Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: [1] 2 3 4   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มงคลชีวิต  (อ่าน 24681 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
gypsy
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 710



« เมื่อ: ธันวาคม 02, 2009, 07:14:43 PM »

มงคลชีวิต

อย่านอนตื่นสาย

อย่าอายทำกิน

อย่าหมิ่นเงินน้อย

อย่าคอยวาสนา

อย่าเสวนาคนชั่ว

อย่ามั่วอบายมุข

อย่าสุกก่อนห่าม

อย่าพล่ามก่อนทำ

อย่ารำก่อนเพลง

อย่าข่มเหงผู้น้อย

อย่าคอยแต่ประจบ

อย่าคบแต่เศรษฐี

อย่าดีแต่ตัว

อย่าชั่วแต่คนอื่น

อย่าฝ่าฝืนกฎระเบียบ

อย่าเอาเปรียบสังคม

อย่าชมคนผิด

อย่าคิดเอาแต่ได้

อย่าใส่ร้ายคนดี

อย่ากล่าววจีมุสา

อย่านินทาพระเจ้า

อย่าขลาดเขลาเมื่อทุกข์

อย่าสุขจนลืมตัว

อย่าเกรงกลัวงานหนัก

อย่าพิทักษ์พาลชน

อย่าลืมตนเมื่อมั่งมี
 
 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 02, 2009, 07:31:50 PM โดย gypsy » บันทึกการเข้า

ขอโทษที่ไม่ตอบ ขอบคุณที่ทักทาย
gypsy
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 710



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 02, 2009, 07:30:33 PM »

มงคลชีวิต (ราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙)

๑ ขอบคุณข้าวทุกเม็ด น้ำทุกหยด อาหารทุกจาน อย่างจริงใจ

๒ อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใด นอกจาก "ปัญญา" และ "ความกล้าหาญ"

๓ "เพื่อนใหม่" คือของขวัญที่ให้กับตัวเอง ส่วน "เพื่อนเก่า"/"มิตร" คืออัญมณีที่นับวันจะเพิ่มคุณค่า

๔ หนังสือเป็นศูนย์รวมปัญญาของโลก จงอ่านหนังสือเดือนละเล่ม อ่านหนังสือธรรมะปีละเล่ม

๕ ปฏิบัติต่อคนอื่นเช่นเดียวกับที่ต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อเรา

๖ พูดคำว่า "ขอบคุณ" ให้มากๆ

๗ รักษา "ความลับ" ให้เป็น

๘ ประเมินคุณค่าของการ "อภัย" ให้สูง

๙ ฟังให้มาก แล้วจะได้คู่สนทนาที่ดี

๑๐ ยอมรับความผิดพลาดของตัวเอง หากมีใครตำหนิ และรู้แก่ใจว่าเป็นจริง

๑๑ หากล้มลง จงอย่ากลัวกับการลุกขึ้นใหม่

๑๒ เมื่อเผชิญหน้ากับงานหนัก คิดเสมอว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว

๑๓ ทุกชิ้นงานจะต้องกำหนดเวลาแล้วเสร็จ

๑๔ ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก อย่าใช้เพื่อก่อหนี้สิน

๑๕ อย่าหยิ่งหากจะกล่าวว่า "ขอโทษ" อย่าอายหากจะบอกใครว่า "ไม่รู้"

๑๖ จงเป็นน้ำครึ่งแก้วตลอดชีวิต เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมได้ตลอด

๑๗ ระยะทางนับพันกิโลเมตร แน่นอนมันไม่ราบรื่นตลอดทาง

๑๘ เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆ อย่างค่อยเป็นค่อยไป

๑๙ การประหยัดเป็นบ่อเกิดแห่งความร่ำรวย เป็นต้นทางแห่งความไม่ประมาท

๒๐ ระเบียบวินัย คือคุณสมบัติที่สำคัญในการดำเนินชีวิต

๒๑ ยามทะเลาะกัน ผู้ที่เงียบก่อนคือผู้ที่มีการอบรมสั่งสอนที่ดี

๒๒ ดาวและเดือนที่อยู่สูง อยากได้ต้องปีนบันไดสูง

๒๓ มนุษย์ทุกคนมีชิ้นงานมากมายในชีวิต จงทำชิ้นงานที่สำคัญที่สุดก่อนเสมอ

๒๔ เป็นหน้าที่ของเราที่จะพูดให้คนอื่นเข้าใจ ไม่ใช่หน้าที่ของคนอื่นที่จะทำความเข้าใจในสิ่งที่เราพูด

๒๕ เหรียญเดียวมี ๒ หน้า คือความสำเร็จ กับล้มเหลว

๒๖ อย่าตามใจตัวเอง เรื่องยุ่งๆ เกิดขึ้น ล้วนตามใจตัวเองทั้งสิ้น

๒๗ ฟันร่วงเพราะมันแข็ง ส่วนลิ้นยังอยู่เพราะมันอ่อน

๒๘ อย่าดึงต้นกล้าให้โตไวๆ (อย่าใจร้อน)

๒๙ ระลึกถึงความตายวันละ ๓ ครั้ง ชีวิตจะมีสุข มีให้ มีอภัย

๓๐ ถ้าติดกระดุมเม็ดแรกผิด กระดุมเม็ดต่อๆ ไปก็ผิดหมด
บันทึกการเข้า

ขอโทษที่ไม่ตอบ ขอบคุณที่ทักทาย
Aim
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 13, 2009, 08:19:59 PM »

น่าคิดนะคุณย่ากิ๊ป   Cool  แบบเนี่ยมั้ง ที่มิจฉาชีพ รู้จุดอ่อนของคนดี   Cheesy Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า
paul711
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4406


Gold is value because it's value!


« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 30, 2009, 01:19:10 AM »

Wink  Wink Cheesy

    เนื่องในโอกาสใกล้วันขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๓
ผมขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่ท่านนับถือ
ช่วยให้คุณ gypsy และครอบครัว มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง เจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละและปฏิภาน
ประสบความสําเร็จในหน้าที่การงาน และทุกสิ่งที่ดีงามดังใจปรารถนา ลงทุนในทองคําและกิจการงานใด ให้มีกําไร ตลอดไปด้วยเทอญ 
   

จาก พอล
บันทึกการเข้า

ผมไม่ใช่กูรูเรื่องทอง ไม่เคยเขียนหรือพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่าเก่งเรื่องทองอ่านที่ผมเขียน แล้วตัดสินใจเอง เกิดผิดพลาด ต้องรับผิดชอบเองอย่าโทษผู้อื่นว่าพลาดเพราะไปเชื่อคนอื่น ไม่มีใครบังคับให้ท่านเชื่อ ผมเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา----Paul711 
จุดหมาย 1) ทองแท่ง ให้ได้กําไร อย่างน้อย 10% ทุก 3 เดือน 2) Gold Future ให้ได้กําไรอย่างน้อย 5% ทุกเดือน 3) gold online ให้ได้กําไร อย่างน้อย 5% ทุกเดือน 
ชีวิตต้องมีหลักและจุดหมายที่ดีและแน่นอน ชีวิตที่ไม่มีหลักที่ดีเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวก็เปรียบเหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ ใครชวนให้ทําดีก็ดีไป ใครชวนให้ทําเรื่องไม่ดี ก็จะพบกับความล้มเหลวและภัยพิบัติได้


http://ichpp.egat.co.th/

Gold2Gold.com
newa
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1392



« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 04, 2010, 08:46:25 PM »

 Smiley Smiley Smiley

สาส์นจากท่าน Dalai Lama ที่ได้กล่าวไว้

ข้อแนะนำในการดำเนินชีวิต

1. ระลึกเสมอว่า การจะได้พบความรักและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ก็ต้องประสบกับความเสี่ยงอัน มหาศาลดุจกัน

2. เมื่อคุณแพ้ อย่าลืมเก็บไว้เป็นบทเรียน

3. จงปฏิบัติตาม 3Rs

3.1 เคารพตนเอง (Respect for self)

3.2 เคารพผู้อื่น (Respect for others)

3.3 รับผิดชอบต่อการกระทำของตน (Responsibility for all your actions)

4. จงจำไว้ว่า การที่ไม่ทำตามใจปรารถนาของตนบางครั้งก็ให้โชคอย่างน่ามหัศจรรย์

5. จงเรียนรู้กฎ เพื่อจะทราบวิธีการฝ่าฝืนอย่างเหมาะสม

6. จงอย่าปล่อยให้การทะเลาะเบาะแว้งด้วยเรื่องเพียงเล็กน้อย มาทำลายมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ของคุณ

7. เมื่อคุณรู้ว่าทำผิด จงอย่ารอช้าที่จะแก้ไข

8. จงใช้เวลาในการอยู่ลำพังผู้เดียวในแต่ละวัน

9. จงอ้าแขนรับการเปลี่ยนแปลง แต่อย่าปล่อยให้คุณค่าของคุณหลุดลอยจากไป

10. จงระลึกไว้ว่า บางครั้งความเงียบก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุด

11. จงดำเนินชีวิตด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อที่ว่าเมื่อคุณสูงวัยขึ้นและคิดหวนกลับมาคุณจะสามารถมีความสุขกับ สิ่งที่ได้ทำลงไปได้อีกครั้ง

12. บรรยากาศอันอบอุ่นในครอบครัวเป็นพื้นฐานสำคัญของชีวิต

13. เมื่อเกิดขัดใจกับคนที่คุณรักให้หยุดไว้แค่เรื่องปัจจุบัน

14. จงแบ่งปันความรู้ เพื่อเป็นหนทางก้าวสู่ความเป็นอมตะ

15. จงสุภาพกับโลกใบนี้

16. จงหาโอกาสท่องเที่ยวไปยังสถานที่ต่าง ๆ ที่คุณไม่เคยไป อย่างน้อยก็ปีละครั้ง

17. จำไว้ว่า ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุด คือความรักมิใช่ความใคร่

18. จงตัดสินความสำเร็จของตนด้วยสิ่งที่ต้องเสียสละ

19. จงเข้าใกล้ความรักด้วยการปล่อยวาง
บันทึกการเข้า
newa
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1392



« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 04, 2010, 08:49:18 PM »

 Grin Grin Grin

ปรัชญาที่ชาวจีนถือว่าเป็นมนตรานำโชคมาสู่ชีวิต
(chinese tantra totem for good luck)

1.จงให้มากกว่าที่ผู้รับต้องการ และทำอย่างหน้าชื่นตาบาน
2.จงพูดกับคนที่ถึงแม้จะอายุน้อยกว่า แต่เขาก็มีความสำคัญเท่ากัน
3.จงอย่าเชื่อทุกอย่างที่ได้ยิน ใช้ทั้งหมดที่มี และนอนเท่าที่อยากจะนอน
4.เมื่อกล่าวคำว่า "ฉันรักเธอ" จงหมายความตามนั้นจริง ๆ
5.เมื่อกล่าวคำว่า "ขอโทษ" จงสบตาเขาด้วย
6.ก่อนจะตัดสินใจแต่งงาน จงหมั้นเสียก่อนอย่างน้อย 6 เดือน
7.จงเชื่อในรักแรกพบ
8.อย่าหัวเราะเยาะความฝันของผู้อื่น คนที่ไม่มีฝันก็เหมือนไม่มีอะไร
9.เมื่อรักจงรักให้ลึกซึ้ง และ ร้อนแรง อาจจะต้องเจ็บปวดแต่นั่นคือหนทางเดียวที่ทำให้ชีวิตถูกเติมเต็ม
10.ในเหตุการณ์ขัดแย้ง โต้อย่างยุติธรรม ไม่มีการตะโกนใส่กัน
11.อย่าตัดสินคนเพียงเพราะญาติๆ ของเขา
12.จงพูดให้ช้า แต่ต้องคิดให้เร็ว
13.ถ้าถูกถามด้วยคำถามที่ไม่อยากตอบ จงยิ้มแล้วถามกลับว่า จะรู้ไปทำไม
14.จงจำไว้ว่า สองสิ่งที่ยิ่งใหญ่ คือความรัก และความสำเร็จ ล้วนต้องมีการเสี่ยง
15.พูดว่า ขอพระคุ้มครอง เมื่อได้ยินใครจาม
16.เมื่อพ่ายแพ้ จงอย่าสูญเสียบทเรียนไปด้วย
17.จงจำ 3 R :- นับถือผู้อื่น นับถือตนเอง รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำ
18.จงอย่าให้ความขัดแย้งเล็กๆ น้อยๆ มาทำลายมิตรภาพที่ยิ่งใหญ่
19.ทันทีที่รู้ตัวว่าทำผิด ลงมือแก้ไขทันที
20.จงยิ้มเวลารับโทรศัพท์ ผู้ฟังจะเห็นได้จากน้ำเสียงของเรา
21.จงหาโอกาสอยู่กับตัวเองบ้าง
บันทึกการเข้า
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 22, 2012, 12:01:53 PM »

 Smileyสวัสดีค่ะ

             วันนี้เป็นวันดี เลยเข้ามาขออนุญาติเจ้าของกระทู้ ค่ะ ติชมแนะนำ ด้วยน้ะค่ะ รู้แบบงูๆปลาๆ ข้อความส่วนใหญ่ก็ก็อปมาค่ะ ผิดพลาด ประการใด หนูก็ขออภัยไว้ ณ.ที่นี้ด้วยค่ะ


                       

                                 
ธรรมะสวัสดีค่ะ

                                                     
บันทึกการเข้า

finghting!!!
paul711
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4406


Gold is value because it's value!


« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2012, 04:20:20 PM »

 เทวดา ขอบคุณทุกท่าน ที่มาช่วยกันเขียนบทความดีๆให้อ่านกันครับ
บันทึกการเข้า

ผมไม่ใช่กูรูเรื่องทอง ไม่เคยเขียนหรือพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่าเก่งเรื่องทองอ่านที่ผมเขียน แล้วตัดสินใจเอง เกิดผิดพลาด ต้องรับผิดชอบเองอย่าโทษผู้อื่นว่าพลาดเพราะไปเชื่อคนอื่น ไม่มีใครบังคับให้ท่านเชื่อ ผมเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา----Paul711 
จุดหมาย 1) ทองแท่ง ให้ได้กําไร อย่างน้อย 10% ทุก 3 เดือน 2) Gold Future ให้ได้กําไรอย่างน้อย 5% ทุกเดือน 3) gold online ให้ได้กําไร อย่างน้อย 5% ทุกเดือน 
ชีวิตต้องมีหลักและจุดหมายที่ดีและแน่นอน ชีวิตที่ไม่มีหลักที่ดีเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวก็เปรียบเหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ ใครชวนให้ทําดีก็ดีไป ใครชวนให้ทําเรื่องไม่ดี ก็จะพบกับความล้มเหลวและภัยพิบัติได้


http://ichpp.egat.co.th/

Gold2Gold.com
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #8 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2012, 07:16:15 PM »

สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานพระโอวาทวันขึ้นปีใหม่



สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานพระโอวาทวันขึ้นปีใหม่ 2556 ด้วยจตุรพิธพร คือความถึงพร้อมทั้งกำลังกาย ใจ ปัญญา ทรัพย์ และพวกพ้อง ให้คนไทยกล่าวคำอวยพรแสดงความปรารถนาดีต่อกันเพื่อความสุขของจิตใจ และความสงบสุขของประเทศชาติ

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ประทานพระโอวาทวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2556 ความว่า ขออำนวยพรสาธุชนทั้งหลาย ดิถีขึ้นปีใหม่ได้เวียนมาถึงอีกวาระหนึ่ง คือวันขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2556 นับเป็นเทศกาลที่เป็นที่ปีติยินดีของคนทั่วไป เพราะอย่างน้อยก็ยินดีที่ได้มีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยมาด้วยดีอีกปีหนึ่ง และก็หวังใจว่าจะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยและดียิ่งๆ ขึ้นต่อไปอีกในปีใหม่จะมาถึง ฉะนั้น เทศกาลปีใหม่จึงถือกันว่าเป็นเทศกาลแห่งความสุข สุขใจกับอดีตที่ผ่านมา และสุขใจกับอนาคตที่กำลังจะมาถึง จึงได้พากันทำกิจกรรมแห่งความสุข มีการทำบุญตักบาตร และอำนวยอวยพรแก่กันตามประเพณีนิยม

พรที่ทุกคนปรารถนา น่าจะเป็นพรสี่ประการที่นิยมเรียกกันว่า จตุรพิธพร คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ซึ่งหมายถึง ความมีอายุยืน มีผิวพรรณผ่องใสงดงาม มีความสุขด้วยสมบัติคือพรั่งพร้อมด้านต่างๆ และมีพละกำลัง ทั้งกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา กำลังทรัพย์ และกำลังพวกพ้อง

อันที่จริง การให้พรกันนั้นย่อมเป็นที่ทราบกันว่าคือการให้ความมีมิตรจิตมิตรใจต่อกัน มิใช่ใครจะหยิบยื่นพรเหล่านี้ให้แก่กันได้เพียงแต่พูด หรือกล่าวคำอวยพรแก่กันเท่านั้น ฉะนั้น การให้พรกันจึงหมายถึงการแสดงออกซึ่งความปรารถนาดีต่อกัน เพียงเท่านี้ก็เป็นสิ่งที่เกื้อกูลแก่ความสุขทางจิตใจเป็นอันมากด้วยกันทั้งสองฝ่าย ทั้งเป็นสิ่งที่เกื้อกูลให้เกิดพรทั้งสี่ได้จริง

ตรงกันข้าม การแสดงออกซึ่งความปรารถนาร้ายต่อกัน ย่อมเป็นเครื่องบั่นทอนพรต่างๆ มีอายุเป็นต้น ซึ่งมิได้มีความหมายแต่อายุของชีวิตคน แต่รวมไปถึงอายุของกิจการ บ้านเมือง และประเทศชาติด้วย เพราะคนเรานั่นเองเป็นผู้ใส่ชีวิตจิตใจให้แก่กิจการ บ้านเมือง และประเทศชาติ ถ้าอายุของคนสั้น อายุของกิจการ บ้านเมือง ประเทศชาติก็สั้น ถ้าจิตใจของคนผ่องใสเป็นสุข จิตใจของกิจการ บ้านเมือง ประเทศชาติก็ผ่องใสเป็นสุข

ความขาดพรในใจ จึงหมายถึงขาดความปรารถนาดีต่อกัน ขาดความซื่อสัตย์ ความข่มใจ ความอดทน ความเสียสละ และความเคารพนับถือกัน ความขาดพรในใจต่อกันจึงเป็นเหตุทำลายอายุ วรรณะ สุขะ พละ ไม่เฉพาะแต่ของคน แต่รวมไปถึงทำลายอายุ วรรณะ สุขะ พละ ของกิจการ บ้านเมือง และประเทศชาติด้วย

ในวารดิถีขึ้นปีใหม่ พุทธศักราช 2556 นี้ จึงขออำนวยให้สาธุชนทั้งหลาย จึงมีพรและให้พรแก่กันและกัน เพื่อความเจริญด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ของสรรพชีวิต ตลอดถึงสรรพกิจการและชาติบ้านเมืองตลอดไป
ขออำนวยพร

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 20 ธันวาคม 2555 14:23 น.
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 01, 2013, 07:34:19 PM »

ประโยชน์การสวดมนต์ สมเด็จโต พรหมรังสี



เพราะการสวดมนต์เป็นการกล่าวถึงคุณงามความดี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าพระองค์ท่านมีคุณวิเศษอย่างไร พระธรรมคำสอนของพระองค์มีคุณอย่างไร และพระสงฆ์อรหันต์อริยะเจ้ามีคุณเช่นไร

การสวดมนต์ด้วยความตั้งใจจนจิตเป็นสมาธิ แล้วใช้สติพิจารณาจนเกิดปัญญาและความรู้ความเข้าใจ ประโยชน์สูงสุดของการสวดมนต์นั่นคือ จะทำให้ท่านเป็นผล จนสำเร็จเป็นพระอรหันต์


ที่อาตมากล่าวเช่นนี้ มีหลักฐานปรากฏในพระธรรมคำสอนที่กล่าวไว้ว่า โอกาสที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์มี 5 โอกาสด้วยกันคือ

• เมื่อฟังธรรม
• เมื่อแสดงธรรม
• เมื่อสาธยายธรรม นั่นคือ การสวดมนต์
• เมื่อตรึกตรองธรรม หรือเพ่งธรรมอยู่ในขณะนั้น
• เมื่อเจริญวิปัสสนาญาณ

การสวดมนต์ในตอนเช้าและในตอนเย็นเป็นประเพณีที่ปฏิบัติกันมา ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงประกาศพระพุทธศาสนาบรรดาพุทธบริษัททั้งหลาย ต่างพากันมาเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ โดยแบ่งเวลาเข้าเฝ้าเป็น 2 เวลา นั่นคือ ตอนเช้าเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรม ตอนเย็นเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพื่อฟังธรรม


การฟังธรรมเป็นการชำระล้างจิตใจ ที่เศร้าหมองให้หมดไปเพื่อสำเร็จสู่มรรคผลพระนิพพาน การสวดมนต์นับเป็นการดีพร้อมซึ่งประกอบไปด้วยองค์ทั้ง 3 นั่น คือ

กาย มีอาการสงบเรียบร้อยและสำรวม
ใจ มีความเคารพนบนอบต่อคุณพระรัตนตรัย
วาจา เป็นการกล่าวถ้อยคำสรรเสริญถึงพระคุณอันประเสริฐ ในพระคุณทั้ง 3 พร้อมเป็นการขอขมา ในการผิดพลาดหากมีและกล่าวสักการะเทิดทูนสิ่งสูงยิ่ง ซึ่งเราเรียกได้ว่าเป็นการสร้างกุศล ซึ่งเป็นมงคลอันสูงสุดที่เดียว

อาตมาภาพ ขอรับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าหากบุคคลใดได้สวดมนต์เช้าและเย็นไม่ขาดแล้ว บุคคลนั้นย่อมเข้าสู่แดนพระอรหันต์อย่างแน่นอน
การสวดมนต์นี้ ควรสวดมนต์ให้มีเสียงดับพอสมควร ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์แก่จิตตน และประโยชน์แก่จิตอื่น

*ที่ว่าประโยชน์แก่จิตตน คือ เสียงในการสวดมนต์จะกลบเสียงภายนอกไม่ให้เข้ามารบกวนจิต ก็จะทำให้เกิดความสงบอยู่กับบทสวดมนต์นั้น ๆ ทำให้เกิดสมาธิและปัญญา เข้ามาในจิตใจของผู้สวด

*ที่ว่าประโยชน์แก่จิตอื่น คือ ผู้ใดที่ได้ยินได้ฟังเสียงสวดมนต์จะพลอย ได้เกิดความรู้เกิดปัญญา มีจิตสงบลึกซึ้งตามไปด้วย ผู้สวดก็เกิดกุศลไปด้วยโดยการให้ทานโดยทางเสียง เหล่าพรหมเทพที่ชอบฟังเสียงในการสวดมนต์ มีอยู่จำนวนมาก

ก็จะมาชุมนุมฟังกันอย่างมากมาย เมื่อมีเหล่าพรหมเทพเข้ามาล้อมรอบตัวของผู้สวดอยู่เช่นนั้น ภัยอันตรายต่าง ๆ ที่ไหนก็ไม่สามารถกล้ำกลายผู้สวดมนต์ได้ตลอดจนอาณาเขตและบริเวณบ้านของผู้ที่สวดมนต์ ย่อมมีเกราะแห่งพรหมเทพและเทวดา ทั้งหลายคุ้มครองภัยอันตราย ได้อย่างดีเยี่ยม

ดูก่อน..ท่านเจ้าพระยาและอุบาสก อุบาสิกาในที่นี้ การสวดมนต์เป็นการระลึกถึงพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณเมื่อจิตมีที่พึ่งคือ คุณพระรัตนตรัย ความกลัวก็ดี ความสะดุ้งกลัวก็ดี และความขนพองสยองเกล้าก็ดี ภัยอันตรายใด ๆ ก็ดีจะไม่มีแก่ผู้สวดมนต์นั้นแล..

สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 12:34:32 PM »



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 05, 2013, 12:37:55 PM »



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 13, 2013, 08:20:03 PM »

ปฏิทินวันพระ ประจำปี 2556





ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนมกราคม

วันเสาร์ ที่ 5 มกราคม เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 1
วันศุกร์ ที่ 11 มกราคม เป็นวันแรม 14 ค่ำเดือน 1
วันเสาร์ ที่ 19 มกราคม เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 2
วันเสาร์ ที่ 26 มกราคม เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 2




ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนกุมภาพันธ์

วันอาทิตย์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 2
วันอาทิตย์ ที่ 10 กุมภาพันธ์ เป็นวันแรม 15 ค่ำเดือน 2
วันจันทร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 3
วันจันทร์ ที่ 25 กุมภาพันธ์ เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 (วันมาฆบูชา)



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนมีนาคม

วันอังคาร ที่ 5 มีนาคม เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 3
วันจันทร์ ที่ 11 มีนาคม เป็นวันแรม 14 ค่ำเดือน 3
วันอังคาร ที่ 19 มีนาคม เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 4
วันอังคาร ที่ 26 มีนาคม เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนเมษายน

วันพุธ ที่ 3 เมษายน เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 4
วันพุธ ที่ 10 เมษายน เป็นวันแรม 15 ค่ำเดือน 4
วันพฤหัสบดี ที่ 18 เมษายนเป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 5
วันพฤหัสบดี ที่ 25 เมษายนเป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 5



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนพฤษภาคม

วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 5
วันพฤหัสบดี ที่ 9 พฤษภาคม เป็นวันแรม 14 ค่ำเดือน 5
วันศุกร์ ที่ 17 พฤษภาคม เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 6
วันศุกร์ ที่ 24 พฤษภาคม เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 (วันวิสาขบูชา)



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนมิถุนายน

วันเสาร์ ที่ 1 มิถุนายน เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 6
วันเสาร์ ที่ 8 มิถุนายน เป็นวันแรม 15 ค่ำเดือน 6
วันอาทิตย์ ที่ 16 มิถุนายน เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 7
วันอาทิตย์ ที่ 23 มิถุนายน เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 7



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนกรกฎาคม

วันจันทร์ ที่ 1 กรกฎาคม เป็นวันแรม 2 ค่ำเดือน 7
วันอาทิตย์ ที่ 7 กรกฎาคม เป็นวันแรม 14ค่ำเดือน 7
วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 8
วันจันทร์ ที่ 22 กรกฎาคม เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 8 (วันอาสาฬหบูชา)
วันอังคาร ที่ 30 กรกฎาคม เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 8



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนสิงหาคม

วันอังคาร ที่ 6 สิงหาคม เป็นวันแรม 15 ค่ำเดือน 8
วันพุธ ที่ 14 สิงหาคม เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 9
วันพุธ ที่ 21 สิงหาคม เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 9
วันพฤหัสบดี ที่ 29 สิงหาคมเป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 9



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนกันยายน

วันพุธ ที่ 4 กันยายน เป็นวันแรม 14 ค่ำเดือน 9
วันพฤหัสบดี ที่ 12 กันยายน เป็นวันวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 10
วันพฤหัสบดี ที่ 19 กันยายน เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 10
วันศุกร์ ที่ 27 กันยายน เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 10



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนตุลาคม

วันศุกร์ ที่ 4 ตุลาคม เป็นวันแรม 15 ค่ำเดือน 10
วันเสาร์ ที่ 12 ตุลาคม เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 11
วันเสาร์ ที่ 19 ตุลาคม เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 (วันออกพรรษา)
วันอาทิตย์ ที่ 27 ตุลาคม เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 11



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนพฤศจิกายน

วันเสาร์ ที่ 2 พฤศจิกายน เป็นวันแรม 14 ค่ำเดือน 11
วันอาทิตย์ ที่ 10 พฤศจิกายน เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 12
วันอาทิตย์ ที่ 17 พฤศจิกายน เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 12 (วันลอยกระทง)
วันจันทร์ ที่ 25 พฤศจิกายน เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 12



ปฏิทินวันพระ 2556 เดือนธันวาคม

วันจันทร์ ที่ 2 ธันวาคม เป็นวันแรม 15 ค่ำเดือน 12
วันอังคาร ที่ 10 ธันวาคม เป็นวันขึ้น 8 ค่ำเดือน 1 (วันรัฐธรรมนูญ)
วันอังคาร ที่ 17 ธันวาคม เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 1
วันพุธ ที่ 25 ธันวาคม เป็นวันแรม 8 ค่ำเดือน 1
วันอังคาร ที่ 31 ธันวาคม เป็นวันแรม 14 ค่ำเดือน 1 (วันสิ้นปี)

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤษภาคม 23, 2013, 09:24:52 PM »


อริยสัจ 4


มีความจริงอยู่ 4 ประการคือ การมีอยู่ของทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ความดับทุกข์ และ หนทางไปสู่ความดับทุกข์ ความจริงเหล่านี้เรียกว่า อริยสัจ 4
1. ทุกข์
คือ การมีอยู่ของทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ และตายล้วนเป็นทุกข์ ความเศร้าโศก ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความวิตกกังวล ความกลัวและความผิดหวังล้วนเป็น ทุกข์ การพลัดพรากจากของที่รักก็เป็นทุกข์ ความเกลียดก็เป็นทุกข์ ความอยาก ความยึดมั่นถือมั่น ความยึดติดในขันธ์ทั้ง 5 ล้วนเป็นทุกข์
ทุกข์ : ธรรมที่ควรรู้ มีดังนี้
โลกธรรม 8           ความหมาย โลกธรรม 8 หมายถึง เรื่องธรรมดาของโลกที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ไม่มีใครหลีกเลี่ยงได้ หรือสิ่งที่ครอบงำมนุษย์ 8 ประการ
สาระสำคัญของโลกธรรม 8 สรุปดังนี้
          โลกธรรมฝ่ายอิฏฐารมณ์ (มนุษย์พอใจ)               
          1. ได้ลาภ                           2. ได้ยศ
          3. มีสรรเสริญ                      4. มีสุข 
          โลกธรรมฝ่ายอนิฏฐารมณ์ (มนุษย์พอใจ)
          1. เสื่อมลาภ                        2. เสื่อมยศ
                3. มีนินทา                           4. มีทุกข์
2. สมุทัย
คือ เหตุแห่งทุกข์ เพราะอวิชา ผู้คนจึงไม่สามารถเห็นความจริงของชีวิต พวกเขาตกอยู่ในเปลวเพลิงแห่งตัณหา ความโกรธ ความอิจฉาริษยา ความเศร้าโศก ความวิตกกังวล ความกลัว และความผิดหวัง
สมุทัย  :  ธรรมที่ควรละ มีดังนี้
กรรมนิกาย
                กรรมนิกาย คือ กฎแห่งการกระทำของมนุษย์ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “กฎแห่งกรรม”ซึ่งชาวพุทธมักสรุปหลักคำสอนเรื่องนี้ว่า “ทำดี ได้ดี ทำชั่ว ได้ชั่ว”
กรรม 12           กรรม 12 คือ กรรมที่จำแนกตามผลที่ได้รับ มี 12 ประเภท ดังนี้
          1. กรรมที่ให้ผลตามกาลเวลา 4 กรรม ได้แก่ กรรมที่ให้ผลในชาตินี้ กรรมที่ให้ผลชาติหน้า กรรมที่ให้ผลในชาติต่อ ๆ ไป และกรรมที่เลิกผล (อโหสิกรรม)
2. กรรมที่ให้ผลตามหน้าที่ 4 กรรม ได้แก่ กรรมที่ชักนำให้เกิด กรรมสนับสนุน กรรมตัดรอน  และกรรมบีบคั้น
          3.  กรรมที่ให้ผลตามลำดับความแรง 4 กรรม ได้แก่ กรรมหนัก กรรมที่ทำบ่อย ๆ จนเคยชินกรรมที่ทำเมื่อใกล้ตาย และกรรมสักแต่ว่าทำ (ไม่มีเจตนา)
มิจฉาวณิชชา 5           มิจฉาวณิชชา 5 หมายถึง การค้าขายที่ผิดกฎหมายหรือผิดศีลธรรม 5 อย่างที่ชาวพุทธต้องละเว้นหรือไม่ควรทำ ได้แก่ การค้ามนุษย์ การค้าอาวุธ การค้าสัตว์สำหรับฆ่าเป็นอาหาร การค้าของมึนเมา และการค้ายาพิษ (สิ่งเสพย์ติด)
3. นิโรธ
คือ ความดับทุกข์ การเข้าใจความจริงของชีวิตนำไปสู่การดับความเศร้า โศกทั้งมวล อันยังให้เกิดความสงบและความเบิกบาน
นิโรธ  : ธรรมที่ควรบรรลุ มีดังนี้
วิมุตติ 5           วิมุตติ หมายถึง การหลุดพ้น ไม่มีความทุกข์ ภาวะที่ไร้กิเลส หรือภาวะที่ทุกข์ดับ (ความหมายเดียวกับคำว่า นิโรธ ) มี 5 ประการ  (เรียกย่อ ๆ ว่า สมถะ วิปัสสนา มรรค ผล และนิพพาน ตามลำดับ
          1.  หลุดพ้นด้วยการข่มกิเลส เป็นการระงับกิเลสด้วยการเจริญสมาธิ (สมถะ)
          2.  หลุดพ้นด้วยธรรมที่ตรงกันข้าม เช่น หลุดพ้นจากความโกรธด้วยการให้อภัย หลุดพ้นจากความตระหนี่และความโลภด้วยการให้ทาน และหลุดพ้นจากความเห็นแก่ตัวด้วยการเสียสละ (วิปัสสนา)
          3.  หลุดพ้นอย่างเด็ดขาด คือ การทำลายกิเลสที่มีอยู่ให้หมดไปด้วยญาณขั้นสูงสุด (มรรค)
          4.  หลุดพ้นอย่างสงบราบคาบ คือ หลุดพ้นเป็นอิสระเพราะกำจัดกิเลสที่ครอบงำได้อย่างราบคาบ (ผล)
          5.  หลุดพ้นจนเกิดภาวะปลอดโปร่ง คือ การเข้าสู่ภาวะนิพพาน
4. มรรค คือ หนทางนำไปสู่ความดับทุกข์ อันได้แก่ อริยมรรค 8 ซึ่งได้รับการหล่อ เลี้ยงด้วยการดำรงชีวิตอย่างมีสติความมีสตินำไปสู่สมาธิและปัญญาซึ่งจะปลดปล่อย ให้พ้นจากความทุกข์และความโศกเศร้าทั้งมวลอันจะนำไปสู่ความศานติและ ความเบิกบาน พระพุทธองค์ได้ทรงเมตตานำทางพวกเราไปตามหนทางแห่งความรู้แจ้งนี้
 
มรรค  :  ธรรมที่ควรเจริญ มีดังนี้
ปาปณิกธรรม 3           ปาปณิกธรรม หมายถึง คุณสมบัติของพ่อค้าแม่ค้าที่ดี หรือหลักการค้าขายให้ประสบผลสำเร็จ มี 3 ประการ ดังนี้
          1. ตาดี (จักขุมา) คือ รู้ลักษณะของสินค้าที่ดีมีคุณภาพ รู้ต้นทุน กำหนดราคาขายและคำนวณผลกำไรได้ถูกต้อง
          2. ชำนาญธุรกิจ (วิธูโร) คือ รู้จักแหล่งซื้อขายสินค้า รู้ความเคลื่อนไหวของตลาด และรู้ถึงรสนิยมความชอบและความต้องการของผู้บริโภค
          3. มีเงินทุน (นิสสยสัมปันโน) คือ รู้จักแหล่งกู้เงินมาลงทุนเพื่อมีเงินทุนหมุนเวียน และได้รับความไว้วางใจจากนายทุนเงินกู้
อปริหานิยธรรม 7           อปริหานิยธรรม แปลว่า ธรรมอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเสื่อม ธรรมที่ทำให้เกิดความเจริญทั้งส่วนตนและส่วนรวม หรือหลักปฏิบัติที่นำความสุขความเจริญมาสู่หมู่คณะ เป็นหลักธรรมที่เน้นความรับผิดชอบต่อส่วนรวม ความสามัคคีของหมู่คณะ และการเคารพนับถือซึ่งกันและกัน สรุปได้ดังนี้
          1.  หมั่นประชุมเป็นเนืองนิตย์
          2. พร้อมเพรียงในการประชุม มาประชุม เลิกประชุม และทำภารกิจอื่น ๆ ให้พร้อมกัน
          3.  ไม่บัญญัติสิ่งใหม่ ๆ ตามอำเภอใจ โดยผิดหลักการเดิมที่หมู่คณะวางไว้
          4.  เคารพนับถือผู้มีอาวุโส และรับฟังคำแนะนำจากท่าน
          5.  ไม่ข่มเหงหรือล่วงเกินสตรี
          6.  เคารพสักการะปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ และรูปเคารพต่าง ๆ
          7. ให้ความคุ้มครองพระสงฆ์ผู้ทรงศีลและนักบวชอื่น ๆ ให้อยู่ในชุมชนอย่างปลอดภัย
โภคอาทิยะ 5
          โภคอาทิยะ (หรือโภคาทิยะ) หมายถึง หลักธรรมที่สอนเกี่ยวกับการใช้จ่ายทรัพย์ที่หามาได้หรือแนวทางในการใช้จ่ายโภคทรัพย์ (ทรัพย์สินสิ่งของต่าง ๆ ที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค)มี 5 ประการ ดังนี้           1.  ใช้จ่ายเพื่อเลี้ยงดูตนเอง บิดามารดา และครอบครัว ให้อยู่ดีมีสุข
          2.  ใช้จ่ายเพื่อบำรุงมิตรสหายและผู้ร่วมงานเป็นครั้งคราว
          3.  ใช้จ่ายเพื่อป้องกันภัยอันตราย หรือเก็บออมไว้ยามเจ็บไข้ได้ป่วย
          4. ใช้จ่ายเพื่อทำพลี 5 อย่าง คือ สงเคราะห์ญาติ,ต้อนรับแขก,บำรุงราชการ (เสียภาษี), บำรุงเทวดา (สิ่งศักดิ์สิทธิ์ตามประเพณีของสังคม) และทำนุบำรุงให้บุพการีผู้ล่วงลับไปแล้ว
          5. ใช้จ่ายเพื่ออุปถัมภ์บำรุงนักบวช พระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีล และกิจการพระศาสนา
อริยวัฑฒิ 5
          อริยวัฑฒิ หมายถึง หลักปฏิบัติที่นำไปสู่ความเจริญงอกงาม หรือความเป็นอารยชน 
          หรือความเป็นคนดีในอุดมคติ ซึ่งจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ 5 ประการ ดังนี้
          1.  ศรัทธา (งอกงามด้วยศรัทธา) หมายถึง มีความเชื่อในสิ่งที่ควรเชื่อ เชื่อด้วยปัญญาและเหตุผล เช่น เชื่อว่าบุญบาปมีจริง เชื่อในผลของกรรม และเชื่อมั่นในการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
          2.  ศีล (งอกงามด้วยศีล) หมายถึง รักษากายและวาจาให้เรียบร้อยเป็นปกติ ในทางปฏิบัติคือการรักษาศีล 5 หรือ ศีล 8 ของชาวพุทธทั่วไป
          3. สุตะ (งอกงามด้วยสุตะ)  หมายถึงความรู้ที่ได้ยินได้ฟัง หรือการศึกษาหาความรู้ด้วยการฟังซึ่งรวมถึงการอ่านหนังสือและใช้สื่อเทคโนโลยีต่าง ๆ ในการแสดงหาความรู้อีกด้วย
          4. จาคะ (งอกงามด้วยจาคะ) หมายถึง รู้จักเสียสละ แบ่งปันสิ่งของให้แก่ผู้อื่น
          5.  ปัญญา (งอกงามด้วยปัญญา) หมายถึง มีความรู้อย่างกว้างขวาง รู้ชัดเจน และรู้จริง เป็นความรู้ทั้งในวิชาชีพ วิชาสามัญ หรือรู้เท่าทันโลก
ทิฏฐธัมิกัตถประโยชน์           ทิฏฐธัมมิกัตถประโยชน์ หมายถึง ธรรมที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ในปัจจุบัน หรือหลักปฏิบัติที่จะอำนวยประโยชน์สุขแก่บุคคลมี 4 ประการ คือ
          1. ความขยันหมั่นเพียร (อุฏฐานสัมปทา) มีความขยันหมั่นเพียรในกิจการงาน
          2.  การเก็บรักษา (อารักขาสัมปทา) หรือประหยัด ใช้จ่ายพอดี รู้จักเก็บรักษาทรัพย์ที่หามาได้
          3.  การคบคนดีเป็นมิตร (กัลยาณมิตร)รู้จักเลือกคบคนดี คนมีคุณธรรม และมีความรู้           4.  การดำรงชีพที่เหมาะสมพอดีหรือตามกำลังทรัพย์ ไม่ฟุ้งเฟ้อจนเกินฐานะของตน
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #14 เมื่อ: พฤษภาคม 24, 2013, 10:43:15 AM »





ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น
ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: