|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #586 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 06:36:41 AM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #587 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 06:44:55 AM » |
|
เกาหลีเหนือขู่คุกคามเกาหลีใต้ วันอังคารที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 06:00 น. สมพร ฟ้อยกท์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด เกาหลีเหนือเตือนเกาหลีใต้ ว่า จะใช้มาตรการเข้มงวดขัดขวางความพยายามใดๆ ก็ตามที่จะล้มล้างเกาหลีเหนือ
โดยแถลงการณ์ของทางการเกาหลีเหนือระบุว่า เกาหลีเหนืออยู่ระหวางเตรียมกองกำลังทหารเพื่อปกป้องประเทศ และจะไม่ยอมให้ใครล้มล้างประเทศ
ทั้งนี้ คำเตือนของเกาหลีเหนือมีขึ้นขณะที่ทูตอาวุโสของจีนเยือนเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายเรื่องยุติโครงการนิวเคลียร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #588 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 07:21:19 AM » |
|
อิหร่านววางแผนเสริมสมรรถนะยูเรเนียมปีหน้า วันอังคารที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 07:15 น. สมพร ฟ้อยกท์ ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด องค์การพลังงานปรมาณูของอิหร่าน ออกแถลงการว่า จะยกระดับการเสริมสมรรถนะยูเรเนียม และเริ่มสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนียมแห่งใหม่เพิ่มอีก 10 แห่งในปีหน้า ซึ่งสร้างความตึงเครียดต่อชาติตะวันตกยิ่งขึ้น
นายอาลี อัคบาร์ ซาเลฮี ผู้นำองค์การพลังงานปรมาณูอิหร่าน ดำเนินการตามคำสั่งของประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ผู้นำอิหร่าน ซึ่งมอบหมายให้องค์การพลังงานปรมาณูอิหร่านเริ่มการผลิตพลังงานนิวเคลียร์ที่มีระดับสูงสำหรับเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของประเทศ
คำประกาศของอิหร่านสร้างความวิตกต่อชาติตะวันตก แต่ประธานาธาธิบดีอาห์มาดินจาด กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะมีการเจรจากับชาติตะวันตกเกี่ยวกับข้อเสนอแลกเปลี่ยน
อิหร่านแจ้งกับสำนักงานนิวเคลียร์องค์การสหประชาชาติในจดหมายวานนี้ว่าการตัดสินใจยกระดับการเสริมสมรรถยูเรเนียมอีก 20% เพื่อใช้ผลิตเชื้อเพลิงสำหรับการวิจัยแยกกัมมันตรังสีทางการแพทย์
ในจดหมายดังกล่าวระบุว่า อิหร่านจะเริ่มผลิตยูเรเนียมเสริมสมรรถนะระดับ 20% ในวันอังคารนี้ เป้าหมายภายหลังจะปรับเปลี่ยนเป็นเชื้อเพลิงและเชิญผู้ตรวจขององค์การสหประชาชาติเข้าติดตามดูขบวนการทำงานนี้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #591 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 08:49:08 AM » |
|
ดอลลาร์อ่อน-นักลงทุนหันกลับซื้อทองคำหนุนปิดพุ่ง 13.40ดอลลาร์(13.40ดอลล์ งง ข่าวผิดไหมนี่?) วันอังคารที่ 09 กุมภาพันธ์ 2010 เวลา 08:16 น. ณัฐญา เนตรหิน ข่าวรายวัน - ข่าวต่างประเทศ User Rating: / 0 แย่ดีที่สุด เมื่อคืนนี้ (8ก.พ.)สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย.ปิดที่ 1,066.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์ พุ่งขึ้น 13.40 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,061.80-1,074.30 ดอลลาร์ เป็นผลจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเพื่อเก็งกำไร นักวิเคราะห์ระบุว่า เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนแอลงทำให้นักลงทุนหันมาซื้อสัญญาทองคำ ส่งผลให้ราคาสัญญาปรับพุ่งขึ้นแข็งโดยเมื่อวานนี้ ดัชนี U.S. Dollar Index ร่วงลง 0.4% นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อของนักลงทุนจีน ก่อนที่เทศกาลตรุษจีนจะเริ่มขึ้นในวันที่ 14 ก.พ.นี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #592 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:51:15 AM » |
|
ราคาทองคำปิดพุ่ง หลังค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนหนุนนักลงทุนเข้าซื้อทอง
Posted on Tuesday, February 09, 2010 สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลง ซึ่งช่วยกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงและเพื่อเก็งกำไร
นักวิเคราะห์จากบริษัท Quantitative Commodity Research กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนแอลงทำให้นักลงทุนแห่ซื้อสัญญาทองคำ ส่งผลให้ราคาสัญญาทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบ 1 สัปดาห์ โดยเมื่อวานนี้ ดัชนี U.S. Dollar Index ร่วงลง 0.4% นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อของนักลงทุนจีน ก่อนที่เทศกาลตรุษจีนจะเริ่มขึ้นในวันที่ 14 ก.พ.นี้
กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้ถือครองทองคำเพิ่มขึ้น 1.83 ตัน เป็น 1,106.38 ตัน ณ วันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา
- ทองคำ ส่งมอบเดือนเมษายน ปิดที่ 1,066.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+13.40 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์) - เงิน ส่งมอบเดือนมีนาคม ปิดที่ 15.085 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+0.25 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #593 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:52:24 AM » |
|
ภาวะ วิตกปัญหาหนี้ยุโรป ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วงหลุดระดับ 10,000 จุดแล้ว
Posted on Tuesday, February 09, 2010 ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงหลุดจากระดับ 10,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน จากความวิตกกังวลว่าปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของหลายประเทศในยุโรป รวมถึงกรีซ สเปน และโปรตุเกส อาจส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ การร่วงลงอย่างหนักของหุ้นกลุ่มธนาคารยังเป็นอีกปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลง
กระแสความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของหลายประเทศในยุโรป รวมถึงกรีซ สเปน และโปรตุเกส ส่งผลให้นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้น โดยเมื่อวานนี้ รมว.คลังของกรีซออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลเตรียมใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีบางประเภทเพื่อกระตุ้นเม็ดเงินคงคลัง แต่กลุ่มลูกจ้างในกรีซได้แสดงความไม่พอใจและเตรียมก่อเหตุประท้วงในวันพุธ
นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่มั่นใจว่ารัฐบาลกรีซจะสามารถแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณและหนี้สาธารณะได้ แม้นายจอร์จ ปาปันเดรอู นายกรัฐมนตรีของกรีซ ประกาศมาตรการวินัยด้านการเงินการคลังที่ครอบคลุมถึงการระงับการขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และขึ้นภาษีเชื้อเพลิง เพื่อพยุงให้กรีซรอดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรง นอกจากนี้ นายปาปันเดรอูได้เรียกร้องให้ประชาชนและคู่แข่งทางการเมืองสนับสนุนมาตรการของเขาเพื่อช่วยไม่ให้สถานะการเงินของประเทศย่ำแย่ลงไปมากกว่านี้
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดันมากขึ้นเมื่อนายอลัน กรีนสแปน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) กล่าวแสดงความคิดเห็นทางสถานีโทรทัศน์ ABC ว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ฟื้นตัวค่อนข้างช้า ซึ่งสภาวะเช่นนี้จะยิ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นดิ่งลง เนื่องจากราคาหุ้นมีผลกระทบที่สำคัญต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และคาดว่าอัตราว่างงานในปีนี้จะทรงตัวอยู่ระหว่าง 9-10%
นักลงทุนจับตารายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯในสัปดาห์นี้ โดย
- วันอังคาร กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเปิดเผยข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่งเดือนธ.ค. - วันพุธ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนธ.ค. และกระทรวงการคลังจะเปิดเผยงบประมาณของรัฐบาลกลางประจำเดือนม.ค. - วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยนจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และกระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนม.ค. - วันศุกร์ มหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.ของสหรัฐฯ
- Dow Jones ปิดที่ 9,908.39 จุด (-1.04%) - S&P 500 ปิดที่ 1,056.74 จุด (-0.89%) - Nasdaq ปิดที่ 2,126.05 จุด (-0.70%)
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #594 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 09:53:27 AM » |
|
ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัว หลังนักลงทุนคาดความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น
Posted on Tuesday, February 09, 2010 ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.70 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 71.89 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ปัจจัยบวกที่มีผลต่อราคาน้ำมัน
- สภาพอากาศที่หนาวเย็นและหิมะที่ตกอย่างหนักทางตะวันออกของสหรัฐฯส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มขึ้น หลังจากลดลงอย่างหนักเกือบ 6 ดอลลาร์สหรัฐในสัปดาห์ก่อน โดยมีการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันทำความร้อนในสหรัฐฯสัปดาห์นี้จะเพิ่มขึ้น 7.6% จากระดับปกติ หลังจากที่สัปดาห์ก่อนเพิ่มขึ้น 7.3%
- ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตระกร้าเงิน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงทางเทคนิค หลังตลาดหุ้นในเอเชียไม่ได้ปรับตัวลดลงมากเมื่อวานนี้ ทำให้มีการหันกลับไปซื้อสกุลเงินที่มีดอกเบี้ยสูง และสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมัน
- อิหร่านประกาศเพิ่มการผลิตแร่ยูเรเนียมและที่ผลิตนิวเคลียร์ อีก 10 แห่ง สร้างความกังวลให้กับประเทศทางตะวันตกว่าอิหร่านจะทำการผลิตระเปิดปรมาณู และส่งผลให้สหรัฐฯและฝรั่งเศสออกมากดดันประเทศต่างๆให้เพิ่มมาตรการลงโทษกับอิหร่าน
ปัจจัยลบที่มีผลต่อราคาน้ำมัน
- ตลาดยังคงกังวลต่อปัญหาหนี้สูงของประเทศในกลุ่มยูโร ทั้งกรีซ โปรตุเกส และสเปน และส่งผลให้ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวลงลงกว่า 103 จุด ปิดตลาดต่ำกว่า 10,000 จุด เป็นครั้งแรกจากเดือนพ.ย. 2552 โดยมีแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารออกมาอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าธนาคารเหล่านี้อาจต้องเพิ่มทุนหากหนี้ของประเทศดังกล่าวเกิดปัญหา
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ส่งมอบเดือน มี.ค. ปรับเพิ่มขึ้น 0.52 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 70.11 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันดิบดูไบ ตลาดสิงคโปร์ ปรับลดลง 1.19 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 69.28 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล
-สนับสนุนข้อมูลโดย บมจ. ไทยออยล์-
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #595 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:03:21 AM » |
|
หุ้นจีนอาจดีดตัวหลังหยุดยาวช่วงตรุษจีน ส่วนตลาดอสังหาฯ ฮ่องกงจะเข้าสู่ระยะพักฐานเร็ว ๆ นี้
Posted on Tuesday, February 09, 2010 คาดตลาดอสังหาฯ ฮ่องกงจะเข้าสู่ระยะพักฐานเร็ว ๆ นี้
จัสติน จิว ผู้อำนวยการบริหารบริษัท เฉิงกง (โฮลดิ้งส์) กล่าวแสดงความคิดเห็นว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงขยายตัวรวดเร็วเกินไป และคาดว่าตลาดจะเข้าสู่ระยะพักฐานในไม่ช้านี้ พร้อมกับเตือนให้ผู้ซื้อตระหนักถึงภาวะฟองสบู่ที่อาจเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
นายจิวกล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่อยู่ในระดับต่ำและคำสั่งซื้อจำนวนมากจากนักลงทุนจีน ส่งผลให้ราคาบ้านในฮ่องกงพุ่งขึ้น 29% ในปีที่แล้ว และทำให้ฮ่องกงมีความเสี่ยงสูงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่ ทั้งนี้ นายจิวแนะนำให้ผู้ซื้อระมัดระวังก่อนที่จะตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์
ก่อนหน้านี้ เฉิงกง ซึ่งมีนายลี กา-ชิง เป็นประธาน คาดการณ์ว่าราคาบ้านระดับหรูหราในฮ่องกงจะพุ่งขึ้น 15% ในปีนี้ และคาดว่าราคาที่พักอาศัยโดยทั่วโลกจะทะยานขึ้น 15-20%
บริษัท ไนท์แฟรงค์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชื่อดังระดับโลกและมีสำนักงานอยู่ในกรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ เปิดเผยในรายงานว่า ราคาบ้านในฮ่องกงทะยานขึ้นสูงสุดในปีที่แล้วเมื่อเทียบกับบรรดาตลาดอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ทั่วโลก ซึ่งเป็นสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นว่าฮ่องกงอาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่ด้านอสังหาริมทรัพย์
ไนท์แฟรงค์ เปิดเผยดัชนีราคาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก โดยระบุว่าราคาบ้านโดยเฉลี่ยในฮ่องกงพุ่งขึ้น 33% แซงหน้าราคาบ้านในอิสราเอลที่เพิ่มขึ้น 22% และเกือบ 16% ในนอร์เวย์
ปัจจัยที่ทำให้ราคาบ้านในฮ่องกงทะยานขึ้นเหนือประเทศอื่นๆมาจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ และจากการที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อสกัดกั้นการร่วงลงของราคาอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก จนส่งผลให้ราคาบ้านในฮ่องกงพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรง และทำให้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ต้องออกรายงานเตือนรัฐบาลฮ่องกงให้ใช้นโยบายชะลอความร้อนแรงของตลาดอสังหาริมทรัพย์
ตลาดคาดหุ้นจีนดีดตัวหลังการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ช่วงตรุษจีน
ผู้เชี่ยวชาญคาดดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนอาจดีดตัวขึ้นหลังผ่านพ้นเทศกาลตรุษจีน หลังจากที่ดัชนีร่วงลงไป 11% นับตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากรัฐบาลจะผ่อนคลายการใช้นโนบายคุมเข้มทางการเงินในเชิงรุก
เจ้าหน้าที่จากบริษัทหลักทรัพย์ซิติก ซีเคียวริตี้ส์คาดการณ์ว่า รัฐบาลจะเริ่มผ่อนคลายความเข้มงวดในการใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจอาจอ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้นักลงทุนอาจเข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้นมากขึ้น
ขณะที่รัฐบาลอาจเพิ่มการออกเงินกู้เพื่อให้ความช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรมบางกลุ่ม โดยเฉพาะภาคอสังหาริมทรัพย์ หลังจากที่การขยายตัวทางเศรษฐกิจเริ่มอ่อนแรงลงในช่วงไตรมาส 2 ของปีนี้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นที่ซบเซาในระยะนี้มีสาเหตุจากการใช้มาตรการควบคุมการขยายตัวด้านเงินกู้ของรัฐบาลและการใช้มาตรการป้องกันภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์
เมื่อเดือนที่ผ่านมา จีนได้เริ่มดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวด จากกรณีที่ธนาคารกลางจีนประกาศเพิ่มสัดส่วนการกันสำรองเงินฝากของธนาคารพาณิชย์เพื่อควบคุมการขยายตัวของสินเชื่อ ซึ่งหนุนให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เดือนธ.ค. พุ่งสูงสุดในรอบ 18 เดือน ขณะที่ภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์ก็เป็นปัญหาที่น่าวิตกกังวลสำหรับเศรษฐกิจจีน
อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนจะเปิดเผยข้อมูลราคาบ้าน อัตราเงินเฟ้อ ตัวเลขการค้า ปริมาณเงินหมุนเวียน และเงินกู้ภาคธนาคารประจำเดือนม.ค.ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือนม.ค.จะเพิ่มขึ้น 2.1% และดัชนีราคาผู้ผลิตจะขยายตัว 3.5% ส่วนการส่งออกในเดือนที่ผ่านมาจะทะยานขึ้น 29.5% จากปีก่อนหน้านี้
สำหรับเทศกาลตรุษจีน ก็จะพิธีการเฉลิมฉลองที่ยิ่งใหญ่ ชาวจีนทั่วประเทศต่างเตรียมตัวฉลองเทศกาลตรุษจีนอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะแรงงานอพยพในกรุงปักกิ่ง ต่างนับถอยหลังเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาวที่จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
กระทรวงการรถไฟของจีนคาดการณ์ในเดือน ม.ค.ว่า ระบบการคมนาคมขนส่งทางรถไฟของจีนจะมีผู้โดยสารใช้บริการ 210 ล้านคน ในระหว่างวันที่ 30 ม.ค.-10 มี.ค. 2553 ซึ่งเป็นช่วงก่อนและหลังเทศกาลตรุษจีน เพิ่มขึ้น 10% จากเมื่อปีที่แล้ว
บรรดาคนงานต่างมีความเห็นตรงกันว่า บรรยากาศช่วงเทศกาลตรุษจีนปีนี้คึกคักกว่าปีที่แล้ว ซึ่งเป็นช่วงที่จีนได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจและการเงินโลก
ขณะเดียวกัน มีการคาดกันว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้จะขยายตัวถึงร้อยละ 10 จากแรงขับเคลื่อนของการขยายตัวด้านการลงทุนและการบริโภคภายในประเทศ ด้านกระทรวงรถไฟจีน คาดจะมีผู้โดยสารใช้บริการขนส่งสาธารณะทั้งทางรถไฟ รถโดยสาร และเครื่องบิน ราว 200 ล้านคน ในช่วงเทศกาลวันหยุดที่ยาวนานถึง 40 วัน
ในฝั่งของการลงทุน ตลาดหุ้นจีนจะหยุดเทรด ตั้งแต่วันที่ 15-19 ก.พ. นี้
กังวลขาดดุลยุโรปยังถ่วงหุ้น ขณะราคาโภคภัณฑ์ดีดกลับ
ดัชนี MSCI World Index ยังติดลบก่อนเปิดตลาดเอเชียเช้าวันนี้ แม้นักลงทุนบางส่วนจะหวนกลับเข้าช้อนซื้อหุ้นในหมวดอาหารไปจนถึงธุรกิจเหมือง จนส่งผลให้ตลาดหุ้นยุโรปสามารถปิดบวกขึ้นได้เป็นครั้งแรก หลังจากที่เพิ่งทำสถิติการลดลงรายสัปดาห์ที่แรงที่สุดในเกือบปีไปเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมถึงการที่มีตัวชี้วัดทางเทคนิคที่ส่งสัญญาณว่าหุ้นอาจเข้าข่ายการถูกขายมากเกินไปในขณะนี้
ในขณะเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายประเภทก็ดีดตัวกลับขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน ทองแดง อลูมินั่ม สังกะสี รวมไปถึงทองคำ
อย่างไรก็ดี ที่ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ความวิตกในเรื่องการขาดดุลการคลังของรัฐบาลยุโรปบางประเทศยังคงปกคลุมบรรยากาศการลงทุน และกดดันให้ดัชนี Dow Jones ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 10,000 จุดเป็นวันที่สามติดต่อกันแล้ว นำโดยแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคาร ที่รวมถึง Bank of America
และแม้ว่ารัฐมนตรีคลังรวมถึงนายธนาคารกลางของยุโรปจะยังแสดงความเชื่อมั่นว่ากรีซจะสามารถแก้ปัญหาการคลังของตัวเองได้ แต่นักลงทุนในตลาดดูเหมือนจะไม่คิดเช่นนั้น เมื่อดูจากมุมมองผู้บริหารของกองทุนพันธบัตรยักษ์ใหญ่ อย่าง Pacific Investment Management หรือ PIMCO ที่บอกว่า กรีซมีความจำเป็นที่ต้องพึ่งพิงความช่วยเหลือจากภายนอกสำหรับการแก้ปัญหาการขาดดุลที่มากที่สุดในบรรดาประเทศสหภาพยุโรป ขณะที่ผู้บริหารส่วนงานวิจัยของ Roubini Global Economics ที่ลอนดอน ระบุว่า ปัญหากำลังลุกลามไปยังตลาดอื่น ถ้าหากยังไม่สามารถหาวิธีที่จะหยุดยั้งสถานการณ์ได้
ถ้าไปดูอัตราค่าความเสี่ยงของภาคธุรกิจ หรือ corporate credit risk ในตอนนี้จะพบว่า ตัวเลขได้ไต่ขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงสุดในรอบมากกว่าสองเดือนแล้ว ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความวิตกของนักลงทุนในเรื่องผลกระทบที่อาจจะขยายวงกว้างออกไปสู่สินทรัพย์ประเภทอื่นๆ
จากปัจจัยดังกล่าวทำให้หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหนักเมื่อเทียบกับกลุ่มอื่น และยังคงกดดันดัชนี S&P 500 ที่ได้ปรับตัวลดลงมาแล้วเป็นสัปดาห์ที่สี่ติดต่อกัน ซึ่งปัจจัยลบก็ยังรวมไปถึงความเป็นห่วงในเรื่องสถานะทางเครดิตของประเทศหรือการที่จีนออกมาตรการชะลอเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมา
อดีตผู้บริหารเมอร์ริลลินช์เข้ารับตำแหน่งซีอีโอ CIT Group
อดีตประธานเจ้าหน้าที่ผู้บริหารของ Merrill Lynch นั่นคือ นาย John Thain ที่สวมบทแมวเก้าชีวิตกลับมารั้งตำแหน่งผู้คุมบังเหียนของสถาบันการเงิน ที่เป็นผู้ปล่อยกู้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ อย่าง CIT Group
ขาใหญ่แห่งแวดวงการเงินอสังหาฯ รายนี้ เพิ่งผงาดกลับขึ้นมาได้จากสภาวะการคุ้มครองล้มละลายเมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา และใช้ความพยายามอยู่ถึงเกือบ 4 เดือนก่อนที่จะสามารถหาตัวผู้ที่สมควรขึ้นมานั่งแท่นตำแหน่งแทนผู้นำคนเก่าได้
CIT ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า Thain ได้เข้ามานั่งดำรงตำแหน่งซีอีโอ หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ซึ่งจะมีผลในทันที แทนตำแหน่งที่ถูกรักษาการโดยสมาชิกคณะกรรมการบริษัท คือ นาย Peter Tobin หลังจากการลาออกของซีอีโอคนก่อน ที่เป็นลูกหม้อของ Merrill Lynch เช่นกัน ซึ่งก็คือ นาย Jeffrey Peek ที่นั่งแท่นผู้นำมาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี 2004 ก่อนมาถึงทางตันด้วยการจมอยู่กับสินทรัพย์ subprime ที่นำไปสู่การล้มละลายเหมือนกับสถาบันการเงินหลายแห่ง
Thain ถูกนาย Kenneth Lewis ที่ต่อมากลายมาเป็นซีอีโอของ Bank of America บีบให้ลาออกภายหลังจากดีลการเทคโอเวอร์ Merrill Lynch จบสิ้นลง และคราวนี้เขากำลังกลับเข้ามารับบทหนักอีกครั้ง ในการนำพาสถาบันการเงินที่ยังมีสถานะทางการเงินอยู่บนเส้นด้าย และกำลังพึ่งพาแค่เพียงเงินช่วยเหลือที่ได้มาจากรัฐเมื่อปี 2551 เท่านั้น แถมยังปิดประตูไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมเลยแม้แต่ในตลาดตราสารภาคเอกชน หรือ commercial paper ที่ถือว่าเป็นแหล่งระดมทุนแบบดั้งเดิมที่เคยใช้กันมาตลอด
ด้วยสถานะในปัจจุบันของ CIT ที่มีฐานที่มั่นในนิวยอร์ก ได้ปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจกว่า 3,000 บริษัท และถือว่าเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์ 3 ของวงการปล่อยลีสซิ่งรถไฟ ไปจนถึงเครื่องบิน ที่ตลาดสหรัฐฯ ซึ่งเขาเองก็จะมีพนักงานภายใต้บังคับบัญชาถึงกว่า 4,000 คน แม้ว่าจะเป็นตัวเลขเพียงแค่เศษเสี้ยวของจำนวนพนักงานราว 64,000 จากสถาบันการเงินที่เขาได้ก้าวขาออกมา อย่าง Merrill Lynch ก็ตาม
ต่อจากนี้งานหินของ John Thain ที่ต้องทำก็คือ การหาวิธีการระดมทุนแบบต้นทุนต่ำ การยกเลิกกฏข้อบังคับในฝ่ายงานที่ทำธุรกิจธนาคาร รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ดูแลนโยบายจากรัฐ ที่กำลังเป็นห่วงถึงเงินช่วยเหลือในส่วนของกระทรวงการคลังที่ถูกละลายหายไปแล้วราว 2,300 ล้านเหรียญ
ออสเตรเลียปรับนโยบายผู้อพยพ ดูดแรงงานทักษะสูง
คริส อีแวนส์ รัฐมนตรีกระทรวงการอพยพเข้าเมืองของออสเตรเลีย ประกาศเปลี่ยนแปลงนโยบายเพื่อดึงดูดให้แรงงานที่มีทักษะสูงเข้าประเทศมากขึ้น โดยออสเตรเลียจะยกเลิกมาตรการบังคับให้แรงงานต้องมีทักษะ 106 อย่าง และจะพิจารณาเกณฑ์การวัดผลคะแนนของผู้อพยพเข้าประเทศใหม่อีกครั้ง นอกจากนั้นจะเน้นรับผู้ที่มีความรู้ด้านสุขภาพเข้าประเทศมากขึ้น ซึ่งรวมถึงหมอและพยาบาล
อีแวนส์ กล่าวว่า "ตอนนี้มีนักเรียนหลายหมื่นคนที่ต้องเรียนทำอาหาร ทำผม และทำบัญชี เพียงเพื่อให้ได้อาศัยอยู่ในออสเตรเลียเป็นการถาวร เพราะทักษะดังกล่าวอยู่ในรายชื่อทักษะที่ผู้อพยพต้องมี"
ขณะเดียวกันข้อเสนอดังกล่าวก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เนื่องจากบริษัทใหญ่อย่าง บีเอชพี บิลลิตัน และ ริโอ ทินโต กำลังต้องการแรงงานหลายหมื่นอัตราเพื่อรองรับดีมานด์จากจีน
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติของออสเตรเลียรายงานว่าในออสเตรเลียมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ถึง 4.4 ล้านคน และเมื่อปีที่แล้วมีผู้อพยพที่ยื่นเรื่องขออาศัยและทำงานในออสเตรเลียเป็นการถาวรราว 170,000 คน แต่มีงานว่างเพียง 108,100 อัตรา
อินเดียคาดเศรษฐกิจประเทศขยายตัว 7.2%
รัฐบาลอินเดียออกแถลงการณ์คาดการณ์ในวานนี้ว่า เศรษฐกิจอินเดียมีแนวโน้มขยายตัว 7.2% ในปีงบประมาณ 2552 ซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนมีนาคมนี้ เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.7% ในปีงบประมาณ 2551 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจขยายตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง
เหล่านี้เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่อาจทำให้รัฐบาลอินเดียตัดสินใจถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในระหว่างการแถลงงบประมาณฉบับใหม่ในเดือนนี้
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขคาดการณ์ดังกล่าวยังต่ำกว่าที่ธนาคารกลางอินเดียคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 7.5% ซึ่งทำให้นักลงทุนผิดหวังและฉุดตลาดหุ้นอินเดียดิ่งลง
กระทรวงสถิติอินเดียเปิดเผยว่า ความแข็งแกร่งในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการได้ช่วยชดเชยภาวะหดตัวในภาคการเกษตรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง
ส่วนภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มขยายตัว 8.2% ในปีงบประมาณ 2552 และภาคบริการ รวมถึงการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และโรงแรม มีแนวโน้มขยายตัว 8.7% นอกจากนี้ คาดว่ารายได้ประชาชาติต่อหัวจะเพิ่มขึ้น 5.4% แตะที่ 33,540 รูปี หรือ 716.66 ดอลลาร์สหรัฐ
จีนปิดเว็บไซต์สอนแฮกเกอร์ใหญ่ที่สุดในประเทศ
จีนปิดเว็บไซต์ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเว็บไซต์สอนแฮกเกอร์ใหญ่ที่สุดในประเทศ และจับกุมสมาชิกเว็บไซต์ 3 คน
หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายงานอ้างตำรวจเมืองหวงกัง ทางตะวันตกของเมืองหวู่ฮั่น ว่า เว็บไซต์ ?แบล็ค ฮอว์ก เซฟตี้ เน็ต? สอนเทคนิคการเจาะข้อมูล และให้บริการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์สำหรับเจาะระบบโดยคิดค่าบริการ เว็บไซต์นี้ถูกปิดไปเมื่อปลายเดือน พ.ย.ปีก่อน ส่วนสมาชิก 3 คนถูกจับฐานต้องสงสัยก่ออาชญากรรม
การเจาะข้อมูลทางคอมพิวเตอร์ในจีนได้รับความสนใจจากทั่วโลก หลังจากเว็บไซต์กูเกิล ขู่จะปิดให้บริการในจีนเมื่อเดือนก่อน เพราะถูกแฮกเกอร์จากจีนโจมตีอย่างหนักทำให้ทรัพย์สินทางปัญญาบางอย่างถูกขโมยไป แต่ทางการจีนปฏิเสธมีส่วนเกี่ยวข้อง ขณะที่ นายเจมส์ มูลเวนอน ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ เคยให้การต่อรัฐสภาสหรัฐ เมื่อปี 2551 ว่า เมืองหวู่ฮั่น เป็นที่ตั้งขององค์กรฝึกฝนแฮกเกอร์ในจีน
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 2 ก.พ. 2553) ? ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (ธ.ค.) โดย สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติสหรัฐฯ
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
nokeang
|
 |
« ตอบ #596 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:07:28 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ไม่มีน้ำหนักใด...หนักกว่ากรรม ไม่มีหนทางใด...ยาวเท่าหนทางแห่งกรรม
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #597 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:26:08 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #598 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:26:36 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
 |
« ตอบ #599 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2010, 10:30:16 AM » |
|
กราฟนี่ไม่ใช่ตาแป๊ะ กราฟตาแป๊ะอยู่ด้านบนหน้านี้ กราฟนี้คือกราฟใหม่2010จ้า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|