Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 41 42 [43] 44 45 ... 51   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองสวัสดีปีใหม่2010  (อ่าน 57791 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #630 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 08:55:13 AM »


เพื่อนโทรฯมา ผมถามว่า เข้าดูกระทู้แล้วได้ฟังเพลงตรุษจีนยัง? เพื่อนตอบว่า เห็นแต่ภาพตรุษฯ ไม่เห็นมีเพลงเลย  ...แสดงว่า ไม่เป็นจุดให้สังเกตุเห็น เอาใหม่
เว็บเพลงตรุษจีน
    http://bbs.520dn.com/thread-214960-1-1.html
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #631 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:04:40 AM »

Futuresเช้า(10ก.พ.)บวกรับแก้ปัญหากรีซ 11ก.พ.       
Wednesday, 10 February 2010 09:33 
โบรกมอง SET50 Futures เช้านี้ (10 ก.พ.2553) บวกรับธนาคารกลงยุโรปเตรียมหารือแก้ปัญหาการเงินกรีซ 11 ก.พ.นี้ แถมดาวโจนส์ กลับมายืนเหนือ 1 หมื่นจุด - น้ำมันบวกเกือบ 2 เหรียญ ช่วยหนุน แนะเก็งกำไรฝั่งซื้อ ในสัญญา H10 ให้แนวรับ 470 จุด แนวต้าน 485 จุด 

นางสาวมยุรี โชวิกรานต์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KEST เปิดเผยถึงการซื้อขายสินค้า SET50 Futures ตลาดอนุพันธ์แห่งประเทศไทย (TFEX) วันนี้ว่า ดัชนีฯ มีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นตามทิศทางเดียวกับดัชนีอ้างอิง SET50 ที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นไป 480 จุด หลังจากได้รับปัจัจยบวกจากการประชุมด่วนของธนาคารกลางยุโรป ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อหารือมาตรการช่วยเหลือภาวะทางการเงินของกรีซอย่างเป็นรูปธรรม 

ทั้งนี้จากปัจจัยเรื่องการประชุมดังกล่าว มีผลออกมาในทิศทางที่ดี ก็จะส่งผลบวกต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์และตลาดหุ้นทั่วโลกให้ฟื้นตัวขึ้นอย่างน้อย 2% เพื่อชดเชยกับการปรับฐานลงอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าการฟื้นตัวดังกล่าวจะเป็นไปในลักษณะรีบาวน์ช่วงสั้นๆ เนื่องจากวิกฤตการเงินในยุโรปยังคงต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหา

นอกจากนี้ดัชนีดาวโจนส์และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ก็เป็นปัจจัยบวกต่อการลงทุนในระยะสั้นเช่นกัน โดยวานนี้ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นมาเหนือ 10,000 จุดอีกครั้ง โดยเพิ่มขึ้น 150.25 จุด หรือ 1.52 % ปิดที่ระดับ 10,058.64 จุด จากประเด็นเรื่องความคาดหวังจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป ที่เตรียมจะหารือเพื่อแก้วิกฤตการเงินในกรีซ

ด้านราคาน้ำมันในตลาดโลก ปรับตัวขึ้นต่อเป็นวันที่ 2 อีก  1.91 ดอลลาร์ มาอยุ่ที่ระดับ 73.80 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงมาเมื่อเทียบกับเงินยูโร หลังจากเม็ดเงินไหลเข้าสู่ตลาดยุโรปในระยะสั้น เพื่อเก็งกำไรรับประเด็นประชุมธนาคารกลางยุโรป

อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยลบจากแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ที่ยังขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย เป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน 1,116 ล้านบาทรวมถึงขายสุทธิในตลาดอนุพันธ์อีกเป็นวันที่ 3 อีก 1,427 สัญญา สะท้อนว่าตลาดหุ้นไทยยังไม่มีปัจจัยบวกใหม่เข้ามาสร้างความน่าสนใจ             

โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำให้เก็งกำไรฝั่งซื้อ โดยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวช่วงสั้นไว้ที่ 480-485 จุด ในสัญญา S50H10 เดือนมีนาคม 2553 ประเมินแนวรับไว้ที่ 470 จุด แนวต้าน 485 จุด  ส่วนดัชนี SET50 ประเมินแนวรับไว้ที่ 475 จุด แนวต้าน 485-490 จุด   


 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #632 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:14:15 AM »

ราคาทองคำปิดบวก หลังค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และจีนเข้าซื้อ ETF ทองคำ

Posted on Wednesday, February 10, 2010
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้น เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลงได้กระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาทองคำ นอกจากนี้ ข่าวที่ว่าสหภาพยุโรป (EU) กำลังวางแผนแก้ปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณของกรีซยังช่วยให้นักลงทุนคลายความวิตกกังวลด้วย

นักวิเคราะห์จาก TheBullionDesk.com กล่าวว่า ปัจจัยหลักๆที่ทำให้สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนตัวลง โดยเมื่อวานนี้ ดัชนี Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ 6 สกุลเงินในประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐฯ  ดิ่งลง 0.9% เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสหภาพยุโรปจะช่วยแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณของกรีซ

นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ไชน่า อินเวสเมนท์ คอร์ป (CIC) ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งของรัฐบาลจีน เข้าซื้อหุ้นในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 1.45 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 0.4 คิดเป็นมูลค่า 115.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ CIC ได้อัดฉีดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์เป็นวงเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงครึ่งหลังของปี 2552

- ทองคำ ส่งมอบเดือนเมษายน ปิดที่ 1,077.20 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+0.11 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)
- เงิน ส่งมอบเดือนมีนาคม ปิดที่ 15.435 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ (+0.35 ดอลลาร์สหรัฐ/ออนซ์)
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #633 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:49:43 AM »

10 ก.พ. 2553


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สแกว่งตัวอยู่ในช่วงแคบเช่นเดิม เช่นเดียวกับราคาทองคำ
สปอตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงเมื่อคืนนี้ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 16,800/900 บาท เงินบาทแข็งตามดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       กรีซยังมีแนวโน้มประสบปัญหาอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะมาตรการลดการขาดดุลของกรีซที่หยุดการขึ้นเงินเดือนและลดสวัสดิการภาครัฐ ได้ส่งผลให้สหภาพแรงงานออกประท้วงต้านอย่างต่อเนื่อง  [Bloomberg, TCAF Research]
       นักลงทุนกลับมาตั้งความหวังว่าปัญหาหนี้สาธารณะของประเทศในยุโรปน่าจะได้รับความช่วยเหลือจากประเทศในกลุ่มอียูในไม่ช้า โดยเฉพาะหลังเมื่อนายทริเชต์ ประธานอีซีบีได้ตัดสินใจออกจากการประชุมเอกสารัตถ์ (Symposium) เนื่องในโอกาสครบรอบ 50 ปีของธนาคารกลางออสเตรเลียก่อนกำหนดเพื่อเตรียมการประชุมสุดยอดกลุ่มอียูอย่างไม่เป็นทางการในวันพฤหัสบดีนี้ ทำให้นักลงทุนเริ่มเก็งว่าทางกลุ่มอียูอาจมีการพูดถึงเรื่องมาตรการช่วยเหลือประเทศเล็กๆโดยเฉพาะกรีซ ส่งผลให้ค่าเงินยูโร และสินทรัพย์เสี่ยงต่างรวมถึงทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นไปได้ช้าๆอย่างต่อเนื่อง  [Reuters, RBA, TCAF Research]
       ราคาทองคำ ค่าเงินยูโรและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงอีกครั้งเมื่อแหล่งข่าวของสำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานว่ารัฐบาลเยอรมันได้ตัดสินใจเตรียมตัวช่วยเหลือกรีซแล้ว ซึ่งโฆษกของรัฐบาลได้ออกมาแก้ข่าวว่าไม่ได้มีรายงานใดที่มีข้อสรุปดังกล่าว อย่างไรก็ตามข่าวทางบวกดังกล่าวได้สร้างความหวังให้กับนักลงทุนได้เป็นอย่างดีส่งผลให้ราคาทองคำแกว่งตัวขึ้นอย่างรุนแรง  [Reuters, TCAF Research]
       ในการประชุมสภาฯสหรัฐฯเมื่อวานได้มีข้อสรุปเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นแรงงาน ทำให้กฎหมายใหม่ที่เป็นผลประโยชน์ต่อประเทศผ่านออกมาได้ ซึ่งนับว่าเป็นข่าวดีหลังจากที่พรรครัฐบาลได้สูญเสียคะแนนเสียงบางส่วนให้กับพรรคฝ่ายค้านในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมาไม่นานนี้  [Reuters, TCAF Research]


แนวโน้มทองคำวันนี้
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนน่าจะเริ่มกลับมาอย่างต่อเนื่องทั้งจากความหวังและจากรายงานเศรษฐกิจต่างๆในวันนี้ที่น่าจะส่งผลบวกทั้งรายงานการนำเข้า-ส่งออกของจีนและรายงานผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยุโรปซึ่งน่าจะฟื้นตัวแล้ว เราจึงมองว่า "ราคาทองคำน่าจะเริ่มแกว่งตัวขึ้น" และแนะนำให้ "ค่อยๆสะสม LONG GF ที่มีพรีเมียมต่อเดือนไม่สูงมากนัก โดยจะต้องจับตาการเคลื่อนไหวของภาครัฐในยุโรปอย่างใกล้ชิด"


มุมมองทองคำ
มาตรการต่างๆของมหาอำนาจและพฤติกรรมของผู้บริโภคน่าจะส่งผลต่อราคาทองคำได้ดีที่สุด โดยเรามองว่าเศรษฐกิจโลกน่าจะชัดเจนแล้วว่าสามารถฟื้นตัวได้อย่างต่อเนื่อง

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #634 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:52:03 AM »

ประเด็นสำคัญ


-         ราคาทองปิดบวก 1% หลังยูโรทะยาน
-         ยูโรทะยานรับข่าวยุโรปอาจช่วยเหลือกรีซ
-         ข่าวกรีซหนุนน้ำมันดิบปิดบวก 1.86 ดอลล์
-         ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 1.52% รับข่าวแผนช่วยเหลือกรีซ
 
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดเหนือ 1,070 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันอังคาร โดยเดินหน้าขึ้น 1% จากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ในขณะที่ยูโรแข็งค่า หลังจากที่มีรายงานถึงแผนความช่วยเหลือจากยุโรปที่เป็นไปได้สำหรับกรีซซึ่งประสบปัญหาหนี้สิน ทองได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์, การทะยานขึ้นของน้ำมัน, การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นทั่วโลก ท่ามกลางข่าวความช่วยเหลือสำหรับกรีซ
        ความเชื่อมั่นในตลาดอยู่ในภาวะสดใส หลังจากที่บริษัทไชน่า อินเวสต์เมนต์ คอร์ป เปิดเผยว่า ทางบริษัทลงทุนในกองทุน ETF ทอง และหุ้นกลุ่มเหมืองทอง     
    นักวิเคราะห์จาก TheBullionDesk.com กล่าวว่า ปัจจัยหลักๆที่ทำให้สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่องมาจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง โดยเมื่อวานนี้ ดัชนี Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของ 6 สกุลเงินในประเทศคู่ค้าหลักของสหรัฐ ดิ่งลง 0.9% เนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าสหภาพยุโรปจะช่วยแก้ปัญหายอดขาดดุลงบประมาณของกรีซ
    นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า ไชน่า อินเวสเมนท์ คอร์ป (CIC) ซึ่งเป็นกองทุนบริหารความมั่งคั่งของรัฐบาลจีน เข้าซื้อหุ้นในกองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก จำนวน 1.45 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 0.4 คิดเป็นมูลค่า 115.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐทั้งนี้ CIC ได้อัดฉีดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินค้าโภคภัณฑ์เป็นวงเงินสูงถึง 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2552
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,106.378 ตัน ณ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2553 เพิ่มขึ้น 1.828 ตัน จากวันที่ 5 กุมภาพันธ์
       กลยุทธ์ :  สัปดาห์นี้ราคาทองอาจจะแกว่งในกรอบ Correction แกว่งในกรอบ 1,085 ? 1,060US$ เท่านั้น ให้เล่นสั้นทำกำไร อาจจะหาจังหวะเข้าซื้อเมื่อราคาปรับฐานลงมาได้ในต้นสัปดาห์ แล้วหาโอกาสขายทิ้งช่วงวันศุกร์ทำกำไร
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #635 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:56:02 AM »

10 ก.พ. 2553


ตลาดทองเอเชีย:ราคาทองทรงตัวเหนือ 1,075 ดอลลาร์เช้านี้
   

        ราคาทองทรงตัวเหนือ 1,075 ดอลลาร์/ออนซ์ในเช้าวันนี้ หลังทะยานขึ้น
กว่า 1 % วานนี้ จากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ ขณะที่ยูโรแข็งค่าขึ้นจาก
รายงานเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือของยุโรปที่อาจจะมีขึ้นสำหรับกรีซที่กำลังประสบ
ปัญหาหนี้สิน
        ณ เวลา 09.09 น.ตามเวลาไทย ราคาทองสปอตมีการซื้อขายที่ระดับ
1,077.15 ดอลลาร์/ออนซ์ เมื่อเทียบกับระดับปิดในตลาดสปอตนิวยอร์คเมื่อวานนี้
ที่ระดับ 1,076.95 ดอลลาร์ แต่ต่ำกว่าระดับสูงสุดของวานนี้ที่ 1,083.05 ดอลลาร์
        สัญญาทองล่วงหน้าส่งมอบเดือนเม.ย.ที่ตลาด COMEX ขยับขึ้น 0.1 %
อยู่ที่ 1,078.60 ดอลลาร์/ออนซ์ โดยเมื่อวานนี้สัญญาปิดดีดตัวขึ้น 11 ดอลลาร์
อยู่ที่ 1,077.20 ดอลลาร์/ออนซ์
        แหล่งข่าวระดับสูงรายหนึ่งของเยอรมนีกล่าววานนี้ว่า รัฐบาลของ
ประเทศในยุโรปได้ตกลงกันในหลักการที่จะช่วยเหลือกรีซที่มีปัญหาหนี้สินอย่างหนัก
ซึ่งจะเป็นมาตรการช่วยเหลือครั้งแรกสำหรับสมาชิกยูโรโซนในประวัติศาสตร์
11 ปีของการใช้สกุลเงินยูโร
        เมื่อวันศุกร์ ทองสปอตมีการซื้อขายต่ำถึง 1,043.75 ดอลลาร์
ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 พ.ย. ขณะที่ยูโรอ่อนค่าลงจากความวิตก
เกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของบางประเทศในยูโรโซน
        กองทุน SPDR Gold Trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่
ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองคำที่ระดับ 1,106.378 ตัน
ณ วันที่ 9 ก.พ. ซึ่งไม่เปลี่ยนแปลงจากวันที่ 5 ก.พ. โดยกองทุนได้ถือครอง
ทองคำสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1,134.03 ตัน เมื่อวันที่ 1 มิ.ย.

        แหล่งที่มา : รอยเตอร์
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #636 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 10:59:07 AM »

UBS ธนาคารสัญชาติสวิสบันทึกกำไรเป็นครั้งแรกหลังวิกฤติ แต่ลูกค้ายังแห่ถอนเงิน

Posted on Wednesday, February 10, 2010
UBS บันทึกกำไรเป็นครั้งแรกหลังวิกฤติ แต่ลูกค้ายังแห่ถอนเงิน

ผลการดำเนินงานของธนาคารจากสวิสเซอร์แลนด์อย่าง UBS สามารถพลิกกลับมาบันทึกผลประกอบการที่เป็นกำไรได้เป็นครั้งแรกในรอบมากกว่าหนึ่งปี

แต่นักลงทุนกลับแสดงความเป็นห่วงในเรื่องฐานลูกค้าของส่วนงาน wealth management ที่ขอไถ่ถอนเงินออกไปเป็นจำนวนที่มากถึง 45,000 ล้านฟรังก์สวิสในไตรมาสที่ 4 จากตัวเลขที่เคยอยู่ที่ราวๆ 26,000 ล้านฟรังก์เท่านั้นในไตรมาส 3 แถมยังจะมากกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ว่าเงินไหลออกของลูกค้าน่าจะอยู่แถวๆ 17,000 ล้านฟรังก์

ธนาคารที่มีฐานที่มั่นในเมืองซูริครายนี้ รายงานกำไรที่ทำได้ในไตรมาส 4 ที่ 1,210 ล้านฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นตัวเลขกำไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2008 สาเหตุส่วนหนึ่งก็มาจากต้นทุนภาระหนี้ที่ลดลง รวมถึงการได้เครดิตภาษีคืนบางส่วนด้วย

ส่วนเรื่องเจ้าปัญหา อย่าง เงินโบนัสพนักงาน UBS ก็รายงานว่า ได้จ่ายค่าเหนื่อยให้กับพนักงานเป็นรางวัลถึง 2,900 ล้านฟรังก์ในปี 2552 ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วกว่า 30%

ทางด้านนาย Oswald Gruebel ซีอีโอวัย 66 ปีระบุว่า การพลิกกลับมาทำกำไรได้ของ UBS ในหนนี้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ขณะที่นักวิเคราะห์มองว่า หลังจากทุกส่วนงานของ UBS สามารถบันทึกผลกำไรได้ในครั้งนี้ ทำให้ UBS พร้อมแล้วที่จะกลับมาเดินหน้าในเรื่องการปรับปรุงภาพลักษณ์รวมถึงชื่อเสียงของตน เพื่อที่จะดึงดูดเงินลูกค้าที่เคยไถ่ถอนออกไปกลับคืนมาให้ได้

แต่สำหรับในเรื่องราคาหุ้น เรียกได้ว่า UBS ยัง underperform เพื่อนร่วมวงการนับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา โดยราคาหุ้นหล่นลงไปราวๆ 14% เมื่อเทียบกับดัชนี Europe Banks and Financial Services ของ Bloomberg ที่ปรับตัวลงไปเพียง 10%

ธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในสวิสเซอร์แลนด์แห่งนี้ ที่แม้อาจจะรายงานตัวเลขกำไรรายปีได้เป็นครั้งแรกในปีนี้นับตั้งแต่ปี 2006 กำลังพยายามผ่องถ่ายสินทรัพย์กลับคืนเข้าไปยังกองทุนของธนาคารกลาง และลดต้นทุนอย่างหนักด้วยการปลดพนักงานจำนวน 18,500 คน รวมถึงการแต่งตั้งผู้บริหารใหม่ 11 คนเข้ามานั่งในเก้าอี้คณะกรรมการบริหารของธนาคารด้วย

ส่วนเป้าหมายในระยะกลางจนถึงระยะยาวภายใต้การนำของ Gruebel ก็คือ การผลักดันธนาคารที่มีขนาดใหญ่ของยุโรปแห่งนี้ ทวงคืนรายได้วาณิชธนกิจที่หดหายไปในช่วงวิกฤติ ก่อนที่จะเดินหน้ากอบโกยรายได้ก่อนหักภาษีให้กลับขึ้นมาถึง 15,000 ล้านฟรังก์สวิสภายใน 3 ? 5 ปีจากนี้


EU เผยกำลังถกมาตรการช่วยกรีซ ส่งผลหุ้น-โภคภัณฑ์ฟื้น

สหภาพยุโรปเปิดเผยว่ากำลังพิจารณาการให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศกรีซ ที่กำลังติดอยู่กับปัญหาการขาดดุลงบประมาณระดับสูง จนส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจยุโรป

นาย Olli Rehn ที่เป็นสมาชิกกรรมการ EU และดูแลงานทางด้านเศรษฐกิจคนใหม่ เปิดเผยว่า ทางสหภาพยุโรปกำลังพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการช่วยเหลือนี้ในระดับภาพรวม ขณะที่ทางโฆษกของนายกรัฐมนตรี Angela Merkel ก็ระบุว่า มาตรการความช่วยเหลือจะอยู่ภายใต้กฏที่เข้มงวด และขึ้นอยู่กับการปฏิรูปภาครัฐครั้งใหญ่ที่กรีซเองด้วย

สถานการณ์เริ่มสุกงอมจนทำให้เกิดการตัดสินใจให้ความช่วยเหลือจากกลุ่มประเทศ EU เมื่อกรีซกลายมาเป็นเหยื่อรายแรกของยุโรปสำหรับความพยายามต่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยรอบล่าสุด ทำให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระการกู้ยืมอย่างมาก ขณะเดียวกัน ก็ยังลุกลามให้ค่าเงินยูโรร่วงลงต่ำที่สุดในรอบ 9 เดือนในสัปดาห์นี้ เช่นเดียวกับตลาดพันธบัตรของกรีซที่ปรับตัวลงตกต่ำในรอบเกือบทศวรรษ แม้รัฐบาลจะพยายามสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนว่าสามารถลดการขาดดุลที่อยู่สูงกว่าระดับ 12% ของ GDP ได้
ความเคลื่อนไหวของ EU ในการพยายามจัดการปัญหาของกรีซก็ทำให้บรรยากาศการลงทุนเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น เมื่อดูจากการตอบสนองของตลาดหุ้นทั้งที่ยุโรป Emerging market มาจนถึงตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่ดัชนี ASE ของกรีซเองก็สามารถดีดตัวขึ้นได้กว่า 5% หลังจากที่ติดลบตลอด 4 วันที่ผ่านมา เช่นเดียวกับทางด้านค่าเงินยูโร ที่กลับมาพุ่งขึ้นแรงที่สุดในรอบ 5 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์ และยังไม่รวมราคาสินค้าโภคภัณฑ์ อย่าง น้ำมัน ทองแดง และอลูมินั่ม ที่ราคาขยับขึ้นมาอย่างน้อยๆ 2% เมื่อคืนนี้

คาดกันว่านโยบายช่วยเหลือจะประกาศออกมาอย่างเป็นทางการในการประชุมของประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปในวันพฤหัสฯ นี้ ท่ามกลางความวุ่นวายในประเทศกรีซเอง ที่กำลังจะเจอปัญหาการนัดหยุดงานประท้วงครั้งใหญ่ ที่จะมีการปิดโรงเรียน โรงพยาบาล ไปจนถึงสนามบิน เพื่อตอบโต้แผนลดการขาดดุลงบประมาณของนายกรัฐมนตรี George Papandreou


JAL ตัดสินใจเป็นพันธมิตรกับอเมริกันแอร์ไลน์สต่อ

เจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป เจ้าของสายการบินเจแปน แอร์ไลน์ส (JAL) ซึ่งได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลายไปเมื่อเดือนที่แล้ว ตัดสินใจที่จะอยู่เป็นสมาชิกของกลุ่มพันธมิตรสายการบิน วันเวิลด์ ซึ่งมีอเมริกัน แอร์ไลน์ส อิงค์ เป็นแกนนำต่อไป

เจแปน แอร์ไลน์ส จะกระชับความสัมพันธ์ที่มีอยู่เดิมกับ อเมริกัน แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐ เพื่อหลีกเลี่ยงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการหันไปร่วมมือกับกลุ่ม สกายทีม ซึ่งมีเดลต้า แอร์ ไลน์ อิงค์ บริษัทสายการบินรายใหญ่สุดของสหรัฐ เป็นแกนนำ

แหล่งข่าวเผยว่า เจแปน แอร์ไลน์ส พิจารณาแล้วเห็นว่า การร่วมมือเป็นพันธมิตรกับเดลต้านั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อเป้าหมายในการปรับโครงสร้างและฟื้นฟูกิจการภายในกำหนดระยะเวลา 3 ปีได้ ทั้งในเรื่องของระยะเวลาและต้นทุน

นอกจากนี้ หาก JAL เลือกที่จะจับมือเป็นพันธมิตรกับเดลต้าและกลุ่มสกายทีม ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของกลุ่มวันเวิลด์ ก็อาจจะทำให้เกิดความสับสนในกลุ่มผู้ใช้บริการได้ และสถานการณ์นี้อาจจะทำให้รายได้ของสายการบินลดลง

ทั้งนี้ เดลต้า แอร์ไลน์ส และ อเมริกัน แอร์ไลน์ส แข่งกันจีบเจแปน แอร์ไลน์ส มาตลอด นับตั้งแต่ที่สายการบินญี่ปุ่นประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก เนื่องจากสองสายการบินคู่แข่งของอเมริกาหวังอาศัยเส้นทางบินในเอเชียซึ่งถือเป็นแหล่งรายได้สำคัญของสายการบินทั่วโลกในยามที่อุตสาหกรรมการบินในภูมิภาคอื่นๆซบเซา

ก่อนหน้านี้ได้มีกระแสคาดการณ์ว่า JAL มีแนวโน้มที่จะหันไปผูกสัมพันธ์กับเดลต้า เนื่องจาก JAL มองว่า บริษัทจะได้ประโยชน์จากเส้นทางบินของเดลต้า ซึ่งจะช่วยให้ JAL มีความสามารถในการแข่งขันทั้งในระยะกลางและระยะยาวเพิ่มมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ เผยว่า JAL ตัดสินใจที่จะคงความสัมพันธ์กับอเมริกัน แอร์ไลน์ส ต่อไปหลังจากที่เจแปน แอร์ไลน์ส เพิ่งเปิดตัวคณะผู้บริหารชุดใหม่ ซึ่งนำโดยนายคาซูโอะ อินาโมริ ประธานกรรมการ เมื่อต้นเดือนนี้

ทั้งนี้ อเมริกัน แอร์ไลน์ส ซึ่งเป็นธุรกิจในเครือเอเอ็มอาร์ คอร์ป กล่าวว่า สายการบิน รวมถึงสมาชิกกลุ่มวันเวิลด์ และทีพีจี อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนของสหรัฐ ได้เตรียมพร้อมที่จะเข้าลงทุนสูงถึง 1.4 พันล้านดอลลาร์ในเจแปน แอร์ไลน์ส แต่ JAL อาจไม่ยอมรับเงินจำนวนดังกล่าวเนื่องจากบริษัทกำลังเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการภายใต้การสนับสนุนของ Enterprise Turnaround Initiative Corp. of Japan ซึ่งเป็นบริษัทที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้มอบหมายหน้าที่ให้ดูแลการปรับโครงสร้างของ JAL


ประธานาธิบดีเวเนซูเอลาประกาศภาวะฉุกเฉินด้านพลังงาน

เวเนซูเอลาระส่ำหลังวิกฤตด้านพลังงานรุมเร้า ล่าสุดประธานาธิบดีฮูโก ชาเวซ ได้ประกาศภาวะฉุกเฉิน เพื่อเปิดทางให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาขาดแคลนกระแสไฟฟ้าได้โดยสะดวก

ประกาศดังกล่าวกำหนดให้มีการลดอัตราการใช้ไฟฟ้าลง 10% หรือจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 75% อย่างไรก็ดี ผู้ที่ใช้ไฟฟ้าลดลง 10-20% จะได้รับส่วนลดค่าไฟต่อเดือนที่ระดับ 25% ส่วนผู้ที่ลดการใช้ไฟฟ้าลงกว่า 20% จะได้รับส่วนลด 50%

สำหรับสถานประกอบการขนาดใหญ่และโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆต้องลดการใช้ไฟฟ้าลง 20% หากฝ่าฝืนจะถูกทำโทษด้วยการงดจ่ายไฟเป็นเวลา 1-2 วัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลเวเนซูเอลาได้เริ่มจัดสรรการใช้น้ำและการผลิตไฟฟ้าเพื่อป้องกันภาวะขาดแคลนกระแสไฟฟ้า

หลังระดับน้ำในเขื่อน Guri ลดลงเข้าขั้นวิกฤต ซึ่งเขื่อนดังกล่าวเป็นแหล่งกักเก็บน้ำที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าหลักของประเทศ

ทั้งนี้ เวเนซูเอลาเป็นหนึ่งในประเทศที่เผชิญกับปัญหาภัยแล้งจากปรากฏการณ์เอลนินโญซึ่งส่งผลให้กระแสน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกเปลี่ยนทิศทาง ซึ่งประธานาธิบดีชาเวซเกรงว่า สภาพอากาศในเวเนซูเอลาอาจเลวร้ายลงมากกว่านี้ หากฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล

รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานของเวเนซูเอลาประกาศว่า คณะทำงานภายใต้การนำของนายชาเวซมีแผนใช้จ่ายเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าในอีก 5 ปีข้างหน้า


ICBC หนุนปล่อยกู้โครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม

อินดัสเทรียล แอนด์ คอมเมอร์เชียล แบงก์ ออฟ ไชน่า (ICBC) ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดของจีน จะปรับเปลี่ยนนโยบายด้านสินเชื่อของธนาคารให้เหมาะสม เพื่อส่งเสริมให้การขยายตัวของเศรษฐกิจมีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

พร้อมเตรียมลงโทษภาคอุตสาหกรรมที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อมของรัฐบาล และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่สะสมที่ดินเพื่อเก็งกำไร

ไอซีบีซีระบุในแถลงการณ์ว่า ธนาคารจะส่งเสริมการให้สินเชื่อแก่อุตสาหกรรมเกิดใหม่และภาคบริการที่ทันสมัย รวมถึงอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำและรีไซเคิล

นอกจากนี้ ธนาคารจะเพิ่มการสนับสนุนทางการเงินแก่ธุรกิจขนาดย่อม และจะช่วยกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศด้วย เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบใหม่ของการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ที่มุ่งเน้นการพัฒนาด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม และการบริโภคภายในประเทศมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในทางกลับกัน ธนาคารจะควบคุมการปล่อยสินเชื่ออย่างเข้มงวดสำหรับโครงการที่ปล่อยมลพิษสูงและมีความอ่อนไหวด้านพลังงาน รวมถึงโครงการที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยด้านสิ่งแวดล้อม และโครงการที่อยู่นอกเหนือแผนการพัฒนาของรัฐบาล ซึ่งโครงการที่เข้าข่ายดังกล่าวรวมถึงโครงการอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์

นอกจากประเด็นเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมแล้ว ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังมีสิทธิถูกปฏิเสธสินเชื่อ หากธนาคารพบว่าธุรกิจดังกล่าวสะสมที่ดินหรือบ้านเพื่อเก็งกำไร และจะถอนเงินกู้ที่ได้ให้ไปแล้วด้วย

พร้อมกันนี้ ICBC ซึ่งได้ปล่อยเงินกู้ใหม่จำนวน 1.1 แสนล้านหยวนในเดือนม.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันว่าจะบริหารจัดการอัตราการขยายตัวและระดับการปล่อยสินเชื่อให้มีความเหมาะสม ตลอดจนป้องกันความเสี่ยงด้านสินเชื่อ และจะยังคงเดินหน้าปรับปรุงโครงสร้างสินเชื่อต่อไป

ทั้งนี้ แถลงการณ์ของไอซีบีซีถูกมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวเพื่อให้สอดคล้องกับความพยายามของรัฐบาลจีนในการจำกัดการลงทุนที่มากเกินไป และคลายความร้อนแรงของราคาสินทรัพย์จากภาวะฟองสบู่ นอกจากนี้ รัฐบาลจีนกำลังพยายามที่จะเพิ่มอุปทานที่อยู่อาศัยที่มีราคาพอประมาณด้วย

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลจีนได้ออกมาเตือนธนาคารต่างๆที่ปล่อยเงินกู้โดยขาดความระมัดระวัง เนื่องจากทำให้มีเม็ดเงินลงทุนหลั่งไหลเข้าสู่ภาคอุตสาหกรรมบางประเภทมากเกินไป อาทิ เหล็ก และ ซีเมนต์ รวมถึงทำให้ราคาหุ้นและอสังหาริมทรัพย์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง

ในเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางจีนกำหนดให้ธนาคารพาณิชย์เพิ่มการกันสำรองเงินฝาก 0.5% เพื่อป้องกันไม่ให้การขยายตัวของสินเชื่อทะยานไปมากกว่านี้ หลังจากที่ในปีที่แล้วได้มีการปล่อยเงินกู้อย่างมหาศาลเพื่อสนับสนุนโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ

นอกจากนี้ หลิว หมิงกัง ประธานคณะกรรมการกำกับดูแลภาคธุรกิจธนาคารจีน กล่าวในเดือนที่แล้วเช่นกันว่า จะควบคุมการปล่อยสินเชื่อของธนาคารต่างๆในประเทศลงมาอยู่ที่ราว 7.5 ล้านล้านหยวน (1.1 ล้านล้านดอลลาร์) ในปีนี้ จากระดับ 9.5 ล้านล้านหยวน (1.4 ล้านล้านดอลลาร์) ในปี 2552


HSBC คาดแบงค์ชาติจีนขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งช่วงครึ่งปีแรก

ฉู หงปิน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของเอชเอสบีซีคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.27% ถึง 2 ครั้งในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ เพื่อควบคุมเศรษฐกิจไม่ให้ขยายตัวร้อนแรงเกินไป และคาดว่าการส่งออกจะมีส่วนผลักดันผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของจีน 0.5% และอาจจะทำให้จีดีพีขยายตัวถึง 9.5% หากการส่งออกของจีนฟื้นตัวขึ้นในระดับปานกลางปีนี้

อย่างไรก็ดี หากการส่งออกขยายตัวกว่า 20% ในปีนี้ จีดีพีของจีนก็อาจจะขยายตัว 12-13% ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น จีนก็จำเป็นต้องใช้นโยบายเพื่อควบคุมการขยายตัวไม่ให้ร้อนแรงจนเกินไป

หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์เอชเอสบีซีได้เรียกร้องให้รัฐบาลลดการลงทุนใหม่ๆในโครงการสาธารณูปโภค เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างร้อนแรงเกินไป

ทั้งนี้ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์กล่าวด้วยว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกในเดือนเม.ย.นี้ และอาจจะขึ้นเพดานสำรองของธนาคารพาณิชย์เป็น 18% อีก 3-4 ครั้งในช่วง 6 เดือนนี้


รมว. คมนาคมญี่ปุ่นตำหนิโตโยต้าตอบสนองปัญหาที่เกิดขึ้นล่าช้า

เซอิจิ มาเอฮาระ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมญี่ปุ่นได้ออกมาวิจารณ์โตโยต้าว่าตอบสนองล่าช้าต่อการร้องเรียนเรื่องความปลอดภัยในการใช้รถของบริษัท และไม่มองปัญหาในมุมของลูกค้า

รมว.คมนาคมกล่าวว่า บริษัทอาจจะมองปัญหานี้ว่าเป็นปัญหาเล็กๆ และกล่าวว่าโตโยต้าจะต้องรับมือกับปัญหาอย่างรวดเร็วด้วยการพิจารณาปัญหาในมุมมองของลูกค้า ขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะพยายามป้องกันไม่ให้การเรียกคืนรถครั้งนี้กลายเป็นความขัดแย้งทางการทูต และจะพบกับนายจอห์น รอส เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำญี่ปุ่นในวันพรุ่งนี้ เนื่องจากตลาดในอเมริกาเหนือถือเป็นตลาดที่สำคัญของโตโยต้า

โตโยต้าได้เรียกคืนรถไฮบริด 4 รุ่น จำนวนประมาณ 400,000 คันทั่วโลก เพื่อนำกลับมาแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น โดยรถรุ่นที่ถูกเรียกคืน ได้แก่ โตโยต้า พรีอุส, เล็กซัส HS250h, Sai และพรีอุส ไฮบริด รุ่นพลัก-อิน


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 9 ก.พ. 2553)
? ยอดสินค้าภาคค้าส่ง (ธ.ค.) ลดลง 0.8% จากเดือนก่อนหน้า

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 10 ก.พ. 2553)
? ดุลการค้าระหว่างประเทศ (ธ.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ออกอากาศซ้ำเวลา 11.00 น. ทาง Money Channel
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #637 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:27:40 AM »

วันนี้โชคดี กราฟตาแป๊ะลืมปิดหรือเปิดให้ดูส่งท้ายปีจีนกราฟตาแป๊ะซ้ายบน มีการเปลี่ยนแปลงนิดหนี่ง มีคำว่า ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย และ ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เพิ่มเข้ามา ผสมเข้ากับกาฟตาแป๊ะช่องซ้ายบน
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน ตัวหนังสือสีเขียว ? ---ขาย  ตัวหนังสือสีแดง?----ซื้อ  เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
4กราฟล่างเป็นกราฟในชุดกราฟใหม่2010 เป็นกราฟที่เข้าใจง่ายเช่นเคย ไม่อธิบายก็คงเข้าใจไดนะครับ
ดัชนีไทยรายวัน
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #638 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:29:28 AM »

ดัชนีไทย60นาที
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #639 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:49:07 AM »

ทอง
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #640 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:50:34 AM »

ดัชนีดอลล์เมกา
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #641 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:51:51 AM »

น้ำมัน
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #642 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 12:44:50 PM »

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #643 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 12:45:21 PM »

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #644 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 12:46:25 PM »

 
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 41 42 [43] 44 45 ... 51   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: