ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #345 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 09:01:58 AM » |
|
ความเสี่ยงด้านอัตรา แลกเปลี่ยนและการจัดการ วันที่ 2010-01-20 00:00:00 โดย post today -
เป็นความเสี่ยงที่เราต้องเผชิญและต้องให้ความสำคัญ เพราะเราอาจได้กำไรจากการทำธุรกิจหรือการลงทุน แต่สุดท้ายกับขาดทุน เพราะอัตราแลกเปลี่ยน เช่นเดียวกันกับการลงทุนในกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศ (foreign investment fund) หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า กองทุนรวม fif เราอาจได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ แต่พอนำเงินผลตอบแทนแลกกลับเป็นเงินบาท เราก็อาจขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้เช่นกัน ดังนั้นหากเรามีการจัดการความเสี่ยงที่ดี ก็สามารถลดโอกาสขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนได้
โดยลักษณะของกองทุนรวม fif เมื่อเรานำเงินไปลงทุน ทางกองทุนก็จะต้องมีการแลกเปลี่ยนเงินบาทให้เป็นเงินสกุลต่างประเทศของประเทศที่จะไปลงทุน (หรือสกุลเงินสากล) ก่อน เพื่อนำเงินออกไปลงทุน และเมื่อครบกำหนดการลงทุนกองทุน ก็จะได้รับผลตอบแทนและเงินต้นคืนกลับมาในรูปเงินสกุลต่างประเทศนั้น และเมื่อผู้ลงทุนมาไถ่ถอนหน่วยลงทุน หรือเมื่อกองทุนรวม fif ครบกำหนดไถ่ถอน กองทุนก็จะจ่ายคืนผลตอบแทนให้ผู้ลงทุน โดยแลกเปลี่ยนเงินสกุล ต่างประเทศที่ไปลงทุนคืนกลับเป็นเงินบาท แต่ด้วยความผันผวนในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนที่ขึ้นๆ ลงๆ อาจทำให้เกิดผลขาดทุนจากอัตรา แลกเปลี่ยน แล้วมากินส่วนที่เป็นเงินต้นและผลตอบแทนได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sa
Jr. Member

ออฟไลน์
กระทู้: 264
|
 |
« ตอบ #346 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 09:46:19 AM » |
|
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ รอลุ้นให้ผ่าน1145ด้วยคนค่ะ ฮิ ฮิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #347 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 11:13:00 AM » |
|
20 ม.ค. 2553
สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวผันผวน ในขณะที่ราคาทองคำสปอตแกว่งตัวรุนแรงตามคาดตามความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์และค่าเงินยูโร ซึ่งก็ได้ทำให้เงินบาทปรับตัวผันผวนเช่นกัน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,650/750 บาท
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้ รายงานผลสำรวจ ZEW ของเยอรมันแสดงให้เห็นว่านักวิเคราะห์มีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจเยอรมันและกลุ่มยูโรแย่ลงกว่าเดิมในขณะที่ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันดีขึ้นตามคาดเท่านั้น รายงานดังกล่าวจึงกดดันให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงไปอีก [ZEW, TCAF Research] ผลประกอบการรายบริษัทออกมาดีกว่าคาดทั้งบริษัทในยุโรปและสหรัฐฯโดยเฉพาะซิตี้กรุ๊ปที่รายงานหนี้สูญเพิ่มเติมน้อยกว่าเดิม เป็นการลดความกังวลของนักลงทุนเรื่องปัญหาหนี้สูญในสหรัฐฯ(หลังจากที่ผลประกอบการของเจพีมอร์แกนเมื่อวันก่อนออกมาไม่ดี) นอกจากนี้ผลประกอบการของบริษัทอื่นยังดีกว่าที่คาดอีกด้วย นักลงทุนจึงกลัวความเสี่ยงน้อยลงและกลับเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นได้ในภายหลัง โดยเฉพาะหุ้นสหรัฐฯที่ได้รับผลบวกจากการเมืองในประเทศ [Econoday, Bloomberg, TCAF Research] เริ่มมีรายงานเกี่ยวกับการบังคับใช้มาตรการการเงินต่างๆของธนาคารกลางจีนที่แสดงให้เห็นชัดเจนมากขึ้นว่าจีนเตรียมตัวถอนมาตรการกระตุ้น ลดปริมาณเงินกู้และอาจปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้นในไม่ช้า ซึ่งนโยบายการเงินที่รัดกุมมากขึ้นเป็นการจำกัดฟองสบู่และเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้น ในขณะเดียวกันก็เป็นการลดความร้อนแรงของเศรษฐกิจด้วย รายงานดังกล่าวจึงส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่าอย่างรุนแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะเมื่อเช้านี้ที่หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งของจีนได้รายงานว่ามีการเรียกเก็บเงินทุนสำรองในอัตราที่สูงกว่าที่กำหนดไว้จากธนาคารพาณิชย์บางแห่งที่มีการปล่อยกู้เป็นปริมาณมากในช่วงที่ผ่านมา [Reuters, 21cbh, TCAF Research]
แนวโน้มทองคำวันนี้ ข่าวร้ายต่อเศรษฐกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่องน่าจะกดดันราคาทองคำและสินทรัพย์เสี่ยงได้อีกสักพักหนึ่งถึงแม้ว่าจะมีข่าวดีประปรายก็ตาม เราจึงมองว่า "ราคาทองคำน่าจะเริ่มแกว่งตัวลง" เราจึงแนะนำให้ "สะสม SHORT GFG10 ในขณะที่พรีเมียมยังอยู่ในระดับสูง เพื่อทำกำไรระยะสั้น"
มุมมองทองคำ แนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวน่าจะมีความสำคัญที่สุดในช่วงนี้ ในขณะที่มาตรการต่างๆของมหาอำนาจก็น่าจับตามองไม่แพ้กันเนื่องจากอาจส่งผลต่อการรับความเสี่ยงของนักลงทุนและส่งผลต่อสถานะของทองคำได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #348 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 11:20:07 AM » |
|
ประเด็นสำคัญ - ทองปิดบวก,โลหะกลุ่มพลาตินั่มทะยานจากอุปสงค์ ETF - ยูโรร่วงหลังความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีลด,วิตกหนี้สินกรีซ - ราคาน้ำมันดิบปิดพุ่งขึ้นตามตลาดหุ้น - หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีทะยานหนุนดาวโจนส์ปิดพุ่ง 1.09%
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดปรับขึ้นในการซื้อขายที่หนาแน่นในวันอังคาร ในขณะที่ตลาดทองได้แรงหนุนจากแรงทะยานของโลหะกลุ่มพลาตินั่มซึ่งได้รับแรงผลักดันจากความเชื่อมั่นที่แข็งแกร่งของนักลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกองทุน ETF ของสหรัฐ
สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1,140.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 9.50 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,127.50-1,140.70 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 18.800 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 37.30 เซนต์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,639.40 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 43.30 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 461.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 14.20 ดอลลาร์
นักวิเคราะห์จากโรสแลนด์ แคปิตอล กล่าวว่า การพุ่งขึ้นของสัญญาพัลลาเดียมและพลาตินัมเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาทองคำทะยานขึ้นด้วย เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเศรษฐกิจที่ขยายตัวแข็งแกร่งของจีนและอินเดีย จะช่วยกระตุ้นดีมานด์โลหะทั้งสองประเภทที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตที่หลากหลาย รวมถึงการผลิต catalytic converter ในรถยนต์
ในวันนี้ สหรัฐฯจะมีการรายงานตัวเลขสำคัญ 2 ตัว คือ ดัชนีราคาผู้ผลิตและตัวเลขสร้างบ้านใหม่ รวมถึงงบของสถาบันการเงินขนาดใหญ่หลายแห่ง ด้านยูโรโซน ยังมีความกังวลในเรื่องประเทศกรีซอยู่ ซึ่งจะทำให้ตลาดหุ้นต่างประเทศวันนี้ น่าจะแกว่งตัวแคบๆเพื่อรอผลที่จะออกมา
กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,111.922 ตัน ณ วันที่ 19 มกราคม 2553 ลดลง 0.914 ตัน จากวันที่ 15 มกราคม 2553
กลยุทธ์ : หลังค่าเงินสกุลยูโรเกิดทำจุดต่ำสุดอีกรอบหลังเกิดการพักฐานได้ 18 วันทำการ ได้เริ่มแสดงทำจุดต่ำใหม่อีกครั้ง อาจจะกดดันราคาทองในทิศทางลงในช่วงระยะสั้นนี้ได้ ในช่วงปลายกลางสัปดาห์อาจจะเกิดตามด้วยการปรับฐานลงที่ระดับราคา 1123 US$ ซึ่งเป็นแนว Stop Loss ที่สำคัญมาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
oyo
|
 |
« ตอบ #349 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 11:34:32 AM » |
|
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #350 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 11:38:21 AM » |
|
นักลงทุนรอลุ้นผลการดำเนินงานของ Morgan Stanley ? Goldman Sachs ที่จะประกาศออกมาสัปดาห์นี้
Posted on Wednesday, January 20, 2010 ลุ้นกำไร Morgan Stanley ? Goldman Sachs สัปดาห์นี้
หลังจากที่เป็นคู่ขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดมาโดยตลอด รวมถึงตกเป็นผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันในวิกฤติการเงินครั้งล่าสุด นักลงทุนตลาดวอลล์สตรีทก็กำลังติดตามรอดูผลประกอบการของสองสถาบันการเงินคู่สำคัญ อย่าง Goldman Sachs Group และ Morgan Stanley ในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ผลงานในช่วง 9 เดือนแรกปี 2552 ของฝ่ายแรกออกมาทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ก่อนมีแนวโน้มทรงตัวในปีนี้ ขณะที่ฝ่ายหลังเพิ่งจะไต่ขึ้นมาจากก้นเหว และน่าจะสลัดทิ้งความตกต่ำที่สุดไว้ข้างหลังได้ในที่สุด
ผลงานในปีที่แล้วของ Goldman ก็สามารถดันราคาหุ้นของตนให้ outperform คู่แข่งไปได้อย่างไม่ยาก แม้สถานการณ์ในปีนี้อาจจะไม่เป็นเช่นนั้นอีกก็ตาม
แนวโน้มที่ต่างจากหน้ามือเป็นหลังมือในปีนี้เริ่มสะท้อนให้เห็นจากราคาหุ้นของทั้งคู่ ที่ Morgan Stanley สามารถขยับขึ้นไปได้แล้วกว่า 2% ในปีนี้ ขณะที่ของ Goldman Sachs กลับร่วงติดลบไปแล้วกว่า 2% เช่นกัน
สถานการณ์ที่พลิกผันมีส่วนถูกตอกย้ำด้วยมุมมองของนักวิเคราะห์ นำโดย โบรกเกอร์จาก Credit Suisse Group, UBS และ Macquarie Group ที่เริ่มให้คำแนะนำลงทุนในหุ้นของ Morgan Stanley ในเดือนนี้
มีคนที่เห็นด้วยกับความคิดของนักวิเคราะห์ค่ายที่พูดถึง เมื่อหันไปดูราคาหุ้นของ Morgan ที่มาจากฐานที่ต่ำในปีที่แล้ว ขณะที่ของ Goldman กลับต้องพยายามลากต่อจากฐานที่สูงมากเป็นทุนเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากถ้าหุ้นจะเดินหน้าอีก แม้ผลงานในไตรมาส 4 ที่จะประกาศออกมาในสัปดาห์นี้ Goldman Sachs ยังน่าจะรายงานผลประกอบการที่โดดเด่นเหนือกว่าของ Morgan Stanley อยู่ก็ตาม
ถ้ายังจำกันได้ อดีตโบรกเกอร์รายใหญ่ที่สุดทั้งสองรายของสหรัฐฯ นี้ ต้องถูกผลพวงของวิกฤติการเงินให้แปลงสภาพไปเป็น bank holding company เมื่อปี 2008 ก่อนจะฝ่าฟันอุปสรรคหลายๆ อย่างมาจนกระทั่งในวันนี้
ผลสำรวจความเห็นของนักวิเคราะห์ที่จัดทำโดยสำนักข่าว Bloomberg คาดว่า Goldman น่าจะรายงานตัวเลขกำไร 3,200 ล้านเหรียญสำหรับไตรมาส 4 ปีที่แล้ว ขณะที่ Morgan Stanley น่าจะทำได้ที่ 647 ล้านเหรียญ
ส่วนในปีนี้ทั้งปี เรื่องอาจกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นเหมือนหนังคนละม้วน เมื่อ Goldman Sachs อาจจะทำกำไรได้แค่ทรงตัวแถวๆ 11,000 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นระดับเดียวกันกับเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่กำไรของ Morgan Stanley น่าจะพลิกขึ้นจากที่เคยขาดทุน 521 ล้านเหรียญในปีก่อน กลับมาเป็นกำไร 5,210 ล้านเหรียญในปีนี้
หุ้นเทคโนโลยี-ประกันดัน Dow ปิดบวก ขณะกำไร IBM ต่ำคาด
ดัชนี MSCI World Index กลับมาบวกได้ 0.5% เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ร่วงลงไป 0.8% ในวันก่อน ปัจจัยหนุนมาจากแนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทส่วนใหญ่ยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น แม้ว่าประเด็นในเรื่องมูลค่าหุ้นที่ขึ้นมาสูงพอสมควรแล้วจะสร้างแรงขายให้เกิดขึ้นเป็นระยะ
แรงซื้อหุ้นกลุ่มประกัน เป็นตัวดันให้ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้น หลังเริ่มมีความเป็นไปได้ที่กฏหมายปฏิรูประบบดูแลสุขภาพของประเทศอาจถูกสกัดในวินาทีสุดท้าย หากพรรคเดโมแครตต้องสูญเสียที่นั่งในวุฒิสภากว่า 60 เสียงสำหรับการเลือกตั้งนัดพิเศษที่เริ่มขึ้นแล้วใน Massachusetts ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นไปเพื่อเติมโควต้าที่นั่งว่างของ Edward Kennedy สมาชิกพรรคเดโมแครตที่ล่วงลับไปแล้ว
นอกจากนั้น ตลาดยังถูกหนุนจากหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย Ciena Corp. ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเกือบ 10% หลังจากโบรกเกอร์ Credit Suisse Group ออกคำแนะนำลงทุนในหุ้น ด้วยเหตุผลแนวโน้มการเติบโตของรายได้
และในช่วงหลังจากปิดตลาด ก็ถึงคิวของยักษ์ใหญ่คอมพิวเตอร์ IBM ที่ออกมารายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากรายได้ทางด้านที่ปรึกษาปรับตัวลง แม้บริษัทจะบอกว่ากำไรของทั้งปีจะเกินเป้าที่ตั้งไว้ก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี ทางฝั่งของตลาดหุ้นยุโรปที่วัดโดยดัชนี Dow Jones Stoxx 600 กลับปรับตัวลง ภายหลังตัวเลขความเชื่อมั่นนักลงทุนในประเทศเยอรมันร่วงลงแรงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีข่าวความคืบหน้าของดีลควบรวมกิจการในธุรกิจอาหาร เมื่อบริษัท Cadbury ในที่สุดก็ยอมรับข้อเสนอซื้อของทาง Kraft Foods ด้วยตัวเลขที่จบลงที่ 11,900 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 19,700 ล้านเหรียญ หลังจากที่การเจรจาดำเนินมายาวนานกว่า 4 เดือน ก่อนที่จะสามารถสร้างอาณาจักรทางธุรกิจขนมหวานที่ใหญ่ที่สุดในโลกได้สำเร็จ
หุ้น Cadbury บวกขึ้นได้กว่า 3.6% ขณะที่ของทาง Kraft Foods ปรับตัวลง 0.6%
ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันอ่อนตัวต่อเนื่อง
ความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกันในเดือนม.ค.2553 เนื่องจากความวิตกว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศเริ่มชะลอตัว
ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่อชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 47.2 ในเดือนม.ค. จากระดับ 50.4 จุดในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา หลังจากที่ปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดในเดือนก.ย. 2552 โดยตัวเลขที่ลดลงนี้มากกว่าที่สื่อในประเทศคาดการณ์เอาไว้มาก
สื่อเยอรมันคาดการณ์ว่าดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนม.ค.จะลดลงแค่ 0.4 จุดจากเดือนก่อน
ทั้งนี้ ZEW ระบุว่า ทิศทางขาลงของดัชนีแสดงให้เห็นว่า ผู้เชี่ยวชาญในตลาดการเงินคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจเยอรมนีจะฟื้นตัวในอัตราที่ชะลอตัว โดยเฉพาะภาคยานยนต์และการบริโภคมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในช่วงครึ่งปีหน้า
วานนี้ ธนาคารกลางเยอรมนีได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประเทศว่าจะฟื้นตัวต่อเนื่อง แม้มาตการกระตุ้นต่างๆที่รัฐบาลนำมาใช้เริ่มหมดอายุลงไปบ้างแล้ว แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ประมาทเรื่องการบริโภคภาคเอกชน
สหรัฐฯเรียกคืนเนื้อวัวปนเปื้อนเกือบ 400 ตันในประเทศ
กระทรวงเกษตรของสหรัฐสั่งเรียกคืนเนื้อวัวจำนวน 390 ตันที่คาดว่ามีการปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรีย E. coli
สำนักงานตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหาร (FSIS) ในสังกัดกระทรวงเกษตรของสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์ว่า เนื้อวัวที่ถูกเรียกคืนดังกล่าวผลิตจากบริษัท Huntington Meat Packing Inc ในลอสแองเจ รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งส่วนใหญ่ผลิตขึ้นเพื่อส่งไปยังศูนย์จำหน่าย ร้านอาหาร และตามโรงแรมทั่วแคลิฟอร์เนีย
ในระหว่างที่มีการติดตามผลการตรวจสอบประวัติของบริษัทนั้น เจ้าหน้าที่พบว่า มีผลิตภัณฑ์บางประเภทที่ผลิตและส่งออกในปี 2551 อาจมีสารปนเปื้อนประเภทแบคทีเรีย E. coli ด้วยเช่นกัน
หลังจากที่การตรวจสอบความปลอดภัยทำให้มีการพบปัญหาเบื้องต้นในเนื้อวัวที่ส่งมาจากโรงงานตั้งแต่วันที่ 5 ม.ค.-15 ม.ค. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม จนถึงขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้ที่ป่วยจากการบริโภคเนื้อวัวที่ทางการสหรัฐเรียกคืนมาแต่อย่างใด
ทั้งนี้ เชื้อ E.coli เป็นเชื้อโรคในอาหารที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย E. coli โดยผู้ที่ได้รับเชื้อดังกล่าวจะมีอาการท้องเสีย ถ่ายเป็นเลือด และอาจรุนแรงถึงขั้นไตวายในรายที่มีอาการสาหัส
โตเกียวประกาศถอดหุ้นสายการบิน JAL ออกจากตลาดวันนี้
ตลาดหุ้นโตเกียวประกาศถอดหุ้นของบริษัท เจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป เจ้าของสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส (JAL) ออกจากตลาดในวันนี้ หลังจากที่บริษัทได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายต่อศาลในวานนี้ตามคาด
สายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส (JAL) ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากการล้มละลายต่อศาลแขวงโตเกียวแล้ว เพื่อที่จะฟื้นฟูกิจการภายใต้การดูแลของ Enterprise Turnaround Initiative Corp. of Japan (ETIC) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลมอบหมายให้ดูแลแผนฟื้นฟูกิจการของ JAL ภายใต้มาตรการปรับโครงสร้างนี้ JAL จะได้รับการยกเว้นหนี้สินกว่า 350,000 ล้านเยนจากธนาคารเจ้าหนี้
ขณะที่ ETIC ระบุว่า จะรับประกันเรื่องการทำธุรกรรมที่เกี่ยวกับค่าเชื้อเพลิงและด้านการทำธุรกรรมเชิงพาณิชย์อื่นๆ เพื่อที่บริษัทคู่ค้าของสายการบินจะยังสามารถทำธุรกิจกับ JAL ต่อไปได้
ทางสายการบินยังได้ประกาศการลาออกของนายฮารุกะ นิชิมัตสึ ประธานบริษัท และเตรียมลดพนักงานกว่า 15,000 รายภายในปีงบการเงิน 2555
ก่อนหน้านี้ มาซายูกิ นาโอชิมะ รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมญี่ปุ่นเผยรัฐบาลพร้อมที่จะขจัดปัญหาทั้งปวงที่ทำให้การดำเนินงานของ เจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป เจ้าของสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส (JAL) สะดุด
ขณะที่สายการบินยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย พร้อมกับชี้ว่า ธุรกิจสายการบินนั้นมีความสำคัญต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ดังนั้น รัฐบาลจะแก้ปัญหาทั้งหมดทั้งปวงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ JAL
ฟิลิปปินส์เล็งขายพันธบัตรดอลลาร์-ยูโรในปีนี้
ฟิลิปปินส์กำลังพิจารณานำพันธบัตรสหรัฐและยูโรออกขายในปีนี้ หวังระดมทุนโปะยอดขาดดุลบัญชีงบประมาณที่พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์
รัฐมนตรีคลังฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า รัฐบาลอาจขายพันธบัตรระยะ 3 ปีและ 5 ปีในวงเงิน 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกภายใต้การสนับสนุนของธนาคารกลาง และจะเปิดโอกาสให้ชาวฟิลิปปินส์ในต่างประเทศเข้าซื้อพันธบัตรล็อตนี้ด้วย
ในเดือนมกราคมฟิลิปปินส์ขายพันธบัตรสหรัฐ 1,500 ล้านดอลลาร์ให้กับนักลงทุนต่างชาติ และอาจเพิ่มการขายพันธบัตรในรูปสกุลเงินเยนของญี่ปุ่นอีก 1 พันล้านดอลลาร์ในเดือนหน้า ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนระดมทุน 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ โดยรัฐบาลคาดว่า ตัวเลขขาดดุลบัญชีปีนี้จะเพิ่มขึ้นแตะ 293,000 ล้านเปโซ (6,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
กระทรวงคลังกล่าวว่า เรากำลังพิจารณาข้อเสนอเรื่องการลดอัตราการออมของชาวฟิลิปปินส์ที่ทำงานในต่างประเทศและหวังว่าเราจะสามารถดำเนินการเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
ทั้งนี้ ฟิลิปปินส์ได้เริ่มขายพันธบัตรในรูปสกุลเงินเปโซให้แก่นักลงทุนรายย่อยในประเทศตั้งแต่ปี 2544 และสามารถระดมทุนจากการขายพันธบัตรดังกล่าวได้ 114,400ล้านเปโซในเดือนก.ย.ปีที่แล้ว
นอกจากนี้ รัฐบาลยังเตรียมที่จะนำพันธบัตรในรูปสกุลเงินเยนออกขายให้นักลงทุนชาวญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2544 โดยจะพิจารณาวงเงินสำหรับขายพันธบัตรดังกล่าวไว้ที่ 500 ล้านดอลลาร์
เวเนซูเอล่าสั่งยึดกิจการธนาคารเอกชน 3 แห่ง
สำนักงานกำกับดูแลธนาคารของเวเนซุเอลา แถลงว่า รัฐบาลได้ยึดธนาคารขนาดเล็ก 3 แห่ง และสั่งปิดสถาบันการเงิน 2 แห่ง เพื่อให้ระบบการเงินการธนาคารของประเทศมั่นคง
ธนาคารทั้ง 3 แห่งได้แก่ ธนาคารอินเวอร์ยูเนียนบองโกคอมเมอร์เชียล/ ธนาคารบองโกเดลซอล และธนาคารมีกาซา เป็นการตัดสินใจแบบประชุมลับ ลูกค้าธนาคารยังไม่สามารถถอนเงินในบัญชีได้ นอกจากนี้ สำนักงานยังได้สั่งปิดวาณิชธนกิจ 2 แห่ง คือ บองอินเวสต์ และบองโกเรียลบองโก เด เดซาร์โรลโล เนื่องจากบริหารงานไร้ประสิทธิภาพ
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลเวเนซุเอลา เคยสั่งแปรสภาพธนาคารขนาดกลางและเล็ก 8 แห่ง มาแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม โดยยึด 4 แห่ง เป็นของรัฐ แล้วรวมขึ้นธนาคารใหม่
มีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า การปฏิรูปธนาคารเกิดขึ้นในช่วงเดียวกับที่ประธานาธิบดีฮิวโก ชาเวซ ต้องการยกเครื่องระบบการคลังของประเทศครั้งใหญ่ และเล็งจัดการเลือกตั้งสมชิกสภานิติบัญญัติในปีหน้า
เกาหลีและญี่ปุ่นขยายข้อตกลงสว็อปเยน-วอน
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ได้ขยายระยะเวลาสำหรับข้อตกลงสว็อปสกุลเงินทวิภาคีมูลค่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์กับธนาคารกลางญี่ปุ่นออกไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย. 2553 เพื่อสร้างเสถียรภาพในตลาดเงินในประเทศและภูมิภาค
ความเคลื่อนไหวในครั้งนี้มีขึ้น หลังจากที่ธนาคารกลางทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงขยายข้อตกลงสว็อปเงินเยน-วอนเป็น 2 หมื่นล้านดอลลาร์ จากเดิมที่ 3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงกลางเดือนธ.ค. 2551 และหลังจากนั้นก็ได้มีการขยายข้อตกลงไปจนกระทั่งถึงวันที่ 1 ก.พ. 2553
ธนาคารกลางเกาหลีใต้ยังได้คงเครดิตไลน์ 1 หมื่นล้านดอลลาร์กับธนาคารกลางญี่ปุ่นตามแผนการดำเนินการฉุกฉินภายในกรอบของโครงการความคิดริเริ่มเชียงใหม่ (CMI)
ทั้งนี้ สำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ช่วงสิ้นเดือนธ.ค. 2552 อยู่ที่ 2.69 แสนล้านดอลลาร์ นับเป็นประเทศที่มีสำรองเงินตราต่างประเทศมากที่สุดอันดับ 6 ของโลก รองจากจีน ญี่ปุ่น รัสเซีย ไต้หวัน และอินเดีย
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 19 ม.ค. 2553) ? ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย (ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 15 จุด (ลดลงจากเดือนก่อนหน้า)
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 20 ม.ค. 2553) ? ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้าน (ธ.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ? ตัวเลขการขออนุญาตก่อสร้าง (ธ.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ? ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ PPI () โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #351 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 12:36:33 PM » |
|
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน มีการเปลี่ยนแปลงนิดหนี่ง มีคำว่า ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย และ ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ เพิ่มเข้ามา เฉพราะที่เพิ่มเข้ามานิดหน่อยนี้ ผมใช้เวลาศุกร์-เสาร์-อาทิตย์(25--27ธค.52)ทั้ง3วันค้าหาในเวปจีนถึงได้เจอ และเอามาเพิ่มผสมเข้ากับกาฟตาแป๊ะช่องซ้ายบน ยังมิทราบจะแม่นยำแค่ไหน ต้องคอยกาลเวลาบ่งบอกครับกราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลงขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหันซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้ทอง 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #352 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 12:37:59 PM » |
|
ดัชนีเงินเมกา 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
numcha
Newbie
ออฟไลน์
กระทู้: 11
|
 |
« ตอบ #353 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 02:06:48 PM » |
|
ขอบคุณมากคะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #354 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 02:23:14 PM » |
|
Gold Futures บ่ายนี้ โบรกฯ คาดยังเป็นขาขึ้น Wednesday, 20 January 2010 14:06 นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ PST เปิดเผยถึงการซื้อขายสินค้า Gold Futures ในตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ในวันนี้ว่า ราคาทองล่วงหน้าของไทยยังคงทรงตัว เพราะภาพรวมตลาดทองในประเทศยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามากระตุ้น
ประกอบกับในวันนี้ตลาดทองคำต่างประเทศ มีทั้งปัจจัยบวกและลบเข้ามากระทบ โดยปัจจัยบวกมาจากราคาทองคำในตลาด COMEX วานนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้น 9.50 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ระดับ 1,140 ดอลลาร์/ออนซ์ แต่มีปัจจัยลบหลังจากกองทุน SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทีถือครองทองคำสูงที่สุดในโลก เทขายทองคำออกมา 0.914 ตัน อยู่ที่ระดับ 1,111.922 ตัน
สำหรับในช่วงบ่ายคาดว่าราคา Gold Futures จะยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ อย่างไรก็ตามหากพิจารณาจากปัจจัยเรื่องฤดูกาล ประเมินว่าราคาทองมีโอกาสปรับตัวขึ้นมา ในช่วงครึ่งหลังของเดือนมกราคม - ครึ่งแรกของเดือนกุมภาพันธ์ ของทุกปี โดยกลยุทธ์แนะนำให้เปิดสถานะซื้อ โดยประเมินแนวรับในสัญญา GFG10 เดือนกุมภาพันธ์ 2553 ไว้ที่ 17,750 บาท แนวต้าน 18,060 บาท
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Yai Carmungwed
|
 |
« ตอบ #355 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 03:56:48 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Yai Carmungwed (Sapankwane) Nakhonpathom
|
|
|
JO-JO
Jr. Member

ออฟไลน์
กระทู้: 285
|
 |
« ตอบ #356 เมื่อ: มกราคม 20, 2010, 09:28:53 PM » |
|
ขอบคุณครับ คุณทองใหม่ รอดูการเปลี่ยนแปลงของตาแป๊ะวันพรุ่งนี้ครับ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #359 เมื่อ: มกราคม 21, 2010, 06:28:58 AM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|