Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009  (อ่าน 9163 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 3 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
oyo
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1760


« ตอบ #60 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 02:18:32 PM »

 Wink เทวดา  ขอบคุณครับ
บันทึกการเข้า
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #61 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 02:46:14 PM »

ขอบคุณค่ะ ช่วงนี้อากาศแปรปรวน รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #62 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 06:35:41 AM »

 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #63 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 06:41:01 AM »

เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #64 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 07:15:48 AM »

กราฟ๑ชม..ขึ้น
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #65 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 07:16:48 AM »

กราฟ๔ชม.  ..........ลง
บันทึกการเข้า
อุ๊
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1778



« ตอบ #66 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 08:01:37 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่   Smiley
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #67 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 10:05:01 AM »

บทวิเคราะห์ทองคำ (11-11-52)

11 พ.ย. 2552



สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สค่อยๆปรับตัวลงช้าๆ ในขณะที่ราคาทองคำสปอตแกว่งตัวผันผวนช่วงข้ามคืน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,300/400 บาท เงินบาททรงตัว


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       ค่าเงินยูโรปรับตัวลดลงรุนแรงในช่วงเย็นเมื่อผลสำรวจ ZEW ออกมาแย่ลงคือถึงแม้ว่านักวิเคราะห์จะมีมุมมองเศรษฐกิจปัจจุบันที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่มุมมองว่าเศรษฐกิจเริ่มทรงตัวมากกว่าขยายตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงเทขายเงินยูโรอย่างรุนแรงผลักดันราคาทองคำลดลงไปด้วย  [ZEW, Econoday, TCAF Research]
       ไม่มีปัจจัยใหม่ในการผลักดันราคาทองคำ ซึ่งราคาทองคำยังปรับตัวอยู่เหนือ $1,100 ในตลาดสหรัฐฯ นักลงทุนจึงเข้าไปเก็งกำไรทองคำเพิ่มเติม
       ญี่ปุ่นรายงานยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเติบโตขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าอย่างรุนแรงเมื่อเช้านี้  [Bloomberg, TCAF Reseasrch]
       นักลงทุนจะจับตามองรายงานเศรษฐกิจของจีนที่เผยแพร่ในเช้าวันนี้ประกอบกับรายงานเงินเฟ้อของธนาคารกลางอังกฤษ


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าน่าจะมีข่าวร้ายจากประเทศในแถบยุโรปออกมาอย่างต่อเนี่อง เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะเริ่มแกว่งตัวลง" เราจึงแนะนำให้ "สะสม SHORT เพิ่มเติม พื่อทำกำไรในสัปดาห์"


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้

บันทึกการเข้า
ppjj
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 59


« ตอบ #68 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 10:08:10 AM »

ขอบคุณค่ะอาจารย์ Smiley Smiley Smiley
บันทึกการเข้า
verb2be
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 278



« ตอบ #69 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 10:21:47 AM »

ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่  Cheesy
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #70 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 10:27:47 AM »

ใส่รูปไม่ได้แล้วครับ ทำไงดี?
เกิดข้อผิดพลาด!
โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #71 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 10:31:00 AM »

Hedge Fund เตรียมกลับมารุ่งอีกครั้งในปีหน้า คาดให้ผลตอบแทนมากกว่า 10%

Posted on Wednesday, November 11, 2009
หุ้นสหรัฐฯ แผ่ว หลังมีบริษัทรายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากปัจจัยผลประกอบการของบางบริษัทที่ออกมาสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น บริษัทผู้รับประกันตราสารรายใหญ่ อย่าง MBIA ไปจนถึง บริษัทผลิตเกมส์ชื่อดัง Electronic Arts

MBIA ราคาหุ้นร่วงลงกว่า 20% หลังบริษัทรายงานตัวเลขการขาดทุน 727.8 ล้านเหรียญในไตรมาสที่ 3 หรือ 3.5 เหรียญต่อหุ้น เนื่องจากการลดลงของมูลค่าหลักทรัพย์ที่บริษัทเข้าไปค้ำประกันให้โดยผ่านตลาด credit derivatives ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขขาดทุนจะอยู่แค่เพียง 1.1 เหรียญต่อหุ้นเท่านั้น

ส่วนราคาหุ้นผู้ผลิตซอฟท์แวร์เกมส์รายใหญ่อันดับสอง Electronic Arts ก็ร่วงลงกว่า 6% หลังบริษัทรายงานการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 391 ล้านเหรียญ

อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังได้รับปัจจัยบวกจากบริษัทประกันรายใหญ่ อย่าง American International Group ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเฉียด 4% เมื่อ Moody?s Investors Service ออกมาบอกว่าบริษัท AIG จะสามารถจ่ายคืนหนี้ ที่เป็นวงเงินกู้ คืนให้แก่ธนาคารกลางสหรัฐฯ และกระทรวงการคลังได้ หากตลาดการเงินกลับคืนสู่สภาวะความมีเสถียรภาพอีกครั้ง

นอกจากนี้ ข่าวดียังมาจากทาง Bank of America เมื่อซีอีโอ นาย Kenneth Lewis บอกว่า ธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ รายนี้ น่าจะบรรลุเป้าหมายการประหยัดต้นทุนได้ถึง 45% ของยอดเงินที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านเหรียญสำหรับดีลการซื้อกิจการของ Merrill Lynch ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งเรียกว่าดีกว่าที่คาดไว้เมื่อตอนดีลนี้สำเร็จ

สำหรับแนวโน้มการควบรวมกิจการของภาคธุรกิจในปีหน้า นาย Colm Kelleher ที่เป็น CFO ของ Morgan Stanley ก็มองว่า ธุรกรรม M&A น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวเมื่อตลาดโดยรวมอยู่ในสถานะที่ดีขึ้น โดยทางบริษัทเอง ที่เพิ่งกระโดดขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งสำหรับธุรกิจการให้คำปรึกษาทางด้านนี้ แทนที่คู่แข่ง อย่าง Goldman Sachs Group ก็ได้เปิดเผยตัวเลขยอดรวมมูลค่าการซื้อและควบรวมกิจการทั่วโลกในปีนี้อยู่ที่ 1.42 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งลดลงจาก 2.28 ล้านล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา


ธุรกิจเฮดจ์ฟันด์จ่อกลับมารุ่งปีหน้า

นาย Barry Bausano ผู้บริหารแผนกผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ Deutsche Bank คาดว่า สินทรัพย์ของกองทุนเก็งกำไร (Hedge fund) จะพุ่งขึ้นทะลุจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 2 ล้านล้านเหรียญภายในสิ้นปีหน้า ด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะเป็นตัวเลขสองหลักที่เข้ามาล่อใจนักลงทุน

ความมั่นใจนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นสินทรัพย์ของ Hedge fund ที่ฝากไว้กับธนาคารจากเยอรมันรายนี้ ปรับเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ก็พบว่านักลงทุนมีความต้องการที่จะจัดสรรเงินลงทุนใหม่ในปีหน้าด้วย และนั่นก็รวมถึงดีมานด์จากนักลงทุนสถาบันที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ที่มีการคาดการณ์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การลงทุนในหุ้นแบบ passive ก็จะให้ผลตอบแทนน่าผิดหวัง

ธุรกิจ Hedge fund ทั่วโลกได้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดไว้เมื่อตอนต้นปี ถึงแม้ว่าภาครัฐกำลังศึกษาหาวิธีการควบคุมดูแลอุตสาหกรรมนี้ให้เข้มงวดมากขึ้น นอกจากนั้น ระหว่างทางตลาดก็ยังได้รับข่าวการจับกุมผู้บริหารของ Galleon Group นายราช ราชารัตนาม (Raj Rajaratnam) ที่โดนข้อหาใช้ข้อมูลภายในเพื่อการซื้อขาย หรือ Insider trading

ข้อมูลของบริษัท Hedge Fund Research จากชิคาโก้ ระบุว่า สินทรัพย์ของกองทุนเก็งกำไรฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ 1.53 ล้านล้านเหรียญในเดือนกันยายน หลังจากที่เคยร่วงลงไปอยู่ที่ 1.33 ล้านล้านเหรียญในเดือนมีนาคม ตัวเลขนี้เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.93 ล้านล้านเหรียญเมื่อกลางปี 2008 ก่อนที่จะร่วงลงมาจากการขาดทุนอย่างหนักและการถอนเงินออกของนักลงทุน

ในส่วนของผลตอบแทน ก็มีดัชนีชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่ามูลค่ากองทุนประเภทนี้ได้ขยับขึ้นแล้วเกือบ 17% ในช่วง 10 เดือนแรก โดยสัดส่วนมากกว่าสองในสามของเงินที่ไหลเข้ามานั้น เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของ Deutsche bank คาดว่า รายได้ของทั้งอุตสาหกรรมกองทุน Hedge fund นั้นน่าจะลดลงราวๆ 30-40% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งแม้แต่ธนาคารเองก็น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับส่วนงานนี้ และรายได้ที่ดีขึ้นก็หมายถึงส่วนแบ่งตลาดที่ทาง Deutsche Bank สามารถได้เพิ่มเข้ามา

Deutsche Bank และคู่แข่ง อย่าง Credit Suisse ถือเป็นธนาคารที่ได้ market share เพิ่ม หลังจากคู่หูผู้ยิ่งใหญ่ อย่าง Goldman Sachs Group และ Morgan Stanley ต้องยอมยกธงลาสำหรับธุรกิจนี้ จากผลการล้มของ Lehman Brothers Holdings เมื่อปีที่แล้ว


IEA ลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันระยะยาว

สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในระยะยาว เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันในประเทศพัฒนาแล้ว และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนให้มีการใช้พลังงานทางเลือก

IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะปรับตัวขึ้น 1% ต่อปี แตะ 105 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี พ.ศ. 2573 จากระดับ 85 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2551 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผยในวันนี้ ต่ำกว่าระดับ 106 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ IEA ได้ประเมินไว้เมื่อปีที่แล้ว

IEA ระบุในรายงานว่า วิกฤตการเงินโลกและภาวะถดถอยส่งผลกระทบอย่างมากกับแนวโน้มตลาดพลังงาน และดีมานด์พลังงานโลกก็ร่วงลงอย่างหนักตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง

นอกจากนี้ นานาประเทศยังได้ผลักดันให้ผู้บริโภคลดปริมาณการใช้พลังงานลง เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงที่นำเข้าจากต่างประเทศ

บลูมเบิร์กรายงานว่า IEA ระบุด้วยว่า กฎหมายเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมีแนวโน้มว่าจะทำให้ดีมานด์น้ำมันดิบในระยะยาวลดลง ซึ่งในการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมที่จะจัดขึ้นที่เดนมาร์กเดือนหน้านั้น ก็จะมีการหารือเรื่องสนธิสัญญาฉบับใหม่เพื่อลดการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมและประเทศกำลังพัฒนา

IEA ระบุว่า การเติบโตด้านดีมานด์น้ำมันจนถึงปี 2573 นั้น จะมาจากประเทศกำลังพัฒนา และการใช้น้ำมันในประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่ม OECD จะหดตัวลงในช่วงดังกล่าว


แบงก์ยุโรปรายงานผลประกอบการดีสวนคาดการณ์

HSBC โฮลดิงส์ ธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรป เผยกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง โดยสินทรัพย์ด้อยค่าปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 จนแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ส่วนกำไรของธนาคารนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้มีมากกว่าปี 2551

HSBC ตั้งสำรองหนี้สูญมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์นับต้งแต่ต้นปี 2549 ส่วนมากในสหรัฐ หลังจากที่ทางธนาคารเข้าเทคโอเวอร์บริษัท เฮาส์โฮลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์

หลังจากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ Michael Geoghegan ซีอีโอของธนาคาร ก็ถูกย้ายไปประจำการที่ฮ่องกงแทนลอนดอน เนื่องจากทางธนาคารต้องการลดการทำธุรกิจในสหรัฐและหันไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย และบราซิล

HSBC ยุบธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคม จากนั้นหนึ่งเดือนบริษัทก็ระดมทุนได้ 17,800 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ต้องรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษ

ขณะที่บาร์เคลย์ส ธนาคารรายใหญ่อันดับสองของอังกฤษเผยผลกำไรไตรมาส 3 ร่วงลง 54% หลังธนาคารมีอัตราการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้น

กำไรสุทธิของบาร์เคลย์สปรับตัวลดลงแตะที่ 1,080 ล้านปอนด์ (1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับ 2,330 ล้านปอนด์ในปีก่อนหน้านี้ โดยธนาคารคาดว่า อัตราการด้อยค่าของสินทัรพย์ตลอดทั้งปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 9-9,600 ล้านปอนด์

ทั้งนี้ บาร์เคลย์สหันมามุ่งเน้นการดำเนินงานของแผนกวาณิชธนกิจมากขึ้น ด้วยการควบกิจการของแผนกดังกล่าวในอเมริกาเหนือรวมกับเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งว่าจ้างพนักงานในยุโรปและเอเชียเพิ่มอีก 750 ตำแหน่งในปีนี้

บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว บาร์เคลย์สเลี่ยงที่จะขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่เลือกที่จะระดมทุนจากกลุ่มนักลงทุนในตะวันออกกลางกว่า 5 พันล้านปอนด์แทน นอกจากนี้ ยังได้ขายหุ้นของบาร์เคลย์ส โกลบอล อินเวสเตอร์ราว 80% ให้กับบริษัทแบล็คร็อคเพื่อระดมทุนอีกราว 14,200 ล้านดอลลาร์


ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันอ่อนตัวต่อเนื่อง

ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนพ.ย. เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใกล้จะหมดอายุลง และอัตราว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่อชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 51.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 56 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าโพลล์สำรวจ

นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์ก นิวส์ได้สำรวจความคิดเห็นไว้ พบว่าดัชนีดังกล่าวจะลดลงมาอยู่ที่ระดับเพียง 55 จุด ในเดือน พ.ย.

ทั้งนี้ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 3.5% ในเดือนที่แล้วเนื่องจากความกังวลที่ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีจะเป็นไปอย่างล่าช้าเมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหมดอายุลง รวมทั้งความกังวลที่ว่าอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นจะส่งผลให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคหดตัวลงด้วย

ขณะเดียวกันคาดว่ายอดส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนีอาจสะดุด เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรทำให้สินค้าที่ผลิตในยุโรปมีราคาแพงขึ้น


เรือรบเกาหลีเหนือ ปะทะ เกาหลีใต้

เมื่อวานนี้ได้เกิดสถานการณ์ล่อแหลมขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี แม้จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่ก็นับว่าเป็นอีกครั้งที่สถานการณ์ที่ล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง

ประธานาธิบดี ลี เมียงบัก ผู้นำเกาหลีใต้ได้เรียกตัว นาย คิม แต-ยอง รัฐมนตรีกลาโหมพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อมาประเมินสถานการณ์หลังจากเรือลาดตระเวณเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเกิดปะทะกันบริเวณทะเลเหลืองน่านน้ำทางตะวันตกของเกาหลีใต้ เมื่อ ราว 9 นาฬิกา 28 นาทีตามเวลาประเทศไทย ส่งผลให้เรือทั้ง 2 ฝ่ายได้รับความเสียหาย แต่ผู้นำเกาหลีใต้ก็ได้เตือนให้ดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้สถานการณ์แล้วร้ายลงไปอีก

เกาหลีเหนือ ก็อ้างว่าเรือลาดตระเวณของเกาหลีใต้ได้รุกล้ำน่านน้ำเข้ามาก่อน ซึ่งถือเป็นการคุกคามด้วยอาวุธที่ทำให้กองทัพต้องเตรียมพร้อมรบและได้เรียกร้องให้เกาหลีใต้ออกมาขอโทษด้วย ส่วนเกาหลีใต้ก็ประท้วงเกาหลีเหนือที่รุกล้ำเส้นแบ่งเขตทางทะเลซึ่งนำไปสู่การยิงตอบโต้กันระหว่างเรือของสองฝ่าย

แถลงการณ์ของเกาหลีใต้มีขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่าเรือรบของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ปะทะกันเล็กน้อยในทะเลเหลือง บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ โดยเรือลาดตระเวนของเกาหลีเหนือได้แล่นผ่านเส้นจำกัดเขตแดนทางเหนือของเกาหลีใต้ ส่งผลให้กองทัพเรือของเกาหลีใต้ส่งสัญญาณเตือนด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้า ขณะที่เรือของเกาหลีเหนือไม่สนใจกับสัญญาณเตือน และยังแล่นเข้ามาในเขตแดนของเกาหลีใต้ กองทัพเรือเกาหลีใต้จึงยิงเตือนอีกหลายนัด จากนั้นเกาหลีเหนือจึงได้ยิงตอบโต้

นักวิเคราะห์ในเกาหลีใต้มองว่า เป็นการทำให้สถานการณ์กลับทวีความตึงเครียดอีกครั้งก่อนที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐจะเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้ ในสัปดาห์หน้า และเกาหลีเหนืออาจมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบพร้อมทางการทหารของเกาหลีใต้ด้วย ซึ่งทั้งหมดได้ทำให้เกาหลีใต้ยังต้องจับตาดูเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดต่อไป

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #72 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 11:06:37 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่

ใส่รูปไม่ได้แล้วครับ ทำไงดี?
เกิดข้อผิดพลาด!
โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ 


ทำไงดีค่ะ ใครช่ยแก้ไขด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
(อยากดูตาแป๊ะ) Cheesy Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #73 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 11:06:56 AM »

Daily Update 11-11-52

11 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ

-   ราคาทองปิดใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์
-    US$ ดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 15 เดือน
-    ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวไร้ทิศทาง ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขาย
-    น้ำมันดิบปิดร่วงหลังดอลล์ดีดตัว,พายุไอดาอ่อนกำลัง
 

 
     ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดตลาดสูงขึ้นในวันอังคาร โดยอยู่ใกล้จุดสูงสุดเป็น
ประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากความสนใจครั้งใหม่ของธนาคารกลางต่างๆ ในขณะที่ดอลลาร์ลดแรงบวกของในช่วงแรก   
     ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนในวันอังคาร และยูโรลดลง
ต่ำกว่า 1.50 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ โลกจะสนับสนุนหรือไม่ต่อการทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของสกุลเงิน และสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง
     จอร์แดน โคติค นักวิเคราะห์จาก Barclays Capital กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ซึ่งทำให้นักลงทุนปลีกตัวออกจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ เพราะดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้มีราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ การอ่อนกำลังลงของพายุไอด้าส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง ซึ่งส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำซบเซาลงด้วย
     ขณะที่เดนนิส การ์ทแมน บรรณาธิการนิตยสาร Gartman Letter กล่าวแสดงความเห็นว่า "ตลาดทองคำมีแรงซื้อเข้ามามากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร จึงมีความเป็นไปได้ที่สัญญาทองคำจะเข้าสู่ระยะพักฐานในเร็วๆนี้
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,114.443 ตัน ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 10.924 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
    โดยกองทุนได้ถือครองทองคำเพิ่มแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,134.04 ตัน เมื่อ 1 มิถุนายน 2552
 
  กลยุทธ์ ช่วงวันทำการวันนี้ อาจจะเป็นช่วงที่อาจเกิดช่วงเวลาการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นได้ ให้แนวจุดขาดทุนไว้ที่ระดับราคา 1,098 US$
บันทึกการเข้า
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #74 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 12:48:11 PM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่

ใส่รูปไม่ได้แล้วครับ ทำไงดี?
เกิดข้อผิดพลาด!
โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ 



ทำไงดีค่ะ ใครช่ยแก้ไขด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ
(อยากดูตาแป๊ะ) Cheesy Cheesy Cheesy


โพรสแจ้งกระทู้นี้ให้แล้วค่ะ http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=322.new#new
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: