Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 88 89 [90] 91 92 ... 174   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: กองทุน OIL and AUD  (อ่าน 181529 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1335 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2009, 09:48:42 AM »

สวัสดีค่ะ พี่มิจิ ไม่อยู่เหรอคะ Undecided

เมื่อวานสงสัยน้ำมันได้ของแพงอีกแล้ว Grin
บันทึกการเข้า
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #1336 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2009, 11:21:20 AM »

สวัสดีค่ะ พี่มิจิ ไม่อยู่เหรอคะ Undecided

เมื่อวานสงสัยน้ำมันได้ของแพงอีกแล้ว Grin
นู๋บัส เมื่อวานพี่ก็เข้าน้องออย ได้ของแพงเหมือนกัน เซ็งเน้ออ Sad
บันทึกการเข้า
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #1337 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2009, 07:49:53 PM »

ดีใจเหมือนกันคะ ที่มีเพื่อนเข้าเคออยส์ ขณะนี้เวลา 02.38am น้องออยส์กระโดดไปยืนสูงกว่าเมื่อวาน  Sad
เซ็งเลยคิดว่าจะได้ราคาต่ำ แต่ไหนๆก็ขึ้นแล้วก็ขึ้นไปโลดดดดดดด Kiss
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #1338 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2009, 07:54:42 PM »

NYMEX CRUDE FUTURE   75.95   -2.01   -2.58   23:12

WTI CUSHING SPOT   77.06   2.14   2.86   11/25
ไม่ทราบว่าใช้อันไหนคะคุณมิจิ



เรื่องน้ำมันบอกตรงๆ ว่าพี่ก็ไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่นะคะ เพราะสับสนว่าใช้ราคาของ dbo หรือ wti เพราะที่อ่านมา
จากหลายๆ คนแล้ว ลองเปรียบเทียบดูบางกรณีก็ไม่ค่อยจะเป็นไปตามราคาที่บอก แต่พี่อาศัยราคาเรียลไทม์
ดูคร่าวๆ ก็ใช้ได้ค่ะ เพราะน้ำมัน 1$ จะมีผลต่างประมาณ 100 บาท เวลาพี่ขายส่วนต่างก็จะประมาณ 3$
พี่เลยไม่ค่อยซีเรียส แต่บางคนอาจจะเล่นสั้นส่วนต่างอาจไม่มาก เลยต้องดูละเอียดหน่อย
เมื่อวานดูแต่ราคาทองที่ไหลแรงมาก  แต่เข้ามาอ่านที่คุณมิจิตอบให้แล้วคะ ขอบคุณนะคะที่ใส่ใจทุกคำถามที่aaaสงสัยขอบคุณมากๆ Cry Cry Cry Wink

พี่รู้แล้วค่ะว่า nymex real time ส่วน wti เป็นราคาปิดตอนตี5 มั้งคะ
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
patcha
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 212


« ตอบ #1339 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2009, 12:22:27 PM »

ดีใจเหมือนกันคะ ที่มีเพื่อนเข้าเคออยส์ ขณะนี้เวลา 02.38am น้องออยส์กระโดดไปยืนสูงกว่าเมื่อวาน  Sad
เซ็งเลยคิดว่าจะได้ราคาต่ำ แต่ไหนๆก็ขึ้นแล้วก็ขึ้นไปโลดดดดดดด Kiss
เล่นกะน้องเคออยส์นี่ นอกจากวัดจากกราฟแล้ว ต้องวัดจากดวงด้วยใช่มั๊ยคะคุณมิจิ แก็ปเวลาตั้ง 12.30 ชั่วโมงคงมีเรื่องให้ตื่นเต้นเยอะ ดีคะพัชจะได้ไม่หมกม่นอยู่แต่กะน้องทอง ต้องปันใจซะบ้างเผื่อน้องทองจะกลับตัวกลับใจลงมาให้ซื้อ  หัวเราะกันนะ หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #1340 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2009, 01:11:18 PM »

มันลงไปแล้วคุณพัช แต่ซื้อไม่ได้นี่สิ ชากกกกกแงกๆๆๆๆ หัวเราะกันนะ

สวัสดีน้องบาบัส คุณซินดี้ ไหนๆก็ขึ้นแล้ว ก็ขอให้น้องออยขึ้นไปให้พี่ๆ ปล่อยทำกำไรและดอยด้วยเต้อะ Kiss
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #1341 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2009, 01:23:49 PM »

ปุณณ์
แฟนพันธุ์แท้

 ออนไลน์

กระทู้: 813


ใช้ชีวิตให้สนุก และ ลงทุนอย่างมีความสุข


    Re: การลงทุนอย่างพอเพียง ในตลาดทุน
? ตอบ #187 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2009, 11:56:18 am ?   

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: seam888 ที่ พฤศจิกายน 28, 2009, 09:28:57 am
น้ำมันที่หลายคนรอคอย ตอนนี้ให้หยุดการซื้อเดี่ยวจะมีลงอีก เเต่ระยะยาวยังเหมือนเดิม   

--------------------------------------------------------------------------------
อ๊าว พี่ปุณณ์เพิ่ง stop loss KF OIL  50% ไปทั้งหมดเมื่อวานนี้เอง ก็ WTI หล่นลงไปตั้ง 6% ไม่อยากนอนไม่หลับ
คาดว่าจะขาดทุนสำหรับครั้งนี้ 0.65% ได้อานิสงค์ค่าเงินช่วย เลยขาดทุนไปแค่ 0.29%
คาดว่าจะเก็บกลับคืน วันจันทร์ เพราะ DBO ลงมา 1.41%
กองทุนไทยหักค่าธรรมเนียมและส่วนที่ขาดทุนไปก็ยังได้ราคาต่ำกว่าทุนเดิม
โล่งใจไปส่วนหนึ่งเพราะสามารถรอเก็บได้โดยไม่มีดอยเหลือแล้ว
น้องเสมบอกว่ามีแนวโน้มจะลงอีก พี่ปุณณ์ก็น่าจะรอของถูกสินะคะ มีทุนรอเก็บ 100% เลยค่ะ

ส่วน K OIL ยังอยู่ครบ 50% ถ้าขายเวลาขาลงจะขาดทุนหนัก เก็บไว้ระยะยาวได้เพราะค่าเงินมีผลน้อยกว่า
เลยใช้วิธี สงบสยบเคลื่อนไหว ยังมีกำไรเหลืออยู่อีกราว 1.5%
ไปรอเก็บเพิ่มถ้าลงหนัก อีก 50%

ทองเมื่อวานไม่มีโอกาสเก็บเพิ่มเลย เสียดาย 

เนตมีอาการติดๆดับๆ ไม่ดับแต่ก็เข้าเวบไม่ได้ เข้าเวบได้ก็โพสไม่ได้ กว่าจะเห็นว่าน้องเสมเปิดกระทู้ใหม่

ถึงน้องเสมย้ายมากระทู้นี้ ก็ตามมารบกวนจนได้   

ขอบคุณมากๆค่ะ     
 
 
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
IPSUM
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7478



« ตอบ #1342 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2009, 03:15:19 PM »

น้องออยทำพี่ทุกครั้งเลย ตั้งแต่พบกันครั้งแรกแล้ว  Cry
แต่สุดท้ายก็คุ้มนะที่ได้เจอน้อง อย่าทำให้ผิดหวังหล่ะ รอ 80+ นะ
จุ๊บ จุ๊บ  Grin
บันทึกการเข้า

   รัก เธอ ประ เทศ ไทย  รัก เธอ ตลอด ไป...
nokeang
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 720



« ตอบ #1343 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 07:15:42 AM »

ngoodin
แฟนพันธุ์แท้

 ออฟไลน์

กระทู้: 1645


    Re: หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน
? ตอบ #9737 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2009, 02:41:22 pm ? 

--------------------------------------------------------------------------------
ราคาน้ำมันแกว่งตัวผันผวนตามฟองสบู่ดูไบเช่นกัน แต่ในที่สุดราคาดีดกลับมายืนที่เส้นโบลิงเจอร์ล่าง slostoc ตัดขึ้นแล้ว ต้นสัปดาห์หน้ามีโอกาสดีดกลับขึ้นไปที่ 79 เหรียญ

ผมเข้า k-oil เพิ่มไปเมื่อวันศุกร์ ได้ส่วนลดแค่เปอร์เซ็นต์กว่า ๆ เอง วันจันทร์ถือรอครับ ถ้าราคาดีดขึ้นไปที่ 79 เหรียญจึงสั่งขาย

 
บันทึกการเข้า

ไม่มีน้ำหนักใด...หนักกว่ากรรม
ไม่มีหนทางใด...ยาวเท่าหนทางแห่งกรรม
nokeang
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 720



« ตอบ #1344 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 07:17:58 AM »

TR
แฟนพันธุ์แท้

 ออฟไลน์

กระทู้: 782


Keep Walking ....


   Re: หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน
? ตอบ #9749 เมื่อ: วันนี้ เวลา 01:32:31 am ? 

--------------------------------------------------------------------------------
ฟองสบู่ดูไบ ภาพลวงตาในทะเลทราย
 
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 30 พฤศจิกายน 2552 00:20 น.


ปรากฎการณ์ฟองสบู่ดูไบแตก ก็เหมือนกับฟองสบู่ไทยแตก เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ที่มีสาเหตุมาจาก การเอาเงินคนอื่นมาลงทุน จนทำให้ภาระหนี้ที่สูงมาก ถึงเวลาไม่มีปัญญาชำระคืน และส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถูกปั่นราคาสินทรัพย์เกินความเป็นจริง จากกระแสเก็งกำไร
       
       การประกาศหยุดพักชำระหนี้มูลค่า 59,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเท่ากับ 2 ล้านล้านบาท โดยประมาณ ของบริษัทดูไบ เวิล์ด เป็นเวลา 6 เดือนนั้น เป็นการยอมรับอย่างเป็นทางการ เป็นครั้งแรกของรัฐบาลดูไบว่า ถังแตก หลังจากปฎิเสธมาตลอด เป็นเวลานานเกือบปีว่า ไม่มีปัญหา
       
       เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปีนี้ อาบู ดาบี ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 นครรัฐ ที่รวมตัวกันเป็น สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ หรือ ยูเออี ( UAE ? United States of Arab Emirates) เมื่อ ปี 1971 หลังอังกฤษถอนกำลังออกจากอ่าวเปอร์เซีย และเป็นนครรัฐที่ร่ำรวยที่สุด เพราะมีน้ำมันมากที่สุด ต้องให้ความช่วยเหลือด้านการเงินกับดูไบ เป็นเงิน 10,000 ล้านเหรียญ สหรัฐฯ แต่ก็ยังเอาไม่อยู่
       
       สัปดาห์ที่ผ่านมานี้เอง อาบู ดาบี เพิ่งจะใส่เงินลงไปให้ดูไบอีก 5 พันล้านเหรียญ แต่มีเงื่อนไขว่า เงินก้อนนี้ ห้ามนำไปชำระหนี้ของดูไบ เวิล์ด แสดงว่า นอกจากของหนี้ดูไบ เวิล์ด ซึ่งเป็นบริษัทของรัฐบาลดูไบที่ไปลงทุนในกิจการต่างทั่วโลกแล้ว ดูไบยังมีหนี้อื่นที่ซุกไว้อีก
       
       ดูไบ เป็นนครรัฐที่ร่ำรวย แต่ไม่ได้รวยล้นฟ้าอย่างที่เข้าใจกัน เพราะดูไบไม่ได้มีน้ำมันมาก น้ำมันและแก๊สธรรมชาติส่วนใหญ่ไปอยู่กับ อาบู ดาบี ดูไบมีรายได้จากน้ำมันและแก๊สธรรมชาติเพียง 6 % เท่านั้น รายได้ส่วนใหญ่มาจากภาคบริการ การท่องเที่ยว การค้า และภาคการเงิน
       
       ดูไบเติบโตมาจากการเป็นเมืองท่าเสรี ที่เป็นจุดศูนย์กลางของเรือสินค้าจากตะวันตก  อัล มัคทูม (Al Maktoum) ซึ่งปกครองดูไบ ตระหนักว่า ไม่อาจพึ่งพารายได้จากน้ำมันเพียงอย่างเดียวได้ จึงวางแผนเศรษฐกิจให้ดูไบ เป็นศูนย์กลางการค้า การเงิน การบริการ และการท่องเที่ยวในตะวันออกกลาง ซึ่งสามารถบรรลุเป้าหมายได้ตามต้องการ
       
       เมื่อขึ้น ศตวรรษใหม่ ปี 2000 ดูไบหันมาเน้นการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ และการท่องอเที่ยว มีการลงทุนสร้างโรงแรม ศูนย์การค้า โครงการที่พักอาศัยอย่างพิสดาร โดยหวังว่า จะใช้กลยุทธ์ ใหญ่ที่สุด สูงที่สุด แปลกที่สุด เป็นจุดขายดึงนักลงทุน และเศรษฐีใหม่จากทั่วโลกเข้ามา อย่างเช่น โรงแรม เบิร์จ ซึ่งสูงที่สุดในโลก และโครงการเดอะปาล์ม ซึ่งเอาทรายมาถมทะเล ให้เป็นหมู่เกาะ ภายใต้โครงที่เหมือนต้นปาล์ม แล้วสร้างบ้านหรู ราคานับร้อยล้านบาทบนเกาะเหล่านี้
       
       หกเจ็ดปีที่ผ่านมา ใครๆก็ไปดูไบ ไปเที่ยว ไปลงทุน ไปซื้อบ้าน เหมือนดูไบเป็นขุมทรัพย์ในตะวันออกกลาง เหมือนประเทศไทยก่อนฟองสบู่แตก ราคาอสังหาริมทรัพย์ถูกปั่นขึ้นไปหลายสิบเท่าตัว
       
       หนึ่งปีก่อน เกิดวิกฤติเศรษฐกิจการเงินจากปัญหาซับไพร์ม ส่งผลกระทบอย่างเงียบๆ แต่ลุกลามใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ต่อดูไบ ประการแรก ดูไบเป็นศูนย์กลางการเงินในตะวันออกกลาง เมื่อเกิดวิกฤติขึ้น บริษัทการเงินที่มาตั้งสำนักงานในดูไบ ต้องปิดกิจการลง หรือ ลดการจ้างพนักงาน ทำให้ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันตก ที่มาทำงานในศูนย์กลางการเงินต้องกลับบ้าน กำลังซื้อจึงหายไปไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในภาคอสังหาริมทรัพย์
       
       คนดูไบมีแค่ 2 แสนกว่าคน เป็นกำลังการบริโภคที่ไม่สามารถรองรับการลงทุนขนาดใหญ่ได้ จึงต้องอาศัยนักท่องเที่ยว และผู้บริหารต่างชาติที่มาทำงานในดูไบ
       
       ประการที่ สอง มีนักลงทุนชาวตะวันตก จำนวนมาก มาลงทุนเก็งกำไรอสังหาริมทรัพย์ในดูไบ เพราะสามารถทำกำไรมากๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยการปั่นกระดาษใบจอง เมื่อเกิดวิกฤติซับไพร์ม สถาบันการเงินที่ปล่อยเงินกู้ให้นักลงทุนเหล่านี้มาใช้เก็งกำไร เรียกเงินคืน คนที่ทำงานในภาคการเงินต้องตกงาน กลับบ้าน วงจรการเก็งกำไรในอสังหาริมทรัพย์จึงสะดุดลง นักเก็งกำไรต่างชาติ หนีกลับบ้าน ทิ้งหนี้สิน และความเสียหายเอาไว้เบื้องหลัง
       
       การลงทุนของดูไบเวิล์ด ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็เช่นเดียวกัน ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติการณ์ จึงมีปัญหากระแสเงินสด ไม่เพียงพอต่อการชำระหนี้ เงินลงทุนของดูไบเวิล์ดมาจากการกู้ ถึงเวลาก็ต้องชำระดอกเบี้ยและเงินต้น ปัญหาความไม่สามารถในการชำระหนี้ของดูไบ เวิล์ด เป็นสิ่งที่นักการเงินทั่วโลก คิดว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่นอน เมื่อถึงกำหนดชำระหนี้ แต่ ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มัคทูม (Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum) เจ้าผู้ครองนครดูไบ ปฏิเสธมาตลอด และแก้ปัญหาด้วยการ ออกข่าวประชาสัมพันธ์ถึงความสำเร็จของโครงการต่างๆเป็นการตอบโต้
       
       เศรษฐกิจของดูไบ นับตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมา เป็นของเก๊ ทั้งในแง่ที่มาของการลงทุน ซึ่งเป็นการก่อหนี้ กู้เงินมาลงทุน
       
       ความเทียมอีกด้านหนึ่งคือ โครงการจำนวนมาก รวมทั้งโครงการเดอะปาล์มของดูไบ เวิล์ด เป็นการสร้างบนที่ดินเทียม คือ ถมทะเลขึ้นมา นอกจากจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรงแล้ว ยังมีผลต่อพื้นดิน โครงสร้างอาคารด้วย เป็นสาเหตุสำคัญให้มูลค่าของสินทรัพย์ลดลงอย่างรวดเร็ว
       
       ตั้งแต่ปี 2001 ? 2008 มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในดูไบ จึงลดลงถึง 60 %
       
       ดูไบจึงเป็นเหมือนภาพลวงตาในทะเลทราย ที่นักเดินทางคิดว่าเป็นโอเอซีส พากันวิ่งเข้าใส่ แต่เมื่อไปถึง ปรากฏว่า มีแต่ทรายกับทรายเท่านั้น
       
       เทียบกับบริษัทเลห์ แมน บราเธอร์ส ซึ่งเป็นชนวนของวิกฤติซับไพร์มแล้ว หนี้ของดูไบเวิล์ด นับว่าเล็กน้อย แต่นัยนะมหาศาล เพราะนี่คือ การผิดนัดชำระหนี้ของประเทศ ( sovereign default) เหมือนการผิดนัดของอาร์เจนตินาในปี 2001 และรัสเซียในปลาย ทศวรรษ 1990 ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดการเงินทั่วโลก
       
       การประกาศเลื่อนการชำระหนี้ ของดูไบ ทำให้ ค่าธรรมเนียม การรับประกันเงินกู้ ของกรีซและลิธัวเนีย เพิ่มขึ้น 16 และ 6 เปอร์เซ็นต์ ตามลำดับ ส่วนของดูไบเองเพิ่มขึ้นถึง 67 %
       
       เจ้าหนี้ต่างชาติรายใหญ่ของดูไบเวิลด์ คือ อังกฤษ โดยโรแยล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ ซึ่งล้มละลายจากกรณีซับไพร์ม จนรัฐบาลอังฤษต้องเข้าซื้อกิจการ เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ รองลงมาคือ สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ,บาร์เคลย์ และ เอชเอสบีซี
       
       แต่เจ้าหนี้ที่ปล่อยกู้มากๆ เป็นธนาคารของอาบูดาบี และดูไบ
       
       ปัญหาของดูไบเวิลด์ จะทำให้ธนาคารเจ้าหนี้ ต้องตัดหนี้สูญ ซึ่งจะกระทบต่อรายได้ของธนาคาร และหากมีการปรับโครงสร้างหนี้ โดยการขายสินทรัพย์ของดูไบเวิลด์จะทำให้ราคาสินทรัพย์ทั่วโลกตกต่ำลง
       
       ดูไบเวิล์ด เป็นเจ้าของ ดีพี เวิลด์ ซึ่งเป็นกิจการท่าเรือที่ซื้อมาจาก P&O ของอังกฤษ เมื่อ 4 ปีที่แล้ว บริหารท่าเรือกว่า 30 แห่งทั่วโลก ถือหุ้นครึ่งหนึ่งในเอ็มจีเอ็มแกรนด์ คาสิโนในลาสเวกัส เป็นเจ้าของเรือสำราญ ควีน อลิซาเบทที่ 2 เจ้าของตลาดหุ้นลอนดอน และอสังหาริมทรัพย์อื่นๆอีกมากมายในยุโรปและสหรัฐ
       
       ดูไบ มีความหวังว่า อาบู ดาบี จะเข้ามาอุ้ม เพราะถ้าดูไบมีปัญหารุนแรง จะกระทบต่อยูเออีโดยรวม แต่อาบู ดาบีประกาศแล้วว่า จะไม่ช่วยทั้งหมด จะเลือกดูเป็นกรณีๆไป
       
        อัล มัคทูม ที่ครองดูไบ และ อัล นายาน ผู้ปกครอง อาบูดาบี เป็นคู่แข่งกันอยู่ในที ดูไบ ชอบทำตัวฟู่ฟ่า โดดเด่น เป็นข่าวอยู่เสมอ ในขณะที่อาบู ดาบี ซึ่งรวยจริง เป็นพวกโลว์โปรไฟล์ อาบูดาบี อาจจะอยากให้ดูไบได้รับบทเรียนในครั้งนี้ก็ได้ หรืออาจจะเลือกดูว่า จะเอาสินทรัพย์อะไรของดูไบเวิลด์ เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับความช่วยเหลือ อาจจะให้ดูไบ ยุบสายการบินแห่งชาติทิ้ง หรือโอนให้อาบูดาบี เพราะอาบู ดาบีก็มีสายการบินแห่งชาติเหมือนกัน ซึ่งเป็นความซ้ำซ้อน ที่ยูเออี จะมีสายการบินถึง สองสาย
บันทึกการเข้า

ไม่มีน้ำหนักใด...หนักกว่ากรรม
ไม่มีหนทางใด...ยาวเท่าหนทางแห่งกรรม
nokeang
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 720



« ตอบ #1345 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 07:22:11 AM »

ngoodin
แฟนพันธุ์แท้

 ออฟไลน์

กระทู้: 1645


    Re: วิเคราห์ราคาทองคำตามหลักโหราศาสตร์
? ตอบ #2394 เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2009, 02:59:14 pm ? 

--------------------------------------------------------------------------------
ราคาน้ำมันเกิดความผันผวนรุนแรงหลังจากยกราศีไปปะทะดาวราหู แต่ผมคาดว่าราคาจะดีดขึ้น กลับผันผวนลงไปก่อน และขึ้นมาแค่ 75 เหรียญ

ราคาน้ำมันเดือนธันวาคมจะมีความผันผวนขึ้น ๆ ลง ๆ ตามดาวราหู
ต้นสัปดาห์ดวงจันทร์ทำมุมตรีโกณกับดาวพุธ ราคาน้ำมันจะปรับตัวขึ้นเล็กน้อย บวกแรงส่งของราหู น่าจะอยู่ที่ 78 เหรียญ
กลางสัปดาห์ดวงจันทร์อยู่ในมุมที่ไม่ให้คุณ ราคาน้ำมันจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย บวกกับแรงกดดันของราหู น่าจะอยู่ที่ 75 เหรียญ
ปลายสัปดาห์ดวงจันทร์โคจรเล็งดาวพุธ ราคาน้ำมันจะดีดตัวสูงขึ้น บวกกับแรงส่งของราหู น่าจะอยู่ที่ 80 เหรียญ


ดูแล้วก็ค่อนข้างผันผวนพอควรเลย ผมก็คอยจด ๆ จ้อง ๆ จะซื้อที่ 75 เหรียญ จะขายที่ 79 เหรียญ up ละครับ
 
บันทึกการเข้า

ไม่มีน้ำหนักใด...หนักกว่ากรรม
ไม่มีหนทางใด...ยาวเท่าหนทางแห่งกรรม
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #1346 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 10:12:26 AM »

สวัสดีค่ะทุกคน ขอให้น้ำมันพุ่งขึ้นฟ้าไปเลยนะคะ Azn Azn Azn
บันทึกการเข้า
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #1347 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 10:40:10 AM »

สวัสดีค่ะทุกคน ขอให้น้ำมันพุ่งขึ้นฟ้าไปเลยนะคะ Azn Azn Azn

แพงมากก็ไม่ดีนะคะ เดี๋ยวข้าวของอื่นๆในบ้านเราจะขึ้นราคาตามมา   Angry
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
AAA
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 28


« ตอบ #1348 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 11:45:58 AM »

ขอบคุณพี่มิจิ คนเก่งหาคำตอบให้น้องจนได้ ขอบคุณนะคะ  Wink
บันทึกการเข้า
IPSUM
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 7478



« ตอบ #1349 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2009, 12:19:28 PM »

สวัสดีค่ะทุกคน ขอให้น้ำมันพุ่งขึ้นฟ้าไปเลยนะคะ Azn Azn Azn

พูดพราะจังเลย  Cheesy
บันทึกการเข้า

   รัก เธอ ประ เทศ ไทย  รัก เธอ ตลอด ไป...
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 88 89 [90] 91 92 ... 174   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: