Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องจริง จริง ดี ดี มาอ่านน้ะ  (อ่าน 926 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« เมื่อ: เมษายน 21, 2015, 07:17:51 PM »



มะเร็งเหมือนปลวก มันกินดุมาก แต่ใจมันเสาะ
ผมป่วยเป็นมะเร็งที่ไต ฉี่เป็นเลือดตลอด4-5เดือน ผ่าตัดไตข้างซ้ายออกไป เหลือข้างเดียวเมื่อมิย.54
ส่วนใหญ่บอกว่ามะเร็งชอบโปรตีนจากเนื้อวัว หมู ผมเห็นว่าตัวเราอ้วนไขมันเยอะถ้างดแล้วมันก็ยังมีอยู่ทั้งตัว เลยไม่เชื่อ

ออกจากรพ.ยังกินข้าวขาหมู กะเพราไก่
อยู่ได้2เดือนฉี่เป็นเลือดอีก ไปตรวจมันลามไปกะเพาะปัสสาวะอีก
เนื้อร้ายใหญ่2.5เซน
ผ่าตัดเอาก้อนเนื้อออกอีก
หลังจากนั้นไม่กินเนื้อสัตว์หมู วัว ไก่ เลย ทานแต่ผักผลไม้
3เดือนไปตรวจไม่พบ หลังจากนั้นก็ตรวจมาตลอดปกติดี
สรุปอวัยวะในร่างกายเจริญเติบโตได้เพราะเลือดไปเลี้ยง ถ้าเราไม่กินเนื้อวัว หมู ไก่ ในเลือดก็ไม่มีโปรตีนไปให้เซลล์มะเร็งกิน




เปรียบเหมือนกาฝากถ้าเราตัดท่อนำ้เลี้ยงตรงที่กาฝากขึ้น กาฝากอยู่ไม่ได้ แต่ต้นไม้ไม่ตาย
ผมทานผักทุกอย่างที่กินกันอยู่ปกติทุกวัน ผักบุ้ง คะน้า กะหล่ำ ผักกาด มะเขือ เห็ดต้ม กล้วย แอปเปิล้ มะละกอ ฝรั่ง นมถั่วเหลือง




มะเร็งเป็นสาเหตุการตายอันดับ1ในไทยมา5ปีติดต่อกัน
นับวันมีแต่มากขึ้นเฉลี่ย8:1
อย่าล้อเล่น มีสิทธิเป็นได้.
เหมือนปลวกคือส่วนไหนที่มันกินแล้วก็เสียไป ไม่สามารถฟื้นฟูได้ต้องตัดทิ้ง
เหมือนเนื้อไม้ทีถูกปลวกกินไปแล้วก็เสียไป
กินดุ คือรุกลามเร็วมาก




ใจเสาะ คือไม่ให้อาหารมันฝ่อตายไปเองภายในไม่กี่เดือน
ใครจะcopyส่งไปก็ไม่ขัดข้อง ถือว่าเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง ผมเองมีโอกาสก็จะบอกแก่คนที่เขาป่วย และติดต่อมาสอบถาม
หวังว่าพอจะเป็นประโยชน์นะครับ
ก้อง ศิวะเกื้อ
(ท่านก้อง หัวหน้าศาลแขวงราชบุรี
ประสบการณ์จริง เผื่อจะเป็นประโยชน์ครับ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Ridoutgula
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2


« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 13, 2015, 10:32:14 AM »

ถ้ากินแบบนี้ทุกวันคงดี
บันทึกการเข้า

jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 16, 2015, 05:08:59 PM »

ถ้ากินแบบนี้ทุกวันคงดี

ค่ะ ถ้ากินได้คงดี แต่ถ้ากินไม่ได้ ก็ต้องพยายามกินค่ะ ทางเลือกมีหลายทาง เช่น อายุน้อยๆก็เก็บ money มากๆหน่อย กินตามใจปากได้เลยค่ะ ย้ำมากๆๆหน่อย เพราะยา ตอนนี้เค้ามีแบบ ธรรมดา กับ พิเศษ ธรรมดาก็ไม่หาย ไม่แน่นอน หรือไม่หายใจ พิเศษ หายใจออกหายใจเข้า ลุ้นไม่หายใจสัก 20%  ราคาต่างแค่หลัก ระหว่างหลัก พัน กับหลัก แสน แสน สาหัส จริงๆน่ะจ้ะ แล้วไปลุ้นด้วย ว่ามันจะกลับมาจะเอ๋อีกเมื่อไหร่

ต้องเลือกค่ะ จะกินอะไรตามใจตัวเอง ก็ต้องยัดอะไรที่ไม่ชอบกินไปบ้างเพื่อตัวของท่านเองค่ะ หนูใจ เห็นมาเยอะค่ะ เห็นใจคนป่วย แต่ต้องถามตัวเองก่อนว่าอยากอยู่ต่อไหม หรืออยากจะไปก่อน เรื่องกิน ขอบอกว่ายากส์ เพราะนอกจากกินได้แล้วต้องเต็มใจกินด้วยน่ะจ้ะ ไม่ง่ายอย่างที่คิด ฉะนั้น อย่าเรื่องมาก รู้แล้วลองหัดกิน ค่อยๆกิน ทีละน้อยๆ  อยากให้ทุกคนลองดูค่ะ อย่าต้องไปยืนตรงจุดวัดใจเลย เพราะไม่ทันได้วัด ก็ไปวัดซะแล้ว โรดมันไม่ค่อยมาขั้นที่ 1 หรอกน่ะค้ะ ส่วนมากมาขั้น ก่อนสุดท้ายทุกที ไม่ได้ให้กลัวน่ะจ้ะ อยากให้กินอะไรดีๆ ที่ร่างกายเราต้องการจริงๆๆบ้าง อย่างเช่น โคโรฟิวส์  ดื่มมันบ้าง โปรด หลีกเลี่ยงน้ำตาล ผงชูรส น้ำ ส้มสายชู น้ำอัดลม อ่านเยอะๆแล้วปรับให้เข้ากับตัวเรา ค่อยๆทำ ไม่ใช่ได้แต่คิดน่ะจ้ะ  ด้วยความปราถนาดีค่ะ จุ๊บ จุ๊บ น้ะ ต่ะเอง  Tongue 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2020, 10:41:10 AM »

"ผม..นิกกี้ อิทธิเกษม KU37 อดีตนายกสมาคมม.เกษตรฯแห่งอเมริกา จะขอเล่าประสบการณ์ที่เคยสัมผัสมากับตัวเองเมื่อปี 2007 เพื่อเป็นcaseตัวอย่างและเป็นทางออกให้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งทั้งหลาย 
  
    ผมมีร้านอาหารอยู่ในเขต N.Hooywood วันหนึ่งกลางปี 2007 ผมได้มีโอกาสเจอลูกศิษย์เก่าที่เคยมาเรียนแจกไพ่ที่ร้าน ถามทุกข์สุขกันไปมา ถึงได้รู้ว่าเขาเคยเป็นมะเร็งที่คอ 1 ครั้ง ,มะเร็งที่ต่อมลูกหมาก 1 ครั้ง ปัจจุบันหายเป็นปลิดทิ้ง รวมทั้งพี่น้องญาติอีก8 คนที่เป็นมะเร็งภายในเวลา 5 ปี ทุกคนหายหมด ผมจึงเกิดความกระตือรือร้นที่จะถามว่า มีวิธีรักษากันอย่างไร?    

   วันนั้นคุณแม่เขามาด้วยจึงอธิบายให้ฟังว่า "ฉันมีต้นจิงจูฉ่ายอยู่ในสวนหลังบ้านเยอะ ปกติก็จะใส่ในแกงจืดให้ลูกๆกินเป็นประจำ เพราะคนจีนบอกต่อๆกันมาถึงสรรพคุณช่วยฟอกเลือดและขับสารพิษออกจากร่างกายทำ ให้ลูกๆไม่ค่อยเป็นอะไร วันหนึ่งลูกฉันไปตรวจหมอกลับมา บอกว่าเป็นมะเร็ง อีก 2 เดือนต้องไปฉายแสง ฉันจึงลองเอาจิงจูฉ่าย1 กำมือมาตำ จะได้น้ำออกมาแก้ว(เล็ก)หนึ่ง ให้เขากินตอนเช้าทุกวัน 2 เดือนถัดมาไปตรวจหมอ หมอถามไปทำอะไรมา ทุกอย่างปกติหมด มะเร็งได้หายไปแล้ว"      

  หลังจากคุยกันพักหนึ่ง ผมก็ได้ข้อสรุปออกมาว่า คน 8คนเป็นมะเร็งในที่ต่างกัน กินน้ำจิงจูฮวยฉ่าย 2-3 เดือน ทุกคนหายหมด(ไม่มีใครต้องทำคีโมเลย) ผมจึงเกิดความเชื่อถือขึ้นมาระดับหนึ่ง        ก่อนหน้านั้น พี่สะใภ้ผม 2 คน (ปี2006) เป็นมะเร็งที่เต้านม,มดลูก คนหนึ่งต้องทำคีโม ใช้วิธี"นั่งสมาธิ"ทุกวัน 8 เดือน หายเป็นปกติ       

      ต่อมาผมได้ต้นจิงจูฉ่ายมา1 ต้น จากคุณแม่ของลูกศิษย์ จึงรีบนำมาเพาะขยาย ปลายปี 2008 ผมได้รู้ว่าแม่ค้าที่เช่าที่ในร้านผมคนหนึ่งเป็นมะเร็งเต้านมขั้น 3 หน้าคล้ำ เดินตัวแข็งแล้ว ผมรีบเชิญมานั่งคุยเล่าเรื่องจิงจูฉ่ายให้ฟังและเรื่องพี่สะใภ้นั่งสมาธิ ก็เลยแนะนำให้ทำ 2 อย่างควบคู่กันไป เชื่อไหมว่า 3 เดือนถัดไป หายเป็นปลิดทิ้ง (ผมให้เขาไปเพียง1ต้นไปปลูกและ เด็ดใบทานเลยวันละ1ใบ เพราะมีน้อย ก็ยังได้ผล)     

   ปี 2009 ผมมีต้นจิงจูฉ่ายมากขึ้นและแจกจ่ายให้กับคนรู้จักหลายคน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่าง3เดือน ทุกคนอาการดีขึ้นหมด ถ้าเราอยากช่วยผู้ที่เรารักและห่วงใยซึ่งกำลังเผชิญกับโรคร้ายนี้ ผมแนะนำวิธีนี้ ถ้าคุณต้องทำคีโมก็ทำไป กินใบจิงจูฉ่ายและนั่งสมาธิผมว่าคุณมีโอกาสหาย       

   ผมพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าผักชนิดนี้ แพมย์จีนโบราณเรียกว่า"ยาเย็น"เป็น"หยิน"ช่วยฟอกเลือด,ขับสารพิษ..ฆ่าเชื้อ ไวรัสทุกชนิด..เพื่อนku37 คนหนึ่งลองให้ลูกกิน เนื้องอกที่คอก็ยุบลง        เนื่องจากที่ LA.เรามีน้อยมาก ถ้าเกิดใครต้องการมากๆ (จริงๆต้องทานวันละ1กำ)ลองคุยกับคุณน้อยที่สวนคุณน้อย จ.เชียงใหม่ เขาขายกก.ละ 35 บาท        ใครเป็นมะเร็งลองดูซิครับ ทานแล้วยังไงก็ไม่มีผลข้างเคียง แต่ คุณมีโอกาสหายครับ.

    ใครที่เคยสั่ง "เกาเหลาเลือดหมู" มาทาน เคยสงสัยกันไหมว่า ในชามเกาเหลาของเราจะมีผักสีเขียวชนิดหนึ่ง ที่ไม่ใช่ผักกาดหอม ขึ้นฉ่าย หรือใบตำลึงใส่ชามมาด้วย หลายคนไม่ทราบว่าเจ้าผักชนิดนี้มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีสรรพคุณอย่างไร เอ้า...ใครที่ไม่รู้ ตามกระปุกดอทคอมมาเลยค่ะ   

     เจ้าผักชนิดนี้เรียกว่า "จิงจูฉ่าย" ค่ะ หรือที่ชาวต่างชาติเรียกว่า "เซเลอรี่" (Celery) เป็นผักสมุนไพรชนิดหนึ่งของจีน มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Apium graveolens L. ลักษณะต้น "จิงจูฉ่าย" จะเป็นกอคล้ายใบบัวบก สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่ที่มีแสงแดดรำไร ชื้น ดินโปร่งแต่ไม่แฉะ ชอบอากาศเย็นมากกว่าอากาศร้อน คุณค่าทางโภชนาการของ "จิงจูฉ่าย" มีไม่น้อยทีเดียวค่ะ เพราะ "จิงจูฉ่าย" 100 กรัม ให้พลังงาน 392 กิโลแคลอรี ประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิด คือ โปรตีน, ไขมัน, คาร์โบไฮเดรต, เส้นใย, แคลเซียม, เหล็ก, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ, วิตามินบี6, วิตามินซี และวิตามินอี     

    มาที่สรรพคุณทางยากันบ้างดีกว่า จุดเด่นของ "จิงจูฉ่าย" คือมีกลิ่นหอม คล้าย ๆ กับตั้งโอ๋ ยิ่งโดนความร้อนจะยิ่งหอม และยิ่งเพิ่มสรรพคุณมากขึ้น โดยกลิ่นหอมของ "จิงจูฉ่าย" มาจากน้ำมันหอมระเหยที่มีอยู่ในลำต้นและใบนั่นเอง ประกอบด้วยสารไลโมนีน ซิลนีน และสารกลัยโคไซด์ที่มีชื่อว่า อะปิอิน ซึ่ง สารเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยปรับสมดุลความดันโลหิต จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาเรื่องความดัน แถมยังช่วยขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ด้วย ส่วนต้นสด และเมล็ดของ "จิงจูฉ่าย" มีโซเดียมต่ำ จึงดีต่อผู้ป่วยโรคไต    

       นอกจากนี้ ในทางการแพทย์เชื่อว่า "จิงจูฉ่าย" เป็นยาเย็น จึงช่วยบำรุงปอด ช่วยฟอกเลือด เลือดลมหมุนเวียนได้สะดวก คนจีนจึงนิยมนำผักชนิดนี้มาปรุงเป็นอาหารรับประทานในหน้าหนาว เพื่อช่วยในเรื่องการไหลเวียนของโลหิต ปรับสมดุลให้ร่างกายได้ดีนั่นเอง 
   
      ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ทำไมเราจึงมักเห็น "จิงจูฉ่าย" อยู่ในเกาเหลาเลือดหมู นั่นก็เพราะ "จิงจูฉ่าย" มีสรรพคุณช่วยดับกลิ่นคาวเลือดได้ดีด้วยค่ะ แต่จริง ๆ แล้ว "จิงจูฉ่าย" ไม่ได้ใช้ทำอาหารได้เพียงแค่ต้มเลือดหมูเท่านั้นนะ เพราะอาหารประเภทแกงจืดทั้งหลาย หรือผัดผัก ผัดฉ่าก็สามารถใช้ "จิงจูฉ่าย" เป็นส่วนผสมที่ลงตัวน่ารับประทานไม่แพ้กันจิงจูฉ่าย  ในรูปแบบชา  คัดวัตถุดิบใบจิงจูฉ่ายคุณภาพ  ปลอดสาร ผ่านกระบวนการผลิตที่ได้มาตรฐาน สะอาดปลอดภัย ไม่มีสารปนเปื้อน รสชาติหอมหวานไม่ขม ดื่มง่าย โดยกระบวนการหมัก นวดอย่างพิถีพิถัน และอบด้วยไฟอ่อนเพื่อให้คงคุณค่าทางโภชนาการ และสรรพคุณทางยา  และเนื่องจากเป็๋นสมุนไพรจึงไม่มีผลข้างเคียงในกรณีที่บริโภคเป็นปริมาณมากอยกได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากเพื่อนในเวปค่ะ
Liked By: PinKen


ขอขอบคุณผู้ที่นำมาให้อ่าน และขอขอบคุณผู้เขียนไว้ในโอกาสนี้ด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: