Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website.
Home
-----
กระดานสนทนาหน้าแรก
-----
Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart
-----
gold-trend-price-prediction
-----
ติดต่อเรา
หัวข้อ: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 01, 2012, 03:57:14 PM ฮือฮา หนุ่มอังกฤษจับปลาน้ำจืดยักษ์ น้ำหนักเท่า 160 ปีก่อน
(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/wannaporn/fish-532_1480399a.jpg) ขอขอบคุณภาพประกอบจาก flyforums.co.uk วันที่ 30 มีนาคม เว็บไซต์เดอะซันของอังกฤษ รายงานว่า นายแอนดี้ โอ คอนเนอร์ อายุ 20 ปี สร้างความฮือฮาหลังสามารถจับปลาน้ำจืดหนักถึง 46 ปอนด์ หรือประมาณ 20.6 กิโลกรัม ได้ที่ทะเลสาบเวคแฮม ใกล้กับเมืองสการ์โบโร่ห์ อีสยอร์ก ประเทศอังกฤษ โดยรายงานระบุว่า สถิติดังกล่าวเทียบเท่าการจับปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอังกฤษเมื่อ 160 ปีก่อน ที่เคยทำได้โดยนายวิคแฮม แว็กเกอร์ เมื่อปี 1822 ที่เมืองสแตฟฟอร์ดไชร์ ซึ่งมีน้ำหนักของปลาเท่ากันที่ 46 ปอนด์ หรือประมาณ 20.6 กิโลกรัม ทั้งนี้ นายแอนดี้ กล่าวว่า ตอนแรกที่เขาตกปลาอยู่ เขารู้สึกได้ว่า เบ็ดตกปลาเขาน่าจะไปเกี่ยวกับอะไรใหญ่ ๆ จนกระทั่งมันมาติดตาข่ายนั่นแหละถึงได้รู้ว่ามันเป็นปลาน้ำจืดที่มีขนาดใหญ่มาก เขาใช้เวลาประมาณ 15 นาทีในการนำปลาตัวนี้ขึ้นฝั่ง อย่างไรก็ตาม นายแอนดี้ กล่าวต่อว่า เขารู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถทำลายสถิติการจับปลาน้ำจืดใหญ่ที่สุดของประเทศได้ เพราะปลาตัวที่เขาจับได้นี้มีน้ำหนักเท่ากับปลาที่นายวิคแฮมจับได้ แต่ครั้งหน้าเขาจะพยายามจับปลาที่มีน้ำหนักมากกว่านี้ เพื่อทำลายสถิติให้ได้ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 01, 2012, 03:58:17 PM ยอดคุณพ่อวัย 60 พาลูกชายพิการพิชิตการแข่งขันไตรกีฬา
(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pusanisa/hoyt.jpg) ที่ผ่านมาในชีวิต....คุณเคยคิดว่า "ทำไม่ได้" มาแล้วกี่ครั้ง? "งานที่ได้รับมอบหมายยากเกินไป" "ทำข้อสอบไม่ได้เลย" "ตื่นเช้าไม่ไหว" "ขี้เกียจออกกำลังกายจังเลย" "ก็อยากลดน้ำหนักอยู่หรอกนะ แต่ทรมานเกิน" เรามักพูดว่าเราไม่ใช่ "คนพิเศษ" ที่มี "ความสามารถพิเศษ" ดังเช่น ดารา นักกีฬา หรือ นักวิชาการ ดังนั้น คงไม่แปลกอะไรถ้าเราจะมีสิ่งที่เราจะทำไม่ได้ แต่ความคิดเช่นนั้น คงไม่เหลืออยู่หลังจากคุณได้รับรู้เรื่องของพ่อลูกคู่นี้ "ผมกับลูกจะไปแข่งไตรกีฬากัน" ฉันเกือบหัวเราะใส่หน้าสามีตอนที่เขาพูดคำคำนี้ออกมา ฉันมีเหตุผลที่จะหัวเราะก็คือ สามีของฉันอายุหกสิบกว่าแล้ว การจะไปแข่งขันไตรกีฬาสุดโหดที่ประกอบด้วยการวิ่งมาราธอน การว่ายน้ำในทะเล และการปั่นจักรยาน ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ของคนวัยเกษียณ "ฉันคิดว่าคุณแก่เกินไป" "มันไม่ใช่ไอเดียของผมนะ" "ลูกอยากไปแข่งหรือ" ฉันถามเบา ๆ ถึงลูกชายอายุสี่สิบกว่า "ใช่" "แล้วคุณจะไปแข่งด้วยกัน" "ใช่" "ทำไม" "จำวันที่เราพาเขาออกจากโรงพยาบาลได้ไหม คุณบอกผมว่าลูกแรงเยอะ ถีบคุณจนเจ็บท้องไปหมด ผมเลยคิดว่าลูกคงทำให้ผมชนะแน่" ฉันยิ้มให้ "ลูกอายุสี่สิบกว่าเนี่ยแข็งแรงพอจะพยุงคนอายุหกสิบกว่าอย่างผมแน่ คุณว่าไหม" "ค่ะ" ฉันตอบรับ แม้จะรู้ดีว่าความจริง มันไม่ใช่เช่นนั้นเลย มันตลกดีที่ชายแก่อายุหกสิบจะแข่งไตรกรีฑาคู่กับลูกชายวัยสี่สิบกว่า และพวกเขาไม่เคยหยุดที่จะแข่งมัน อาจจะอย่างที่เขาบอก "ลูกแข็งแรงพอที่จะพยุงเขา" จนถึงตอนนี้พวกเขาแข่งด้วยกันร่วมพันรายการแล้ว พวกเขาวิ่งไปพร้อมกันเสมอ ว่ายน้ำไปพร้อมกันเสมอ และขี่จักรยานคันเดียวกันเสมอ พวกเขาวิ่งด้วยขาเพียงสองข้างร่วมกันเสมอ ว่ายน้ำด้วยแขนเพียงสองข้างเสมอ และขี่จักรยานด้วยสองเท้าถีบร่วมกันเสมอ คุณอ่านไม่ผิดหรอก พ่อลูกคู่นี้มีแขนรวมกันเพียงสองแขนและมีขารวมกันเพียงสองข้าง และทั้งหมดนั้นอยู่ที่ชายชราวัยหกสิบปีคนเดียว หมอแนะนำเราตั้งแต่ตอนที่ลูกอายุได้แปดเดือนว่า "คุณควรปล่อยเขาไปซะ" เพราะลูกของเราสมองพิการแต่กำเนิดเนื่องจากถูกสายสะดือพันคอ ออกซิเจนไม่สามารถไปเลี้ยงสมองได้ทัน และทำให้เขาเป็นเพียงร่างกายที่มีลมหายใจเท่านั้น ตอนนั้นฉันพูดเพียงประโยคสั้น ๆ ว่า "แต่ตอนที่เขายังอยู่ในท้อง เขายังถีบฉันแรงมาก" สามีของฉันจึงตัดสินใจว่าเราจะพาเขากลับบ้าน และบอกกับฉันว่าวันหนึ่งเขาจะแสดงให้ฉันเห็นว่าลูกกลับมามีแรงได้อย่างนั้นอีกครั้ง และวันนี้ไม่ว่าเขาจะไปแข่งอยู่ที่ซีกโลกไหน เขาก็พาลูกเข้าเส้นชัยและบอกฉันเสมอ (แรงบันดาลใจจาก TEAM HOYT พ่อและลูกผู้พิการทางสมองที่แข่งกรีฑามาแล้วร่วมพันรายการ) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 01, 2012, 04:10:41 PM กูเกิลเปิด Google Street View ใช้งานในไทยได้แล้ว
(http://img.kapook.com/image/Google-Street-View7.jpg) (http://img.kapook.com/image/Google-Street-View6.jpg) ขอขอบคุณภาพประกอบจาก Googlethailand, Google Maps Google Maps อีกหนึ่งบริการเด่นของกูเกิลที่หลาย ๆ คนคุ้นเคย ที่ช่วยให้เราสามารถดูแผนที่ในรูปแบบภาพถ่ายจากดาวเทียม และสำหรับประเทศไทยเพื่อให้การใช้งานบริการแผนที่ต่าง ๆ ในประเทศไทยจาก Google Maps เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้น Google ได้ร่วมกับ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ่ายรูปเส้นทางต่าง ๆ และสถานที่สำคัญในประเทศไทยมาทำเป็น Street View ลงเว็บไซต์แผนที่ Google Maps โดยถ่ายภาพอุปกรณ์ถ่ายภาพแบบเคลื่อนที่ โดยติดตั้งบนรถยนต์ รุ่น Subaru Impreza จำนวน 15 คัน ขับตระเวณขับไปตามเส้นทางถนนต่าง ๆ ตามสถานที่ท่องเที่ยวทั่วประเทศไทย โดยรูปภาพที่ได้จากภาพมุมมอง Google Street View นั้นเป็นภาพรอบ ๆ ถนนที่สามารถชมได้แบบ 360 องศา ซึ่งในปัจจุบันบริการ Google Street View นั้นมีให้บริการแล้วกว่า 30 ประเทศทั่วโลก ล่าสุดในประเทศไทยสามารถใช้งาน Google Street View ได้แล้ว โดยสามารถเข้าไปใช้งานผ่านทาง maps.google.com สำหรับ Google Street View ขณะนี้สามารถดูเฉพาะในกรุงเทพฯ, ปริมณฑล จังหวัดเชียงใหม่ และเส้นทางจากกรุงเทพลงสู่ภาคใต้ จนถึงจังหวัดภูเก็ตทั้งจังหวัด ที่สามารถใช้งาน Google Street View ได้ และคาดว่าเส้นทาง รวมถึงสถานที่อื่น ๆ ในจังหวัดอื่น ๆ คงทะยอยอัพเดทเร็ว ๆ นี้ (http://img.kapook.com/image/Google%20Street%20View3.jpg) Google Street View Thailand วิธีการใช้งาน Google Street View Thailand 1. ให้เราเข้าไปยังเว็บไซต์ http://maps.google.com (http://maps.google.com) 2. จะมีสัญลักษณ์ตุ๊กตา สีส้มที่อยู่ทางซ้ายของแผนที่ 3. ให้เราลากไอคอนตุ๊กตาสีส้ม จากทางด้านซ้ายของแผนที่ไปยังถนน จังหวัด เมืองที่ต้องการที่เป็นเส้นไฮไลท์สีฟ้า 4. จากนั้นรูปภาพ Street View จะแสดงรูปขึ้นมา เราดูภาพแบบ 360 องศา โดยใช้เมาส์หมุนภาพไปรอบ ๆ ได้ หากต้องการเลื่อนไปยังตำแหน่งอื่น ให้ลากตุ๊กตาสีส้ม จากแผนที่เพื่อเปลี่ยนตำแหน่ง ดูรูปประกอบด้านล่าง วิธีการใช้งาน Google Street View Thailand บนมือถือ iPhone และ Android 1. เปิดแอพฯ Maps (แผนที่) บน iPhone หรือ Android 2. เลือกสถานที่ ที่ต้องการดูแบบ Street View โดยการแตะที่หน้าจอบริเวณสถานที่ที่ต้องการค้างไว้ จากนั้นจะมีหมุดสีม่วง (Dropped Pin) มาปักยังตำแหน่งที่เราเลือก ให้แตะที่ไอคอนรูปคนสีส้ม เพื่อชมแบบ Street View หากไอคอนรูปคนเป็นสีส้มจาง ๆ แสดงว่าไม่สามารถดูแบบ Street View ได้ (http://img.kapook.com/image/IMG_0763.PNG) 3. ใช้มือแตะที่หน้าจอเพื่อซูมและหมุนภาพ 360 องศาได้ตามต้องการ ซึ่งจะเหมือนกับการใช้งานผ่านเว็บ (http://img.kapook.com/image/IMG_0764.PNG) ภาพจาก Google Street View Thailand บริเวณ The Mall งามวงศ์วาน 4. สำหรับผู้ที่ใช้งานมือถือยี่ห้ออื่น ๆ เช่น Nokia, BlackBerry เป็นต้น สามารถใช้งานได้โดยดาวน์โหลดแอพฯ Google Maps ติดตั้งลงบนมือถือ สามารถดาวน์โหลดได้ที่ m.google.co.th/maps บนมือถือ ตัวอย่างภาพจาก Google Street View Thailand บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (http://img.kapook.com/image/Google%20Street%20View4.jpg) ตัวอย่างภาพจาก Google Street View อำเภอกระทู้ จังหวัดภูเก็ต (http://img.kapook.com/image/Google%20Street%20View5.jpg) สำหรับใครที่อยากทราบว่าจังหวัด สถานที่ใดก็ตาม ถูกแสดงบน Google Street View แล้วหรือไม่ สามารถตรวจสอบได้จาก Google Maps Street View เพียงเท่านี้เราก็จะทราบแล้วว่าพื้นที่ไหน จังหวัดไหน มีการอัพเดทของ Google Street View แล้วบ้าง ลองเล่นดูค่ะเหมือนยืนอยู่หน้าบ้านเลยขอบอก หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 15, 2012, 08:59:13 PM บริษัทเรือสำราญอิตาลีระบุ กัปตัน “พลาด” จนเกิดอุบัติเหตุ
(http://cdn3.spiegel.de/images/image-304176-galleryV9-oyxb.jpg) (http://cdn1.spiegel.de/images/image-303990-galleryV9-aosm.jpg) (http://cdn4.spiegel.de/images/image-304063-galleryV9-dlfe.jpg) (http://cdn2.spiegel.de/images/image-303991-galleryV9-sqem.jpg) (http://cdn2.spiegel.de/images/image-304001-galleryV9-iyme.jpg) (http://cdn4.spiegel.de/images/image-304003-galleryV9-oiyn.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 15, 2012, 09:05:09 PM ปรากฏการณ์ปลาเฮริงเกยตื้นมหาศาล ทางตอนเหนือของประเทศนอรเวย์ ผู้เชี่ยวชาญยังไม่สามารถอธิบายปรากฏการณ์ครั้งนี้ได้... (http://static.diepresse.com/images/uploads_930/e/4/d/728653/RTR2VTHW.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 17, 2012, 08:27:13 PM โจชิซึ ซูชิ อาหารญี่ปุ่นน้องใหม่มาแรง
(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/22318.jpg) อาหารญี่ปุ่นนับเป็นสุดยอดอาหารต่างชาติที่ถูกใจคนไทย จนกลายมาเป็นอาหารยอดฮิตที่มีร้านเปิดขึ้นมากมาย วันนี้ เดลินิวส์ออนไลน์ พาไปแนะนำร้านอาหารญี่ปุ่นน้องใหม่ ที่เปิดบริการได้ไม่นานก็เข้าไปอยู่ใจคนรักอาหารญี่ปุ่นทันที ด้วยคุณภาพอาหารและบรรยากาศร้านที่ ร้าน Joushitsu Sushi (โจชิซึ ซูชิ) โจชิซึ ซูชิ ตั้งอยู่ใน เอกมัย ซอย 2 เดินทางไปง่ายเพียงนั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส มาลงที่สถานีเอกมัย จากนั้นสามารถเดินต่อจนร้านได้ทันที เพราะอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้ามากนัก สำหรับใครที่ต้องการนำรถส่วนตัวไป บริเวณด้านหน้าร้านมีลานจอดรถไว้คอยบริการลูกค้าเช่นกัน ภายในร้านโจชิซึ ซูชิ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น เข้ามาในร้านแล้วเหมือนหลุดเข้ามาอยู่ในประเทศญี่ปุ่นโดยไม่รู้ตัว เพราะมีบริกรสาวใส่ชุดกิโมโนคอยต้อนรับตั้งแต่หน้าประตู พร้อมเหล่าเชฟหนุ่มที่ยืนเรียงรายด้านหลังเคาเตอร์บาร์ พร้อมกล่าวคำทักทายต้อนรับเป็นภาษาญี่ปุ่น มองไปรอบร้านจะเห็นการจัดวางโต๊ะที่เรียบง่าย ไว้รองรับทั้งคนที่มาเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่ม มีบริการห้องส่วนตัว 3 ห้อง สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในมื้ออาหาร และยังมีเก้าอี้นั่งด้านหน้าบาร์ซูชิ ที่สามารถมองเห็นบรรดาเชฟทำอาหารได้อย่างชัดเจน เป็นมุมยอดนิยมสำหรับคนที่ชอบมาทานอาหารคนเดียว เพราะสามารถเพลิดเพลินไปกับฝีมือเชฟระหว่างรออาหารโดยไม่เบื่อ สำหรับรสชาติและคุณภาพอาหารที่ โจชิซึ ซูชิ การันตีด้วยเชฟใหญ่มากฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญในแวดวงอาหารมายาวนานกว่า 20 ปี โดยเชฟจะคิดค้นเมนูแปลกใหม่มานำเสนออยู่เสมอ เพื่อเอาใจลูกค้าทั้งขาประจำและขาจร คัดสรรวัตถุดิบชั้นเยี่ยมมารังสรรค์อาหารทุกเมนูอย่างพิถีพิถัน คนชอบทานปลาดิบและซูชิ รับรองว่าต้องติดใจ เพราะที่นี่มีหลากหลายเมนูปลาดิบและซูชิไว้ให้ลิ้มลองรสชาติ อีกทั้งยังมีเมนูสลัดสูตรเฉพาะของทางร้านไว้เอาใจคนรักสุขภาพอีกด้วย โจชิซึ ซูชิ ตั้งอยู่ที่ ซอยเอกมัย 2 ถนนเอกมัย เข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร จะเห็นร้านอยู่ทางด้านขวามือ เดินทางง่ายเพียง นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอส ลงสถานีเอกมัย เปิดบริการทุกวัน 2 ช่วงเวลา ตั้งแต่เวลา 11.30-14.30 น. และ 18.00-23.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 0 2714 3984 , 0 2714 1551 หรือ www.facebook/JoushitsuSushi.com (http://www.facebook/JoushitsuSushi.com) thanks ทีมเดลินิวส์ออนไลน์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 17, 2012, 08:30:07 PM ไขปริศนาการกำเนิด“ฉลามพันธุ์ใหม่”ในโลก!
(http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/photos/10323/0.jpg) ตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีข่าวคราวการค้นพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ ๆ จากทั่วทุกมุมโลกเป็นประจำ และในปี 2012 ก็เช่นกัน โดย “ฉลาม” กลับมาเป็นข่าวฮือฮาอีกครั้งหลังจากออสซี่พบ “พันธุ์ใหม่” ครั้งแรกในโลก ผสมระหว่างครีบดำกับธรรมดา การค้นพบนี้ถือเป็นกระบวนการแต่โบราณ หรือ ปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน โอกาสเกิด “ฉลามพันธุ์ผสม” ในประเทศอื่นรวมถึงไทยเป็นไปได้หรือไม่ จะส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศท้องทะเลอย่างไร หรือ ธรรมชาติกำลังจะส่งสัญญาณอะไรถึงมนุษย์ วันนี้ “เดลินิวส์ออนไลน์” พาไปรู้จักข้อเท็จจริงของเหล่าฉลามกัน ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ หัวหน้าภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ อธิบายถึง ลักษณะทั่วไปของฉลาม ว่า เป็นปลาในชั้นปลากระดูกอ่อน แบ่งได้หลายอันดับ หลายวงศ์ และหลายชนิด ปัจจุบันพบประมาณ 400 ชนิดทั่วโลก มีขนาดลำตัวแตกต่างกัน โดยฉลามวาฬใหญ่ที่สุดในโลก ความยาวประมาณ 15 เมตร ส่วนพวกฉลามหนู ฉลามกบ เล็กที่สุด ความยาวประมาณ 30-50 เซนติเมตร “ฉลามทุกชนิดกินเนื้อล่าสัตว์น้ำชนิดต่าง ๆ แต่มีบางพวกกินแพลงก์ตอน เช่น ฉลามวาฬ ทั้งนี้ ฉลามที่มีรายงานว่าทำอันตรายกับมนุษย์มีประมาณ 20 ชนิด จาก 300 กว่าชนิด เพราะฉะนั้น ไม่ได้หมายความว่าฉลามทุกตัวจะกินคน เพราะส่วนใหญ่มีขนาด 1-2 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่จริง ๆ ไม่มากนัก ในกรณีอื่น ๆ อาจเกิดจากความเข้าใจผิด เนื่องจากมนุษย์ไม่ใช่เหยื่อตามธรรมชาติ ยกตัวอย่าง ฉลามขาว อยู่ในทะเลน้ำเย็น กินแมวน้ำเป็นหลัก เมื่อพบคนมาว่ายน้ำ โดยเฉพาะที่อยู่บนกระดานโต้คลื่น มองจากด้านล่างเห็นเป็นเงาดำ มันจึงเข้าใจว่าเป็นแมวน้ำ เป็นต้น (http://www.dailynews.co.th/sites/default/files/imagecache/620x245/cover/10323.jpg) ฉลามส่วนใหญ่ว่ายน้ำในอัตราเร็วคงที่ประมาณ 5 นอต 10 นอต หรือ 10 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่บางจังหวะ เช่น จู่โจม หรือ พุ่งเข้าใส่ อาจจะได้ 20 นอต หรือ 30-40 กิโลเมตร/ชั่วโมง นอกจากนั้น ฉลามออกลูก 3 แบบ อย่างแรกคือ ออกลูกเป็นไข่ โดยนำไข่มาติดกับพื้นจนฟักเป็นตัว อย่างที่สองคือ ออกลูกเป็นตัว ครั้งละ 7 ตัว 10 ตัว 30 ตัว และสุดท้ายคือ ออกเป็นไข่ แต่ไข่อยู่ในท้อง เมื่อฟักเป็นตัวจึงว่ายออกมาจากท้อง ประมาณ 5-10 ใบ กรณีนี้บางครั้งอาจกินกันในท้องด้วย ทั้งนี้ ตัวผู้จะมีเดือย 2 อัน ตรงบริเวณท้อง ใกล้ ๆ โคนหาง เห็นได้ชัด” สำหรับกรณีพบฉลามพันธุ์ใหม่ครั้งแรกในโลก ในทะเลนอกชายฝั่งทางตะวันออกของออสเตรเลียนั้น ผศ.ดร.ธรณ์ กล่าวว่า พันธุ์ของมันใกล้กันมาก สายพันธุ์นี้คือฉลามครีบดำ ในเมืองไทยก็มี แต่ที่ออสเตรเลียมีทั้งน้ำร้อน และน้ำเย็น บางกลุ่มก็ลงไปอยู่ในเขตหนาว เขตทะเลเย็น ซึ่งอาจจะอยู่เมื่อหมื่นปี สองหมื่นปี หรือ ห้าหมื่นปีก่อน กลุ่มพวกนี้เลยเริ่มมีความผิดแปลกออกจากกลุ่มแรก แต่จริง ๆ แล้วรากของมันก็คือชนิดเดียวกัน เมื่อเกิดภาวะโลกร้อนขึ้น น้ำร้อนเริ่มทับเข้ามาในน้ำเย็น ฉลามร้อนก็มาเจอฉลามเย็น เริ่มเกิดการผสมพันธุ์กัน ทั้งนี้ ปกติแล้วสัตว์ต่างสายพันธุ์จริง ๆ ผสมพันธุ์ไม่มีทางออกลูกได้ หรือ ออกลูกเป็นหมัน แต่กรณีนี้ยังไม่แน่ใจว่าเป็นหมันหรือไม่ เพราะนักวิทยาศาสตร์เขาไม่ได้บอก นอกจากนี้ เขาบอกว่ามัลติเจเนอเรชัน หมายความว่า เหตุการณ์นี้ไม่ใช่เกิดวันนี้ พรุ่งนี้ เมื่อวานนี้ แต่เกิดมาเป็นร้อยปีแล้ว ในช่วงที่โลกเริ่มเปลี่ยนภาวะ เมื่อใช้ดีเอ็นเอตรวจสอบก็พบว่ามาจาก 2 กลุ่มนี้ จึงเรียก “ไฮบริด” คือฉลามที่มาจาก 2 กลุ่ม เสร็จแล้วเขาก็เลยใช้เป็นคำพูดบอกว่า เพราะฉะนั้น ภาวะโลกร้อนมันก็ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงกับสัตว์หลายกลุ่มแล้ว “คำถามว่าจะเกิดผลกระทบอะไรกับระบบนิเวศ มันก็มีทางเป็นไปได้หลายทาง เช่น ฉลามไฮบริดอาจอยู่ได้ทั้งร้อน-เย็น เพราะมาจากพ่อแม่ทั้งร้อน-เย็น เพราะฉะนั้น มันอาจจะว่ายน้ำไปไหนก็ได้ อยู่แถวไหนก็ได้ ฉลามรุ่นพ่อแม่เดิมอาจจะโดนพวกใหม่ยึดพื้นที่ไปหมด นั่นก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่เกิดการคุกคาม หรือ เรียกว่าคุกคามต่อพันธุ์เดิม ก็เป็นไปได้ ซึ่งถ้าเกิดพันธุ์ใหม่มายึดพันธุ์เดิมได้จะเกิดอะไรขึ้น มันเกิดขึ้นได้ล้านแปด เพราะฉลามเป็นสัตว์ที่อยู่บนสุดของระบบนิเวศ เป็นตัวควบคุมปลาอื่น ระบบนิเวศก็อาจจะมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลง หรือ อื่น ๆ อีกมาก มาถึงคนอาจจะทำให้ปลาในแหล่งหาปลาเดิมแถวนั้นหายไป ไม่มีปลากิน เพราะฉลามพันธุ์นี้มาไล่ ซึ่งอาจจะต่อเนื่องกันได้ เป็นต้น สำหรับฉลามไฮบริดในประเทศไทย เป็นไปได้ว่าคงไม่เกิด เนื่องจากเป็นลักษณะของน้ำร้อน-น้ำเย็น ส่วนโอกาสที่จะพบในสัตว์ หรือ พืชพันธุ์อื่น ๆ นั้น ที่เห็นชัดคือเขตหนาว เพราะความร้อนจะรุกขึ้นข้างบน เขตหนาวจะน้อยลง พวกนั้นจะเปลี่ยนแปลงค่อนข้างเยอะ ปรากฏการณ์นี้เรียกว่ามันเป็นอีกหนึ่งในสัญญาณที่กำลังบอกว่าโลกกำลังเปลี่ยน และการเปลี่ยนเกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อนจากพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นพายุแรงขึ้น ฝนตกเยอะขึ้น อุทกภัยมากขึ้น แม้กระทั่งฉลามดันมีไฮบริดชาร์ค เพราะฉะนั้น ภัยภาวะโลกร้อนถามว่ามันน่ากลัวไหม มันไม่ใช่ภาวะที่กำลังจะมา แต่มันเข้ามาแล้ว สิ่งที่ควรจะต้องทำกันตอนนี้ก็คือ วางแผนในการรับมือภัยธรรมชาติ และวิธีการสำคัญที่สุดก็คือ ต้องพยายามหาธรรมชาติมาช่วย อย่างน้อยที่สุดเรามีต้นไม้ มีอะไรอยู่รอบ ๆ ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย ปล่อยโล่ง ๆ แห้ง ๆ พายุเข้าเกิดน้ำหลาก ดินถล่มก็ยังมีต้นไม้ช่วยประคอง-ลด มีแต่ธรรมชาติที่กั้นธรรมชาติได้ เพราะฉะนั้น สิ่งจำเป็นที่ต้องทำเร่งด่วนคือรักษา และฟื้นฟูธรรมชาติ เริ่มง่าย ๆ แค่รอบบ้าน รอบหมู่บ้าน หรือ รอบที่ทำงาน แล้วมันก็จะขยายไปเรื่อย ๆ ด้วยการนำธรรมชาติมาเป็นเกราะป้องกันธรรมชาติ”. thanks ทีมเดลินิวส์ออนไลน์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 18, 2012, 07:20:28 PM นักวิทยาศาตร์ งง!! ธารน้ำแข็งกำลังเกิดขึ้นในเอเชีย
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img0/129197.jpg) ภาพถ่ายดาวเทียมที่บันทึกโดยดาวเทียมของฝรั่งเศส แสดงให้เห็นเทือกเขาน้ำแข็งทางตะวันตกของเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งกำลังเกิดขึ้นในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ คาราโครัม(Karakoram)เชื่อมพรมแดนจีน-ปากีสถาน และอินเดีย การพบดังกล่าวสร้างความงุนงงแก่นักวิทยาศาสตร์ เพราะเกิดขึ้นสวนกระแสกับธารน้ำแข็งส่วนอื่นๆ ที่กำลังละลายไป ทั้งนี้ นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส จากศูนย์วิจัยทางวิทยาศาสตร์นานาชาติ มหาวิทยาลัย เกรนโนเบิล กำลังศึกษาจากภาพที่เกิดขึ้น ซึ่งอุปสรรคก็คือ พื้นที่แห่งนี้ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ จากการศึกษาที่ผ่านมา ในพื้นที่หนาวเย็นอื่นๆทั่วโลกมีลักษณะคล้ายคลึงกับพื้นที่ คาราโครัม ที่จะเพิ่มมวลน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง และมีการตรวจวัดทางอุตุนิยมวิทยาแสดงว่าเกิดฤดูหนาวยาวนานขึ้น ธารน้ำแข็ง Karakoram ยังพบสิ่งผิดปกติคือ เป็นพื้นที่ที่ปกคลุมด้วยชั้นหินที่หนา แต่มีการละลายและการเพิ่มมวลของพื้นผิวที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลให้เกิดเป็นธารน้ำแข็ง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่นักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษา ว่าเหล่านี้ เป็นผลที่เกิดจาก อุณหภูมิของโลกที่เปลี่ยนแปลง (global warming)ด้วยหรือไม่ ที่จะกลายมาเป็น global cooling หรืออย่างไร fw mail หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 18, 2012, 08:23:08 PM กำลังใจดี ๆ จากเรื่องเล่าของหนุ่มแขนพิการยอดนักสู้
(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thitima/New/O11968887-12.jpg) ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ ดนตรีสีแดง อาจจะมีบางวันที่เรารู้สึกเหนื่อยล้า ท้อแท้ หมดหวังกับสิ่งที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันของชีวิต จนบางคนอาจตัดสินใจละทิ้งความฝัน และหยุดเส้นทางเดินนั้นเสีย เมื่อวันใดที่ความรู้สึกหมดคุณค่าในตัวเองบังเกิดขึ้น แต่หากใครกำลังมีความคิดเช่นนี้อยู่ เราอยากให้คุณรู้จักกับอีกชีวิตหนึ่งในสังคมไทย ที่คุณ ดนตรีสีแดง นำภาพของเขามาโพสต์ไว้ในเว็บไซต์พันทิป ในกระทู้ที่ว่า "+++ เจอตากล้องคนนึงในงานสงกรานต์... อยากให้เข้ามาอ่านกันนะครับ +++" แล้วจะเข้าใจว่า หัวใจที่เข้มแข็งคือแรงผลักดันให้ชีวิตเดินหน้าได้ต่อไป... (http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thitima/New/O11968887-0.jpg) "ในขณะที่เรากำลังคิดว่าตัวเองทำงานเหนื่อยหรือลำบากไปรึเปล่า... อาจจะมีคนหลาย ๆ คน ที่ลำบากกว่าเราหลายเท่านัก.. วันนี้ผมเจอผู้ชายคนนึง ไม่มีแขนทั้งสองข้าง มีขาข้างเดียว ต้องนั่งวีลแชร์ พี่เค้ายกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ผมเลยเข้าไปคุยกับพี่เค้า... ผม.. พี่ครับ พี่ชอบถ่ายรูปเหรอครับ? พี่คนนั้น.. ใช่ครับ นี่ผมก็มาถ่ายเก็บภาพงานให้กับสยามน่ะครับ ผมแอบตกใจนิด ๆ แต่ก็ดีใจในเวลาเดียวกัน ที่ยังมีบริษัทที่มีงานมาให้ผู้พิการได้ทำมาหาเลี้ยงชีพ (มารู้ภายหลังว่ามีกฏหมายเกี่ยวกับข้อนี้อยู่) (http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/thitima/New/O11968887-10.jpg) พี่คนนั้น.. กว่าจะได้ตังค์มา มันก็ต้องเหนื่อยบ้างแหละครับ ไม่มีงานไหนที่ไม่เหนื่อยหรอก (ยิ้ม) ..น่าจะเป็นแรงผลักดันให้กับคนที่กำลังท้อแท้ได้ดี เลยนำมาแชร์กันครับ ^^ ผมไปถ่ายงานนี้สามวัน เจอพี่เค้าทั้งสามวัน พยายามมองว่าพี่เค้าทำงานยังไง เท่าที่พอจะสังเกตเห็น พี่เค้าใช้สองแขนที่ยาวถึงแค่ศอก ประคองกล้อง ใช้จมูกเข้าไปขยับให้กล้องเงยได้องศา และก็ใช้จมูกในการกดปุ่มซูมด้วย ทุกครั้งที่ต้องเปลี่ยนมุมก็ต้องลดกล้องลง เพื่อขยับรถเข็น... กว่าจะได้แต่ละช็อต ผมว่ามันยากมากเลยนะครับ ขนาดผมร่างกายปกติ กว่าจะเบียดเสียดคนเพื่อหามุมถ่ายได้นี่เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน บ่นตลอดเวลาว่าร้อนบ้าง เมื่อยบ้าง ฯลฯ แต่พี่เค้าไม่บ่นอะไรให้ผมได้ยินเลย และทำงานด้วยรอยยิ้มเสมอ ยกนิ้วให้เลยครับ ^^" ใครที่กำลังท้อใจ เชื่อว่าได้เห็นภาพของพี่คนนี้ ต้องรู้สึกหายเหนื่อย และทำให้รู้ตัวเองว่า ชีวิตของคุณยังมีคุณค่ามากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 18, 2012, 08:53:40 PM รอมานาน ตลาดหุ้นกัมพูชาเปิดซื้อขายวันแรก โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 เมษายน 2555 16:45 น.
(http://pics.manager.co.th/Images/555000005097201.JPEG) ชน รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจและการคลัง (ที่ 3 จากซ้าย) เตรียมตัวลั่นระฆัง โดยมีนายคิม บอง ซู (ซ้าย) ซีอีโอ และประธานตลาดหลักทรัพย์เกาหลี อยู่ร่วมในพิธีเปิดการซื้อขายหลักทรัพย์ที่ตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) วันนี้ (18 เม.ย.). --.AFP PHOTO/Tang Chhin Sothy. เอเอฟพี - ในที่สุด ตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา หรือ CSX (Cambodia Stock Exchange) เริ่มซื้อขายหลักทรัพย์ในวันนี้ (18 เม.ย.) หลังเปิดตลาดอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อ 9 เดือนก่อน โดยบริษัทด้านประปาเป็นบริษัทที่เข้าจดทะเบียนรายแรก การซื้อขายเชิงสัญลักษณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อเวลา 09.09 น. ตามเวลาท้องถิ่น ที่กัมพูชาถือว่าเลข 9 เป็นเลขมงคล และปิดการซื้อขายในเวลา 12.00 น. ส่วนเวลาซื้อขายปกติจะเริ่มตั้งแต่เวลา 08.00 น. จนถึงเวลา 11.30 น. กัมพูชาเปิดตลาดหลักทรัพย์อย่างยิ่งใหญ่ในเดือน ก.ค.2554 หลังจากเลื่อนมาหลายครั้งเพราะวิกฤตการเงินโลก และปัญหาด้านกฎระเบียบต่างๆ แต่ไม่มีบริษัทใดพร้อมจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่เป็นการร่วมทุนระหว่าง รัฐบาลกัมพูชา และตลาดหลักทรัพย์เกาหลีใต้ จนถึงตอนนี้ บริษัท Phnom Penh Water Supply Authority (PPWSA) ที่เดิมเคยเป็นของรัฐทั้งหมด ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดเพียงบริษัทเดียว และเสนอขายหุ้นทั้งหมด 13 ล้านหุ้น หรือร้อยละ 15 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท โดยเริ่มต้นที่หุ้นละ 6,300 เรียล (1.57 ดอลลาร์) ขณะที่หุ้นส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 85 รัฐเป็นผู้ถือครอง การปิดตลาดซื้อขายในวันแรกนี้ ราคาหุ้นพุ่งขึ้นไปเกือบร้อยละ 50 ที่ 9,300 เรียล (2.32 ดอลลาร์) ผู้สังเกตการณ์ระบุว่า การเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกของบริษัทเมื่อเดือนก่อน มีผู้ต้องการเข้าถือหุ้นมากกว่าจำนวนหุ้นที่มีอยู่ถึง 17 เท่า ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ความต้องการของนักลงทุนนั้นมีอยู่สูงมากสำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งนี้ นายเกียต ชน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังกัมพูชากล่าวยกย่องกับการจดทะเบียนครั้งประวัติ ศาสตร์ของ PPWSA ว่า เป็นการพัฒนาครั้งใหญ่สำหรับเศรษฐกิจของประเทศ “ผมมีความต้องการที่จะเชิญชวนให้นักลงทุนในประเทศ และต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในการซื้อขายหลักทรัพย์ และให้การสนับสนุนแก่ตลาดหลักทรัพย์ที่เพิ่งเริ่มต้นแต่เต็มไปด้วยศักยภาพ แห่งนี้ และผมเชื่อมั่นอย่างมากว่า การซื้อขายหลักทรัพย์ในกัมพูชาจะประสบความสำเร็จ” นายเกียต ชน กล่าว ส่วนรัฐวิสาหกิจอีกสองแห่ง คือ Telecom Cambodia และ Sihanoukville Autonomous Port คาดว่าจะเริ่มเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปในปลายปีนี้ ทั้งนี้ การซื้อขายจะต้องใช้เงินเรียล เงินสกุลท้องถิ่นเท่านั้น ตามเป้าหมายระยะยาวของรัฐบาลที่ต้องการจะลดการพึ่งพาเงินสกุลดอลลาร์ ที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) ระบุว่าเป็นสกุลเงินที่ครองสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 90 ของสกุลเงินทั้งหมดที่หมุนเวียนอยู่ในประเทศ แต่ในช่วง 3 ปีแรก อนุญาตให้ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายสามารถจ่ายเป็นเงินดอลลาร์ได้โดยทำความตกลง ตามที่คณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา หรือ SECC ระบุไว้ ขณะที่ยังเป็นประเทศหนึ่งที่ยากจนที่สุดในโลก กัมพูชาได้ก้าวพ้นจากหลายทศวรรษแห่งความขัดแย้ง ในฐานะเป็นเศรษฐกิจที่เติบโตเร็วอีกแห่งหนึ่งในภูมิภาค รัฐบาลเปิดเผยตัวเลขอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2553 ที่ร้อยละ 5.9 ขณะที่ ADB ระบุว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2554 อยู่ที่ร้อยละ 6.8 เศรษฐกิจกัมพูชายังคงใช้จ่ายด้วยเงินสดเป็นหลัก การไม่ไว้วางใจ และเชื่อถือย่อมหมายถึงว่าประชาชนพากันเก็บเงินจำนวนมมากที่บ้านแทนที่จะฝาก ในธนาคาร (http://pics.manager.co.th/Images/555000005097202.JPEG) ของตลาด หลักทรัพย์กัมพูชา ชี้ไปที่จอแสดงราคาหลักทรัพย์ ในตลาดหลักทรัพย์กัมพูชา (CSX) ในกรุงพนมเปญ วันนี้ (18 เม.ย.) โดย CSX เริ่มซื้อขายหลักทรัพย์เป็นวันแรกหลังเปิดตลาดอย่างเป็นทางการตั้งแต่เมื่อ 9 เดือนก่อน. --.AFP PHOTO/Tang Chhin Sothy. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 18, 2012, 08:58:10 PM 'วอร์เรน บัฟเฟตต์' ประกาศขอเวลารักษาโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก 2 เดือน
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/5/51/Warren_Buffett_KU_Visit.jpg/270px-Warren_Buffett_KU_Visit.jpg) เทพพยากรณ์แห่งโอมาฮา/ปราชญ์แห่งโอมาฮา รอยเตอร์รายงานว่า วอร์เรน บัฟเฟตต์ ซีอีโอของบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ อิงค์และเป็นผู้ที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 3 ของโลก ประกาศว่า เขาป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากระยะแรก แต่อาการของเขา "ไม่ได้เป็นอันตรายถึงชีวิต หรือทำให้เกิดการอ่อนแรงลงอย่างมากแต่อย่างใด" นายบัฟเฟตต์ระบุในแถลงการณ์ว่า เขาจะเข้ารับการรักษาเป็นเวลานาน 2 เดือน ซึ่งรวมถึงการฉายรังสีรายวันที่จะเริ่มต้นขึ้นในช่วงกลางเดือนก.ค.และสิ่ง นี้จะจำกัดความสามารถของเขาในการเดินทางในช่วงเวลาดังกล่าว ปัจจุบันบัฟเฟตต์ ซึ่งมีอายุ 81 ปีในปัจจุบันจะทำให้มีการถกกันมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแผนการสืบทอดอำนาจการ บริหารบริษัทเบิร์คเชียร์ แฮทธาเวย์ โดยบริษัทแห่งนี้จ้างงานพนักงานกว่า 270,000 คนในธุรกิจกว่า 70 แห่งทั่วโลก แพทย์ระบุว่าบัฟเฟตต์ยังคงมีแนวโน้มที่ดีมาก เนื่องจากโรคมะเร็งอยู่ในระยะเริ่มต้น อย่างไรก็ตาม บางคนตั้งคำถามว่าบัฟเฟตต์จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาหรือไม่เมื่อพิจารณาจาก อายุของเขา ด้านผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์กล่าวว่า บัฟเฟตต์มีโอกาสสูงที่จะหายจากโรคนี้ถึงแม้เขาอายุมากแล้ว สมาคมมะเร็งสหรัฐระบุว่า ชายชาวสหรัฐ 1 ใน 6 คนป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่มีเพียง 1 ใน 36 คนที่เสียชีวิตจากโรคนี้ ทั้งนี้อาการของนายบัฟเฟตต์จะกลายเป็นจุดสนใจสำคัญในงานประชุมประจำปีของ เบิร์คเชียร์ในวันที่ 5 พ.ค. โดยงานดังกล่าวจะมีผู้ถือหุ้นกว่า 40,000 คนเข้าร่วมการประชุมที่สำนักงานใหญ่ของเบิร์คเชียร์ ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองโอมาฮา ในรัฐเนบราสกา บัฟเฟตต์กล่าวต่อนักลงทุนในช่วงปลายเดือนก.พ.ว่า เบิร์คเขียร์ได้กำหนดตัวผู้ที่จะสืบทอดตำแหน่งต่อจากเขาแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่าบุคคลคนนั้นเป็นใคร โดยเขายังระบุอีกด้วยว่าแม้แต่ผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวก็ ยังไม่รู้ตัวในเรื่องนี้ ข่าวการเป็นโรคมะเร็งของนายบัฟเฟตต์มีขึ้นในเวลาหนึ่งวันหลังจาก วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันของสหรัฐขัดขวางการใช้ "กฎบัฟเฟตต์" หรือมาตรการเก็บภาษีคนรวย โดยกฎนี้มีที่มาจากบทความที่บัฟเฟตต์เขียนลงในหนังสือพิมพ์นิวยอร์ค ไทมส์ในปีที่แล้ว โดยระบุว่าคนรวยมีหน้าที่ต้องจ่ายภาษีเงินได้ในอัตราที่สูงกว่าคนอื่นๆ การอภิปรายในประเด็นนี้ครอบคลุมไปถึงเลขานุการของบัฟเฟตต์ด้วย โดยหลังจากที่บัฟเฟตต์กล่าวว่า นางเด็บบี้ โบซาเนค ซึ่งเป็นเลขานุการของเขาจ่ายภาษีมากกว่าเขา ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐก็ได้เชิญนางโบซาเนคให้ไปเข้าร่วมงานแถลงนโยบายประจำปีของ ปธน.โอบามาในปีนี้ ราคาหุ้นบริษัทเบิร์คเชียร์ร่วงลง 1.5 % ในช่วงการซื้อขายหลังตลาดปิดทำการเมื่อวานนี้หลังมีการเผยแพร่ข่าวนี้ออกมา ส่วนราคาหุ้น Class B ของเบิร์คเชียร์บวกขึ้น 5.9 % จากช่วงต้นปีนี้ หรือเพียงราวครึ่งหนึ่งของอัตราการทะยานขึ้นของดัชนี S&P 500 ในปีนี้ นายเมเยอร์ ชีลด์ส นักวิเคราะห์ของบริษัทสไตเฟล นิเคลาส์ ระบุว่าเขาคาดว่าราคาหุ้นเบิร์คเชียร์อาจปรับตัวอ่อนลงบ้างในวันนี้ แต่เขาคาดว่าข่าวนี้จะไม่ส่งผลให้ตลาดกังวลมากนักกับการสืบทอดตำแหน่งใน บริษัท ด้านนายไมเคิล โยชิคามิ ซีอีโอของบริษัทเดสติเนชัน เวลธ์แมเนจเมนท์ ซึ่งลงทุนในเบิร์คเชียร์ กล่าวว่าข่าวนี้ไม่ใช่เหตุผลสำหรับการขายหุ้นเบิร์คเชียร์ เพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทนี้ยังคงดีอยู่ และแผนการสืบทอดตำแหน่งอย่างชัดเจนก็ส่งผลให้บริษัทนี้มีแนวทางในอนาคตที่ ชัดเจน หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 19, 2012, 07:48:33 PM ไทม์ประกาศ 100 บุคคลทรงอิทธิพลของโลก 2012
(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/pattamaporn/Crime/Time.jpg) ขอขอบคุณภาพประกอบจาก hypebeast.com เมื่อวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา สำนักข่าวซีบีเอส รายงานว่า นิตยสารไทม์ ได้ประกาศรายชื่อ 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2012 โดยในปีนี้ มีคนดังรวมกว่า 54 สัญชาติ จาก 37 ประเทศ เป็นผู้หญิงติดโผทั้งหมด 38 คน จากจำนวน 100 คน ซึ่งมากกว่าปีก่อน ประกอบไปด้วยบุคคลในแวดวงบันเทิง ผู้นำทางการเมือง หรือแม้กระทั่งบุคคลที่ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม สำหรับการประกาศรายชื่อ 100 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของไทม์ จัดขึ้นมาเป็นครั้งที่ 9 แล้ว ซึ่งจะมีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 5 ประเภทด้วยกัน คือ ผู้มีอำนาจ ผู้มีอิทธิพลดาวรุ่ง ผู้มีชื่อเสียงที่เป็นสัญลักษณ์ ผู้คิดริเริ่มสร้างสรรค์ และผู้นำ ...จะมีใครติดอันดับมาในปี 2012 นี้บ้าง ลองดมาดูกัน ผู้ทรงอิทธิพลด้านธุรกิจ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกา ผู้ประสบความสำเร็จทางด้านการลงทุน ทิม คุก ซีอีโอของบริษัทแอปเปิ้ล ผู้ทรงอิทธิพลด้านการเมือง มิตต์ รอมนีย์ นักธุรกิจและอดีตผู้ว่าการรัฐแมสซาชูเซสต์ ตัวเต็งในการชิงตำแหน่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาในปีนี้ ฮิลลารี่ คลินตัน นักการเมืองจากพรรคเดโมเเครต รอน พอล นักการเมืองชาวอเมริกัน แองเจลล่า เมอร์เคล นายกรัฐมนตรีจากประเทศเยอรมนี คริสตีน เลอการ์ด นักการเมืองและอดีตรัฐมนตรีเศรษฐกิจคนแรกของฝรั่งเศส ผู้อำนวยการด้านกองทุนการเงินระหว่างประเทศ ผู้ทรงอิทธิพลด้านกีฬา ทิม ทีบาว ควอเตอร์แบ็คของกีฬาอเมริกันฟุตบอล เจเรมี่ หลิน นักบาสเกตบอลจากทีมนิวยอร์ก นิคส์ โนวัค โยโควิช นักเทนนิสมือวางอันดับ 1 ของโลก เจิ้ง หย่าหนี นักกอล์ฟหญิงชาวจีน ผู้ทรงอิทธิพลด้านวงการบันเทิง ริฮานน่า นักร้องชื่อดัง เชลซี แฮนด์เลอร์ นักแสดงตลกและนักเขียน แคลร์ เดนส์ นักแสดงทีวีซีรี่ย์ชาวอเมริกัน คริสเทน วิก พิธีกรรายการตลก วิโอล่า เดวิส นักแสดงหญิงที่มีชื่อเข้าชิงออสการ์ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม อะเดล นักร้องหญิงชาวอังกฤษ ผู้ทรงอิทธิพลในด้านอื่น อี แอล เจมส์ นักเขียนหนังสือเรื่อง Fifty Shades of Grey เคท ดัชเชส แห่ง เคมบริดจ์ องค์หญิงจากประเทศอังกฤษ ปิ๊ปปา มิดเดิลตัน สมาชิกอังกฤษ ซาราห์ เบอร์ตัน ดีไซน์เนอร์จากห้องเสื้อ อเล็กซานเดอร์ แม็กควีน รวมไปถึงคนดังคนอื่น ๆ และบุคคลที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และอยู่ในกระแส อาทิ นายแบชชาร์ อาซสาด ประธานาธิบดีของประเทศซีเรีย ที่ใช้กำลังในการปราบจลาจล จนเป็นเหตุให้มีคนล้มตายจำนวนมาก, นายคิม จองอึน ผู้นำคนใหม่ของเทศเกาหลีเหนือ และมุลลาห์ โมฮัมเหม็ด โอมาร์ ผู้นำกลุ่มตาลีบัน ส่วนคนดังในแวดวงบันเทิงนั้น มีทั้ง ริฮานน่า นักร้องชื่อดัง, เชลซี แฮนด์เลอร์ นักแสดงตลกและนักเขียน, แคลร์ เดนส์ นักแสดงทีวีซีรี่ย์ชาวอเมริกัน, คริสเทน วิก พิธีกรรายการตลก และ วิโอล่า เดวิส นักแสดงหญิงที่เพิ่งคว้ารางวัลออสการ์ในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม นอกจากนี้ ยังเป็นธรรมเนียมของทางนิตยสารไทม์ ที่จะยกคำพูดคนดังคนอื่นที่เขียนบรรยายสั้น ๆ มาเพื่อจำกัดความถึงคนดังคนนั้น อาทิปีนี้ เจเรมี่ หลิน นักบาสเก็ตบอลชื่อดังจากทีมนิวยอร์ก นิคส์ เขียนบรรยายถึง ทิม ทีบาว ควอเตอร์แบ็คชื่อดังจากทีม นิวยอร์ก เจ็ทส์ ว่า... "ทิมไม่เคยรู้สึกหมดความเชื่อมั่นหรือศรัทธาเลยแม้แต่น้อย เขาใช้ชีวิตในแบบที่สะท้อนถึงคุณค่าในตัวเขา ทุกวัน ทุกเวลา ในฐานะของนักกีฬา เราทุ่มเทเเรงกายเเรงใจทุกอย่างเพื่อชัยชนะในเกมการแข่งขัน ทิมเป็นสิ่งที่ย้ำเตือนเสมอว่า ชีวิตมีค่ามากกว่านั้น" หากสนใจรายชื่อผู้ทรงอิทธิพลทั้ง 100 คน จากนิตยสารไทม์ ประจำประจำปี 2012 สามารถ คลิกที่นี่ time.com หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤษภาคม 03, 2012, 09:21:44 PM เตือนอุณหภูมิพุ่ง 40 องศาฯ เสี่ยงโรคจากแดด
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img7/129777.jpg) ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เผยอุณหภูมิพุ่ง 40 องศาฯ เสี่ยงโรคจากแดด 4 โรค ขณะที่รองสสจ.เชียงใหม่ เตือนคนทำงานกลางแดดเป็นเวลานานเสี่ยงอันตราย นายแพทย์วิทยา หลิวเสรี ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 10 เชียงใหม่ เปิดเผยว่า สภาพอากาศขณะนี้อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 40 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิที่สูงนี้มีผลกระทบต่อร่างกายโดยเฉพาะภาวะโรคจากแดดทั้ง 4 โรค คือโรคลมแดด หรือ ฮีท สโตรก (Heat Stroke) โรคเพลียแดด (Heat Exhaustion) โรคตะคริวแดด(Heat Cramps) และผิวหนังไหม้แดด(Sunburn) ซึ่งสาเหตุเกิดจากการได้รับความร้อนมากจนเกินไป ผนวกกับเกิดภาวะขาดน้ำ และการอยู่ท่ามกลางแสงแดดเป็นเวลานาน ทั้งนี้ โรคลมแดดอาการรุนแรงที่สุดอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิต เนื่องจากเป็นภาวะผิดปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายไม่สามารถปรับอุณหภูมิในร่างกายได้ทัน ปกติอุณหภูมิร่างกายจะอยู่ที่ 36-37 องศาเซลเซียส แต่หากอยู่ในภาวะฮีท สโตรก ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงราว 41-42 องศาเซลเซียส โดยจะทำให้มีอาการเป็นลม ตัวร้อนจัด แต่ไม่มีเหงื่อ บางรายรุนแรงอาจชักและเสียชีวิตได้ในที่สุด ซึ่งไม่ได้เสี่ยงเฉพาะกลุ่มเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคเรื้อรังเท่านั้น แต่ในคนแข็งแรง คนออกกำลังกาย เล่นกีฬา ก็เสี่ยงเกิดภาวะนี้เช่นกัน โดยหากอยู่ในสภาพแวดล้อมหรือเล่นกีฬาที่มีอากาศร้อนจัดเป็นเวลานาน ก็จะทำให้สมองไม่ทำงาน ไม่สามารถควบคุมการทำงานของอวัยวะ รวมทั้งการควบคุมอุณหภูมิในร่างกาย ทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้นผิดปกติ นอกจากโรคลมแดดแล้วยังมีโรคเพลียแดดเป็นอาการที่เกิดจากร่างกายสูญเสียน้ำมากเกินไป แต่ยังไม่รุนแรงถึงขั้นเป็นลมแดด เพราะยังมีสติดีอยู่ จะมีอาการอ่อนเพลีย แต่ถ้าเป็นมากอาจจะมีอาการปวดศีรษะ มึนงง กระสับกระส่าย คลื่นไส้ อาเจียน ทพ.ดร.สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นว่ามีผู้เสียชีวิตเนื่องจากอากาศร้อน แต่ตนเองยังไม่ได้รับรายงานอย่างเป็นทางการ อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเสียชีวิตจากอากาศร้อนจัดจริงหรือไม่ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าการเสียชีวิตน่าจะมาจากสาเหตุอื่น เนื่องจากเชียงใหม่อุณหภูมิไม่ได้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม อยากเตือนในส่วนของผู้ที่ต้องทำงานกลางแดดเป็นเวลานานจำเป็นต้องหาเวลาหลบแดดเข้าอยู่ในร่มบ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีอาการมึนศรีษะ ปวดศรีษะ ไม่เช่นนั้นอาจมีอัตรายได้ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 08:59:25 PM นักวิทย์ชี้น้ำเเข็งขั้วโลกละลายเร็ว โลกเสียพื้นที่บางส่วน
(http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/ratthakorn/Hot%20News/polarice.jpg) เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า จากงานวิจัยชิ้นล่าสุด พบว่า น้ำแข็งขั้นโลกได้ละลายลงอย่างรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อ้างอิงจากข้อมูลเกี่ยวกับเเรงดึงดูดของโลก ที่เก็บสะสมมาตั้งแต่ปี 2002 โดยนายจอห์น วาห์ร ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยโคโลราโด ชี้ให้เห็นว่า แผ่นน้ำเเข็งกำลังแตก และโลกกำลังสูญเสียพื้นที่ในส่วนที่เป็นน้ำเเข็ง ทั้งนี้ นายวาห์ร กล่าวว่า เราค้นพบว่า ใน ทุก ๆ ปี โลกได้ส่วนเสียพื้นผิวส่วนที่เป็นน้ำเเข็งไปเป็นจำนวนมาก ก่อนหน้านี้ มีน้ำแแข็งละลายลงสู่มหาสมุทรไปมากแล้ว จนเป็นเหตุให้น้ำทะเลสูงขึ้น แต่ในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำเเข็งที่ละลายรวมกันไปแล้วกว่า 4 ล้านล้านตัน ซึ่งหากลองคำนวณแล้ว จะพบว่า หากเปลี่ยนน้ำแข็งจำนวนมากขนาดนั้นให้กลายเป็นน้ำ แล้วเทไปทั่วสหรัฐอเมิรกา และก็จะทำให้ทุกพื้นที่ในอเมริกา มีน้ำท่วมสูงประมาณ 1 ฟุตครึ่ง หากพื้นน้ำแข็งและธารน้ำเเข็งต้องละลายลงเรื่อย ๆ ก็จะทำให้เกิดผลกระทบตามมาอย่างมหาศาล โดยเฉพาะกับแรงดึงดูดของโลก ซึ่งจะสังเกตได้ว่า ดาวเทียมสอง 2 ดวงที่โคจรรอบโลก มีระยะห่างของดาวเทียมที่เปลี่ยนไป และการใช้ดาวเทียม ทำให้นายวาห์รและทีมงานสามารถติดตามความเคลื่อนไหวและบอกได้ว่า โลกเราได้สูญเสียพื้นที่น้ำเเข็งไปแล้วเท่าไหร่ และส่งผลต่อแรงดึงดูดของโลกแค่ไหน หากสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงจากข้อมูลที่ได้จากดาวเทียม คุณก็จะสามารถรู้ได้ว่า ทวีปแอนตาร์กติกามีน้ำหนักเท่าไหร่ และมีมวลมากขนาดไหน จากนั้นใน 1 เดือนต่อมา ก็มาดูกันว่า มวลนั้นใหญ่ขึ้นหรือไม่ ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว แทน ที่มวลจะใหญ่ขึ้น แต่มวลเหล่านั้นกลับเล็กลงเรื่อย ๆ ทวีปแอนตาร์กติกาและน้ำแข็งที่ปกคลุมตามภูมิภาคต่าง ๆ ของโลก ได้ละลายลงไปอย่างรวดเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ทุกปี หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤษภาคม 07, 2012, 09:01:46 PM ฮือฮา นาซาจับภาพนาทีระทึก"หลุมดำ"กระชากกลืนดวงดาว
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img3/130149.jpg) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 4 พ.ค.ว่า ยาน"กาแล๊คซี่ เอฟโวลูชั่น เอ็กซ์โพเร่อร์"ซึ่งเป็นห้องทดลองอวกาศของนาซา และกล้องโทรทัศน์ the Pan-STARRS1 สามารถจับภาพดวงดาวขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง ถูกหลุมดำกระชากดูดกลืนแยกเป็นสองส่วนเมื่อดาวดวงนี้ได้โคจรเข้าใกล้บริเวณใจกลางหลุมดำ ในอัตรา 2.7 พันล้านปีแสง ก่อนถูกหลุมดำดูดด้วยพลังดึงดูดอันมหาศาล และนับเป็นภาพแรกที่ยานกาแล๊คซี่ฯ สามารถเห็นดาวถูกหลุมดำ ซึ่งมีน้ำหนักมากกว่าดวงอาทิตย์นับล้านถึงพันล้านเท่า ดูดกลืนดาวบริเวณใจกลางกาแล๊คซี่ต่าง ๆ ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ดาวดังกล่าวเป็นดาวที่เต็มไปด้วยแก๊สฮีเลี่ยม โดยเมื่อดาวดวงนี้ถูกกระชากกลืนจากหลุมดำที่มีพลังดึงดูดอันมหาศาล บางส่วนของดาวได้ถูกกลืนเข้าสู่หลุมดำ และบางส่วนพลัดออกจากหลุมดำด้วยความเร็วสูง และว่า ยานฯได้เผยให้เห็นถึงธรรมชาติอันมโหดของหลุมดำ และสภาพของดวงดาวที่โคจรรอบ ๆ ซึ่งนี่ไม่ใช่ครั้งนี้ที่มีดวงดาวโชคร้ายถูกดูดกลืน และทีมงานเชื่อว่า ไฮโดรเจนที่ห่อหุ้มบริเวณแกนกลางของดาวดังกล่าวได้ถูกดึงจากหลุมดำมานานแล้ว และดาวดวงนี้อยู่ในช่วงใกล้อวสาน หลังจากมันบริโภคเชื้อเพลิงไฮโดรเจน และทำให้ดาวพองตัวเหมือนบอลลูน และกลายเป็นดาวที่มีสีแดง อย่างไรก็ตาม นักดาราศาสตร์เชื่อว่า มีดวงดาวต่าง ๆ ที่ได้โคจรบริเวณกลางหลุมดำของทางช้างเผือกในช่วงเวลาที่ผ่านมา (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img3/130150.jpg) ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤษภาคม 08, 2012, 04:04:20 PM เตือนภัย “โรคหน้าร้อนเข้าหน้าฝน”
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img9/130188.jpg) นพ.แสวง หอมนาน นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครนายก เปิดเผยว่า ในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงฤดูร้อน มีโรคที่ทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายกมีความเป็นห่วงมาก คือ โรคท้องร่วงอย่างแรง หรือที่เรียกกันว่า อหิวาตกโรค ซึ่งมีการติดต่อกันทางอาหารและน้ำดื่ม ดังนั้นทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายก จึงได้เร่งรณรงค์ให้ประชาชนรู้จักการรับประทานอาหารที่ถูกสุขอนามัย และรับประทานอาหารที่ร้อนๆ หรือสุกใหม่ๆ และหากเป็นกับข้าวสำเร็จรูป เมื่อซื้อมาจากตลาดแล้ว ต้องนำมาอุ่นซ้ำอีกครั้งหนึ่ง รวมทั้งต้องระมัดระวังอย่าให้แมลงวันมาตอมอาหาร สำหรับผู้ที่เกิดอาการท้องร่วง การรักษาเบื้องต้นให้ดื่มน้ำเกลือแร่ ซึ่งสามารถไปขอรับได้ที่สถานีอนามัยทุกแห่ง หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ในชุมชน และหากอาการไม่ทุเลาควรจะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล หรือสถานีอนามัย เพื่อแพทย์จะได้ให้ยาชนิดอื่นเพิ่มเติม นพ.แสวง เปิดเผยอีกว่า นอกจากนี้ในช่วงที่กำลังจะมีการเปลี่ยนฤดูจากร้อนไปสู่ฝนที่กำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้ ซึ่งช่วงดังกล่าวอาจจะเป็นช่วงที่มีฝนตกบ่อย โรคที่จะต้องระมัดระวังมาก คือ โรคไข้เลือดออก ซึ่งโรคนี้มักจะเกิดขึ้นกับเด็กๆ เป็นหลัก จึงต้องเตือนบรรดาพ่อแม่ผู้ปกครองให้ระมัดระวังดูแลสุขภาพของบุตรหลาน โดยระยะแสดงอาการของโรคนั้น จะแบ่งเป็น 3 ระยะ คือ ระยะมีไข้, ระยะช็อก และระยะฟื้นตัว ส่วนใหญ่จะมีอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัด แต่จะมีจุดแตกต่างที่สำคัญ คือ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกจะไม่มีอาการไอร่วมด้วย ซึ่งแตกต่างจากโรคหวัด นพ.แสวง กล่าวเพิ่มเติมว่า ทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายก ได้เตรียมการรณรงค์ ในเรื่องของการป้องกันโดยการกำจัดแหล่งน้ำที่เพาะพันธุ์ยุงลาย และแจกทรายอะเบทเพื่อกำจัด ลูกน้ำตามภาชนะที่มีน้ำขังตามบ้านเรือนของ ประชาชนทั่วไป และสำหรับผู้ที่มีอาการเป็นไข้ ขอแนะนำให้ไปพบแพทย์จะเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่หากต้องการจะซื้อยามากินเอง ขอให้เป็นยาลดไข้ในพวกพาราเซตามอล ไม่ควรใช้ยาในกลุ่ม อื่น เช่น แอสไพริน เพราะจะมีผลข้างเคียงต่อร่างกายมากกว่า ทั้งนี้ทางสาธารณสุขจังหวัดนครนายก ได้เตรียมพร้อมรับสถานการณ์ของโรคที่อยู่ในช่วงหน้าร้อนต่อกับช่วงหน้าฝนอย่างเต็มที่ และพร้อมจะให้คำปรึกษาแก่ประชาชนตลอดเวลา ซึ่งหากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำแนะนำ ประชาชนสามารถไปติดต่อได้ที่สถานีอนามัยทุกแห่ง หรือที่ อสม. ซึ่งในปัจจุบันนี้มีทั่วประเทศ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน และความดันโลหิตสูงมากที่สุด ทั้งสองโรคเป็นโรคที่ไม่ได้เป็นมาจากการติดเชื้อ แต่เกิดจากพฤติกรรมการดำรงชีวิต ซึ่งทางสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครนายก ได้ทำการรณรงค์ในเรื่องของการขอให้ประชาชนไปตรวจสุขภาพประจำปี อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะโรคเบาหวาน เพราะนอกจากจะก่อให้เกิดปัญหากับอวัยวะสำคัญ คือ ตา, ตับ, ไต แล้ว อาจจะมีโรคอื่นแทรกซ้อนขึ้นมาอีกได้ “ทั้งนี้โรคเบาหวานเป็นโรคที่สามารถควบคุมรักษาได้โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม โดยเฉพาะการตรวจหาระดับน้ำตาลในเลือด จึงอยากให้ประชาชนได้คำนึงถึงความสำคัญ และควรจะมีการตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อระมัดระวังไม่ให้เกิดโรคภัยต่างๆ กับตัวเรา ซึ่งเป็นการป้องกันที่ดีกว่าการเป็นแล้วมารักษาในภายหลัง” นายแพทย์แสวง กล่าว ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤษภาคม 20, 2012, 07:49:22 PM ลุ้นสุริยัน-จันทรา-ราหู ‘21 พ.ค. 55’ ‘ตะวันดับ’อะไรเกิด?
หากใครสนใจเรื่องโหราชะตาเมือง กับปี 2555 นี้ก็คงจะรู้สึกว่าคำทายทักของโหรดูจะแม่นพอสมควรตั้งแต่ช่วงต้นปี ยังไม่ทันผ่านกลางปี เช่นเรื่อง “แผ่นดินไหว” ที่หลายโหรพยากรณ์ไว้ว่าไทยมีเกณฑ์ต้องเจอ หรือ “ไฟไหม้” ที่บางโหรพยากรณ์ไว้ว่าปีนี้จะดุ ตึกสูงในกรุงเทพฯ มีเกณฑ์เสี่ยง ซึ่งก็เกิดเหตุที่สอดคล้องหลายครั้ง และในวันที่ 21 พ.ค. นี้ก็จะมีปรากฏการณ์ดาว เป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ก็มีคำทำนายของโหร ทั้งนี้ ในวันที่ 21 พ.ค. นี้ ตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ตี 5 กว่า จะเกิดปรากฏการณ์ดวงดาวให้ชาวโลกได้เห็น จะเกิด “อุปราคา” ครั้งแรกของปี 2555 นี้ โดยจะเกิด “สุริยคราส-สุริยุปราคา” ในแบบที่เรียกว่า “วงแหวน” ซึ่งแนวคราสวงแหวนพาดผ่านจีน ญี่ปุ่น ทางเหนือของมหาสมุทรแปซิฟิก และรัฐทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา รวมถึงพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทย ยกเว้นทางภาคใต้ แต่ในไทยจะเห็นแค่ “ดวงอาทิตย์ถูกบังจนแหว่ง” ในทางวิทยาศาสตร์ การที่มนุษย์มองเห็นสุริยุปราคา เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เกิดจาก ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวโลก โคจรเรียงอยู่ในแนวเดียวกัน โดยดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง ซึ่งเมื่อสังเกตจากพื้นโลกจะเห็นดวงจันทร์เคลื่อนเข้าบดบังดวงอาทิตย์ โดยอาจบังทั้งดวงหรือแค่บางส่วน ซึ่งสำหรับ “สุริยุปราคาวงแหวน” เป็น 1 ใน 4 รูปแบบการเกิดสุริยุปราคา อีก 3 แบบคือ สุริยุปราคาเต็มดวง, สุริยุปราคาบางส่วน, สุริยุปราคาผสม ไม่ว่าจะเป็นสุริยุปราคาแบบใดก็คือการที่ ’ดาวอาทิตย์“ ถูกบดบังโดย ’ดาวจันทร์“ และหากจะว่ากันในทางโหราศาสตร์ กับปรากฏการณ์อุปราคาก็ยังเกี่ยวข้องดาวทางโหรที่เรียกว่า ’ดาวราหู“ ด้วย (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/130655.jpg) ในทางโหราศาสตร์นั้น อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ระบุไว้ว่า...“ดาวอาทิตย์” หรือดวงอาทิตย์ ในโหราศาสตร์ชะตาเมือง สำแดงถึงความเป็นใหญ่ การบังคับบัญชาชั้นสูง ผู้นำของประเทศชาติ นายกรัฐมนตรีที่ครองตำแหน่งอยู่ สมาชิกสภา ข้าราชการฝ่ายปกครอง นักปกครอง นักบริหาร ผู้จัดการ บุคคลที่มี ตำแหน่งที่มีการใช้อำนาจ ซึ่งเมื่อพิจารณาถึง ดวงเมืองของประเทศไทย ดาวอาทิตย์ถือว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะวันอาทิตย์เป็นวันที่มีการวางพระฤกษ์ฝังเสาหลักเมือง “ดาวจันทร์” หรือดวงจันทร์ ในโหราศาสตร์ชะตาเมือง หมายถึงประชาชน แสดงถึงผู้หญิง เด็ก ผู้กินสินจ้าง กลุ่มชน การรับแขก การเดินทาง อาชีพทางน้ำ-ทางทะเล สถานการณ์ทางทะเล พืชผล ผลิตผลกสิกรรม ที่ดินและพืชพันธุ์ธัญญาหาร ผลิตกรรมอาหาร การเลี้ยงดู การเลี้ยงอาหาร ภารกิจทางบ้าน การบ้าน บริภัณฑ์ของบ้านและชีวิตครอบครัว การบริการ และ ตำแหน่งรอง ๆ ทั่วไป สถานการณ์ต่าง ๆ ของสตรีและมหาชนทั่วไป ในชะตาเมืองดาวจันทร์เป็นเจ้าเรือนพันธุ ได้มาตรฐานเป็นเกษตร เสวยปุษยนักษัตรฤกษ์ที่ 8 ประกอบด้วยราชาแห่งฤกษ์ ในราศีกรกฎ ธาตุน้ำ ชาวไทยจึงตั้งถิ่นฐานสร้างบ้านเมืองบนดินแดนใกล้แหล่งน้ำ ในส่วนของ “ดาวราหู” โหรไทยถือว่า เป็นเทวดาพระเคราะห์องค์หนึ่ง มีอาภรณ์และพาหนะสีดำคล้ำดำหมอง สามารถบดบังดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ได้ ราหู เป็นเทพเคราะห์ธาตุลมพายุที่มีผลทำให้เกิดพายุหมุนที่รุนแรงทำให้เสียหาย ราหูเป็นเจ้าเรือนลาภะในชะตาบุคคล หมายถึงรายได้ ความสำเร็จ ผลประโยชน์ ส่วนในโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมือง ราหู หมายถึงรัฐสภา สภาผู้แทนราษฎร สภาการเมืองและท้องถิ่น การนิติบัญญัติ นโยบายของชาติ การเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศต่าง ๆ การเก็บภาษีอากร ลาภผลของประเทศ นี่คือความหมายของ ’อาทิตย์-จันทร์-ราหู“ ที่จะเกิดปรากฏการณ์ที่มองเห็นจาก ’โลก“ ทั้งนี้ หากดูกันตามความหมายของดาว เมื่อดาวอาทิตย์ถูกดาวจันทร์บัง หรืออีกนัยคือถูกดาวราหูบัง ก็อาจจะมีการตั้งปุจฉาว่า นักปกครอง นักบริหาร ผู้มีตำแหน่งอำนาจ จะเผชิญเหตุอันใดโดยกลุ่มประชาชนหรือเปล่า? จะเผชิญเคราะห์อันดำมืดเนื่องด้วยผลประโยชน์หรือไม่? อย่างไรก็ตาม กับหลักทำนายสุริยุปราคาโดยรวมนั้น ทางนายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติได้เคยชี้ไว้ว่า...ตามหลักโหราศาสตร์ชะตาบ้านเมือง ระบุไว้ว่า “ถ้าเป็นการเกิดสุริยุปราคา ต้องระวังเกิดกรณีบุคคลสำคัญถึงแก่กรรม” และ “การเกิดของอุปราคาแต่ละครั้ง จะมีผลต่อคนไทยทั้งสิ้น ไม่ว่าจะมองเห็นในประเทศไทยหรือไม่ก็ตาม” และสำหรับ “สุริยุปราคา 21 พ.ค. 2555” โดยตรงนั้น ทาง อ.ภิญโญ พงศ์เจริญ ได้ระบุไว้ว่า...เป็นการเกิดสุริยุปราคาวงแหวนตรงราศีพฤษภ ซึ่งเป็นราศีธาตุดิน และเป็นราชาแห่งแผ่นดินไหว นอกจากนี้ยังเกิดในอาณาเขตโจราฤกษ์ ’ต้องระวังให้มากเรื่องอุบัติภัย แผ่นดินถล่ม แผ่นดินทรุด แผ่นดินไหว รวมทั้งเรื่องการเงินของประเทศก็จะต้องระวังให้ดี“ ซึ่งก็หมายถึงต้องระวังทั้งพิบัติภัยธรรมชาติและฐานะของประเทศ ทั้งหมดทั้งมวลก็เป็นเกณฑ์ตามหลักโหราศาสตร์ กับเหตุ “สุริยัน-จันทรา-ราหู-โลก” ที่ใกล้จะเกิด ช่วย ๆ กันภาวนา...ขออย่าให้เกณฑ์นี้แม่น?!?!?. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มิถุนายน 23, 2012, 08:07:11 PM ขนมหวานแพงที่สุดในโลก Frrrozen Haute Chocolate
(http://www.jaowka.com/wp-content/uploads/2012/06/1261.jpg) Frrrozen Haute Chocolate ไอศครีม ซันเด ของร้าน Serendipity 3 ในแมนฮัตตัน กลางเมืองนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ได้รับการจดบันทึกลงในกินเนสบุ้ค ออฟ เวิล์ด เรคคอร์ด ว่าเป็น “ขนมหวานแพงที่สุดในโลก” ด้วยราคาถ้วยละ 25,000 USD (ประมาณ 750,000 บาท) ไอศครีมมีส่วนผสมของโกโก้พันธุ์ดีและหายาก และทองคำ 23 เค ชนิดทานได้ น้ำหนัก 5 กรัม ถูกบรรจุลงในถ้วย ที่มีแผ่นทองคำชนิดทานได้รองอยู่ภายในถ้วย นอกจากนี้บริเวณฐานของถ้วยไอศครีมยังตกแต่งด้วยสร้อยทอง 18 เค พร้อมกับเพชรแท้สีขาวอีก 1 กะรัต (สำรวจโลก) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กรกฎาคม 07, 2012, 10:40:24 AM บ.ยาข้ามชาติ"สะเทือน อินเดียเล็งผลิตแจกฟรี
updated: 06 ก.ค. 2555 เวลา 09:58:28 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ รายงานข่าว เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ระบุว่า รัฐบาลอินเดียประกาศนโยบายจะแจกยาสามัญฟรีให้แก่ประชาชนรวมมูลค่า 5,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 167,400 ล้านบาท) โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ระดับโรงพยาบาลไปจนถึงคลินิกเล็กๆ ในชนบท ซึ่งแพทย์จะสามารถจ่ายยาฟรีเหล่านี้ให้แก่คนไข้ทุกคน โดยเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งเปิดเผยว่า แผนดังกล่าวได้รับการเห็นชอบจากรัฐบาลอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ปีที่ผ่านมา แต่ไม่มีการเผยแพร่ ขณะที่งบประมาณเบื้องต้นที่จะนำไปใช้ในโครงการดังกล่าวได้ผ่านการอนุมัติ แล้วเมื่อหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ตามแผนดังกล่าว แพทย์จะต้องจ่ายเฉพาะยาสามัญที่มีอยู่ในบัญชีเท่านั้น และจะถูกลงโทษหากจ่ายยาชนิดเดียวกันที่มีเครื่องหมายการค้าให้แก่ผู้ป่วย ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อบริษัทยายักษ์ใหญ่ที่จะสูญเสียรายได้มหาศาลจาก การทำตลาดในประเทศที่มีการใช้ยาเติบโตรวดเร็วมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก รัฐบาล อินเดียระบุว่าโครงการดังกล่าวจะทำให้ชาวอินเดียราวครึ่งหนึ่งของประเทศจะ ได้รับผลประโยชน์จากการเข้าถึงยาได้ภายในอีก 5 ปี ทั้งนี้ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอินเดียได้อนุมัติให้บริษัทผู้ผลิตยาในประเทศ ผลิตยารักษาโรคมะเร็งสูตรเดียวกันกับยา เนซาวาร์ ที่พัฒนาโดยบริษัทไบเออร์ของเยอรมนี ส่งผลทำให้ยาดังกล่าวมีราคาที่ถูกลง จาก 280,000 รูปีต่อโดส เหลือเพียง 8,800 รูปีเท่านั้น (รอยเตอร์) (ที่มา:มติชนรายวัน 6ก.ค.2555) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กรกฎาคม 12, 2012, 09:28:24 AM พยากรณ์อากาศ
ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันออกเข้าปกคลุม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป โดยมีฝนตกหนัก บางแห่งในภาคตะวันออก ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักถึงหนักมาก บางพื้นที่ อาจมีน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นได้ในระยะ 1-2 วันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยที่อาศัยตามที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านระมัดระวังอันตรายจากภัยดังกล่าวไว้ด้วย พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้. ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย น่าน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก และพิษณุโลก อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองทั่วไป ร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณจังหวัดระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 2-3 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กรกฎาคม 15, 2012, 12:34:18 PM เตือนระวัง! โรคมือเท้าปากกัมพูชาระบาดไทยแล้ว 200 ราย
(http://img.kapook.com/u/kanistha/News/health.jpg) อธิบดีกรมควบคุมโรค เผยพบผู้ป่วย 200 คน ติดเชื้อมือเท้าปากแบบเดียวกับในกัมพูชา สั่งเข้มงวดมาตรการปิดโรงเรียนและตรวจคนเขมรเข้าเมือง เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานว่าขณะนี้พบผู้ป่วยโรคมือเท้าปากในไทยเพิ่มจำนวนไม่หยุด จากสัปดาห์ที่แล้ว 10,800 คน ล่าสุดพบกว่า 12,000 คนแล้วทุกจังหวัดในประเทศไทย โดยพบมากที่สุดในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน และกระจายบางจังหวัดในภาคอีสาน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า แม้จะยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากโรคนี้ในไทย แต่เชื้อเอนเตอโรไวรัส 71-D4 ซึ่งเป็นสายพันธุ์รุนแรงทำให้เด็กกัมพูชาเสียชีวิต พบในไทยขณะนี้เกือบ 200 คนแล้ว การพบเชื้อเอนเตอโรไวรัส 71-D4 ทำให้ตนเริ่มไม่มั่นใจว่า เด็กซึ่งมีภูมิต้านทานต่ำอยู่แล้ว หากติดเชื้อดังกล่าวนี้อาจทำให้เสียชีวิตได้ โดยมาตรการที่ดำเนินการคือกำชับสาธารณสุขจังหวัดอย่างเข้มงวด หากพบเด็กป่วยในศูนย์เด็กเล็ก หรือโรงเรียนอนุบาลใน 1 ห้องเรียน หรือกระจายตามห้องเกิน 5 คน คือ ให้ปิดทั้งโรงเรียนทันทีอย่างน้อย 1 สัปดาห์ เพื่อตัดวงจรแพร่ระบาดของเชื้อ แต่ยังพบว่าโรงเรียนบางแห่งไม่ยอมปิดเรียน ทำให้อัตราการแพร่ระบาดไม่หยุดนิ่ง ทางด้าน นายวิทยา บุรณศิริ รมว.สาธารณสุข เปิดเผยว่า การพบผู้ป่วยยังเป็นภาวะปกติ และเชื้อที่พบเป็นชนิดไม่รุนแรง ปริมาณการพบไม่ได้ผิดปกติ แตกต่างจากประเทศเพื่อนบ้าน แต่ได้กำชับสาธารณสุขถึงการดูแลรักษาความสะอาดไม่ให้เกิดโรคขึ้น โดยเฉพาะในโรงเรียน และผู้ปกครองของเด็กควรดูแลรักษาความสะอาด รับประทานอาหารปรุงสุก ใช้ช้อนกลาง และล้างมือบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันโรคได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุดมีข่าวลือว่าโรงเรียนศิริมงคลศึกษา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี สั่งปิดโรงเรียนไม่มีกำหนด เพราะมีเด็กนักเรียนเป็นโรคมือเท้าปาก จากการสอบถามครูคนหนึ่งทราบว่า มีนักเรียนก่อนวัยเรียน 1 คน และระดับชั้นอนุบาล 1 อีก 1 คน เป็นโรคมือเท้าปากขณะหยุดอยู่บ้าน ทางผู้ปกครองจึงแจ้งโรงเรียน ตั้งแต่วันที่ 7 กรกฎาคม และได้หยุดเรียนไปตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ส่วนนักเรียนในโรงเรียนยังไม่มีใครได้รับเชื้อ นอกจากนี้ ผู้บริหารโรงเรียนเป็นห่วงการระบาดของโรค จึงสั่งปิดโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 16-20 กรกฎาคมนี้ เพื่อทำความสะอาดโรงเรียนและห้องเรียนครั้งใหญ่ รวมทั้งล้างอุปกรณ์ ของใช้และของเล่นเด็ก หลังจากนั้นจะแจ้งให้สาธารสุขจังหวัดนนทบุรีมาฉีดยาค่าเชื้อต่อไป ขณะที่ทางด้าน บริเวณด่านจุดผ่อนปรอนชายแดนบ้านเขาดิน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว นายธวัชชัย เกตุพันธ์ นายอำเภอคลองหาด, พ.ท.เจษฏา ไวศยะ รอง ผบ.ฉก.ทพ.13 และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอคลองหาด, เจ้าหน้าที่ รพ.คลองหาด ก็มีการตรวจตราชาวเขมรที่จะเดินทางเข้ามาในไทยอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้โรคมือเท้าปากเปื่อยแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก (http://img.kapook.com/image/Logo/dailynews.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กรกฎาคม 17, 2012, 09:55:26 AM Why I opened the 'Bank' of DaveBurnley businessman Dave Fishwick never had any desire to be a banker, but found that the only way to beat them was to join their ranks – with a twist. His show begins on Channel 4 tonight
(http://static.guim.co.uk/sys-images/Media/Pix/pictures/2012/7/12/1342083470858/Bank-of-Dave-008.jpg) 'Banker' Dave Fishwick. Photograph: Adam Lawrence/Channel 4 Television Bob Diamond and Fred Goodwin may be seen as the big villains of the banking system, but it's not those two that are the big problem. The whole system is rotten and it's ruining the lives of good, hardworking people. I never had any desire to be a banker. My company sells minibuses and I have a lot of very good customers who I've known for a long time. Once the credit crunch hit in 2008, these people couldn't get a loan from the banks they had been with for years and therefore couldn't afford to get a new minibus. That threatened to be a very big problem for my business. I had to do something drastic to keep going through the recession, so I began lending my own money to my customers. Unlike the banks, I knew they were good and honest people who could be trusted. I was proven right, and it made me see just how far wrong the banks had gone. As time went on, the crunch hit Burnley hard. Businesses were being replaced by TO LET signs every day. There just wasn't any money to get things moving, so I thought that extending what I'd done to help my business customers might be a way to help people in my hometown. Lending money to my customers had made me realise that banking was actually quite a simple process: you just take people's money and then lend it out to other people, making sure you charge them more interest than you pay out. So I thought maybe I could open a tiny bank to serve the local community. Not a big bank but maybe a better bank. How hard could it be? As it turned out: very bloody difficult. The Financial Services Authority (FSA) wouldn't even meet me unless I put millions of pounds in a protected account with them. The tiny bank I wanted to create was never going to need that much security, but their demands meant that there was no chance of me getting a banking licence. It's hard for me to see how the FSA is protecting consumers when Barclays and the rest can spend years manipulating interest rates right under their noses, but they won't even sit down with me for a cup of tea to discuss helping my community. Luckily, I'm not the sort of person that gives up easily. Even more luckily, a lot of people shared my vision of creating a better way of banking for Burnley. From my top-notch lawyers in Manchester to the builders and painters who helped me turn an old florist's shop into a "bank", I've had an amazing amount of support. The FSA still won't meet me to talk about a licence, so I legally can't call what I do a "bank" without quotation marks. But what matters at the moment is that we're open and making a difference. Seeing a business thrive, when it could have gone under without a little bit of money at the right time makes me so happy. We now lend an average of £25,000 a week. Unlike the bankers in the City, we don't pay ourselves bonuses; every penny of our operating profit goes to charity. I'm proud that I've started on a journey for better banking in Burnley, and hopefully it'll end up with better banking for all of Britain. My dream is for small "banks" like mine to spring up all over the country, and to go back to a system of banking that's focussed on people, not bonuses. This whole process has felt like jumping off a cliff and building a plane on the way down. Hopefully, thanks to what I have learned, other people will at least have some of the tools to change how we bank in Britain. • Bank of Dave starts at 9pm, Thursday 12 July on Channel 4 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ สิงหาคม 06, 2012, 05:23:15 PM ยานอวกาศ ของนาซามูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐร่อนลงจอดบนพื้นฟิวดาวอังคารแล้วเมื่อวานนี้
ยานอวกาศ “คิวริโอซิตี้” ขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติของสหรัฐ หรือนาซา มูลค่า 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ร่อนลงจอดบนพื้นผิวของดาวอังคารได้สำเร็จแล้วเมื่อวานนี้ นับเป็นการเริ่มต้นสำรวจดาวอังคาร ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี เพื่อค้นหาหลักฐานของสิ่งมีชีวิตบนดวงดาวแห่งนี้ ข้อมูลข่าวและที่มา ผู้สื่อข่าว : ถนอม พิพิธยากร / สวท. Rewriter : ถนอม พิพิธยากร / สวท. สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th (http://thainews.prd.go.th) วันที่ข่าว : 06 สิงหาคม 2555 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ สิงหาคม 06, 2012, 05:24:10 PM ปตท-บางจากฯ ขึ้นเบนซิน 60 สต./ลิตร แก๊สโซฮอล์ 50 สต./ลิตรมีผลพรุ่งนี้
บมจ.ปตท.(PTT) และ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) ประกาศปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซิน 91 อีกลิตรละ 60 สตางค์ และกลุ่มแก๊สโซฮอล์อีกลิตรละ 50 สตางค์ โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้(7 ส.ค.) เวลา 05.00 น. ทั้งนี้ จะส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของ ปตท.และบางจากฯ ในสถานีบริการน้ำมันเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลวันพรุ่งนี้ เป็นดังนี้ เบนซิน 91 ลิตรละ 44.05 บาท, แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 38.63 บาท, แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 36.88 บาท, E20 ลิตรละ 34.98 บาท, E85 ลิตรละ 22.68 บาท ขณะที่ดีเซลยังคงเดิมที่ลิตรละ 29.63 บาท หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 11, 2012, 07:02:31 PM อย.สั่งอายัดบะหมี่เกาหลี พบสารก่อมะเร็ง
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img9/139734.jpg) นายแพทย์ บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า จากข่าวหนังสือพิมพ์ ประเทศฟิลิปปินส์ มีการเรียกเก็บบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปของ บริษัท นองชิม (Nongshim) จากเกาหลีใต้ หลังได้รับรายงานมีสารก่อมะเร็งนั้น ขณะนี้ทาง อย. ได้สั่งให้สำนักอาหารและสำนักด่านอาหารและยา ของ อย. ตรวจสอบเฝ้าระวังเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยสารก่อมะเร็งที่พบเป็นสารเบนโซ (เอ) ไพรีน อยู่ในเครื่องปรุงรสในบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งมีการผลิตที่ประเทศเกาหลีใต้ ดังนั้น ประเทศในโซนเอเชีย เช่น ฟิลิปปินส์ , จีน , เกาหลีใต้ จึงเรียกเก็บคืนบะหมี่ที่พบปัญหาดังกล่าว ในส่วนของประเทศไทย อย. ได้สั่งการให้ด่านอาหารและยาทั่วประเทศเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์ดังกล่าว โดยขณะนี้หากพบมีการนำเข้าในไทย ขอให้อายัดผลิตภัณฑ์ไว้ที่ด่านก่อน เพื่อตรวจสอบและเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์ในทุกรุ่นที่มีการนำเข้า และส่งตรวจวิเคราะห์ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อหาสารก่อมะเร็ง พร้อมขอความร่วมมือให้ผู้นำเข้าเพื่อจำหน่ายเรียกคืนผลิตภัณฑ์ และให้ร้านค้านำผลิตภัณฑ์ออกจากชั้นวางของชั่วคราว จนกว่าผลการตรวจวิเคราะห์พบอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย อย่างไรก็ตาม หากพบการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาหารสำเร็จรูปมีสารปนเปื้อน หรือสิ่งที่น่าจะเป็นอันตรายแก่สุขภาพ นำเข้าเพื่อจำหน่าย หรือจำหน่ายอาหารไม่บริสุทธิ์ จะถูกดำเนินคดี ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หากผู้บริโภคพบเห็นการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพใดคาดว่าผิดกฎหมายหรือมีสารอันตรายปนเปื้อน สามารถร้องเรียนมาได้ที่ สายด่วน อย. 1556 เครดิต.....สปริงนิวส์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 11, 2012, 08:30:34 PM ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ" ผู้สมัครสายเลือดไทยชนะเลือกตั้ง ส.ส.อิลลินอยส์
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/139787.jpg) ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ นักการเมืองหญิงชาวอเมริกันเชื้อสายไทย ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต สมัครชิงตำแหน่งกับ ส.ส.ในเขต 8 รัฐอิลินอยส์ ถือเป็นเขตที่มีความหลากหลายทางด้านเชื้อชาติ ร้อยละ 84 เป็นคนผิวขาว คนเอเชียมีประมาณร้อยละ 6 ของจำนวนประชากรในพื้นที่ และในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งนี้ สื่อสหรัฐฯ รายงานล่าสุดว่า "ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ" นักการเมืองลูกครึ่งไทย อเมริกัน ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนจากพรรคเดโมแครต สามารถล้ม โจ วอลช์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะในการเลือกตั้งชิงเก้าอี้ผู้แทนรัฐอิลลินอยส์ไปได้อย่างขาดลอย ประวัติของ ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธ ลัดดา แทมมี่ ดัคเวิร์ธเกิดเมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2511 ที่กรุงเทพ เป็นบุตรีของแฟรงค์ แอล ดักเวิร์ธ และนางละมัย สมพรไพลิน ครอบครัวของเธอโยกย้ายไปในหลายประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามหน้าที่การงานของบิดา เธอจบชั้นมัธยมและมหาวิทยาลัยที่ ฮาวาย และปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน ปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาเอกที่มหาวิทยาลัยนอร์ทเทิร์นอิลลินอยส์ (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/139788.jpg) เธอสมัครเข้าร่วมกองทัพสหรัฐ เมื่อ พ.ศ. 2535 และเลือกที่จะเป็นนักบินเฮลิคอปเตอร์ เธอเข้าร่วมรบในสงครามรุกรานอิรัก และสูญเสียขาทั้งสองข้าง และแขนข้างขวาพิการ เมื่อเฮลิคอปเตอร์ UH-60 แบล็คฮอว์ค ที่เธอเป็นนักบินผู้ช่วย ถูกยิงลูกระเบิดเข้ามาในเครื่อง และเกิดระเบิดตรงที่เธอนั่ง เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2547 เธอได้รับเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตในการเลือกตั้งกลางเทอม ที่รัฐอิลลินอยส์ เป็นตัวแทนพรรคในการวิพากษ์วิจารณ์นโยบายอิรัก ของประธานาธิบดีจอร์จ ดัลเบิลยู บุชหลายครั้ง ผลการเลือกตั้งเธอพ่ายแพ้คู่แข่งจากพรรครีพับลิกันไปอย่างสูสี ลัดดาเป็นหนึ่งในตัวเลือกของพรรคเดโมแครต ในตำแหน่งวุฒิสมาชิกจากรัฐอิลลินอยส์ ที่ว่างลงหลังบารัก โอบามา ไปดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ในต้นปี พ.ศ. 2552 แทมมี ดักเวิร์ธ ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงกิจการทหารผ่านศึกของประเทศสหรัฐอเมริกา (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/139789.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/139790.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/139791.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/139792.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 15, 2012, 07:40:00 PM ประมวลภาพปรากฏการณ์ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids Meteor Shower) ในวันที่ 13-14 ธันวาคม พ.ศ. 2555 ณ บริเวณยอดดอนอินทนนท์ จังหวัดเชียงใหม่ (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141545.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141546.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141547.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141548.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141549.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141550.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141551.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img1/141552.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 01, 2013, 05:29:22 PM ชมภาพ+คลิป ทั่วโลกฉลองขึ้นปีใหม่ 2013 สุดลังการ
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142648.jpg) ทั่วโลกฉลองขึ้นปีใหม่ 2013 อย่างสุดลังการ-ตระการตา ดูไบจุดพลุเหนือตึกระฟ้าสูสุดโลก (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142649.jpg) Dubai (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142650.jpg) Edinburgh (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142651.jpg) London (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142652.jpg) Moscow (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142653.jpg) ญี่ปุ่น (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142654.jpg) ไทเป ไต้หวัน (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142655.jpg) สิงคโปร์ (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142656.jpg) ฮ่องกง (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142657.jpg) พม่า หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 01, 2013, 05:34:14 PM มหาชนล้นสนามหลวง'สวดมนต์ข้ามปี'
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142606.jpg) คลื่นมหาชนล้นสนามหลวง “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี” ครั้งที่ 3 ซาบซึ้งพุทธะ ราชะ เดอะมิวสิคัล ตั้งจิตภาวนาสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล 31ธ.ค.2555 กิจกรรม “สวดมนต์ข้ามปี เริ่มต้นดี ชีวิตดี” ครั้งที่ 3 จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับกรุงเทพมหานคร(กทม.) สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มหาเถรสมาคม สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า และอีกกว่า 30 องค์กร มีประชาชนเข้าร่วมงานกว่า 2 แสนคน พร้อมกับวัดกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ โดยบรรยากาศที่สนามหลวงมีประชาชนให้ความสนใจแต่งกายชุดขาวมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ต่างจับจองพื้นที่สวดมนต์จนเกือบเต็มท้องสนามหลวงตั้งแต่เวลา 18.00 น. ต่อมาเวลา 19.00 น. นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประธานในพิธีช่วงแรกเดินทางมาถึงสนามหลวง โดยกล่าวเปิดงานว่า การจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี เป็นก้าวสำคัญในการปรับเปลี่ยนค่านิยมเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการลด ละ เลิกอบายมุขและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เพื่อต้อนรับสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นตลอดปี 2556 ปีนี้ เป็นปีมหามงคล ที่ประชาชนจะได้ร่วมฉลองเฉลิมปีพุทธชยันตี 2,600 ปีแห่งการตรัสรู้ และโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระชนมพรรษา 85 พรรษา สมเด็จพระนางเจ้าฯ ราชินีนาถ ทรงมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา และ สมเด็จโอรสาธิราชฯ สยามกุฏราชกุมาร ทรงมีพระชนมพรรษา 60 พรรษา จึงถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่คนไทยจะร่วมกันเฉลิมฉลอง และสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลด้วยกัน “เป็นที่น่ายินดีที่พบว่า ประชาชนถึงร้อยละ 74.9 อยากส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ด้วยการไหว้พระทำบุญและสวดมนต์ข้ามปี อธิฐานให้ครอบครัวมีความสุข ซึ่งนอกจากจะเป็นการเสริมสิริมงคลให้แก่ตนเองและครอบครัวแล้ว ยังเป็นการแสดงออกถึงความจงรักภักดีของคนไทย ที่มีต่อพระองค์ผู้ทรงเป็นพ่อหลวงของเราชาวไทยทุกคนอีกครั้งหนึ่ง” นพ.ประดิษฐ กล่าว ศ.นพ.อุดมศิลป์ ศรีแสงนาม ประธานคณะกรรมการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า มีประชาชนร่วมสวดมนต์ข้ามปีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากปีแรกมีประชาชนเข้าร่วมในส่วนกลางกว่า 3 พันคน เป็น 1 แสนคนในปีที่ 2 และน่าจะเพิ่มเป็น 2 แสนกว่าคนในปีนี้ ซึ่งนอกจาก สนามหลวง ยังจัดงานในวัดพระอารามหลวงทั้ง 4 ภูมิภาค ได้แก่วัดเจดีย์หลวงวรมหาวิหาร จ.เชียงใหม่, วัดพระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวง จ.ขอนแก่น, วัดโสธรวรารามมวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช และร่วมกับกรมราชทัณฑ์ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จัดสวดมนต์ในทัณฑสถาน 192 แห่ง สถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกอบรม 52 แห่งทั่วประเทศ “การสวดมนต์ เป็นมงคลหนึ่งในชีวิต ช่วยสร้างจิตให้เกิดกุศล จนก่อเกิดเป็นความสุข ช่วยสร้างพลังอำนาจทางจิตใจ ให้มีสติ สมาธิ ปัญญา และพินิจพิเคราะห์ถึงสิ่งต่างๆ เมื่อความคิดนิ่ง จะทำให้เราได้อยู่กับตนเองมาก และซึมซับเอาหลักคำสอนในบทสวดมนต์ไปปรับใช้และเปลี่ยนแปลงตนเองในทางที่ดีขึ้น และเสมือนเป็นการหลอมรวมใจของคนในชาติ สร้างความปรองดองสามัคคีให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ” ศ.นพ.อุดมศิลป์ กล่าว ด้านนางศศิพิมพ์ คำดี อายุ 35 ปี มาพร้อมกับลูก 3 คน กล่าวว่า มาร่วมงานสวดมนต์ข้ามปี เป็นปีที่สอง โดยตั้งใจมาร่วมสวดมนต์ที่สนามหลวง เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลให้พ่อหลวง ซึ่งปกติเป็นคนชอบทำบุญตักบาตร สวดมนต์เป็นประจำ การสวดมนต์ทำให้มีสติ สมาธิ หากลูกๆ ได้ร่วมสวดมนต์เชื่อว่าจะทำให้มีสมาธิ เรียนเก่งขึ้น ทั้งนี้ตนและลูกๆ ตั้งใจจะนอนค้างคืนที่สนามหลวงเพื่อตักบาตรพระในเช้าวันที่ 1ม.ค. นายรูอาร์ เฮนนิ่ง ยูฮันเซน ชาวนอร์เวย์ เดินทางมาสนามหลวงพร้อมภรรยาชาวไทยชื่อนางวิไล ยูฮันเซน กล่าวว่า ปีใหม่นี้ตั้งใจจะมาเยี่ยมญาติของภรรยาที่จ.บุรีรัมย์ และได้เห็นข่าวโทรทัศน์ว่ามีการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีที่สนามหลวง จึงสนใจมาร่วมงานซึ่งเป็นการสวดมนต์ในคืนข้ามปีเป็นครั้งแรกของตน ซึ่งตนได้ร่วมสักการะพระพุทธชยันตี องค์ดำนาลันทา ซึ่งงดงามน่าเลื่อมใสมาก ต่อมาเวลา 22.40 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเดินทางไปเป็นประธานในพิธีช่วงที่สอง โดยกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปี มีกิจกรรมให้ประชาชนได้เข้าร่วมหลากหลาย เช่น การสักการะเกศาธาตุ จากประเทศศรีลังกา พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา จากประเทศอินเดีย พระพุทธรูปแกะสลักจากไม้ตะเคียนทอง วัดป่าเขาล้อม จ.ฉะเชิงเทรา การแสดง “พุทธะ ราชะ เดอะมิวสิคัล” แสดงพุทธประวัติผ่านละครเพลง ซึ่งมีดารา นักร้องชื่อดังร่วมแสดงกว่า 100 ชีวิต การสวดมนต์บทโพชฌงคปริตร และบทสรรเสริญพระพุทธคุณ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล นำสวดโดยพระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา และพระพรหมบัณฑิต กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย และได้นิมนต์พระเถรานุเถระที่ประชาชนให้ความเคารพนับถืออีก 84 รูป มาร่วมเจริญพระพุทธมนต์ให้ศีล ให้พรแก่ประชาชนที่มาร่วมงานด้วย ขณะที่การจัดงานเทศกาลปีใหม่ 2556 ที่บริเวณห้างเซ้นทรัล เวิลด์ ถนนราชดำริ ก็มีประชาชนเดินทางไปร่วมงานเป็นจำนวนมากเช่นเดียวกัน ทั้งนี้เวลา 24.00 น. ซึ่งถือเป็นไฮไลท์ของงาน ทันทีที่ก้าวขึ้นสู่ปีใหม่ 2556 ก็มีการจุดพลุอย่างต่อเนื่องนานกว่า 3 นาที เป็นการเฉลิมฉลองการก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142608.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142609.jpg) (http://variety.teenee.com/foodforbrain/img4/142610.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 06, 2013, 08:05:43 PM ดังใหญ่!'ดีแลนท์'หนูน้อยฮาร์ดคอร์ก.ไก่ออกBBC
(http://variety.teenee.com/foodforbrain/img6/144851.jpg) บีบีซีในอังกฤษ เชิญคุณพ่อ และ หนูน้อยดีแลนท์ วัย 3 ขวบ ที่ท่อง ก.ไก่ แบบฮาร์ดคอร์ ออกรายการหลังโด่งดังจากคลิปในยูทูป บีบีซีของอังกฤษ เชิญตัว พ่อลูกสุดฮอต! จากคลิปวีดีโอบนยูทูป น้องดีแลนท์ ‘เด็กฝรั่งลูกครึ่งไทย - เวลส์ วัย 3 ขวบ ท่อง ก.ไก่โด่งดัง’จนมีคนคลิกเข้าไปดูแล้ว 2 ล้านครั้ง ภายในระยะเวลาเพียงแค่ 10 วัน โดยพ่อของน้องดีแลนท์ เปิดเผยว่า ตอนแรกที่สร้าง channel ในยูทูป เพื่อที่ต้องการจะให้ คุณปู่คุณย่า คุณตาคุณยาย ได้เห็นความเคลื่อนไหวของหลานชาย ที่อยู่ห่างไกลกันไม่ได้มีความตั้งใจอื่นๆ แต่พอต่อมาตาก็เล่าให้ฟังว่ามีคนมาดูและกดlike มากมายจนเขาและแฟนเกือบจะลบทิ้งไปแล้วเพราะกลัวว่าจะมีคำพูดหรืออะไรที่ไม่เหมาะสมหรือเปล่า ทั้งนี้คลิปฮาร์ดคอร์ ก.ไก่ นั้น เกิดจากการสอนภาษาไทยให้ลูกชายลูกครึ่ง ให้ได้รู้จักพยัญชนะไทยทั้ง 44 ตัว โดยหนุ่มน้อยออกท่าทางส่ายหัวไปมาน่ารักน่าเอ็นดู จนคนที่ได้ดูคลิปถึงกับอดส่งต่อให้เพื่อนดูไม่ได้ และกลายเป็นกระแสดังกล่าวขึ้น อย่างไรก็ตามตอนนี้หนูน้อยดีแลนท์อายุได้ 3 ขวบแล้ว เกิดที่เมืองไทย และตอนนี้ย้ายกลับไปอยู่ที่เวลส์ แต่หนูน้อยผู้มีชื่อเสียงคนนี้ มีแฟนคลับในเฟสบุ๊กถึงกว่า 80,000 คน >>ข่าวของน้อง ดีแลนด์ ฮาร์ดคอร์ กอไก่ ที่ี BBC<< ;) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2013, 08:32:34 AM จับสองต่างด้าวล้วงไอโฟน-มือถือกว่า 4 ปี รายได้เดือนละกว่า 3 แสน
โดย ทีมข่าวอาชญากรรม 6 กุมภาพันธ์ 2556 17:54 น. คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผบก.ทท. แถลงข่าวจับกุม 2 ผู้ต้องหาชาวต่างด้าว ตำรวจท่องเที่ยวแถลงข่าวจับกุมสองผู้ต้องหาชาวต่างด้าว ก่อเหตุล้วงกระเป๋าพร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5-ไอโฟน 4 โทรศัพท์รุ่นต่างๆ อีก 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ รวม 5 เล่ม สารภาพทำมากว่า 4 ปี รายได้เดือนละกว่า 3 แสนบาท เข้าบ่อน-เที่ยวเตร่ วันนี้ (6 ก.พ.) เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว (บก.ทท.) พล.ต.ต.รอย อิงคไพโรจน์ ผบก.ทท. พ.ต.อ.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบก.ทท. พ.ต.ท.ปัญญณิชช์ ทองขุนนา รอง ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.บรรพต เดชมา รอง ผกก.1 บก.ทท. พ.ต.ท.เกื้อกมล ดวงประทีป รอง ผกก.3 บก.ทท. พ.ต.ต.สราวุฒิ ปรีดากรณ์ สว.ส.ทท.1 กก.1 บก.ท. แถลงจับกุมนายบุญมี ศายาวงศ์ อายุ 36 ปี ชาวลาว อยู่ห้องเลขที่ 33/9 เคหะอ้อมใหญ่ กรุงเทพฯ และนายชาติ ชักเรือน อายุ 33 ปี ชาวกัมพูชา อาศัยอยู่แฟลตวังหิน กรุงเทพฯ ผู้ต้องหาคดีล้วงกระเป๋า พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือไอโฟน 5 จำนวน 2 ครั้ง ไอโฟน 4 จำนวน 2 เครื่อง และโทรศัพท์รุ่นต่างๆ อีกจำนวน 11 เครื่อง สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ รวม 5 เล่ม พล.ต.ต.รอยเปิดเผยว่า สืบเนื่องจากได้รับร้องเรียนจากคนไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมากที่เดินตามแหล่งชุมชน โดนล้วงกระเป๋าทรัพย์สินหายหลายรายการ ตามนโยบายของทางผู้บัญชาการฯ ให้ตรวจตราตามแหล่งชุมชน รถไฟฟ้า โดยทางเจ้าหน้าที่ บก.ทท.ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ว่าสามารถควบคุมตัวผู้ต้องสงสัยที่ก่อเหตุล้วงกระเป๋าบนสถานีรถไฟฟ้าได้ เจ้าหน้าที่จึงไปตรวจสอบพบผู้ต้องหาทั้งสองคนจึงนำตัวมาสอบสวน พร้อมทั้งตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดของสถานีรถไฟฟ้า พบว่าสามารถจับภาพได้ขณะที่ผู้ต้องหาก่อเหตุกำลังล้วงกระเป๋าผู้เสียหายเมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาทั้งสองให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามภาพจริง จากนั้นขยายผลตรวจค้นบ้านพักใน อ.สามพราน จ.นครปฐม พบของกลางโทรศัพท์มือถือ และสมุดเงินฝากธนาคารหลายเล่มจึงยึดไว้เป็นของกลาง จากการสอบสวนนายบุญมีให้การรับสารภาพว่า ตนทำอาชีพรับจ้างขนผักในตลาดไท แต่ได้มีชาวกัมพูชาชื่อนายแทน หัวหน้าแก๊งมาชักชวนล้วงกระเป๋าซึ่งถูกตำรวจจับกุมไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2555 ก่อนหน้านี้ จากนั้นตนเห็นว่ามีรายได้ดีจึงได้ชักชวนนายชาติไปร่วมตระเวนก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ ตามสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ห้างเซ็นทรัลลาดพร้าว ห้างยูเนียนมอล และตามที่ต่างๆ โดยมีรายได้เฉลี่ยวันละ 2,000-14,000 บาท เคยได้มากที่สุดวันละ 60,000 บาท เฉลี่ยรายได้ต่อเดือน 2-3 แสนบาท ทำมานานกว่า 4 ปีแล้ว ส่วนใหญ่ได้ทรัพย์สินมานำเอาทรัพย์สินที่ได้ไปขายต่อและนำเงินเล่นการพนันและเที่ยวเตร่ เบื้องต้นแจ้งข้อหาร่วมกันวิ่งราวทรัพย์ นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดี พร้อมประสานสำนักงานตรวจคนเจ้าเมืองขึ้นบัญชีให้เป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางเข้าในราชอาณาจักรต่อไป หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2013, 08:50:56 PM นาซาเตือนจะเกิดพายุสุริยะ
องค์การบริหารอวกาศและการบินแห่งชาติของสหรัฐ หรือ นาซา ได้เตือนว่า พบจุดดับบนดวง อาทิตย์ ที่มีขนาดใหญ่กว่าโลกถึง 6 เท่า ในเวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง ที่อาจก่อให้เกิดพายุสุริยะ (solar flares) หรือ การระเบิดใหญ่ในชั้นบรรยากาศของดวงอาทิตย์ ที่จะปลดปล่อยพลังงาน อันมหาศาลออกมา จากบริเวณที่มีความเข้มของสนามแม่เหล็กสูงบนดวงอาทิตย์ ซึ่งแม้ว่าจะ พลังงานเหล่านี้จะมาถึงโลก แต่ก็จะถูกลดทอนลงเมื่้อเข้าใกล้โลก เนื่องจากสนามแม่เหล็ก ของโลกช่วยต้านไว้ แต่ยังคงสามารถรบกวนการสื่อสารทางวิทยุ หรือ ทำให้เกิดดินฟ้าอากาศ ปั่นป่วนได้ หอดูดาวอวกาศโซล่าร์ ไดนามิคส์ ของนาซา ได้จับตาการก่อตัวของจุดดับบนดวงอาทิตย์ที่ใช้ เวลาไม่ถึง 48 ชั่วโมง ระหว่างวันอังคารและวันพุธที่ผ่านมา จุดดับบนดวงอาทิตย์ จะเป็นจุด สีดำบนผิวดวงอาทิตย์ ซึ่งที่จริงแล้ว บริเวณดังกล่าวอยู่บนชั้นโฟโตสเฟียร์ของดวงอาทิตย์ ซึ่ง มีอุณหภูมิต่ำกว่าบริเวณโดยรอบ และมีสนามแม่เหล็กที่มีความปั่นป่วนสูงมาก ทำให้เกิดการ ขัดขวางกระบวนการพาความร้อนบนพื้นผิวดวงอาทิตย์ เกิดเป็นพื้นที่ที่มีความเข้มของแสงต่ำ กว่าบริเวณโดยรอบ คณะนักวิทยาศาสตร์ของนาซา ได้พบจุดดับบนดวงอาทิตย์ หลังจากเฝ้าจับตาในช่วงระหว่าง วันที่ 19-20 กุมภาพันธ์ และพบว่ามันค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น จนโตกว่าโลกของเราถึง 6 เท่า หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 22, 2013, 10:30:15 PM Logos Hope จอดที่ท่าเรือคลองเตย
เปิดให้เข้าชมวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2556 -11 มีนาคม 2556 วันอังคาร-เสาร์ เปิด 10.00 น.- 22.00 น. วันอาทิตย์และจันทร์เปิดเวลา 14.00 น.- 22.00 น. Logos Hope ร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลก--- ร้านหนังสือแห่งนี้อยู่บนเรือขนาด 430 ฟุต มีหนังสือกว่า 5000 เล่ม เดินทางไปพบปะนักอ่านทั่วโลกมานานกว่า 8 ปีแล้ว Logos Hope ดำเนินการโดยองค์กรการกุศลเยอรมัน ภารกิจของเรือหนังสือลำนี้คือนำหนังสือราคาถูกไปจำหน่ายให้ชุมชนที่ด้อยโอกาสทั่วโลก ลูกเรือทุกคนไม่มีเงินเดือนแต่จะได้รับประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง ต้องเซ็นสัญญาทำงาน 1-2 ปี และตลอด 8 ปีตั้งแต่เรือหนังสือลำนี้เริ่มเดินเครื่อง ได้ไปเยือนมาแล้วมากกว่า 42 ประเทศ โดยมักจะจอดอยู่ที่ท่าเรือแห่งละประมาณ 2-3 สัปดาห์ ช่วงนี้อาสาสมัครบนเรือจะเข้าไปทำงานกับชุมชนและเปิดให้ผู้สนใจขึ้นไปเยี่ยม ชมเรือได้ แต่รับผู้เข้าชมได้จำกัดครั้งละ 450 คนเท่านั้น ภารกิจสำคัญของเรือนอกจากจะนำหนังสือราคาถูกไปจำหน่ายในพื้นที่ที่หาหนังสือ ยากด้วยราคาจำหน่ายปลีกที่ต่ำกว่าราคาปกแล้ว ยังช่วยจัดตั้งห้องสมุดโรงเรียนในท้องถิ่น สร้างบ้านให้เด็กๆ และองค์กรการกุศลอื่นๆ ตามแต่ความเหมาะสมของสถานที่ที่เดินทางไป นอกจากนี้ ยังมีโครงการให้การศึกษาเกี่ยวกับการป้องกันโรคเอดส์ การฝึกสมรรถภาพทางกาย และอื่นๆ อีกมากมาย ตั้งแต่เริ่มภารกิจมา Logos Hope จำหน่ายหนังสือไปแล้วมากกว่า 3 ล้านเล่มและมีผู้เยี่ยมชมเรือมากกว่า 2.5 ล้านคน อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้าที่จะมี Logos Hope ลำปัจจุบัน เคยมีเรือหนังสือมาแล้ว 2 ลำโดยเริ่มดำเนินการเมื่อปี 1970 เรือลำแรกคือ Logos ลำต่อมาคือ Doulos คงคุ้นๆ กันดี เพราะเคยมาจอดที่ท่าเรือคลองเตย กรุงเทพฯ ปัจจุบันทั้งสองลำปลดประจำการไปแล้วเหลือ Logos Hope ลำเดียวที่ยังทำหน้าที่อยู่ ขณะนี้ (8 มกราคม 2013) เรือจอดอยู่ที่ฮ่องกง ออกจากท่าเรือฮ่องกงวันที่ 22 มกราคมและจะมาอยู่ที่สีหนุวิลล์ กัมพูชาวันที่ 28 มกราคม-16 กุมภาพันธ์ จากนั้นชาวไทยเตรียมพบกับร้านหนังสือลอยน้ำที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ได้ ตั้งแต่ 20 กุมภาพันธ์ - 12 มีนาคม 2013 เป็นโอกาสดีโดยเฉพาะชาวกรุงเทพฯ เมืองหนังสือโลกเชิญไปชมกันได้นะคะ เช็คตารางการเดินเรือที่นี่http://www.gbaships.org/index.php?option=com_content&view=article&id=34&Itemid=39&lang=en รู้จักเรือเพิ่มเติมที่นี่ http://www.gbaships.org/ (http://www.gbaships.org/) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 13, 2013, 10:49:00 AM อุตุฯ เตือน ภาคใต้ฝนหนักมาก-ภาคเหนือ ภาคกลาง มีพายุฝนฟ้าคะนอง
อุตุฯ เตือนใต้ฝนหนักมากคลื่นสูง-เหนือ,กลางมีพายุ (ไอเอ็นเอ็น) กรมอุตุฯ เผย ภาคใต้ตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไปมีฝนหนักมาก ช่วง 13-16 เม.ย. ส่วนภาคเหนือ-กลาง มีพายุฝนฟ้าคะนอง 13-14 เม.ย. ขอประชาชนเฝ้าระวัง กรมอุตุประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา ฉบับที่ 5 เรื่อง "หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง" เนื่องจากหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณทะเลจีนใต้ตอนล่าง ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งประเทศมาเลเซียและตอนล่างสุดของภาคใต้แล้ว และจะเคลื่อนลงสู่ทะเลอันดามันในระยะต่อไป ทำให้ภาคใต้มีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับอ่าวไทยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง จะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และชาวเรือระวังอันตรายจากคลื่นลมแรง ในช่วงวันที่ 13-16 เมษายน 2556 ไว้ด้วย ขณะที่ภาคเหนือ และภาคกลาง ขณะนี้ บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีน ยังคงแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ทำให้บริเวณภาคเหนือ และภาคกลาง มีลักษณะของพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้น ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากสภาวะอากาศดังกล่าว ในช่วงวันที่ 13-14 เมษายน 2556 นี้ อนึ่ง ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ (13-16 เมษายน 2556) บริเวณประเทศไทยตอนบนจะมีฝนตกในระยะแรก (13-14 เมษายน 56) ทำให้อากาศคลายความร้อนอบอ้าวลง คาดว่า จะมีอุณหภูมิในช่วงบ่าย ประมาณ 33-37 องศาเซลเซียส สำหรับภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 13-15 เมษายน 2556 ประกาศ ณ วันที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 05.00 น. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 13, 2013, 10:54:09 AM (http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/c/cf/Songkran_in_Wat_Kungthapao.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มิถุนายน 17, 2013, 01:13:21 PM รอยเตอร์’ระบุ เศรษฐกิจไทยกำลังบูมที่‘ภาคอีสาน’ ไม่ใช่‘กรุงเทพฯ’อีกต่อไป
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ (http://pics.manager.co.th/Images/556000007626901.JPEG) คนงานก่อสร้างกำลังทำงานอยู่ในสถานที่ก่อสร้างศูนย์การค้า 168 แพลตตินัม ในจังหวัดอุดรธานี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา เวลานี้ภาคอีสานของไทยกำลังมีเศรษฐกิจที่เติบโตขยายตัวอย่างรวดเร็ว รอยเตอร์/ASTVผู้จัดการออนไลน์ – สำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่สารคดีที่ชี้ให้เห็นว่า เวลานี้ขณะที่เศรษฐกิจของประเทศไทยโดยรวมกำลังเริ่มชะลอตัวลง แต่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับมีอัตราการเติบโตขยายตัวอย่างสูงลิ่ว จนเป็นที่สนใจจับตาของพวกนักลงทุนและบริษัทธุรกิจทั้งหลาย ทั้งนี้เหตุผลสำคัญประการหนึ่งมาจากปัจจัยทางการเมือง นั่นคือการที่ภาคนี้เป็นฐานของ “คนเสื้อแดง” ที่สนับสนุน “ทักษิณ” อย่างเหนียวแน่น จึงได้รับประโยชน์มากมายจากนโยบายต่างๆ ในยุค “ยิ่งลักษณ์” นอกจากนั้นแล้ว การเดินหน้าของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ก็ยังทำให้ภาคอีสานยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก ในสารคดี (feature) ของรอยเตอร์ที่เขียน พอล คาร์สเทน (Paul Carsten) และ ไพรัตน์ เต็มไพโรจน์ (Pairat Temphairojana) ได้บรรยายให้เห็นภาพว่า ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยเวลานี้ อาคารศูนย์การค้า, โรงงาน, และสถานที่ก่อสร้าง กำลังปรากฏเผยโฉมให้เห็นเคียงข้างไร่นาฟาร์มเกษตร เป็นเสมือนเชื้อเพลิงทางเศรษฐกิจอันทรงพลังในตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ชั้นนำที่สุดแห่งหนึ่งของเอเชีย และถึงแม้อัตราการเติบโตโดยรวมของประเทศไทย ซึ่งเป็นระบบเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังเริ่มที่จะชะลอตัว ทว่าเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือกลับกำลังอยู่ในท่ามกลางความเฟื่องฟู รอยเตอร์บอกว่า การกลับมาฟื้นตัวในทางเศรษฐกิจของภาคอีสาน ซึ่งเป็นภูมิภาคที่ยากจนที่สุดและมีประชากรมากที่สุดของไทย บังเกิดขึ้นเคียงคู่ไปกับประดานโยบายที่มุ่งกระตุ้นการขยายตัว ตั้งแต่การเพิ่มค่าแรงไปจนถึงมาตรการอุดหนุนสินค้าการเกษตร ซึ่งก็กำลังสร้างความมั่งคั่งให้แก่อาณาบริเวณที่อยู่ตรงหัวใจของขบวนการ “เสื้อแดง” ที่หนุนหลังนายกรัฐมนตรี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2011 ในขณะที่ชนชั้นกลางใหม่ๆ กำลังปรากฏโฉมให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนี้ พวกนักลงทุนและบริษัทธุรกิจทั้งหลายจึงกำลังจับจ้องให้ความสนใจ คริส วู้ด (Chris Wood) กูรูด้านตลาดเศรษฐกิจเกิดใหม่ของ ซีแอลเอสเอ (CLSA) หยิบยกภาคตะวันออกเฉียงเหนือนี่แหละ มาเป็นเหตุผลอธิบายว่าทำไมจึงควรวางเดิมพันระยะยาวเอาไว้กับประเทศไทย “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือกำลังเกิดการแสดงฤทธิ์พุ่งพรวดขึ้นไปในทางเศรษฐกิจมหภาค” เขาบอก ศักยภาพของภาคอีสานอาจไม่ปรากฏเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ ถ้าหากพวกโครงการทางด้านโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ารวม 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งกำลังก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างแรงอยู่ในเวลานี้ กลายเป็นตัวรับเคราะห์จากความแตกร้าวลึกล้ำระหว่างพรรคเพื่อไทยของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กับบรรดาฝ่ายค้านทั้งหลาย แต่ถ้าแผนการนี้เดินหน้าต่อไปได้ตามที่คาดหมายกันอยู่ทั่วไปแล้ว มันก็จะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจทั้งหมดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือทีเดียว ราหุล บาจอเรีย (Rahul Bajoria) นักเศรษฐศาสตร์แห่ง บาร์เคลย์ส แคปิตอล (Barclays Capital) ให้ความเห็น “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคือจุดต่อไปที่พวกนักลงทุนและพวกผู้บริโภคจะพากันเข้ามา ถ้าหากสามารถเชื่อมโยงต่อไปถึงจีนได้แล้ว มันจะกลายเป็นจุดเข้าประเทศของประเทศไทยไปเลยทีเดียว ไม่ใช่กรุงเทพฯอีกแล้ว” เขาบอก “แต่มันเป็นเรื่องยากสำหรับระบบราชการที่จะดำเนินโครงการต่างๆ ในขณะที่พวกเขายังไม่รู้ว่าใครจะเป็นผู้ที่อยู่ในอำนาจในเวลาปีหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า” รอยเตอร์ชี้ว่า อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้นกระโจนขึ้นไปถึง 40% นับตั้งแต่ปี 2007 ถึง 2011 นับเป็นการพุ่งพรวดมากที่สุดไม่ว่าจะเทียบกับภูมิภาคไหนของประเทศไทย และจากการสัมภาษณ์สอบถามพวกนักธุรกิจตลอดจนจากข้อมูลการลงทุนก็บ่งบอกว่าแนวโน้มเช่นนี้ยังคงดำเนินต่อไป จำนวนโครงการการลงทุนของภาคเอกชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพิ่มขึ้น 49% ในปี 2012 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยมียอดการลงทุนสูงขึ้นมากว่าเท่าตัว จนอยู่ในระดับ 2,300 ล้านดอลลาร์ (ราว 71,300 ล้านบาท) ทั้งนี้ตามข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย การลงทุนเหล่านี้จำนวนมากกระจุกอยู่ในด้านอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่อาคารคอนโดมีเนียม ไปจนถึงทาวน์เฮาส์ และช็อปปิ้งพลาซ่า “ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีประชากรขนาดใหญ่ มีประชากรที่หนาแน่น ดังนั้นรายได้จึงมีเยอะ” นายนริศ เชยกลิ่น รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทเซ็นทรัลพัฒนาจำกัด (มหาชน) กล่าว โดยที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นที่พำนักอาศัยของประชากรราวหนึ่งในสามของไทยซึ่งมีประชากรทั้งสิ้น 68 ล้านคน ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา เซ็นทรัลพัฒนา ได้เปิดศูนย์การค้ามูลค่า 2,750 ล้านบาทขึ้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเป็นแห่งที่ 3 ของบริษัทในภาคตะวันออกเฉียงเหนือแล้ว **ความเฟื่องฟูเนื่องจากแรงขับดันทางการเมือง** รอยเตอร์ชี้ว่า สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในภาคอีสานเวลานี้ สามารถนำเอาเรื่องปัจจัยทางการเมืองมาอธิบายได้อย่างน้อยก็บางส่วน รัฐบาลยิ่งลักษณ์นั้น ได้ประกาศใช้ค่าแรงขั้นต่ำวันละ 300 บาททั่วทั้งประเทศเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา สำหรับบางจังหวัดทางภาคอีสานแล้วนี่คือการปรับเพิ่มขึ้นถึง 35% จึงจัดอยู่ในพวกจังหวัดที่ได้ค่าจ้างสูงขึ้นมากที่สุด และเป็นการได้เพิ่มขึ้นอีกหลังจากที่มีการขึ้นค่าจ้างกันทั่วประเทศ 40% ไปรอบหนึ่งแล้วในเดือนเมษายน 2012 คนงานจำนวนมาก อย่างเช่นพวกที่กำลังก่อสร้างศูนย์การค้า 168 แพลตินัม มอลล์ ในจังหวัดอุดรธานี เวลานี้ต่างรู้สึกพอใจที่จะเดินทางกลับภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อทำงานซึ่งได้รับค่าจ้างพอๆ กับที่ได้เมื่อทำงานในกรุงเทพฯแล้ว “คนเสื้อแดง” ในภาคอีสาน อยู่ในกลุ่มที่ให้การสนับสนุนอย่างแข็งขันเหนียวแน่นที่สุดต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ซึ่งแม้ลี้ภัยตนเองไปตั้งฐานอยู่ในดูไบ แต่ก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการกำหนดนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อตอนที่เขาครองอำนาจตั้งแต่ปี 2001 นโยบายแบบประชานิยมของเขา ตั้งแต่โครงการรักษาโรคให้ฟรีๆ ในความเป็นจริง ไปจนถึงการให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำสำหรับคนจนในชนบท ได้ทำให้เขากลายเป็นฮีโรในภาคอีสาน คนเสื้อแดงได้กลายเป็นแกนกลางของขบวนการที่ทำให้กรุงเทพฯตกอยู่ในภาวะอัมพาตในช่วงเดือนเมษยน-พฤษภาคม 2010 ด้วยการจัดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนั้น ตลอดจนกลุ่มพลังต่างๆ ที่โค่นล้มขับไล่ทักษิณลงจากอำนาจ การประท้วงตอนนั้นถูกปราบปรามด้วยกำลัง แต่คนเสื้อแดงก็สามารถแก้แค้นในการเลือกตั้งปี 2011 และเวลานี้ก็ได้เห็นรางวัลค่าตอบแทน “ความรุ่งเรืองเฟื่องฟูจำนวนมากเกิดขึ้นในต่างจังหวัด ซึ่งเป็นเพราะแรงขับดันทางการเมือง ส่วนหนึ่ง ก็เพราะที่นั่นคือที่อยู่ของพวกผู้สนับสนุนทักษิณนั่นเอง” วู้ด แห่ง ซีแอลเอสเอ แจกแจง ตามข้อมูลของธนาคารโลก สัดส่วนคนจนในประเทศไทยได้ลดลงมาเหลือเพียงเท่ากับ 13% ของประชากรเมื่อปี 2011 จากที่เคยอยู่ในระดับ 58% ในปี 1990 ทว่าจีดีพีเฉลี่ยต่อหัวในภาคอีสานในปี 2011 ยังคงอยู่ในระดับไม่ถึง 1 ใน 8 ของตัวเลขนี้ในกรุงเทพฯ ซึ่งเท่ากับ 1,600 ดอลลาร์ (ราว 49,600 บาท) ต่อปี ทั้งนี้ตามตัวเลขของสำนักงานพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ภาวะเช่นนี้กำลังเกิดความเปลี่ยนแปลง ด้วยนโยบายต่างๆ ของรัฐบาลที่มุ่งเพิ่มพูนอำนาจซื้อโดยวิธีให้การอุดหนุนแก่ผลผลิตทางการเกษตรต่างๆ เป็นต้นว่า ข้าว, มันสำปะหลัง, และยางพารา ภายใต้รัฐบาลยิ่งลักษณ์ เกษตรกรได้รับเงินค่าข้าวเปลือกตันละ 15,000 บาท ซึ่งพวกผู้ส่งออกบอกว่าสูงกว่าตลาดโลกถึงราว 50% “ทั้งในยุคทักษิณและในยุคยิ่งลักษณ์ มีการให้อะไรเยอะแยะมากมายแก่ภาคอีสาน และกำลังมีเงินเยอะแยะมากมายไหลบ่าเข้าไปในภาคนี้ ซึ่งมากกว่าที่รัฐบาลก่อนๆ เคยใช้จ่ายในภาคอีสานเยอะทีเดียว” นายอิทธิพนธ์ ตรีวัฒนสุวรรณ นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี บอก ชีวิตในภาคอีสานกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลง น.ส.ปัญจพร พัฒนพิฑูรย์ กรรมการผู้จัดการของบริษัทซึ่งเป็นผู้พัฒนาโครงการ 168 แพลตินัม บอกว่า ปัจจุบันประชาชนในภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีการศึกษาที่ดีขึ้นกว่าในอดีต ทัศนคติในเรื่องต่างๆ กำลังวิวัฒนาการไปอย่างรวดเร็ว และเกิดการขยายเขตเมืองในอัตราที่รวดเร็วยิ่งกว่าในกรุงเทพฯเสียอีก **ใครๆ ก็ไปลงทุนในภาคอีสาน** การรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2006 ซึ่งโค่นล้ม พ.ต.ท.ทักษิณตกลงจากอำนาจ ก่อให้เกิดช่วงเวลาแห่งความไม่สงบอยู่หลายปี แต่ความราบรื่นทางการเมืองได้หวนกลับคืนมานับแต่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ชนะการเลือกตั้ง “เมื่อเราเปลี่ยนตัวนักการเมือง พวกเขาก็เปลี่ยนนโยบาย ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงนโยบายเหล่านี้กันยิ่งกว่านี้แล้ว ก็จะทำให้เศรษฐกิจเสียหาย” นายอุทัย อุทัยแสงสุข รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าว บริษัทแสนสิรินั้นกำลังพัฒนาโครงการอาคารคอนโดมีเนียมมูลค่า 127 ล้านดอลลาร์ (ราว 3,937 ล้านบาท) 2 โครงการในจังหวัดขอนแก่นในปี 2013 นี้ และวางแผนสร้างโครงการที่ 3 ซึ่งจะมีมูลค่า 35 ล้านดอลลาร์ (ราว 1,085 ล้านบาท) ในปี 2014 “อย่างน้อยที่สุด 5 ปี แล้วจากนั้นเราก็จะทำอะไรสำเร็จขึ้นมาบ้างอย่างแน่นอน” นายอุทัยบอก ซึ่งมุ่งที่จะเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องสร้างทางรถไฟความเร็วสูง ตลอดจนโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ เวลานี้โครงการดังกล่าวนี้กำลังมีความเป็นไปได้อย่างมาก โดยได้รับแรงกระตุ้นจากน้ำท่วมเมื่อปี 2011 ซึ่งสร้างความหายนะให้แก่เขตอุตสาหกรรมในภาคกลาง ใกล้ๆ กรุงเทพฯ “พวกให้บริการทางโลจิสติกส์ และพวกผลิตภัณฑ์เพื่อผู้บริโภค ต่างกำลังโยกย้ายไปอยู่จังหวัดที่ไกลออกไป สืบเนื่องจากเรื่องน้ำท่วม” นายปธาน สมบูรณสิน ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไทคอน โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด (TPARK) บริษัทด้านโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นกิจการในเครือของ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าว บริษัทของเขากำลังลงทุนเป็นจำนวนที่อาจจะสูงถึง 2,000 ล้านบาทในโครงการศูนย์โลจิสติกส์บนพื้นที่ 79 เอเคอร์ (ราว 197.5 ไร่) ในจังหวัดขอนแก่น ภาคอีสานยังควรที่ได้ประโยชน์จากการที่โรงงานและศูนย์กระจายสินค้ามีการเคลื่อนย้าย เพื่อเป็นการรับมือกับ “ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน” (AEC) ซึ่งมีกำหนดที่จะทำให้สำเร็จภายในปลายปี 2015 หรือปี 2016 ระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Corridor) ของเออีซี ซึ่งจะเป็นเส้นทางหลวงและเส้นทางของโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการค้า จะเริ่มต้นจากเมืองท่าดานัง ในเวียดนาม ผ่านลาว, ไทย, และพม่า ไปจนถึงทะเลอันดามัน โดยที่จะตัดผ่านจังหวัดขอนแก่น เมืองศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือและศูนย์กลางการพาณิชย์ของภาคนี้ โครงการนี้จะสนับสนุนความมุ่งมาดปรารถนาของไทยที่จะวางฐานะตนเองเป็นปากทางเข้าสู่ประเทศจีน โดยอาศัยเครือข่ายถนนและทางรถไฟที่ตัดผ่านลาว โครงการต่างๆ ทางด้านโครงสร้างพื้นฐาน ตลอดจนกระบวนการขยายตัวเมืองซึ่งจะเกิดขึ้นจากโครงการเหล่านี้ ถ้าหากสามารถเดินหน้าไปตามแผนแล้ว ก็จะกลายเป็นตัวสนับสนุนอัตราเติบโตของไทยในอนาคต เครดิต สวิส ระบุเอาไว้เช่นนี้ในรายงานฉบับหนึ่ง อีกทั้ง เครดิต สวิส ยังปรับเพิ่มประมาณการแนวโน้มอัตราเติบโตของจีดีพีไทยในช่วงปี 2014 ถึง 2018 ให้เป็น ระหว่าง 4.5 ถึง 5.0% จากเดิมที่ให้ไว้เพียง 4.2% ดังนั้น จึงไม่น่าประหลาดใจอะไรที่พวกบริษัทผู้ผลิตของไทย เป็นต้นว่า บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน), บริษัทไทยเบฟเวอเรจจำกัด (มหาชน), และเครือปูนซีเมนต์ไทย ตลอดจนพวกบริษัทต่างชาติที่มีโรงงานในเมืองไทย ดังเช่น บริษัทพานาโซนิค คอร์ป, บริษัทคราฟต์ ฟู้ดส์ กรุ๊ป อิงก์, และบริษัทเฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ ล้วนแต่กำลังถูกดึงดูดเข้าสู่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ “ถ้าคุณมองไปที่พวกบริษัทภาคธุรกิจทั้งหลาย พวกบริษัทใหญ่ทุกๆ แห่งต่างก็ไปที่นั่นกันทั้งนั้น พวกเขาไม่พูดเรื่องเกี่ยวกับกรุงเทพฯกันอีกต่อไปแล้ว พวกเขาพูดถึงเรื่องต่างจังหวัด” นายแพตริก ชาง หัวหน้าฝ่ายหลักทรัพย์อาเซียน แห่ง บีเอ็นพี ปาริบาส์ อินเวสต์เมนต์ พาร์ตเนอร์ส ให้ความเห็น “สิ่งที่เซ็กซี่เร้าใจเอามากๆ ก็คือการขยายเขตเมืองในต่างจังหวัด และวิถีทางที่กระบวนการนี้ส่งผลกระทบต่อการบริโภค” หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 20, 2013, 05:28:22 PM กุมิตัน สมุนพระราม Fanpage's photo รถพลังงานไฟฟ้ารุ่น smart fortwo พร้อมด้วยต้นแบบของพาหนะสองล้อพลังงานไฟฟ้าคือ smart ebike และ smart escooter โดย ebike เป็นจักรยานไฟฟ้าที่เริ่มการผลิตไปแล้วเมื่อปีที่ผ่านมา ส่วน escooter มีแผนในการเปิดตัวในราวปี 2014 ขณะนี้ผู้ผลิตบอกว่าจะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจากคันต้นแบบที่มีความเร็วสูงสุด 45 กม./ชม.และมีระยะทางในการใช้งานราว 100 กม. เมื่อสมาร์ทนำต้นแบบรุ่นนี้เข้าสู่การผลิตมีแนวโน้มที่จะนำเอาถุงลมนิรภัยและระบบเบรก ABS เข้ามาใช้ด้วย ส่วนเทคโนโลยีอีกอย่างในคันต้นแบบจะใช้สมาร์ทโฟนติดตั้งอยู่ตรงกลางแฮนด์แทนการใช้หน้าปัดปกติ เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมและเป็นศูนย์กลางของการสื่อสารต่างๆ มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 4 กิโลวัตต์ติดตั้งอยู่ที่ดุมล้อหลัง รับพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนและใช้เวลาในการชาร์จไฟราว 3-5 ชั่วโมง (https://fbcdn-sphotos-a-a.akamaihd.net/hphotos-ak-ash3/p480x480/1394458_415377145229854_1780810845_n.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 06, 2014, 08:50:22 PM จีนเปิด “ศูนย์รับทิ้งเด็ก” อีกแห่ง เผย มีคนนำเด็กมาทิ้งทุกวัน
นครหนันจิงของจีน เปิด "ศูนย์รับทิ้งเด็ก" พ่อแม่ที่ไม่ต้องการลูก สามารถนำเด็กมาทิ้งได้โดยไม่มีใครรู้เห็น เผยนับจากเปิดศูนย์ฯมา มีผู้นำเด็กมาทิ้งเกือบทุกวัน ยืนยันว่าไม่ได้อำนวยความสะดวกแก่พ่อแม่แต่ต้องการรักษาชีวิตเด็ก ที่ประเทศจีน มีการสร้างศูนย์รับทิ้งเด็ก มาก่อนหน้านี้แล้ว โดยสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเมืองสือจยาจวง มณฑลเหอเป่ย ได้เปิดศูนย์บริการรับทิ้งเด็กเป็นแห่งแรกของจีนเมื่อกว่าสองปีที่แล้ว ต่อมา ก็มีเมืองต่างๆ ที่เปิดศูนย์รับทิ้งเด็ก ได้แก่ หนันจิง, ซีอัน และเซินเจิ้น ขณะที่บางเมืองก็มีแผนเปิดศูนย์ฯ ดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่กล่าวว่า การสร้างศูนย์รับทิ้งเด็ก มีจุดประสงค์เพื่อรักษาชีวิตเด็กๆ ที่พ่อแม่ไม่ต้องการ และไม่คิดว่าจะเป็นการส่งเสริมการทิ้งเด็ก โดยล่าสุดกับการเปิดศูฯย์ที่เมืองหนันจิงเมื่อวันที่ 11 ธ.ค. ที่ผ่านมา ก็มีคนนำเด็กมาทิ้งทุกวัน ศูนย์แห่งใหม่เปิดมาตั้งแต่วันที่ 11 ธ.ค. แต่ก็มีเด็กที่ถูกนำมาทิ้งไว้ 10 กว่าคนแล้ว ซึ่งภายในศูนย์รับทิ้งเด็ก ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ อุปกรณ์ตรวจสอบความชื้น ตู้อบทารก เตียง และเทอร์โมมิเตอร์ โดยไม่มีกล้องวงจรปิด หรือ CCTV ดังนั้น จะไม่มีใครรู้ว่าพ่อแม่หรือผู้นำเด็กมาทิ้งเป็นใคร เมื่อพ่อแม่นำเด็กมาทิ้ง อุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์ที่ติดตั้งไว้ จะส่งสัญญาณไปยังสำนักงานสถานเด็กกำพร้าที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ เจ้าหน้าที่สามารถเดินทางมารับเด็กภายใน 5 นาที เจ้าหน้าที่สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้าแห่งหนันจิง หวังว่าวิธีนี้จะช่วยชีวิตเด็กทารก ที่พ่อแม่ไม่ต้องการ และมักนำทิ้งถังขยะ สวนสาธารณะ ถนน และที่สาธารณะต่างๆ ทารกเหล่านี้อาจหนาวตายได้ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 09, 2014, 09:25:25 PM ประมวลภาพ! ความหนาวเหน็บในสหรัฐฯ
ประมวลภาพความหนาวเหน็บที่คงดำเนินต่อไปในอเมริกาเหนือ ท่ามกลางอุณหภูมิติดลบเป็นประวัติการณ์ (http://sin.stb.s-msn.com/i/AC/08AD1DC7EAE672D5DC6223DC88C30_h450_w598_m2_q90_cObSqDmyS.jpg) ประเทศสหรัฐอเมริกา ยังต้องเผชิญกับสภาพอากาศหนาวเย็น ถึงขั้นติดลบทั่วประเทศทั้ง 50 มลรัฐ เนื่องจากปรากฏการณ์ 'polar vortex' คือพายุที่เกิดจากลมหมุนวนในลักษณะทวนเข็มนาฬิกา ด้วยความเร็วสูงบริเวณขั้วโลกเหนือ ซึ่งเป็นผลทำให้เกิดอากาศที่หนาวเย็นปกคลุมไปทั่วภาคพื้นที่โดยรอบของมหาสมุทรอาร์กติก ทั้งนี้บริเวณที่เย็นที่สุดคือ เมืองเอมบาราสส์ รัฐมินนิโซตา อุณหภูมิต่ำกว่าบนดาวอังคารและขั้วโลกใต้ นอกจากนี้ยังมีรายงานว่ามีผู้เสียชีวิตจากสภาพอากาศหนาวเหน็บสุดขีดนี้อย่างน้อย 21 ราย นับจากวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อีกยังทั้งทำให้การคมนาคมในหลายเมือง ต้องตกอยู่ในภาวะอัมพาต โดยในภาพนี้แสงแดดส่องมากจากกระจกของอาคาร ที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง ภายหลังจากที่นักดับเพลิงฉีดน้ำเพื่อดับไฟที่อาคารหลังนี้ ในรัฐเนบราสก้า (http://sin.stb.s-msn.com/i/43/66C170CD4F7FE2BD6E91540492F37_h450_w598_m2_q90_cIQnMVchK.jpg) ก้อนหินของน้ำตกบรู๊คลินกลายเป็นน้ำแข็ง ในนิวยอร์ก (http://sin.stb.s-msn.com/i/D7/29EB796D6881E3B659032D1A43AC3_h450_w598_m2_q90_cTEwFmwys.jpg) ทะเลสาบมิชิแกนกลายเป็นน้ำแข็ง ท่ามกลางอุณหภูิมิืติดลบครั้งประวัติศาสตร์ (http://sin.stb.s-msn.com/i/38/19F6719A66F692DD512726568F233_h450_w598_m2_q90_chkExZwjX.jpg) น้ำค้างที่แข็งตัวอยู่บนกำแพงของป้ายรถเมล์ ในดีทรอยส์ (http://sin.stb.s-msn.com/i/73/53941F84F8AEFCD4B72C4B1DD12_h450_w598_m2_q90_chiyuAVLv.jpg) แท่งน้ำแข็งที่ย้อยลงมา สามารถพบเห็นได้จากกำแพงป้องกันคลื่นทะเลใกล้กับประภาคาร ขณะที่คลื่นเข้าซัดชายฝั่ง (http://sin.stb.s-msn.com/i/AD/B8048B8CEF27CD59414885B02AC_h450_w598_m2_q90_citSxxpuH.jpg) หญิงคนหนึ่งล้มลงขณะที่ลื่นไถลไปบนน้ำแข็ง บนเกาะ Roosevelt ในเขตปกครองของแมนฮัตตัน ในนิวยอร์ก (http://sin.stb.s-msn.com/i/64/CCE78184D9EFD59F3562E8C3B1248_h450_w598_m2_q90_cOPszeqtC.jpg) ภาพท้องฟ้าของเมืองพิตต์สเบิร์ก ท่ามกลางน้ำแข็งที่ปกคลุมแม่น้ำ Allegheny ขณะพระอาทิตย์ตกดิน (http://sin.stb.s-msn.com/i/EB/57CE91307E9751A360A955C4CF29_h450_w598_m2_q90_caIyOAgEr.jpg) เรือลากจูงร่องไปตามแม่น้ำมิสซิซิปปี้ ที่เริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็ง ในรัฐมิสซูรี (http://sin.stb.s-msn.com/i/F9/B40D596C56EEDF349E27771F9D841_h450_w598_m2_q90_ctkCIBwzk.jpg) หมอกปกคลุมท่าเรือบอสตัน และท้องฟ้าในรัฐแมสซาชูเซตส์ (http://sin.stb.s-msn.com/i/FC/D158FAB8212AD4FD958F2B874140DD_h450_w598_m2_q90_caLQWLcuE.jpg) น้ำแข็งปกคลุมก้อนหิน และใบไม้ ที่สวนสาธารณะ Edgewater ในคลีฟแลนด์ (http://sin.stb.s-msn.com/i/38/DC19114E5FE39FFAC263529FDAB513_h450_w598_m2_q90_cGOmYRMKs.jpg) ก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ใกล้กับหาด North Avenue ท่ามกลากฉากหลังท้องฟ้าในชิคาโก (http://sin.stb.s-msn.com/i/A1/D6FA7284739EF2FA3D2BB29322E3_h450_w598_m2_q90_cZkTVBnwz.jpg) น้ำค้างจากไบไม้ที่จับตัวเป็นน้ำแข็ง ที่ตลาด Antique ในแจ็คสันวิลล์ รัฐฟลอริดา (http://sin.stb.s-msn.com/i/74/442FB66B47A6BD2F9B246DA83CF4_h450_w598_m2_q90_cOeXhtnko.jpg) Matt Frame ปัดหิมะออกจารถ Ray Laethem Buick-GMC ในดีทรอยส์ (http://sin.stb.s-msn.com/i/B4/2068501652895319F1A035EC686DA3_h450_w598_m2_q90_cbUtxlhPa.jpg) น้ำแข็งก่อตัวขึ้นไปตามทะสาบมิชิแกน ในชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ (http://sin.stb.s-msn.com/i/75/B8C1B7BA2B0695027E3E562339412_h450_w598_m2_q90_cqfaGBOep.jpg) ผู้โดยสายที่กำลังเดินทางไปยังย่านดาวน์ทาวน์ ของเมืองชิคาโก ยืนรออยู่ที่ชานชลาของสถานีรถไฟ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 09, 2014, 09:34:54 PM ภาพระทึก! ภูเขาไฟซินาบุงประทุ อินโดฯนับหมื่นอพยพหนี
ภูเขาไฟซินาบุง ในอินโดนีเซีย ยังคงปะทุพ่นเถ้าถ่านและก๊าซออกมาอย่างรุนแรง ต่อเนื่องมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ประชนกว่า 20,000 ต้องอพยพออกจากพื้นที่ (http://sin.stb.s-msn.com/i/28/1BB361B25E0BFA52EEAB3F1B7915_h498_w598_m2.jpg) ภูเขาไฟซินาบุงของอินโดนีเซียยังคงปะทุพ่นเถ้าถ่านและก๊าซออกมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้ประชาชนกว่า 22,000 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือนไปอยู่ในค่ายพักชั่วคราว เมฆหมอกอันเกิดจากแก๊สร้อนที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟซินาบุง แผ่รัศมีกว้างไกลถึงเกือบ 5 กิโลเมตร ส่งผลให้ชาวบ้านหลายหมื่นคนที่อาศัยอยู่โดยรอบเชิงเขา ต้องอพยพหนีภัยไปอยู่ในศูนย์พักพิง 33 แห่ง เป็นการชั่วคราว และยังไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับไปยังบ้าน ขณะที่ศูนย์อพยพเริ่มเกิดปัญหาขาดแคลนสิ่งจำเป็นในการยังชีพแล้ว ภูเขาไฟซินาบุง มีความสูง 2,460 เมตร อยู่ในจังหวัดสุมาตรา เริ่มปะทุเมื่อปี 2553 หลังจากสงบนิ่งมานานถึงกว่า 400 ปี และเริ่มปะทุรุนแรงขึ้นอย่างผิดสังเกตเมื่อเดือน ก.ย.ปีที่แล้วเป็นต้นมา ส่งผลให้พื้นที่เกษตรโดยรอบภูเขาไฟและใกล้เคียงได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ทั้งนี้ ภูเขาไฟซินาบุง เป็นหนึ่งในภูเขาไฟจำนวน 130 ลูก ที่ยังไม่สงบนิ่งในอินโดนีเซีย สำหรับภูเขาไฟในอินโดนีเซียที่ระเบิดรุนแรงที่สุดในระยะไม่นานมานี้ ได้แก่ ภูเขาไฟเมราปี ที่ระเบิดขึ้นเมื่อปี 2553 คร่าชีวิตชาวเมืองยอกยาการ์ตา ในจังหวัดชวากลาง ไปถึงกว่า 350 คน. (http://sin.stb.s-msn.com/i/52/4D147E75B106B967211126F157CA7_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/CA/3828704D4BBDE12D52C88FD945E5B8_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/15/CF587AB524FB7169F57B84A9C09477_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/5E/83BEAE04BB1DFAC22C68BABFC590_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/89/A6B1C1F911A85ECD373EEB4D96F_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/10/D64E9D745557392565632990EFB6F8_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/BC/A3F5B30B5EE37ADC79D4976AB35C4_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/13/B86A7B2CD94C6B6F2743AF32AE945_h498_w598_m2.jpg) (http://sin.stb.s-msn.com/i/98/70A82D8EA1F3B77F7382D8361A7D65_h498_w598_m2.jpg) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 09, 2014, 08:01:08 PM รำลึกความทรงจำ ครบ 100 ปี "สนามบินดอนเมือง"
ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ศูนย์กลางการเดินทางด้วยอากาศยานสำหรับคนกรุงเทพฯจะมีอายุครบ 100 ปีในวันที่ 8 มีนาคมนี้ หลังจากวันเดียวกันเมื่อพ.ศ. 2457 นายทหาร 3 นายนำเครื่องบินจากสนามบินสุวรรณภูมิมาลงที่สนามบินดอนเมืองเป็นเที่ยวบินปฐมฤกษ์ครั้งแรกของ "สนามบินดอนเมือง" ท่าอากาศยานดอนเมืองถือเป็นรากฐานการบินและเป็นหนึ่งในสนามบินที่สร้างขึ้นเป็นลำดับแรกๆของประเทศไทยผ่านการเปลี่ยนแปลงและสถานการณ์ต่างๆมาหลายครั้งโดยภายหลังกองทัพเข้ามาปรับปรุงในช่วงแรกสนามบินถูกใช้ชื่อว่า "สนามบินดอนเมือง" จนเมื่อปีพ.ศ.2498ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น"ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ"หลังบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 28 กันยายน 2549 "ท่าอากาศยานกรุงเทพฯ" จึงเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น "ท่าอากาศยานดอนเมือง" เมื่อช่วง 2550 ประชาชนชาวไทยยังจำช่วงเวลาการประกาศปรับเปลี่ยนการบริการสนามบินหลังบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) (ทอท.) เปิดใช้งานท่าอากาศยานสุวรรณภูมิอย่างเป็นทางการ ช่วงรอยต่อการเปลี่ยนผ่านมีประชาชนจำนวนมากมาเก็บภาพบรรยากาศสนามบินดอนเมืองในคืนวันที่ 27 ก.ย.ก่อนสนามบินดอนเมืองเปลี่ยนรูปแบบไปให้บริการเครื่องบินส่วนตัวและเครื่องเช่าเหมาลำล่วงเลยมาจนถึงช่วงที่กลับมาใช้งานอีกครั้งสนามบินดอนเมืองยังเคยประสบปัญหาน้ำท่วมเมื่อปลายปี2554 แม้ว่ารัฐบาลจะไม่สามารถป้องกันสนามบินดอนเมืองซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยไว้ได้จนต้องถอยไปใช้สำนักงานบริษัทปตท.จำกัด(มหาชน) แต่หลังสถานการณ์น้ำท่วมคลี่คลายหลายฝ่ายเร่งกลับมาบูรณะซ่อมแซมรันเวย์ที่ถูกน้ำท่วมจนสามารถกลับมาให้บริการปกติได้จนถึงวันนี้ ปัจจุบันสนามบินดอนเมืองได้รับการพัฒนาปรับเปลี่ยนให้เป็นท่าอากาศยานรองรับสายการบินต้นทุนต่ำตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อปี2555โดยว่าที่เรืออากาศโทจตุรงคพลสดมณีผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมืองบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภายหลัง ทดม.เปิดให้บริการเต็มรูปแบบอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2555 ท่าอากาศยานใช้อาคารผู้โดยสารอาคาร 1 ให้บริการ โดยทดม.มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้ 18.5 ล้านคนต่อปี และในปัจจุบันมีสายการบิน Low Cost ที่ทำการบินประจำ จำนวน 7 สายการบิน ได้แก่ สายการบินไทยแอร์เอเชีย, สายการบินอินโดนีเซียแอร์เอเชีย, สายการบินแอร์เอเชีย, สายการบินโอเรียนท์ไทย, สายการบินนกแอร์, สายการบินไทยไลอ้อนแอร์ และสยาม จีเอ ว่าที่เรืออากาศโท จตุรงคพล เปิดเผยอีกว่า ท่าอากาศยานยังมีศักยภาพและมีโอกาสรองรับการเติบโตสำหรับเส้นทางการบินในภูมิภาคได้อีกมาก ขณะที่ปีนี้ ทดม.ยังมีแผนพัฒนาปรับปรุงพื้นที่อีกหลายรายการ มีเป้าหมายให้ทดม.รองรับผู้โดยสาร 30 ล้านคนต่อปีภายในปี 2559 และปรับปรุงระบบบริหารจัดการทั้งผู้โดยสารภายในประเทศทั้งขาเข้าและขาออกให้สะดวกและบริการรวดเร็วขึ้น ในช่วงสถานการณ์การเมืองช่วงหลายปีที่ผ่านมาสนามบินดอนเมืองมักถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการของหลายฝ่าย โดยปลายปี 2551 กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดท่าอากศยานดอนเมืองเพื่อกดดันนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีในตอนนั้นให้ออกจากตำแหน่ง แม้เหตุการณ์ช่วงนั้นจะค่อนข้างตึงเครียดแต่สุดท้ายสถานการณ์ก็คลี่คลายหลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคพลังประชาชนและอีก 2 พรรคเป็นผลให้นายกฯพ้นจากตำแหน่ง ปัจจุบันท่าอากาศยานยังสามารถให้บริการอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจำนวนผู้โดยสารส่วนเที่ยวบินระหว่างประเทศจะลดลงในช่วงเหตุการณ์วุ่นวายแต่สำหรับผู้โดยสารในประเทศยังมีสถิติเพิ่มขึ้นจากเหตุผลหลายปัจจัยทั้งจากเรื่องบริการที่หลากหลายจากสายการบินและเรื่องแรงดึงดูดในประเทศอื่นๆเช่นการลงทุนและการท่องเที่ยว ระยะเวลาหนึ่งทศวรรษของสนามบินดอนเมืองผ่านร้อนผ่านหนาวและผ่านน้ำมาหลายระลอกหลังจากนี้ท่าอากาศยานดอนเมืองจะยังเดินหน้าปรับปรุง และพัฒนาเหมือนเช่นที่ผ่านมา สำหรับวาระครบรอบ 100 ปีของ ทดม. ท่าอากาศยานยังมีจัดกิจกรรมต่อเนื่องตลอดปีและจะมีการเปิดงานครบรอบ 100 ปีในวันที่ 8 มีนาคม 2557 ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ในงานมีกิจกรรม การแสดง และนิทรรศการที่ให้ข้อมูลแก่ผู้ใช้บริการถือเป็นการร่วมรำลึกความทรงจำการเดินทางที่ผ่านมาไปพร้อมๆกัน หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 25, 2016, 01:41:54 PM (https://scontent.fbkk7-1.fna.fbcdn.net/hphotos-xta1/v/t1.0-9/13077018_1063965253689738_362886071582475827_n.jpg?oh=bd4908345f3bc9c47d56c6747be2d924&oe=57B5B41A)
https://www.youtube.com/watch?v=4A4IP0R9Kks (https://www.youtube.com/watch?v=4A4IP0R9Kks) พระเจ้าอยู่หัว.เศรษฐกิจพอเพียง.2541 เศรษฐกิจพอเพียงใน ประเทศ "ติมอร์-เลสเต" อ.สุภาค์พรรณ เริ่มอธิบายถึงชื่อประเทศติมอร์เลสเต ว่า ก่อนหน้านี้ เราจะได้ยินชื่อติมอร์ตะวันออก แล้วต่อมาทำไมถึงเรียก ติมอร์เลสเต คงต้องบอกว่า จะเรียกชื่อไหนก็ไม่ผิด เพราะคำว่า เลสเต เป็นภาษาโปรตุเกส แปลว่า ตะวันออก ซึ่งก่อนหน้านี้ ติมอร์เลสเต อยู่ภายใต้อินโดนีเซีย และอินโดฯก็เรียกว่า อีสต์-ติมอร์ คนไทยบางคนก็เรียกทับศัพท์ว่า อีสต์-ติมอร์ แต่ส่วนตัวเรียก ติมอร์ตะวันออก และเมื่อมีการเปลี่ยนชื่อเป็นติมอร์เลสเต เราจะเรียกติมอร์ตะวันออกก็ไม่ผิด “อยากให้คนไทยเปิดใจรับติมอร์เลสเต เพราะได้ยื่นใบสมัครขอเข้าเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนลำดับที่ 11 ซึ่งเมื่อติมอร์เลสเตได้เข้าเป็นประเทศสมาชิกอาเซียนแล้ว เราก็จำเป็นต้องรู้ว่าติมอร์เลสเตเป็นมาอย่างไร คนติมอร์เลสเตเป็นอย่างไร ฐานะทางเศรษฐกิจ การเมือง เป็นอย่างไร ที่หาอ่านภาพรวมได้จากหนังสือเล่มนี้ (The ASEAN Way ชุด ติมอร์เลสเต) ซึ่งบอกที่มาว่า ติมอร์เลสเตมีที่มาอย่างไร มาอยู่ภายใต้โปรตุเกส 400 ปี เป็นอย่างไร อยู่ภายใต้อินโดนีเซียอีก 30 ปี เป็นอย่างไร กว่าจะได้เอกราช จะมีประวัติความเป็นมา เอกลักษณ์ของชาติ โดยเฉพาะเรื่องสกุลเงิน” เมื่อถามถึงศาสนาที่ชาวติมอร์เลสเตนับถือ อ.สุภาค์พรรณ อธิบายอีกว่า ชาวติมอร์เลสเตอยู่ภายใต้โปรตุเกสมานานจึงทำให้ชาวติมอร์เลสเตส่วนใหญ่เป็นชาวคริสต์ จึงมีความแตกต่างจากชาวอินโดนีเซียส่วนใหญ่ ถ้าดูตามแผนที่ จะเห็นว่า ติมอร์เลสเต อยู่ชิดทางฝั่งออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์ มากกว่า ทางเกาะชวาที่เป็นที่ตั้งของเมืองหลวงอินโดนีเซีย ทั้งนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ติมอร์เลสเต เป็นคนพื้นเมืองที่มีอธิปไตยเป็นของตนเอง เมื่อโปรตุเกสเข้ามาปกครองถึง 400 ปี ระหว่างนั้น มีการคบค้าสมาคม พ่อค้าจากจีน จาก เนเธอร์แลนด์มาตั้งรกร้าง มาค้าขาย จึงทำให้มีความหลากหลาย แต่ส่วนใหญ่ก็จะมีเชื้อสายโปรตุเกส จึงนับถือศาสนาคริสต์ แต่ไม่ใช่คริสต์เหมือนทางยุโรป จะเป็นคริสต์ที่นำมาผสมผสานกับวัฒนธรรมพื้นเมือง โดยเฉพาะความเชื่อเรื่องจิตวิญญาณ ความเชื่อเรื่องสิ่งที่มองไม่เห็นนี้ก็ยังมีอยู่ อีกทั้งบุคลิกภาพคนติมอร์เลสเตก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับคนอินโดนีเซียเลย หากใครเคยไปก็อาจจะคิดไปได้ว่า กำลังอยู่ในประเทศโปรตุเกส ฉะนั้น เมื่ออินโดนีเซียมาบุกยึด ก็ไม่สามารถจะผสมกลมกลืนได้เลย เมื่อถามถึงภาษาของติมอร์เลสเต อ.สุภาค์พรรณ เล่าต่อไปว่า ไม่ว่าแต่ละท้องถิ่นจะมีภาษาของตัวเอง แต่ก็ต้องพูดบาฮาซ่าอินโดนีเซียให้ได้ทุกคน อย่างไรก็ตาม คนติมอร์เลสเตจะพูดภาษาโปรตุเกส และภาษาเตตุง ที่มีความคล้ายภาษาโปรตุเกส ได้อีกด้วย เวลาติดต่อราชการก็ต้องพูดภาษาอินโดนีเซีย หากพูดกันเองก็จะพูดโปรตุเกสหรือเตตุง “ชนชาติแรกในหมู่เกาะอินโดนีเซีย ก็คือ คนมลายู ชาวติมอร์เลสเต ก็เช่นกัน ชนชาติแรกก็เป็นชาวมลายู ความมลายูยังคงอยู่ แม้จะมาอยู่ภายใต้โปรตุเกส อินโดนีเซีย หรือ มีชาวจีน อินเดีย มาทำการค้า มาแต่งงาน มีการผสมผสานทางวัฒนธรรม แม้พื้นเพจะเป็นคนมลายู แต่ปัจจุบัน ภาพเหล่านั้นก็เลือนไปแล้ว เวลาพูดถึงติมอร์ก็บอกว่าคนติมอร์ แต่ดั้งเดิมก็คนมลายูนี่เอง ถ้าตอนที่หลุดจากโปรตุเกส 1942 ญี่ปุ่นเข้ามายึดแทน 3 ปี ซึ่งหากอินโดนีเซียไม่เข้ามายึด ก็คงไม่มีทางที่จะมีวัฒนธรรมหรือภาษาอินโดนีเซียเข้ามาในติมอร์เลย” อ.สุภาค์พรรณ เล่าต่อไปอีกว่า หลังจากติมอร์เลสเตประกาศเอกราชปี ค.ศ. 2002 อาเซียนยินดีต้อนรับเข้าประเทศสมาชิกอย่างเต็มที่ เพราะด้วยพื้นที่เข้าข้อกำหนดจะสามารถเป็นสมาชิกประเทศอาเซียนได้ แต่ติมอร์เลสเตในตอนนั้น ก็คิดว่า อยู่ภายใต้โปรตุเกสมานาน ก็น่าจะไปในแนวคนยุโรป คนตะวันตก จึงได้ปฏิเสธไม่เข้าอาเซียน เพราะเข้าใจว่า ด้วย การเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรม น่าจะเข้าไปทางเอเชียแปซิฟิก ไปทางออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แต่เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ทางกายภาพทางเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ และการเมือง เศรษฐกิจ วัฒนธรรมจริงๆ ไม่ใช่แนวตะวันตก ทางออสเตรีเลีย นิวซีแลนด์ จึงไม่ได้อ้าแขนรับอย่างที่คิด จึงต้องยื่นใบสมัครเข้าเป็นสมาชิกประเทศอันดับที่ ๑๑ เมื่อปลายปี ๒๕๕๔ นอกจากนี้ ชาวติมอร์เลสเต ยังมีความสัมพันธ์อันดีกับคนไทย โดยเฉพาะทหารตำรวจไทย ซึ่งในช่วงที่ลงประชามติเพื่อเอาเอกราช ก็เกิดการจลาจลรุนแรง รัฐบาลอินโดนีเซียได้ขอร้อง UN ส่งกองกำลังรักษาสันติภาพ ซึ่งมีทหารไทยเข้าร่วมด้วย หรือแม้แต่คณะช่วยเหลือ ที่ไทยจะส่งทหารไปทำงานโยธา งานพยาบาล และตั้งโครงการมนุษยธรรม โครงการแพทย์ อาหารกลางวันสำหรับเด็ก และนำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปให้ชาวติมอร์เลสเตได้รู้จักการทำไร่นาสวนแบบผสม เช่น การทำปุ๋ยอินทรีใช้เอง หลักเศรษฐกิจพอเพียง จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ชาวติมอร์เลสเตได้รู้จักการพึ่งพาตนเอง http://mcot-web.mcot.net/ (http://mcot-web.mcot.net/)…/con…/id/554c7760be0470d0a68b474e… ---------- ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต ภาพรวมความสัมพันธ์ทั่วไป - ไทยและติมอร์-เลสเต มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไทยให้ความช่วยเหลือติมอร์ฯ ด้านการรักษาความมั่นคงและสันติภาพ ตั้งแต่ปี ๒๕๔๒ โดยได้ส่งกองกำลังทหารเข้าร่วมในกองกำลัง International Force in East Timor (INTERFET) ตามคำขอของประธานาธิบดีอินโดนีเซียระหว่างปี ๒๕๔๒-๒๕๔๓ เพื่อประสานงานระหว่างรัฐบาลอินโดนีเซียและสหประชาชาติในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในติมอร์ฯ และส่งเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจเข้าร่วมปฏิบัติการรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในติมอร์ฯ อย่างต่อเนื่อง ผู้นำติมอร์ฯ มีทัศนคติที่ดีต่อไทย และกองกำลังทหารไทยได้รับการยอมรับจากชาวติมอร์ฯ อย่างมาก โดยเฉพาะในกิจการด้านพลเรือนซึ่งมุ่งเน้นการฝึกฝนให้ชาวติมอร์ฯ สามารถพึ่งตนเองได้ - ความร่วมมือระหว่างไทยกับติมอร์ฯ เน้นให้ความสำคัญกับด้านเศรษฐกิจ พลังงานและเกษตรกรรม ติมอร์ฯ มีทรัพยากรด้านพลังงานอุดมสมบูรณ์ จึงมีศักยภาพเป็นแหล่งพลังงานให้แก่ไทยได้ ในขณะที่ติมอร์ฯ ประสงค์จะเรียนรู้ประสบการณ์ของไทยในการบริหารจัดการและการจัดตั้งบริษัทเอกชนด้านพลังงานจากบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และความเชี่ยวชาญด้านเกษตรกรรมของไทย ได้แก่ การพัฒนาพันธุ์ข้าว และการประมง - ไทยดำเนินนโยบายการทูตเพื่อสนับสนุนการพัฒนาติมอร์ฯ อย่างต่อเนื่อง โดยไทยได้ให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการแก่ติมอร์ฯ ผ่านสำนักงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศ (สพร.) ตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ ผ่านการให้ทุนฝึกอบรม/ดูงาน ทุนศึกษาระดับปริญญาโทในสาขาต่าง ๆ รวมทั้งการจัดทำโครงการหมู่บ้านต้นแบบตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง (Self-Sufficiency Village Model) ในจังหวัดดิลีและอะลิ่ว และการส่งผู้เชี่ยวชาญไทยเดินทางไปปฏิบัติงานที่ติมอร์ฯ ในโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ไทยให้การสนับสนุนการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์ฯ โดยเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ -------------------------------------------------------- ๑๓ มกราคม พุทธศักราช ๒๕๕๒ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จออก ณ พระตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทรงรับนายโฮเซ รามอส-ฮอร์ตา ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยติมอร์-เลสเต และคณะ ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx (http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx)… ----------- ข่าวกิจกรรมกระทรวงฯและสถานทูต : การเยี่ยมชมโครงการพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เมืองเฮรา ประเทศติมอร์-เลสเต เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ๒๕๕๘ นางสาวบุษกร พฤกษพงศ์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงดิลี พร้อมด้วยนายซัดดัม สะแต อาสาสมัครโครงการพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และนาย GuilhermeViana Freitas ปฏิบัติหน้าที่ล่าม เยี่ยมชมโครงการพัฒนาหมู่บ้านต้นแบบตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่เมืองเฮรา ประเทศติมอร์-เลสเต โดยโครงการดังกล่าวอยู่ภายใต้แผนงานความร่วมมือเพื่อการพัฒนาไทย-ติมอร์-เลสเต ระยะเวลา ๓ ปี โดยกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ ในโอกาสนี้เอกอัครราชทูตได้พบและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับนาย Alex หัวหน้าชุมชนเมืองเฮรา และนาย Joseเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรติมอร์ฯโดยนาย Alexได้รายงานว่า ตนเป็นผู้นำชุมชนดูแลโครงการนี้มา ๒ ปีแล้ว ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากประเทศไทยและนำมาเผยแพร่ให้สมาชิกของโครงการได้เรียนรู้ และนำไปปฏิบัติ ส่งผลให้การเพาะปลูกพืชผักเป็นไปอย่างเป็นระบบ ปัจจุบันมีสมาชิก ๒๙ คน และสามารถสร้างรายได้ให้แก่สมาชิกเดือนละประมาณ ๒๐๐ - ๔๐๐ ดอลลาร์สหรัฐ รวมทั้งได้ใช้บริโภคในครัวเรือนด้วย นอกจากนี้ สมาชิกในชุมชนได้เรียนรู้การทำกล้วยอบแห้งจากผู้เชี่นวชาญชาวไทยเพิ่มรายได้ด้วยอีกทางหนึ่ง http://www.mfa.go.th/ (http://www.mfa.go.th/)…/57522-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0… ----------------------------------- ดร.ฟาสติโน คอร์โดโซ และอาจารย์ โยฮันเนส อัสโบโก้ 2 นักวิชาการ มหาวิทยาลัยแห่งชาติติมอร์-เลสเต ระบุ ได้ศึกษาและนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้กับสังคมชาวติมอร์-เลสเต (หรือติมอร์ตะวันออกเดิม) เคยนำเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปขับเคลื่อนในหมู่บ้าน มีการร่วมมือกันและมีการตั้งกลุ่มสหกรณ์ ออมทรัพย์โดยใช้กรณีศึกษาที่มาจากเมืองไทย ผ่านไป 4 ปีกลุ่มเศรษฐกิจพอเพียงยังคงดำรงอยู่และมีกิจกรรมต่างๆ ที่มีความก้าวหน้าพอสมควร ขณะที่สมาชิกมีจำนวนมากขึ้นหลังจากที่เห็นผลจากการทำงาน http://www.virtualdepots.com/ (http://www.virtualdepots.com/)…/im…/cardoso-and-usboko-th.jpg . หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 28, 2016, 06:42:29 PM คนปลายซอย จันทร์ที่ ๒๘ กันยายน ๒๕๕๘
เวทีโลก"เปลี่ยน"เวทีประเทศ เมื่อข่าวคราวอื้ออึง จากอเมริกามาถึงบางกอกว่า นายกฯลุงตู่กำลังเพริดกับแสงสีและไออุ่นแฟนๆที่ล้นหลามเกินหน้า-เกินตาในนิวยอร์ค ก็อยากปลอบใจแฟนคลับในเมืองไทยว่า...อย่าน้อยอก-น้อยใจกันไปเลยนะ! ทำไงได้ล่ะ ในเมื่อ"นายกฯที่ไม่ได้มาจากเลือกตั้ง"คนนี้ ไม่คอร์รัปชั่น-ไม่ล้มสถาบัน-ไม่หลอกประชาชนไปเป็นฐานการเมือง เพื่อใช้อำนาจรัฐลอกประโยชน์ชาติ ไปต่อยอดรวยตระกูลโกงตัวเอง แล้วจะไม่ให้ ไทย-เทศ แห่ห้อมสรรเสริญได้ไง? อีก ๒-๓ วัน ลุงตู่ก็ แบค ทู ไทยแลนด์ ทันมาดู"นาดาล-โจโควิช"ดวลแรกเก็ตกัน ที่อินดอร์สเตเดี้ยม หัวหมาก ๒ ตุลา. รายการนี้ ต้องชมทรู กับซีพี เขาหน่อย นัยว่า"ทุ่มทุนจัด"เพื่อสร้างสีสันบรรยากาศประเทศไทย"ปลอดภัย-น่าอยู่-น่าเที่ยว"เป็นพิเศษ หลังจากเรื่องร้ายๆผ่านไป ก็ดีครับ..... ทำให้สมกับที่ไทยเรา ได้รับการโหวตจากผู้แทนแต่ละประเทศ กลุ่ม G 77 ด้วยมติเอกฉันท์...... "๑๓๔ ประเทศ ยกให้ไทยเป็นประธานกลุ่มในวาระปี ๒๕๕๙!" การประชุมโหวตครั้งนี้ นายบัน คี มุน เลขาฯยูเอ็น นายโมนส์ เลิคเคทอฟ ประธานสมัชชายูเอ็น รัฐมนตรีและผู้แทนจาก ๑๓๔ ประเทศสมาชิก เข้าประชุมครบ G 77 ก่อตั้งมา ๕๑ ปี........ ที่เรียก G 77 เพราะแถลงการณ์ร่วมกันครั้งแรก ๗๗ ประเทศ และครั้งนี้ เป็นครั้งแรกของไทยในรอบ ๕๑ ปี ที่ได้เป็นประธานกลุ่ม รู้ๆเห็นๆกันทั้งโลกคาตาขนาดนี้.......... อย่างนี้ ไม่ต้องคุยก็ได้เนอะ ว่า"นายกฯที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง"ที่ชื่อ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ของไทยคนนี้ ประชาสังคมโลก ๑๙๓ ประเทศ"ในองค์แห่งสหประชาชาติ" เขารังเกียจ.... หรือ ยินดีต้อนรับ และให้เกียรติสูงสุด!? นี่คือการแสดงถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยบนเวทีโลกและเวทีระหว่างประเทศ และนี่คือคำตอบ"เนื้อหา"การบริหาร อันมีประชาชนเป็น"ศูนย์กลาง"ที่ประจักษ์ โดยรัฐบาลคสช. "ประชาธิปไตย-เผด็จการ"วันนี้ กำลังตกผลึกทางเป็นจริงว่า..."ก็แค่ระบบ-ระบอบหนึ่ง"ที่คนมีอิทธิพลกลุ่มหนึ่งบัญญัติขึ้น เป็นแค่รูปแบบ.... มิใช่คำตอบของเนื้อหาที่ประชาชน-ประชาโลกไขว่หาแท้จริง!? ที่ไทยได้รับความเชื่อมั่นและให้เกียรติเป็นประธาน G 77 ครั้งนี้ ในความคิดเห็นผม ส่วนหนึ่งต้องยกให้เป็นผลงาน จากการทำงานหนักของ"คุณวีรชัย พลาศรัย"เอกอัครราชทูตผู้แทนชาวไทยประจำสหประชาชาติ"คนนี้ และอ้อ...ดอน...ที่ไม่ใช้"ดอน กีโฆเต้".......... หากแต่เป็น"ดอน ปรมัตถ์วินัย"รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ! ทั้ง ๒ ท่านนี้ ถือเป็นทรัพยากรบุคคลแห่งกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นคู่บุญรัฐบาลคสช.เพื่อประเทศชาติแท้จริง เบื้องหลังของความสำเร็จ"ทุกอย่าง"ที่ออกมาเป็นภาพสวยและสง่างามในนามไทยในเวทีสหประชาชาติวันนี้ ต้องช่วยกันปราบมือให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศเขาด้วยนะครับ! ในการประชุมโหวต ๑๓๔ ประเทศนั้น ท่านทูต"อภิชาติ ชินวรรโณ"เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงปารีส ที่จะขึ้นเป็นปลัดกระทรวงการต่างประเทศ ๑ ตุลา.นี้ ท่านเข้าประชุมในฐานะตัวแทนประเทศไทย เห็นมั้ย...งานนี้ คนกระทรวงต่างประเทศ ในนาม"ทีมไทยแลนด์"ช่วยกันปิดทองหลังพระได้อร้าอร่ามถึงใจจริงๆ! เอ้า...ทำความรู้จัก"G 77"กันซัก ๓-๓ คำ........ เป็นกลุ่มประเทศ"กำลังพัฒนา"รวมตัวเป็นพันธมิตรกัน เพื่อสร้างขีดความสามารถ เพื่อต่อรองกับกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว คือกลุ่มประเทศจักรวรรดินิยมอำนาจทางเศรษฐกิจนั่นแหละ G 77 เป็นกลุ่มใหญ่สุดในสหประชาชาติ และเป็นกลุ่มระดับรัฐบาล ไม่ใช่พวกสัมภเวสีกิ๊กก๊อกอย่างฮิวแมนไรช์อะไรนั่น! ๑๓๔ ประเทศ กลุ่ม G77 มีประเทศไหนบ้าง เพื่อนักเรียนไปต้องเสียเวลาค้น จดไว้เลยนะ ๑.อัฟกานิสถาน ๒.แอลจีเรีย ๓.อาร์เจนตินา ๔.เบนิน ๕.โบลิเวีย ๖.บราซิล ๗.เบอกินา ฟาโซ ๘.ประเทศกัมพูชา ๙.แคเมอรูน ๑๐.แอฟริกากลาง ๑๑.ชาด ๑๒.ชิลี ๑๓.โคลอมเบีย ๑๔.คองโก (กินชาซา) ๑๕.15 คองโก(บราซซาวิ) ๑๖.คอสตาริกา ๑๗.คิวบา ๑๘.โดมินิกัน ๑๙.เอกวาดอร์ ๒๐.อียิปต์ ๒๑.เอลซัลวาดอร์ ๒๒.เอธิโอเปีย ๒๓.กาบอง ๒๔.กานา 25. กัวเตมาลา ๒๖.กินี ๒๗.ไฮติ ๒๘.ฮอนดูรัส ๒๙.อินเดีย 30.อินโดนีเซีย ๓๑.อิหร่าน ๓๒. อิรัก ๓๓.จาเมกา ๓๔.จอร์แดน ๓๕.เคนยา ๓๖.คูเวต ๓๗.ลาว ๓๘.เลบานอน ๓๙.ไลบีเรีย ๔๐.ลิเบีย ๔๑.มาดากัสการ์ ๔๒.มาเลเซีย ๔๓.มาลี ๔๔.มอริเตเนีย ๔๕.โมร็อกโก ๔๖.เมียนมาร์ ๔๗.เนปาล ๔๘.นิการากัว ๔๙.ไนเธอร์ ๕๐.ไนจีเรีย ๕๑.ปากีสถาน ๕๒.ปานามา ๕๓.ปารากวัย ๕๔.เปรู ๕๕.ฟิลิปปินส์ ๕๖.รวันดา ๕๗.ซาอุดิอาราเบีย ๕๘.เซเนกัล ๕๙.เซียร์ราลีโอน ๖๐.โซมาเลีย ๖๑.ศรีลังกา ๖๒.ซูดาน ๖๓.ซีเรีย ๖๔.แทนซาเนีย ๖๕.ไทย ๖๖.ไป ๖๗.ตรินิแดดและโตเบโก ๖๘.ตูนิเซีย ๖๙.ยูกันดา ๗๐.อุรุกวัย ๗๑.เวเนซุเอลา ๗๒.เวียดนาม ๗๓.เยเมน ๗๔.แองโกลา ๗๕.แอนติกาและบาร์บูดา ๗๖.บาฮามาส ๗๗.บาห์เรน ๗๘.บังคลาเทศ ๗๙.79 บาร์เบโดส ๘๐.เบลีซ ๘๑.ภูฏาน ๘๒.บอสเนียและเฮอร์เซโก ๘๓.บอตสวานา ๘๔.บรูไน ๘๕.บุรุนดี ๘๖.เคปเวิร์ด ๘๗.จีน ๘๘.คอโมโรส ๘๙.ไอวอรี่โคส ๙๐.จิบูตี ๙๑.โดมินิกา ๙๒.ทอเรียลกินี ๙๓.เอริเทรี ๙๔.ฟิจิ ๙๕.แกมเบีย ๙๖.เกรเนดา ๙๗.กินีบิสเซา ๙๘.กายอานา ๙๙.คิริบาส ๑๐๐.เลโซโท ๑๐๑.มาลาวี ๑๐๒.มัลดีฟส์ ๑๐๓.หมู่เกาะมาร์แชลล์ ๑๐๔.มอริเชียส ๑๐๕.ไมโครนีเซีย ๑๐๖.มองโกเลีย ๑๐๗.โมซัมบิก ๑๐๘.นามิเบีย ๑๐๙.เกาหลีเหนือ ๑๑๐.นาอูรู ๑๑๑.โอมาน ๑๑๒.ปาเลสไตน์ ๑๑๓.ปาปัวนิวกินี ๑๑๔.กาตาร์ ๑๑๕. เซนต์คิตส์และเนวิส ๑๑๖.เซนต์ลูเซีย ๑๑๗.เซนต์วินเซนต์และเกรนาดีน ๑๑๘.ซามัว ๑๑๙.เซาตูเมและปรินซิปี ๑๒๐.เซเชลส์ ๑๒๑.สิงคโปร์ ๑๒๒.หมู่เกาะโซโลมอน ๑๒๓.แอฟริกาใต้ ๑๒๔.ซูดานใต้ ๑๒๕.ซูรินาเม ๑๒๖.สวาซิแลนด์ ๑๒๗.ทาจิกิสถาน ๑๒๘.ติมอร์เลสเต ๑๒๙.ตองกา ๑๓๐.เติร์กเมนิสถาน ๑๓๑.สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ๑๓๒.วานูอาตู ๑๓๓.แซมเบีย และ ๑๓๔.ซิมบับเว ครับ. ...ลอกซะตาลายเลย ก็จะเห็นว่า สหประชาชาติ มี ๑๙๓ ประเทศ ในจำนวน ๑๙๓ คือ ๑๓๔ ประเทศ ที่จัดเป็นกลุ่ม G77 ดูเหมือนอาเซียนทั้งหมด แถม จีน-อินเดีย-บราซิล-ซาอุ-อิหร่าน-ปาเลสไตน์ อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ในปี ๒๕๕๙ หรือ 2016 ............. เขาให้เกียรติ ด้วยความเชื่อมั่นประเทศไทย ภายใต้การบริหารรัฐบาลคสช.โดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยกให้ประเทศไทย เป็นประธานกลุ่ม! นี่คุยกันแบบเจียมตัวนะ.......... เมื่อไทยเราได้รับความไว้วางใจนี้มา ถ้าพลาดเก้าอี้"สมาชิกไม่ถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น"ก็...พอเข้าใจได้ แต่ถ้าได้เก้าอี้"สมาชิกไม่ถาวรฯ"ด้วย คงต้องให้นายกฯลุงตู่รำถวายศาลหลักเมืองแน่! ฟังท่านทูต"วีรชัย พลาศรัย"ซึ่งจะทำหน้าที่ประธานกลุ่ม G 77 พูดซักนิดนะ.... "ไทยไม่ได้นำกลุ่ม 77 มาเป็นตัวประกัน เพื่อสนองประโยชน์ของเรา แต่ทำงานเพื่อประโยชน์ของทุกชาติในโลกเท่าที่จะทำได้ การเป็นประธานกลุ่ม เป็นโอกาสที่จะแสดงความรับผิดชอบของไทยในฐานะผู้ร่วมก่อตั้ง โดยมีเป้าหมาย คือการพัฒนาที่ยั่งยืน และสานต่อความร่วมมือกับทุกประเทศ" ครับ...วันนี้ แค่ G 77 ก็อิ่ม ! ไม่ต้องคุยเรื่องพี่น้องไทยเราในอเมริกาที่รวมพลให้กำลังใจลุงตู่หน้ายูเอ็นจนล้ำหน้า-ล้ำตาผู้นำบ้านเมืองอื่นเขาก็ได้ ที่ว่าไข้จับถึงคาขวดน้ำเกลือ...แบบนี้ หาย! ด้วยบรรยากาศชื่นมื่นสำหรับนายกฯไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของไทย ทั้งในและนอกยูเอ็น รวมทั้งท่าทีที่เปลี่ยนไปสหรัฐอเมริกา แบบนี้ตะหาก ที่เกรงว่า จะมีคนบางตระกูล ไม่กระอักเลือดตาย ก็...จะตายในคุกเอาน่ะซี้! หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 25, 2020, 10:40:23 PM https://www.thairath.co.th/news/foreign/1756113 (https://www.thairath.co.th/news/foreign/1756113)
"ไวรัสโคโรน่า" รุนแรง ผลวิจัยคาดอีก 10 วัน เมืองอู่ฮั่น ติดเชื้อเป็นแสน ไทยรัฐออนไลน์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 25, 2020, 10:48:12 PM https://www.isranews.org/isranews-other-news/84847-dailynews-84847.html (https://www.isranews.org/isranews-other-news/84847-dailynews-84847.html)
เว็บไซต์ www.dailynews.co.th (http://www.dailynews.co.th) รายงานว่า เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2562 ที่โรงพยาบาลราชวิถี ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 29, 2020, 04:04:38 PM https://today.line.me/TH/pc/article/BWQY9Q?utm_source=lineshare (https://today.line.me/TH/pc/article/BWQY9Q?utm_source=lineshare)
นายกฯอู่ฮั่น ประกาศรับผิดชอบ แจง ชาวเมืองกว่า 5 ล้าน มากรุงเทพฯ มากสุด! (คลิป) #LINETODAY https://today.line.me/th/pc/article/ (https://today.line.me/th/pc/article/)ข่าวชาวอู่ฮั่น+5+ล้านคนมาไทยไม่เป็นความจริง-BWqjWj 5ล้านคนมาไทยไม่เป็นความจริง https://www.newtv.co.th/news/48477 (https://www.newtv.co.th/news/48477) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 30, 2020, 12:05:54 PM #การตรวจวินิจฉัยไวรัสอู่ฮั่นตรวจอย่างไรจึงมั่นใจว่าใช่ไม่ใช่
ปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งของความสำเร็จในการควบคุมการระบาดของโรคปอดบวมอู่ฮั่นและการรักษา คือ การตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ผู้ป่วยคนจีนรายแรกที่พบในไทย ตรวจวิเคราะห์โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์และศูนย์ฯจุฬาลงกรณ์ ให้ผลบวกตรงกัน โดยทางจีนให้สายรหัสพันธุกรรมไวรัสอู่ฮั่นมาเป็นตัวเปรียบเทียบ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เป็นหน่วยงานเดียวของกระทรวงสาธารณสุขในการตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรสอู่ฮั่นหรือโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่ 2019 (nCoV2019) ที่กำลังระบาดอยู่ในจีนขณะนี้ โดยส่วนกลางตรวจที่สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข (สวส.) สามารถรายงานผลได้ภายใน 3 ชม. หลังจากได้รับตัวอย่างส่งตรวจ การตรวจใช้เทคนิค Real-time RT PCR หรือการตรวจรหัสพันธุกรรมเฉพาะตัวไวรัสอู่ฮั่น ซึ่งแม่นยำ จำเพาะ เชื่อถือได้ และใช้เวลาไม่นาน ส่วนภูมิภาค ณ วันนี้สามารถส่งตรวจได้ที่ศูนย์วิทย์เชียงใหม่/ภูเก็ต/สงขลา/ชลบุรี/สุราษฎร์ธานี/นครสวรรค์ อีก 9 แห่งที่เหลือจะพร้อมตรวจได้ภายใน 31 มกราคมนี้ เพื่อสะดวกรวดเร็วในการส่งตรวจ และสนับสนุนระบบการเฝ้าระวังโรคของประเทศ ไวรัสอู่ฮั่นเป็นอาร์เอ็นเอไวรัสในกลุ่มโคโรนาไวรัส มีระยะฟักตัวในคน 2-7 วัน (แต่การกักตัวจะสองเท่าของระยะฟักตัว คือ 14 วัน) เมื่อหายจากโรคแล้วก็จะมีภูมิคุ้มกันในตัวคนนั้นตลอดชีวิตเหมือนไวรัสไข้หวัดทั่วๆไป ผู้ป่วยทุกคนที่วินิจฉัยในไทย ไม่มีใครเสียชีวิต และติดมาจากเมืองอู่ฮั่น ทุกคนผ่านกระบวนการดูแลและกักบริเวณตามมาตรฐานขั้นสูงสุดทุกรายเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ และขณะนี้ยังไม่มีคนไข้ที่ติดต่อจากพื้นที่ในไทย คนติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ทั้งที่ไม่มีอาการ หรือ มีอาการเล็กน้อย หรือมีอาการหนักจนปอดบวม เชื้อจะอยู่ในตัวคนได้ราว 7-10 วัน จะถูกกำจัดโดยภูมิคุ้มกันของตัวคนเราเอง ผลตรวจแล็บผู้ป่วยที่พบในไทย คนที่มีผลบวกพบเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ตรวจซ้ำพบว่า ผลเป็นลบในเวลาไม่เกิน 10 วัน ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีผู้ป่วยหรือผู้สงสัยติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น ก็จะต้องกักตัวแยกไว้ดูแลรักษาหรือสังเกตอาการ 14 วัน ถ้าได้ผลตรวจเชื้อเร็ว คนที่ถูกกักตัวเมื่อตรวจแล้วให้ผลลบก็จะได้ไม่ถูกกักยาวนานถึง 14 วัน (การตรวจสารพันธุกรรมเป็นการตรวจตัวเชื้อไวรัส จึงมีความแม่นยำสูง) สิ่งส่งตรวจเก็บสารคัดหลั่งในลำคอ (Throat swab) เอามาตรวจด้วยเครื่องเพิ่มปริมาณสารพันธุกรรม มีprobe (ส่วนแสดงผลจากการเรืองแสงถ้าใช่ตัวเชื้อ) และ primer เป็นสารพันธุกรรมสั้นๆของเชื้อมาตรฐาน ที่จะกระตุ้นให้เกิดการสร้างสายพันธกรรมจนต่อเชื่อมไปถึงprobeแล้วจะสะท้อนแสงขึ้น จึงสามารถดูได้ทันที วิธีตรวจจึงเรียกว่า Real-time RT-PCR RT คือ Reverse transcriptase เป็นกระบวนการเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมอาร์เอ็นเอ (RNA)ของไวรัสให้เป็นสายคู่แบบดีเอ็นเอ (DNA)ก่อน แล้วจึงเข้าสู่กระบวนการตรวจแบบ PCR (Polymerase chain reaction) ต่อไปจนprobeเรืองแสง แสดงว่า ใช่ Probe กับ Primer จึงเป็นอุปกรณ์สำคัญในการวินิจฉัยเชื้อ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้พัฒนาวิธีReal-time RT-PCRโดยออกแบบprimer และ probeที่มีความจำเพาะต่อNovelcoronavirus 2019 (nCoV2019) กรมให้บริการตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างสงสัยติดเชื้อวิธีที่ใช้ตรวจ In-house method ตรวจหาสารพันธุกรรมยีนเป้าหมาย N และ RdRp gene ด้วยวิธีReal time RT-PCR เก็บตัวอย่างจากสารคัดหลั่งจากทางเดินหายใจในคอ (Throat swab)ดังนั้น มีไอหรือไม่ไอ มีน้ำมูกหรือไม่มี ก็สามารถตรวจหาเชื้อได้ การติดเชื้อไวรัสอู่ฮั่น อาจมีอาการ หรือไม่มีอาการก็ได้ ความรุนแรงจึงไม่มาก แต่คนส่วนใหญ่ยังไม่เคยติดเชื้อมาก่อน จึงเกิดการระบาดได้ง่าย และต้องใช้เวลาอีกเป็นปี การระบาดก็จะชะลอตัวลงกลายเป็นโรคประจำถิ่นต่อไป เมื่อติดเชื้อแต่ไม่มีอาการก็ติดต่อได้แต่คนทั่วไปอาจเข้าใจผิดได้ว่า “โรคนี้รุนแรงมาก จึงติดต่อได้แม้เป็นช่วงระยะฟักตัว” ซึ่งโดยหลักแล้ว โอกาสติดก็จะน้อยมาก เพราะจะติดจากสิ่งคัดหลั่งจากทางเดินหายใจที่ออกมาทางน้ำลายเท่านั้น (ไม่มีอาการ ก็จะไม่มีน้ำมูก ไม่มีเสมหะ) การป้องกันตนเองและการป้องกันการระบาดจึงมีความสำคัญ แต่ไม่จำเป็นต้องถึงขนาดปิดประเทศหรือห้ามคนจีนเข้าประเทศ จนกระทบต่อเศรษฐกิจและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเฝ้าระวังโรคและการป้องกันตัวเองจึงจำเป็นมากกว่าและได้ประโยชน์มากกว่า หลักการทั่วไป อยากแข็งแรงก็ต้องออกกำลัง อยากปลอดภัยก็ต้องป้องกัน ไม่อยากกังวลก็ต้องรู้จริง การป้องกันระดับกว้าง กระทรวงสาธารณสุขได้ทำตามมาตรฐานสากลอย่างเต็มที่ ตามแนวทางขององค์การอนามัยโลกอยู่แล้ว ส่วนข้อมูลที่สื่อสารเกี่ยวกับผู้ป่วย กระทรวงสาธารณสุข ก็ไม่ได้มีการหมกเม็ดปิดปังแต่อย่างใด อย่าฝันว่าโรคสงบโดยไม่ต้องทำอะไร ทุกอย่างมีการวางแผนและเตรียมการตามหลักการสากลอยู่แล้วครับ “อย่า”แค่หวัง นั่งรอ ขอจงรู้ “คาดหวัง”สู่ เส้นทาง ทุกอย่างฝัน “กับ”แผนงาน สานต่อ ก่อชีวัน “อนาคต” ควรสรรค์ ผลักดันไป “โดยไม่”หยุด รุดหน้า ต้องกล้าเริ่ม “ลงทุน”เสริม สร้างกัน มิหวั่นไหว “กับ”ปัญหา ท้าทาย วุ่นวายใจ “ปัจจุบัน” บอกไว้ ให้ลงมือ สิ่งสำคัญคือ การป้องกันตัวเอง ด้วย 3 หลักสำคัญ คือ “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” จะช่วยลดการติดเชื้อจากผู้ป่วยทั้งที่มีอาการและไม่มีอาการได้ง่ายจากการสัมผัสน้ำมูก เสมหะ น้ำลายแล้วมาแคะจมูก ขยี้ตาหรืออมนิ้ว สุขอนามัยส่วนบุคคลจึงสำคัญ ย้ำครับ ไวรัสอู่ฮั่น ไม่ได้ติดต่อทางอากาศ แต่ติดผ่านทางละอองฝอยของสิ่งคัดหลั่งจากเสมหะ น้ำมูก น้ำลาย ซึ่งเป็นอนุภาคที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวไวรัสหลายร้อยเท่า การใส่หน้ากากอนามัยธรรมดาจึงกันได้ ส่วน N95 จำเป็นสำหรับคนที่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วยหรืออยู่ในดงระบาด และใส่แล้วหายใจยาก อึดอัด ถ้าใส่ทั้งวันก็จะไม่สะดวก อย่าไปกลัวกังวลเรื่องเดินๆอยู่แล้วเชื้อปลิวไวรัสเข้าตา เพราะมันไไม่ติดง่ายขนาดนั้น คนป่วยไวรัสอู่ฮั่น 1 คน มีโอกาสแพร่โรคต่อไปยังคนอื่นได้แค่ 2-3 คน เท่านั้น การใส่หน้ากากอนามัย ลดความเสี่ยงจากละอองฝอยเสมหะจากผู้ป่วยได้ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับเพียงพอ กินผักผลไม้ ร่างกายแข็งแรงก็สามารถรับมือกับเชื้อโรคต่างๆได้ หรือ ถ้าป่วยก็ไม่รุนแรงหรือลดภาวะแทรกซ้อนได้ นพ.พิเชฐ บัญญัติ รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 30, 2020, 12:09:39 PM https://today.line.me/TH/pc/article/az8mQ8?utm_source=lineshare
ยังคุมไม่ได้ไวรัสโคโรนามหากาฬ ผลาญ 132 ชีวิตจีน (คลิป) #LINETODAY หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:19:46 PM https://www.tnews.co.th/social/bg/521915/ (https://www.tnews.co.th/social/bg/521915/)กั๊กที่จอดรถริมถนน--มีโทษปรับสูงถึง-10,000-บาท-คนแจ้งได้ส่วนแบ่งด้วย
กั๊กที่จอดรถริมถนน มีโทษปรับสูงถึง 10,000 บาท คนแจ้งได้ส่วนแบ่งด้วย หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:27:37 PM 1 กุมภาพันธ์ 2563
ชาวอังกฤษออกมาร่วมฉลองเนื่องในโอกาสแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) อย่างเป็นทางการ หลังจากเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป (อียู) มานานถึง 47 ปี https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864570 (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864570) https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864570 (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864570) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:29:00 PM https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864502 (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/864502)
ตลาดหุ้นทั่วโลก.. หลังตลาดหุ้นจีนกลับมาเปิด? หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:41:56 PM https://www.thansettakij.com/content/columnist/420416?ad= (https://www.thansettakij.com/content/columnist/420416?ad=)
We Write Our Own Destiny : ซ่ง เหม่ยหลิง จักรพรรดินีคนสุดท้าย thanks หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:44:40 PM ไขปริศนาโรคสะพรึงกว่า "โคโรนา" หมอแนะถ้าจะรอดแค่หน้ากากไม่พอ |ทุบโต๊ะข่าว| 27/01/63
https://www.youtube.com/watch?v=WVETvcHzhtA&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=WVETvcHzhtA&feature=youtu.be) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:47:09 PM https://www.sanook.com/news/8021134/ (https://www.sanook.com/news/8021134/)
เปิดใจ "ดร.สุภาภรณ์" ผู้ค้นพบไวรัสโคโรนา เผยเส้นทางตรวจพบเชื้อก่อนจีนประกาศ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:49:16 PM https://techsauce.co/news/coronavirus-fake-news
https://techsauce.co/news/coronavirus-fake-news# Techsauce จึงขอรวบรวม Fake News และเรื่องที่เข้าใจผิดจากกรณีไวรัสโคโรน่า รวมทั้งคำแนะนำในการเสพข่าวในเวลานี้ thanks หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 01:01:49 PM เมื่อมหาวิทยาลัย
จอนส์ ฮอปกินส์ ทำการสำรวจจัดอันดับประเทศ ที่มี “ความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพ” (Health security) จาก 195 ประเทศ ผลปรากฎว่าประเทศ ไทย ได้อันดับที่ 6 ของโลก และเป็นประเทศที่กำลังพัฒนาเพียงประเทศเดียวที่ถูกจัดให้อยู่ใน top 10 ของโลก และขึ้นเป็น top 1 ของเอเชีย โดยได้คะแนน (Health security) ดังนี้ 1. สหรัฐอเมริกา 83.5 คะแนน 2.สหราชอาณาจักร 77.9 คะแนน 3.เนเธอร์แลนด์ 75.6 คะแนน 4.ออสเตรเลีย 75.5 คะแนน 5.แคนาดา 75.3 คะแนน 6.ไทย 73.2 คะแนน 7.สวีเดน 72.1 คะแนน 8.เดนมาร์ก 70.4 คะแนน 9.เกาหลีใต้ 70.2 คะแนน 10.ฟินแลนด์ 68.7 คะแนน โดยมีตัวชี้วัดมาจาก 6 ด้านได้แก่ 1. การป้องกันโรค 2.ความสามารถในการตรวจจับโรคและรายงานที่รวดเร็ว 3.การตอบโต้ที่รวดเร็ว 4.มีระบบสุขภาพที่เข้มแข็ง 5.มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาศักยภาพของประเทศ มีแผนงบประมาณด้ายป้องกันควบคุมโรคและดำเนินงานตามแนวปฏิบัติสากล 6. มีความเสี่ยงต่อภัยคุกคามด้านชีวภาพต่ำ นอกจากนี้ ไทยยังได้รับการยกย่องว่าเป็นประเทศที่มีความพร้อมในการรับมือต่อการระบาดของโรคมากที่สุดซึ่งมีเพียง 13 ประเทศทั่วโลกเท่านั้น ครั้งนี้ ถือเป็นเกียรติ ประวัติ และความภาคภูมิใจของไทยทั้งประเทศเป็นอย่างมากในเวทีโลก ------------------------ แหล่งข้อมูล https://www.thailand-business-news.com/health/77060-thailand-ranks-sixth-for-worlds-strongest-health-security.html (https://www.thailand-business-news.com/health/77060-thailand-ranks-sixth-for-worlds-strongest-health-security.html) ^-^ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 09:23:16 PM สำนักงานจัดสอบเทียบระดับภาษาจีน HSK ของญี่ปุ่น ส่งเวชภัณฑ์หลายกล่องไปที่โรงเรียนมัธยมปลายแห่งมณฑลหูเป่ย - ซึ่งอู่ฮั่นเป็นเมืองหนึ่ง
มิตรสหายชาวจีนเปิดกล่อง พบหน้ากากอนามัย 20,000 ชิ้น และปรอทวัดไข้จำนวนหนึ่ง ฉลากบนกล่อง คือธงชาติจีน คำ : "สู้นะ ประเทศจีน" และธงชาติญี่ปุ่น ที่อยู่ผู้ส่ง ที่ทำคนจีนน้ำตาชื้นคือ ข้อความตัวเล็กเขียนว่า 山川异域,风月同天 เป็นคำกลอน : "ภูน้ำต่างแดน ลมเดือนร่วมฟ้า" คำกลอนสองวรรคนี้เป็นของเจ้าชายนากายะ (长屋王, 684-729) แห่งญี่ปุ่น ชมชอบบทกวี เลื่อมใสในพุทธศาสนา ทรงสั่งตัดจีวร 1000 ตัวส่งให้พระจีนสมัยถัง บนจีวรปักคำกลอนไว้ว่า "山川异域, 风月同天, 寄诸佛子, 共结来缘 " : "ภูน้ำต่างแดน ลมเดือนร่วมฟ้า มอบบุตรพุทธะ ร่วมสานชะตา" พระเจี้ยนเจิน (鉴真大师, 688-763) ประทับใจ จึงข้ามน้ำไปยังญี่ปุ่น เผยแผ่พุทธศาสนา ถือกันว่าเป็นบุรพาจารย์แห่งศาสนาพุทธในญี่ปุ่น ในวิกฤตครั้งนี้ เพื่อนชาวญี่ปุ่นยกคำกลอนนี้มอบชาวจีนผู้กำลังอยู่ในวิกฤตไวรัสโคโรนา ผู้รู้ที่มาจึงประทับใจมาก ... เก็บเรื่องและภาพจาก : https://m.weibo.cn/status/4466783723410440? ... โดย วิภาดา กิตติโกวิท https://m.weibo.cn/status/4466783723410440 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 09:25:42 PM https://mgronline.com/qol/detail/9630000010822
เฮ!! รพ.ราชวิถี รักษาผู้ป่วยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาการรุนแรง หายจากเชื้อใน 2 วัน thank you หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2020, 09:29:48 PM https://today.line.me/TH/pc/article/XJpYkm?utm_source=lineshare
ฟิลิปปินส์พบการระบาดไข้หวัดหมูแอฟริกันในจังหวัดทางตอนใต้ #LINETODAY https://today.line.me/TH/article/XJpYkm?utm_source=lineshare หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2020, 11:40:06 PM มาดูบรรยากาศเหงาๆ ล่าสุด เมืองที่เคยคึกคักกว่ากทม.
ฉายาชิกาโกแห่งเมืองจีน.. อูฮั่น https://www.youtube.com/watch?v=gNFeo5oOuJA&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=gNFeo5oOuJA&feature=youtu.be) Wuhan: the city under coronavirus lockdown https://youtu.be/gNFeo5oOuJA (https://youtu.be/gNFeo5oOuJA) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2020, 11:40:56 PM เปิดชื่อตุลาการศาล รธน.ลงมติ 5:4 ร่าง พ.ร.บ.งบฯไม่โมฆะ-ให้โหวตใหม่วาระ 2-3
https://www.isranews.org/isranews/85332-israneswws-85332.html (https://www.isranews.org/isranews/85332-israneswws-85332.html) พฤติการณ์ต่างจากปี 56-มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน!คำวินิจฉัยศาล รธน.ร่าง พ.ร.บ.งบฯได้ไปต่อ https://www.isranews.org/isranews/85340-isranews-85340.html (https://www.isranews.org/isranews/85340-isranews-85340.html) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2020, 11:41:54 PM ติดเชื้อไวรัสโคโรนาพุ่ง 31,211 เสียชีวิต 637 ราย
#ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่2019 #ไวรัสโคโรนา #ไวรัสอู่ฮั่น #Coronavirus https://www.thansettakij.com/content/money_market/420954?line= (https://www.thansettakij.com/content/money_market/420954?line=) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2020, 11:42:09 PM เกษตรกรชาวสวนผลไม้ภาคตะวันออกเซ่นพิษไวรัสโคโรน่า ล้งขาดทุนยับ-ฉีกสัญญาเหมายกสวนทุเรียน-ลำไย ผู้นำเข้าจีนหยุดรับซื้อ https://www.prachachat.net/local-economy/news-418367 (https://www.prachachat.net/local-economy/news-418367)
หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2020, 11:45:50 PM สุดยื้อ ‘หมอหลี่’ คนแรกที่เตือนเรื่องไวรัสโคโรนา เสียชีวิตแล้ว
https://www.thairath.co.th/news/foreign/1765961 (https://www.thairath.co.th/news/foreign/1765961) ขอแสดงความเลียใจเป็นอย่างยิ่งค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 07, 2020, 11:48:48 PM https://www.thairath.co.th/news/society/1766231?cx_testId=8&cx_testVariant=cx_1&cx_artPos=2#cxrecs_s (https://www.thairath.co.th/news/society/1766231?cx_testId=8&cx_testVariant=cx_1&cx_artPos=2#cxrecs_s)
ลุ้นระทึก! ดอนเมือง "นกแอร์" ชนรถลากดับ1 เจ็บ 1 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2020, 09:53:07 PM https://www.youtube.com/watch?v=aZBqX9zTCjs&feature=youtu.b (https://www.youtube.com/watch?v=aZBqX9zTCjs&feature=youtu.b)
#เบี้ยผู้สูงอายุ #เบี้ยยังชีพ #ผู้สูงอายุ สิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ของผู้สูงอายุที่ได้รับตามกฎหมาย มีหลายเรื่องที่เรายังไม่ทราบและไม่เคยใช้เลย #เบี้ยผู้สูงอายุ เชิญไปรับชมกันครับ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2020, 09:54:53 PM หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 12, 2020, 09:57:22 PM https://www.youtube.com/watch?v=U2l8qeARRw8&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=U2l8qeARRw8&feature=youtu.be)
โลกปั่นป่วน! /พายุใหญ่ บุกยุโรป /พายุหิมะ บุกอาหรับ /ข่าวดังล่าสุดวันนี้11/2/2563 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 18, 2020, 11:23:20 PM https://www.youtube.com/watch?v=ECH-FqR2WoI&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=ECH-FqR2WoI&feature=youtu.be)
https://www.youtube.com/watch?v=4kaID9uq8PY (https://www.youtube.com/watch?v=4kaID9uq8PY) เตือนภัย! เผยรายชื่อเมืองที่จะจมอยู่ใต้น้ำ ปี 2563 Full HD 1/2 l ปากโป้ง l ช่อง8 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2020, 10:38:12 PM https://today.line.me/TH/pc/article/w16J7l?utm_source=lineshare
หมอจุฬา ชี้โควิด-19 อันตรายต่อ"หนุ่ม-สาวใหญ่"วัย50อัพ #LINETODA หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2020, 10:39:31 PM https://www.komchadluek.net/news/foreign/417853?adz= (https://www.komchadluek.net/news/foreign/417853?adz=)
เกาหลีใต้พบ 14 ราย ติดจากผู้ป่วยคนเดียว หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 19, 2020, 10:49:38 PM https://www.youtube.com/watch?v=2_N6_4NmfZA&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=2_N6_4NmfZA&feature=youtu.be)
ปรากฏการณ์ พายุฟ้าผ่าซิดนีย์ ออสเตรเลีย ปลาน้ำลึกในญี่ปุ่น 19/02/63 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2020, 10:53:42 PM https://today.line.me/TH/pc/article/9ey1YR?utm_source=lineshare
เกาหลีใต้พบผู้ป่วย ‘โควิด-19’ ตายรายแรก-ติดเชื้อทะลุ 100 คนในวันเดียว #LINETODAY หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 20, 2020, 10:56:12 PM https://www.youtube.com/watch?v=OdKs4Xle7dU&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=OdKs4Xle7dU&feature=youtu.be)
ข่าวดี / จีน เริ่มหยุดยั้งวิกฤตได้ /เป็นข่าวดังข่าวใหญ่ล่าสุดวันนี้ 20/2/2563 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 21, 2020, 08:47:28 PM https://news.bectero.com/news/172839
กรมอนามัยระบุ ไม่ควรลวกช้อน-ส้อมในหม้อน้ำร้อนศูนย์อาหาร อาจติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียได้ กรมอนามัย ยืนยัน ข้อมูลที่แชร์กันว่าหากเรานำช้อน ส้อมไปลวกในหม้อน้ำร้อน ตามศูนย์อาหาร ทำให้เรามีโอกาสติดเชื้อไวรัส และแบคทีเรียได้นั้น เป็นความจริง น้ำร้อนในหม้อตามศูนย์อาหารส่วนใหญ่อุณหภูมิจะแค่ 40-50 องศา ซึ่งเป็นความร้อนที่ไม่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ และการต้มน้ำไว้ทั้งวันยิ่งจะเป็นการเพิ่มจำนวนชื้อโรค เมื่อเรานำช้อน ส้อมไปจุ่มเท่ากับเราได้รับเชื้อโรคเหล่านั้น ซึ่งอาจจะเข้าไปในระบบทางเดินอาหารกลายเป็นโรคท้องร่วงได้ นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่ระบุว่า ปัจจุบันตามห้างหลายแห่งมีการติดตั้งเทอโมมิเตอร์ เพื่อควบคุมอุณหภูมิของน้ำให้สูงอยู่ตลอด และเพื่อเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ใช้บริการ การลวกช้อน ส้อมในหม้อน้ำร้อนตามศูนย์อาหารนั้น อุณภูมิน้ำร้อนจะต้องมีอุณหภูมิสูงถึง 80-90 องศา และต้องลวกนานถึง 4 นาที ถึงจะสามารถฆ่าเชื้อโรคได้ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2020, 02:10:18 PM https://www.ryt9.com/s/iq38/3098559 (https://www.ryt9.com/s/iq38/3098559)
นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ขณะนี้เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังไม่เข้าสู่ภาวะแพร่ระบาดลุกลามไปทั่วโลก แต่ประเทศต่างๆจะต้องเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าว "ไวรัสดังกล่าวมีศักยภาพที่จะลุกลามไปทั่วโลกหรือไม่ มีแน่นอน แล้วเราไปถึงจุดนั้นหรือยัง จากการประเมินของเรา ยังไม่ถึงจุดนั้น" นายแพทย์ทีโดรสกล่าว "นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดว่าเราจะใช้คำเรียกว่าอะไร เพราะมันไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อ หรือช่วยชีวิตแมัแต่คนเดียวในวันนี้" เขากล่าว หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 25, 2020, 02:15:18 PM 24 กุมภาพันธ์ : อัพเดต โรคโควิด19
เกาหลีใต้ ประกาศยกระดับการเตือนภัย ‘รหัสแดง’ ขั้นสูงสุด ▪️ นายกเทศมนตรีกรุงโซล ประกาศห้ามประชาชนรวมตัวในสถานที่ต่างๆ ทั้งจตุรัสควางฮวามุน และจตุรัสโซล ▪️ ขณะยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 7 ศพ ขณะที่ผู้ติดเชื้อพบเพิ่มอีก 161 ราย ▪️ ในจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่พบว่า เป็นทหารในกองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศและหน่วยวิกโยธิน รวม 11 คน ▪️ ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในเกาหลีใต้ขณะนี้เพิ่มเป็น 763 คน ▪️ มีผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อในเมืองแทกู มากถึง 28,000 คน อิตาลี สั่งปิดเทศกาลคาร์นิวัลประจำปีเร็วกกว่ากำหนด เพื่อสกัดการแพร่ระบาด ▪️ สั่งปิดเมือง 11 เมือง และประกาศให้เมืองเวนิส และมิลาน เป็น 2 พื้นที่กักกันพิเศษ #ไทยรัฐ #Thairath หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 04, 2020, 09:45:09 PM ันนี้ 3 มีนาคม 2020 ที่โรงเรียนพระหฤทัยดอนเมือง ให้มาร่วมรับฟัง ข้อมูล เรื่อง covid-19 มีบางสาระที่ ผมฟังมาเล่าสู่กันฟังครับ / ผมมีหน้าที่ส่งข้อความในกลุ่มห้องครับ
คุณหมอจากสถาบันบำราศฯ มาอธิบายเองครับ ชัดเจนและไขข้อข้องใจได้ชัดเจนนะครับ มีรายละเอียดเรื่องวัคซีน จากทางคุณหมอแจ้งให้ทราบว่า ยารักษากำลังจะมี จากทางญี่ปุ่น และทาง ญี่ปุ่นก้อส่งมาให้ทางเราใช้ในการรักษาอยู่ที่ สถาบันบำราศ ครับ เชื้อไวรัส covid-19 แพ้อะไร คุณหมอชี้แจงว่า ตัวของไวรัสเองถูกอุ้มด้วยไขมันเยอะ จึงทำให้ตายด้วยสิ่งที่ละลายไขมัน เช่น ความร้อน, น้ำยาล้างจาน, สบู่ (สารดีเทอเจนทั้งหลายที่ล้างคราบไขมัน) ครับ อีกส่วนที่ทางคุณหมอ บอกว่าทางประเทศหนาว ต่างๆ มีการติดเชื้อเร็ว เพราะพฤติกรรม เช่น ไม่ค่อยอาบน้ำ หรือ ใส่เสื้อผ้าซ้ำๆ (ผงซักฟอกก้อฆ่าเชื้อได้ครับ) ส่วนเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น คุณหมออธิบายว่า มี เกิดเชื้อนี้มาก่อนแล้วทั้งหมด 6 ชนิด ชนิดที่ 1-4 คือ หวัดธรรมดา ชนิดที่ 5 คือ SARS ซาร์ ชนิดที่ 6 คือ Mers เมอร์ส ชนิดที่ 7 คือ covid -19 และอัตราการตายแต่ละชนิด 1. Mers อัตราเสียชีวิต 30 % 2. SARS อัตราเสียชีวิต 10 % 3. Covid-19 อัตราเสียชีวิต 3 % เมื่อพบติดเชื้อนะ ส่วนการติดเร็วเนื่องจากการออกอาการช้าครับ ส่วนจะเกิด super spreader ไหม ทางคุณหมอ บอกทางเมืองไทย ยกตัวอย่าง ครอบครัวปู่ย่า มีทั้งหมด 4 คนแต่ติด 1 คน คือหลาน และทางสถาบันฯตรวจซ้ำ 4 วัน 7 วัน ก้อยัง negative ตลอด จนทางคุณหมอ มาวิเคราะห์ว่า การไม่เกิด spreader อาจจะเพราะ ส่วนหนึ่ง สิ่งแวดล้อมเราเอง กับพันธุกรรมด้วย ที่ถือเป็นโชคดี ของคนไทยครับ ส่วนการประกาศ เฟส 3 แพร่จากไม่รู้ต้นตอสู่คนทั่วไป ทางคุณหมอแจ้งว่า ถ้าเกิดขึ้นก้อจะ ตีกรอบเป็น โซนๆไป เหมือนอู่ฮั่น และทางประเทศไทย จะมีเฟส 3 เฝ้าระวังในเขตหรือจังหวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาก เป็นลำดับแรก ในส่วนการแพร่กระจาย คุณหมอให้รายละเอียด ว่า ชนิดที่ 5 -SARS เริ่มการแพร่ ตอนไอ แล้วมีไข้ กระจายจากการไอ ทางอากาศเป็นหลัก ชนิดที่ 6 - Mers เมอร์ส เริ่มการแพร่ ตอนไอ แล้วมีไข้ การกระจายจากการไอ ทางอากาศ ชนิดที่ 7- Covid-19 เริ่มจากมีไข้แล้วถึงไอ การกระจายทางละอองฝอยในระยะ 1-2 เมตร เรื่องที่คุณหมอเน้นมากๆ คือ การล้างมือ ต้องถี่มากๆครับ เพราะ มีที่ติดจากมือจับผ้าปิดปากซึ่งอยู่ใกล้ตา ที่เป็นจุดเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายที่สุดครับ คุณหมอบอก ล้างมือให้บ่อยๆ สำคัญกว่า การใช้ mask อีกครับ thank you kha หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 04, 2020, 10:01:03 PM #บำราศนราดูร #ผมจะเล่าให้ฟัง #ระวังกับระแวง #ความคิดคนอันตรายกว่าไวรัส #เรื่องเล่ายาวที่สุด #แต่อ่านกันเถอะ
ผมมีความลังเลมากมายจริงๆที่จะเผยแพร่ เล่าสู่กันฟังเกี่ยวกับเรื่อง #Covid19 ที่ได้สัมผัสมาด้วยตัวเอง เป็นเรื่องวนเวียนอยู่ในหัวอยู่หลายวัน เล่าดี หรือไม่เล่าดี แต่สุดท้ายผมว่าประสบการณ์ของผมมันจะเป็นประโยชน์กับคนอื่นๆที่ยังรู้สึกสับสนทำอะไรไม่ถูก ถ้าคุณเคยเดินทางไปพื้นที่เสี่ยง คุณมีอาการเข้าข่าย แล้วคุณไม่รู้จะทำยังไงเรื่องนี้จะช่วยคุณได้มาก ที่ผมเลือกที่จะเล่าให้ฟังในวันนี้เพราะ ครบ14วันพอดีที่พวกเรากลับจาก Hokkaido พื้นที่เสี่ยงตามข่าวนั่นคือพวกเราทุกคนปลอดภัยสำหรับสังคมและส่วนรวมในระดับหนึ่ง 8-15 กพ. คือทริปฮอกไกโดของพวกเรา กลับถึงกรุงเทพ วันเสาร์ที่15 3ทุ่มโดยประมาณทุกคนผ่านการตรวจคัดกรองเรื่อง อุณหภูมิร่างกายทั้งขาออกจาก สนามบินชิโตเซะ จนถึงสนามบินดอนเมือง เราเดินทางด้วยสายการบิน Nok Scoot ในตอนนั้นยังไม่มีประกาศว่าคนที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงต้องทำอย่างไรนอกจากถ้ามีอาการให้ไปพบแพทย์ 19 กพ. มีข่าว คุณป้าเมืองแทกู ที่ทำให้ทางการไทยเริ่มมีการประกาศให้จำกัดบริเวณเฝ้าดูอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน พวกเราเริ่มมีความสับสนเล็กๆว่าควรทำยังไงดีเพราะ กลับมาพวกเราก็เริ่มทำงาน ไปโรงเรียน มีไปประชุม ไปจัดงาน กลับบ้านต่างจังหวัด 24กพ. ความสับสนเริ่มเพิ่มมากขึ้นหลังจากมีข่าว คุณปู่คุณย่าในเช้าวันนั้น คนหลายคนที่มาพบเจอกับเราจะเดือดร้อนแน่นอน 12 ชีวิตที่ไปด้วยกันในทริปประจำปีของบริษัท ในฐานะเจ้านายภาพในหัวผมเริ่มโยงใย ว่าพวกเราไปที่ไหนมาบ้างแต่ละคนไปเจอใครมาบ้างถ้า โอ้วงมันช่างกว้างใหญ่เหลือเกิน ปกติผมจะไม่ใช่คนที่หวั่นไหวกับข่าวสารมากนักแต่ครั้งนี้ถ้าเกิดอะไรขึ้นจริงผลกระทบมันยิ่งใหญ่ พวกเรา12ชีวิตจะกลายเป็น Super Sprader เป็นหลุมดำกลืนกินประเทศนี้เลยทีเดียว ความรู้สึกผมเหมือนแบกประเทศไว้ ความโกลาหลคงเกิดแน่นอนถ้าเราเป็นอะไร สิ่งที่พวกเราทำได้ในตอนนั้นคือ สังเกตตัวเองในทุกๆวัน ถ้าใครป่วยรึมีไข้ต้องรีบบอกเพื่อที่จะได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด 25 กพ. ผลกระทบจากข่าวปู่ย่า ทางโรงเรียนของไตเติ้ลโทรมาว่ายังไม่ให้ไปสอบทางกระทรวงให้หยุดอยู่บ้านและจะทำการสอบทีหลัง 26กพ. นี่คือประสบการณ์ที่มีคุณค่าของพวกเรา ไตเติ้ลที่ต้องหยุดอยู่บ้าน ตกกลางคืนประมาณ สี่ทุ่ม มีอาการตัวร้อนวัดไข้ได้ 38 ภรรยาผมตะโกนลั่นบ้านเลย หนุ่ยยยยยยลูกไข้38 เค้าไม่รีรอที่จะเก็บกระเป๋าเพื่อที่จะไปโรงพยาบาลทันที ผมยังนิ่งและคิดๆๆว่าต้องพาลูกไปที่ไหน ในเวลานั้นสารพัดวิธีที่เราอ่านมา ดูมา มันไร้ประโยชน์มากๆ เพราะมันเยอะจนเราไม่รู้ว่าเรื่องไหนถูกต้องเรื่องไหนมั่ว ไม่นานผมก็คิดได้ว่าที่เดียวที่จะให้ข้อมูลเราได้ดีที่สุดเรื่องนี้คือ Website ของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ในนั้นบอกถึงข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า 1.กลับมาจากพื้นที่เสี่ยง 2.มีอาการไอถี่มาก ระบบทางเดินหายใจมีปัญหา หายใจหอบ (ปอดอักเสบ) มีน้ำมูก 3.นี่สำคัญมาก มีไข้เกิน37.5 องศาเซลเซียส ต้องไปพบแพทย์ด่วน แล้วจะไปที่ไหนดี คิดเร็วๆต้องโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ แต่หยุดก่อนคิดดีๆอ่านๆ FAQ สถานที่ที่ตรวจเรื่องนี้และรักษาได้มีไม่กี่ที่นะ ตัวเลือกของผมในตอนนั้น รพ.ศิริราช รามา และ บำราศนราดูร ผมไม่ลังเลที่จะโทรไปที่ บำราศนราดูรในทันทีเพราะเราได้ยินชื่อนี้ทุกวันโทรอยู่สักพัก ที่นั่นรับสายผมเล่าเรื่องและอาการให้ฟัง ปลายสายตอบว่ามาได้เลยคะครบข้อบ่งชี้ ที่นี่จะตรวจรับเฉพาะคนที่มีข้อบ่งชี้ที่ว่ามาและมีไข้ย้ำเลยว่าต้องมีไข้ ถ้าไม่ใช่ให้เฝ้าสังเกตอาการตัวเองก่อนอาจเป็นแต่ไข้หวัดธรรมดาถเพราะสภาพอากาศ เรา3คน แม่ เตี่ย ลูกมุ่งหน้า สถาบันบำราศนราดูร ที่อยู่ในกระทรวงสาธารณสุข ทันทีไม่ไกลห่างบ้านเราไปแค่ 15 นาทีเท่านั้น พอถึงเข้าไปแจ้งเราทางนั้นให้ทำประวัตินั่งรอ ผลการตอบกลับจากคณะทำงาน ตอนนั้นประมาณ 23.00น. แล้ว เรื่องนี้ต้องวิ่งไปหลายต่อจนถึงผู้ที่สั่งการลงมาได้ ต้องหาห้องแยกผู้ป่วยเฉพาะต้องระดม แพทย์ และพยาบาลเฉพาะ ผมเลยพาไตเติ้ล มานั่งรถในรถเพราะไม่อยากให้อยู่รวมกับคนอื่นๆตรงนั้น ผมพูดกับเค้าว่าไม่ต้องกลัวนะลูกเราเจอกันมาเยอะแล้วนี่ก็เป็นอีกประสบการณ์ใหม่ของเราไตเติ้ลหันมายิ้มผมรู้เลยว่าเค้าไม่ได้วิตกอะไรมาก สิ่งที่เค้าบอกผมคือเตี่ยถ้าเติ้ลต้องนอนที่นี่หาอะไรมาไห้เติ้ลกินหน่อยนะเติ้ลเริ่มหิวแล้ว ประมาณ 40 นาที คุณป้าพยาบาลผู้ใจดีพาเราไปที่ห้องเจ้าหน้าที่ เข็นเตียงมาแล้วให้เรารออยู่ตรงนี้ เด่วจะมีทีมมาพาพวกเราไปอีกที 0:15 น. ทีมมาถึงพาพวกเราไปที่หอผู้ป่วยแยกโรค ผมได้แค่ไปส่งด้านหน้าเพราะอนุญาตให้อยู่เฝ้าได้แค่คนเดียว เราจะรู้ผลอีกทีประมาณเทีัยงพรุ่งนี้ ยุ้ยและไตเติ้ลจะออกห้องแยกโรคไปไหนไม่ได้จนกว่าผลจะออกมา ผมก็ทำหน้าที่ไปหาอาหารไปฝากส่งที่คุณพยาบาล แล้วกลับมาตั้งสติที่บ้านต่อ ยุ้ยทยอย เล่าและส่งภาพการตรวจมาทางไลน์ เริ่มจากซักประวัติ เอกซเรย์ปอดเพื่อดูอาการปอดบวมกับระบบทางเดินหายใจ ขูดกระพุ้งแก้ม เก็บสารคัดหลั่งทางจมูกสองอย่างนี้เพื่อบ่งชี้ว่าของเหลวในร่างกายมีเชื้อไวรัสเป็นพาหะของโรคหรือไม่ และ เจอเลือดอีก2หลอดใหญ่ไปเพื่อเพาะเชื้อหาไวรัส ไตเติ้ลให้ควรร่วมมือเป็นอย่างดี ประมาณ 2:00 น. การตรวจเบื้องต้นก็มา ต่อทอลซินโต ปอดอักเสบเล็กน้อย มีเสมหะ ส่วนผลของของเหลว และ เลือด คัดกรองไวรัสจะรู้ตอนเที่ยง ระหว่างนั้นผมก็แจ้งทุกคนที่ไปทริปด้วยกัน คนใกล้ชิดในครอบครัว บอกเลยมันเป็นช่วงเวลาแห่งการรอคอย ส่วนไตเติ้ลก็กินอิ่มแล้ว VDO Call มาหามาเล่าให้ฟังว่าตรวจอะไรบ้างแล้วก็หลับด้วยความง่วง ยุ้ยไม่นอนเลยทั้งคืนวัดไข้ลูกเองทุกชั่วโมง พอเช้าทุกคนเห็นเรื่องนี้ในกลุ่มไลน์พร้อมๆกันผมเชื่อว่าทุกคนที่ออฟฟิศ ที่บ้าน หลานๆที่เล่นกับไตเติ้ลทั้งวัน คงอยากให้ถึงตอนเที่ยงเร็วๆ เหมือนยิ่งกว่าลุ้นหวยรางวัลที่1 27 กพ. เวลา 11:36 น. ยุ้ยโทรกลับมาผมตั้งสติหายใจลึกๆ แล้วรับสาย “เธอโอเคนะไตเติ้ลไม่มีเชื้อ” เป็นแค่ทอนซิลโตและคออักเสบ อาการไข้ตัวร้อนก็ไม่มีแล้ว แพทย์จ่ายยาไห้กลับมากิน และนัดมาเจอในวันพรุ่งนี้ ณ ตอนนี้โล่งจริงๆ ผมรีบไปที่ บำราศนราดูร เพื่อรับยุ้ยและไตเติ้ลกลับทันที พร้อมทั้งแจ้งให้ทุกคนได้รับผลนี้ ทุกคนตอนนี้น่าจะรู้สึกโล่งและยินดีเหมือนผม ไปถึงสถาบันพอรับขึ้นรถผมถามยุ้ยเรื่องค่าใช้จ่ายคำตอบที่ได้คือ ทางสถาบันแจ้งว่าทุกอย่างเป็นไปตามเกณฑ์ที่ทางการประกาศดังนั้นจึงไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับการมาคัดกรองครั้งนี้ จะมีแค่ครั้งต่อไปที่นัดมาตรวจที่ กุมารเวชของที่นี่เพียง 70 บาท เรื่องที่ผมไปสัมผัสมานี้ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากๆในระบบการทำงานของสาธารณสุขไทย ผมเชื่อว่าไม่มีการปิดข่าว ดีใจที่พวกเราไมต้องเป็นข่าว ข้อมูลที่เชื่อถือได้มากที่สุดคือ จากทางกระทรวงสาธารณสุข เพราะถ้าผมไม่หาข้อมูลแล้วไปตามที่มีส่งๆกันมาว่าตรวจที่ รพ.เอกชนใหญ่ๆได้คงไม่รวดเร็วและน่าจะยืดเยื้อกว่านี้แน่นอน ในหลายที่ตามตารางที่ส่งๆกันมาไม่รับตรวจด้วยในขณะนี้ สุดท้ายถ้าผลเป็นบวกก็จะเกิดความโกลาหลขึ้นที่ รพ.นั้นๆ หลังกลับจากการตรวจพวกเราก็พยายามไม่ออกไปไหนจนกว่าจะครบ 14 วันในวันนี้ ผมคิดว่าผมโชคดี โชคดีที่ตั้งแต่กลับมาไม่มีใครเลยที่พูดเสียดสี Bully หรือแสดงความรังเกียจผมและครอบครัว ต่างจากหลายๆคนที่ส่งข้อความและโทรมาปรับทุกข์ ผมอยากจะขอความร่วมมือทุกคนที่ผมรู้จักว่าเราควรปฎิบัติต่อ บุคคลกลุ่มเสี่ยงด้วยจิตใจเอื้ออาทร เอาใจเค้ามาใส่ใจเรา ไม่พูดเสียดสี หลายคนอ่อนไหวมากจิตมากอย่าซ้ำเติม การให้กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญมากๆ ถ้าสังคมมีแต่ความเข้าใจแบบที่ว่ามาผมเชื่อว่าจะไม่มีใครปกปิดข้อมูลการเดินทาง และ ปฎิบัติตามที่ทางการประกาศ ถ้าเราด่าทอ เสียดสี รังเกียจกันผมว่าจะมีคนจำนวนหนึ่งที่จะทำแบบปู่ย่าคู่นั้น ประเทศเราอาจเข้าสู่เฟส 3 คือการติดต่อเกิดขึ้นจากคนในประเทศกันเองและควบคุมไม่ได้ พวกเราทุกคนก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ต่างกันดังนั้น ช่วยกันนะครับ ข้อมูลคร่าวๆที่ผมพอสรุปได้ ทำไมต้องกักตัว 14 วัน เพราะระยะฟักตัวของ โรคโดยทั่วไปคือภายใน 14 วัน ผู้ป่วยทั่วไปมีระยะฟักตัว 3 วัน ร้อยละ 50 ของผู้ป่วยหนักจะมีระยะฟักตัวเท่ากับ 2 วันเท่านั้นมีเพียงร้อยละ 1.27 เท่านั้นที่มีระยะฟักตัว ระหว่าง 15-24 วัน และมีรายเดียวที่มีระยะฟักตัว 24 วัน ดังนั้น ผู้ป่วยร้อยละ 98 ขึ้นไป จะมีอาการภายใน 14 วันและส่วนมากมีอาการระหว่าง 3 ถึง 7 วัน (ข้อมูลจากแพทยสภา) การติดเชื้อไม่ได้ง่ายถึงขนาดเดินผ่านก็ติด ผลการตรวจคนร่วมไฟท์กับปู่ย่าน่าจะบอกเราได้ดี ง่ายๆเราไม่หายใจลดต้นคอกัน ไม่พูดใกล้กันชนิดหน้าแทบชนกัน ไม่แตะเนื้อต้องตัวกัน ล้างมือบ่อยๆ ใช้หลังมือเปิดประตู หรือกดลิฟต์ ล้างมือบ่อยๆ เจลแอลกอฮอลแพง เราใช้แอลกอฮอล์ใส่ขวดพ่นเล็กๆแทนได้ หรือล้างมือด้วยสบู่แทนก็ดี ใครสามารถใส่หน้ากากและพอหาได้ได้ก็ควรสวม (โดยส่วนตัวผมใช้เฉพาะเวลาต้องไปโรงพยาบาลหรือคนเยอะหนาแน่นจริงๆจึงใส่) สุดท้าย ผมต้องขอบพระคุณ แพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ทุกคนที่ให้ความกรุณาดูแล เรื่องนี้อย่างเต็มที่ การทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยของทุกๆคนทำให้ผมกล้าบอกทุกๆในสังคมว่าระบบสาธารณสุขและการป้องกันโรคระบาดของประเทศไทยดีและมีประสิทธิภาพมาก ล่าสุด ติดท้อปเท็นเป็นอันดับที่ 6 จากทั้งหมด 195 ประเทศ และเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่ถูกจัดให้อยู่ในอันดับท็อปเท็นของโลกอันดับที่ 1 ในเอเชีย สำหรับประเทศที่มีความพร้อมในการเตรียมตัวรับมือโรคระบาดดีที่สุดในโลก และมีระบบการป้องกันการติดเชื้อที่ดีที่สุดอย่างรอบคอบ สะท้อนถึงความสามารถของไทยในการรับมือโรคระบาด ทำให้ไทยในขณะนี้ยังไม่เข้าสู่การแพร่ระบาดระดับ 3 ในขณะที่ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 21 ผมหวังว่าการแบ่งปันข้อมูลของผมในครั้งนี้จะทำให้ทุกหลายๆคน มีความเข้าใจที่ถูกต้อง ระวังแบบไม่ระแวง ตระหนักแต่ไม่ตระหนก พวกเราผ่านโรคระบาดกันมาเยอะแล้วครับ รุ่นบรรพบุรุษเรา มีกาฬโรค ฝีดาษ อหิวาตกโรค วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ ในรุ่นพวกเราก็เผชิญกับ แอนแทรค ไข้หวัดนก H1N1 H5N1 SARS Mers และ น้องใหม่ โคโรน่า2019 เชื้อโรคเหล่านี้อุบัติขึ้นและจะไม่ตายไปจากโรคนี้ เราต้องอยู่กับมันให้ได้ เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปครับ #เดี๋ยวมันจะผ่านไป ประเทศไทยมีโรงพยาบาลสำหรับรับมือโรคระบาด ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อรับมือกับการระบาดของอหิวาตกโรค ชื่อว่า“โรงพยาบาลโรคติดต่อ” ที่พัฒนาเป็น “สถาบันบำราศนราดูร” ในปัจจุบัน โปรดช่วยกันแชร์เรื่องนี้ถ้าคุณคิดว่ามีประโยชน์ต่อส่วนรวมนะครับ อย่างที่ผมตั้งใจ ข้อมูล https://www.silpa-mag.com/history/article_46135 (https://www.silpa-mag.com/history/article_46135) https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/f_pay.php (https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/f_pay.php) https://tmc.or.th/pdf/Covid-19-MD-AmornUpdate.pdf (https://tmc.or.th/pdf/Covid-19-MD-AmornUpdate.pdf) #โคโรน่า2019 #สถาบันบำราศนราดูร #ระบบสาธารณสุขไทย #เข้าใจและไปต่อ #NuiGogogo #HokkaidoSnowFest2020 Thank you kha หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 06, 2020, 04:47:57 PM https://www.youtube.com/watch?v=6-elCYFhqJs (https://www.youtube.com/watch?v=6-elCYFhqJs)
่อไปนี้ คือข่าวดีที่สุดที่ผมเคยได้ยินมา ตั้งแต่เริ่มติดตามข่าวเชื้อ CoVid-19 ระบาดเลยครับ ดร.เช็งจากเซี่ยงไฮ้ เป็น certified board ของหลายสถาบันในอเมริกา เล่าถึงการใช้ High dose Vitamin C ร่วมรักษาผู้ป่วยหญิงอายุ 71 ในอู่ฮั่น ที่เป็นทั้งเบาหวานบวกเส้นเลือดหัวใจตีบ แล้วติดเชื้อ CoVid-19 มีไข้ต่ำรออยู่บ้านสิบวัน จนอาการหนักปอดอักเสบ ARDS ต้องเข้าห้อง ICU ต่อเครื่อง ECMO ช่วยพยุงปอด ลูกสาวของเธอซื่งเชื่อมั่นใช้วิตามินซี ในการป้องกันโรค ให้ทั้งครอบครัวมาก่อน ได้ขอร้องให้หมอฉีดวิตามินซีให้แม่ หมอลังเลแต่ก็ยอมฉีดให้ 10g ต่อวันจนอาการฟื้นตัวดีขึ้น ตอนนี้ออกจาก ICU ได้แล้ว และคาดว่าจะกลับบ้านได้ในไม่ช้า ที่น่าสนใจคือ คนในครอบครัวอีกห้าคนที่ทานวิตามินซีป้องกันในระดับสูงล่วงหน้า (เฉพาะตัวลูกสาวทานมากถึง 20g ต่อวันในช่วงที่ระบาด) คือพ่อ ลูกสาว น้องชายน้องสะไภ้ และหลานวัยสิบขวบ ทุกคนสัมผัสใกล้ชิดหรือดูแลผู้ป่วย โดยใส่หรือไม่ใส่มาสค์ป้องกัน แต่ไม่พบว่ามีใครติดเชื้อจากผู้ป่วยเลย หมอเช็งแนะปริมาณฉีดสูงสุด 1.5g ต่อน้ำหนักตัว 1kg ก็ยังปลอดภัย กลไก คือ วิตามินซีเป็น antiviral สร้างไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ที่ฆ่าไวรัส และยังเป็น antioxidant คอยเก็บกวาดอนุมูลอิสระที่ทำให้ถุงลมปอดอักเสบ เคล็ดลับคือ ต้องรับวิตามินซี แต่แรกเริ่มและรับในปริมาณที่มากพอ นี่อาจเป็นเพียงแค่เคสเดียว แต่มันอาจสร้างความแตกต่างระหว่างความเป็นความตาย ของท่านและครอบครัวได้ ในช่วงที่ไม่มีวัคซีน ต้านไวรัส ที่ราคาแพงและมีจำกัด รวมถึง รพ.รัฐ อาจรับมือผู้ป่วยจำนวนมากไม่ไหว ถ้าหากมีการระบาดอย่างกว้างขวาง ส่วน รพ. เอกชนถ้าเคสหนักแบบนี้ อาจโดนค่ารักษาหลักล้าน ลองฟังคลิปดูเองจะได้เข้าใจอย่างละเอียดนะครับ เรียบเรียงโดย Ama FrogSpa Daughter‘s Story: family saved from COVID-19 virus with Vitamin C in Wuhan https://www.youtube.com/watch?v=6-elCYFhqJs (https://www.youtube.com/watch?v=6-elCYFhqJs) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 06, 2020, 04:51:24 PM https://today.line.me/TH/pc/article/VjJvv5?utm_source=lineshar
ฮือฮา! พายุงวงช้าง โผล่กลางทุ่ง พัดหมุนถล่มเป็นเกลียวขึ้นฟ้า เศษซากปลิวว่อน #LINETODAY https://today.line.me/TH/pc/article/ZnmxKj?utm_source=lineshare เปิดพิกัด 21 จุด จำหน่ายหน้ากากอนามัย #LINETODAY หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 07, 2020, 11:08:50 AM หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 07, 2020, 11:11:06 AM วันนี้ (6 มี.ค.63) กรมการค้าภายใน จัดรถโมบายออกจำหน่ายหน้ากากอนามัย 21 จุด
. 1.สนามหลวง 2. ท่าน้ำวังหลัง 3. สวนลุมพินีวัน 4. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 5. เยาวราช 6. ธนาคารออมสินสำนักงานใหญ่ 7. แฟชั่นไอส์แลนด์ 8. ทาวน์อินทาวน์ 9. มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 10. ตลาดมีนบุรี 11. มหาวิทยาลัยมหิดล 12. เสาชิงช้า 13. ตลาดคลองเตย 14. เทสโก้ปิ่นเกล้า 15. เทอมินอล21 16. เมกาบางนา 17. ท่าน้ำนนท์ 18. ตลาดศรีย่าน 19. ตลาดเทเวศร์ 20. ตลาดบางใหญ่ 21. หน้าสมาคมชาวปักษ์ใต้ . หน้ากากอนามัย บรรจุเป็นแพ็ค 1 แพ็ค 4 ชิ้น 10 บาท ตกชิ้นละ 2.50 บาท . การจัดจำหน่ายทั้ง 21 จุด จะเริ่มจำหน่ายในเวลา 11.00 น. เป็นต้นไป นอกจากมีหน้ากากอนามัยธงฟ้าแล้ว ยังมีสินค้าอื่นๆ ที่มาวางจำหน่ายร่วมด้วยอาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป น้ำตาลบรรจุถุง และไข่ไก่แผง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สายด่วน 1569 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 07, 2020, 11:13:20 AM https://www.youtube.com/watch?v=i1vlK7oHuI0&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=i1vlK7oHuI0&feature=youtu.be)
ฟังเพลงชาติให้ได้ยิน เสียงหัวใจกันและกัน ธงชาติ เวอร์ชั่น กองทัพเรือ Official Music Video การดู 1,725,480 ครั้ง•11 ก.ค. 2014 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 07, 2020, 11:16:46 AM https://www.blockdit.com/articles/5e5a718ea4ed350cab29dd3e (https://www.blockdit.com/articles/5e5a718ea4ed350cab29dd3e)
ทำไมยอดติดเชื้อ covid19 ลดลงมากกว่า50% ของจีนมาดูกันครับ..!!! หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 07, 2020, 11:19:53 AM https://brandinside.asia/citi-cut-thailand-gdp-to-0-2-percent-from-2-2-percent-after-coronavirus-spread-in-thailand-and-concern-political-situation/
Citi ปรับลด GDP ไทยลงมาเหลือ 0.2% คาดนักท่องเที่ยวหาย 15% จาก COVID-19 thank you หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 07, 2020, 11:21:13 AM https://www.facebook.com/ramachannel/videos/213021843415032/ (https://www.facebook.com/ramachannel/videos/213021843415032/)
รายการพบหมอรามาฯ Facebook Live เฉพาะกิจ พบกับช่วงคุยข่าวเมาท์กับหมอ เรื่องที่ 1 แนะญาติดูแลบุตรหลานใกล้ชิด เลี่ยงโรคมือเท้าปาก เรื่องที่ 2 เลิกอาย ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ช่วง Rama Health Talk เราจะมาตอบคำถามประเด็นร้อนของโรค COVID-19... รู้ไว้เพื่อรอด!!! #พบหมอรามาฯ #รามาแชนแนล #โคโรนา #COVID19 #หน้ากากอนามัย หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 07, 2020, 11:43:58 AM ประชาสัมพันธ์
หน้ากากอนามัย ผลิตจากผ้ามัสลิน 2 ชั้น ซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่ได้ มีจำหน่าย สำหรับผู้ใหญ่ และเด็ก ราคาชิ้นล่ะ 15 บาท สอบถาม 0823480914 ร้านชวนชม ทัณฑสถานหญิงกลาง ริมถนนงามวงค์วาน จตุจักร กทม. line ID :0823480914 : 0909607553 ร้านนารายา/ตามสาขา อันล่ะ 50 บาท สั่งจองที่ร้านค่ะ สั่งที่ HisHer หน้ากากซักได้ 6 ชิ้น 200 บาท 9 ชิ้น 290 บาท https://covid-19.kapook.com/view221372.html วิธีซักหน้ากากค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 08, 2020, 03:58:39 PM ที่มาของคำว่า ผีน้อย
ผู้รู้จริงเค้าฝากบอกมา หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 08, 2020, 04:00:54 PM https://www.youtube.com/watch?v=Zh3YBVjDXfY (https://www.youtube.com/watch?v=Zh3YBVjDXfY)
BREAKING NEWS: Coronavirus - Milan set for lockdown การดู 254,702 ครั้ง•7 มี.ค. 2020 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 08, 2020, 04:02:48 PM แบงค์ชาติตรวจสอบแล้วว่า เชื้อcovit 19 มีชืวิตอยู่บนธนบัตรได้5 วัน ถึงจะตาย
หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 10, 2020, 09:07:06 PM https://www.youtube.com/watch?v=6ckVryzFLc0&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=6ckVryzFLc0&feature=youtu.be)
Doctor Tips ตอน หน้ากากอนามัย กับ Covid-19 การดู 26,214 ครั้ง•4 มี.ค. 2020 ทิปส์สั้นๆ เกร็ดความรู้สุขภาพจากหมอศิริราช ดูง่ายได้สาระ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 10, 2020, 09:50:40 PM https://landing.gpoplanet.com/?fbclid=IwAR0tRnjvKsqXQjct9JK1Fb6Fg9IeubxMN3ObEt1WqEbFg8lDfVbWIOJ6Fyk
รับผิดชอบชีวิต ผลิตยาคุณภาพ องค์การเภสัชกรรม ผลิต, จำหน่าย, และบริการผลิตภัณฑ์สุขภาพ มุ่งสู่มาตรฐานสากล เราวิจัยและพัฒนายาและเวชภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนอง ความต้องการและความจำเป็นต่อสังคม หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 10, 2020, 10:00:42 PM https://today.line.me/TH/pc/article/17Nngm?utm_source=lineshare
อากาศร้อน 13-16 0363 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 12, 2020, 09:52:16 PM ตอนนี้ไอทีวีประเทศอังกฤษรายงานว่า ไวรัสได้ทำให้อิตาลีทั้งประเทศ https://www.itv.com/news/2020-03-11/italy-doctors-coronavirus-covid-19-quarantine-milan-health/ (https://www.itv.com/news/2020-03-11/italy-doctors-coronavirus-covid-19-quarantine-milan-health/) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 12, 2020, 09:58:13 PM https://www.thairath.co.th/news/foreign/1793584 (https://www.thairath.co.th/news/foreign/1793584)
ดูปอดผู้ติดเชื้อ https://www.bbc.com/thai/international-51838536?at_custom2=facebook_page&at_custom3=BBC+Thai&at_campaign=64&at_custom1=%5Bpost+type%5D&at_medium=custom7&at_custom4=66D3479E-63B8-11EA-B81E-D8C5923C408C (https://www.bbc.com/thai/international-51838536?at_custom2=facebook_page&at_custom3=BBC+Thai&at_campaign=64&at_custom1=%5Bpost+type%5D&at_medium=custom7&at_custom4=66D3479E-63B8-11EA-B81E-D8C5923C408C) ไวรัสโคโรนา : อนามัยโลกประกาศให้โควิด-19 เป็น “การระบาดใหญ่” ทั่วโลก หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 12, 2020, 10:01:36 PM WHO ประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic)
แล้วไงอ่ะ ??? มีผลกระทบยังไงต่อเราและโรคจะหยุดระบาดไหม เมื่อคืนนี้ WHO ได้ประกาศให้ COVID-19 เป็น World pandemic ประกาศฉบับบนี้ไม่ต่างอะไรกับประกาศสงครามของชาวโลก กับ COVID-19 จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เรามาไล่เรียงทีละประเด็น 1. ทำไมถึง declare pandemic น่าจะถามกลับกันมากกว่า ว่าทำไมถึงเพิ่งประกาศเพราะสถานการณ์ในอิตาลีตอนนี้แย่หนักสุดๆวันนี้ตายพุ่งไปถึงเกือบ 200 ถึงขั้นต้องเกณฑ์หมอที่เกษียณอายุแล้ว มาขึ้นปฏิบัติงาน ทั้งที่ตัวหมอเองเป็นกลุ่ม High risk ที่ถ้าเกิดติดเชื้อและอาจจะเสียชีวิตได้สูงแต่ก็ต้องขึ้นเพราะหมอไม่พอทั้งที่หมอในอิตาลีมีมากกว่าไทยถึง 4 เท่า แต่รพ.มีคนไข้เยอะจนอัตราครองเตียง 200% รพ.เลยต้องเปลี่ยน ห้องผ่าตัด เป็น ICU เพราะมีเตียงไม่พอ คนไข้หนัก คนแก่ที่ดูน่าจะไม่ไหวจะไม่ได้เข้า ICU เพราะแพทย์และพยาบาลที่มีความชำนาญมีจำกัด คนไข้ที่มีระบบหายใจล้มเหลว ได้ใส่เพียง O2 อย่างเดียวเพราะไม่มี เครื่องช่วยหายใจ เพียงพอจับหมอ ortho และ patho ที่ไม่ตรงโรคไปดูแลเครื่อง NIV เพราะไม่เหลือหมอแล้ว รวมถึงสถานการณ์การระบาดในยุโรปและสหรัฐที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกถึงการควบคุมโรคที่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถยับยั้งการระบาดได้ ณ ขณะนี้ระบาดไปยัง 112 ประเทศทั่วโลกขาดเพียงแต่ ประเทศที่การแพทย์ไม่พัฒนาทำให้ไม่สามารถตรวจพบเชื้อได้ 2.WHO เคยประกาศ pandemic แบบนี้ไหม WHO เคยประกาศ pandemicล่าสุด ก็คือตอนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1ซึ่งส่งผลกระทบทั่วโลกโดยมี - ผู้ติดเชื้อประมาณ 1.7 ล้านคน - ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก น่าจะประมาณ 2 แสนคน แม้กระทั่ง SARS Bird fluไม่ประกาศเป็น pandemic 3. ประโยชน์ของประกาศ WHO มีไหมนี่ แล้ว คืออะไรโดยส่วนตัวคิดว่า WHO มักจะประกาศในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มักไม่มีการประกาศเชิงรุก ในการคาดการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและรวมถึงการป้องกันถึงอย่างไรก็ตามก็น่าจะมีประโยชน์ดังนี้ 1.สร้าง World awareness เมื่อตอนเริ่มต้นการระบาดชาวยุโรปหลายๆ คน ยังมองว่าโรคCOVID-19เหมือนโรคหวัดธรรมดา แถมจะ Bully ชาว Asiaทำให้ไม่มีการป้องกันตัวเองที่ดีพอ ไม่มีใครใส่ maskยังมีการดำเนินกิจกรรมทางสังคมทางปกติ ทำให้เกิดการระบาดอย่างหนักการประกาศนี้เป็นการเตือนชาวโลกทุกคนว่า โรคนี้ไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดาแต่เป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่กระจายได้รวดเร็วและรุนแรงในระดับที่น่าเป็นกังวลส่งผลให้รัฐบาลสามารถออกกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิ์ประชาชนในแง่ของการควบคุมการระบาดได้มากขึ้นรวมถึงการเริ่มกักตุนเวชภัณฑ์ที่จำเป็น สร้างโรงงานต่างๆเพื่อผลิยาและเวชภัณฑ์รองรับการระบาด ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจีนหายป่วยแล้วจริงคงไม่น่าห่วงเพราะโรงงานโลก is coming back 2. ระดับนานาชาติ ทำให้ประเทศต่างๆ สามารถแบนห้ามคนที่เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงได้ โดยอ้างอิงจากประกาศของ WHOและนั้นเป็นที่มาของประกาศไทยแบน 18 ประเทศนับว่าเป็นการข่าวที่ยอดเยี่ยมของประเทศไทยไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ใช้ประโยชน์ของประกาศฉบับนี้แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้ประกาศแบนประเทศยุโรปที่เป็นศูนย์กลางการแพร่กระจายโรค เหมือนกับที่สหรัฐทำ 3. ระดมทุนและงานวิจัยทั่วโลกเพื่อช่วยพิชิตโรคนี้ถ้าใครเคยเล่นเกม The Plague Inc. จะรู้ว่าเมื่อระบาดถึงระดับ pandemic WHO จะขึ้น Watch List ทำให้ทำให้ความก้าวหน้าของการพัฒนายาและวัคซีนในเกมเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดดและสุดท้ายเชื้อโรคก็แพ้ไปก่อนที่จะยึดครองโลกได้ ในชีวิตจริงก็คงเหมือนในเกมส์ คาดว่า ทุกบริษัทยาดับโลกขณะนี้ น่าจะโฟกัสไปที่ ยาและวัคซีนตัวนี้เหมือนในเกมก็หวังว่าประกาศฉบับนี้ จะเป็นผลดีต่อการควบคุมโรคไม่มากก็น้อยสำหรับคนทั่วไป ประกาศฉบับนี้ เป็นการเตือนว่า เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม - งดการไปพื้นที่เสี่ยงถ้าไม่จำเป็น - รับฟังข่าวสารจากราชการ และ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพราะวัคซีนและยาที่ดีที่สุด ก็คือภูมิคุ้มกันของเรานั้นเอง ขอขอบคุณบทความดีๆไว้ ณ ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 12, 2020, 10:09:20 PM แนวคิดนี้ดีนะคะ ไม่ฟุ้งซ่านดี
หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 12, 2020, 10:11:14 PM อาหารจาก Catering การบินไทย. ช่วยอุดหนุนกันนะคะ
1. ไก่เวียดนาม 59 บาท 2.แซลม่อนแดดเดียว 79 บาท 3. ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม 59 บาทค่ะ เนื่องจากมี flight cancel จำนวนมาก วัตถุดิบที่เราสั่งมาเพื่อใช้ในการทำอาหารจึงไม่ได้ใช้..เราจึงต้องนำมาแปรรูปค่ะ ..ช่วยกันอุดหนุน ช่วยกันซื้อด้วยนะคะ อาหารขาย 11.00-15.00 น ค่ะ ส่วนกาแฟ และขนม 08.00-15.00 ค่ะ โทรส่ง Food Panda , Graอาหารจาก Catering การบินไทย. ช่วยอุดหนุนกันนะคะ 1. ไก่เวียดนาม 59 บาท 2.แซลม่อนแดดเดียว 79 บาท 3. ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม 59 บาทค่ะ เนื่องจากมี flight cancel จำนวนมาก วัตถุดิบที่เราสั่งมาเพื่อใช้ในการทำอาหารจึงไม่ได้ใช้..เราจึงต้องนำมาแปรรูปค่ะ ..ช่วยกันอุดหนุน ช่วยกันซื้อด้วยนะคะ อาหารขาย 11.00-15.00 น ค่ะ ส่วนกาแฟ และขนม 08.00-15.00 ค่ะ โทรส่ง Food Panda , Grab Food ได้เลยนะครับ.. มีคนรอรับ order ตลอดเวลาครับโทรศัพท์ Catering บ.การบินไทย จ.(มหาชน) สอบถามรายละเอียดครับ 02-137 2090 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 12, 2020, 10:18:58 PM หากวันนี้… คือฉากสงครามระหว่างมนุษยชาติกับไวรัสโควิด-19 ที่นี่เสมือนเป็นสมรภูมิแนวหน้าและผมก็เหมือนเป็นพลเรือนที่ได้อยู่ในสมรภูมินี้พอดี
เมื่อผมหายใจเข้า ผมเจ็บปอดซ้าย บ่ายวันที่สี่ของการกักตัวเองในบ้านหลังจากกลับจากญี่ปุ่น ผมรู้สึกไม่ดีมากๆ ทั้งเจ็บคอ ไอ จามไม่หยุด โลกในวันที่เราต้องคิดถึงคนรอบข้างอย่างยิ่งยวด ในยุคที่หากเราไอไม่ปิดปากหรือออกไปเดินห้างหลังจากกลับจากญี่ปุ่นหรือเกาหลี เราจะกลายเป็นแม่มด และโซเชียลทั้งประเทศพร้อมจะออกไล่ล่าคุณทันที… ผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะรีบไปให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ถึงตอนโทรไปทางโรงพยาลจุฬาฯ จะบอกมาว่าผมมาไม่ทันตรวจวันนี้แล้ว แต่ผมไม่อยากปล่อยให้เรื่องมันแย่กว่านี้ ผมลองคุยกับเจ้าหน้าที่ตรงตึก ภ.ป.ร ดู เขาช่วยแฮะ “ไปตึกจงกลนี” และพอไปถึงตึกจงกลนี เจ้าหน้าที่บอกผม “ต้องไปตึกภูมิศิริ” และเมื่อได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของตึกภูมิสิริก็ต้องเดินกลับมาจงกลนีใหม่… นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่กำชับว่า “ที่ตึกนั่นคือตึกรักษาผู้ป่วยโควิดมีคนที่อาจจะติดเชื้อเดินอยู่เต็มไปหมด ระวังตัวนะน้อง” บุรุษพยาบาลเดินออกมารับใบ พร้อมซักประวัติผมอีกรอบ นัยน์ตาเขาเบิกโผลง ผมวัดไข้ได้ 38 กว่า สูงกว่าตอนบ่ายอีก (อาจคงเพราะเดินไปเดินมาด้วย) ได้คำอุทานตอบกลับมาคำนึง “หยา?!” บุรุษพยาบาลรีบวิ่งเข้าไปหลังห้องกระจกเค้าท์เตอร์ พูดอะไรบางอย่าง จากนั้นสายตาเกือบสิบคู่หันมามองผม… เราก็เริ่มใจแป้ว ก่อนพบหมอ ผมต้องผ่านประตูแอร์ล็อคชั้นแรกก่อน จากนั้นหมอซักประวัติผม ส่องคอ และฟังเสียงปอด “แจ้ง Code PUI เตรียม Throat swab และเตรียมห้องให้ด้วย” นาทีถัดมาทั้งหมอ และพยาบาลกลับเข้ามาด้วยชุดกันป้องกันติดเชื้อเต็มสตรีม ราวกับออกมาจากหนังผีชีวะ เสื้อคลุม หน้ากาก ถุงมือ แว่นตา และ Face Shield บุรุษพยาบาลนำผมไปเอกซเรย์ปอด เราต้องเดินผ่านประตูแอร์ล็อกกระจกอีก 2 ชั้น บานแรกเปิดแล้วต้องปิดก่อนที่บานถัดไปจะสามารถเปิดได้ วิธีเปิดใช้มือโบกผ่านเซนเซอร์ริมกำแพง จากตรงนี้เป็นต้นไปสังเกตเห็นเครื่องพ่นแอลกอฮอล์อัตโนมัติตลอดสองฝั่งทุกบานแอร์ล็อก มันดูสุโก้ย มาก จากนั้นมีพยาบาลอีกคนแต่งตัวป้องกันเต็มยศเช่นกัน พาเดินผ่านแอร์ล็อกกระจกบานที่ 3 ผมเห็นป้าย “คลินิคโรคโรคอุบัติใหม่” มีแอร์ล็อกกระจกบานที่ 4 มีลิฟต์อยู่ข้างใน และมีพยาบาลอีกคนลงมารอรับตัว พอเข้ามาหลังบานที่4 พยาบาลคนแรกบอกว่ามาส่งได้แค่นี้ พยาบาลอีกคนมาพาขึ้นลิฟต์ถึงชั้น 4 ก็ต้องเดินผ่านแอร์ล็อกกระจกบานที่ 5 ผมเห็นโถงทางเดินยาว สองฝั่งของทางเดินมีแอร์ล็อกยาวสุดสายตา ที่ริมกำแพงมีประตูแอร์ล็อกโลหะทึบบานใหญ่ มีช่องกระจกเล็ก ๆ เหมือนตู้เซฟนิรภัยธนาคาร เรียงรายตลอดแนว มีราว 5-6 ห้อง มุมมองตอนนั้นเหมือนหลุดมาอยู่ในโลกเกมซอมบี้ชื่อดัง ทุกอย่างดูไฮเทค และดูมีความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงมาก พยาบาลนำผมไปถึงหลังประตูแอร์ล็อกเหล็กห้อง 403 … วินาทีที่ผมเดินผ่านประตูนั้น ผมก็ไม่ใช่คนปลอดภัยอีกต่อไป… ผมกลายเป็นผู้ต้องเฝ้าระวัง ผู้โดนกักบริเวณโดยสมบูรณ์ ใช่แล้วนี่แหล่ะคือห้องที่เรียกว่า ห้องกักกันหรือห้องความดันลบ * ห้องความดันลบ ห้องที่เขาจะอัดอากาศสะอาดไว้รอบนอกห้อง ความดันในห้องนี้จะต่ำกว่าข้างนอกเสมอ ดังนั้นทุกครั้งที่ประตูห้องเปิดอากาศภายนอกไหลเข้ามาภายในได้อย่างเดียว เพื่อไม่ให้เชื้อที่อยู่ในห้องกระจายออกไปภายนอกได้เด็ดขาด… ห้องหลังประตูเหล็ก… สะอาดมาก โล่ง ไม่มีของตกแต่งใดๆ เลย พี่พยาบาลบอกว่าเขาจะมาวัดไข้ทุก 4 ชม. แล้ว 6 โมงเช้าเจาะเลือดตรวจ PCR และที่สำคัญไม่อนุญาตผู้ป่วยออกไปนอกประตูเด็ดขาด มีกล้องคอยดูอาการตลอด 24 ชม. !! ทุกครั้งที่พยาบาลเข้ามาชุดป้องกันเต็มยศเสมอ แต่พอออกไปนอกประตูกระจกก่อนออกจากห้องทางประตูโลหะนั่น จะถอดชุดอย่างระมัดระวัง และทิ้งทุกอย่างลงถังขยะใบใหญ่ ไม่ว่าจะถุงมือที่ใส่สองชั้น ชุดป้องกัน หน้ากาก หมวก แว่นครอบตา Face Shield ที่ครอบเท้า ทุกอย่างใช้ครั้งเดียวทิ้ง มันเหมือนกับหนังวิทยาศาสตร์จริงๆ หากวันนี้… คือฉากสงครามระหว่างมนุษยชาติกับไวรัสโควิด-19 ที่นี่เสมือนเป็นสมรภูมิแนวหน้าและผมก็เหมือนเป็นพลเรือนที่ได้อยู่ในสมรภูมินี้พอดี… กว่าสิบแปดชั่วโมงที่ผมโดนกักกัน… โชคยังดีที่ยังเล่นมือถือได้ทำให้ผมเบื่อมากนัก จนราวบ่ายสามวันรุ่นขึ้น… จนท.แลปผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นเสียง เดินนำเข้ามาทักทายโดยไม่ใส่ชุดป้องกัน วินาทีนั้นผมโคตรดีใจ คือรู้ผลโดยไม่ต้องบอกเลย (เพราะถ้าเป็น covid 19 เขาต้องแห่เข้ามาด้วยชุดป้องกันเต็มยศแน่นอน) “ปลอดภัยครับ ผลเป็นลบ แต่ยังไงก็ขอให้ป้องกันดูแลตนเองไว้ก่อน” ครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตขั้นสุดที่หาไม่ได้จากที่ไหน ไม่น่าจะมีใครเหมือนมากนัก และไม่ควรมาเหมือนด้วย ผมได้ไปเห็นกับตาว่าบ้านเรามีเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ขั้นตอนปฏิบัติตามความปลอดภัยขั้นสูงในโรงพยาบาลรัฐ ในตึกที่ภายนอกดูทรุดโทรม แต่ภายในคือระดับเวิร์ลคลาส “ผมได้กลับบ้านแล้ว” ตอนเดินกลับออกไป แน่นอนต้องเดินทะลุแอร์ล็อกอีกถึง 4 บาน แต่บานสุดท้ายพี่พยาบาลไม่ได้ออกมาด้วย ขนาดจ่ายเงินยังต้องขอให้ใช้ โมบายแบงค์กิ้งเลย เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่สามารถออกจากตึกนี้ได้เลยตลอด 24 ชั่วโมง จะไปหน่วยบัญชีหยิบใบเสร็จอะไรประมาณนี้ก็แน่นอน ทำไม่ได้เลย ท้ายสุดพี่เค้าก็อวยพรให้ปลอดภัยรักษาตัวเองให้ดี เจ้าหน้าที่แนวหน้าที่ต้องดูแลผู้ป่วย ทุกคนไม่ได้อยู่สุขสบาย มีแต่อยู่กับความเหนื่อย ความเสี่ยงอันตรายทั้งนั้น แต่พวกเค้าก็ยังมาดูแลด้วยความสุภาพยิ้มแย้ม คอยให้กำลังใจผู้ป่วยเสมอ ฮีโร่ที่แท้จริง ไม่ได้มีเสื้อคลุมสีแดง ไม่ได้ใส่ชุดเกราะปล่อยแสง ไม่ได้ถือโล่ไวเบรเนียม แต่คือคนที่ใส่แค่หน้ากากอนามัย แต่พร้อมที่จะเสียสละแบบพวกคุณนี่แหล่ะ!! ขอขอบคุณกระทู้ดีๆที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 19, 2020, 07:24:59 PM หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 19, 2020, 07:34:54 PM ยาว แต่อ่านสนุกนะ
เผยไส้ใน ว่าทำไม? ประยุทธ์ถึงไม่ปิดประเทศ !! มาดูมุมมองของแพทย์ผ่าน มุมมองการเมืองกัน #ไส้ในของสามยุทธศาสตร์ชาติในการรับมือกับCOVID-19 เมื่อผมเขียนเกี่ยวกับ COVID-19 ครั้งแรกตอนที่ตอบจดหมายคุณหมอหนุ่มท่านหนึ่ง ผมได้พูดถึงว่าในการรับมือกับโรคติดเชื้อที่ระบาด เรามีเครื่องมืออยู่ 3 อย่างเท่านั้น คือ ยา วัคซีน และมาตรการที่ไม่ใช้ยา (non-pharmaceutical interventions - NPI) ตอนนี้เรายังไม่มียา ยังไม่มีวัคซีน เราจึงมีแต่ NPI อันได้แก่การเฝ้าระวังสอบสวนกักกันโรค และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPI) เช่นหน้ากาก เจลล้างมือ การอยู่ห่างคนอื่น อย่างที่เรากำลังใช้กันทุกวันนี้เท่านั้น คำถามคือว่าการใช้เครื่องมือเพียงเท่าที่มีอยู่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้วิธีกักกันโรค เราควรจะทำแค่ไหน และควรทำนานเท่าใด ประเด็นทำแค่ไหน ในวิชาระบาดวิทยา เรารู้อยู่แล้วว่ามีอยู่สามวิธี คือ 1. Unmitigated - ยุทธศาสตร์เฉยไว้ คือไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้โรคดำเนินไป ที่ตายก็ตายไป ที่รอดก็จะเป็นตัวกั้นโรค (herd immunity) ไม่ให้ไปถึงคนที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันได้ง่าย โหลงโจ้งแล้ว 6 เดือนโรคก็น่าจะวิ่งจากระยะเร่ง (acceleration) ไปสู่ระยะผ่อน (deceleration) อย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากนั้นก็ไม่ต้องเดือดร้อนอินังขังขอบกับอะไรอีกว่าใครจะไปใครจะมา ใครจะเข้าใครจะออก 2. Mitigation - ยุทธศาสตร์หน่วงโรค คือทำทุกอย่างให้โรคกระจายตัวช้าลง เช่น เฝ้าระวัง สอบสวน กักกันโรคอย่างขันแข็ง ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล กักกันตนเอง อยู่ให้ห่างคนอื่น (social distancing) ที่ชุมนุมคนแยะๆโดยไม่จำเป็นเช่นมหรสพต่างๆก็งดเสีย เพื่อให้โรคขยายตัวช้าที่สุด หวังว่าจะไม่ให้ท่วมกำลังของแพทย์พยาบาลและอุปกรณ์การรักษาที่มีอยู่ ค่อยๆสู้กันอย่างยืดเยื้อเรื้อรังไปจนโรคได้ระบาดไปสุดระยะเร่งของมันซึ่งน่าจะใช้เวลานานประมาณหนึ่งปี จากนั้นโรคก็จะเข้าสู่ระยะผ่อนโดยตัวของโรคเองโดยไม่ต้องไปพะวงกักกันหลังจากนั้นอีก ซึ่งตอนนี้เมืองไทยและสหรัฐอเมริกากำลังใช้ยุทธศาสตร์นี้อยู่ 3. Suppression - ยุทธการปิดเมือง หรือ Lockdown ซึ่งมีเป้าหมายขจัดโรคให้เกลี้ยงในบัดดล หรือให้เหลือน้อยที่สุด คือปิดประเทศ ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายคนเข้าออก ควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังสอบสวนกักกันอย่างเข้มงวด หวู่ฮั่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน เป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการใช้วิธีนี้ ถ้ามองย้อนไปในประวัติของการระบาดครั้งใหญ่ระดับนี้ ที่พอจะเทียบกันได้ก็คือการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปญในปีค.ศ. 1918 ซึ่งมีคนตายไปราว 50 ล้านคน งานวิจัยการระบาดครั้งนั้น [1] พบว่าการใช้ยุทธการปิดเมืองได้ผลในการยุติโรคไว้ได้จริงตราบใดที่ยังปิดเมืองอยู่ แต่พอเปิดเมืองโรคก็เด้งขึ้นมาใหม่อีก เพราะการระบาดของไข้หวัดใหญ่นี้มันมีธรรมชาติมาคราวละสองละรอก คล้ายๆแผ่นดินไหว ที่มีของจริงแล้วต้องมีลูกตาม แบบที่จิ๊กโก๋เรียกว่า "แผ่นดินไหวตบ...ูด" อีกระลอกหนึ่ง ดังนั้นหากจะใช้ยุทธการปิดเมือง ก็ต้องปิดกันจนมีวัคซีนใช้ เพื่อจะช่วยตอบคำถามว่าจะเลือกยุทธศาสตร์ไหนดี วิทยาลัยอิมพีเรียลที่ลอนดอนได้ทำวิจัยสร้างโมเดลทางระบาดวิทยาขึ้นมา [2] โดยเอาประเทศอังกฤษและสหรัฐเป็นตุ๊กตาในสมมุติฐานที่แย่ที่สุด (worst case scenario) ซึ่งผมขออนุญาตเล่าเป็นกราฟดังนี้ ประเด็น1. ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะตายมากแค่ไหน โมเดล A คือเมื่อใช้ยุทธศาตร์ไม่ทำอะไรเลย เส้นสีดำคืออังกฤษ เส้นสีฟ้าคือสหรัฐ การระบาดหนักจะเกิดปลายเดือนเมษายน ปี 2020 เป็นต้นไป แล้วไปสงบปลายเดือนสิงหาคม ปี 2020 คือทั้งหมดจะจบใน 4 เดือน คนอังกฤษจะตายไป 510,000 คน คนอเมริกันจะตายไป 2,200,000 คน ประเด็นที่ 2. ถ้าใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรค จะผ่อนแรงกดดัน ICU ได้แค่ไหน ในแง่ของขีดความสามารถของระบบโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตียงไอซียู. ที่จะรับผู้ป่วยได้นั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ผู้ป่วยก็จะเกินจำนวนเตียงไอซียู.ที่จะรับได้ไปมากอยู่ดี งานวิจัยนี้ได้หาสมมุติฐานว่าหากใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรคด้วยมาตรการเสริมต่างๆ จะลดความหนาแน่นของการใช้เตียงไอซียู.ลงได้แค่ไหน ผลเป็นดังกราฟนี้ คือ เส้นสีแดง คือขีดความสามารถของเตียงไอซียู.ที่อังกฤษมีปัจจุบันนี้ เส้นสีดำ คือความต้องการเตียงเมื่อปล่อยให้โรคระบาดโดยไม่ทำอะไรเลย เส้นสีเขียว คือความต้องการเตียงเมื่อปิดโรงเรียนปิดมหาวิทยาลัย เส้นสีน้ำตาล คือความต้องการเตียงเมื่อใช้มาตรการกักกันโรค (กักกันตัวผู้ป่วย) เส้นสีเหลือง คือความต้องการเตียงเมื่อกักกันตัวผู้ป่วยและคนในครอบครัว เส้นสีฟ้า คือความต้องการเตียเมื่อทำทุกอย่างและเอาคนแก่อายุเกิน 70 ปีแยกห่างจากคนอื่นด้วย จะเห็นว่าแม้จะใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรค จำนวนผู้ป่วยที่ต้องใช้เตียงไอซียู.พร้อมกันลดลงก็จริง แต่ก็ยังล้นเตียงไอซียู.ที่มีอยู่ไปมากมายอยู่ดี ประเด็นที่ 3. ถ้าใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรคหรือปิดเมือง ระยะยาวจะเป็นอย่างไร ในกราฟที่สามข้างบนนี้คือความต้องการใช้เตียงไอซียูเมื่อใช้สามยุทธศาสตร์เปรียบเทียบกัน คือ สีดำ คือความต้องการเตียงไอซียู.เมื่อใช้ยุทธศาสตร์ไม่ทำอะไรเลย สีเขียว คือความต้องการเตียงไอซียู.เมื่อปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยนาน 5 เดือน สีเหลือง คือความต้องการเตียงไอซียู.เมื่อใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรคทุกชนิดรวมกันนาน 5 เดือน จะเห็นว่าในกราฟนี้หากใช้มาตรการหน่วงโรคทุกชนิด ซึ่งก็ใกล้เคียงกับการใช้ยุทธการปิดเมืองมาก จะเห็นว่าขณะหน่วงโรคหรือปิดเมืองอยู่ 5 เดือน อัตราการใช้เตียงในไอซียู.จะไม่มีปัญหา แต่ทันทีที่หยุดมาตรการปิดเมือง ก็จะตามมาด้วยพีคของการใช้เตียงไอซียู.ที่เกินกำลังจะรับได้อย่างมากในฤดูหนาวพอดี ซึ่งปกติก็เป็นฤดูที่ต้องใช้เตียงไอซียู.มากอยู่แล้ว สรุปผลวิจัยของอิมพีเรียลคอลเล็จ โมเดลทางระบาดวิทยาของอิมพีเรียลคอลเลจบ่งชี้ไปทางว่าหากจะปิดเมืองหรือหน่วงโรคนานแค่ 5 เดือน ก็อย่าปิดหรือหน่วงเสียเลยดีกว่า เพราะแทนที่ระบบไอซียู.และโรงพยาบาลจะล้นแค่ 4 เดือน กลับจะล้นไปทั้งปี นี่เป็นเหตุผลเบื้องหลังที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจใช้ยุทธศาสตร์เฉยไว้ดีเอง ถ้าใช้ยุทธการปิดเมือง? ถามว่าแล้วทำไมจีนใช้ยุทธการปิดเมือง ผมเดาเอาว่าจีนมีความมั่นใจว่าเขาจะปิดเมืองไว้นาน...น....น เท่าไหร่ก็ได้เท่าที่เขาอยากปิด นานจนกว่าจะได้วัคซีนมา สำหรับเมืองไทยเรา ทุกวันนี้คนไทยเราไม่ชอบการยืดเยื้อเรื้อรังแบบนี้ ต่างก็ร้องโอ๊กว่าจะให้เล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันอย่างนี้ไปนานปีสองปีคงไม่ไหว จึงพากันดิ้นรนอยากจะปิดเมืองหรือ Lockdown เมืองไทยไม่ให้คนตต่างชาติเข้า ถ้าใช้ยุทธการปิดเมืองไทย ผมมั่นใจว่าระบบควบคุมโรคของเราจะทำให้โรคสงบได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์ แต่เราจะต้องตอบคำถามว่าพวกเราพร้อมที่จะปิดประเทศไทยไปนานแค่ไหนจึงจะเปิดรับชาวต่างชาติซึ่งอาจนำเชื้อมาให้เราได้อีกครั้ง เพราะโควิด19 เป็นโรคระบาดระดับโลก กว่ามันจะสงบก็อีกนาน การคาดการณ์ครั้งสุดท้ายของทีมผลิตวัคซีนในยุโรป [3] ตั้งสมมุติฐานว่าหากรวมพลังทั้งยุโรปลงขันกัน วัคซีนจะออกมาได้ในเวลา 16-18 เดือน ระบบเศรษฐกิจของเราเอื้อให้เราปิดประเทศไทยไปได้นานขนาด 16-18 เดือนเลยหรือเปล่าละครับ ถ้าปิดประเทศได้นานขนาดนั้นก็โอเค้. ผมเอาด้วย แต่ถ้าจะปิดๆเปิดๆเพราะปิดนานไม่ได้ ผมว่าเปิดอ้าซ้าไว้งี้ก็ดีแล้วนะครับ นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์ ที่มา https://visitdrsant.blogspot.com/2020/03/covid-19_18.html?m=1 ขอขอบคุณเจ้าของบทความเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 19, 2020, 07:40:37 PM เราได้อะไรจาก
Covid 19 ธรรมชาติกำลังทำความสะอาดโลกเรา อากาศรอบโลกเราค่อยๆสะอาดขึ้น. จากการที่เครื่องบินลดไฟลท์บิน ทะเลสะอาดขึ้น จากนักท่องเที่ยวลดลง เรือสำราญ และเรือนักท่องเที่ยวลดการทำให้ทะเลสกปรก เสียงดังบนถนนลดลง. อากาศควันพิษบนถนนน้อยลง ครอบครัวมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น ประชาชน เริ่มหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ท้องถิ่นตัวเอง ครอบครัวตัวเอง คนล้างมือกันมากขึ้น คนเริ่มใส่ใจในการดูแลตนเองมากขึ้น พฤติกรรมของการกิน เริ่มเปลี่ยนไป พฤติกรรมของการทักทายเปลี่ยนไป การสร้างวัตถุ ทะยอยช้าลง เราหายใจด้วยความระมัดระวังและมีสติมากขึ้น สงครามหยุดลงชั่วคราว การก้าวล่วงซึ่งกันและกันน้อยลง การเที่ยวตามแหลงบันเทิง แหล่งอบายมุข สถานเริงรมย์น้อยลง ใช่ !!! เราจะเอาชนะความกลัวไวรัสนี้ ได้ในไม่ช้านี้เข่นเดียวกับจีน เราเห็นจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ใช้ความเด็ดขาด และคุณธรรมในการแก้ปัญหา เอาประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็น สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี แต่ก่อนที่เราจะเอาชนะไวรัสตัวนี้แล้วกลับไปใช้ชีวิตที่เหมือนเดิมดังที่ผ่านมา เราลองใช้เวลาที่ว่างขึ้นนี้มาสำรวจตัวเอง. การใช้ชีวิตที่ช้าลง ไม่ใช่ว่าไม่ดีเสมอไป ในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมาเราเน้นแต่การสร้างวัตถุ. ทำลายธรรมชาติ ทำลายป่า ทำลายดิน ทำลายน้ำ ทำลายอากาศ. ทำลายโลกนี้อย่างเมามันหรือเปล่า ? ส่วนใหญ่ ของคนบนโลกนี้. เอาเงินเป็นเป้าหมายของชีวิคกันหรือเปล่า ? สร้างมาก. มีมากๆ. เป็นมากๆ แล้วมีความสุขจริงหรือเปล่า ? ทั้งๆที่ทุกศาสดาก็สอนแล้วว่า เงินและวัตถุเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกให้มนุษย์เท่านั้น ความสุขเป็นเรื่องของใจ ประเทศไทย ได้รับสมญานามว่าเป็นประเทศที่ทันสมัยแต่ไร้การพัฒนา. (. Modernization without Development) ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินหรือ ? ยาบ้าจึงเต็มบ้านเต็มเมือง ทุจริต. เงินทอนจึงมีเกิอบทุกหน่วยงาน ทั้งๆที่รู้ว่าการทุจริตเป็นการกระทำชั่วแต่ก็ทำด้วยความเคยชิน เงิน จึงทำให้หน้ากากอนามัย หายไป 200 ล้านชิ้น เราไม่ต้องกลัวไวรัส Covid 19 จนเกินไป แต่เราก็ต้องไม่ประมาทด้วย เราพอจะรู้แล้วนะว่า ทำไมธรรมชาติ หรือพระเจ้าจึงส่งไวรัสตัวนี้มา. ส่งมาทำไม ? นี่คือสัญญาณเตือนจากฟ้า. ยาบ้าจึงเต็มบ้านเต็มเมือง ทุจริต. เงินทอนจึงมีเกิอบทุกหน่วยงาน ทั้งๆที่รู้ว่าการทุจริตเป็นการกระทำชั่วแต่ก็ทำด้วยความเคยชิน เงิน จึงทำให้หน้ากากอนามัย หายไป 200 ล้านชิ้น เราไม่ต้องกลัวไวรัส Covid 19 จนเกินไป แต่เราก็ต้องไม่ประมาทด้วย เราพอจะรู้แล้วนะว่า ทำไมธรรมชาติ หรือพระเจ้าจึงส่งไวรัสตัวนี้มา. ส่งมาทำไม ? นี่คือสัญญาณเตือนจากฟ้า. นี่คือการจัดระเบียบโลกใบนี้ใหม่ แต่ถ้ามนุษย์ยังไม่ปรับพฤติกรรม กันเสียใหม่....... ทำนายกันเองได้เลย. อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต Covid 19 คงเป็นมาตรการแรกที่จะจัดการระเบียบโลก . ยังมีมาตรการระดับ 2,3,4 ..... ต่อไปเรื่อยๆ. จนกว่าโลกนี้จะเป็นระเบียบ ข้อแนะนำ เพิ่มพลังงานบวกให้โลกนี้ 1. มอบความรักความเมตตาให้แก่กันและกัน 2. ให้อภัยแก่กันและกัน 3. สร้างความพอดีให้ตัวเองให้มากที่สุด 4. ดูแลธรรมชาติและสรรพสิ่งบนโลกนี้ ให้ดีขึ้น 5 ดูแลโรงงานที่ธรรมชาติหรือพระเจ้าที่สร้างให้มนุษย์. โรงงานที่เราเอาขยะและของเน่าๆของเสียที่เราทิ้งแล้ว ไปแปรรูปเป็นอาหารอย่างดีมาให้เรา ดูแลโรงงานนั้นให้ดีหน่อย. โรงงานที่ว่านั้นคือต้นไม้ ไม้ผล พระเจ้าหรือธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มีกินตลอดปี ไม้ดอกให้ความงามตลอดปี เคยขอบคุณต้นไม้บ้างไหม ? เคยขอบคุณธรรมชาติหรือพระเจ้าของเราบ้างไหม ถ้าเราไม่เคยสำนึกในบุญคุณ ไม่ตอบแทนบุญคุณ. เราจะเรียกคนประเภทนี้ว่าอะไร ? 6 รู้จักคิด พิจารณา ชื่นชมตัวเองและชื่นชม ยกย่องผู้อื่นโดยเฉพาะธรรมชาติหรือพระเจ้าที่ให้ชีวิตเรามาให้สรรพสิ่งต่างๆบนโลกนี้อย่างเหลือคณานับ ลดพลังงานลบให้โลกนี้ 1. ลดการฆ่ากัน 2 ลดการทำร้าย ทำลายตัวเองและผู้อื่น. เราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ตัวเรามีราคาหาที่สุดไม่ได้. เคยดูแลตนเองบ้างไหม ? ให้สมกับธรรมชาติหรือพระเจ้าสร้างให้เราอย่างวิจิตรพิศดาร ใช้งานตัวเองไม่มากเกินไปได้ไหม ? 3 ลคความโลภ ความโกรธ ที่ทำร้าย. เผาตัวเองอยู่ตลอดเวลา 4 ลดการก้าวล่วง ผู้อื่น 5 ลดการทำลายธรรมชาติ ทำลายมนุษย์ สัตว์ ป่า เขา แม่น้ำ อากาศ แผ่นดิน 6. ลดการใช้สารพิษที่ทำลายธรรมชาติ จงอยู่กับธรรมชาติ ด้วยความสำนึก รักและขอบคุณธรรมชาติ ทุกๆวัน Covid 19 ก็เป็นเครื่องมือของธรรมชาติ ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ Covid 19 จะเข้าใจเรา เขาจะไม่ทำร้ายเรา เกินความจำเป็น ด้วยความรักและปรารถนาดี พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์. ตั้งคณา ประธานมูลนิธิ จิตเป็นผู้ให้ใจเป็นนิพพาน Thank you very much หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 21, 2020, 09:58:12 PM เผยคลิปใน รพ.อิตาลี วิกฤตโควิด-19
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_3797281 (https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_3797281) ข่าวสดออนไลน์ ขอบคุณค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 21, 2020, 10:01:26 PM https://www.thansettakij.com/content/business/425783?ad= (https://www.thansettakij.com/content/business/425783?ad=)
จากฐานเศรษฐกิจค่ะ คนแห่ตุนของ thank you เตือนค่ะ อย่าไปในที่คนเยอะๆ ถ้าต้องไปต้องเตรียมตัวให้พร้อม ที่ปิดปาก เจลล้างมือ เดินกันห่างๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง อย่าไปเสี่ยงดีที่สุดค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 22, 2020, 09:13:41 AM https://www.youtube.com/watch?v=8OT-fzIIwF8&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=8OT-fzIIwF8&feature=youtu.be)
เรื่องจริงจาก Dr. Eric ... team President Bill Clinton น่าสนใจค่ะ ขอบคุณค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 22, 2020, 02:39:48 PM https://www.youtube.com/watch?v=-CvYbpXPHqY (https://www.youtube.com/watch?v=-CvYbpXPHqY)
Suthichai live Lockdown กรุงเทพ! หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 23, 2020, 09:29:16 AM https://www.youtube.com/watch?v=09Z1WkSmRT0 (https://www.youtube.com/watch?v=09Z1WkSmRT0)
กาแฟดำวิเคราะห์ ได้เวลาตั้ง War Cabinet ครม.ฉุกเฉินสู้ Covid-19 Suthichai live 23/3/63 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 23, 2020, 09:33:29 AM this is how china (tianjin) handles covid-19: ผู้สร้างภาพบนตร์ ชาวญี่ปุ่น (Japanese filmmaker) ได้ติดอยู่ในประเทศจีน ระหว่างที่เกิดการระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 อย่างหนักหน่วง
ผู้สร้างภาพยนตร์ ชาวญี่ปุ่น คนนี้จึงได้ บันทึกภาพวิดีโอ และรวบรวมมา สร้างเป็น สารคดี ไว้เป็นกรณีศึกษาว่า รัฐบาลจีน ได้มีการบริหารจัดการ และการใช้ชีวิตประจําวัน ของชาวจีน อย่างไร ตั้งแต่ การไปร้านอาหาร การเดินทาง นั่งรถเมล์ การกดปุ่มในลิฟท์ การทำงานในออฟฟิศ ฯลฯ ทั้งหมดนี้ เพื่อหยุดยั้ง การแพร่ของเชื่อไวรัสระบาด ทำให้ปัจจุบัน (ณ วันที่ 20 มีนาคม 2563) เมืองอู่ฮั่น มีผู้ติดเชื้อใหม่ เป็น ศูนย์ แล้ว .. ไม่มีจำนวนผู้ติดเชื้อ รายใหม่เกิดขึ้นแล้ว https://youtu.be/YfsdJGj3-jM (https://youtu.be/YfsdJGj3-jM) https://www.youtube.com/watch?v=YfsdJGj3-jM&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=YfsdJGj3-jM&feature=youtu.be) Thank You so much หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 23, 2020, 09:39:22 AM https://www.youtube.com/watch?v=nzrW9xt04fM&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=nzrW9xt04fM&feature=youtu.be)
คำเตือนจากหมอ อเมริกันที่วอชิงตัน : Suthichai live 22/03/2563 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 23, 2020, 09:40:49 AM https://www.facebook.com/294679354548741/photos/a.320132538670089/509052779778063/?type=3&theater (https://www.facebook.com/294679354548741/photos/a.320132538670089/509052779778063/?type=3&theater)
ใครที่เป็นลูกหนี้และกำลังประสบปัญหาลองเอาไปดูและติดต่อกับธนาคารดูนะค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 23, 2020, 01:56:29 PM https://www.cnbc.com/2020/03/16/who-considers-airborne-precautions-for-medical-staff-after-study-shows-coronavirus-can-survive-in-air.html (https://www.cnbc.com/2020/03/16/who-considers-airborne-precautions-for-medical-staff-after-study-shows-coronavirus-can-survive-in-air.html)
เกี่ยวกับ WHO เป็น airborne ติดต่อผ่าน aerosol อ่านในนี้ อ่านดีๆค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 24, 2020, 08:24:28 PM ด่วน! นายกฯขออำนาจครม. ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คุมโควิด-19 แพร่เชื้อ
วันที่ 24 มีนาคม 2563 - 13:00 น. วันที่ 24 มีนาคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ขออำนาจคณะรัฐมนตรีออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยจะมีการกำหนดรายละเอียดเรื่องพื้นที่และแนวปฏิบัติหลังจากมติครม.ออกมาในช่วงบ่ายวันนี้ เพื่อควบคุมการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สำหรับสาระสำคัญของพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 มีทั้งหมด 19 มาตรา มาตรา 4 ในพระราชกำหนดนี้ “สถานการณ์ฉุกเฉิน” หมายความว่า สถานการณ์อันกระทบ หรือ อาจกระทบต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือ เป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐ หรือ อาจทำให้ประเทศ หรือ ส่วนใดส่วนหนึ่งของประเทศตกอยู่ในภาวะคับขัน หรือ การกระทำความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา การรบ หรือ การสงคราม ซึ่งจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาญาจักรไทย เอกราชและบูรณภาพแห่งอาณาเขต ผลประโยชน์ของชาติ การปฏิบัติตามกฎหมาย ความปลอดภัยของประชาชน การดำรงชีวิตโดยปกติสุขของประชาชน การคุ้นครองสิทธิเสรีภาพ ความสงบเรียบร้อยหรือประโยชน์ส่วนรวม หรือ การป้องปัดหรือแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาอย่างฉุกเฉินและร้ายแรง มาตรา 5 วรรคสอง การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินตามวรรคหนึ่ง ให้ใช้บังคับตลอดระยะเวลาที่นายกรัฐมนตรีกำหนด “แต่ต้องไม่เกินสามเดือนนับแต่วันประกาศ” ในกรณีที่มีความจำเป็นต้องขยายระยะเวลาให้นายกรัฐมนตรี โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรีมีอำนาจประกาศขยายระยะเวลาการใช้บังคับออกไปอีกเป็นคราว ๆ คราวละไม่เกินสามเดือน มาตรา 5 วรรคสาม เมื่อสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลงแล้ว หรือ เมื่อคณะรัฐมนตรีไม่ให้ความเห็นชอบ หรือ สิ้นสุดกำหนดเวลาตามวรรคสอง ให้นายกรัฐมนตรีประกาศยกเลิกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินนั้น มาตรา 6 ให้มีคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินคณะหนึ่ง ประกอบด้วย รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีมอบหมาย เป็นประธานกรรมการ มาตรา 9 ในกรณีที่มีความจำเป็นเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินให้ยุติลงได้โดยเร็ว หรือ ป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากขึ้น ให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจออกข้อกำหนด (1) ห้ามมิให้บุคคลใดออกนอกเคหสถานภายในระยะเวลาที่กำหนด เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ หรือ เป็นบุคคลซึ่งได้รับการยกเว้น (2) ห้ามมิให้มีการชุมนุมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใด ๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย (3) ห้ามการเสนอข่าว การจำหน่าย หรือทำให้แพร่หลายซึ่งหนังสือ สิ่งพิมพ์ หรือสื่ออื่นใดที่มีข้อความอันอาจทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสารทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉิน (4) ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ หรือกำหนดเงื่อนไขการใช้เส้นทางคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะ (5) ห้ามการใช้อาคาร หรือเข้าไปหรืออยู่ในสถานที่ใด ๆ (6) ให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ที่กำหนดเพื่อความปลอดภัยของประชาชนดังกล่าว หรือห้ามผู้ใดเข้าไปในพื้นที่ที่กำหนด มาตรา 18 ผู้ใดฝ่าฝืนข้อกำหนด ประกาศ หรือคำสั่งที่ออกมาตรา 9 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ในช่วงเช้าวันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงกระแสข่าวเตรียมการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของไวรัสโควิด-19 ว่า ขึ้นอยู่กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะพิจารณา แต่ทราบว่าขณะนี้ได้เตรียมการใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 เพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว แต่สิ่งสำคัญในการลดการแพร่ระบาดนั้น ทุกคนจะต้องร่วมมือกันปฏิบัติตามหลักการที่กระทรวงสาธารณสุขขอความร่วมมือ พล.อ.อนุพงษ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการปิดด่านชายแดนนั้น ได้ดำเนินการปิดด่านตามแนวชายแดนแล้ว ยกเว้นเพียงจุดที่มีคนไทยต้องเดินทางกลับเข้ามา ซึ่งมีทีมแพทย์ดูแลผู้ป่วย หากมีบุคคลต้องสงสัยทีมแพทย์ดูแลผู้ป่วย หากมีบุคคลต้องสงสัยทีมแพทย์ก็จะดูแลดำเนินการตามขั้นตอนในการคัดกรอง และกักตัวเช่นกัน “ขอแนะนำประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาว่า จะต้องปฏิบัติตัวตามที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำ เพื่อไม่ทำให้เกิดเชื้อแพร่กระจาย เพราะหากร่วมมือและดูแลตัวเองก็จะควบคุมสถานการณ์ได้ ผมเชื่อว่า ความร่วมมือถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะลดการแพร่ระบาดของโรคได้ สถานการณ์ก็จะสงบได้เช่นกัน แม้หากจะมีกฎหมายออกมา แต่ความร่วมมือของประชาชน ถือว่าสำคัญที่สุด หากประชาชนทุกภาคส่วนร่วมมือกัน ก็จะเกิดประโยชน์ และแก้ปัญหาลดการแพร่ระบาดของโรคได้” พล.อ.อนุพงษ์ กล่าว หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 24, 2020, 08:27:10 PM @Taang
ประกาศจากการบินไทย: "เนื่องจากข้อ จำกัด ด้านการเดินทางและการห้ามเดินทางซึ่งเป็นผลมาจากการระบาดของ COVID-19 ทั่วโลกสายการบินไทยต้องการที่จะแจ้งให้ระงับเที่ยวบิน TG ทุกเที่ยวบินชั่วคราว: ก) เที่ยวบินยุโรปทั้งหมดมีผลตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนถึง 31 พฤษภาคม 2563 b) เที่ยวบินภูมิภาคทั้งหมด (รวมถึงสิงคโปร์) มีผลตั้งแต่วันที่ 25 มีนาคมถึง 31 พฤษภาคม 2563 ในเรื่องนี้ TG410 / 24Mar คืนนี้ (เวลาออก 21.15h) จะเป็นเที่ยวบินสุดท้ายของเราออกจากสิงคโปร์ สำหรับคนไทยทุกคน TG จะมีความยืดหยุ่นพร้อมการจองใหม่ทั้งหมด ผู้โดยสารชาวไทยที่ถือเอกสาร TG จะได้รับการขึ้นเครื่องโดยไม่คำนึงถึงวันที่เดินทางบนตั๋ว ค่าธรรมเนียมทั้งหมดจะได้รับการยกเว้นสำหรับคนไทย CR: Akara Paul หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 24, 2020, 08:40:15 PM https://www.punpro.com/p/Register-COVID19-Money (https://www.punpro.com/p/Register-COVID19-Money)
วิธีลงทะเบียนรับเงิน 5,000 บาท หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 02, 2020, 07:40:22 PM มีข้อมูลล่าสุดสนับสนุนว่าผู้ป่วยโควิด-19 ระยะฟักตัวสามารถแพร่กระจายเชื้อไวรัสทางอากาศ airborne transmission ไม่ต่างจากวัณโรค ขณะร้องเพลงร่วมกับผู้อื่น
สื่ออเมริกาลงข่าว กลุ่มนักร้องประสานเสียงในโบสถ์แห่งหนึ่งที่รัฐวอชิงตัน(ดูรูป) จำนวน 45 คนจาก 60 คน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และเสียชีวิต 2 คนภายใน 3 สัปดาห์ ทั้งที่ทุกคนที่มาร้องเพลงเป็นเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง วันที่ 10 มี.ค. ไม่มีใครไอ ไม่มีใครป่วย พวกเขาป้องกันตัวเองทุกอย่าง ล้างมือ ยืนรักษาระยะห่าง 1-2 เมตร ไม่แตะตัวหรือแตะต้องสิ่งของอะไร แต่ปรากฏว่าเมื่อสมาชิกนักร้องกลุ่มนี้แยกย้ายกันกลับบ้าน บางคนเริ่มไม่สบายจนตรวจพบว่าติดเชื้อโควิด-19 ถึง 45 คนและป่วยเสียชีวิตไป 2 คน แสดงว่าขณะที่คนที่อยู่ในระยะฟักตัว ร้องเพลงเปล่งเสียงสูงออกมามีละอองฝอย (droplet nuclei) ฟุ้งกระจายออกมา เป็นละอองฝอยขนาดเล็ก ไม่ใช่น้ำลายหรือเสมหะ ละอองเล็กขนาดต่ำกว่า 5 ไมครอน ล่องลอยไปในอากาศ ทำให้คนที่อยู่ห่างออกไปไกลๆก็ติดเชื้อได้ ไม่ใช่จากการไอจามรดกัน การสัมผัสเนื้อตัวหรือสิ่งของร่วมกัน จำกรณีของป้าประเทศเกาหลีใต้ที่ไปร้องเพลงในโบสถ์เมืองแทกูได้ไหม รายนั้นก็เป็นซุปเปอร์สเปรดเดอร์ แพร่เชื้อให้กับสมาชิกของโบสถ์ที่ร่วมร้องเพลง 40-50 คนผ่านการเปล่งเสียงร้องเพลงเช่นกัน หรือกรณีสนามมวยลุมพินีของไทย ก็มีการวัดไข้ และล้างมือทุกคนก่อนเข้าชมมวย เซียนมวยคงอยู่ในระยะฟักตัวคนหนึ่ง ตะโกนส่งเสียงเชียร์แล้วมีละอองฝอยออกมาล่องลอยไปติดคนอื่น 50-60 คน แสดงให้เห็นถึงความร้ายกาจของเชื้อไวรัสตัวนี้ เชื้อโควิดติดต่อกันง่าย และอันตรายกว่าไข้หวัดใหญ่หลายเท่า ปัจจุบันมีหลักฐานจากการทดลองในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าเชื้อไวรัสโควิด-19 สามารถล่องลอย มีชีวิต อยู่ในอากาศนานถึง 3 ชั่วโมง ต่อไปนี้ถ้าต้องร้องเพลง ตะโกนเชียร์กีฬา และมีคนอยู่ด้วยกันหลายคน คนที่ร้องหรือตะโกน ต้องใส่หน้ากากอนามัย เพราะอาจอยู่ในระยะฟักตัวโดยที่ตัวเองไม่รู้ เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อทางอากาศให้กับผู้อื่นเป็นวงกว้าง Credit fb: หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC. 1 April 2020 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 02, 2020, 07:42:28 PM https://today.line.me/TH/pc/article/DP35Ng?utm_source=lineshar
ล้างรองเท้า ถอดไว้นอกบ้าน หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 02, 2020, 07:44:35 PM https://www.youtube.com/watch?v=gIHQGT_l5bA&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=gIHQGT_l5bA&feature=youtu.be)
ขมาฟ้าใหม่ - บรรเลงขลุ่ย อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี Feat. หรั่ง ร๊อกเคสตร้า [ Official MV ]( สู้ โควิด 19 ) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 02, 2020, 07:45:25 PM INDIA: .. "ทันทีที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนเรนดรา โมดี ของอินเดีย ประกาศ 'ล๊อกดาวน์ประเทศ' คนงานระดับล่าง จำนวนราว 100 ล้านคน ก็ต้อง 'ตกงาน' ในทันที!!
ร้านรวงและสำนักงานปิดประตูอย่างไม่มีเยื่อใย นายจ้างก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีใครมาคอยจ่าย 'เงินประจำวัน' ให้คนงานอีกต่อไป เมื่อถูกลอยแพแบบกระทันหันเช่นนี้ คนงานเหล่านี้จะทำอย่างไรได้ .. จะอาศัยอยู่ต่อไปในนครนิวเดลลี ก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าอีกต่อไป สุดท้ายคนงานเหล่านี้ ราวร้อยล้านคน รวมทั้งลูกเล็กเด็กแดง ต้องเดินเท้ากลับบ้านเกิดในรัฐต่างๆ เพราะรถไฟราคาถูกปิดการให้บริการทั่วประเทศ ครั้นจะไปรถบัสหรือเหมารถก็ไม่มีเงินจ่าย 'การอพยพครั้งใหญ่' จึงเกิดขึ้น!! ในอินเดียขณะนี้ คนงานบางคนหอบลูกจูงหลานฝ่าความร้อนแดดแผดเผาเพื่อกลับบ้าน ที่มัธยประเทศ ระยะทางกว่า 700 กม. เหนื่อยนักก็พักข้างทาง กินอาหารที่หอบหิ้วมาด้วยเพื่อความประหยัดบางคนโชคดีหน่อยอยู่แค่ รัฐราชสถาน ระยะ 100 กม. คนงานระดับล่างเหล่านี้ได้กลายเป็นผู้อพยพในฉับพลันหลังคำประกาศของรัฐบาล … นี่ถือใด้ว่าเป็น 'การอพยพครั้งใหญ่ที่สุดของโลก' .. ก็ว่าใด้ ในอดีตประมาณ 70 ปี ปากีสถานแยกประเทศออกจากอินเดีย มีคนอพยพไปถึง 10 ล้านคน นั้นถือว่ามากที่สุดในโลกแล้ว แต่นี่มัน 100 ล้านคน เกือบ 1 ในสิบของประชากร" หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 02, 2020, 08:09:48 PM https://www.youtube.com/watch?v=6wBBIuW7eKk (https://www.youtube.com/watch?v=6wBBIuW7eKk)
กทม. Lockdown กทม.? คุยกับ คุณอัศวิน ขวัญเมือง Suthichai live 2/4/63 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 02, 2020, 08:11:03 PM https://www.youtube.com/watch?v=fdQr5EN0EIE (https://www.youtube.com/watch?v=fdQr5EN0EIE)
ระดมสมองฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจไทยในสงคราม Covid-19! : Suthichai live 01/04/2563 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 03, 2020, 10:44:09 PM CNN ทำสกู๊ปข่าวเตือนผู้ใช้ “คอนแทคเลนส์” ในช่วงที่ #โควิด19 #COVID19 ระบาด แนะนำให้หันมาใส่ “แว่น” แทน เพราะการใส่คอนแทคเลนส์เป็นการสัมผัสดวงตาโดยตรง เพิ่มความเสี่ยงของการได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกาย
CNN บอกว่าเพื่อลดการแพร่กระจายของ #ไวรัสโคโรนา ที่เป็นสาเหตุของโรค Covid-19 ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าถึงเวลาที่จะต้องวางคอนแทคเลนส์ของคุณไว้บนชั้นวางของ ที่สำคัญ การสวมแว่นตายังสามารถช่วยให้คุณไม่ต้องสัมผัสใบหน้าของคุณ ปัญหาใหญ่ของผู้ใช้คอนแทคเลนส์ คือ ไม่เพียงแต่คุณจะสัมผัสดวงตาเพื่อใส่และถอดเลนส์วันละ 2 ครั้งหรือมากกว่านั้น ทำให้ต้องสัมผัสดวงตาและใบหน้ามากกว่าคนที่ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ การใส่แว่นตายังมีส่วนช่วยให้ป้องกันจากอนุภาคไวรัส coronavirus ที่ลอยอยู่ในอากาศ แม้ว่าจะมีโอกาสที่จะติดเชื้อทางปากและจมูกมากกว่าดวงตาของคุณ แต่การใส่แว่นตาก็เท่ากับว่าได้เพิ่มตัวกรองเพื่อช่วยให้อยู่ห่างจาก coronavirus coronavirus สายพันธุ์ใหม่นี้ยังอาจทำให้เกิดเยื่อบุตาอักเสบซึ่งเป็นโรคติดต่อที่รู้จักกันในชื่อ “pink eye” เยื่อบุตาอักเสบเป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อบางชั้นโปร่งใสที่เรียกว่าเยื่อบุตาซึ่งครอบคลุมส่วนสีขาวของตาและด้านในของเปลือกตา ยังเปิดทางให้ไวรัสสามารถเกาะติดกับเยื่อบุตาได้หรือติดอยู่ในคอนแทคเลนส์ที่วางอยู่บนเยื่อบุตา ทุกคนล้วนมีความรับผิดชอบต่อสังคมที่จะไม่ทำหน้าที่เป็นพาหะของโรคที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต นี่คือวิกฤตที่ดำรงอยู่!! อย่างไรก็ดี ยังไม่พบหลักฐานว่าคนที่มีอาการ Covid-19 จะหลั่งไวรัสออกจากน้ำตา ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า coronavirus สามารถแพร่กระจายได้ด้วยน้ำตา จึงอย่าตกใจในเรื่องนี้ หมอย้ำว่าการฝึกฝนสุขอนามัยเป็นเรื่องที่ดี ขอให้ล้างมือให้สะอาดด้วยสบู่หรือเจล (ด้วยวิธีที่ถูกต้อง) ในทุกโอกาสและอย่าเอามือมาสัมผัสใบหน้า อย่าขยี้ตา และเลิกใส่คอนแทคเลนส์!!! https://amp.cnn.com/cnn/2020/03/27/health/contact-lens-glasses-coronavirus-wellness/index.html... thank you very much หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 03, 2020, 10:45:56 PM https://www.youtube.com/watch?v=szOS4Ma3VhM&feature=youtu.be (https://www.youtube.com/watch?v=szOS4Ma3VhM&feature=youtu.be)
นักระบาดวิทยาจีนเผยแล้ว คน 3 ประเภทนี้ ปลอดภัย สบายใจได้ การดู 20,787 ครั้ง•3 เม.ย. 2020 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 03, 2020, 10:48:29 PM https://www.matichon.co.th/foreign/news_2120889 (https://www.matichon.co.th/foreign/news_2120889)
‘ดำรง พุฒตาล’ เผยเรื่องเศร้า ญ.ไทยในอังกฤษติดโควิด รพ.ปฏิเสธรับตัว เสียชีวิตสลดที่บ้านพัก ขอบคุณค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 05, 2020, 09:03:27 AM https://www.youtube.com/watch?v=c-iyY-ZS1Og (https://www.youtube.com/watch?v=c-iyY-ZS1Og)
เส้นตาย 6 โมงเย็น! : Suthichai live 04/04/2563 ฟังดูค่ะ และก็ต้องดูแลตัวเองดีๆค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 10:29:27 AM https://www.youtube.com/watch?v=yr1oUeNO3JM (https://www.youtube.com/watch?v=yr1oUeNO3JM)
กาแฟดำวิเคราะห์ : กระชับมาตรการปราบ Covid-19 Suthichai live 6/4/63 thank you หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 11:26:00 AM https://www.facebook.com/144490368105/posts/10157144551538106/?vh=e&d=n (https://www.facebook.com/144490368105/posts/10157144551538106/?vh=e&d=n)
Ep.2 เปิดใจ “นักรบชุดขาว” ด่านหน้าสู้ศึก COVID 19 เสี่ยงที่สุด เพื่อคนไทยทั้งประเทศ อย่าปล่อยให้ “บุคลากรทางการแพทย์” ต้องสู้เพียงลำพัง สิ่งใด? ที่แนวหลังอย่าง “พวกเรา” ทั้ง “คนทั่วไป” และ “ผู้ติดเชื้อ” จะทำได้ เพื่อสู้ไปด้วยกัน... หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 11:27:56 AM สถานการณ์แบบนี้ ยังแอบคิดในใจว่า เด็กๆพระจอมเกล้าฯจะประดิษฐ์คิดค้นอะไรมาช่วยแก้วิกฤตได้บ้าง หุ่นยนต์ฉีดฆ่าเชื้อ ? หรือ หุ่นยนต์ตรวจวัดอุณหภูมิ ?....
และวันนี้ก็มีข่าวดี หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 11:35:24 AM ธุรกิจมาเเรง! ชาวจีนเเห่ใช้ “เชงเม้งออนไลน์” ไหว้บรรพบุรุษผ่านสตรีมมิ่ง ช่วง COVID-19
อ่านต่อ https://positioningmag.com/1271832 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 10:38:15 PM หน้ากากผ้าแบบไหนใช้ดีสุด #LINETODAY
https://today.line.me/TH/article/lX1BEG?utm_source=lineshare หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 10:42:10 PM สถานการณ์พิเศษ - สถานการณ์ covid-19
ทางเพจบ้านนางเลิ้งจึงเพิ่มสถานะเป็นหน้าร้านขายของ บอกต่อของดีนางเลิ้ง และส่งของดีนางเลิ้งถึงบ้านคุณผ่านระบบเดลิเวอรี่ มาร่วมกันสนับสนุนสินค้าจากชุมชนกันนะคะ #supportlocal #BAANNANGLERNG " บ้านนางเลิ้ง เป็นพื้นที่รวบรวมของกินในย่านนางเลิ้งในรูปแบบ Community Online Platform ทำเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนเก่าอยู่คู่กับการพัฒนาเมือง ทำโดยคนในชุมชน เพื่อชุมชน และเพื่อส่งต่อความอร่อยตำรับชุมชนนางเลิ้งให้ผู้บริโภค" หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 10:44:26 PM สุดยอดของจริง จำลองสถานการณ์ COVID19 พิสูจน์ชัดคาตา ตัวร้าย คือ คนที่ติดเชื้อ 80% ที่ไม่มีอาการ แล้วเดินแผ่เชื้อไปทั่ว ด.ช.มรรค ใช้เวลาร่วม 10 ช.ม. ในการเขียนโคดในภาษา C# และออกแบบกราฟิคผ่าน Unity
ชมผ่านYoutube ที่ https://youtu.be/0l1vjgwQKw4 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 10:46:51 PM อัพเดต โควิด-19 ตอนที่ 16
การประมาณการณ์ผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่น่ากลัวจากโรคโควิด-19 ขององค์กรต่างๆภายใต้องค์การสหประชาชาติ -ILO คาดการณ์ว่าจะมีการยกเลิกการจ้างงานประมาณ 5-25 ล้านตำแหน่ง และทำให้ทั้งโลกสูญเสียรายได้จากแรงงานประมาณ 860,000-3,400,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 27,520,000-108,800,000 ล้านบาท -UNCTAD คาดการณ์ว่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศของทั้งโลกจะลดลงประมาณ 30-40 % -UNWTO คาดการณ์ว่าจะมีการเดินทางทั่วโลกลดลง 20-30% -ITU คาดการณ์ว่าประชากรโลกประมาณ 3,600 ล้านคนจะเข้าไม่ถึงระบบดิจิตอล (Offline) -UNESCO คาดการณ์ว่านักเรียนประมาณ 1,500 ล้านคน จะออกจากโรงเรียน Source: Report on Shared responsibility-Global solidarity: Responding socio-economic impacts of COVID-19, UN News, United Nations, 31 March 2020. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 06, 2020, 10:48:03 PM มาตรการบรรเทาผลกระทบจากโรคโควิด-19 ที่เสนอแนะโดยองค์การสหประชาชาติ ประกอบด้วย
-การปฏิบัติการระดับโลกต้องครอบคลุมแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจให้บรรลุเป้าหมายมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของผลิตภัณฑ์มวลรวมโลกเป็นตัวเลข 2 หลัก โดยมีการปฏิบัติที่เห็นได้ชัดเจนเพื่อการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศกำลังพัฒนา -การระดมทรัพยากรต้องศึกษาผลกระทบต่างๆ การประสานงานทางการเงิน มาตรการทางการคลังและสังคม ในขณะเดียวกันก็เชื่อมโยงภาคการเงินของภาคเอกชนในการสนับสนุนธุรกิจต่างๆและการดำเนินการกับความท้าทายเชิงโครงสร้างต่างๆ -ความสามัคคีในชาติจำเป็นต้องมีการจัดลำดับความสำคัญกับความปรองดองทางสังคม และจัดหาการกระตุ้นทางการคลังให้แก่ผู้ที่มีความอ่อนไหวรวมทั้งวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม งานที่ดี และการศึกษา Source: Report on Shared responsibility-Global solidarity: Responding socio-economic impacts of COVID-19, UN News, United Nations, 31 March 2020. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 12, 2020, 08:57:45 PM ืนนี้ใครนอนดึก เชิญชมการแสดงสดของ Andrea Bocelli ในคอนเสิร์ทพิเศษ ณ วิหาร Duomo di Milano ประเทศอิตาลี จัดขึ้นเนื่องในโอกาสวันอีสเตอร์ซึ่งเป็นสัญญลักษณ์แห่งการฟื้นคืนชีพของพระเยซู และในครั้งนี้เพื่อความหวังแห่งการฟื้นตัวของประเทศอิตาลีจากปัญหาการระบาดรุนแรงของโรค Covid-19 ด้วย
เป็นคอนเสิร์ทครั้งแรกที่จะปราศจากผู้ชม แต่ได้รับความร่วมมือจากยูทูบที่เป็นผู้ร่วมจัดคอนเสิร์ทนี้ คนนับล้านจะได้ชมฟรีผ่านลิงค์ข้างล่างนี้ เริ่ม Live stream เที่ยงคืนตรงตามเวลาประเทศไทย Andrea Bocelli: Music For Hope - Live From Duomo di Milano https://www.youtube.com/watch?v=huTUOek4LgU (https://www.youtube.com/watch?v=huTUOek4LgU) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 14, 2020, 07:25:06 PM มารณรงค์งดใช้หน้ากากอนามัยแบบมีวาล์วกันเถอะ
จากสถานการณ์การระบาดของโคโรนาไวรัสในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมานั้น หน้ากากอนามัยเป็นสิ่งจำเป็นที่ทุกคนจะขาดไม่ได้ แต่หน้ากากอนามัยในท้องตลาดที่เราใช้กันอยู่นั้นมีอยู่หลายแบบ หลายแบบก็มีวาล์วสำหรับปล่อยลมหายใจออกมา คนจำนวนมากก็นิยมที่จะใส่หน้ากากอนามัยมีวาล์วมากกว่า เนื่องจากจะรู้สึกหายใจได้สบายมากกว่า ไม่มีไอความชื้นของลมหายใจเก่าตกค้าง ใส่สบายแถมราคาก็มักจะแพงกว่าหน้ากากอนามัยธรรมดาอีกพอสมควร แต่ในความเป็นจริงๆแล้วหน้ากากอนามัยแบบมีวาล์วเหมาะสมในสถานการณ์ที่มีปริมาณฝุ่น PM 2.5 สูงมากกว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่านั้น มีหลายการศึกษาพบว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนมากที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อย คนติดเชื้อเหล่านี้ก็จะสามารถเป็นผู้กระจายเชื้อไวรัสนี้ได้... การใส่หน้ากากอนามัยนั้น วัตถุประสงค์ในแง่ของการควบคุมการระบาดก็คือ ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยกระจายเชื้อออกมา และ ป้องกันไม่ให้ผู้ไม่ป่วยได้รับเชื้อโรค แต่การใช้หน้ากากอนามัยแบบมีวาล์วนั้นเวลาผู้ติดเชื้อ ที่มีอาการน้อยหรือไม่มีอาการ ไอจาม หายใจ ก็จะสามารถปล่อยเชื้อกระจายออกมาได้ผ่านวาวล์ระบายลมออกโดยที่ไม่มีการกรองเลย ทำให้ผู้อยู่รอบข้างมีความเสี่ยงในการติดเชื้อโดยเข้าใจผิดว่าอีกฝ่ายใส่หน้ากากป้องกันไว้แล้ว.... ตอนนี้เข้าใจไว้เลยนะครับ หากคนที่มาพบปะเราเป็นผู้ติดเชื้อ และไม่มีอาการอะไร การที่เขาใส่หน้ากากอนามัยแบบมีวาวล์ เขาจะสามารถป่ล่อยเชื้อไวรัสออกมาได้ตลอดนะครับ...รู้ไว้ก็อย่างประมาทเป็นดีที่สุด นพ.อานนท์ เรืองอุตมานันท์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 14, 2020, 07:27:28 PM เมื่อคืนแอบหลงเข้าไปกว่าจะออกมาได้โอ้โหเกือบเช้า !!
ตรงนี้คือพื้นที่ที่เปิดโอกาสและให้กำลังใจกันในยุค COVID-19 ชาวมธ. และชาวจุฬาฯ ที่สนใจซื้อหรือขาย ลองเข้ากลุ่มไปได้เลย... ธรรมศาสตร์และการฝากร้าน >> https://www.facebook.com/groups/302075350757527/ (https://www.facebook.com/groups/302075350757527/) จุฬาฯมาร์เก็ตเพลส >> https://www.facebook.com/groups/1162370287441092/ (https://www.facebook.com/groups/1162370287441092/) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 16, 2020, 03:09:02 PM https://today.line.me/TH/pc/article/2lYJoz?utm_source=lineshare
คนเลี้ยงช้างวิจารณ์สนั่น! ไม่รู้เห็นคนอ้างวิกฤตโควิด เปิดบัญชีรับบริจาคเงินช่วยช้างทุกปาง #LINETODAY หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 16, 2020, 03:13:41 PM เตรียมรับมือ! กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่ม 36จว. ใต้อ่วม ลมแรง-ระวังอันตราย #LINETODAY
https://today.line.me/TH/article/WjXzRX?utm_source=lineshare หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 21, 2020, 12:43:41 PM ทำไมราคาน้ำมันจึงติดลบได้?
โดย วิน พรหมแพทย์, CFA #InvestLikeAPro บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ วันที่ราคาน้ำมันดิบ West Texas ลงไปติดลบครั้งแรก ถึง -$37.63/barrel อธิบายคร่าวๆ ได้ดังนี้ครับ 1. ราคาน้ำมันดิบที่เห็น เป็นราคาซื้อขาย Futures Contract หรือ สัญญาซื้อล่วงหน้า โดยในสัญญามีการกำหนด ราคา/ปริมาณ/วันส่งมอบ ไว้ล่วงหน้า ซึ่งราคาที่เราเห็นติดลบ คือ สัญญา West Texas Crude ของเดือน May ซึ่งจะครบกำหนดในวันนี้ (21 April) 2. คนที่ซื้อขายสัญญา Futures มี 2 กลุ่ม คือ (1) กลุ่มผู้ผลิต/ผู้ค้าน้ำมันที่ต้องการ lock ราคาซื้อขายไว้ล่วงหน้า พร้อมจะส่งมอบน้ำมันจริงๆ กับ (2) กลุ่ม Traders/Hedge Funds รวมไปถึงกองทุนต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Exchange Traded Funds (ETFs) ที่เข้ามาซื้อขาย Futures เพื่อเก็งกำไร กลุ่มหลังนี้มีจำนวนเยอะกว่ากลุ่มแรกหลายเท่า 3. โดยทั่วไปคนกลุ่ม (2) ก็จะใช้วิธีขายสัญญาที่ใกล้ครบอายุ แล้วไปซื้อสัญญาเดือนที่อยู่ห่างออกไป เรียกว่า “Rollover” เช่น ขายสัญญาเดือน May ไปซื้อสัญญาเดือน June/July เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ สังเกตว่ากลุ่มนี้เข้ามาซื้อขายแค่กระดาษ ไม่มีความพร้อมจะรับมอบน้ำมันดิบจริงๆ 4. เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ คือกลุ่ม (2) ที่ถือสัญญาของเดือน May ซึ่งจะครบกำหนดในวันนี้ (21 April) ไว้เต็มมือ พยายามจะเร่ขายสัญญา (เพราะถ้าถือไว้ต้องรับมอบน้ำมันดิบจริง) โดยการที่ราคาลงไปติดลบแปลว่า “ช่วยมาซื้อไปหน่อย แถมเงินให้ด้วย” โดยใน Bloomberg รายงานว่า ตลอดทั้งวันไม่มี bidder หรือคนเสนอซื้อเลยแม้แต่คนเดียว 5. อธิบายเพิ่มอีกนิดว่า การส่งมอบน้ำมันดิบจริงๆ จากสัญญา Futures เกิดขึ้นที่เมืองเล็กๆ ชื่อ Cushing ในรัฐ Oklahoma ซึ่งสามารถจัดเก็บน้ำมันได้สูงสุด 76 ล้านบาร์เรล แต่ด้วยสถานการณ์อุปทานล้น ตัวเลขล่าสุดที่จัดเก็บแล้วคือ 55 ล้านบาร์เรล ประกอบกับปริมาณน้ำมันดิบสะสม 5 ล้านบาร์เรลต่อสัปดาห์ ก็คาดว่า อีกแค่ 4 สัปดาห์ก็เต็มแล้ว นี่คือสาเหตุที่ราคาติดลบ เพราะน้ำมันดิบล้นจนไม่มีที่เก็บ! 6. มีข้อมูลเพิ่มเติมว่า กองทุน ETF ชื่อ US Oil Fund (USO) ช่วงเดือนที่ผ่านมา มี fund flows เข้ามามหาศาล ทำให้เป็นคนถือครองสัญญาเดือน May มากถึง 25% ของสัญญาทั้งหมด ดังนั้นเมื่อ USO ต้องทำการ Rollover ด้วยการขายสัญญาเดือน May ไปซื้อสัญญาเดือนไกลๆ ก็เลยมีแรงขายแบบเทกระจาด แต่ไม่มีคนรับซื้อ 7. ขณะนี้ราคาสัญญาเดือน June (ครบกำหนดวันที่ 19 May) ยังซื้อขายกันที่ $21 แต่ถ้าสถานการณ์ในข้อ 5 ยังไม่ดีขึ้น ก็อาจจะเห็นราคาน้ำมันติดลบได้อีกครั้งช่วงกลางเดือน May ครับ Credit: Bloomberg หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ เมษายน 21, 2020, 12:44:15 PM ช็อกตาตั้ง!!น้ำมันสหรัฐฯดิ่ง$56ราคาติดลบครั้งแรกในประวัติศาสตร์,ดาวโจนส์ร่วง500จุด
คลิก >> https://mgronline.com/around/detail/9630000041477 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤษภาคม 10, 2020, 11:38:40 AM https://www.prageru.com/video/ep-133-fear-credibility-and-the-threat-of-a-police-state/ (https://www.prageru.com/video/ep-133-fear-credibility-and-the-threat-of-a-police-state/)
ลองฟังดูค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤษภาคม 10, 2020, 11:45:37 AM Best Candace Owens Mic Drops
https://www.youtube.com/watch?v=AL-vuY27grY (https://www.youtube.com/watch?v=AL-vuY27grY) ลองฟังดูค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มิถุนายน 05, 2020, 05:46:47 PM วลาดีมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเมื่อวานนี้ (3 มิถุนายน 2020) เมื่อพบว่ามีน้ำมันดีเซลรั่วกว่า 20,000 ตัน ลงไปยังแม่น้ำในเมือง Norilsk ทางตอนกลางของขั้วโลกเหนือ (Arctic Circle) นับเป็นปริมาณการรั่วไหลของน้ำมันที่มากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน โดยการรั่วไหลครั้งใหญ่ก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี 2007 ซึ่งมีน้ำมันรั่วเป็นปริมาณ 5,000 ตัน
น้ำมันดีเซลที่รั่วในครั้งนี้มาจากหนึ่งในโรงงานของบริษัท Nornickel ซึ่งมีโรงงานหลายแห่งในพื้นที่รอบแม่น้ำ Yenisel ในเมือง Norilsk และ Talnakh ทำให้พื้นที่บริเวณดังกล่าวถูกจัดให้เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งปนเปื้อนมลพิษมากที่สุดในโลก โดยการรั่วเกิดขึ้นนานถึง 2 วันก่อนที่รัฐบาลจะได้รับข่าวจากโซเชียลมีเดีย แสดงถึงเจตนาของบริษัทที่จะปกปิดข่าวนี้ แต่ปริมาณของน้ำมันที่รั่วไหลนั้นมากเกินกว่าจะปกปิดได้ ตอนนี้รัสเซียกำลังพยายามหาข้อสรุปเกี่ยวกับวิธีกำจัดคราบน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันดีเซลนั้นกำจัดได้ยากกว่าน้ำมันดิบ เบื้องต้นมีการเสนอให้เผาน้ำมันทิ้ง แต่ด้วยปริมาณที่มหาศาลและยังเกิดขึ้นกลางขั้วโลกเหนือ นักวิชาการหลายคนจึงกังวลว่าจะอันตรายและสร้างผลกระทบมากจนเกินไป ตอนนี้ยังไม่มีรายงานผลกระทบที่เกิดขึ้นต่อสิ่งมีชีวิตในพื้นที่โดยรอบ แต่ลักษณะพื้นที่ซึ่งเป็นทุ่งทุนดราใกล้แหล่งน้ำแบบนี้ ย่อมเป็นแหล่งอาศัยและทำรังวางไข่หลักของนกชายเลนหลายชนิด การปนเปื้อนของสารเคมีในแหล่งน้ำย่อมส่งผลกระทบต่อนกชายเลนและสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ ในระบบนิเวศเดียวกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อ่านเนื้อข่าวเพิ่มเติมได้ที่ https://www.theguardian.com/environment/2020/jun/03/vladimir-putin-orders-state-of-emergency-huge-fuel-spill-siberia-power-plant-kerch?CMP=fb_gu&utm_medium=Social&utm_source=Facebook&fbclid=IwAR1vBA4ENwbBpHh08htIVHmP7LYp8hsK-uk-k9AjJeglfHZcwyqe5lc3l-Q#Echobox=1591213578 (https://www.theguardian.com/environment/2020/jun/03/vladimir-putin-orders-state-of-emergency-huge-fuel-spill-siberia-power-plant-kerch?CMP=fb_gu&utm_medium=Social&utm_source=Facebook&fbclid=IwAR1vBA4ENwbBpHh08htIVHmP7LYp8hsK-uk-k9AjJeglfHZcwyqe5lc3l-Q#Echobox=1591213578) -thank you- หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มิถุนายน 07, 2020, 10:09:49 AM https://www.prachachat.net/economy/news-473021 (https://www.prachachat.net/economy/news-473021)
4 แห่ง ประกอบด้วย จุดที่ 1 พีทีที สเตชั่น สวัสดิการ ร.1 รอ. ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสามเสนใน เขตพญาไท จุดที่ 2 พีทีที สเตชั่น ประชาอุทิศ-ลาดพร้าว เลียบด่วน 304, แขวงวังทองหลาง เขตวังทองหลาง จุดที่ 3 พีทีที สเตชั่น เทพรักษ์ แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน และจุดที่ 4 พีทีที สเตชั่น แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน โดยจะเปิดจำหน่ายพร้อมกันทั้ง 4 จุด ในวันอาทิตย์ที่ 7 และ 14 มิถุนายน 2563 ในเวลาตั้งแต่ 09. 00 น. เป็นต้นไป สำหรับกุ้งก้ามกรามที่นำมาจำหน่ายดังกล่าวนั้น เป็นผลผลิตที่มีคุณภาพจากฟาร์มของเกษตรกรในจังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม และราชบุรี ซึ่งมีความสด สะอาด ปลอดภัย thank you หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มิถุนายน 18, 2020, 10:33:19 PM (มีเรื่องอยากเล่า) "หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของสังคมไทย คือความเคารพที่พวกเขามีต่อผู้สูงอายุ"
. เมื่อชายชาวต่างประเทศเลือก "บ้านกำลังใจ" ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงคนชรา 24 ชั่วโมง ให้ภรรยาอยู่ในบั้นปลายชีวิต ขณะที่คนอื่นไม่เห็นด้วย เพราะมองว่าเอาเธอมาทิ้งลำพัง และสำนักข่าวดังอัลจาซีร่าห์นำมาเสนอเป็นสารคดี และยังมีอีกหลายกรณีที่มีแต่เสียงชื่นชม . วันที่ 30 เมษายน 2020 สำนักข่าว Al-Jazeera ได้เผยแพร่รายการสารคดี Thailand's Last Resort | 101 East ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องราวของผู้สูงอายุชาวต่างชาติหลายคน ที่ตัดสินใจเลือกมาอยู่ที่ "บ้านกำลังใจ" ในบั้นปลายของชีวิต ซึ่งเป็นศูนย์พักพิงคนชรา 24 ชั่วโมงครบวงจร ที่กล่าวกันว่านอกจากราคาที่ถูกกว่าแล้ว ยังมีประสิทธิภาพและมีความดูแลเอาใจใส่ มากกว่าศูนย์พักพิงคนชราหลายๆแห่งในประเทศตะวันตก . ประเทศไทยไม่ใช่แค่ได้รับความนิยมด้านการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่สารคดีซีรีย์ 101 East ของสำนักข่าว Al-Jazeera ชี้ว่ายังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่ดึงดูดผู้คนทั่วโลกมาสู่ประเทศไทย นั่นก็คือระบบการดูแลคนแก่คนชรา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยที่คนหนุ่มสาว และบุคลากรบ้านพักคนชรา ให้ความดูแลเอาใจใส่ และให้เกียรติผู้สูงอายุ เปรียบเสมือนกับคนในครอบครัว ... Walter Gloor และ Maya สามีภรรยาชาวสวิตเซอร์แลนด์ เคยเป็นเจ้าของร้านอาหารมิชิลินสตาร์ แต่เมื่อปี 2011 Maya ป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์ (alzheimer) และในปี 2018 Walter และ Tanya ผู้เป็นลูกสาว ตัดสินใจพา Maya มาอยู่ที่ "บ้านกำลังใจ" ในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งไม่ใช่แค่บ้านพักคนชรา แต่เป็นสถานพยาบาลที่ดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านสมอง (ความจำเสื่อม) มีผู้ดูแลปรนนิบัติตลอด 24 ชั่วโมง . แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อนๆของ Maya ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ Walter พาภรรยาของตนเอง มาไว้ที่ "บ้านกำลังใจ" ทั้งยังต่อว่า Walter อย่างรุนแรง คล้ายกับว่า Walter พา Maya มาทิ้งไว้ในประเทศไทย แต่ Walter ให้เหตุผลว่า เพื่อนของ Maya ไม่รู้ว่าตัวของ Maya และผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์คนอื่นๆ มีอาการรุนแรงขนาดไหน ซึ่ง Walter ยังคงยืนยันคำตอบเช่นเดิมว่า "บ้านกำลังใจ" คือสถานที่ที่ดีที่สุดในโลกสำหรับภรรยาของเขา และทุกคนในครอบครัวของ Walter Gloor ก็เห็นด้วยเช่นกัน . Mary Ellen หญิงชราชาวอังกฤษ เธอป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม (dementia) ครอบครัวของเธอพาเธอมาอยู่ที่ "บ้านกำลังใจ" เมื่อปี 2017 ลูกชายชื่อ Michael ลูกสะใภ้ชื่อ Emily ให้สัมภาษณ์ว่า พวกเขาเคยมองหาบ้านพักคนชราในอังกฤษ ซึ่งมีบ้านคนชราที่ดูดีมีคุณภาพมากๆ แต่เป็นบ้านคนชราที่มีลักษณะของอาคารและห้องพัก คล้ายกับโรงพยาบาลเสียมากกว่า ทำให้พวกเขากังวลว่า บรรยากาศที่มีกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อและการจัดการที่คล้ายกับโรงพยาบาล อาจไม่ใช่ทางเลือกที่ดีสำหรับมารดาที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม . แต่เมื่อพวกเขาเสนอประเทศไทย พร้อมกับโชว์รูปภาพให้แม่ของพวกเขาได้เห็น แม่ของพวกเขาก็รู้สึกชอบและอยากจะมาอยู่ที่ "บ้านกำลังใจ" ในเชียงใหม่ และเมื่อได้มาอยู่จริงๆ Michael และ Emily ก็พบว่า บุคลากรของ "บ้านกำลังใจ" ดูแลเอาใจใส่แม่ของพวกเขาเป็นอย่างดี จนมีความคุ้นเคยต่อกัน เสมือนกับว่า "ลูกสาวดูแลแม่" และแม่ของเขาก็มีความรู้สึกเป็นกันเองกับบุคลากรของ "บ้านกำลังใจ" มากเสียกว่า Michael และ Emily เพราะโรคสมองเสื่อมทำให้ Mary Ellen แทบจะไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับลูกชายและลูกสะใภ้หลงเหลืออยู่ . Dusko Doder อดีตสื่อมวลชนของสำนักข่าว Washington Post เมื่อ 2 ปีก่อน Dusko เกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลัน และมีอาการเลือดคั่งในสมอง Louise ภรรยาของ Dusko ต้องคอยดูแลเขามาโดยตลอดในบ้านของพวกเขาที่กรุงวอชังตัน ดี.ซี. ซึ่ง Dusko ไม่อยากไปอาศัยอยู่ที่บ้านคนชรา เพราะนอกจากจะไม่มีกิจกรรมอะไรให้ทำแล้ว คุณภาพในการดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุ ก็ไม่ดีเท่าที่ควรอีกด้วย จนกระทั่งต้นปี 2020 Louise ตัดสินใจพาสามีของเธอ มาอยู่ที่เชียงใหม่ และนาทีที่เธอพาสามีของเธอมาถึง "บ้านกำลังใจ" เธอก็ตกหลุมรักสถานที่แห่งนี้ทันที โดยที่เธอเห็นว่าศูนย์พักพิงคนชราแห่งนี้ สามารถดูแล Dusko ได้เป็นอย่างดี และตัวเธอเองก็ย้ายมาอยู่ที่เชียงใหม่ด้วยเช่นกัน เพราะนอกจากจะชื่นชอบบรรยากาศและวัฒนธรรมของเมืองเชียงใหม่แล้ว เธอต้องการที่จะอยู่ช่วยดูแลสามีของเธอในช่วงบั้นปลายของชีวิต . Peter Brown นักธุรกิจโรงแรมชาวอังกฤษ ซื้อรีสอร์ตแห่งนี้เมื่อ 11 ปีก่อน แล้วปรับปรุงให้เป็นสถานพักพิงคนชรา ที่ให้การดูแลผู้สูงอายุที่มีปัญหาด้านความจำเสื่อม ตลอด 24 ชั่วโมง และอยู่อาศัยกับบรรยากาศป่าไม้ธรรมชาติ ไม่อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ซึ่งก่อนที่เขาจะก่อตั้ง "บ้านกำลังใจ" นั้น มารดาของ Peter เป็นมะเร็งในลำคอขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราในอังกฤษ โดยที่ Peter บอกอีกด้วยว่า ว่าบุคลากรบ้านพักชราในอังกฤษ ไม่มีใครสามารถดูแลมารดาของเขาได้ จนกระทั่งพบว่ามารดาของเขาเป็นมะเร็ง และการบริการดูแลผู้สูงอายุในอังกฤษนั้น ไม่ดีพอและไม่เพียงพอ เพราะหลัง 6 โมงเย็นเป็นต้นไป บุคลากรบ้านพักคนชราจะกลับบ้านกันหมด ทำให้ผู้สูงอายุชาวอังกฤษต้องดูแลตนเอง จึงเป็นเหตุให้ Peter ตัดสินใจพาแม่มาอยู่ที่เชียงใหม่ แล้วก่อตั้ง "บ้านกำลังใจ" สำหรับแม่ของเขา รวมถึงผู้สูงอายุคนอื่นๆ . ไม่ว่าจะมีโรคความจำเสื่อมหรือไม่ก็ตาม แต่ในบั้นปลายชีวิตของผู้สูงอายุ การใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพ ทั้งกายและใจ และย่อมดีกว่าการให้ผู้สูงอายุ อยู่แต่ภายในห้องสี่เหลี่ยมแคบๆ ตลอดทั้งวันทั้งคืน ซึ่ง Peter มีความพอใจที่ได้ก่อตั้ง "บ้านกำลังใจ" ซึ่งสามารถดูแลผู้สูงอายุได้เป็นอย่างดีและมีคุณภาพ และจังหวัดเชียงใหม่ของประเทศไทยก็เหมาะสมที่สุด ด้วยปัจจัยค่าเงิน ค่าครองชีพ การรักษาพยาบาล สภาพแวดล้อม การดูแลปรนนิบัติ ความเอาใจใส่ และวัฒนธรรมของคนไทยที่มีความรักและความเคารพต่อผู้สูงอายุ แต่หากย้อนกลับไปที่สหราชอาณาจักร Peter จะไม่สามารถก่อตั้งศูนย์พักพิงคนชราได้เช่นนี้ เนื่องด้วยค่าเงินและค่าครองชีพที่สูงกว่าประเทศไทยมากๆ . Martin Woodtli ผู้ร่วมก่อตั้ง "บ้านกำลังใจ" ซึ่งมีมารดาที่ป่วยเป็นโรคความจำเสื่อมเช่นกัน เขาตัดสินใจพามารดาของเขา มาที่ศูนย์พักพิงผู้สูงอายุของเขา ซึ่งนอกจากจะสามารถดูแลมารดาของเขาได้แล้ว ศูนย์พักพิงฯที่เขาร่วมก่อตั้งนี้ ยังสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อีกมากมาย โดย Martin ชื่นชมบุคลากรชาวไทยที่ทำงานที่ "บ้านกำลังใจ" เพราะทุกคนดูแลเอาใจผู้สูงอายุ และทำงานด้วยความรักและความเคารพต่อผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมของคนไทยที่ Martin ชอบมากๆ คือการที่คนไทยมีความเป็นห่วงเป็นใยและมีความเคารพต่อกัน ในขณะที่ระบบการดูแลผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราทั่วยุโรป ไม่มีประสิทธิภาพ และกำลังมีปัญหามากขึ้นเรื่อยๆ . Eileen Chubb ผู้ก่อตั้ง Compassion in Care องค์กรปกป้องสิทธิผู้สูงอายุในสหราชอาณาจักร และอดีตเจ้าหน้าที่ศูนย์พักพิงคนชรา ให้สัมภาษณ์กับผู้ดำเนินรายการว่า เธอเคารพการตัดสินใจของผู้สูงอายุชาวอังกฤษ ที่ย้ายไปอยู่บ้านพักคนชราในต่างประเทศ แต่มันก็เป็นสิ่งที่บ่งบอก ระบบการดูแลผู้สูงอายุของสหราชอาณาจักรกำลังมีปัญหา โดย Eileen ได้นำหลักฐานเป็นคลิปวีดีโอจากกล้องที่แอบถ่ายในศูนย์พักพิงคนชรา ทั้งของรัฐและของเอกชน ซึ่งภาพในคลิปวีดีโอพิสูจน์ให้เห็นว่า ศูนย์พักพิงคนชราหลายแห่งในสหราชอาณาจักร ขาดการดูแลคนชราที่ถูกสุขลักษณะอนามัย มีการด่าทอ-ดูหมิ่นผู้สูงอายุ มีการลักขโมยทรัพย์สินของผู้สูงอายุ และมีการทำร้ายร่างกายผู้สูงอายุ และเคสด้านสุขอนามัยที่น่าเศร้ามากที่สุดคือ ศูนย์พักพิงฯแห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักร ปล่อยให้บาดแผลของหญิงชรา มีหนอนแมลงวันชอนไชอยู่ในบาดแผล . นอกจากนี้ Eileen Chubb ยังชี้ให้เห็นอีกด้วยว่า วัฒนธรรมการให้ความเคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน คือสิ่งที่ขาดหายไปในโลกตะวัน กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหา ระหว่างบุคลากรศูนย์พักพิงฯและผู้สูงอายุ แล้ว Eileen Chubb ก็ยังชี้อีกว่า ปัจจัยสำคัญที่ช่วยแก้ปัญหาภายในศูนย์พักพิงฯทั่วราชอาณาจักร ก็คือวิธีการสื่อสาร โดยต้องเป็นการสื่อสารระหว่างผู้สูงอายุและบุคลากรศูนย์พักพิงฯ ที่ถูกต้องและเข้าใจตรงกันได้อย่างทั่วถึง ซึ่งคุณสมบัติของบุคลากรศูนย์พักพิงฯในส่วนนี้ Walter Gloor ให้สัมภาษณ์ว่า กลุ่มบุคลากรสาวชาวไทยที่ดูแลภรรยาของเขา มีคุณสมบัติในการสื่อสารที่ดีเยี่ยม แม้ว่าจะไม่ใช่เจ้าของภาษา แต่เธอสามารถพูดคุยและพา Maya ทำกิจวัตรประจำวันต่างๆ ได้อย่างเพลิดเพลินและราบรื่น ทั้งยังสามารถอธิบายให้ Walter Gloor เข้าใจได้อีกด้วยว่า ภรรยาของเขาใช้ชีวิตอย่างไรบ้าง . หนึ่งในบุคลากรผู้ดูแล Maya ให้สัมภาษณ์ว่า การได้มาดูแลผู้สูงอายุชาวต่างชาติอย่าง Maya ทำให้เธอมีความผูกพัน เปรียบเสมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน แต่การได้มาทำงานดูแลผู้สูงอายุ ก็ทำให้เธอคิดเหมือนกันว่า แม้ปัจจุบันบิดากับมารดาของเธอจะยังแข็งแรงดี ยังสามารถประกอบอาชีพและดูแลตัวเองได้ แต่ถ้าพ่อกับแม่แก่ชรา เธอจะดูแลพ่อกับแม่เธอเอง ซึ่งในหมู่บ้านของเธอ ไม่มีใครที่พาพ่อแม่ไปฝากไว้ที่บ้านพักคนชรา และเธอก็ไม่คิดที่จะฝากเช่นกัน แต่เมื่อถามว่า ถ้าหากเป็นตัวของเธอเอง ที่แก่ชราในอนาคต เธอก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่า ลูกๆของเธอจะเลี้ยงดูเธอเอง หรือจะพาเธอไปฝากไว้ที่บ้านพักคนชรา ... ทั้งนี้ ในส่วนของคอมเม้นต์ มีผู้ใช้บัญชียูทูบหลายคนเข้ามาแสดงความคิดเห็น ทั้งอธิบายลักษณะของสังคมไทยและวัฒนธรรมไทย ทั้งยังชื่นชมประเทศไทยที่มีการดูแลเอาใจใส่ผู้สูงอายุ โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือสีผิว อาทิเช่น . "One of the strongest attributes of Thai society, their respect for the elderly." . "หนึ่งในคุณสมบัติที่ดีที่สุดของสังคมไทย คือความเคารพที่พวกเขามีต่อผู้สูงอายุ" . "God bless thai people. They are oone the kindest and compationate people in the world. " "ขอพระเจ้าอวยพรให้กับคนไทย พวกเขาเป็นคนที่เมตตากรุณามากที่สุดในโลก และพวกเขาเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจผู้อื่น " . "Thailand retirement resorts is way better than American retirement center." "รีสอร์ตสำหรับผู้เกษียณอายุในไทย ดีกว่าศูนย์ดูแลผู้เกษียณอายุในอเมริกามากๆ" . "This made me so sad but honestly I'd rather live there in Thailand instead of a hospital setting." . "เรื่องนี้ทำให้ฉันเศร้า แต่ขอพูดตรงๆว่า ฉันขออยู่ประเทศไทยดีกว่าไปอยู่สถานที่คล้ายโรงพยาบาล." . "At 63, I live in Thailand. This report has me thinking of starting a care home, and I speak Japanese, French , and English. Th future is going to be loving care, not old world institutions." . "ผมอายุ 63 ปี ผมอาศัยอยู่ในประเทศไทย รายงานชิ้นนี้ทำให้ผมอยากลองสร้างบ้านพักคนชราดูบ้าง และผมพูดภาษาญี่ปุ่น ภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษ อนาคตของประเทศไทยจะไม่ได้เป็นแค่สถาบันเก่าแก่ของโลก แต่จะเป็นบ้านพักที่ให้ความรัก" . "He did the right thing. I love Thailand for the gentleness of it's people." . "เขาทำในสิ่งที่ถูกต้อง ฉันรักประเทศไทย เพราะผู้คนมีความสุภาพอ่อนโยน" ------------------------------- แหล่งข่าว https://youtu.be/i7yeiO-UZoM ------------------------------- (เครดิต ... Thailand Vision) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มิถุนายน 18, 2020, 10:36:19 PM "โครงการรถไฟเชื่อมโลก"
เมื่อทางรถไฟ ไทย- จีน (กรุงเทพ เวียงจันทร์ คุณหมิง ) สร้างแล้วเสร็จ ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะใช้เวลาอีกประมาณ 4 - 5 ปี มิติใหม่ของการเดินทางท่องเที่ยวก็จะเกิดขึ้น ตลอดสองข้างทางรถไฟสายที่ยาวที่สุดในโลก โดยที่รถไฟสายนี้จะมีจุดเริ่มต้นที่ สถานีรถไฟ Woodlands ในประเทศสิงคโปร์ ขึ้นเหนือผ่าน สถานีรถไฟเซ็นทรัลกัวลาลัม-เปอร์ เลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ผ่านพรมแดนประเทศไทยที่ปาดังเบซา ผ่านสงขลา ผ่านคลองไทย (โครงการในอนาคต ซึ่งในโครงการมีการสร้างท่าเทียบเรือสำราญขนาดใหญ่สามารถล่องเรือไปได้ทั้งทางฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิคและมหาสมุทรอินเดียได้) ผ่านนครศรีธรรมราช เลียบอ่าวไทยขึ้นมา ผ่านสุราษฎร์ธานี ซึ่งสามารถต่อเรือไปเกาะสมุย เกาะพงัน เกาะเต่าได้ ผ่านเมืองท่องเที่ยวอย่างหัวหิน ราชบุรี นครปฐมแล้วเข้าสู่ศูนย์ กลางขนส่งทางรางของอาเซียนที่สถานีกลางบางซื่อ กรุงเทพ-มหานคร ซึ่งจากที่นี่สามารถต่อรถไฟความเร็วสูงซึ่งใช้เวลาเพียง 4 ชั่วโมงถึงเวียงจันทร์ โดยผ่านเมืองมรดกโลกอย่าง พระนครศรีอยุธยา และมรดกทางธรรมชาติอย่างเขาใหญ่ ที่สถานีปากช่อง และข้ามแม่น้ำโขงที่ หนองคาย จากนั้นก็จะผ่านพรมแดนบริเวณท่านาแร้ง เวียงจันทร์ ผ่านวังเวียง เมืองมรดกโลก หลวงพระบางและอีกเพียงไม่เกิน 8ชั่วโมงก็เข้าถึงคุนหมิง จากนั้นต่อรถไฟความเร็วสูงสายปักกิ่ง - คุนหมิง ซึ่งเป็นทางรถไฟที่ยาวที่สุดของประเทศจีนด้วยความยาว 2,760 กิโลเมตร จะวิ่งผ่านเมืองสำคัญหลายแห่ง เช่น เมืองสือจยาจวง มณฑลเหอเป่ย, เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนัน, เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย, เมืองฉางซาในมณฑลหูหนาน และนครกุ้ยหยังในมณฑลกุ้ยโจว และทีสำคัญที่คุนหมิงนี่เอ้สามารถเปลี่ยนเส้นทางไปทางรถไฟสายหลังคาโลก ต้าหลี่ ธิเบต ต่อจากปักกิ่ง ขึ้นรถไฟสายเส้นทางรถไฟสาย ทรานส์มองโกเลีย ช่วงเส้นทางระหว่างกรุงปักกิ่ง-อูลันบาตอร์ รถไฟจะไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ และมุดเข้าไปอยู่ในเขตภูเขา เป็นภูเขาแนวยาวตลอดเส้นทางเลยทีเดียว ช่วงนี้จะมีอุโมงค์ที่เจาะทะลุภูเขากว่า 50-60 อุโมงค์ได้ และทุกๆครั้งที่รถไฟโผล่พ้นจากอุโมงค์เราก็จะพบกับโตรกผาและแม่น้ำแบบอลังการตลอดเส้นทาง และที่พลาดไม่ได้ก็คือกำแพงเมืองจีนนั่นเอง จากนั้นก็จะเข้าสู่เขตทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา มี Ger District หรือที่อยู่อาศัยแบบเกอร์ของคนท้องถิ่น เป็นระยะๆ จากอุลานบาตอร์ เข้าสู่ประเทศรัสเซีย รถไฟจะวิ่งเลาะ ทะเลาบไบคาล (Lake Baikal) ไบคาล (Baikal) ทะเลสาบที่เก่าแก่และลึกที่สุดในโลก จากนั้น วิ่งผ่ากลางทุ่งน้ำแข็งไซบีเรีย ผ่านเทือกเขาอันไต ใช้เวลาประมาณ 7 วันก็เข้าสู่ กรุงมอสโก จากกรุงมอสโกต่อรถไฟไปยังกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน และจากเคียฟ ต่อไปยังวอร์ซอ โปแลนด์ และเข้าสู่เยอรมันนี สถานีกลางเบอร์ลิน หรือ Berlin Hauptbahnhof อันเป็นสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป จากนั้นต่อรถไฟ อีเซเอ 3 ไปยังสถานีกลางบลัสเซลล์ Brussel-Centraal ประเทศเบลเยี่ยม จากนั้น Paris Gare du Nord นั่ง metro ไปยัง สถานี Gare d'Austerlitz แล้วขึ้นรถไฟไปยัง Barcelona-Sants ประเทศ สเปน ซึ่งใช้เวลาเพียง 6 ชั่วโมง 25 นาทีผ่านเมืองเล็กๆที่สวยงาม ไร่องุ่น ทุ่งลาเวนเดอร์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส มุดอุโมงค์รอด เทือกเขาพิเรนีส ถึงบาเซโลนา จากนั้นต่อไปยัง สถานี Estación de Madrid Atocha กรุงมาดริด จากนั้นเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทางของเราคือสถานี Lisboa Santa Apolónia กรุงบอน โปรตุเกส ด้วยระยะทางกว่า 16,000 กิโลเมตร.. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มิถุนายน 21, 2020, 08:37:12 AM เชิญชวนดูปรากฏการณ์สุริยุปราคาบางส่วน ในวันครีษมายัน
บ่ายวันอาทิตย์ที่ 21 มิ.ย. นี้ นอกจากจะเกิดปรากฏการณ์ “สุริยุปราคาบางส่วน” ดวงจันทร์บดบังดวงอาทิตย์เพียงบางส่วน ทำให้มองเห็นดวงอาทิตย์เว้าแหว่งแล้ว ยังเป็น “วันครีษมายัน” (อ่านออกเสียงว่า ครีด-สะ-มา-ยัน) คือ วันที่ช่วงเวลากลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) ระบุว่า วันนี้ที่ประเทศไทยดวงอาทิตย์จะขึ้นในเวลาประมาณ 05.51 น. รวมเวลาที่ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่บนท้องฟ้านานถึง 12 ชั่วโมง 56 นาที ประเทศทางซีกโลกเหนือนับเป็นวันที่เข้าสู่ฤดูร้อน ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้ช่วงกลางวันจะสั้นที่สุด นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ในรอบ 1 ปี โลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ จะเกิดปรากฏการณ์สำคัญที่เกี่ยวข้องกับการขึ้น-ตก ของดวงอาทิตย์ทั้งหมด 4 ครั้ง ได้แก่ วันครีษมายัน วันที่กลางวันยาวนานที่สุด วันเหมายัน วันที่กลางคืนยาวนานที่สุด วันวสันตวิษุวัต และ วันศารทวิษุวัต วันที่มีกลางวันและกลางคืนยาวนานเท่ากัน นับเป็นโอกาสดีที่จะได้ชมสุริยุปราคาบางส่วนเหนือฟ้าเมืองไทยในวันที่กลางวันยาวนานที่สุดในรอบปี โดยสามารถสังเกตได้เองผ่านอุปกรณ์กรองแสงอาทิตย์ ช่วงเวลาประมาณ 13:00 - 16:10 น. ดวงอาทิตย์จะปรากฏเว้าแหว่งมากที่สุด เวลาประมาณ 14:49 น. สังเกตได้ทุกภูมิภาคของไทย thank you kha หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ สิงหาคม 02, 2020, 10:55:11 AM ถุงกล้วยแขกไทยดังไกลไปถึงญี่ปุ่นเลย เมื่อร้าน Matsunoya (松野屋) เอาไปวางขายในราคา 100 ถุง/900 เยน ทางร้านบอกว่าเป็นถุงกระดาษที่เห็นใช้ตามโรงเรียนของไทย ทำจากกระดาษรียูส เนื้อหา สี ลวดลายบนถุงจะไม่ซ้ำกันเลย.. ที่ไทยใช้ใส่ของทอดตามร้านรถเข็น มีทำจากกระดาษข้อสอบ กระดาษโน้ต เอามาใช้ห่อของขวัญก็ได้
ถุงกล้วยแขกไทยโกอินเตอร์แล้ว....!! #DOC タイリュースペーパーバッグ100枚入 1枚-約145x50x140mm タイ製 小売価格¥900+税 https://matsunoya.jp/new_product/8286 ข่าวน่าสนใจค่ะ ขอบคุณค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ตุลาคม 28, 2020, 12:27:20 PM https://www.nationtv.tv/main/ (https://www.nationtv.tv/main/)
https://www.nationtv.tv/main/content/378803188?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=corona (https://www.nationtv.tv/main/content/378803188?utm_source=category&utm_medium=internal_referral&utm_campaign=corona) เบลเยียม ซึ่งมีประชากรเพียง 11.5 ล้านคน และเผชิญการระบาดของโควิด-19 หนักที่สุดในยุโรป เมื่อเทียบจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่เทียบกับประชากรต่อหัว โดยเป็นรองแค่สาธารณรัฐเช็ก เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีผู้ติดเชื้อใหม่มากกว่า 13,000 คน ต่อวัน ล่าสุดติดเชื้อสะสมมากกว่า 330,000 คน การขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์อย่างหนักทำให้โรงพยาบาลบางแห่งในเมืองลีแยฌ (ลี-แย็ด) เมืองใหญ่อันดับ 3 ของประเทศ ซึ่งเป็นจุดร้อนของการระบาด ไม่มีทางเลือก ต้องขอร้องให้แพทย์กับพยาบาลที่ติดเชื้อ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ตราบเท่าที่ยังไม่แสดงอาการ เนื่องจากพวกเขาทำงานในแผนกที่ผู้ป่วยติดเชื้อเช่นกัน เพราะบุคคลากร 5% ถึง 10% ตามโรงพยาบาล ถูกดึงไปรักษาผู้ป่วยโควิด และเตียงผู้ป่วยแผนกไอซียูจำนวน 2,000 เตียง จะเต็มความจุในเวลา 15 วัน ขอบคุณค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 07, 2020, 01:07:56 PM เคาะแล้ว! "คนละครึ่ง" ลงทะเบียนรอบใหม่ 11พ.ย. อีก 2ล้านสิทธิ์
https://today.line.me/th/v2/article/2B87j6?utm_source=lineshare https://today.line.me/th/v2/article/2B87j6?utm_source=lineshare หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 07, 2020, 01:15:03 PM ญี่ปุ่นพบไข้หวัดนกชนิดก่อโรครุนแรงสายพันธุ์ H5 ในฟาร์มไก่ เตรียมกำจัด 3.3 แสนตัว
https://www.komchadluek.net/news/foreign/448294?adz= (https://www.komchadluek.net/news/foreign/448294?adz=) https://www.komchadluek.net/news/foreign/448294?adz= (https://www.komchadluek.net/news/foreign/448294?adz=) หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 22, 2020, 02:54:58 PM https://workpointtoday.com/diana-bbc-interview/
เรื่องราวของเจ้าหญิงไดอานากลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง โดยส่วนหนึ่งอาจเป็นผลมาจากซีรีส์ The Crown ที่เผยแพร่ในเน็ตฟลิกซ์ ซึ่งซีซันล่าสุดมีเนื้อหาพูดถึงชีวิตของพระองค์ แต่นอกจากซีรีส์แล้ว ตอนนี้ก็มีข่าวเกี่ยวกับเจ้าหญิงไดอานาที่เป็นผลมาจากการประทานสัมภาษณ์ครั้งประวัติศาสตร์เมื่อ 25 ปีที่แล้ว นายมาร์ติน บาเชียร์ นักข่าวบีบีซี(เป็นผู้สัมภาษณ์) นายแมตต์ วิลสเลอร์ อดีตเจ้าหน้าที่กราฟฟิกของบีบีซี (ถูกปลดจากการเป็นเจ้าหน้าที่กราฟฟิกของบีบีซี) นายอลัน วอลเลอร์ทำหน้าที่(ตอนนั้น)เป็นหัวหน้าหน่วยรักษาความปลอดภัย เอิร์ล สเปนเซอร์ น้องชายของเจ้าหญิงไดอานา จาก workpointTODAY หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 29, 2020, 08:34:00 AM ด่วน!เชียงใหม่ตรวจเจอสาววัย29ปีผู้ป่วยรายใหม่ติดเชื้อโควิด-19
https://today.line.me/th/v2/article/JnYqY7?utm_source=lineshare หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 29, 2020, 08:48:17 AM https://twitter.com/ThaiPBS/status/1331223130908528641?s=06
https://news.thaipbs.or.th/content/298636 หนึ่งใน 10 ข้อเสนอปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ของผู้ชุมนุม คือการยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ 2561 ให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และทรัพย์สินส่วนพระองค์ให้ชัดเจน เล่าย้อนเกร็ดประวัติศาสตร์อ้างอิงจาก 2 แหล่ง คือ หนังสือกลางใจราษฎร์ เป็นพระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 มีผู้เขียนหลายคน แต่ประธานที่ปรึกษา คือนายอานันท์ ปันยารชุน อีกแหล่งคืองานวิจัยเรื่อง สํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์กับบทบาทการลงทุนทางธุรกิจของ ศ.พอพันธ์ อุยยานนท์ เป็นนักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช มีผลงานวิชาการมากมาย ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 04, 2020, 05:40:35 PM วัดพระแก้วเปิดให้กราบสักการะ กลางคืน
ใครไม่มาถือว่าพลาดนะคะวันที่ 1-6 ธันวาคม 2563 วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เปิด ให้กราบนมัสการ เข้าชมความงาม ในรอบ 16.30 - 21.30 น. เนื่องในงาน นิทรรศการ ไตรโครงการ งานวันพ่อแห่งชาติ #เข้าออกประตูสวัสดิโสภานะครับ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 05, 2020, 10:45:20 AM https://www.msn.com/th-th/news/national/%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1/ar-BB1bDBTu?ocid=msedgntp (https://www.msn.com/th-th/news/national/%E0%B8%8A%E0%B8%B9%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C-%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%9A-%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1/ar-BB1bDBTu?ocid=msedgntp)
"ชูวิทย์"เตือนแกนนำม็อบ เลือกทางนี้ชีวิตจะไม่เหมือนเดิม" เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตหัวหน้าพรรค และอดีต ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความระบุว่า หนึ่งในพระมหากรุณาธิคุณของในหลวง คือการพระราชทานอภัยโทษให้แก่นักโทษ คนไม่เคยติดคุกคงไม่รู้รสชาติของ อิสรภาพ ว่ามันยิ่งใหญ่แค่ไหน สนับสนุนโดย เดลินิวส์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 05, 2020, 11:09:22 AM https://www.msn.com/th-th/news/national/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-3-000-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/ar-BB1bE7lg?ocid=msedgdhp (https://www.msn.com/th-th/news/national/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B9%88%E0%B8%B2-3-000-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4/ar-BB1bE7lg?ocid=msedgdhp)
ชาวขอนแก่นวางดอกดาวเรืองกว่า 3,000 ดอก ในวันพ่อแห่งชาติ สนับสนุนโดย Nation Channel https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/137763?utm_source=web_pptv&utm_campaign=115357&utm_medium=RelateBox_3 (https://www.pptvhd36.com/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1/137763?utm_source=web_pptv&utm_campaign=115357&utm_medium=RelateBox_3) ผบ.ทบ.ทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 20 รูป ถวายเป็นพระราชกุศล โดย PPTV Online https://www.msn.com/th-th/news/national/%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0-89-%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9b-%e0%b8%96%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%b8%e0%b8%a8%e0%b8%a5/ar-BB1bE71z?li=BB12rqcX&ocid=mailsignout (https://www.msn.com/th-th/news/national/%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%9a%e0%b8%b2%e0%b8%95%e0%b8%a3%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0-89-%e0%b8%a3%e0%b8%b9%e0%b8%9b-%e0%b8%96%e0%b8%a7%e0%b8%b2%e0%b8%a2%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%b8%e0%b8%a8%e0%b8%a5/ar-BB1bE71z?li=BB12rqcX&ocid=mailsignout) วันที่ 5ธันวาคม 2563 ที่ลานหน้าพระอุโบสถ วัดท่าหลวงพระอารามหลวง ที่ประดิษฐาองค์หลวงพ่อเพชร พระคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดพิจิตร นายรังสรรค์ ตันเจริญ ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร นำข้าราชการ ประชาชนชาวจังหวัดพิจิตร ร่วมประกอบพิธี ทำบุญตักบาตร ข้าวสารอาหารแห้ง เพื่ออุทิศถวายพระราชกุศลเนื่องในวันคล้ายวันราชสมภพพระบาทสมเด็จชนกาธิเบศร มหาภูอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยมีพระสงฆ์ สามเณร จำนวน 89 รูป ออกมารับบิณฑบาตร Nation Channel หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 05, 2020, 11:14:56 AM https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/910988 (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/910988)
'5 ธันวา' เปิด 'กองทัพบก' จัดงานรำลึก 'รัชกาลที่9' https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/911108 (https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/911108) https://palungjit.org/threads/%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.742110/ (https://palungjit.org/threads/%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88-%E0%B9%99-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1.742110/) ๕ ธันวาคม ๒๕๖๓ วันคล้ายวันราชสมภพของในหลวงรัชกาลที่ ๙ ผมภูมิใจมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย บนผืนแผ่นดินไทย และ เกิดภายในรัชสมัยแห่งในหลวงรัชกาลที่ ๙ ครับ https://www.wice.co.th/2017/10/16/9-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%94/ (https://www.wice.co.th/2017/10/16/9-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%a3%e0%b8%b2%e0%b8%8a%e0%b8%81%e0%b8%a3%e0%b8%93%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%94%e0%b9%80%e0%b8%94/) 9 พระราชกรณียกิจอันโดดเด่น ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพและความสามารถ พระองค์ทรงอุทิศพระวรกายในการประกอบพระราชกรณียกิจ ตลอด 70 ปีที่ทรงครองราชสมบัติ ซึ่งพระราชกรณียกิจที่โดดเด่นของพระองค์ มีดังต่อไปนี้ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 05, 2020, 11:49:31 AM https://www.msn.com/th-th/news/national/soul-of-a-nation-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%a39-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a2%e0%b8%9a%e0%b8%b5%e0%b8%9a%e0%b8%b5%e0%b8%8b%e0%b8%b5/ar-BB1bEeKa?ocid=mailsignout (https://www.msn.com/th-th/news/national/soul-of-a-nation-%e0%b8%aa%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%84%e0%b8%94%e0%b8%b5%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%a39-%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%97%e0%b8%a3%e0%b8%87%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b8%93%e0%b8%84%e0%b9%88%e0%b8%b2%e0%b9%82%e0%b8%94%e0%b8%a2%e0%b8%9a%e0%b8%b5%e0%b8%9a%e0%b8%b5%e0%b8%8b%e0%b8%b5/ar-BB1bEeKa?ocid=mailsignout)
"ข้าพเจ้าไม่รู้ว่า จะนิยามคำว่ากษัตริย์อย่างไรดีโดยไม่ให้มีปัญหา เพราะในฐานะของข้าพเจ้า แม้จะเรียกว่าเป็นกษัตริย์ แต่ภาระหน้าที่ของข้าพเจ้าอย่างที่คุณเห็น มันไม่ใช่หน้าที่ของกษัตริย์ มันเป็นสิ่งที่แตกต่างออกไป และยากที่จะนิยามได้ ข้าพเจ้าเพียงทำสิ่งที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์เท่านั้นเอง" หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 05, 2020, 12:46:19 PM https://www.youtube.com/watch?v=baOEchoFhL0 (https://www.youtube.com/watch?v=baOEchoFhL0)
บอกเล่าข่าวอโศก โรงบุญ5ธันวา ที่สนามหลวง | 5ธ.ค.63 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 09, 2020, 07:49:55 PM https://www.msn.com/th-th/lifestyle/lifestyle/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%88/ar-BB1bLcSw?ocid=msedgdhp (https://www.msn.com/th-th/lifestyle/lifestyle/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%88/ar-BB1bLcSw?ocid=msedgdhp)
เรื่องเล่าของอดีตนักบินกามิกาเซ่ สนับสนุนโดย เดลินิวส์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 09, 2020, 08:01:15 PM https://www.dezeen.com/2020/11/13/ouroboros-steak-meal-kit-andrew-pelling-grace-knight-orkan-telhan/?fbclid=IwAR0giRG-SVwAiR3hNpmcsmuoX_nz7Y0Zr9gqWg-3dn9qE5hO0SPzXAb3FXc (https://www.dezeen.com/2020/11/13/ouroboros-steak-meal-kit-andrew-pelling-grace-knight-orkan-telhan/?fbclid=IwAR0giRG-SVwAiR3hNpmcsmuoX_nz7Y0Zr9gqWg-3dn9qE5hO0SPzXAb3FXc)
Ouroboros Steak could be grown by the diner at home using their own cells, which are harvested from the inside of their cheek and fed serum derived from expired, donated blood. https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_5494626 (https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_5494626) สุดอึ้ง! 'สเต็กเนื้อคน' ปลูกจากเซลล์ และเลือด เผยแนวคิดไม่เบียดเบียนสัตว์ thank you หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 14, 2020, 11:41:02 AM https://today.line.me/th/v2/article/B6mxRQ?utm_source=lineshare
5 จุดสังเกตูธนบัตรที่ระลึก 100 บาท หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 14, 2020, 11:42:56 AM https://www.thaipost.net/main/detail/86776 (https://www.thaipost.net/main/detail/86776)
บางวันก็ท้อ-เสียใจ ในหลวงพระราชทานสัมภาษณ์เยาวชนอย่าลืมประวัติศาสตร์ thaipost หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 17, 2020, 08:06:54 PM https://www.youtube.com/watch?v=o4aI8DmBy38 (https://www.youtube.com/watch?v=o4aI8DmBy38)
PDPA จะบังคับใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า เราต้องเตรียมพร้อมอะไรบ้าง : Suthichai live 17/12/2563 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 18, 2020, 09:16:59 AM https://www.youtube.com/watch?v=MT6x3NJvzfw (https://www.youtube.com/watch?v=MT6x3NJvzfw)
เมื่อจีนเปิดตัว Quantum Advantage สู้สหรัฐฯ! : Suthichai live 08/12/2563 หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 29, 2020, 12:36:11 PM โควิดยก ๒ ***มันมาตามนัด
โดย ศ.นพ. นิธิ มหานนท์ ไม่แปลกใจที่ช่วงนี้มีการระบาดของโคโรนาไวรัสอีกครั้งในประเทศไทย ถ้าจำกันได้ผมเคยเล่าให้ฟังกันตั้งแต่การระบาดครั้งแรกเมื่อปีก่อนว่า ไวรัสทางเดินหายใจแบบนี้จะมีการแพร่ระบาดเป็นฤดูกาล และจะเริ่มและระบาดมากในหน้าหนาวและขณะนี้เราก็เข้าช่วงอากาศหนาวเย็นพอดี ประเทศไทยเราป้องกันและหยุดการระบาดครั้งแรกไว้ได้อย่างดีมาก จนแทบไม่มีภูมิต้านทานในประเทศเลย ในขณะที่หลายๆประเทศในโลกนี้ ทั้งที่อยู่รอบๆและที่ห่างไกลประเทศเรายังมีการระบาดอยู่ แต่คนไทยในประเทศเริ่มคุ้นเคย(บ้าง)กับวิถีชีวิตใหม่ เห็นประเทศอื่นๆมีแต่คนติดเชื้อคนป่วยล้นโรงพยาบาลแต่ในบ้านเราชิวๆ ประกอบกับความชะล่าใจ(การ์ดตก)ของสังคมและรัฐ และแรงกดดันทางเศรษฐกิจ(ที่ไม่เคยพอเพียง) ทั้งๆที่เตือนไว้แล้วเช่นกัน ลองย้อนไปดูโพสต์และบทความเดิมๆที่ลงไปครับ เราค่อยๆปล่อยให้(คนที่มี)เชื้อเข้ามาอยู่ในประเทศไม่ใช่เฉพาะแรงงานต่างชาติที่เรา(บังเอิญ)ไปพบนะครับ(อย่าไปโทษเขา) คงยังไม่ลืมว่าก่อนหน้านั้น เราก็พบการติดเชื้อในประเทศอยู่รายสองรายที่หาที่มาที่ไปไม่ได้ ซึ่งก็เคยเตือนไว้(อีกแล้ว)ว่า มีคนที่มีเชื้อโควิดเดินป้วนเปี้ยนปะปนอยู่กับเราอยู่แล้ว แต่เราก็ไม่เคยสืบสวนโรคให้ลงไปถึงผู้ที่แพร่เชื้อจริงๆ เป็นคนที่ 0 ได้ โชคดีที่ช่วงนั้น สภาพอากาศยังไม่ถึงจุดพอเหมาะให้เชื้อแพร่กระจายหรือระบาดได้ง่าย ระบาดวิทยาของโรคนั้นไม่ใช่เรื่องของการแพทย์(ที่มัวแต่จะคิดว่า เอาอยู่) หรือของวิทยาศาสตร์(ที่ชื่นชมภูมิใจว่า รู้มากรู้ดีขึ้นแล้วมียามีวัคซีน) แต่มันเป็นเรื่องของสังคมศาสตร์ที่มีส่วนร่วมด้วยเป็นอย่างมากเพื่อให้เข้าใจการระบาดแต่ละครั้ง แต่ละที่ แต่ละหน แม้จะเกิดระบาดในประเทศเดียวกัน แต่ต่างที่ต่างเวลาก็จะไม่เหมือนกันครับ .น่าเสียดายที่การตรวจเชิงรุกของกระทรวงสาธารณสุขในที่พักแรงงานต่างชาติล่าสุดตั้งเป็นพันกว่ารายนั้นไม่ได้ข้อมูลทั้งเรื่องการแพร่ระบาดและเรื่องระบาดวิทยาของชุมชนที่อยู่กันในลักษณะเช่นนั้นเลย แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า ระบบการตรวจ ติดตามและสืบสวนโรคของประเทศไทยและระบบ อสม.นั้นดีที่สุดในโลก(ดูจากผลการจัดการกับการระบาดครั้งแรก) และในครั้งนี้ก็ยิ่งรวดเร็วไปกว่าก่อนอีก ส่วนจะเอาอยู่แค่ไหนต้องรอดู ในครั้งแรกเรามีsuper spreading event ใหญ่ๆครั้งเดียวในสนามมวยที่รู้และเห็นคนเข้าออกได้หมด และจุดเล็กๆในผับที่ก็พอตามได้ หลังจากนั้นจะด้วยความตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ปล่อยคนออกต่างจังหวัด อสม.จับตัวติดตามได้หมด..แต่คราวนี้ มีจุดใหญ่ที่ตลาดกลางกุ้ง แล้วถูกปล่อยเป็นคลื่นเล็กๆ ไปหลายจุดหลายที่ หลายแห่งเป็นตลาดที่มีคนผ่านเข้าออกมาก บางแห่งเป็นที่ผิดกฎหมายหาตัวยากจึงทำให้มาตรการติดตามนั้น ไม่เฉียบขาด ไม่ชัดเจน และไม่เด็ดขาดเท่าครั้งแรก ไม่กล้าปิดที่อโคจรที่ถูกกฎหมาย..ด้วยความเข้าใจว่า เกรงใจเศรษฐกิจและเงินในกระเป๋าประเทศครับ โคโรนาไวรัสเป็น RNA virus ครับ คือในเซลล์มันจะมีแต่ RNA ไม่มี DNA ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของสิ่งมีชีวิตในการถ่ายทอดพันธุกรรม(เรียกได้ว่ามันเป็น incomplete life form หรือ lowest life formเลยครับ)ดังนั้น การถ่ายทอดพันธุกรรมของมันจะสมบูรณ์ได้ไม่ง่ายนัก(มันมีการเปลี่ยนแปลงรหัสพันธุกรรมตลอดเวลาแต่จนถึงปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานว่ารหัสพันธุกรรมที่เปลี่ยนไปส่งผลให้เกิดกลายเป็นพันธุ์ใหม่-new strain) ต้องอาศัยเซลล์ของสิ่งมีชีวิตอื่นๆในการขยายพันธุ์และถ่ายทอดพันธุกรรม และนี่เป็นคุณสมบัติที่ผมเคยเล่าให้ฟังแล้วว่า จะทำให้มันกลายพันธุ์ได้ง่ายและบ่อย และจึงปรากฏอย่างที่เราทราบกัน หนึ่งปีผ่านไป มันเปลี่ยนรหัสพันธุกรรมไปแล้วหลายรุ่นหลายครั้ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่คาดการณ์ไม่ได้ วัคซีนอาจจะครอบคลุมได้หมดหรือได้บ้างก็ต้องรอดูกันไป สำหรับผม สิ่งที่จะช่วยในการต่อสู้กับโรคนี้ให้ได้ผลในทางปฏิบัติได้ดีคือ ๑) การมีการตรวจที่ง่ายและได้ผลเร็วทันที และการตรวจนั้นต้องมีความไวสูง (คือถ้าใครมีหรือติดเชื้อจริง ต้องตรวจพบทุกรายโดยยอมให้มีผลบวกลวงได้บ้าง) สามารถตรวจพบโดยที่ผู้ติดเชื้อยังไม่มีอาการได้ยิ่งดี ๒)ยาต้านไวรัสที่ได้ผลดี และสามารถให้กับผู้ติดเชื้อได้ง่ายด้วยการรับประทาน สองอย่างนี้ประกอบกัน ร่วมกับการให้วัคซีนในวงกว้าง(ซึ่งผมว่ายังอีกนาน) อย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ จึงจะทำให้เราสามารถกลับคืนสู่ภาวะปกติได้ ซึ่งคาดว่าไม่ต่ำกว่า สองปี(อย่างเร็ว)ล่ะครับ แต่ถ้ามีวัคซีนเจนเนอเรชั่นแรกให้ใช้กันทั่วไป ภายในปลายปีหน้า ฤดูหนาวหน้า การระบาดก็คงจะเบาลง ..อย่าลืมว่า ที่ยุโรปและอเมริกา เขาจะหนาวมากกว่าเราอีกและหนาวหนักขึ้นในสองสามเดือนหน้า นะครับ ดังนั้น ถ้ายังไม่มีวัคซีน การระบาดในแถบนั้นจะสูงขึ้น แต่ถ้าวัคซีนได้ผล การระบาดในแถบนั้นจะดีขึ้น ณ เวลานี้ ยุโรปและอเมริกาเริ่มใช้วัคซีนกันแล้ว(จากเหตุนี้รอดูฝรั่งเป็นหนูทดลองให้เราบ้าง ) ของเราไม่ต้องรีบเลยครับ กว่าจะได้วัคซีนการระบาดในประเทศก็ไม่เร็วกว่ากลางปีซึ่งการระบาดเราจะดีขึ้นเองอยู่แล้ว (หวังว่าจะเดาถูกนะครับ.ขอให้ระบาดแค่ในบ่อน และในที่อโคจรที่ผิดกฎหมายเท่านั้น ) .ผมคาดว่า น่าจะค่อยๆดีขึ้นใน 4-6 สัปดาห์จากนี้ เว้นแต่จะมีจุดแพร่หนักๆ (super spreading place ) อีก โดยสรุป ตามความเห็นส่วนตัว (ผมยังหาหลักฐานทางวิชาการมายืนยันไม่ได้ทุกมุมมอง) คือ ๑) การระบาดครั้งนี้น่ากังวลน้อยกว่าคราวแรก แต่จะพบคนติดเชื้อมากขึ้นเพราะการตรวจไวขึ้น ทั่วถึงขึ้นและคนที่สัมผัสใกล้ชิดคนมีเชื้อเข้าใจมากขึ้นในการยอมเข้ามาตรวจ (เว้นแต่พวกติดจากสถานที่ผิดกฎหมายซึ่งน่าห่วงว่าจะยอมมาตรวจไหม) ในขณะเดียวกัน จะมีคนมีอาการหนักและเสียชีวิตน้อยลง เพราะความเข้าใจทางการแพทย์ในวิธีและจังหวะการรักษา ร่วมกับความเข้าใจในการป้องกันคนที่มีความเสี่ยงที่จะอาการหนัก อย่างเช่นผู้สูงอายุ ๒) วัคซีนไม่ใช่คำตอบสุดท้าย ป้องกันตัวเองอย่างมีสติในการใช้ชีวิตจะดีที่สุด โดยไม่ต้องเครียดเกินเหตุ.....ใส่หน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง เลี่ยงที่อโคจร ๓) ครั้งนี้ การหยุดระบาดอาจจะช้ากว่าครั้งแรกเพราะมาตรการไม่เฉียบขาด ไม่ชัดเจนและจริงจังเท่าครั้งแรก ด้วยความที่เราไม่แข็งแรง(ทางเศรษฐกิจ)เท่าเดิม และการสร้างเสริมความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจแบบพอเพียงทำได้ช้าเกิน (จากวิธีการทำงานและคิดในระบบราชการไทย) ๔) เราจะยังคงไม่มีข้อมูลการแพร่ระบาดและระบาดวิทยาของเจ้าโควิดนี้ในประเทศไทยต่อไป....เอวัง นิธิ มหานนท์ เลขาธิการราชวิทยาลัยจุ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลจุ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๖๓ ๑๖.๓๐น. หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ธันวาคม 29, 2020, 01:13:40 PM A Tale of Two Countries
เรื่องเล่าจากสองประเทศที่คงกลายเป็นตำนาน ความแตกต่างระหว่างไทยกับสหรัฐในการเตรียมตัวรับมือกับโคโรน่าไวรัสเมื่อตอนโรคเริ่มระบาด เมื่อราชสีห์ไม่ฟังหนู วอชิงตันโพตส์รายงานวันนี้บนหน้าแรกเปรียบเทียบการทำงานของ CDC ในสหรัฐกับกลุ่มแพทย์และนักวิทยาศาสตร์ในประเทศไทย โดยรายงานผลการสืบสวนจากการสัมภาษณ์นักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลสหรัฐกว่า 30 คนและโดยการอ่านเอกสารข้อมูลภายในของ CDC ในสหรัฐ และนำข้อมูลมาเปิดเผยว่าอะไรคือความผิดพลาดในชั้นต้นของ CDC ที่นำมาสู่หายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดของสหรัฐตั้งแต่เป็นประเทศมา วันนี้ไทยดังเป็นพลุ บทความนี้ยาวหน่อย เพราะอธิบายทั้งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในไทยและในสหรัฐ ส่วนของไทยจะแปลละเอียดหน่อย ส่วนของสหรัฐจะสรุปคร่าวๆ เมื่อไวรัสเริ่มระบาดที่หวู่ฮั่น หมอและโรงพยาบาลในสหรัฐต่างรอชุดตรวจโรคจาก CDC วันที่ 13 ม.ค. WHO ได้เปิดเผยสูตรวิธีทำชุดตรวจต่อสาธารณะ (สูตรนี้ WHO ได้มาจากเยอรมันนี) เพียงในไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้นนักวิทยาศาสตร์ในประเทศไทยสามารถใช้สูตรนี้ทำชุดตรวจขึ้นเพื่อนำไปใช้งาน แต่ทำไม CDC ในสหรัฐใช้เวลาอีก 46 วันหลังจากนั้นกว่าจะมีชุดตรวจ? ผลคืออะไร? CDC ถือกำเนิดในปีพ.ศ. 2489 โดยเติบโตขึ้นจากการเป็นองค์กรเล็กๆที่ต่อสู้โรคมาเลเรียทางใต้ของสหรัฐ กลายเป็นองค์กรเพื่อการต่อสู้กับโรคอื่นๆทั่วโลก สำนักงาน CDC ที่ใหญ่ที่สุดในโลกนอกสหรัฐอยู่ในกรุงเทพ ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกนอกสหรัฐที่ CDC เข้ามาจัดตั้งโปรแกรมด้านระบาดวิทยาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2523 เพื่อช่วยในการฝึกฝนอบรมบุคลากรด้านการวิเคราะห์สืบสวนโรคระบาด CDCในไทยมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นนักระบาดวิทยา ผู้เชี่ยวชาญในแล็ป และผู้เชี่ยวชาญสาขาอื่นๆรวมประมาณ 170 คน ไทม์ไลน์ ในช่วงต้นเดือนม.ค. แพทย์ไทยในกรุงเทพเริ่มกังวลกับการระบาดในหวู่ฮั่นซึ่งอยู่ห่างจากไทยไม่ถึง 7 ชั่วโมงบิน และเริ่มวางกลยุทธ์เตรียมตัวรับมือกับภัยคุกคามจากไวรัส โดยทำงานร่วมกับ CDC ในไทยอย่างใกล้ชิด แพทย์ไทยยังได้เรียนรู้จากนักวิทยาศาสตร์จากหลายที่เกี่ยวกับพันธุกรรมของโคโรน่าไวรัสมากพอที่จะเริ่มพัฒนาชุดตรวจสำหรับใช้ในโรงพยาบาล ซึ่งซุดตรวจแบบแรกของไทยเป็นการตรวจแบบ Real-time Polymerase Chain Reaction หรือ RT-PCR ถึงวันที่ 12 ม.ค. ไทยใช้ชุดตรวจแบบแรกนี้คอนเฟริ์มเคสแรกของโลกนอกประเทศจีน ในวันเดียวกันนั้น จีนโพสต์ genetic sequence ของโคโรนาไวรัสในอินเทอร์เน็ต ในวันรุ่งขึ้น - 13 ม.ค. WHO แชร์โปรโตคอลการตรวจต่อสาธารณะ ซึ่งก็คือสูตรที่ระบุวัสดุที่จำเป็นในการทำชุดตรวจ นักวิทยาศาสตร์ไทยใช้โปรโตคอลดังกล่าวในการสร้างชุดตรวจแบบที่สอง และทำได้ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากได้รับข้อมูลจากWHO การ "มีมากกว่าหนึ่ง" นี้จะกลายเป็นต้นแบบในการพัฒนาวัคซีนป้องกันไวรัสในที่สุด หมอ Anthony Fauci ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อของสหรัฐมักกล่าวเทียบแนวทางกลยุทธ์นี้กับฟุตบอลว่า “การยิงประตูต้องยิงหลายๆครั้ง” (ถึงจะเข้า) แนวทางนี้ให้ผลตอบแทนทันทีต่อประเทศไทย คุณหมอ ผศ. กฤต พงศ์พิรุฬห์ นักวิจัยและแพทย์ด้านระบาดวิทยาจากโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์กล่าวทางอีเมลกับวอชิงตันโพสต์ว่า “เราไม่ได้อาศัยเทคนิคการตรวจเพียงอย่างเดียวจากแล็ปเพียงแห่งเดียว” จากการใช้สูตรของ WHO เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของไทยพบผู้ป่วยรายอื่นภายในไม่กี่วันหลังจากนั้น รวมถึงคนขับแท็กซี่คนไทยที่ไม่เคยไปหวู่ฮั่น คุณหมอกฤตและเพื่อนร่วมงานสงสัยว่าเขาติดเชื้อจากนักท่องเที่ยวชาวจีน เจ้าหน้าที่ไทยติดตามสืบตัวผู้มีความใกล้ชิดกับคนขับแท็กซี่และพบว่ามีผู้ติดเชื้อคนอื่น ทำให้ไทยสามารถแยกตัวผู้ติดเชื้อออกเพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสแพร่กระจายได้โดยเร็ว หนึ่งในผู้ติดเชื้อในเคสนี้ที่ไทยเป็นแบบไม่มีอาการ - นี่เป็นการเตือนล่วงหน้าแก่ชาวโลกว่าการแพร่เชื้อชนิดนี้เป็นไปได้แม้จากผู้ที่ไม่มีอาการ ถึงสิ้นเดือนม.ค.ไทยพบผู้ป่วยด้วยโรคโควิด-19 จำนวน 11 ราย คุณหมอกฤตอธิบายรายละเอียดไว้ในอีเมลและในวารสาร Emerging Infectious Diseases ของ CDC (ลิงค์ข้างล่าง) ผู้เขียนบทความนี้มีทั้งหมด 12 คน และ 4 คนในจำนวนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญของ CDC โดยสามคนอยู่ในกรุงเทพและอีกคนในแอตแลนตา “การมีชุดตรวจ RT-PCR ในช่วงแรกช่วยลดการแพร่เชื้อและช่วยชีวิตคนได้อย่างแน่นอน” หมอกฤตกล่าวกับวอร์ชิงตันโพสต์ทางอีเมล นักวิทยาศาสตร์ไทยได้แบ่งปันข้อมูลเชิงลึกและความสำเร็จขั้นต้นกับสำนักงานใหญ่ของ CDC โดยทันที มีการประชุมทางโทรศัพท์เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ระหว่างบุคลากรของ CDC ในกรุงเทพและสำนักงานใหญ่ในแอตแลนตา นายแพทย์ John R. MacArthur ผู้อำนวยการของ CDC ประเทศไทยตั้งแต่ปี 2556 กล่าวว่าเมื่อการทดสอบ PCR ยืนยันเคสแรกที่กรุงเทพ “ผมติดต่อกับผู้นำของ CDC ในแอตแลนตาทันทีเพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบว่าเกิดอะไรขึ้น” แต่อนิจจา สำนักงานใหญ่ CDC ไม่นำกลยุทธ์ด้านการทำชุดตรวจและข้อมูลอื่นๆจากไทยที่พิสูจน์แล้วว่าประสบความสำเร็จในไทยมาใช้ในสหรัฐ ผลของการที่สามารถตรวจคนได้ตั้งแต่เมื่อโรคเริ่มระบาดทำให้ไทย ไต้หวัน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่นมีอัตราการเสียชีวิตจากโคโรน่าไวรัสเพียง 2 คนในแสนคน สถิติอัตราความตายของสหรัฐเวลานี้คือ 91 คนในแสนคน สรุปด้านสหรัฐ - แล้วทำไม CDC ในสหรัฐถึงได้ล้มเหลวในการรับมือกับไวรัสด้านการตรวจในตอนแรก 1) ประมาทอย่างร้ายแรง เมื่อตอน SARS ระบาด สหรัฐไม่มีผู้ป่วยเลย, เมื่อตอน MERS ระบาด สหรัฐมีผู้ป่วยสองคน รอดทั้งคู่ เลยให้ความสำคัญโคโรน่าไวรัสต่ำมาก หมอ Nancy Messonnier ผู้อำนวยการศูนย์โรคทางเดินหายใจของ CDC กล่าวว่า "เป็นไปได้ที่เราจะมีโคโรน่าไวรัสอย่างน้อยหนึ่งเคสในสหรัฐ" 2) ไม่พ้น Management Decision...ความผิดพลาดในการตัดสินใจของผู้บริหารขั้นสูงของ CDC สหรัฐ วอชิงตันโพสต์ใช้คำว่า "หยิ่งยโสอหังกา" กับทัศนคติของ CDC - สูตรได้จาก WHO มีในมือแต่ไม่ใช้ ตัดสินใจทำเอง ข้าเก่ง ข้าแน่ ข้าคือCDC ค้นคว้าเอง ทำเองได้ - แพทย์และผู้เชื่ยวชาญในสหรัฐลงความเห็นในเวลานี้ว่า สิ่งที่สหรัฐควรทำตอนนั้นคือใช้สูตรของ WHO ไปก่อน แล้วในเวลาเดียวกันก็ค่อยพัฒนาสูตรของตัวเองเพิ่มขึ้น ใช้กลยุทธ์ "มากกว่าหนึ่ง" แบบไทย ซึ่งฟังดูแล้วน่าจะเป็น common sense 3) ดูแลการผลิตไม่ดี เกิดปัญหาในการผลิตชุดตรวจในแล็ปของ CDC ชุดตรวจบางส่วนไม่เวิร์คเพราะมีสารปนเปื้อน 4) ไม่ตรวจการบ้านตัวเองก่อนส่ง ทำชุดตรวจเสร็จแล้วส่งไปตามรัฐต่างๆ เจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนค้นพบว่าสิ่งที่ CDC ส่งมาใช้ตรวจไม่ได้ 5) ระบบรัฐการที่เงอะงะ มะงุมมะงาหรา ระหว่าง CDC กับ FDA (ซึ่งมีหน้าที่อนุมัติชุดตรวจของ CDC) FDA ออกกฏที่ทำให้เสียเวลามากในตอนแรก 6) เอาการเมืองมายุ่มย่ามกับการแพทย์และวิทยาศาสตร์ เริ่มด้วยการเอาหมอ Robert Redfield ซึ่งไม่มีประสบการณ์บริหารองค์กรมาก่อนเลยไม่ว่าระดับไหน มาเป็นผู้อำนวยการ CDC ซึ่งใหญ่และซับซ้อน ไม่ขอพูดมากกว่านี้ครับ เจ็บคอ ผู้อำนวยการคนใหม่จะเริ่มงานเดือนหน้า หวังว่าคงดีขึ้น 7) ไม่ฟังคำเตือนและรายงานผลจากไทย ทั้งๆที่ส่วนหนึ่งของผู้รายงานก็เป็นผู้บริหารระดับสูงของ CDC เอง เสียเวลาให้ไวรัสไป 46 วัน ระหว่างนั้นแทบไม่มีการตรวจ ไวรัสเลียปาก จากความผิดพลาดครั้งนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CDC ที่ถูกย้ายและเชิญออกอย่างเงียบๆหลายราย CDC กำลังเขียนรายงานเพื่อเปิดเผยความผิดพลาดของตัวเองต่อสาธารณชน คงได้อ่านในอีกไม่นาน https://www.washingtonpost.com/investigations/cdc-covid/2020/12/25/c2b418ae-4206-11eb-8db8-395dedaaa036_story.html (https://www.washingtonpost.com/investigations/cdc-covid/2020/12/25/c2b418ae-4206-11eb-8db8-395dedaaa036_story.html) https://wwwnc.cdc.gov/eid/article/26/7/20-0598_article (https://wwwnc.cdc.gov/eid/article/26/7/20-0598_article) ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่ภาคินคนเก่งสุดยอดค่ะ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 10, 2021, 05:07:13 PM https://mgronline.com/qol/detail/9640000001986
เสร็จสมบูรณ์! “ถนนไกรสีห์” ถนนขนานเส้นบางลำพู แลนด์มาร์กแห่งใหม่ใกล้ข้าวสาร เผยแพร่: 9 ม.ค. 2564 11:39 โดย: ผู้จัดการออนไลน์ หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 26, 2021, 10:49:17 PM https://www.thansettakij.com/content/strategy/465871?as= (https://www.thansettakij.com/content/strategy/465871?as=)
ซีอีโอดุสิตธานี เปิดครัว บ้านดุสิตธานี ขายไข่เจียว โจ๊ก 40 บาทช่วยฝ่าโควิด หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มกราคม 26, 2021, 11:01:08 PM https://news.thaipbs.or.th/content/292672
มีผลแล้ว ราชกิจจาฯ ประกาศจ่ายค่าทำศพผู้สูงอายุคนละ 3 พันบาท ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ่ายค่าจัดการศพตามประเพณีของผู้สูงอายุ คนละ 3,000 บาท วันนี้ (19 พ.ค.2563) เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี โดยมีรายละเอียดดังนี้ โดยที่เป็นการสมควรปรับปรุงประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีให้เหมาะสมสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน อาศัยอํานาจตามความในมาตรา 11 วรรคหนึ่ง (12) มาตรา 11 วรรคสาม และมาตรา 24 แห่งพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 ประกอบข้อ 2 แห่งประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง การกําหนดหน่วยงานผู้มีอํานาจหน้าที่รับผิดชอบดําเนินการเกี่ยวกับการคุ้มครอง การส่งเสริมและการสนับสนุนผู้สูงอายุในด้านต่าง ๆ ตามพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ พ.ศ.2546 พ.ศ.2553 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงออกประกาศไว้ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ประกาศนี้เรียกว่า “ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง การสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี” ข้อ 2 ประกาศนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป ข้อ 3 ให้ยกเลิก (1) ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี พ.ศ.2557 ลงวันที่ 22 ก.ย.2557 (2) ประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กําหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ลงวันที่ 23 ส.ค.2561 ข้อ 4 การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี หมายถึงการช่วยเหลือเป็นเงินในการจัดการศพผู้สูงอายุตามประเพณีรายละ 3,000 บาท ข้อ 5 การสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีนั้น ผู้สูงอายุที่ตายต้องเข้าหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้ (1) อายุเกินหกสิบปีบริบูรณ์ขึ้นไป (2) สัญชาติไทย (3) ผู้สูงอายุที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เว้นแต่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แต่ยังไม่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือยังไม่ได้ลงทะเบียน ให้ผู้อํานวยการเขต หรือนายอําเภอ หรือกํานัน หรือผู้ใหญ่บ้าน หรือนายกเทศมนตรี หรือนายกองค์การบริหารส่วนตําบล หรือนายกเมืองพัทยา หรือประธานชุมชน เป็นผู้ออกหนังสือรับรอง ตามแบบที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนดการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีตามประกาศนี้ให้รวมถึงผู้สูงอายุซึ่งอยู่ในศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุ สถานสงเคราะห์ สถานดูแล สถานคุ้มครอง หรือสถานใด ๆ ของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ดําเนินการในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์ ข้อ 6 การยื่นคําขอเพื่อขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ให้ผู้ที่รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณีรายนั้นยื่นคําขอในท้องที่ที่ผู้สูงอายุมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านหรือภูมิลําเนาในขณะถึงแก่ความตาย ดังต่อไปนี้ (1) กรุงเทพมหานคร ให้ยื่นคําขอที่สํานักงานเขต (2) จังหวัดอื่น ให้ยื่นคําขอที่สํานักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด หรือที่ว่าการอําเภอ หรือสํานักงานเทศบาล หรือที่ทําการองค์การบริหารส่วนตําบล หรือศาลาว่าการเมืองพัทย แบบคําขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี ให้เป็นไปตามที่อธิบดีกรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด ข้อ 7 ผู้ยื่นคําขอรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีตามข้อ 6 ต้องยื่นคําขอภายในกําหนดหกเดือนนับตั้งแต่วันที่ออกใบมรณบัตรพร้อมเอกสาร ดังต่อไปนี้ (1) ใบมรณบัตรของผู้สูงอายุ (2) บัตรสวัสดิการแห่งรัฐของผู้สูงอายุ หรือหนังสือรับรองตามข้อ 5 (3) (3) บัตรประจําตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานของรัฐที่มีรูปถ่ายและเลขประจําตัวประชาชนของผู้ยื่นคําขอ กรณีการจัดการศพตามประเพณีโดยมูลนิธิ สมาคม วัด มัสยิด โบสถ์ ให้แนบหนังสือแสดงการจดทะเบียน หรืออนุญาตให้สร้าง จัดตั้ง หรือดําเนินงานมูลนิธิ สมาคมวัด มัสยิด โบสถ์ด้วย (4) สมุดบัญชีหรือเลขที่บัญชีธนาคารของผู้ยื่นคําขอ เว้นแต่ประสงค์จะขอรับเงินสดให้ดําเนินการตามระเบียบของทางราชการ (5) หนังสือรับรองเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดการศพตามประเพณี ซึ่งออกโดยบุคคล ตามข้อ 5 (3) หรือหัวหน้าหน่วยงานตามข้อ 5 วรรคสอง สําหรับกรณีผู้สูงอายุในสถานสงเคราะห์ ทั้งนี้ ผู้ยื่นคําขอและผู้รับรองต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน แบบหนังสือรับรองให้เป็นไปตามที่อธิบดี กรมกิจการผู้สูงอายุกําหนด ข้อ 8 การอนุมัติจ่ายเงินสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณี (1) กรุงเทพมหานคร ให้ผู้อํานวยการเขตเป็นผู้มีอํานาจอนุมัติ (2) จังหวัดอื่น ให้พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเป็นผู้มีอํานาจอนุมัติ ข้อ 9 ในกรณีผู้ที่มีคุณสมบัติและได้ยื่นคําขอเพื่อรับการสงเคราะห์ในการจัดการศพตามประเพณีถูกต้องตามประกาศกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เรื่อง กําหนด หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการคุ้มครอง การส่งเสริม และการสนับสนุนการสงเคราะห์ ในการจัดการศพตามประเพณี พ.ศ.2557 ลงวันที่ 22 ก.ย.2557 ก่อนวันที่ประกาศนี้ใช้บังคับ ให้ถือว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติและได้ยื่นคําขอดังกล่าวถูกต้องตามประกาศนี้ ข้อ 10 ในกรณีมีปัญหาข้อขัดแย้งในการปฏิบัติตามประกาศนี้ ให้ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด ประกาศ ณ วันที่ 25 มี.ค.2563 จุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จาก Thai PBS NEWS หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ มีนาคม 13, 2021, 07:42:15 AM ไข่ไก่ : กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ ตัด สารโคเลสเตอรอล ออกจากบัญชีสาร ที่ประชากรสหรัฐฯ ต้องระมัดระวังแล้ว โดยกล่าวว่า ผลการวิจัย ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่าง สารโคเลสเตอรอล ในอาหารที่เราบริโภค กับโคเลสเตอรอลในเลือดซึ่งร่างกายเราสร้างขึ้นมาเอง
สรุปกินไข่ได้มากกว่า 1 ฟองต่อวัน สำหรับวัยไม่เกิน 50 กินได้วันละ 6 ฟอง คนอายุ 80 กินวันละ 2 ฟอง ป้องกันอัลไซเมอร์ http://www.forbes.com/sites/fayeflam/2015/02/12/why-eggs-and-other-cholesterol-laden-foods-pose-little-or-no-health-risk/ (http://www.forbes.com/sites/fayeflam/2015/02/12/why-eggs-and-other-cholesterol-laden-foods-pose-little-or-no-health-risk/) คุณประโยชน์ 10 ประการของไข่ไก่: 1. ไข่เป็นอาหารที่ดี สำหรับดวงตา ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า การรับประทานไข่วันละฟอง อาจจะช่วยป้องกัน โรคจอประสาทตาเสื่อม จากสารคาโรทีนอยด์ที่อยู่ในไข่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูทีน (lutein) และซีแซนทีน (zeaxanthin) ซึ่งเป็นสารที่พบบริเวณตา โดยฉาบอยู่บนผิวของ เรตินา เพราะร่างกายจะได้รับ สารอาหารทั้งสองอย่างนี้โดยตรงจากไข่มากกว่าอาหารชนิดอื่น 2. ไข่ทำให้เป็นต้อกระจก น้อยลง จากคนที่กินไข่ทุกวัน มีความเสี่ยงที่จะเป็น ต้อกระจกน้อยลง อันเนื่องมาจาก ลูทีน และ ซีแซนทีน ในไข่ดังได้กล่าวมาแล้ว 3. ไข่อุดมไปด้วยโปรตีน โดย 1 ฟอง จะมีโปรตีนคุณภาพดี 6 กรัม และกรดอะมิโนสำคัญอีก 9 ชนิด 4. ผลการทำวิจัยโดย มหาวิทยาลัยแพทย์ฮาร์วาร์ด พบว่า การบริโภคไข่เป็นประจำยังช่วยป้องกัน เลือดจับตัวเป็นก้อน เส้นเลือดอุดตันในสมอง และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน 5. ไข่เป็นแหล่งโคลีน ที่ดีในกลุ่มของ วิตามินบี ช่วยในการควบคุมการทำงานของสมอง ระบบประสาท และระบบไหลเวียนของเลือด โดยไข่ 1 ฟอง จะมีโคลีน มากถึง 300 ไมโครกรัม 6. ไขมันในไข่ มีคุณภาพดี ไข่ 1 ฟอง มีไขมันอยู่ 5 กรัม และมีเพียง 1.5 กรัมเท่านั้น ที่เป็นไขมันชนิดอิ่มตัว 7. แม้ว่าจะขัดแย้งกับความเชื่อเดิมๆ แต่งานวิจัยชิ้นใหม่ กลับพบว่า การบริโภคไข่วันละ 2 ฟอง เป็นประจำ ไม่มีผลกระทบต่อระดับไขมันในร่างกาย มิหนำซ้ำอาจจะช่วยทำให้ไขมันดีขึ้น 8. กินไข่ได้วิตามินดี เพราะไข่เป็นอาหารเพียงชนิดเดียว ที่เป็นแหล่งวิตามินดีตามธรรมชาติ 9. ไข่อาจจะช่วยป้องกันมะเร็งเต้านม โดยผลการศึกษาชิ้นหนึ่งพบว่า ผู้หญิงที่รับประทานไข่ 6 ฟองต่อสัปดาห์ ช่วยลดความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมลง ร้อยละ 44 10. ไข่ทำให้ เส้นผม และ เล็บ มีสุขภาพดี เพราะว่าไข่มี ซัลเฟอร์ สูง รวมถึงยังมีวิตามิน และแร่ธาตุอีกหลายชนิด หลายคนจึงพบว่าผมยาวเร็วขึ้น หลังจากที่เพิ่มไข่เข้าไปในอาหารที่รับประทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคนที่เคยขาดอาหารที่มี ซัลเฟอร์ หรือ วิตามินบี 12 มาก่อน หัวข้อ: Re: read news เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ กุมภาพันธ์ 16, 2022, 02:17:10 PM ราชบัณฑิตยสภา ยืนยัน "กรุงเทพมหานคร" ใช้ได้ทั้ง “KrungThep Maha Nakhon“ และ ”Bangkok” ครับ …
หลังปรากฎกระแสข่าว ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้(15 ก.พ.) มีมติเห็นชอบตามที่ ราชบัณฑิตยสภา ประกาศเปลี่ยนชื่อประเทศ ดินแดน และเมืองหลวงใหม่ ให้ถูกต้องและชัดเจน โดยเมืองหลวงของประเทศไทย ให้แก้ไขจาก ‘Bangkok’ เป็น ‘Krung Thep Maha Nakon’ กระแสข่าวระบุว่า ครม.เห็นชอบให้ยกเลิกประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดนเขตการปกครอง และเมืองหลวง ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2544 และให้ใช้ประกาศสำนักงานราชบัณฑิตยสภา เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ลงวันที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2564 รายละเอียดดังนี้ ปรับปรุงแก้ไขการกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง เช่น ชื่อภาษาอังกฤษเมืองหลวงของประเทศไทย ให้แก้ไขจาก ‘Bangkok’ เป็น ‘Krung Thep Maha Nakhon (Bangkok)’ โดยเก็บชื่อเดิม (Bangkok) ไว้ในวงเล็บ นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมชื่อเมืองหลวงอื่นๆ เช่น เมืองหลวงของมาเลเซีย เพิ่มชื่อ ‘กัวลาลุมปูร์’ นอกเหนือจากชื่อเดิมคือ ‘กัวลาลัมเปอร์’ เมืองหลวงของเยอรมนี เพิ่มชื่อ ‘แบร์ลีน’ นอกเหนือจากชื่อเดิมคือ ‘เบอร์ลิน’ เมืองหลวงของสวิตเซอร์แลนด์ เพิ่มชื่อ ‘แบร์น’ นอกเหนือจากชื่อเดิมคือ ‘เบิร์น’ เมืองหลวงของเวียดนาม เพิ่มชื่อ ‘ห่าโหน่ย’ นอกเหนือจากชื่อเดิมคือ ‘ฮานอย’ เมืองหลวงของอิตาลี เพิ่มชื่อ ‘โรม่า’ นอกเหนือจากชื่อเดิมคือ ‘โรม’ "กรุงเทพมหานคร" ใช้ได้ทั้ง KrungThep Maha Nakhon และ Bangkok ล่าสุด ราชบัณฑิตยสภา ชี้แจงว่า "กรุงเทพมหานคร" ใช้ได้ทั้ง “KrungThep Maha Nakhon“ และ”Bangkok” สำนักงานราชบัณฑิตยสภาโดยคณะกรรมการจัดทำพจนานุกรมชื่อภูมิศาสตร์สากลได้ปรับปรุงแก้ไขการกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง ให้ถูกต้องและชัดเจน โดยมีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาวิชาจากกระทรวงการต่างประเทศร่วมพิจารณาด้วย เพื่อให้ส่วนราชการนำการกำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครองและเมืองหลวงดังกล่าวไปใช้ให้เป็นมาตรฐานเดียวกันและสอดคล้องกับสภาพการณ์ปัจจุบัน ทั้งนี้ หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดชื่อประเทศ ดินแดน เขตการปกครอง และเมืองหลวง แล้ว จะอยู่ในขั้นตอนของคณะกรรมการตรวจสอบร่างกฎหมายและร่างอนุบัญญัติที่เสนอคณะรัฐมนตรีตรวจพิจารณา ประกอบกับข้อสังเกตของกระทรวงการต่างประเทศ ก่อนดำเนินการต่อไป ส่วนคำว่า "กรุงเทพมหานคร" ยังคงใช้ว่า “KrungThep Maha Nakhon“ หรือ ”Bangkok” ได้เช่นเดิม |