Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 28 29 [30] 31 32 ... 51   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองสวัสดีปีใหม่2010  (อ่าน 58083 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #435 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 06:13:36 AM »

เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #436 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 06:16:02 AM »

กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #437 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 07:36:56 AM »

กราฟบน ระยะยาว กำลังเลือกทิศทาง ให้อยู่เฉยๆ

กราฟล่าง แดงเขียวกำลังตัดกัน กำลังจะขึ้น จุดฟ้ามาแล้ว

อุ๊ย...มีคำว่า buy ด้วย ให้เข้าซื้อได้ ...ถูกรึป่าวคะอาจารย์

เส้นแดงตรง ๆ 1-5 นี่มันเส้นอะไรเอ่ย

ฟ้าเหลืองก็ชนเส้น 80 แล้วซะด้วยใกล้กลับหักหัวลงได้บ้าง

คำว่าbuy ใช้กับ1ชม.เพราะเป็นกราฟ1ชม.ครับ ช่วงสั้นครับ และตอนนี้ก็ขึ้นตามคำว่าbuyแล้วครับ อย่าใช้กับเล่นทองแท่งหรือGFนา ขอบอก   เส้นแดงตัวเลข1-5 เป็นกราฟที่เขาใช้นับคลื่น ใช้ไม่ค่อยตรงตามคลื่นที่เขานับกันสักเท่าไหร่หรอกครับ ผมแทรกกราฟเข้าไปแล้วลืมเอาออก ฮาฮา เดี๋ยวผมเอาออกจากกราฟในเครื่องเลยครับ เดี๋ยวทำให้เพื่อนๆงงอีก

 
!thk 55555 นึกว่าสัญญาณตัวใหม่มาซะอีก
ผมผิดอีกแล้ว นั่นเป็นกราฟ4ชม. !17 !17เหงื่อแตกเลยเรา ขอแก้ไขใหม่ อันใหม่นี้กราฟ1ชม.จ้า
บันทึกการเข้า
sa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 264


« ตอบ #438 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:00:47 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #439 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:07:44 AM »

เศรษฐกิจสหรัฐฯยังฟื้นตัวอย่างช้า ๆ แนะจับตามาตรการเศรษฐกิจ-ค่าเงินอย่างใกล้ชิด

Posted on Tuesday, January 26, 2010
อุสรา วิไลพิชญ์ นักเศรษฐศาสตร์อาวุโส  ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด(ไทย) กล่าวว่า ผลการประชุมของธนาคารกลางญี่ปุ่นที่ออกมาว่า จะพิจารณาขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ และจะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลหากเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว  ถือเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของญี่ปุ่นยังอ่อนแอ และค่าเงินเยนยังมีแนวโน้มแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจต่อไปได้ อย่างไรก็ตาม มาตรการดังกล่าวจะทำให้ค่าเงินเยนมีโอกาสน้อยลงที่จะแข็งค่าจนหลุดระดับ 90 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ และน่าจะเคลื่อนไหวในระดับ 90-95 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐ

สำปรับปัจจัยที่ควรจับตาในขณะนี้ คือ ผลการประชุมด้านอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่น่าจะมีความเห็นตรงกันว่าไม่ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ย และยังต้องจับตาแถลงการณ์ผลการประเมินสถานะของเศรษฐกิจของธนาคารกลางสหรัฐฯ และการลดการผ่อนคลายมาตรการการเงิน ด้วย

นอกจากนี้ อัตราการว่างงานในสหรัฐฯยังอยู่ในระดับสูง ทำให้เชื่อได้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป และการที่อัตราดอกเบี้ยปล่อยกู้ระยะสั้นระหว่างธนาคาร (Libor) ที่มีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น แม้ว่าดอกเบี้ยในตลาดยังไม่ปรับเพิ่มขึ้น ก็น่าจะทำให้มีการขายทำกำไรในสินทรัพย์ของตลาดเกิดใหม่ในเอเชีย เพื่อดึงเงินกลับได้ในอนาคต

ส่วนการที่นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เสนอนโยบายให้ธนาคารพาณิชย์ และวาณิชธนกิจ ลดการลงทุนโดยตรงในตลาดอัตราแลกเปลี่ยน และสินค้าโภคภัณฑ์  เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาภาวะฟองสบู่ ก็อาจจะทำให้มีการขายสินทรัพย์ออกมาครั้งใหญ่เพื่อดึงเงินกลับประเทศได้เช่นกัน แต่ก็ยังต้องติดตามความเห็นของวุฒิสภาของสหรัฐฯด้วย

สำหรับค่าเงินบาทยังมีแนวโน้มแกว่งตัวแคบ ๆ เพราะแม้ว่าเงินจะไหลออกจากตลาดหุ้น แต่ก็ยังเงินต่างประเทศไหลเข้าในตลาดพันธบัตร ทำให้ค่าเงินบาทน่าจะแข็งค่าขึ้นต่อไป

ติดตาม Get SET ทุกวันจันทร์ ? ศุกร์ เวลา 8.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #440 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:10:37 AM »

ประเด็นสำคัญ
  - ราคาทองทองปิดบวก ขณะนักลงทุนระมัดระวัง
  - ดอลล์แข็งรับคาด"เบอร์นันเก้"เป็นปธ.เฟดสมัยสอง
  - ดาวโจนส์ปิดบวกรับคาดวุฒิสภาสหรัฐหนุน"เบอร์นันเก้"
  - คาน้ำมันดิบไต่ขึ้นตามตลาดหุ้น

   ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดปรับขึ้นในวันจันทร์จากการร่วงลงของดอลลาร์, การเดินหน้าขึ้นของน้ำมันดิบ และแรงซื้อครั้งใหม่ในตลาดส่งมอบปัจจุบัน หลังการร่วงลงอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.เคลื่อนตัวในช่วง 1,104.00-1,092.20 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 183,199 สัญญา

    เทรดเดอร์กล่าวว่า บรรยากาศในตลาดอยู่ในเชิงระมัดระวังก่อนการครบกำหนดส่ง มอบออปชันที่ตลาด COMEX และการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันพุธ

    ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงเป็นปัจจัยสำคัญที่หนุนสัญญาทองคำดีดตัวขึ้น โดยเมื่อวานนี้ ดัชนี ICE Futures US dollar index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินดอลลาร์เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลักๆ ร่วงลง 0.1%
อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในการขายตราสารหนี้อายุ 5 ปีของกรีซได้ลดความวิตกเกี่ยวกับปัญหาด้านการคลังในยูโรโซน ซึ่งเป็นแรงหนุนเล็กน้อยต่อยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เฟดจะเริ่มการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเป็นเวลา 2 วันในวันอังคาร และนักวิเคราะห์คาดว่า นักลงทุนจะจับตาอย่างใกล้ชิดต่อสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจ ขณะที่แทบไม่มีใครคาดว่าเฟดจะเปลี่ยนแปลงนโยบาย

   นักวิเคราะห์จากเอ็มเอฟ โกลบอล คาดการณ์ว่า สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ อาจได้รับผลกระทบจากมาตรการคุมเข้มด้านการปล่อยเงินกู้ของจีนและสหรัฐ

   กลยุทธ์ : หลังการหลุดแนว Stop Loss สำคัญที่ระดับราคา 1,123 US$ ซึ่งเป็นแนวที่สำคัญมาก อาจจะทำให้ทองลงไปถึงแนว 1,070 US$ แนวถัดไป ช่วงสัปดาห์นี้อาจจะเล่นในกรอบ 1,110 ? 1,078 US$ เพื่อเปลี่ยนแนวโน้มในปลายสัปดาห์ เลยแนะนำเป็นการเล่นเด้งระยะสั้นเท่านั้นในช่วงต้นสัปดาห์เพราะแนวโน้มยังไร้ทิศทาง

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #441 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:19:50 AM »

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #442 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:21:19 AM »

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #443 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:29:05 AM »

26 ม.ค. 2553


 บาท/ดอลลาร์เช้านี้แข็งค่า หลังดอลล์อ่อนเทียบสกุลเงินหลัก, รอผลประชุมเฟด
       
        *บาท/ดอลลาร์ภาคเช้าแข็งค่าขึ้นตามสกุลเงินต่างประเทศ ขณะที่ตลาด
         กำลังรอดูผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในช่วงกลาง
         สัปดาห์นี้ เพื่อพิจารณาถึงแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐในช่วงต่อไป
        *ดอลลาร์ในตลาดนิวยอร์ควานนี้ ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับเยน ขณะที่นายเบน
         เบอร์นันเก้ ประธานเฟด ใกล้จะได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งต่อไป
         เป็นสมัยที่ 2 ซึ่งช่วยคลายความวิตกของนักลงทุน 
        *เยนยังได้รับแรงกดดัน จากคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ) อาจ
         จะประกาศมาตรการเพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงิน รวมถึงการซื้อพันธบัตร
         รัฐบาลสหรัฐ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ 
        *แต่ดอลลาร์ปรับตัวลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินสำคัญเป็นส่วนใหญ่ หลังทะยานขึ้น
         ในสัปดาห์ที่ผ่านมา จากการที่นักลงทุนลดการถือครองสกุลเงิน และสินทรัพย์
         ที่ให้ผลตอบแทนสูง     
        *ยูโรปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ หลังแตะระดับสูงถึง 1.4197 ดอลลาร์
         ขณะที่แหล่งข่าวธนาคารระบุว่า อุปสงค์สำหรับตราสารหนี้ของกรีซสูงประมาณ
         2.5 หมื่นล้านยูโร
        *อุปสงค์ที่แข็งแกร่งในการขายตราสารหนี้อายุ 5 ปีของกรีซ ได้ลดความวิตก
         เกี่ยวกับปัญหาด้านการคลังในยูโรโซน ซึ่งเป็นแรงหนุนเล็กน้อยต่อยูโร เมื่อ
         เทียบกับดอลลาร์ 
        *ปอนด์ปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ก่อนที่อังกฤษเปิดเผยข้อมูลจีดีพีซึ่งคาดว่า
         เศรษฐกิจอังกฤษ จะกลับมามีการขยายตัวในไตรมาส 4 
        *เฟดจะเริ่มการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน เป็นเวลา 2 วัน ในวันอังคาร
         และนักวิเคราะห์คาดว่า นักลงทุนจะจับตาใกล้ชิด ต่อสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจ
         ขณะที่แทบไม่มีใครคาดว่า เฟดจะเปลี่ยนแปลงนโยบาย       
        *08.41 น. บาท/ดอลลาร์อยู่ที่ 32.90/95 จาก 32.94/99 เมื่อวาน
         ขณะที่ใน offshore อยู่ที่ 32.92/94 จาก 32.96/99 เมื่อวาน
        *เยน/ดอลลาร์ อยู่ที่ 90.47/48 จาก 90.22 ในตลาดลอนดอนเมื่อคืน
        *ยูโร/ดอลลาร์ อยู่ที่ 1.4171/74 จาก 1.4150 ในตลาดลอนดอนเมื่อคืน
 
        "เช้านี้บาทแข็งค่าขึ้น ก็ตามสกุลเงินอื่นๆ แต่ตลาดก็คงรอดูเฟดด้วย วันนี้น่าจะ
แกว่งอยู่ใน range 32.90 ถึง 33.00" ดีลเลอร์ กล่าว
        เขา กล่าวว่า เงินบาทเช้านี้แข็งค่าขึ้นตามสกุลเงินต่างประเทศ หลังดอลลาร์
อ่อนตัวลงมาในระยะสั้น แต่คาดว่าบาทในวันนี้จะเคลื่อนไหวไม่มากนัก เพราะนักลงทุน
บางส่วนจะรอดูผลการประชุม และการส่งสัญญาณของเฟด ต่อทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ
        ดีลเลอร์คาดว่า เงินบาทในวันนี้จะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.90-33.00

 
        แหล่งที่มา : รอยเตอร์

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #444 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:47:36 AM »

เชื่อ ?เบน เบอร์นันเก้? ได้เสียงสนับสนุนนั่งประธานเฟดต่ออีกสมัย

Posted on Tuesday, January 26, 2010
ทำเนียบขาวเชื่อเบอร์นันเก้ได้เสียงสนับสนุนนั่งประธานเฟดต่ออีกสมัย

เดวิด เอ็กเซลร็อด ที่ปรึกษาอาวุโสของทำเนียบขาว และมิทช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสังกัดพรรครีพับลีกัน คาดการณ์ว่า เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะได้รับเสียงสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดต่อเป็นสมัยที่ 2

การคาดการณ์ดังกล่าวมีขึ้นเพียง 2 วันหลังจากเบอร์นันเก้ได้รับเสียงสนับสนุนอย่างประปรายจากสมาชิกพรรคเดโมแครต ซึ่งข่าวดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง

เอ็กเซลร็อด กล่าวให้สัมภาษณ์ทางรายการ ?State of the Union" ของสถานีโทรทัศน์ CNN ว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา มีความเชื่อมั่นมากว่าเบอร์นันเก้จะได้รับเสียงสนับสนุนให้เป็นประธานเฟดสมัยที่ 2

ขณะที่แมคคอนเนลกล่าวทางรายการ ?Meet the Press" ของสถานีโทรทัศน์ NBC ว่า เบอร์นันเก้จะได้รับเสียงสนับสนุนส่วนใหญ่จากทั้ง 2 พรรคในวุฒิสภา แม้มีสมาชิกบางคนของพรรครีพับลิกันจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

การแสดงความคิดเห็นดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนจากพรรคเดโมแครตในวุฒิสภา คือ วุฒิสมาชิกแฮร์รี่ รี้ด จากรัฐเนวาดา และวุฒิสมาชิกริชาร์ด เดอร์บิน จากรัฐอิลลินอยส์ ได้ออกเสียงสนับสนุนเบอร์นันเก้ แต่วุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน และวุฒิสมาชิกจอห์น คอร์นิน ออกเสียงคัดค้าน

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2552 คณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 16 ต่อ 7 อนุมัติการเสนอชื่อเบอร์นันเก้ วัย 56 ปี ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟด) ต่ออีกสมัย

ขณะที่การดำรงตำแหน่งสมัยแรกจะครบวาระในเดือนม.ค.ปี 2553 โดยการลงมติครั้งนี้มีขึ้นหลังจากสมาชิกวุฒิสภาใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงในการอภิปรายแสดงความเห็น เพราะมีทั้งผู้ที่กล่าวยกย่องและผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานเฟดผู้นี้

ผลสำรวจล่าสุดของบลูมเบิร์ก ปรากฎว่า วุฒิสมาชิก จำนวน 30 คน ยืนยันที่จะสนับสนุนเบอร์นันกี้ต่อไป ขณะที่ 16 คนคัดค้านต่อความคิดดังกล่าว และ อีก 31 คนยังไม่ได้ตัดสินใจ โดยเสียงที่ไม่สนับสนุนกล่าวว่า การทำงานของเบอร์นันกี้นั้น ล้มเหลวในการควบคุมสถาบันการเงินในช่วงก่อนเกิดวิกฤติ และ มีข้อสงสัยต่อแผนการช่วยเหลือจำนวน 182,000 ล้านที่ให้กับ AIG


หุ้นสหรัฐฯ ฟื้นหลังดิ่งหนัก โอบามาเสนอผ่อนภาษีผู้มีรายได้ปานกลาง

ดัชนี S&P 500 ของสหรัฐฯ ฟื้นขึ้นได้เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ร่วงลงไปอย่างหนักเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักลงทุนมีความมั่นใจมากขึ้นว่า ในที่สุด Ben Bernanke จะยังคงสามารถรั้งตำแหน่งประธานธนาคารกลางได้เป็นสมัยที่สอง

อย่างไรก็ดี ที่ตลาดหุ้นยุโรปยังปรับตัวลงต่อ โดยมีปัจจัยผลประกอบการเป็นตัวฉุดตลาด หนึ่งในนั้นก็มีหุ้น Ericsson ที่เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายไร้สายรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยตัวเลขกำไรที่ดิ่งลงถึง 92%

ในส่วนอัพเดตเศรษฐกิจสหรัฐฯ สมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ได้รายงานยอดขายบ้านที่สร้างเสร็จ ลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ในเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นการชี้ให้เห็นว่าผู้ซื้อพึ่งพามาตรการจูงใจทางภาษีของรัฐเป็นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา

ยอดขายบ้านร่วงลงถึง 17% เพียง 1 เดือนหลังจากที่นโยบายบรรเทาภาระภาษีจากรัฐที่เดิมทีจะหมดอายุลง ก่อนที่ทางการจะเปลี่ยนใจและยืดเวลาการใช้มาตรการนี้ออกไปในที่สุด นักเศรษฐศาสตร์หวังว่ายอดขายบ้านจะฟื้นกลับขึ้นมาในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า จากการขยายเวลานโยบายช่วยเหลือทางภาษี แม้บางคนยังคงเป็นห่วงถึงตลาดแรงงานที่เป็นอุปสรรคใหญ่ต่อการตัดสินใจซื้อบ้าน

สำหรับความคืบหน้าของมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ล่าสุดประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้มีการเสนอมาตรการบรรเทาภาระภาษีของชาวอเมริกันที่มีรายได้ปานกลาง ซึ่งรวมถึงการให้สิทธิทางภาษีแก่ผู้ที่มีบุตรมากขึ้น และการขยายขอบเขตสิทธิทางภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับการออมเพื่อการเกษียนอายุด้วย

ข้อเสนอทั้งหมดของผู้นำสหรัฐฯ นี้ เป็นไปเพื่อต้องการตอบโจทย์ใน 3 เรื่องใหญ่ๆ ซึ่งก็คือ สภาวะเศรษฐกิจ ตลาดแรงงาน และการจัดการกับปัญหาการขาดดุลงบประมาณ แม้จะมีผู้ที่ให้ความเห็นถึงมาตรการใหม่นี้ว่า เป็นเพราะประธานาธิบดี โอบามา ต้องการเรียกคะแนนนิยมทางการเมืองกลับคืนมา หลังจากที่พรรคเดโมแครตต้องเสียสูญไปในการเลือกตั้งนัดพิเศษสำหรับโควต้าวุฒิสมาชิกในรัฐ Massachusetts


ธนาคารในวอลล์สตรีทยอมหั่นค่าตอบแทนผู้บริหาร หลังตกเป็นเป้าการเมือง

แรงกดดันทางการเมืองบีบให้ยักษ์ใหญ่วาณิชธนกิจในวอลล์สตรีทต้องยอมหั่นการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้บริหาร รวมถึงพนักงานของตนในไตรมาส 4 ที่ผ่านมา

การตัดสินใจของ Goldman Sachs Group, Morgan Stanley และ JPMorgan Chase เกิดขึ้นก่อนหน้าที่จะมีการเปิดเผยรายละเอียดของการจ่ายเงินแก่ผู้บริหารที่จะออกมาในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยทั้ง 3 รายต่างเปิดเผยว่า ได้กันเงินไว้สำหรับการจ่ายค่าเหนื่อยให้กับพนักงานเกือบ 40,000 ล้านเหรียญในปี 2552 ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าปี 2007 ที่จ่ายไปสูงถึง 44,700 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ ยังน้อยกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์หลายรายที่เคยประเมินว่าทั้งสามแบงก์จากวอลล์สตรีทจะจ่ายเงินให้แก่พนักงานรวมกันราว 46,000 ล้านเหรียญ

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้กล่าวประนามการจ่ายเงินโบนัสในภาคธนาคารเป็นครั้งที่สองแล้ว ก่อนที่จะตามมาด้วยการโจมตีโดยสมาชิกผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต Andre Carson ที่เรียกการกระทำของบรรดาแบงก์ต่างๆ ว่าเป็นสิ่งที่ปราศจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ

ขณะที่บรรดาธนาคารทั้งหลายกำลังเตรียมตัวที่จะเปิดเผยรายละเอียดค่าตอบแทนที่เป็นจำนวนหุ้นในอีกไม่ช้านี้ ข้อมูลของ Morgan Stanley ที่ยื่นให้กับทางการเกี่ยวกับผู้บริหารระดับสูงจำนวน 10 ราย ได้ระบุว่า ซีอีโอ คือ นาย James Gorman ได้รับหุ้นเป็นมูลค่า 8.6 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว ขณะที่ co-president นาย Walid Chammah รับไป 6.6 ล้านเหรียญ ส่วนอดีตซีอีโอ นาย John Mack ที่ยังนั่งเป็นประธานอยู่ในตอนนี้ กลับไม่ได้รับโบนัสแต่อย่างใด

ทางด้านซีอีโอแบงก์คู่แข่ง อย่าง Lloyd Blankfein จาก Goldman Sachs และ Jamie Dimon จาก JPMorgan ก็ออกตัวต่อหน้าคณะกรรมาธิการที่ตรวจสอบภาคการเงินว่า การจ่ายผลตอบแทนในรูปหุ้นแก่ผู้บริหารระดับสูงนั้น สอดคล้องกับสิ่งที่ควรจะได้รับเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น

ข้อมูลจากบริษัทที่ปรึกษา Options Group ประเมินว่า ธนาคารจากวอลล์สตรีททั้ง 3 รายนี้ ได้ควักเงินจ่ายโบนัสรวมกันถึง 24,000 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว โดยคิดจากสมมติฐานเงินโบนัสคิดเป็นสัดส่วน 60% ของต้นทุนการจ่ายค่าตอบแทนพนักงานโดยรวม และยังมีการประเมินด้วยว่าอาจจะเป็นสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นราว 29% จากปีที่แล้ว แม้จะยังต่ำกว่าตัวเลขของปี 2550


เยอรมนีเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.ร่วง

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีประจำเดือนก.พ.ร่วงลงเป็นเดือนที่สี่ติดต่อกัน หลังผู้บริโภควิตกกังวลว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในเยอรมนีกำลังชะลอตัวลง ขณะที่อัตราว่างงานจะพุ่งสูงขึ้น

กลุ่มวิจัยตลาด Gfk เปิดเผยผลสำรวจที่ได้จากการสอบถามผู้บริโภค 2,000 คน ซึ่งบ่งชี้ว่า ดัชนีคาดการณ์ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.อยู่ที่ระดับ 3.2 จุด ซึ่งลดลงจากระดับ 3.4 จุดในเดือนม.ค.

หลังจากเมื่อปีที่แล้ว เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปหดตัวลง 5% ซึ่งนับเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจเยอรมนีเริ่มกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อย และคาดว่าจะสามารถเติบโตได้ราว 1.5% ในปีนี้ โดยทาง Gfk ระบุว่า อัตราว่างงานที่สูงขึ้นและอัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในเยอรมนีที่เริ่มแผ่วลงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นผู้บริโภค และเมื่อพิจารณาในแง่ของอัตราการบริโภคจะพบว่า ในปีนี้จะเผชิญกับความยากลำบากมากกว่าในปี 2552

อย่างไรก็ดี ผลสำรวจเผยด้วยว่า แนวโน้มการซื้อสินค้าของผู้บริโภคกับดัชนีย่อยปรับตัวสูงขึ้น 4.2 จุดในเดือนนี้แตะที่ 25.4 จุด

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆบ่งชี้ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจเยอรมนียังเผชิญกับความผันผวนในช่วงที่ผ่านมา โดยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องนานหลายเดือน แต่ความผันผวนในส่วนของดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเริ่มชะลอตัวลง ท่ามกลางกระแสคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวได้อย่างเชื่องช้า


ธนาคารโลกหวั่นความเสี่ยงภาวะฟองสบู่ในจีน

ธนาคารโลกหวั่นรายงานข้อมูลด้านตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีนอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงระดับการเก็งกำไรที่ส่งผลกระทบให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองใหญ่บางแห่งพุ่งสูงขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารโลกตั้งข้อสังเกตุว่า การรายงานข้อมูลเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการจีนอาจสะท้อนให้เห็นถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ซึ่งบ่งชี้ผู้บริโภคเริ่มซื้อสินทรัพย์ในรูปของอสังหาริมทรัพย์เพราะคิดว่าอีกไม่นานมูลค่าสินทรัพย์ประเภทนี้จะปรับตัวสูงขึ้น

ราคาอสังหาริมทรัพย์ของจีนในเดือนธ.ค.ไต่ระดับขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 18 เดือน ซึ่งบ่งชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคในการควบคุมกระแสเก็งกำไรในขณะที่เศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้น ขณะที่รัฐบาลจีนอาจต้องเพิ่มมาตรการควบคุมเม็ดเงินดังกล่าว หลังจากที่ธนาคารกลางจีนได้แนะให้สถาบันการเงินเพิ่มการถือครองสินทรัพย์ในรูปของทุนสำรองมากขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในเดือนธ.ค.ราคาที่อยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ใน 70 เมืองของจีนปรับตัวเพิ่มขึ้น 7.8% จากปีที่ผ่านมา ซึ่งสูงกว่าระดับที่ขยายตัว 5.7% ในเดือนพ.ย. ขณะที่มูลค่าบ้านหรูในเซี่ยงไฮ้ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปีที่แล้ว

ขณะเดียวกัน ยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในจีนทะยานขึ้น 75.5% แตะที่ 4.4 ล้านล้านหยวนในปีที่แล้ว ซึ่งได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายบ้านทางพื้นที่ภาคตะวันออกของมณฑลเจ้อเจียงและเซี่ยงไฮ้ นอกจากนี้ ยอดขายที่เฟื่องฟูในตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังได้รับอานิสงส์จากอัตราการปล่อยกู้ที่พุ่งสูงเกินคาดถึง 9.59 ล้านล้านหยวนในปีที่ผ่านมา ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้หนุนให้ระบบเศรษฐกิจมีสภาพคล่องอยู่เป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ ผู้สันทัดกรณีมองว่า สภาพคล่องส่วนเกินในระบบเศรษฐกิจของจีนคือต้นเหตุของภาวะเงินเฟ้อและภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์ ที่สำคัญจีนต้องหันมาตระหนักถึงการใช้จ่ายภาคสาธารณะด้วย มิเช่นนั้นจีนจะเผชิญกับปัญหาเงินเฟ้อในภายหลัง

อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่าของจีนกล่าวให้คำมั่นว่าจะรักษาเสถียรภาพด้านราคาอสังหาริมทรัพย์ ควบคุมการลงทุนเก็งกำไร และรักษาระดับการซื้อขายที่อยู่อาศัย พร้อมทั้งเสริมว่าจะปรับนโยบายการจัดเก็บภาษีในอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกัน รวมถึงการกำหนดข้อบังคับด้านการทำธุรกรรมในที่ดินทำกิน


มาสเตอร์การ์ด คาดโอกาสในเอเชียมีแนวโน้มสูงกว่าสหรัฐ

มาสเตอร์การ์ด เวิลด์ไวด์ คาดเอเชียมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในเวทีเศรษฐกิจโลก โดยโอกาสในการทำธุรกิจในเอเชียนั้นจะสูงกว่าในสหรัฐถึง 7.5 เท่าในอนาคต
ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานั้น สหรัฐถือเป็นตลาดที่มีความต้องการสินค้าโภคภัณฑ์จากทั่วโลกสูงสุด แต่ปัจจุบัน ทั่วโลกเริ่มลดการพึ่งพาดีมานด์ในตลาดสหรัฐ เนื่องจากการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในเอเชีย

หยูหวา เฮดริค หว่อง ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของมาสเตอร์การ์ด เวิลด์ไวด์ เอเชียแปซิฟิค กล่าวว่า การใช้จ่ายภาคครัวเรือนสหรัฐมีอัตราการขยายตัวโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 6% ก่อนที่จะถึงปี 2552 แต่คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะร่วงลงมาเหลือ 0.5% ในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากผลกระทบของวิกฤตการเงินโลก

ขณะที่การบริโภคในเอเชีย ซึ่งไม่นับรวมญี่ปุ่นนั้น คาดว่าจะขยายตัว 8% โดยเฉลี่ย ซึ่งหมายความว่า โอกาสในการทำธุรกิจในเอเชียนั้นจะสูงถึง 7.5 เท่าเมื่อเทียบกับโอกาสในสหรัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจกล่าวต่อไปว่า ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า ศูนย์กลางของแรงโน้มถ่วงของเศรษฐกิจโลกจะเปลี่ยนแปลงจากซีกโลกตะวันตกมายังเอเชีย

มาสเตอร์ดาร์ด เวิลด์ไวด์ระบุว่า จีนมีบทบาทสำคัญในการผลักดันให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวเมื่อปีที่แล้ว และเศรษฐกิจของจีนก็อาจจะขยายตัวได้ถึง 10.2% ในปีนี้


BOJ  เล็งขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉิน หวังหนุนเศรษฐกิจขยายตัว

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) พิจารณาขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉินสำหรับธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศ และจะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาลหากเศรษฐกิจยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว

ขณะที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า BOJ จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ในการประชุมนโยบาย 2 วันซึ่งจะเสร็จสิ้นในวันนี้ และคาดว่าบีโอเจจะจับตาสถานการณ์เงินเยนที่แข็งค่าอย่างใกล้ชิด

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า BOJ อาจพิจารณาใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในที่ประชุม G20 ปีนี้ เพื่อสกัดกั้นการแข็งค่าของเงินเยน และคาดว่าจะขยายวงเงินซื้อพันธบัตรเป็น 1.8 ล้านล้านเยน/เดือน หรือ 2 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน อย่างไรก็ตาม การใช้เม็ดเงินจำนวนมากเช่นนี้อาจทำให้ญี่ปุ่นขาดดุลงบประมาณ

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค.ของญี่ปุ่นร่วงลง 1.9 จุด จากเดือนพ.ย. แตะที่ 37.6 จุด ทำสถิติลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สอง เนื่องจากผู้บริโภควิตกกังวลเกี่ยวกับการจ้างงานและอัตราค่าแรงที่หดตัวลง


Bank of China เตรียมระดมทุนเกือบ 6 พันล้านดอลลาร์

Bank of China ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 3 ของจีนเมื่อพิจารณาจากมูลค่าตลาด เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมระดมทุนเพิ่มด้วยการขายหุ้นใหม่ในตลาดหุ้นฮ่องกง พร้อมกับวางแผนที่จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 4 หมื่นล้านหยวน หรือ 5.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะขายหุ้นถึง 20% จากหุ้นทั้งหมดที่มีอยู่ขณะนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นในตลาด ฮ่องกงร่วงลงเกือบ 2%

Bank of China ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันให้ต้องระดมเงินทุน หลังจากธนาคารปล่อยเงินกู้ใหม่มากที่สุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.59 ล้านล้านหยวน ซึ่งส่งผลให้ฐานเงินทุนของธนาคารอ่อนแอลง

นักวิเคราะห์ต่างออกมาคาดว่า Bank of Communication ซึ่งเป็นธ.ที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 จะเป็นรายต่อไปในการเพิ่มทุน


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 25 ม.ค. 2553)
? ยอดขายบ้านมือสอง (ธ.ค.) อยู่ที่ระดับ 5.45 ล้านยูนิต ลดลง 16.7% จากเดือนก่อนหน้า

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 26 ม.ค. 2553)
? เริ่มการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินสหรัฐฯ หรือ FOMC
? ดัชนีราคาบ้าน (พ.ย.) โดย S&P Case-Shiller
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.) โดย Conference Board

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
บันทึกการเข้า
Neung99k
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 565



« ตอบ #445 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 10:54:54 AM »

สวัสดีครับพี่ทองใหม่  ข้อมูลเพียบเหมือนเดิมขอบคุณมากๆครับ Grin
บันทึกการเข้า

http://www.smart90days.com/neung999kk/  ธุรกิจท่องเที่ยวรับเงินแสน
http://www.azpaypoint.com/chitdech  รายจ่ายจะกลับมาเป็นรายได้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #446 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 11:29:28 AM »

26 ม.ค. 2553


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
    ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวอยู่ในช่วงแคบๆด้วยปริมาณการซื้อขายที่ค่อนข้างเบาบาง ในขณะที่ราคาทองคำสปอตมีการแกว่งตัวอยู่ในช่วงกว้างกว่า ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,200/300 บาท เงินบาทแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
    กรีซตัดสินใจออกประมูลพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี โดยจะจ่ายดอกเบี้ยที่อัตรา 6.2% ซึ่งสูงกว่าราคาตลาด 0.3% ปรากฏว่ามีนักลงทุนให้ความสนใจเป็นจำนวนมากถึง 25,000 ล้านยูโร จึงสามารถขายพันธบัตรระดมเงินทุนได้ถึง 8 พันล้านยูโร จากในตอนแรกคาดว่าน่าจะขายได้ราว 5 พันล้านยูโรเท่านั้น เป็นการแสดงให้เห็นว่าปัญหาในกรีซไม่น่ากังวลอีกต่อไปเนื่องจากกรีซยังสามารถระดมเงินทุนได้อย่างต่อเนื่องและไม่น่าจะมีปัญหาสภาพคล่องในระยะเวลาอันสั้น ส่งผลให้ค่าเงินยูโรและราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเมื่อวานนี้ [Bloomberg, TCAF Research]
   เริ่มมีสมาชิกวุฒิสภาแสดงตัวสนับสนุนให้นายเบอร์นานกี้ เป็นประธานเฟดต่อจากวาระปัจจุบันที่จะหมดลง ถือเป็นข่าวดีต่อนักลงทุนโดยทั่วไป อย่างไรก็ตามนักลงทุนจะจับตามองผลการลงคะแนนซึ่งยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน แต่คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้ [Reuters, TCAF Research]
   รายงานการขายบ้านเก่าออกมาค่อนข้างไม่มีทิศทางชัดเจน โดยยอดขายบ้านลดลงกว่าที่คาดในขณะที่ราคาบ้านกลับเริ่มปรับตัวเพิ่มขึ้น รายงานดังกล่าวจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำหรือตลาดหุ้นแต่อย่างใด [Econoday, TCAF Research]


แนวโน้มทองคำวันนี้
    ปัญหาต่างๆที่เริ่มคลี่คลายน่าจะเริ่มผลักดันให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆบวกเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามราคาทองคำมีโอกาสปรับตัวผันผวนจนกว่าจะมีการลงคะแนนต่อวาระของนายเบอร์นานกี้แล้วเสร็จ เราจึงมองว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวขึ้น" เราจึงแนะนำให้ "ค่อยๆสะสม LONG เพิ่มเติม เพื่อทำกำไรระยะสั้นก่อนการลงคะแนนต่อวาระประธานเฟด"


มุมมองทองคำ
    แนวโน้มเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวน่าจะมีความสำคัญที่สุดในช่วงนี้ ในขณะที่มาตรการต่างๆของมหาอำนาจก็น่าจับตามองไม่แพ้กันเนื่องจากอาจส่งผลต่อการรับความเสี่ยงของนักลงทุนและส่งผลต่อสถานะของทองคำได้

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #447 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 11:43:43 AM »

กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4852.780
บันทึกการเข้า
oyo
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1760


« ตอบ #448 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 12:31:11 PM »

ขอบคุณคร๊าบ คุณทองใหม่ Grin
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #449 เมื่อ: มกราคม 26, 2010, 12:38:39 PM »

พบกับสิ่งใหม่ๆของตลาดหุ้นไทยในปีเสือ (2) 
รายงานโดย :จารุพรรณ อินทรรุ่ง: วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2553

เมื่อครั้งที่แล้ว ดิฉันได้เล่าถึงแผนกลยุทธ์ ของก.ล.ต. ในปี 2553 ที่ครอบคลุมงาน 5 ด้านสำคัญ โดยได้พูดถึง 2 ด้านแรก ได้แก่ การเชื่อมโยงกับต่างประเทศ และการเปิด เสรีการแข่งขัน กันไปแล้ว

สำหรับแผนงานที่เหลืออีก 3 ด้าน จะเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวและเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน จะเป็นอย่างไร มาติดตามต่อกันได้เลยค่ะ

การผลักดันและสนับสนุนนวัตกรรม

ในปี 2553 นี้ ก.ล.ต.จะผลักดันให้เกิดสินค้าใหม่ๆ ในตลาดทุน เพื่อรองรับความ ต้องการลงทุนของผู้ลงทุนหลากหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ฝากเงินกับธนาคารพาณิชย์ กลุ่มผู้ลงทุนที่เป็น High Net Worth กลุ่ม ผู้ลงทุนในตราสารอิสลาม เป็นต้น และยังครอบคลุมหลากหลายประเภทสินค้าอีกด้วย โดยจะมีทั้งตราสารหนี้ กองทุนรวม และสัญญาซื้อขายล่วงหน้า กันเลยทีเดียวค่ะ

ตัวอย่างของสินค้าใหม่เหล่านั้น ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastruc ture Fund) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่เข้าไปลงทุนในโครงการก่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ ของประเทศทั้งของรัฐและเอกชน เช่น ไฟฟ้า ประปา หรือทางพิเศษ เป็นต้น กองทุนรวม อีทีเอฟทองคำ (Gold Exchange Traded Fund หรือ Gold ETF) ซึ่งเป็นกองทุนรวมที่ไปลงทุนในทองคำทั้งทางตรงและทางอ้อม ถือเป็นทางเลือกในการลงทุนในทองคำที่ ผู้ลงทุนไม่ต้องไปซื้อทองคำ (รูปพรรณหรือทองคำแท่ง) เอง และไม่ต้องมีต้นทุนในการเก็บรักษาทองคำด้วย
ตราสาร Sukuk ซึ่งเป็นตราสารที่ถูกพัฒนาขึ้นตามหลักศาสนาอิสลาม เทียบเคียงได้กับตราสารหนี้ แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนจะไม่ขัดต่อหลักชาริอะฮ์ (หลักกฎหมายและจริยธรรมของศาสนาอิสลาม) จึงเป็นช่องทางลงทุนที่น่าสนใจสำหรับผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ที่นับถือศาสนาอิสลาม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Futures) ที่จะช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยที่อาจส่งผลกระทบไปยังอัตราผลตอบแทนและราคาของตราสารหนี้ที่ถือครองอยู่

ทั้งนี้ ในการพิจารณาออกสินค้าเหล่านี้ ก.ล.ต.จะให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างความรู้ผู้ลงทุนควบคู่กันไปด้วย ดังนั้นในส่วนของผู้ลงทุนแม้จะได้รับประโยชน์ในการมีทางเลือกสำหรับการลงทุนที่หลากหลายเพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องไม่ลืมทำความเข้าใจกับลักษณะของสินค้า ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง และเลือกลงทุนให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์การใช้เงินและความเสี่ยงที่ตนเองรับได้ด้วยนะคะ

ปรับปรุงการกำกับดูแลและบังคับใช้กฎหมาย

ในส่วนของการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจ ก.ล.ต.จะปฏิรูปการกำกับดูแลทั้งกระบวนการทำงานและการออกกฎเกณฑ์ไม่ให้เป็นอุปสรรคหรือต้นทุนที่ไม่จำเป็นต่อผู้ประกอบการ โดยเน้นเรื่องหลักการและวัตถุประสงค์ในการกำกับดูแล (Principle Based) มากกว่า รายละเอียดหยุมหยิม ในขณะเดียวกันก็จะเน้นความสำคัญของระบบติดตามตรวจสอบการประกอบธุรกิจ (Monitoring) ที่ทันการณ์ รวมทั้งปรับกฎเกณฑ์ต่างๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัทหลักทรัพย์ให้ สอดคล้องกับมาตรฐานสากลและเพียงพอ ที่จะรองรับสถานการณ์ต่างๆ โดยเฉพาะ อย่างยิ่งในภาวะวิกฤต เช่น เกณฑ์ในเรื่องการดำรงเงินกองทุน การบริหารความเสี่ยง และการควบคุมภายใน เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการช่วยคุ้มครองผู้ลงทุนได้ในระดับหนึ่ง

นอกจากนี้ ก็จะลดการเข้าไปใช้ดุลพินิจตัดสินใจแทนผู้ลงทุน (Merit Based) โดยจะให้ความสำคัญกับการเปิดเผยข้อมูลมากยิ่งขึ้น (Much More Disclosure Based) เช่น ในการออกเสนอขายหลักทรัพย์ ก.ล.ต.จะกำหนดให้บริษัทมีการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจและความเสี่ยงที่ครบถ้วน หรือการให้กองทุนรวมเปิดเผยข้อมูลให้เพียงพอและง่ายต่อการทำความเข้าใจ รวมถึงแบ่งระดับความเสี่ยงของลูกค้าและประเภทสินค้าตามระดับความซับซ้อนและความเสี่ยง และกำหนดให้ในส่วนของผู้ขายก็ต้องมีการทำความรู้จักกับลูกค้า (Know Your Customer) เพื่อให้ทราบระดับความเสี่ยงที่ลูกค้ายอมรับได้และผลตอบแทนที่คาดหวัง เพื่อจะได้ให้คำแนะนำในการลงทุนได้อย่างเหมาะสม

สำหรับในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายเพื่อให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ก.ล.ต.จะผลักดันมาตรการทางแพ่งให้เป็นอีกเครื่องมือที่จะช่วยให้การดำเนินการเกี่ยวกับการกระทำความผิดต่างๆ มีประสิทธิผลยิ่งขึ้น (เพิ่มเติมจากมาตรการทางอาญาที่ใช้ลงโทษผู้กระทำผิดตามกฎหมายที่ก.ล.ต. ดูแลอยู่ ซึ่งต้องพิสูจน์การกระทำผิดของผู้กระทำผิดจนสิ้นสงสัย จึงมีขั้นตอนมาก ต้องใช้เวลาและมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย)

มาตรการสำคัญอีกประการหนึ่งที่จะนำมาใช้คือ การเพิ่มช่องทางในการต่อสู้คดีเพื่อปกป้องประโยชน์ของผู้ลงทุน โดยผลักดันกฎหมายการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) เพื่อเป็นช่องทางฟ้องร้องคดีกรณี ผู้ลงทุนได้รับความเสียหายจากการกระทำผิดของบริษัทหลักทรัพย์หรือผู้ให้บริการ โดย ผู้ลงทุนคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งสามารถเป็นตัวแทนฟ้องร้องคดีในนามของผู้เสียหายทั้งหมดได้ ซึ่งเป็นการลดภาระและค่าใช้จ่ายในการดำเนินคดี

ส่งเสริมความรู้เกี่ยวกับการลงทุนและตลาดทุน

ปิดท้ายด้วยการวางรากฐานการพัฒนาตลาดทุนให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน ด้วยการส่งเสริมความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนและตลาดทุน ซึ่งก.ล.ต. ยังคงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้ความรู้ผู้ลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นให้ผู้ลงทุนเข้าใจสินค้าและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง รู้จักวิธีการศึกษาข้อมูลต่างๆ ประกอบการตัดสินใจลงทุน เพื่อให้พร้อมรับกับหลักการกำกับดูแลที่เน้น Much More Disclosure Based ซึ่งจะนำมาใช้ภายในปีนี้ รวมทั้งให้รู้จักและใช้สิทธิในการปกป้องประโยชน์ของตนเองและการป้องกันภัยจากกลโกงต่างๆ เช่น การหลอกลวงให้ลงทุนกับบริษัทที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์และสัญญาซื้อขายล่วงหน้าอย่างถูกต้อง เป็นต้น

ท้ายนี้ แม้ว่าการลงทุนในตลาดทุนจะมีความซับซ้อนยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ตามพัฒนาการใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น

แต่ถ้าผู้ลงทุนสร้างภูมิคุ้มกันให้ตนเอง โดยหมั่นศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อจะได้ลงทุนอย่างรอบคอบ พร้อมทั้งติดตามการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเพื่อจะได้ปรับแผนการลงทุนให้เหมาะสม ก็จะสามารถบริหารความเสี่ยงจากการลงทุนได้ไม่ยากค่ะ แล้วพบกันใหม่คราวหน้า สวัสดีค่ะ

บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 28 29 [30] 31 32 ... 51   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: