Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 6   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009  (อ่าน 7936 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Theephat
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2435



« ตอบ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 08:45:53 AM »

สวัสดีครับคุณทองใหม่ Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 09:13:04 AM »

อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 10:47:08 AM »

ทองคำจะขึ้นถึง 2 หมื่นบาท หรือเปล่า? 
รายงานโดย :นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ: วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สภาพตลาดทองคำในวันที่ 9-14 พ.ย. 2552 ทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบทศวรรษในวันอังคาร ที่ระดับ 1,124 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำแท่งไทย 1.77 หมื่นบาท

ทำให้ราคาทองรูปพรรณขายออกแตะที่ระดับ 1.8 หมื่นบาทเศษ เหตุผลสำหรับการปรับขึ้นของราคาทองคำ คือการที่ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง จากภาวะตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้นมาบ้าง ท่ามกลางแรง ซื้อจากธนาคารกลางของศรีลังกา หรือข่าวลือในทำนองเดียวกันโดยที่สัปดาห์ที่ผ่านมา SPDR ได้ซื้อทองคำเพิ่ม 6 ตัน ณ ขณะนี้ ถือครอง 1,114 ตัน และในวันพุธที่ผ่านมา ก็มีแรงเทขายทำกำไรในทองคำต่อเนื่อง พร้อมกับค่าเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ทองคำตกลงมาต่ำสุด ที่ 1,103 เหรียญสหรัฐ ในวันพฤหัสบดี และเริ่มดีดกลับในการซื้อขายที่ตลาด Comex โดยในคืนวันศุกร์ ดีดขึ้นมา 13 เหรียญสหรัฐ ณ ขณะนี้ ทองคำกลับมาอยู่ที่ 1,119 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยยังไม่มีจุดหยุดพัก ตั้งแต่ทะลุ 1,100 เหรียญสหรัฐขึ้นมา เพิ่งจะพักได้ชั่วคราวเมื่อ 2 วันก่อน เรียกว่าเป็นแรงเทขายทำกำไร แต่แล้วก็ดีดกลับ ตามกระแสการอ่อนตัวของเงินเหรียญสหรัฐ ที่กลับมาอยู่ที่ 1.4925 เหรียญสหรัฐต่อยูโร ทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ระดับสูงสุดเดิมที่ 1,125 เหรียญสหรัฐ และมีแนวรับที่ระดับ 1,100 เหรียญสหรัฐ คาดว่าราคาทองคำจะสามารถทะลุขึ้นไปได้อีกในสัปดาห์หน้า และมีโอกาสสูงที่จะขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,150 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือถ้าคิดเป็นเงินบาทน่าจะ ตกอยู่ที่ราว 17,950 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาเป้าหมายต่อไปในรอบ 1 เดือน

สรุปได้ว่า ยังเป็นขาขึ้นที่มีการพักตัวเพียงระยะสั้นเท่านั้นเอง

คำถามที่พบบ่อยเวลานี้ คือ ทองคำยังลงทุนได้อีกหรือไม่ และจะเห็นทองคำบาทละ 2 หมื่นบาท ได้หรือเปล่า

ทองคำในปัจจุบันเป็นเสมือนเงินสกุลหนึ่ง ซึ่งชื่อว่าทองคำ และมีการสร้างตลาดรองรับมากขึ้นทั่วโลก นั่นหมายความว่า โอกาสที่จะเห็นทองคำขึ้นและลงอย่างรุนแรงน่าจะน้อยมาก เหตุการณ์ในอดีตแบบปี 1980 ยังไม่เกิดขึ้น เพราะว่าตลาดรอง อันได้แก่ ตลาด ETF และตลาด Gold Futures ได้เกิดขึ้นแล้วทั่วโลกในระยะเวลา 10 ปีมานี้ หมายความว่า มีกำลังซื้อและขายที่ได้ปรับปรุงพัฒนาอย่างมากในตลาด ค้าทองคำ ทองคำจึงมีการซื้อขายเกิดขึ้นทั่วโลก และการขึ้นและลงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ หรือภาวะเศรษฐกิจภาพรวมของโลก ซึ่งถ้าอยู่ในภาวะถดถอย หรือไม่ดี ก็จะเป็นตัวสร้างแรงส่งให้ทองคำอยู่ในภาวะขาขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ทองคำจึงจะสามารถลงทุนได้ในขณะนี้และปีหน้า โดยเฉพาะทองคำที่ก้าวสู่ยุค Gold Paper หรือ Gold Futures ที่เป็นการซื้อขายคล้ายๆ ใบหุ้น ที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น จึงได้รับความนิยมอย่างมาก จะเห็นได้ว่าปริมาณการซื้อขายบางครั้งต่อวัน สูงถึง 4,000 คู่สัญญา หรือเทียบกับทองคำรวม 3,200 กิโลกรัมต่อวัน ทีเดียว

สำหรับราคาทองคำจะขึ้นไปถึงไหนคงจะตอบยาก แต่การที่จะเห็น 2 หมื่นบาท คงไม่ใช่ภายในปีนี้ แต่จะมีโอกาสที่จะเห็นในปีหน้า ซึ่งไม่น่าจะไกลเกินที่จะวิเคราะห์ไป เพราะนักวิเคราะห์หลายฝ่ายยังมองว่าจะมีโอกาสขึ้นไป 1,300 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในปีหน้า

ขอให้ศึกษาและทำความเข้าใจ เรื่องของการลงทุนในทองคำ ใน Trend โลกยุคใหม่ หรือการลงทุนทางเลือกสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 11:14:32 AM »

วอร์เรน บัฟเฟต มองธุรกิจพ้นจุดต่ำสุด แม้ภาพรวมเศรษฐกิจต้องรออีกยาว

Posted on Monday, November 16, 2009
APEC ปิดฉากลง พร้อมผนึกกำลังร่วมสร้างสมดุลเศรษฐกิจใหม่

ผู้นำสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ให้คำมั่นระหว่างการแถลงปฏิญญาร่วมกันว่าจะเร่งกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างเขตการค้าเสรี

บทสรุปจากทางสหรัฐที่ย้ำขอเรีกร้องเกี่ยวกับภาวะไร้สมดุลในภาค เศรษฐกิจ ที่เกิดมาจากวิกฤติการเงินโลก ซึ่งแผนยุทธศาสตร์นี้เรียกร้องให้สหรัฐประหยัดมากขึ้น ปฎิรูปการคลัง และลดการขาดดุลในระยะยาว และการกู้เงิน แต่กลุ่มผู้นำหลายประเทศ พุ่งเป้าไปที่สัญญาณมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ

ความเห็นที่น่าสนใจของ ประษาธิบดี หู จิ่นเทาของจีน กล่าวว่า จีนได้ทำหน้าที่ของตนเองในการนำโลกออกาจากภาวะถดถอยแล้ว แต่ได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบทางการค้า และมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งนโยบายของจีนที่ผูกค่าเงินหยวนกับดอลลาร์ ส่งผลให้สินค้าส่งออกของจีนมีราคาถูกลงนั้น ถูกหยิบยกในการประชุมครั้งนี้ด้วย ซึ่งผู้นำสหรัฐกล่าวว่า จะนำเอาประเด็นดังกล่าว หารือกับจีนในการเยื้อนสัปดาห์หน้า

และบทสรุปของผู้นำ 21 ประเทศ นั้น ลงความเห็นว่า จะดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนกว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งยังกระตุ้นให้มีการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างเป็นรูปธรรม

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ประกาศจะให้มลรัฐฮาวายเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แปซิฟิก ในปี 2554 พร้อมฝากมุขเอาไว้ว่า "ผมตั้งตารอที่จะเห็นพวกคุณทุกคนใส่เสื้อลายดอก และกระโปรงฟาง เพราะวันนี้ ผมได้ประกาศว่าเราจะนำที่ประชุมนี้ไปจัดที่ฮาวาย บ้านเกิดของผม ในปี 2554"

การประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ปีหน้า จะจัดขึ้นในเมืองท่าโยโกฮามาของญี่ปุ่น และรัสเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในปี 2555 ที่เมืองวลาดิโวสต็อก


หุ้นโลกขยับบวกต่อ รับข่าวดีเศรษฐกิจ-ผลประกอบการ

นักลงทุนยังเทเงินเข้าไปยังตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เริ่มจาก MSCI Emerging Markets ที่บวกขึ้นอย่างมากในรอบเดือน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเลขที่มาจากทางประเทศบราซิล ที่มีรายงานยอดค้าปลีกออกมาเพิ่มขึ้นในเดือนล่าสุด รวมทั้งผลกำไรของบริษัทรับสร้างบ้านในประเทศที่ออกมาดีกว่าคาด จนทำให้มีการคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคน่าจะเป็นตัวนำการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจครั้งนี้

นอกจากนั้น ยังมีความเคลื่อนไหวมาจากประเทศจีน เมื่อประธานาธิบดี หู จิ่น เทา บอกว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการเต็มที่เพื่อกระตุ้นความต้องการในประเทศ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้รายงานผลผลิตอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมที่ดีกว่าคาด ด้วยตัวเลขผลผลิตที่ออกมาเพิ่มขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ทางเกาหลีใต้ ก็เปิดเผยตัวเลขสถานการณ์ภาคแรงงานที่น่าพอใจ ด้วยอัตราการว่างงานที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเก้าเดือน

ทางด้านยุโรป ตลาดหุ้นก็ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองหลังจากกลุ่มประเทศ G-20 เห็นชอบร่วมกันในการคงระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป รวมถึงปัจจัยผลประกอบการที่นำโดย สถาบันการเงิน อย่าง Credit Agricole และผู้ผลิตปูนซีเมนต์ยักษ์ใหญ่ Holcim ที่ประกาศผลดำเนินงานดีเหนือความคาดหมาย

ส่วนผู้นำในธุรกิจเหมือง คือ BHP Billiton และ Rio Tinto ก็นำการบวกของหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นได้ ถือเป็นการบวกรับข่าวการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในจีน และคำสั่งซื้อเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น

ดัชนี Euro Stoxx 50 ที่ใช้วัดราคาหุ้นขนาดใหญ่ในยูโรโซน ปรับตัวขึ้น 3.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วน Dow Jones Stoxx 600 ขยับขึ้น 2.8%

ในธุรกิจการบินก็มีปัจจัยการควบรวมกิจการลับเข้ามาอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อ British Airways ในฐานะสายการบินรายใหญ่ที่สุดอันดับสามของยุโรป ในที่สุดก็ได้ประกาศเห็นชอบควบรวมกิจการกับทางสายการบิน Iberia หลังจากที่ยืดเยื้อและพูดคุยกันมานานกว่า 1 ปีแล้ว

ส่งท้ายด้วยหุ้นทางฝั่งสหรัฐฯ ตลาดก็ปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองเช่นกัน หลังเห็นท่าทีของกลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ อย่าง G20 และผลประกอบการของธุรกิจชั้นนำ เช่น Wal-Mart Stores รวมถึง Walt Disney ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งในสัปดาห์นี้ นักลงทุนก็ยังรอลุ้นรายงานทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว อย่างเช่น ตัวเลขยอดค้าปลีก ผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีราคาสินค้า และภาวะการสร้างบ้าน เป็นต้น


วอร์เรน บัฟเฟต มองธุรกิจพ้นจุดต่ำสุด แม้ภาพรวมเศรษฐกิจต้องรออีกยาว

หนึ่งในปัจจัยที่มีคนจับตาดูอยู่ก็คือ มุมมองของมหาเศรษฐีนักลงทุน วอร์เรน บัฟเฟต (Warren Buffett) ที่ล่าสุดออกมาบอกว่า แม้ธุรกิจของเขาน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดอันเป็นผลของวิกฤติการเงินครั้งนี้แล้ว แต่ก็ยังเชื่อว่าแรงขับดันเศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีอยู่น้อย และไม่คิดว่าช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง จะสามารถช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาได้

บัฟเฟต ที่ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากับผู้ดำเนินรายการชื่อดังของอเมริกา อย่าง Charlie Rose บอกว่า ความต้องการของผู้บริโภคจะฟื้นขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนเดิมในอีกสองปีข้างหน้า ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งปีเหมือนอย่างที่หลายคนคิดไว้

ความเห็นของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลกนี้ อาจจะดูไม่เป็นไปตามตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสสามที่ GDP กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายไตรมาส แต่สิ่งที่ดูจะสอดคล้องกับมุมมองของ บัฟเฟต ก็คือ อัตราการว่างงาน ที่เมื่อเดือนที่แล้วตัวเลขพุ่งขึ้นเป็นสองหลักที่ 10.2% และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี แม้เขาจะมีมุมมองที่ไม่สดใสนักต่อสภาวะเศรษฐกิจ แต่ดีลการซื้อกิจการมูลค่า 26,400 ล้านเหรียญ ของ Burlington Northern Santa Fe ที่ทำธุรกิจรถไฟเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยผ่าน Berkshire Hathaway ก็ทำให้หลายคนเชื่อว่า ยังมีอีกหลายธุรกิจที่กำลังไปได้ดีแม้แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจจะผันผวนอยู่ก็ตาม

สำหรับเรื่องทิศทางเงินดอลลาร์ ที่อ่อนค่ามาแล้วกว่า 15% นับตั้งแต่จุดสูงสุดของปีนี้เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก กูรูนักลงทุนวัย 79 รายนี้ ก็มองว่า ดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าต่อไป ขณะรัฐบาลยังคงพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น แต่คำถามก็คือ ค่าเงินสหรัฐฯ จะอ่อนต่อไปได้อีกมากน้อยแค่ไหน

บัฟเฟตประมาณการณ์ว่า สภาคองเกรสสหรัฐฯ จะต้องปรับขึ้นภาษีและปิดช่องว่างการขาดดุลงบประมาณให้ได้ในที่สุด หลังจากที่ตัวเลขขึ้นไปติดลบสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.4 ล้านล้านเหรียญ มิฉะนั้นแล้ว ค่าเงินของประเทศจะยิ่งสูญเสียมูลค่าไปมากกว่านี้


สหรัฐขาดดุลการค้าเกินคาด หลังนำเข้าน้ำมันพุ่ง

กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงเกินคาดถึง 18.2% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2542 แตะ 36,500 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. มากกว่าระดับ 30,800 ล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ระดับ 31,700ล้านดอลลาร์

ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ยอดขาดดุลการค้าปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย.คือ ราคาน้ำมันในต่างประเทศที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปี และได้บดบังยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ตัวเลขนำเข้าโตขึ้น 5.8% แตะ 168,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2536 นำโดยน้ำมันที่พุ่งขึ้น 20.1% โดยยอดนำเข้าน้ำมันจากกลุ่มโอเปคเพิ่มขึ้นแตะ 11,900 ล้านดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551

ขณะที่ยอดส่งออกปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 2.9% แตะ 132,000ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์อเมริกันที่แข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงเครื่องบิน และเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ สหรัฐขาดดุลการค้าเป็นมูลค่าราว 366,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของตัวเลขขาดดุลการค้าที่ 695,900 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐร่วงลงรุนแรงในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐดิ่งลงสู่ภาวะถดถอย และมูลค่าของเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ดีมานด์การส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัว พร้อมระบุว่าจะส่งเสริมการส่งออกของประเทศ

สำหรับตัวเลขขาดดุลการค้าที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ช่องว่างทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนขยายตัวขึ้น 9.2% แตะ 22,100 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. เพราะยอดนำเข้าจากจีนทะยานขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากสหรัฐพยายามกดดันให้จีนปล่อยเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินดอลลาร์ เพื่อทำให้สินค้าส่งออกของสหรัฐมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามาอยู่ในระหว่างเดินสายเยือนภูมิภาคเอเชีย และจะพบกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนที่กรุงปักกิ่งในวันอังคารนี้


เศรษฐกิจยูโรโซนหลุดพ้นภาวะถดถอย

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรกลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ 0.4% ในไตรมาส 3 ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจยูโรโซนได้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว เช่นเดียวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นและสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของยูโรโซน อาทิ เยอรมนี และ ฝรั่งเศส มีอัตราการขยายตัวในไตรมาสสามที่น้อยกว่าคาดการณ์

นอกจากนี้ ในบรรดา 16 ประเทศที่ใช้เงินยูโร ไม่ใช่ทุกประเทศที่สามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้แล้ว โดย สเปนเพิ่งเปิดเผยว่า GDP ของประเทศยังคงหดตัว 0.3% ในเดือนก.ค.-ก.ย.

ขณะที่เศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (EU) โดยรวม ซึ่งรวมถึงประเทศที่ไม่ใช้สกุลเงินยูโร อาทิ อังกฤษ และ สวีเดน สามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้แล้วเช่นกัน หลังจากขยายตัว 0.2% ในไตรมาสสาม


จีนเดินหน้ากระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ-ลดพึ่งพาส่งออก

ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน กล่าวกับผู้นำธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกว่า จีนต้องใช้มาตรการเชิงรุกในการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้โดยพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกให้น้อยที่สุด

นายหูกล่าวที่สิงคโปร์ว่า "เราทำงานอย่างหนักเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศเพื่อต้องการให้ประชาชนมีกำลังจ่ายมากขึ้น"

ผู้นำจีนไม่ได้กล่าวถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งกำลังเป็นปัญหาในตอนนี้ เนื่องจากจีนไม่ยอมปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเพื่อสนับสนุนภาคการส่งออก โดยเงินหยวนยังตรึงอยู่ที่ระดับ 6.83 หยวน/ดอลลาร์ มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ทั้งที่แข็งค่าขึ้นถึง 21% ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัท เอสเจเอส มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า"อันที่จริงหลายประเทศในภูมิภาคกำลังแข็งขันกับจีนเรื่องการส่งออก" "ตราบใดที่เงินหยวนยังอ่อนค่าสอดคล้องกับเงินดอลลาร์ ประเทศอื่นในเอเชียก็ต้องเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้สกุลเงินของตนเองแข็งค่าเช่นกัน"

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านหยวน (586,000 ล้านดอลลาร์) ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวถึง 8.9% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

เศรษฐกิจจีนก็มีอิทธิพลต่อประเทศอื่นในเอเชียมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2545 สหรัฐยังเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ในปี 2551 จีนสามารถแซงหน้าสหรัฐและเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของประเทศที่กล่าวมาทั้งหมด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. 2552
? ดุลการค้าระหว่างประเทศ (ก.ย.) ขาดดุล 35,500 ล้านดอลลาร์ (มากกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)
? ราคานำเข้า (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก่อนหน้า
? ราคาส่งออก (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 66 จุด (น้อยกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (จันทร์ที่ 16 พ.ย. 2552)
? ยอดค้าปลีก (ต.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ก.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 11:33:44 AM »

ขอบคุณค่ะอาจารย์ ไม่กล้าเล่นอานู๋กิมเลยตอนนี้ มีเก็บไว้ก็นิดหน่อยเอง Sad
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 02:04:29 PM »

บทวิเคราะห์ทองคำ (16-11-52)

16 พ.ย. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวผันผวนตามราคาสปอต ซึ่งปรับตัวผันผวนรุนแรงในทิศทางบวกในตลาดสหรัฐฯ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,500/600 บาท เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       ยูโรและราคาทองคำแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าและกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องอย่างช้าๆเมื่อรายงานจีดีพีของประเทศต่างๆในยุโรปออกมาเป็นบวกแต่แย่กว่าคาด โดยยังแสดงให้เห็นว่าพื้นฐานเศรษฐกิจยุโรปยังไม่ดีมากนักคือยุโรปยังโตได้ด้วยการส่งออกมากกว่าการบริโภคในประเทศ  [TCAF Research]
       รายงานภาคการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯปรากฏว่าสหรัฐฯมียอดการส่งออกที่ดีขึ้นเช่นกัน ในขณะที่การนำเข้าของสหรัฐฯสูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯน่าจะมียอดการค้าระหว่างประเทศที่ดีขึ้น นักลงทุนจึงกลับมาซื้อหุ้นเพิ่มเติมและรับความเสี่ยงได้มากขึ้น  [Econoday, TCAF Research]
       รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคท้องถิ่นของสหรัฐฯที่สำรวจโดยรอยเตอร์สร่วมมือกับ University of Michigan ปรากฏว่าแย่กว่าคาดและแย่กว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนจึงกลับมาทิ้งดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งส่งผลให้ค่าเงินยูโรและทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรุนแรง  [Econoday, TCAF Research]
       ข้อพิพาธระหว่างจีนและสหรัฐฯยังไม่จบโดยที่สหรัฐฯยังกีดกันการนำเข้าของจีนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องและโทษจีนว่าเงินหยวนแข็งค่าของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ในขณะที่จีนโทษสหรัฐฯว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเกินไปทำให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆเพิ่มขึ้นไปเป็นฟองสบู่  [Bloomberg, TCAF Research]
       ญี่ปุ่นรายงานการเติบโตจีดีพีรายไตรมาสออกมาเป็นบวกมากกว่าคาด นักลงทุนจึงรับความเสี่ยงได้มากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกพร้อมกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นและเงินบาทแข็งค่า  [Forexfactory, TCAF Research]
       นักลงทุนจะจับตามองรายงานค้าปลีกของสหรัฐฯหลังจากที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างรุนแรง


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่านักลงทุนยังไม่น่าจะกล้าซื้อขายรุนแรงโดยจะจับตามองท่าทีระหว่างจีนและสหรัฐฯ เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์ หรือซื้อขายตามแนวรับแนวต้านระหว่างวัน"




มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 02:05:09 PM »

Daily Update 16-11-52

16 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ
-         ทองปิดพุ่งหลังดอลลาร์ร่วง
-         ดอลล์ร่วงรับวิตกศก.สหรัฐหลังเผยข้อมูล
-         ตลาดหุ้นรับผลดีจากการร่วงของดอลลาร์และน้ำมันร่วงลง
 
      ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์หลังจากดอลลาร์ร่วงลง และการปิดสูงกว่าระดับ 1,100 ดอลลาร์/ออนซ์ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการประกันความเสี่ยงค่าเงิน และความสนใจของธนาคารกลางนั้นก็น่าจะหนุนตลาดในสัปดาห์หน้า
       ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปรายงานว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรหลุดพ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาสสาม ประกอบกับการเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐที่พุ่งสูงเกินคาดในเดือนก.ย. กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า อาทิ สกุลเงินต่างประเทศ
         เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ 1.4916 ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.61% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ 1.6688 ดอลลาร์ จากระดับ 1.6586 ดอลลาร์
         ปัจจัยเดียวที่อาจจะส่งผลลบต่อราคาทองคำจะเป็นการฟื้นตัวของดอลลาร์ หรือแรงเทขายทำกำไรทอง แต่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนในการเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้นนี้
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,113.519 ตัน ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 10.314 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52     
 
  กลยุทธ์:   ขอดูแนวโน้วค่าเงิน US/Euro ว่าในวันอังคารสามารถยืนได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถยืนได้ ทองน่าจะมีทิศทางแนวโน้วลงในวันอังคารนี้ได้
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 02:09:30 PM »

ขอบคุณคุณทองใหม่ค่ะ อย่าลืมพักผ่อนนะคะ
บันทึกการเข้า
_LAN_NA_
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2009, 05:49:39 PM »

ขอบคุณข้อมูล ดีๆ ครับ คุณทองใหม่

(^^)
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 06:41:54 AM »

เกิดข้อผิดพลาด!
โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ
 

โปรดตามไปดูที่นี่ครับบบบบบบบบบบบบบ

http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.45
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 08:04:06 AM »

2009-11-17 Quotes broadcast
08?28 Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??1139?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??1132?? 08:28 Quotes broadcast: Overnight dollar was falling rapidly, helping gold another record high, is currently competing in the 1139, technical drawing short-term maintenance of a strong pattern, but the kinetic energy of a significant weakening of support for the bottom of the recent 1132 U.S. dollars
บันทึกการเข้า
mamai
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237



« ตอบ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 08:14:43 AM »

ขอบคุณครับคุณทองใหม่  Grin
บันทึกการเข้า

"ไม่เชื่อต้องศึกษา   ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 08:21:03 AM »

speculate in gold and net central bank gold buying gold or stimulate
[ ??2009-11-17 09:12:06 ]
 The world's leading asset management company BlackRock (Blackrock) 11 Yue 16 said, as countries diversify the investment bank is currently running operations, this year's major central banks will become net buyers of gold assets. Huh?Huh?,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??? Analysts pointed out that BlackRock's remarks will stimulate its recent highs, a further increase in international gold prices.
Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh???,???1988???,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??? BlackRock World Mining Fund and the gold and the Consolidated Fund in charge of Evelyn Hambro said that if the BlackRock global central banks to buy gold this year, the size of the expected accuracy, it would be since 1988, the first time in the world's central banks to buy gold greater than the amount sold into the situation. Huh???,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??? He also said that central banks holdings of gold and the curtailment of the world's gold supply, making investors now is "looking forward to all the monetary terms of the price of gold across the board increase."
Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??? The Hambro I judge for the international price of gold is also consistent with investor expectations. Huh?,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?? In his view, the recent dollar-denominated gold prices rising explosively, causing the majority of other currency-denominated gold prices higher start at the same time. Huh?Huh?,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??,????1032?Huh?Huh?Huh?Huh?,?Huh???1100???1120?Huh?Huh??? The previous two weeks, the New York Mercantile Exchange, gold futures prices hit record highs, in 1032 U.S. dollars an ounce, breaking the previous historical peak value, then, but also continued to climb to 1100-1120 U.S. dollars an ounce range.
Huh?,?Huh???,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh???,?Huh?Huh?Huh??,?Huh?Huh?Huh??;??,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??,?Huh?Huh???,?Huh?Huh?Huh?Huh?Huh??? In addition, Hambro also pointed out that despite China's annual gold production has exceeded the South African ranks first in the world, but difficult to sustain the momentum of its high yield, it will put pressure on the global supply; However, the U.S. market demand for bulk commodities beginning of a recovery signal, combined with the increase in demand in Asia, will be the long-term gold bull market, and lay a solid foundation.
โดยใจความ-----ธนาคารกลางนานาประเทศซื้อทอง อาจกระตุ้นราคาทองให้สูงขึ้นต่อได้[/
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 08:25:32 AM »

ค่าเงินดอลล์ร่วงหนัก 
 วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 07:46

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนัก หลัง FED ยืนยันคงดอกเบี้ยต่ำต่อไป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.40% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4974 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4914 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.72% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 89.060 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.710 เยน/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.44% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0071 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0116 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.84% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6830 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6689 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.40% แตะที่ 0.9371 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9334 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.65% แตะที่ 0.7485 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7437 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

อลัน รัสกิ้น หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ด้านปริวรรตเงินตราจากรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงทันทีหลังจากเบอร์นันเก้ที่ยืนยันในที่ประชุมเฟดเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย "ต่อไปอีกระยะหนึ่ง" เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และระบุว่าเม็ดเงินที่รัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดกระแสเก็งกำไรที่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ โดยดัชนี ICE Futures US dollar index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ร่วงลง 0.9%

"การยืนยันเรื่องคงอัตราดอกเบี้ยต่ำของเบอร์นันเก้ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นในท่าทีของเขา เมื่อเขากล่าวในที่ประชุมเฟดสาขานิวยอร์กว่าจะสนับสนุนนโยบายดอลลาร์แข็งค่า" รัสกิ้นกล่าว

นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นลบต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์มากขึ้นเมื่อนายหยาว เจี้ยน โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาปฏิเสธข้อเรียกร้องที่ต้องการให้จีนปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่า ซึ่งท่าทียืนกรานของโฆษกกระทรวงพาณิชย์มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งจะได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องเงินหยวนมาหารือกันด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายดอลลาร์แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ ขยับขึ้น 0.2%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนต.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยประจำเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจประจำเดือนต.ค

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 17, 2009, 08:29:21 AM »

เดฟ เมเกอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Vision Financial Markets กล่าวกับเอพีว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงหลังจากดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ มีราคาถูกลงสำหรับกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ

"โดยปกติแล้วเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจะกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็มีนักวิเคราะห์จำนวนมากที่เชื่อว่าสัญญาทองคำทะยานขึ้นเนื่องจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร" เมเกอร์กล่าว

บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 6   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: