brabus
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #495 เมื่อ: มกราคม 28, 2010, 03:10:44 PM » |
|
พี่ทองใหม่คะ อยากดูกราฟตาแป๊ะแต่เข้าไทยโกล์ดไม่ได้เลยค่ะ 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #498 เมื่อ: มกราคม 28, 2010, 06:47:20 PM » |
|
พี่ทองใหม่คะ อยากดูกราฟตาแป๊ะแต่เข้าไทยโกล์ดไม่ได้เลยค่ะ  ไปข้างนอกเพิ่งกลับมา ช่วงบ่ายจนเย็นผมก็เข้าไม่ได้เหมือนกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #499 เมื่อ: มกราคม 28, 2010, 07:18:17 PM » |
|
SETพรุ่งนี้(29ม.ค.)ร่วงรับเสื้อแดง-อินเดียขึ้นดอก Thursday, 28 January 2010 17:25 หุ้นไทยพรุ่งนี้ (29 ม.ค.2553) แดงเถือกรับข่าวลบเพียบ หลังนักลงทุนกังวลเสื้อแดงบุกกองทัพบก- กังวลธนาคารกลางอินเดียขึ้นดอกเบี้ย สั่งเกาะติดตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/52 มะกัน ดังนั้นกูรูแนะกลยุทธ์ รอดูสถานการณ์ ให้แนวรับ 680 จุด แนวต้าน 690 จุด
นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) กล่าวว่า ภาพรวมดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยในวันนี้ ดัชนีฯสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ในช่วงตลาดเปิดการซื้อขายช่วงเช้า แต่ไม่สามารถผ่านแนวต้านสำคัญที่ 700 จุดได้ และในการซื้อขายช่วงบ่าย ดัชนีฯปรับฐานค่อนข้างแรง เนื่องจากได้รับแรงกดดันส่วนหนึ่งจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่เปิดเผยว่า ในสัปดาห์หน้า จะมีการผ่อนคลายเกณฑ์ในการดูแลเงินทุนไหลออกมากขึ้น ซึ่งประเด็นดังกล่าวส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังมีความวิตกกังวลต่อประเด็นการเมืองภายในประเทศ โดยวันพรุ่งนี้จะมีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) ที่หน้ากองบัญชาการกองทัพบก อีกทั้งในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมของธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งน่าจะเป็นประเทศแรกที่มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย จากภาวะเงินเฟ้อสูง ซึ่งนโยบายทางการเงินที่เข็มงวดมากขึ้น ก็เป็นอีกแรงกดดันหนึ่ง รวมทั้งจะมีการประกาศตัวเลขจีดีพีไตรมาส 4/2552 ของสหรัฐฯ ซึ่งยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน ทำให้นักลงทุนลดพอร์ตลงทุนและหันมาถือเงินสดเพิ่มขึ้น สะท้อนจากปริมาณการซื้อขายที่ลดลง
ส่วนความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นต่างประเทศ ดัชนี สเตรทไทม์: ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ปิดตลาดที่ระดับ 2,757.68 จุด เพิ่มขึ้น 51.42 จุด หรือ 1.90 % ดัชนี ฮั่งเส็ง: ตลาดหุ้นฮ่องกง ปิดตลาดที่ระดับ 20,356.37 จุด เพิ่มขึ้น 323.30 จุด หรือ 1.61 % ดัชนี SHI: ตลาดหุ้นจีน ปิดตลาดที่ระดับ 2,994.14 จุด เพิ่มขึ้น 7.54 จุด หรือ 0.25 % ดัชนี นิกเกอิ: ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ปิดตลาดที่ระดับ 10,414.29 จุด เพิ่มขึ้น 162.21 จุด หรือ 1.58 %
สำหรับแนวโน้มดัชนีฯในวันพรุ่งนี้(29 ม.ค.53) ประเมินว่า ดัชนีฯน่าจะอ่อนตัวลงต่อ จากปัจจัยลบที่สืบเนื่องจากวันนี้ ทั้งเรื่องการเมืองภายในประเทศ การเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่ม นปช. ทั้งนี้ ต้องติดตามตัวเลขที่สำคัญทางเศรษฐกิจ โดยสหรัฐฯจะประกาศตัวเลขจีดีพี ซึ่งประเด็นดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อจิตวิทยาการลงทุน กลยุทธ์การลงทุน แนะนำ wait & see หรือเปิดสถานะขายในสินค้า SET50 Futures โดยประเมินแนวรับอยู่ที่ 680 จุดและแนวต้านอยู่ที่ 690 จุด
ด้านนางสาวอาภาภรณ์ แสวงพรรค รองผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส กล่าวว่า ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันนี้ปรับตัวลดลง โดยเปิดตลาดซื้อขายช่วงเช้า ดัชนีฯรีบาวน์ขึ้น ก่อนมีแรงขาย เนื่องจากนักลงทุนเกิดความกังวลกับการชุมนุมของกลุ่ม นปช. ในวันพรุ่งนี้ และปัญหาความไม่แน่นอนทางการเมือง รวมถึง กรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกมาระบุว่าจะเริ่มผ่อนคลายเกณฑ์ในการดูแลเงินทุนไหลออกมากขึ้น
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลกับปัจจัยต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศต่างๆเริ่มเข้มข้นมากขึ้น อาทิ ประเทศจีนที่ควบคุมการปล่อยสินเชื่อ ส่วนประเทศสหรัฐที่ออกมาตรการให้สถาบันการเงินงดลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และในวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมของธนาคารกลางอินเดีย ซึ่งจะมีการประชุมอัตราดอกเบี้ย ดังนั้น ควรติดตามปัจจัยข้างต้นอย่างใกลชิด เพราะจะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
สำหรับแนวโน้มของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทยวันพรุ่งนี้มีแนวโน้มอ่อนตัวลง เนื่องจากช่วงนี้ปัจจัยลบยังกดดันตลาดฯอยู่ โดยเฉพาะ ปัญหาด้านการเมือง หลังจากกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) จะนัดชุมนุมวันพรุ่งนี้ที่กองบัญชากองทัพบก อีกทั้งเสถียรภาพรัฐบาลเริ่มไม่แน่นอน จากกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีแนวโน้มนำไปสู่การยุบสภาฯ กลยุทธ์การลงทุน แนะนักลงทุนซื้อเมื่อดัชนีแตะระดับแนวรับที่ 680-670 จุด และประเมินแนวต้านไว้ที่ 683-695 จุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #500 เมื่อ: มกราคม 28, 2010, 07:21:41 PM » |
|
Gold Futuresพรุ่งนี้ทองรูดต่ำกว่า1,080เหรียญขาย Thursday, 28 January 2010 17:33 นายคมสันต์ ปรมาภูติ รองผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.บัวหลวง หรือ BLS เปิดเผยถึงการซื้อขายสินค้า Gold Futures ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) ในวันนี้ว่า ราคาทองล่วงหน้าของไทยเคลื่อนไหวทรงตัว เนื่องจากยังไม่มีปัจจัยใหม่สนับสนุน
แนวโน้มในวันพรุ่งนี้คาดว่าราคาทองล่วงหน้ายังมีโอกาสเคลื่อนไหวในระดับทรงตัวต่อ แต่อย่างไรก็ดีให้ติดตามค่าเงินดอลลาร์ประกอบกันอีกครั้ง เนื่องจากมีแนวโน้มแข็งค่าหลังจากภาพรวมของตลาดหุ้นปรับตัวลดลงอาจเป็นปัจจัยกดดันราคาทองล่วงหน้าให้ปรับตัวลดลงได้
ทั้งนี้ให้รอดูราคาทองโลกประกอบกัน หากปรับตัวลดลงต่ำกว่า 1,080 ดอลลาร์/ออนซ์ จะเป็นปัจจัยกดดันจิตวิทยาการลงทุนชัดเจน
กลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้ชะลอการลงทุนก่อน แต่ถ้าราคาปรับตัวต่ำกว่า 1,080 ดอลลาร์/ออนซ์ ให้เปิดสถานะขาย ประเมินแนวรับที่ 17,180 บาท ส่วนแนวต้านประเมินไว้ที่ 17,400 บาท ในสัญญา GFG10 เดือนกุมภาพันธ์ 2553
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Dakdae
บุคคลทั่วไป
|
 |
« ตอบ #501 เมื่อ: มกราคม 28, 2010, 08:52:44 PM » |
|
 ขอบคุณค่ะคุณครู
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #502 เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 06:40:53 AM » |
|
วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับกราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------- เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า เส้นบน---แนวต้าน เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด) เส้นล่าง---แนวหนุน ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้ ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่ วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ) 
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #503 เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 06:42:27 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #504 เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 06:45:34 AM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #505 เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 06:56:49 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #507 เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 08:54:37 AM » |
|
ดอลลลาร์แข็งค่าฉุดทองคำปิดลบ 90 เซนต์ วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2010 เวลา 08:17 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (28 ม.ค.) โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดลบ 90 เซนต์ แตะที่ระดับ 1,084.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,096.90-1,074.40 ดอลลาร์ ซึ่งราคาทองคำที่ลดลง เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้นักลงทุนเทขายสัญญาทองคำ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มภาคการธนาคารของสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีบารัค โอบามา ไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในระหว่างแถลงนโยบายประจำปีเมื่อวานนี้
ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 16.212 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 22.80 เซนต์ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,493.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.80 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ปิดที่ 413.35 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 3.40 ดอลลาร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #508 เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 08:55:23 AM » |
|
บาทเปิดตลาดที่33.15-33.17บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ วันศุกร์ที่ 29 มกราคม 2010 เวลา 08:39 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวในประเทศ User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด ธนาคารซีไอเอ็มบีไทยรายงานเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐเปิดตลาดวันนี้ (29 ม.ค.) ที่ระดับ 33.15-33.17 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อ่อนค่าลงจากเมื่อวานนี้ เนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น โดยเมื่อ วานนี้ (28 ม.ค.) เงินบาทปิดตลาดที่ระดับ 33.06-33.08 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #509 เมื่อ: มกราคม 29, 2010, 10:14:26 AM » |
|
ประธานาธิบดีสหรัฐฯแถลงนโยบายเดินหน้าประกันสุขภาพ-จ้างงาน-ลดขาดดุล
Posted on Friday, January 29, 2010 ประธานาธิบดีสหรัฐฯแถลงนโยบายเดินหน้าประกันสุขภาพ-จ้างงาน-ลดขาดดุล
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา แห่งสหรัฐ แถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ต่อสภาคองเกรสและมีการถ่ายทอดสดทั่วประเทศสหรัฐในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยโอบามาให้คำมั่นสัญญาว่า จะเดินหน้าแผนการยกเครื่องระบบประกันสุขภาพ พร้อมกับเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายลดหย่อนภาษี และงบประมาณการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการจ้างงาน
โอบามากล่าวว่า รัฐบาลต้องเร่งจัดการกับยอดขาดดุลงบประมาณที่เพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง โดยคาดว่ายอดขาดดุลงบประมาณในปีนี้จะพุ่งขึ้นเป็น 1.35 ล้านล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้โอบามาจึงเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจเพื่อดำเนินการในเรื่องนี้ ขณะเดียวกันโอบามายืนยันว่า เขาจะหาลู่ทางในการต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีให้แก่ชนชั้นกลางที่จะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้
โอบามายังกล่าวด้วยว่า รัฐบาลต้องมีความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงและวิกฤตการณ์ต่างๆที่อาจส่งผลให้สหรัฐล้าหลังในตลาดโลก ขณะเดียวกันโอบามาได้กำหนดเป้าหมายระดับชาติของสหรัฐ โดยจะผลักดันให้การส่งออกของสหรัฐเพิ่มขึ้น 2 เท่าในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อช่วยสร้างงานในสหรัฐ และสัญญาว่าจะผลักดันการสรุปการเจรจาการค้าโลกให้ประสบผลสำเร็จ
โอบามากล่าวในแถลงนโยบายประจำปีว่า "ไม่อาจยอมรับได้หากสหรัฐจะน้อยหน้าประเทศอื่นในตลาดโลก ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดและไม่ว่าจะต้องเผชิญกับอุปสรรคที่หนักหนามากเท่าใด แต่เราตระหนักว่านี่เป็นช่วงเวลาของการลงมือแก้ปัญหาทุกด้านที่จะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ"
โอบามากล่าวว่า นอกเหนือจากแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว สิ่งที่เขาวิตกกังวลมากที่สุดในเวลานี้คือจำนวนชาวอเมริกันที่ตกงานอยู่มากกว่า 7 ล้านคนนับตั้งแต่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อเดือนธ.ค.ปี 2550 โดยเขาย้ำว่านโยบายการสร้างงานจะเป็นเป้าหมายหลักสำหรับปี 2553 พร้อมกับเรียกร้องให้สภาพคล่องเกรสผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นการจ้างงานฉบับใหม่
ทั้งนี้ โอบามากล่าวว่า สหรัฐมีแนวโน้มที่จะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านตำแหน่งในปีนี้ อันเนื่องมาจากกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้โอบามายังได้เสนอการลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจขนาดย่อมที่จ้างพนักงานใหม่หรือมีการปรับขึ้นค่าจ้าง และได้เสนอให้นำเงิน 3.0 หมื่น ล้านดอลลาร์จากมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินมาช่วยเหลือบรรดาธนาคารชุมชน ในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ธุรกิจขนาดย่อม
ส่วนในภาคการธนาคารนั้น โอบามากล่าวว่า เขาไม่มีความตั้งใจที่จะใช้บทลงโทษภาคธนาคารของสหรัฐ แต่เขายืนยันจะคัดค้านร่างกฎหมายปฏิรูปทางการเงินที่อ่อนแอเกินไป พร้อมกล่าวว่า การปฏิรูปทางการเงินที่ปราศจากการปฏิรูปที่แท้จริง จะถูกตีกลับไปยังสภาคองเกรสเพื่อปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น และยังกล่าวด้วยว่าสภาคองเกรสได้ดำเนินการเรื่องยกเครื่องภาคธนาคารมานานหลายเดือนแล้ว
ในด้านการควบคุมยอดขาดดุลงบประมาณนั้น โอบามาเสนอว่า ไม่ควรมีการปรับเพิ่มงบประมาณของโครงการบางโครงการของรัฐบาลเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งจะทำให้มีการประหยัดงบประมาณได้ 2.0 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับปีหน้า นอกจากนี้ โอบามากล่าวว่าเขาจะไม่ต่ออายุมาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับบริษัทน้ำมัน ผู้จัดการกองทุน และผู้ที่ทำรายได้เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อปีด้วย
นอกจากนี้ โอบามาให้คำมั่นสัญญาว่า จะถอนทหารรบทั้งหมดของสหรัฐออกจากอิรักภายในช่วงสิ้นเดือนส.ค.นี้ ส่วนการถอนกองทัพสหรัฐในอัฟกานิสถานนั้น จะเริ่มดำเนินการตามกำหนดในเดือนก.ค.
ตลาดหุ้นร่วงจากความกังวลกรีซ ? สัญญาณกำไรกลุ่มเทคโนโลยีน่าผิดหวัง
ปัญหาเรื่องหนี้ของกรีซสร้างความหนักใจให้กับนักลงทุนมากขึ้น เมื่อราคาพันธบัตรของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปแห่งนี้ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลกำลังดิ้นรนในการแก้ปัญหาการขาดดุลงบประมาณที่อยู่ในระดับสูงกว่า 13% ของ GDP ซึ่งเป็นระดับที่สูงสุดในบรรดาชาติ EU
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรของกรีซทะยานขึ้นไปกว่า 40 basis points เมื่อคืนนี้ ไปอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี ที่กว่า 7% และเมื่อไปดูที่อัตราค่าความเสี่ยง หรือ risk premium ซึ่งคำนวณจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรในประเทศเมื่อเทียบกับพันธบัตรของรัฐบาลเยอรมัน ตัวเลขก็พุ่งขึ้นไปถึงเกือบ 4% แล้ว ใกล้เคียงกับสถิติสูงสุดเมื่อเดือนตุลาคมปี 1998 ในช่วงที่เกิดการล้มของเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ อย่าง Long-Term Capital Management ที่เสี่ยงไปฝากความหวังไว้กับส่วนต่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอย่างมาก
ทางด้านรัฐบาลเยอรมันและฝรั่งเศสก็ออกมาปฏิเสธรายงานของสื่อที่บอกว่า สมาชิกสหภาพยุโรปกำลังพิจารณาหาทางช่วยเหลือทางการเงินให้กับกรีซ ขณะที่จอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซ (George Papandreou) ก็ออกมายืนยันหนักแน่นว่า กรีซไม่มีความต้องการที่จะกู้เงิน และไม่เคยมีการร้องขอใดๆ
และนอกจากเรื่องกรีซที่นักลงทุนกังวลว่าจะลุกลามกลายไปเป็นเรื่องใหญ่ในช่วงที่เศรษฐกิจยุโรปยังไม่แข็งแรงดีนี้ แรงขายในตลาดหุ้นทั้งที่สหรัฐและยุโรปเมื่อคืนนี้ก็มาจากความผิดหวังของการประกาศผลประกอบการจากยักษ์ใหญ่ในแวดวงไอทีโลก นั่นก็คือ บริษัท Qualcomm ที่เป็นผู้ผลิตชิพประมวลผลในเครื่องโทรศัพท์มือถือ
เช่นเดียวกับหุ้น Apple ที่ราคาร่วงลงกว่า 4% แม้บริษัทเพิ่งจะเปิดตัว Tablet PC ภายใต้ชื่อ iPad ไปเมื่อวันก่อน ขณะที่เริ่มมีผู้วิจารณ์ผ่านทางเว็บไซท์ถึงความสามารถในการใช้งานแบบ multitask และเรื่องของการเชื่อมต่อต่างๆ ที่ยังจำเป็นต้องมีการออกซอฟท์แวร์เพื่อมาแก้ไขในอนาคต
สำหรับอัพเดตตัวเลขเศรษฐกิจเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้รายงานยอดคำสั่งซื้อสินค้าคงทน ที่ไม่รวมหมวดขนส่ง ปรับตัวสูงขึ้นกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ขณะที่ตัวเลขในตลาดแรงงานกลับยังคงแผ่ว เมื่อดูจากจำนวนชาวอเมริกันที่มาขอใช้สิทธิสวัสดิการว่างงานในสัปดาห์ล่าสุด เพิ่มขึ้นสูงกว่าตลาดคาด
สภาพอากาศหนาวดันว่างงานเยอรมันขยับขึ้นเดือนม.ค.
ในช่วงที่ความหวังของเศรษฐกิจอเมริกากำลังมีแรงฮึดขึ้นมาหลังจากได้ยินคำแถลงนโยบายประจำปี หรือ State of the Union ของประธานาธิบดี บารัค โอบามา ที่พุ่งเป้าไปในเรื่องจุดหมายการสร้างงานในประเทศถึง 1.5 ล้านตำแหน่ง แต่ทางฝั่งเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ในยุโรป อย่าง เยอรมัน ก็กลับต้องเจอกับสถานการณ์ในตลาดแรงงานที่ดูแย่ลง
อัตราการว่างงานของเยอรมันปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเจ็ดเดือน ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่กำลังอ่อนแรงลง ขณะที่สภาพอากาศก็ยังไม่เป็นใจ ด้วยอุณหภูมิที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 23 ปี จนมีผลให้บรรดาร้านรวง ไปจนถึงบริษัทต่างๆ จำเป็นที่จะต้องลดจำนวนคนงานลง
หน่วยงานทางด้านแรงงาน (Federal Labor Agency) ระบุว่า คนเยอรมันที่ต้องออกจากงานในเดือนนี้เพิ่มขึ้นอีก 6,000 คน มาอยู่ที่ 3.43 ล้านคน และแม้ว่าตัวเลขจะต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ที่มองว่าคนตกงานจะเพิ่มขึ้นถึง 15,000 คน แต่อัตราการว่างงานในเดือนล่าสุดก็ยังเลี่ยงไม่ได้ที่จะขยับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 8.2% แล้ว
เรนเนอร์ บรุเดอร์เล รัฐมนตรีเศรษฐกิจ (Rainer Bruederle) บอกว่า สถานการณ์ว่างงานที่กลับมาเพิ่มขึ้นกำลังเป็นตัวขัดขวางเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปแห่งนี้ แม้ว่าเพิ่งจะสะบัดหลุดออกมาจากความถดถอยเมื่อไตรมาสสองปีที่แล้ว
และแม้ว่าแนวโน้มภาคส่งออกของประเทศกำลังดูดีขึ้น แต่ความเชื่อมั่นของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุนกลับหดตัวลงในเดือนนี้ ขณะที่การฟื้นตัวในภาพรวมก็ยังคงดูเปราะบาง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยภูมิอากาศที่หนาวจัดเป็นอุปสรรคขัดขวางเศรษฐกิจเยอรมันอย่างชัดเจนในไตรมาสนี้ ซึ่งจะเห็นได้จากการที่นักเศรษฐศาสตร์ของหอการค้า หรือ DIHK Chamber of trade and commerce ที่บอกว่า GDP ของประเทศอาจหดหายไปได้มากถึง 0.4% หลังจากได้มีการเปรียบเทียบถึงผลกระทบของสภาพภูมิอากาศในฤดูหนาวปี 2539 ที่พัดเงินในภาคก่อสร้างหายไปถึง 2,000 ล้านยูโร หรือราว 2,800 ล้านเหรียญ
อย่างไรก็ดี ทางด้านนักเศรษฐศาสตร์จากค่าย ING Group กลับมองในแง่ดีว่า จริงๆ แล้วต้องถือว่าเป็นข่าวดีที่ตัวเลขการว่างงานเพิ่มขึ้นไม่มาก แม้อาจจะเร็วเกินไปที่จะมองทุกอย่างให้ดูดีไปหมด ซึ่งตอนนี้ก็หวังได้แต่เพียงว่าตลาดแรงงานจะกลับมาทรงตัวได้ดีกว่าเดิมในช่วงกลางปีนี้ โดยเฉพาะจากมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐ
เปิดฉาก ?World Economic Forum? วันแรก
การประชุมเศรษฐกิจโลก หรือ ?World Economic Forum? ครั้งที่ 40 ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เปิดฉากขึ้นแล้วในวานนี้
บรรดา CEO ของสถาบันการเงินหลายแห่ง ซึ่งเข้าร่วมการประชุม ระบุว่า มาตรการจำกัดการทำธุรกรรมการเงินของสถาบันการเงินและธนาคารที่เกิดขึ้นจำนวนมาก อาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก
ด้านผู้นำจีนยืนยันรัฐบาลจีนกำลังดำเนินนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของเศรษฐกิจโลก โดยการรักษาค่าเงินหยวนต่อดอลาร์สหรัฐ ให้อ่อนค่า อีกทั้งยังประคองยอดเกินดุลการค้ามหาศาล 196,100 ดอลลาร์สหรัฐในปี 2552
จอร์จ โซรอส นักธนาคาร อภิมหาเศรษฐี ยังได้กล่าวสนับสนุนเสียงเรียกร้องของยุโรป และอเมริกาเหนือ ที่พยายามกระตุ้นให้ผู้นำจีนปรับค่าเงินหยวนให้แข็งขึ้นโดยนาย โซรอสบอกว่า ค่าเงินหยวนที่แข็งค่า จะส่งผลดีต่อจีน และโลก นอกจากนี้ ยังได้แสดงความสงสัยว่า รัฐบาลจีนจะสามารถสยบปัญหาฟองสบู่ในภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังฟูฟ่องในระบบเศรษฐกิจมังกรหรือไม่ และในการประชุมครั้งนี้ จีนได้ส่งรองนายกรัฐมนตรี หลี่ เค่อเฉียง เข้าร่วมการประชุม
พร้อมกันนี้ ทางจีนก็ออกมาตอบโต้ในประเด็นค่าเงินว่า ขณะนี้ กลุ่มนักลงทุนแห่กู้ดอลลาร์ และนำทุนที่กู้มานั้นเข้าลงทุนในตลาดเกิดใหม่ ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยสูง เพื่อทำกำไร จากนั้นก็นำมาเก็บออมในรูปเงินดอลลาร์ และเรียกร้องให้วอชิงตันดูแลควบคุมนโยบายการเงินที่ย่อหย่อนของตน โดยเพิ่มค่าใช้จ่ายในการกู้ยืม และทุนต่างๆก็จะไหลออกจากตลาดเกิดใหม่อย่างรวดเร็ว กลับสู่ตลาดสหรัฐฯ
มูดีส์ชี้แนวโน้มบริษัทเอกชนในเอเชียแปซิฟิคปีนี้มีเสถียรภาพ
มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส เผยแนวโน้มของบริษัทเอกชนนอกภาคการเงินในเอเชียแปซิฟิค ซึ่งไม่นับรวมญี่ปุ่นและออสเตรเลีย จะยังคงมีเสถียรภาพในปีนี้ ขณะที่ปัจจัยแวดล้อมด้านการดำเนินงานและเศรษฐกิจมหภาคจะดีขึ้น
อลิซาเบธ อัลเลน รองประธานมูดีส์ กล่าวว่า มูดีส์คาดว่าบริษัทในเอเชียจะนำหน้าคู่แข่งฝั่งตะวันตกในเรื่องของการฟื้นตัวของธุรกิจ เนื่องจากเศรษฐกิจของหลายประเทศในเอเชียนั้นมีความยืดหยุ่นกว่าทวีปอื่นๆ ดังนั้นบริษัทในเอเชียจึงได้ย่างเข้าสู่ปี 2553 อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งแนวโน้มที่เป็นบวกนี้สามารถเห็นได้ตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปีที่แล้ว
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า มูดีส์ได้จัดทำรายงานชื่อ Asia Pacific Corporate Outlook for 2010 -- The Worst is Over for Most โดยพิจารณาปัจจัยแวดล้อมและปัจจัยผลักดันบริษัทเอกชนในภูมิภาคซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือโดยมูดีส์
อย่างไรก็ตาม แกรี หลอ กรรมการผู้จัดการฝ่ายคอร์ปอเรท ไฟแนนซ์ของมูดีส์ในเอเชียกล่าวว่า แม้ว่าในช่วงเดือนธ.ค.2552 บริษัทส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้ได้รับการจัดอันดับแนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ แต่มูดีส์ก็จะยังไม่ปรับเพิ่มแนวโน้มเครดิตของบริษัทเหล่านี้เป็นเชิงบวก จนกว่าจะได้เห็นความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนของอันดับเครดิต
สำหรับปัจจัยท้าทายที่สำคัญของเศรษฐกิจเอเชียก็คือ กรอบเวลาในการถอนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และหากเศรษฐกิจของจีน
จีนเรียกร้องทุกฝ่ายรักษาสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี
โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีนได้เรียกร้องให้ทุกฝ่ายช่วยกันรักษาสันติภาพและเสถียรภาพบนคาบสมุทรเกาหลี หลังจากที่เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ได้ยิงปืนตอบโต้กันบริเวณพรมแดนทางทะเลเมื่อวันพุธที่ผ่านมา
เกาหลีเหนือได้ยิงปืนใหญ่ในบริเวณทะเลใกล้กับเขตแดนของเกาหลีใต้ถึง 3 ครั้งตั้งแต่ โดยเกาหลีใต้ได้ตอบโต้การยิงปืนรอบแรกของอีกฝ่ายเมื่อวันพุธด้วยการยิงปืนใหญ่เพื่อเตือน และได้ส่งแถลงการณ์เตือนไป 2 ครั้งหลังจากที่เกาหลีเหนือได้ยิงปืนอีกครั้ง
ทั้งนี้ การยิงปืนของทั้ง 2 ฝ่ายไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต เนื่องจากทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้ยิงปะทะกัน
เกาหลีเหนือยิงปืนใหญ่บริเวณพรมแดนทางทะเลที่ติดกับเกาหลีใต้อีกครั้ง ในช่วงเช้าวานนี้ โดยรายงานระบุว่า เกาหลีเหนือได้เริ่มยิงปืนไปทางเกาะยอนเปียงของเกาหลีใต้ ส่วนปลอกกระสุนได้ตกลงในน่านน้ำของเกาหลีเหนือเอง
โตโยต้าเตรียมเรียกคืนรถ ในจีน-ยุโรป
โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป เผยจะเรียกคืนรถอเนกประสงค์รุ่น RAV4 ประมาณ 75,000 คันในจีน เนื่องจากรถรุ่นดังกล่าวอาจมีปัญหาที่คันเร่ง
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นหลังจากที่โตโยต้าเพิ่งเรียกคืนรถในสหรัฐและแคนาดาจากปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โตโยต้าได้เรียกคืนรถที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาไป 2.3 ล้านคันเพื่อตรวจสอบปัญหาคันเร่งค้าง ก่อนที่จะเรียกคืนรถในสหรัฐเพิ่มอีก 1.09 ล้านคันในวันนี้ โดยประกอบด้วยรถถึง 8 รุ่น ไม่เว้นแม้แต่รุ่นคัมรี่ที่ติดอันดับทำยอดขายสูงสุดในสหรัฐ
นอกจากนี้บริษัทเตรียมเรียกคืนรถที่จำหน่ายในยุโรป หลังพบปัญหาที่คันเร่งและพรมปูพื้น โดยผู้จัดการของโตโยต้าประจำภูมิภาคยุโรปกล่าวว่า บริษัทยังคงอยู่ในระหว่างการตรวจสอบว่ามีรถของโตโยต้าในยุโรปรุ่นใดบ้างที่ใช้ชิ้นส่วนเดียวกับรถที่ถูกเรียกคืนจากสหรัฐ และขณะนี้บริษัทยังไม่ได้ระบุถึงจำนวนรถที่จะเรียกคืนจากยุโรปแต่อย่างใด
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 28 ม.ค. 2553 ) ? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 470,000 ราย ? ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ธ.ค.) เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศุกร์ที่ 29 ม.ค. 2553) ? ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศสหรัฐฯ (Q4/2009) โดยกระทรวงพาณิชย์ ? ต้นทุนแรงงาน ( Q4/2009) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (ม.ค.) โดย มหาวิทยาลัยมิชิแกน
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|