัดอันดับเมืองที่มีอาหารริมทางดีที่สุดในโลก โดยกรุงเทพมหานคร ครองแชมป์ เมืองที่มีร้านอาหารริมทางที่ดีที่สุดในโลก

ขณะที่อีก 4 อันดับ คือ
อันดับ 2 สิงคโปร์ ซึ่งมีจุดเด่นที่การผสมผสานวัฒนธรรมด้านอาหารของจีน มลายู อินเดีย รวมถึงอาหารเปรานากัน
อันดับที่ 3 ได้แก่เกาะปีนัง ประเทศมาเลเซีย ที่มีการผสมผสานด้านวัฒนธรรมของมาเลเซีย จีนและอินเดีย
อันดับที่ 4 เมืองมาร์ราเกช โมร็อกโก
และอันดับที่ 5 เมืองปาแลร์โม ประเทศอิตาลี

สำหรับ 5 ย่านในกรุงเทพฯที่มีอาหารริมทางอร่อยที่สุด ซึ่งเว็บไซต์จัดอันดับไว้ ประกอบไปด้วย

เยาวราช
ถือเป็นสวรรค์ของนักกิน มีทั้งอาหารคาวหวาน ของกินเล่นและผลไม้นานาชนิด มีให้กินกันตั้งแต่กลางวันยันดึก อาหารที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนเยาวราชก็คือ หูฉลาม รังนก กระเพาะปลา ฯลฯ

สีลม
เป็นย่านธุรกิจใจกลางเมืองกรุงเทพฯ จึงกลายเป็นย่านรวมตัวของนักท่องเที่ยวทั้งไทยและนานาชาติ ในช่วงเย็น 2 ฝั่งถนนของสีลมจะเต็มไปด้วยร้านค้าริมทางจำนวนมาก

ซอยรามบุตรี
ซอยรามบุตรีอยู่ระหว่างถนนข้าวสารและบางลำพู ภายในซอยมีทั้งร้านอาหาร โรงแรม เกสท์เฮ้าส์ ทั้งยังมีร้านเสื้อผ้า และสิ่งของต่างๆ เปิดค้าขายกันทั้งกลางวันและกลางคืน

สุขุมวิท ซอย 38
ซอยนี้เปิดขายอาหารกันตั้งแต่บ่ายแก่ๆไปจนถึงประมาณตี2 จนเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ซึ่งในตอนกลางคืนยังมีกลุ่มทัวร์จากชาวต่างชาติต่างแวะเวียนกันมาลิ้มรสอาหารริมทางที่ซอยนี้อีกด้วย

โชคชัย 4
มีอาหารริมทางขายทั้งกลางวันและกลางคืน กลางวันร้านค้าจะตั้งอยู่บริเวณริมซุปเปอร์มาร์เก็ต ขณะที่ตอนกลางคืนจะมีร้านค้าแผงลอยมากมายตั้งขายกันเต็มถนน


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #205 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2012, 10:36:29 PM »

อร่อยได้หลากหลายเมนู เช้ายันเที่ยงที่ “ภาสินี โภชนา” จ.ตรัง



เมนูเด็ดแดนใต้” แวะ เวียนมา จ.ตรัง กันอีกครั้ง กับบรรยากาศยามเช้าที่แสนจะสดชื่น ท่ามกลางผู้คนที่ต่างออกมาดำเนินชีวิต เริ่มต้นกับเช้าวันใหม่ เพิ่มพลังให้มีแรงก่อนที่จะไปทำงานและส่งเด็กๆ ไปโรงเรียน แวะมาที่ ร้าน “ภาสินี โภชนา”


“ภาสินี โภชนา” เป็น ร้านอาหารเช้าที่มีให้เลือกรับประทานตั้งแต่อาหารเบาๆ จนถึงทานแบบหนักๆ เพราะมีให้เลือกสรรตั้งแต่ ติ่มซำ ยันอาหารตามสั่ง หรือแม้แต่ขนมจีน ข้าวราดแกง ข้าวขาหมู ข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง นอกจากนี้ ยังมี หมูย่างเมืองตรังทานกับกาแฟ น้ำชา ในยามเช้าอีกด้วย รับประกันความอร่อย เพราะร้านภาสินี โภชนา เปิดมากว่า 20 ปีแล้ว และขยายอาณาเขตไปถึง 3 สาขา สาขา 1 ตั้งอยู่ที่ถนนรัษฎา อ.เมืองตรัง สาขา 2 ตั้งอยู่ที่ข้างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร และสาขาที่ 3 ตั้งอยู่ที่หน้าโรงพยาบาลราชดำเนิน


เจ้ภา ธนาภา โพธิ์วิจิตร ผู้ก่อตั้ง ภาสินี โภชนา ตั้งหน้าตั้งตาบรรจงหยอดแป้งปาท่องโก๋ลงในกระทะ ทอดปาท่องโก๋ด้วยตัวเองทุกเช้า เพราะต้องการให้ลูกค้าได้รับประทานกันแบบร้อนๆ พร้อมกับสังขยาแสนอร่อยที่ปรุงเอง นอกจากนี้ ติ่มซำที่จัดวางอยู่ในถ้วยเล็กๆ ก็ทำเองสดใหม่ทุกเช้า ที่ร้านสาขา 1 เจ้ภา มีผู้ดูแลหลัก อีก 1 คน คือ ธนานันต์ โพธิ์วิจิตร ซึ่งเป็นลูกสาวคนเล็ก ส่วนที่สาขา 2 และ 3 ก็มอบหมายให้ลูกๆ ดูแลเช่นกัน



หมูย่างตรัง ทานกับกาแฟ น้ำชา

นอกจากจะมีติ่มซำ หรือปาท่องโก๋ที่ส่วนใหญ่จะนิยมรับประทานกับน้ำชา หรือกาแฟ เป็นอาหารเช้าแล้วนั้น คนตรังยังนิยมรับประทานหมูย่างกับน้ำชา กาแฟ ในตอนเช้าเช่นกัน สมดังเป็นเมืองหมูย่าง ที่คนต่างแดนผ่านมาเป็นต้องได้ลองชิม และอีกหนึ่งอย่างที่หารับประทานยากคือ “ขนมปาต่องโก๊” หรือขนมขึ้น ซึ่งเป็นขนมโบราณพื้นเมืองของ จ.ตรัง ที่นิยมรับประทานกับชา กาแฟ เช่นเดียวกัน






บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #206 เมื่อ: เมษายน 23, 2014, 03:15:24 PM »





"ขนมครกเรือนแก้ว .. กรอบนอกเยิ้มใน อร่อยสุดๆ" @ ร้าน สวนอาหารเรือนแก้ว พุทธมณฑลสาย 2 (กรุงเทพมหานคร)
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #207 เมื่อ: เมษายน 23, 2014, 03:17:52 PM »




@ ร้าน Tohkai Japanese Restaurant ประสานมิตร พลาซ่า (กรุงเทพมหานคร)
45 ซอย 23 ถนนสุขุมวิท (ประสานมิตร พลาซ่า) คลองตันเหนือ , วัฒนา , กรุงเทพมหานคร


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #208 เมื่อ: เมษายน 23, 2014, 03:20:49 PM »



"กุ้งสดผัดคะน้า" @ ร้าน ตำเพลิน (นครปฐม)
3036 ตำบล บ่อพลับ เทศบาลนครนครปฐม จังหวัด นครปฐม 73000 ประเทศไทย (อุทยานการอาชีพ ชัยพัฒนา ไปไฟแดงเลี้ยวขวา สัก 200 ม. อยู่ขวามือ) บ่อพลับ , เมืองนครปฐม , นครปฐม 7300
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #209 เมื่อ: เมษายน 23, 2014, 03:25:42 PM »



ร้านเต็กกอลูกชิ้นหมู ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 3036 บ่อพลับ , เมืองนครปฐม , นครปฐม 73000 034251377, 034215669


สั่งต้มยำ ระวังเผ็ดอ่ะ
ลูกชิ้นปลา ปลา จิ จิง
วุ้นมะพร้าวรสชาติหวานมัน


มั่ยมีรูปเพราะกินหมดแล้ว อิ อิ  Azn

บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 12 13 [14] 15   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: