Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website.
Home
-----
กระดานสนทนาหน้าแรก
-----
Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart
-----
gold-trend-price-prediction
-----
ติดต่อเรา
หัวข้อ: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 02:25:54 PM (http://www.uppic.net/ik/0kapook_40094.gif) (http://www.uppic.net/show/c4cb10d651967395e2e5fc926f801646) ปกติดิฉันพิมพ์ไม่เก่งเลย แต่จากเหตุการณ์ที่ดิฉันได้รับกำลังใจ และความช่วยเหลือในการผ่าตัดลูกจนปลอดภัย จากคุณพอล และสมาชิกในเวปที่ดิฉันจำท่านได้ เพียงแต่เอ่ยชื่อได้ไม่หมด ดิฉันได้ตั้งใจไว้ว่า จะขอเอาเรื่องนี้มาบอกเล่า พอให้ได้เป็นความรู้แก่คนเป็นพ่อแม่ เพื่อจะได้ดูแลลูกหลานของเราให้ดีที่สุด หากพอจะมีประโยชน์หรือเกิดผลบุญอะไรบ้าง... ขออุทิศให้แก่ทุกท่านและครอบครัวนะคะ :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 02:29:33 PM ดิฉันขอเล่าเรื่องราวในเวลาที่ยากลำบากนั้นให้ฟัง
เผื่อจะเป็นประโยชน์ตอบแทนทุกท่านได้บ้างค่ะ เล่าเรื่องจากห้องผ่าตัด "โรคไส้เลื่อนในเด็กเล็ก? ชะตาชีวิตของลูก อยู่ในมือของพ่อแม่จริงๆ เพราะถ้าบังเอิญพ่อแม่ไม่รู้ว่าลูกเป็นโรคนี้ วันหนึ่งหากลูกเกิดอาการไส้เลื่อนอุดตัน จากสำไส้เลื่อนลงไปแล้วติดค้าง ชีวิตของลูกจะมีเวลาเพียง 2-4 ชั่วโมงเท่านั้น ดิฉันมีลูกหลายคน เพราะคนโตๆแกไม่เคยมีอาการโรคนี้ให้ดิฉันนึกถึง วันหนึ่งเมื่อพบว่าลูกคนสุดท้องเป็นโรคไส้เลื่อน ทุกอย่างจึงดูฉุกเฉินไปหมด เริ่มจากวันหนึ่ง ดิฉันอาบน้ำลูก และวันนั้นให้พี่เลี้ยงลูกมาช่วยหลอกล่อจับให้แกอยู่นิ่งๆ เพราะแม่จะตัดผมให้หนูอีก (ลูกอายุ 1 ขวบเกือบ 2เดือน ดิฉันยังไม่อยากให้ช่างที่ร้านตัดผมแก ) แต่วันนี้ลูกหงุดหงิดร้องงอแงมากหน่อย ซึ่งปกติแกเป็นเด็กยิ้มแฉ่ง อารมณ์ดีตลอดเวลา เป็นจังหวะที่พี่เลี้ยงเป็นคนจับลูกยืน ทำให้แม่เริ่มมองเห็นว่า เวลาแกร้องอื้อ..ๆ? ที่ขาหนีบด้านขวาของลูก ทำไมมันโป่งออกมา? ! แม่ลองเอามือจับดูเบาๆรู้สึกว่ามันเป็นก้อนแข็งหน่อย จากคืนนั้น ดิฉันรีบไปกวาดหนังสือคู่มือแม่ทั้งตู้มาเปิดอ่าน เป๊ะเลย? อาการเหมือนโรคไส้เลื่อนที่ขาหนีบ ที่ตกใจมากที่สุดคือ ทุกตำราพูดตรงกันว่า การรักษามีวิธีเดียวคือ ?ผ่าตัด? คืนนั้นแม่นอนไม่หลับเลย ? ในชีวิตคนเราแต่ละคนจะเคยผ่าตัดกันกี่ครั้ง ตัวดิฉันเองผ่าคลอดลูกมาหลายครั้ง ถึงมันจะเป็นการผ่าตัดใหญ่ แต่มันผ่าตัวเรา? ไม่ใช่ผ่าลูกอายุเพิ่งจะ 1 ขวบ ที่เพิ่งจะหัดเดินเตาะแตะ? วันๆยิ้มแฉ่ง ไม่รู้เดียงสาขนาดนี้ ดิฉันต้องเร่งหยิบตำราต่างๆมานั่งอ่านทั้งวันทั้งคืน เรารีบพาลูกไปพบหมอ 4 ?5 ความเห็น จาก 3-4 โรงพยาบาล โทรหาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หมอ พยาบาลที่รู้จัก รวมถึงนั่งหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต (ซึ่งความจริงตัวเองเป็นคน Low tech มากๆ ที่พิมพ์ดีดอยู่นี่ก็ช้าสุดๆ ) ซึ่งต่อไปนี้จะ เป็นความรู้เรื่อง ?โรคไส้เลื่อนในเด็ก? ที่ดิฉันขอแบ่งปันให้คนเป็นพ่อแม่ได้ทราบด้วยกัน? (http://www.uppic.net/ir/r0l02.jpg) (http://www.uppic.net/show/a54c41b321c147cd13a7b695aa51c229) โรคนี้มักเกิดในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง ลูกชายเราตอนอยู่ในท้องแม่ เมื่อถึงเดือนใกล้คลอดลูกอัณฑะเดิมจะอยู่ในช่องท้องลูก มันจะค่อยๆเคลื่อนลงมาทางขาหนีบแล้วลงไปอยู่ในถุงอัณฑะ และในระหว่างเคลื่อนตัวลงมามันจะดึงถุง (ลักษณะเป็นเนื้อเยื้อบางๆ ใสๆ แต่ยืดหยุ่นได้เยอะ ซึ่งดิฉันได้มาเห็นหลังผ่าตัดลูกเสร็จแล้วคุณหมอเอาออกมาให้ดู) ถุงที่ยืดตามลูกอัณฑะมานี้ ปกติแล้วควรจะปิดไปเอง แต่ในเด็กบางคนที่มันไม่ปิด หรือปิดไม่สนิท จะทำให้เกิดเป็นช่องว่างขึ้น ซึ่งช่องนี้ จังหวะใดที่เด็กออกแรงเบ่งมาก เช่น เด็กที่เบ่งอึเพราะท้องผูกบ่อยๆ หรือเบ่งร้องไห้ ฯลฯ มันจะดันลำไส้ในช่องท้องให้ตกลงมาตุงอยู่ที่ขาหนีบ หรือตกลงมาตุงอยู่ในถุงอัณฑะ แบบนี้เรียก ?โรคไส้เลื่อน? ? ยังค่ะ? โรคไส้เลื่อนเองยังไม่อันตรายฉุกเฉินถึงชีวิตเท่าไหร่ เพราะลำไส้มันเลื่อนตกลงมา เดี๋ยวมันก็ขยับคืนขึ้นไปอยู่ในช่องท้องได้ และถ้าช่องเปิดอันนี้มันรูไม่ใหญ่มาก สิ่งที่ตกลงมาเล็กๆอาจเป็นแค่ถุงน้ำรอบๆลำไส้ ไม่ใช่ลำไส้ ซึ่งมี 1 ในคุณหมอจากคุณหมอหลายๆท่านที่ดิฉันพาลูกไปตรวจบอกว่า ถ้าเป็นแค่ถุงน้ำนี้ แปลว่าอาจเป็นแค่รูเล็ก อาจรอดูอาการลูกไปก่อนถึงสัก 2 ขวบ ยังไม่ต้องผ่าตัดก็ได้? (ถูกใจพ่อแม่แน่นอน ไม่มีใครอยากพาลูกเล็กขนาดนี้เข้าผ่าตัด) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 02:30:55 PM ฟังจากคุณหมอท่านนั้น ทีแรกดิฉันก็ดีใจว่าเราอาจไม่ต้องพาลูกผ่าตัด หรืออย่างน้อยก็เหมือนอยากจะซื้อเวลาให้ลูกโตแบบพูดได้ก่อน ค่อยพาแกผ่า?
แต่จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ค่ะ ทั้งในหนังสือทุกเล่ม และคุณหมออีกหลายท่านให้ความรู้มาว่า ถ้าเรารู้ว่าลูกเป็น โรคไส้เลื่อน แล้วยังรีรอไม่พาลูกผ่าตัดเพื่อรักษา อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้คือ วันใดโชคร้ายขึ้นมา จังหวะที่ลำไส้มันเลื่อนลงไป แล้วมันเกิดติดค้างอยู่ไม่กลับขึ้นมา จากการผ่าตัดรักษาไส้เลื่อนที่คุณหมอศัลยกรรมเด็กบอกว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก จะกลายเป็นการผ่าตัดใหญ่และฉุกเฉินที่ภาษาหมอเรียกว่า EMERGENCY ทันที? คุณหมอท่านหนึ่งอธิบายเราว่าถ้าหมอพบเด็กคลอดมาแค่ 1 วัน ว่าเป็นไส้เลื่อน ให้ผ่าตัดรักษาไส้เลื่อนทันที ก่อนจะให้เด็กกลับบ้านไป คุณหมอท่านนี้บอกว่า ไส้เลื่อน ทางการแพทย์ เรียกการรักษาว่าต้องทำ URGENT แต่ผ่าตัดสำไส้อุดตัน ภาษาหมอเรียกการรักษาว่า ฉุกเฉิน กลายเป็นเคส EMERGENCY ถ้าวันใดสำไส้ติดค้าง และมันกดทับกัน ลูกจะเจ็บปวดมาก อาการของลูกคือ จะร้องไห้จ้าปวดท้องอย่างกระทันหัน ลูกจะร้องจ้า แล้วหยุด แล้วร้องจ้าอีก ตามจังหวะการบีบตัวของลำไส้ที่มันเกิดทางตันขึ้นมา ร้องอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง เลือดก็จะเดินไม่ได้ ภายใน 2-4 ชั่วโมง ถ้าพ่อแม่พาไปถึง รพ. ไม่ทัน ลำไส้ลูกก็จะเน่า? เนื้อเน่าเกิดเป็นรู มีเลือดออกในลำไส้ การรักษาจะกลายเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องตัดลำไส้เน่าทิ้ง แน่นอน?เป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงชีวิตลูกมากขึ้น? ถ้าพ่อแม่พาลูกไปถึง รพ. ทันก่อนสำไส้จะเน่า การรักษาหมอจะสวนแป้งเข้าไปทางรูทวารลูก เพื่อ x-ray ดูสำไส้ ซึ่งบางครั้งลำไส้ลูกก็จะหลุดออกมาจากขั้นตอนนี้ คิดดูสิคะ... แล้วถ้าพ่อแม่เกิดติดธุระอยู่นอกบ้าน หรือเลือกไปโรงพยาบาลไม่ถูก (ควรเป็น รพ.ที่มีหมอศัลยกรรมเด็ก) หรือแม้แต่เห็นลูกร้องไห้จ้า พอปลอบๆแล้วลูกก็หยุดร้อง เดี๋ยวก็ร้องขึ้นมาอีก พ่อแม่เกิดไม่ทันได้นึกถึงโรคนี้จริงๆ รอให้ถึงเช้าก่อนค่อยพาไปรพ. ลูกจะเป็นยังไง... มีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนให้ความรู้ไว้ดีมาก สมัยนี้เราเลี้ยงลูกให้ใส่แพมเพิสกันมาก "ที่จริงเรื่องที่คุณแม่ควรทำทุกครั้งที่เห็นลูกร้องไห้จ้ากระทันหันคือ ตรวจดูที่ขาหนีบ หรืออัณฑะของลูก ว่าโป่งบวมออกมาไหม?" จะได้รักษาช่วยชีวิตลูกได้ทันถ่วงทีนะคะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 02:37:35 PM อีกประมาณ 2สัปดาห์ คุณพ่อแกต้องไปดูงานต่างประเทศยาวอีกแล้ว เราเร่งรีบพาลูกหาหมอเพื่อวินิจฉัยว่าลูกเป็น โรคไส้เลื่อน แน่ไหม และจำเป็นต้องผ่าตัดโดยด่วนหรือเปล่า? สรุปจากความเห็นคุณหมอประจำตัวลูก 2 ท่าน 2 รพ. และจากความเห็นของ กุมารศัลยแพทย์ อีก 2 ท่าน อีก 2 รพ.
3 ท่าน บอกว่า ใช่? ควรผ่าตัดลูกโดยเร็ว เราซักถามหลายคุณหมอถึง วิธีการผ่าตัด หมอบอกเป็นการผ่าตัดเพียงแถวผนังท้อง ไม่ได้ผ่าลึกเข้าไปในช่องท้อง ผ่าเข้าไปเพื่อเย็บปิดช่องที่มันเปิดอยู่ไม่ให้ไส้เลื่อนตกลงไปอีก แผลผ่าประมาณ 2 ซม. และหมอแนะนำให้ผ่าทีเดียวทั้ง 2 ข้างเลย เพื่อป้องกันอีกข้างตกลงมาอีก (http://www.uppic.net/id/dv2xv.jpg) (http://www.uppic.net/show/d7c9f75b8db25238542c2867602e5330) ฟังดูแล้วแม่ที่เคยผ่าตัดใหญ่อย่างเราเป็นห่วงเรื่องการผ่าตัดน้อยลงหน่อย? แต่จุดสำคัญกลายเป็นเรื่องที่แม้แต่การผ่าตัดใหญ่ของเราก็ไม่เคยทำ คือ การวางยาสลบลูก? ผลเสียหรือผลข้างเคียง ของการวางยาสลบลูกเท่าที่เราพยายามหาข้อมูลมา มีตั้งแต่? ลูกอาจแพ้ยา จะมีอาการแสดงออกทางผิวหนัง การเต้นของหัวใจ และการหายใจ? พูดง่ายๆคือ ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นในห้องผ่าตัดขณะดมยาสลบลูก แล้วคุณหมอดมยาช่วยลูกไม่ทัน ลูกอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ หรือแม้แต่ลูกไม่ตาย? แต่หลับไม่ฟื้นตลอดชีวิต เพราะสมองขาดอากาศ ทุกอย่างคุณหมออธิบายเพราะเราถาม และทุกท่านก็บอกว่าโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่างๆมีน้อยมาก ? แต่ก็นั่นแหละค่ะ ทางพ่อแม่ทุกคนก็คงอดลองคิดไม่ได้ ถ้าเผื่อโชคร้ายมันเกิดกับลูกเราจริงๆ จะทำอย่างไร? ถ้าแม่อุ้มลูกไปส่งไปหมอผ่าตัดกับมือแม่เอง? แล้วหนูไม่คืนกลับมาหาแม่อีก? ????????.. เป็นธรรมดาที่คุณหมอโดยทั่วไปคงอึดอัด ไม่อยากรับรักษาลูกที่พ่อแม่ถามมากๆ ถ้าดิฉันพูดได้ ก็อยากจะบอกคุณหมอทุกท่านว่า วิธีคลายกังวลพ่อแม่ เพื่อที่จะประคองจิตใจให้เข้มแข็งพอที่จะอุ้มลูกส่งให้มือคุณหมอ พ่อแม่แต่ละคนก็คงจะมีวิธีไม่เหมือนกัน สำหรับเรา เราเพียงขอทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกได้บ้าง แล้วคุณหมอจะช่วยชีวิตลูกเราอย่างไร แล้วคุณหมอคุ้นเคยกับทีมผ่าตัดไหม เครื่องมือช่วยชีวิตที่โรงพยาบาลมีพร้อมใช่ไหม ? เท่านี้เอง? เท่านี้เองที่พ่อกับแม่ขอทำเพื่อลูกให้ดีที่สุด? ไม่มีเจตนาจะคาดโทษหรือตามฟ้องร้องอะไรใครเลย? ก่อนถึงวันผ่าตัดลูก ข้อมูลที่เราหาได้ยากที่สุดคือ เรื่องการวางยาสลบลูก? จนกระทั่งคุณพอลได้แนะนำให้ดิฉันโทรสอบถามที่โรงพยาบาลเด็ก? ดิฉันยอมรับว่า ผิดคาดเหลือเกิน ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับคำอธิบายจาก คุณหมอดมยาเด็กโดยตรงอย่างดีแบบนี้ จากรพ.ของรัฐ เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมา จากนั้นก็ คำอธิบายจากคุณหมอ richyrichy ช่างเป็นประโยชน์กับเรามากๆ การที่ดิฉันได้รับรู้เข้าใจขั้นตอนต่างๆที่เขาจะทำกับลูก มันทำให้เรามีแรงมากขึ้นจริงๆ จากนั้นเราก็ไม่กลัวที่จะขอพบ และขอคุยกับคุณหมอดมยาที่จะมา ช่วยทำการผ่าตัดให้ลูกเรา คุณหมอ richyrichy คะ ดิฉันเข้าใจ วิสัญญีแพทย์ อย่างลึกซึ้ง? ก็วันนี้แหล่ะค่ะ คุณหมอผ่าตัดก็มี หน้าที่ผ่าตัดรักษาอาการของคนไข้ไป อันนี้สำคัญยังไงคนไข้ทราบ? แต่สิ่งสำคัญที่ต้องใช้ความสามารถทำให้สมดุลระหว่างระงับความเจ็บปวดที่คนไข้ต้องเจอจากการผ่าตัด และต้องควบคุมการให้ยาสลบหรือยาชาในจุดที่สมดุลไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้มากที่สุด ตลอดจนหากเกิดเหตุฉุกเฉินสุดวิสัยกับคนไข้ ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ ความดัน แม่แต่การเต้นของหัวใจ? สัญญานชีวิตสุดท้ายของคนเรา ล้วนอยู่ในมือของ หมอดมยาทั้งนั้น? พอผ่าตัดจบ มีผู้คนกี่คนกัน? ที่รู้จักหรือจดจำชื่อ... ยกกระเช้าไปขอบคุณ หมอดมยา?. ?? หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 14, 2009, 02:40:41 PM แวะมาจองที่ครับ เด่วจะมาอ่านนะครับ ;D
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 03:26:54 PM นับถอยหลังจนถึงวันก่อนผ่าตัดลูก ทุกชั่วโมงทุกนาทีที่พ่อแม่มองหน้าลูกแล้วสบตากันตลอด....
ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เราเพียรสร้างเพียรหามา แม้แต่ตัวเรา? จะอยู่ยังไง? (ยอมรับนะคะ ว่าจิตใจสั่นตลอดเวลา ท้องไส้ปั่นป่วนตลอดวัน ) ในเช้าวันผ่าตัด ดิฉันรวบรวมสติมากที่สุด พอไปถึงรพ. ดิฉันอึ้งมากเมื่อเห็นอีกครอบครัวหนึ่ง อุ้มลูกชายวัย 2 เดือน รอผ่าตัดไส้เลื่อนต่อจากเรา?.! พอได้พูดคุยกับคุณแม่ท่านนั้น จึงได้ความว่า เธอมาจากระยอง?!? ลูกของเธอร้องไห้จ้าเมื่อวาน เพราะไส้เลื่อนติดค้าง พาไปหาหมอในจังหวัดแล้ว คุณหมอดันลำไส้กลับเข้าไม่ได้ แนะนำให้พาลูกผ่าตัดด่วน?! เธอเลยรีบพาลูกเข้ากรุงเทพมาที่ บำรุงราษฎร์ ระหว่างนี้ลำไส้ลูกเธอโชคดีที่มันกลับเข้าที่ แต่เมื่อพบหมอ หมอแนะให้รีบผ่าตัดทันทีเช่นกัน ค่าผ่าตัด ไส้เลื่อนในเด็ก ที่รพ.เด็ก ราคาประมาณ 6,000 กว่าบาท รพ.สมิติเวช ประมาณ 40,000 ? 60,000 บาท รพ.บำรุงราษฎร์ ประมาณ 70,000 ? 80,000 บาท คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายลองพิจารณากันดูค่ะ ว่าถ้าเป็นเราจะเลือกแบบไหน? (http://www.uppic.net/ik/0kapook_10119.gif) (http://www.uppic.net/show/a0364ec535b100256184022d52137cba) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 03:53:47 PM ถึงเวลาผ่าตัด เราได้ขอพูดคุยกับคุณหมอทั้ง 2 ท่าน เราให้ข้อมูลลูกมากที่สุด ดูเหมือนคุณหมอทั้ง 2ท่าน ก็เข้าใจเรา คุณหมอผ่าตัดแนะนำสิ่งหนึ่งซึ่ง มหัศจรรย์มาก คือแกแนะนำว่า พอผ่าตัดลูกเสร็จใหม่ๆ ลูกจะยังไม่เจ็บแผลเพราะยังมียาชาที่ฉีกให้อยู่ แต่ถ้าลูกฟื้นกินน้ำกินนมได้แล้ว ให้ป้อนยาแก้ปวดลูกไว้เลย เพื่อสมองลูกจะได้ไม่จดจำความรู้สึกเจ็บปวดที่แผลผ่าตัด
คุณหมอยกตัวอย่างเคส คนไข้ที่เป็นบาดเจ็บมากที่แขน เจ็บปวดสาหัสมาก พอหมอตัดแขนออกไปแล้ว คนไข้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดมากที่แผลที่แขนอยู่ ทั้งๆที่ความจริงไม่มีแขนแล้ว นั่นเป็นเพราะ สมอง มันจดจำความรู้สึกสาหัสนั้นไว้แล้ว? แล้วสมองของลูกดิฉันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ? คุณหมอ richyrichy คะ โชคไม่ค่อยดี รพ.ที่ดิฉันพาลูกผ่าตัด ไม่มีขั้นตอนแรกที่ว่า ให้เด็กดื่มน้ำหวาน หรือเป่าลูกโป่ง ปนยานอนหลับ หรือยาอะไรนะคะ? ที่จะช่วยทำให้ลูกสงบไม่ตื่นตกใจเมื่อเข้าไปในห้องผ่าตัด แล้วต้องแยกจากแม่ พยาบาลให้ดิฉันอุ้มลูกไปถึงที่ห้องผ่าตัดจริงๆ แล้วคุณหมอดมยา ก็เอาหน้ากากมาครอบหน้าแกเลย ลูกตกใจร้องไห้ดิ้นถีบแขนแม่จะหลุดมือ พยาบาล 2-3 คนก็เลยเข้ามาช่วยกันยึดจับแขน จับหัวลูกให้หน้ากากครอบไว้ ? นับ 1 ไม่ถึง 10 ? ลูกก็สลบไปทั้งร้องไห้อย่างนั้น?. แล้วเขาก็ช่วยกันวางลูกลงบนเตียง ดิฉันก็ถูกต้อนให้รีบออกจากห้องผ่าตัดมา? ดิฉันรู้สึกเสียใจนิดๆ ที่ไม่ได้กอดลูกไว้ให้กระชับเพื่อไม่ให้ลูกตกใจ ที่ได้ทำมีแค่ดิฉันร้องเพลงกล่อมนอนที่แกคุ้นเคยตลอดเวลาที่แกดิ้นก่อนจะสลบไปเท่านั้น? หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 04:26:48 PM สักครู่คุณแม่ของลูกวัย 2 เดือนอุ้มลูกเข้ามารอคิวผ่าตัดต่อ เราจึงเริ่มคุยกัน ดิฉันรีบบอกเธอว่า เวลาเขาให้เข้าไปส่งลูกในห้องผ่าตัดอุ้มลูกในอ้อมแขนไว้ให้กระชับจนกว่าลูกจะสลบไปนะคะ เธอขอบคุณแล้วก็น้ำตาไหลพรากกันทั้งสามีและภรรยา (ดิฉันก็ต้องรีบหลบมาร้องไห้อีกมุมหนึ่ง)
(http://www.uppic.net/ik/0kapook_32204.gif) (http://www.uppic.net/show/6720a625ab008b97fd719ec66fd923e5) 1 ชั่วโมงของการผ่าตัด สิ้นสุดลง ?. การผ่าตัดลูกปลอดภัย? พยาบาลเข็นเตียงลูกออกมาครู่เดียวลูกก็ตื่น เราโล่งหัวใจไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงเฝ้าสังเกตุอาการลูกหลังตื่นว่าแกปกติดีไหม แล้วสัก 2 ชั่วโมงคุณหมอก็จะให้กลับบ้านได้ แต่ลูกดิฉันพอแกตื่นขึ้นมา แกเริ่มต้นร้องไห้โยเยเขย่าหัวใจแม่อยู่นานเกือบ 1 ชั่วโมง แม่จะอุ้มหนูก็แล้วจะวางหนูจะร้องเพลงกล่อม หรือเอาของเล่นชิ้นโปรดที่เตรียมมาให้ แกก็โยเยไม่หยุดเลย จนพยาบาลต้องช่วยกันเข้ามาปลอบ เราตึงเครียดกันอยู่นาน กลัวลูกจะเจ็บแผล สุดท้ายแกคงหมดแรงจึงหลับไปนานอีก 1 ชั่วโมง คราวนี้พอตื่นขึ้นมา แกหยุดร้องไห้โยเยเป็นปลิดทิ้ง ดูดนมรวดเดียวหมดขวด พ่อกับแม่จึงโล่งอกได้? แล้วค่อยๆ พาลูกกลับบ้าน? เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันได้โทรคุยถามไถ่อาการลูกของคุณแม่ลูก 2 เดือน (เราได้แลกเบอร์โทรกันไว้) ถึงได้ทราบว่า ลูกของเธอตอนออกจากห้องผ่าตัดมา ก็หลับต่อ? พอตื่นมาก็ไม่ร้องโยเยเลย กินนมได้ ยิ้มได้ตามปกติ ทีนี้นึกออกหรือยังคะ ว่าทำไมลูกออกจากห้องผ่าตัดมาจึงดูสงบ?ไม่เหมือนกัน ดิฉันถึงบางอ้อเลย ที่บอกสิ่งมหัศจรรย์ของสมองก็คือ คุณแม่ของลูกน้อย 2 เดือนเธอได้กอดลูกกระชับไว้ในอก จนคุณหมอครอบหน้ากากดมยาลูกจนสลบ? ลูกน้อยของเธอไม่ตกใจ การผ่าตัดดำเนินไปนาน 1 ชั่วโมง พอลูกเธอฟื้นขึ้นมาจึงเป็นปกติดี? ส่วนลูกของดิฉันสลบไปพร้อมกับสมองที่จดจำว่าตกใจ? จึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความตกใจอยู่อีกนานถึง 1 ชั่วโมง? สงสารลูกจับใจ? แต่สุดท้ายเรื่องใหญ่ก็ผ่านพ้นชีวิต ครอบครัวเราไปได้? หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 04:58:19 PM คุณพอลคะ ดิฉันได้เขียนบอกเล่าเรื่องราวจากห้องผ่าตัด และแบ่งปันความรู้ของโรคนี้ไว้ตรงนี้แล้ว (ถ้าเป็นคนอื่นอาจพิมพ์สัก 1 ชม. แต่ดิฉันจิ้มอยู่นานเกือบทั้งวัน ) ขอบคุณที่มีเวปของคุณพอลให้ได้แบ่งปันนะคะ (http://www.uppic.net/ik/4kapook_39199.gif) (http://www.uppic.net/show/8631323500b0f9ab5919867b618efe57) ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจแล้ว อิ่มใจจริงๆ.. :D อย่าลืมนะคะคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ ที่เราใส่แพมเพิสให้ลูกเกือบทั้งวัน หมั่นตรวจดูตรงขาหนีบ หรือตรงถุงอัณฑะของลูกด้วยนะคะ โรคนี้ชะตาชีวิตลูกอยู่ในมือของพ่อแม่จริงๆ หวังให้ข้อความนี้เป็นประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกได้บ้างนะคะ :D :D :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 14, 2009, 05:11:34 PM วันนั้น ต้องขอขอบคุณคุณ mvb มากเลยนะคะ ที่แนะนำให้ติดต่อเจอคุณหมอ richyrichy
ใจจริงอยากเอ่ยชื่อทุกท่านที่อุตส่าห์มีข้อความให้สติ และกำลังใจ แต่คงเอ่ยได้ไม่หมด ได้แอบบันทึกไว้ในใจแล้วนะคะ วันนี้ ฝืนสังขาร พิมพ์อยู่ทั้งวัน ตาลาย..เลย..ย.. :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 14, 2009, 05:12:23 PM ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชีวิตนี้ครับ ได้ประโยชน์มากมายจริงๆ ครับ จะคอยดูแลลูกครับ 2 ขวบครึ่งแล้ว ยังใส่ แพมเพิสอยู่เลยครับ พ่อกับแม่ ไม่พยายามฝึกลูกอย่างจริงจังสักที ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มครับ ประสบการณ์พี่ NN ทำให้ผมเข้าถึงความรู้สึกของลูกเพิ่มขึ้นจริงๆ ครับ
ขอบคุณอีกครั้งครับ :) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 14, 2009, 05:14:14 PM วันนั้น ต้องขอขอบคุณคุณ mvb มากเลยนะคะ ที่แนะนำให้ติดต่อเจอคุณหมอ richyrichy ใจจริงอยากเอ่ยชื่อทุกท่านที่อุตส่าห์มีข้อความให้สติ และกำลังใจ แต่คงเอ่ยได้ไม่หมด ได้แอบบันทึกไว้ในใจแล้วนะคะ วันนี้ ฝืนสังขาร พิมพ์อยู่ทั้งวัน ตาลาย..เลย..ย.. :D ผมเป็นแค่ 1 ในกำลังใจครับ ;) พี่ Richy Richy กับพี่พอล ครับ ที่ทำให้ผมและทุกๆ คน ได้สัมผัสความรู้สึกของพี่ ที่มีต่อลูกได้อย่างแท้จริงครับ :) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 14, 2009, 11:03:11 PM :'( :'( :'(
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 15, 2009, 09:52:15 AM :'( :'( :'( อาคุณ Jeera เป็นอารายจ้ะ... ??? ป้าต้องขอบคุณ PM คุณ Jeera ที่อุตส่าห์ถามไถ่ให้ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดลูกด้วยนะคะ :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ ตุลาคม 15, 2009, 11:00:35 AM ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชีวิตนี้ครับ ได้ประโยชน์มากมายจริงๆ ครับ จะคอยดูแลลูกครับ 2 ขวบครึ่งแล้ว ยังใส่ แพมเพิสอยู่เลยครับ พ่อกับแม่ ไม่พยายามฝึกลูกอย่างจริงจังสักที ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มครับ ประสบการณ์พี่ NN ทำให้ผมเข้าถึงความรู้สึกของลูกเพิ่มขึ้นจริงๆ ครับ คุณเอมมีกะเค้าแล้วเหรอครับเนี่ย :D :Dขอบคุณอีกครั้งครับ :) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 15, 2009, 11:02:31 AM ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชีวิตนี้ครับ ได้ประโยชน์มากมายจริงๆ ครับ จะคอยดูแลลูกครับ 2 ขวบครึ่งแล้ว ยังใส่ แพมเพิสอยู่เลยครับ พ่อกับแม่ ไม่พยายามฝึกลูกอย่างจริงจังสักที ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มครับ ประสบการณ์พี่ NN ทำให้ผมเข้าถึงความรู้สึกของลูกเพิ่มขึ้นจริงๆ ครับ คุณเอมมีกะเค้าแล้วเหรอครับเนี่ย :D :Dขอบคุณอีกครั้งครับ :) 2 ขวบครึ่งแล้วพี่ธีร์ คุณพ่อยังหนุ่มคับ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 15, 2009, 02:41:39 PM :'( :'( :'( อาคุณ Jeera เป็นอารายจ้ะ... ??? ป้าต้องขอบคุณ PM คุณ Jeera ที่อุตส่าห์ถามไถ่ให้ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดลูกด้วยนะคะ :D อ่านถึงตอนที่ตัวเล็กโดนใส่หน้ากากแล้วร้องไห้ตามค่ะ :'( จริงๆอยากช่วยอะไรให้ได้มากกว่านี้นะคะ แต่ทำได้เพียงให้กำลังใจ :) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 15, 2009, 03:20:57 PM :'( :'( :'( อาคุณ Jeera เป็นอารายจ้ะ... ??? ป้าต้องขอบคุณ PM คุณ Jeera ที่อุตส่าห์ถามไถ่ให้ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดลูกด้วยนะคะ :D อ่านถึงตอนที่ตัวเล็กโดนใส่หน้ากากแล้วร้องไห้ตามค่ะ :'( จริงๆอยากช่วยอะไรให้ได้มากกว่านี้นะคะ แต่ทำได้เพียงให้กำลังใจ :) คุณ Jeera พูดแล้วแว๊บกลับไปนึกถึงนาทีนั้น... ยังจุกอึ๊กอยู่ในใจเลย... เมื่อกี้พรรคพวกเพื่อนกันยังโทรมาถามอาการหลาน เล่าให้เขาฟังตอนนั้น เขาก็สะอึกเหมือนกันค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 15, 2009, 03:27:02 PM พอเข้าใจถึงอารมณ์นั้นได้ค่ะ :'(
แล้วตอนนี้ตัวเล็กเป็นยังไงบ้างคะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 15, 2009, 03:39:45 PM (http://www.uppic.net/tg/21200921411444182_big.jpeg) (http://www.uppic.net/show/ec6a349791918684a03ee5f1def4e986) ถึงจุดนี้ถ้าบอกไปถึง โรงพยาบาลใดที่จะต้องทำการรักษาผ่าตัดเด็กเล็ก ป้าอยากให้เขาให้ความสำคัญกับหัวใจน้อยๆของเด็กเล็กจริงๆ... เขาไม่ควรละทิ้งขั้นตอนที่ให้เด็กได้กินน้ำหวานผสมยานอนหลับ.. หรือยาอะไรไม่ทราบที่รพ.คุณหมอ richyrichy และรพ.เด็ก ทำ ลูกจะได้ไม่ตกใจจนนาทีสุดท้ายก่อนจะสลบไป... (http://www.uppic.net/td/291200922142795872_big.jpeg) (http://www.uppic.net/show/7e843021d68a0a931ad8c6cb88399c64) (http://www.uppic.net/iu/1512009208514702_big.jpeg) (http://www.uppic.net/show/ec17b5e9bd413293f3c11f3cbbf00da9) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 15, 2009, 03:41:48 PM พอเข้าใจถึงอารมณ์นั้นได้ค่ะ :'( แล้วตอนนี้ตัวเล็กเป็นยังไงบ้างคะ ตอนนี้ลูกสามารถเดินเปะปะได้ทั่วบ้านแล้วค่ะ :D :D :D เหมือนอกภูเขาออกจากอกเลยค่ะ ปล. ;D คุณ Jeera มีครอบครัวมีลูกหรือยังคะ? เห็นแซวเล่นอยู่กับคุณพ่อน้องเอมบ่อยๆ.. หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 15, 2009, 05:01:54 PM ยินดีด้วยนะคะ
ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 15, 2009, 05:02:54 PM ยินดีด้วยนะคะ ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D จนกว่าจะปิดม่าน ว้าย บ้านป้า NN นี่นา เราอย่ามารวน กระทู้นี้มีสาระ อิอิ ไปแล้วคับ แวบ :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: IPSUM ที่ ตุลาคม 15, 2009, 05:11:01 PM มาเยี่ยมครับ :)
แล้วตามคนกลับบ้าน ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ ตุลาคม 15, 2009, 05:50:51 PM น้องน่ารักมากเลยค่ะ :D
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 09:55:29 AM ยินดีด้วยนะคะ ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D จนกว่าจะปิดม่าน ว้าย บ้านป้า NN นี่นา เราอย่ามารวน กระทู้นี้มีสาระ อิอิ ไปแล้วคับ แวบ :D คุณ mvb เป็นคุณพ่อยังหนุ่มที่อารมณ์ดีจริงๆ... นี่ถ้ายังโสด คุณJeera ต้องระวังตัวหน่อยนะคะ ;D แวะเอาเรื่องความรู้ทั่วไปเรื่องสุขภาพอื่นๆมาฝากกันบ้างนะคะ มีสาระหรือไม่มีไม่สำคัญเลยค่ะ ดีใจที่เราๆจะได้สนใจ สุขภาพกันมากขึ้น คิดดูสิคะเราใช้รถยนต์ พอครบกำหนดเช็คศูนย์ปุ๊บ กี่หมื่นเราก็รีบเอาตรวจ... แล้วปีนึงๆ เราควรตรวจสุขภาพกันสักที... ไม่กีพันบาท... เราทำกันรึยังคะ...? (อุ๋ย..ป้าเองก็ลืมพาคุณสามีไปตรวจปีนี้ด้วยนี่นา... แหะ...แหะ...) :-\ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 09:57:55 AM ยินดีด้วยนะคะ ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D อ่า.... อาคุณ Jeera กำลังจามีข่าวดี เรื่องงานวิวาห์แล้วเหรอจ้ะ... :D หนุ่มๆในเวปคงหงอยแล้วที่นี้.... ยินดีด้วยล่วงหน้าจ้า.... :D :D :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 10:00:08 AM มาเยี่ยมครับ :) แล้วตามคนกลับบ้าน ;D ขอขำนิดอ่ะ... คุณ IPSUM เข้ม... >:( เหมือนตำรวจมาตามผู้ร้ายเลย... 5...5... หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 10:05:30 AM น้องน่ารักมากเลยค่ะ :D ไว้คุณ brabus มีเรื่องเล่าเพื่อดูแลสุขภาพกัน แวะมาแบ่งปันกันบ้างนะคะ ... :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 10:08:47 AM (http://www.uppic.net/ik/k83ft.jpg) (http://www.uppic.net/show/fc29d06d120c75f15bc5cd628843413b)
วันนี้ทองไม่ยอมลงมาให้ซื้อเท่าไหร่เลย... ใกล้จะเปิดเทอมแล้ว ป้าขอหนีไปพาลูกๆเที่ยวกันก่อนนะคะ... หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: sanya ที่ ตุลาคม 16, 2009, 10:13:46 AM ลุ้นทองแล้วปวดกระเพาะจังเลยครับ >:(
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 16, 2009, 10:17:37 AM ยินดีด้วยนะคะ ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D อ่า.... อาคุณ Jeera กำลังจามีข่าวดี เรื่องงานวิวาห์แล้วเหรอจ้ะ... :D หนุ่มๆในเวปคงหงอยแล้วที่นี้.... ยินดีด้วยล่วงหน้าจ้า.... :D :D :D ขานั้น แต่งก่อนผมอีกครับป้า NN แต่เค้ายังไม่มีน้อง เหตุผลเพราะไม่ยอมปิดม่านนั่นละคับ อิอิ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 11:53:37 AM ยินดีด้วยนะคะ ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D อ่า.... อาคุณ Jeera กำลังจามีข่าวดี เรื่องงานวิวาห์แล้วเหรอจ้ะ... :D หนุ่มๆในเวปคงหงอยแล้วที่นี้.... ยินดีด้วยล่วงหน้าจ้า.... :D :D :D ขานั้น แต่งก่อนผมอีกครับป้า NN แต่เค้ายังไม่มีน้อง เหตุผลเพราะไม่ยอมปิดม่านนั่นละคับ อิอิ อ้อ... คุณ Jeera แต่งแล้วแต่ยังไม่มีลูก.... ขอกระซิบเบาๆว่า... รีบๆมีนะจ้ะ... เอาใจช่วยแข่งกะคุณพ่อน้องเอม ;) ความสุขสุดยอดของชีวิตเลยก็คือการมีเขาเติมเต็มในครอบครัวนี่แหล่ะจ้า... :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 12:00:37 PM ลุ้นทองแล้วปวดกระเพาะจังเลยครับ >:( คุณ sanya บังเอิญจริงๆค่ะ... ป้าเป็นโรคกระเพาะเป็นโรคประจำตัวตั้งแต่เป็นสาวๆเริ่มทำงาน นอกจากยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะสมัยใหม่ต่างๆที่กินอยู่ประจำแล้ว ไม่ทราบมีใครรู้ไหมคะ... ว่า "ว่านหางจรเข้ " ปลอกเปลือกแล้วกินช่วยเคลือบแผลในกระเพาะได้อย่างเหลือเชื่อ (ป้าลองยามาหลายขนานแล้วค่ะ..) ถ้ายังกินไม่เป็น ใช้ตัดเป็นชิ้นพอคำ กินกับน้ำเชื่อมน้ำแข็งแบบกินของหวานน่ะค่ะ เคล็ดลับนี้ได้ผลกับคนที่ป้ารู้จักหลายคนแล้วจ้า... :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 12:02:58 PM ตื่นเต้นจังจ้า... จะพาลูกๆออกไปเที่ยวกันแล้ว
ทองเริ่มร่วงลงมา 1046 ต่ำสุดในรอบสัปดาห์เลยนะเนี่ย... แล้วป้าจาได้เข้าซื้อทันไหมเนี่ย..... :o หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 16, 2009, 12:06:11 PM ตื่นเต้นจังจ้า... จะพาลูกๆออกไปเที่ยวกันแล้ว ทองเริ่มร่วงลงมา 1046 ต่ำสุดในรอบสัปดาห์เลยนะเนี่ย... แล้วป้าจาได้เข้าซื้อทันไหมเนี่ย..... :o พักผ่อนจ้าป้า ออกไปพักให้สบายเลย ซื้อไม่ทัน ก้ยังมีอีกหลายขบวน ตักตวงความสุขที่แท้จริง ไว้ก่อนคับ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ ตุลาคม 16, 2009, 03:08:43 PM ดีจังเลยนะครับมีลูกๆกันแล้ว บ้านครึกครื้นดีครับ ส่วนผมคงต้องร้องเพลงรอไปก่อน ;D ;D
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 16, 2009, 03:36:31 PM ยินดีด้วยนะคะ ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D อ่า.... อาคุณ Jeera กำลังจามีข่าวดี เรื่องงานวิวาห์แล้วเหรอจ้ะ... :D หนุ่มๆในเวปคงหงอยแล้วที่นี้.... ยินดีด้วยล่วงหน้าจ้า.... :D :D :D ขานั้น แต่งก่อนผมอีกครับป้า NN แต่เค้ายังไม่มีน้อง เหตุผลเพราะไม่ยอมปิดม่านนั่นละคับ อิอิ อ้อ... คุณ Jeera แต่งแล้วแต่ยังไม่มีลูก.... ขอกระซิบเบาๆว่า... รีบๆมีนะจ้ะ... เอาใจช่วยแข่งกะคุณพ่อน้องเอม ;) ความสุขสุดยอดของชีวิตเลยก็คือการมีเขาเติมเต็มในครอบครัวนี่แหล่ะจ้า... :D เอ่อ.......คือว่าคือ..........เอ่อ...........แบบว่า หนูยังไม่ค่อยพร้อมน่ะค่ะ (http://smilies.exteen.com/images/xixi/03.gif) แต่คิดว่าเร็วๆนี้ล่ะค่ะ จะยินยอมซะที ;D ปล. เอมมี่ ลูก 2 ขวบครึ่งแล้วไม่ใช่เรอะ เราแต่งยังไม่ 2 ปีเลยนะ จะมาหลังเราได้ไง >:( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 16, 2009, 03:38:08 PM ตื่นเต้นจังจ้า... จะพาลูกๆออกไปเที่ยวกันแล้ว ทองเริ่มร่วงลงมา 1046 ต่ำสุดในรอบสัปดาห์เลยนะเนี่ย... แล้วป้าจาได้เข้าซื้อทันไหมเนี่ย..... :o พักผ่อนจ้าป้า ออกไปพักให้สบายเลย ซื้อไม่ทัน ก้ยังมีอีกหลายขบวน ตักตวงความสุขที่แท้จริง ไว้ก่อนคับ เห็นด้วยๆ แต่ช่วงนี้ตักตวงความสุขที่แท้จริงมากไปหน่อย เลยไม่ค่อยทันเลย (http://smilies.exteen.com/images/xixi/12.gif) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 16, 2009, 03:52:41 PM ยินดีด้วยนะคะ ส่วนหนู...ยังไม่มีค่ะ แต่คิดๆว่าจะมีอีกไม่นาน (มาก) ;D อ่า.... อาคุณ Jeera กำลังจามีข่าวดี เรื่องงานวิวาห์แล้วเหรอจ้ะ... :D หนุ่มๆในเวปคงหงอยแล้วที่นี้.... ยินดีด้วยล่วงหน้าจ้า.... :D :D :D ขานั้น แต่งก่อนผมอีกครับป้า NN แต่เค้ายังไม่มีน้อง เหตุผลเพราะไม่ยอมปิดม่านนั่นละคับ อิอิ อ้อ... คุณ Jeera แต่งแล้วแต่ยังไม่มีลูก.... ขอกระซิบเบาๆว่า... รีบๆมีนะจ้ะ... เอาใจช่วยแข่งกะคุณพ่อน้องเอม ;) ความสุขสุดยอดของชีวิตเลยก็คือการมีเขาเติมเต็มในครอบครัวนี่แหล่ะจ้า... :D เอ่อ.......คือว่าคือ..........เอ่อ...........แบบว่า หนูยังไม่ค่อยพร้อมน่ะค่ะ ([url]http://smilies.exteen.com/images/xixi/03.gif[/url]) แต่คิดว่าเร็วๆนี้ล่ะค่ะ จะยินยอมซะที ;D ปล. เอมมี่ ลูก 2 ขวบครึ่งแล้วไม่ใช่เรอะ เราแต่งยังไม่ 2 ปีเลยนะ จะมาหลังเราได้ไง >:( อ้าวเหรอ ขออำภัย เข้าใจผิด ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 16, 2009, 06:13:56 PM เอ่อ.......คือว่าคือ..........เอ่อ...........แบบว่า หนูยังไม่ค่อยพร้อมน่ะค่ะ ([url]http://smilies.exteen.com/images/xixi/03.gif[/url]) แต่คิดว่าเร็วๆนี้ล่ะค่ะ จะยินยอมซะที ;D ป้าเข้าแว๊บ NET บ้านญาติมาดู spot ทองนิดนึง... ขำท่า "น้องลิงอาย..." ของคุณ Jeera จนทนไม่ได้ ต้อง log in เข้ามานิดนึงอ่ะ... :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 16, 2009, 06:44:43 PM เอ่อ.......คือว่าคือ..........เอ่อ...........แบบว่า หนูยังไม่ค่อยพร้อมน่ะค่ะ ([url]http://smilies.exteen.com/images/xixi/03.gif[/url]) แต่คิดว่าเร็วๆนี้ล่ะค่ะ จะยินยอมซะที ;D ป้าเข้าแว๊บ NET บ้านญาติมาดู spot ทองนิดนึง... ขำท่า "น้องลิงอาย..." ของคุณ Jeera จนทนไม่ได้ ต้อง log in เข้ามานิดนึงอ่ะ... :D ตัวจริงก็เขิลน่ารักแบบนั้นเลยค่ะ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 18, 2009, 12:16:09 PM เอ่อ.......คือว่าคือ..........เอ่อ...........แบบว่า หนูยังไม่ค่อยพร้อมน่ะค่ะ ([url]http://smilies.exteen.com/images/xixi/03.gif[/url]) แต่คิดว่าเร็วๆนี้ล่ะค่ะ จะยินยอมซะที ;D ป้าเข้าแว๊บ NET บ้านญาติมาดู spot ทองนิดนึง... ขำท่า "น้องลิงอาย..." ของคุณ Jeera จนทนไม่ได้ ต้อง log in เข้ามานิดนึงอ่ะ... :D ตัวจริงก็เขิลน่ารักแบบนั้นเลยค่ะ ;D สงสัยมัวแต่เขินละมั้ง ถึงเป็นสาเหตุ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ ตุลาคม 18, 2009, 05:17:57 PM เอามาฝากเพื่อนๆ บางคนอาจได้รับเมลแล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่เคยได้อ่าน เราก็เป็นคนหนึ่งที่ท้องอืดหลัง
ทานอาหารประจำ เพราะเป็นคนที่ทานน้ำพร้อมทานข้าวเป็นประจำ เพื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมออยู่ที่ไหนครับ ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ 1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่ 2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว 3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น 4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น 5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ ตัวเองหรือยังครับ ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไป อย่างไรก่อนน้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆ ว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สูตรคือ (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลยบางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือน ก็แหงละครับน้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทาน น้ำแข็งกันแล้ว ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิดผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า เลิกเบียร์กันไป แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่ว ข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 19, 2009, 09:14:47 AM เอามาฝากเพื่อนๆ บางคนอาจได้รับเมลแล้ว แต่บางคนอาจจะยังไม่เคยได้อ่าน เราก็เป็นคนหนึ่งที่ท้องอืดหลัง ทานอาหารประจำ เพราะเป็นคนที่ทานน้ำพร้อมทานข้าวเป็นประจำ เพื่อนๆคิดว่าสุดยอดของการเป็นหมออยู่ที่ไหนครับ ในพฤติกรรมที่ผมว่าคนไทยส่วนใหญ่ทำผิดมากที่สุดคือ เรื่องของการดื่มน้ำนี่แหละครับ ลองทำแบบทดสอบกันสักนิดก่อนอ่านต่อดีไหมครับ 1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มเยอะยิ่งดีหรือไม่ 2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว 3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น, น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น 4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น 5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น เราเฉลยกันไปทีละข้อๆพร้อมอธิบายละกันครับ พร้อมที่จะรู้ความผิดของ ตัวเองหรือยังครับ ข้อหนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่าวันหนึ่งเพื่อนๆควรดื่มน้ำแค่ไหน ข้อสอง คิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่าคนเราวันหนึ่งควรทานน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไป อย่างไรก่อนน้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำและอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกจากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิลิตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด นอกจากนี้อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตร ต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1500 มล. หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มล.) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคร่าวๆ ว่าวันหนึ่งเราต้องทานน้ำปริมาณเท่าไรจึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สูตรคือ (น้ำหนักตัว(กก.) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กก. เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 = 1980 มล. หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จีนถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวกนี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลยบางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อยหรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือน ก็แหงละครับน้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดละครับ แต่ถ้าทานน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดีๆครับ ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่าน้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไปการทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากกากอาหารพวกนี้กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นเราไม่ควรจะทานของเย็นๆครับ ทานน้ำธรรมดาหรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริฟน้ำเย็น เสริฟน้ำแข็งกันเป็นกระติกๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉยๆ แต่พอตอนนี้ เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทาน น้ำแข็งกันแล้ว ข้อสี่ ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนกัน ที่บอกให้ดื่มวันละ 8-10 แก้วเนี่ยจะแบ่งกินช่วงไหนระหว่างวันบ้างละ ใครที่ชอบทานข้าวไปจิบน้ำไปประมาณว่ากินข้าวเสร็จหมดน้ำไปสองแก้ว ข้อนี้ผมจัดเป็นหายนะอย่างใหญ่หลวงที่สุดเลยครับ เป็นการกินน้ำที่ผิดที่สุดครับ คนเรามักทำอะไรเพลินเสียจนลืมทานน้ำ พอถึงเวลาว่างซึ่งมักจะเป็นเวลาทานข้าว เขาบอกว่าให้ทานน้ำเยอะก็ทานรวดเดียวไปเลย ผิด ผิด ผิดผิดแบบไม่น่าให้อภัยเลยครับ เพราะช่วงเวลาที่ทานข้าวนั้น ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยน้ำย่อยในการย่อยอาหาร เมื่อคุณกินน้ำเข้าไปเยอะๆแล้ว น้ำย่อยก็จะเจือจาง ก็เข้าสู่ระบบเดียวกับการกินของเย็นคืออาหารไม่ย่อย หมักหมม พิษถูกดูดเข้าเส้นเลือด เพราะฉะนั้นที่คุณควรทำคือ ตอนเช้าตื่นมาดื่มน้ำก่อนเลยครับ 2-5 แก้ว เพื่อขับพิษออกจากร่างกายทางอุจจาระ ปัสสาวะ ที่ให้ดื่มทันทีเพื่อให้มีระยะเวลาห่างจากอาหารเช้าพอสมควร ก่อนอาหาร 15 นาที ระหว่างทานอาหาร และหลังอาหาร 40 นาที ทานน้ำได้ไม่เกินครึ่งแก้วครับ ในที่นี้หมายรวมถึงซุป น้ำแกง และของเหลวทุกประเภทนะครับ และอย่าดื่มน้ำครั้งละมากๆ ให้จิบครั้งละ 2-3 อึก แต่จิบถี่ๆ หาขวดน้ำแก้วน้ำมาวางไว้ข้างตัว จิบไปทั้งวันครับ ถ้ากินน้ำครั้งละมากๆผลก็คือ ร่างกายยังไม่ทันได้ดูดซึมก็ไหลรวดเดียวปัสสาวะออกไปหมดแล้ว อย่างนี้ดื่มน้ำมากแค่ไหนก็ยังหิวน้ำครับ เหมือนน้ำป่ามาครั้งเดียว ทะลักล้นเขื่อนออกไปหมด แล้วจะเอาอะไร กักเก็บไว้ในเขื่อนละครับ เหมือนทำยาก แต่จริงๆแล้วพอเริ่มทำมันก็ไม่ยากอะไรครับ ผมแต่ก่อนทานน้ำ 2-3 แก้วพร้อมทานข้าว ด้วยเหตุผลสารพัดที่เข้าใจผิด เช่น ควรกินข้าวพออิ่มและทานน้ำ เพื่อให้อิ่มจริง หรือกินล้างปากสักหน่อย (กินกันเป็นแก้วล้างปากเนี่ยนะ) หรือต้องสั่งชอคโกแลตปั่นใส่วิปครีมมากิน กินแล้วหวานมันเย็นอร่อยแต่ส่งผลเสียต่อกระเพาะโดยไม่รู้ตัว เบียร์ก็อีกตัวครับ สังสรรค์กันทีกินเข้าไปสิกี่ขวดว่ากันไป ทุกวันนี้เลิกครับ ได้ข้อดีอีกอย่างคือไม่รู้จะเอาเวลาที่ไหนไปดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมันควรกินแกล้มอาหาร เลยได้เลิกเหล้า เลิกเบียร์กันไป แต่ก่อนหลังทานข้าวเสร็จผมจะเรอตลอด ท้องอืดมาก ก็งง หรือว่าเรากินเยอะไป แต่บางทีกินไม่เยอะก็เรอตลอด เสียบุคลิกมาก พอมารู้ตรงนี้ถึงได้ถึงบางอ้อ กินน้ำเยอะอย่างนี้แล้วอาหารจะย่อยยังไงมันก็เลยเกิดลมเกิดแก๊สซิ พอเปลี่ยนพฤติกรรมการดื่มน้ำใหม่ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆครับ นอกจากนี้หลังอาหารยังไม่ควรทานผลไม้ล้างปากทันทีอีกด้วยครับ โดยเฉพาะผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็นทั้งหลาย เช่น ส้ม แก้วมังกร สาลี่ แตงโม เป็นต้น มีสองเหตุผลครับ หนึ่ง เพราะว่าผลไม้จะย่อยเร็วกว่าอาหาร อาหารยังย่อยไม่เสร็จ ผลไม้ก็ค้างเติ่งอยู่ในกระเพาะ ร่างกายก็ดูดซึม สารอาหารจากผลไม้เหล่านี้ไม่ได้ พอไปถึงลำไส้ถึงคิวที่มันจะได้ดูดซึมมันก็เน่าเสียไปหมดแล้วครับ เพราะฉะนั้นถ้าจะทานผลไม้ควรทานก่อนหรือหลังอาหารสัก 1-2 ชม. ขณะท้องว่างเพื่อให้ร่างกายได้ดูดซึมวิตามิน สารอาหารและไม่รบกวนระบบการย่อยอาหารด้วย เหตุผลที่สอง คือ น้ำย่อยในกระเพาะถือว่าเป็นธาตุไฟครับ ถ้าทานผลไม้ฤทธิ์เย็นเข้าไปก็จะส่งผลให้อาหารย่อยไม่ดี เกิดวงจรอุบาทว์ดังเช่นข้างบนอีกเหมือนกัน มาถึงข้อสุดท้ายแล้ว เป็นไงบ้างครับ คอตกรับผิดกันเป็นแถวเชียว ยังครับมารับรู้ความผิดของตัวเองกันในข้อนี้ต่อ ทานน้ำอะไรกันครับ บางคนชอบทานน้ำอัดลมมาก ดื่มทุกวัน ไตก็ต้องทำงานกรองน้ำให้สะอาดหนักกว่าเดิม เครื่องกรองน้ำยี่ห้อแอมเวย์สามารถกรองโค้กให้กลายเป็นน้ำเปล่าได้อายุการใช้งานไม่ถึงปีก็ต้องเปลี่ยนหัวกรอง ทว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนไตได้ครับ ถ้ายังอยากให้ไตอยู่คู่กับเรานานๆแล้ว คุณคงรู้ว่าต้องทำอย่างไร อีกอย่างน้ำอัดลมเป็นน้ำที่ผ่านกรรมวิธีทางเคมี ใส่น้ำตาลจำนวนมาก กินเข้าไปมีแต่ผลเสียครับ ยิ่งอัดแก๊สอีก กินเข้าไปท้องก็อืด การย่อยอาหารก็ไม่ดี เสียเงินไปทำร้ายร่างกายตัวเองเปล่าๆ พวกชาพร้อมดื่มบรรจุขวดก็เหมือนกันไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาลและคาเฟอีนปริมาณมากผสมน้ำนำมาขาย แต่ถ้าเป็นชาจีนร้อนๆชงจากกาก็ควรจะเว้นระยะหลังอาหารสักครึ่ง ชม.ครับ เพราะชามีฤทธิ์เย็น ทำให้อาหารไม่ย่อย รวมทั้งยังส่งผลต่อร่างกายในการดูดซึมธาตุเหล็กและโปรตีนอีกด้วย กาแฟก็ไม่ควรทานอย่างที่เคยพูดไว้ บางคนเถียงข้างๆคูๆ "กาแฟหอมนะหมอ"หอมครับผมไม่เถียง แต่มันไม่ดีครับ เดี๋ยวไอเดียบรรเจิดไม่เป็นหมอแล้ว ผลิตยาดมรสกาแฟดีกว่า ท่าจะรุ่ง อีกอย่างขอแถมนิดนึง คนไทยชอบกินก๋วยเตี๋ยวเติมเครื่องเยอะๆ อร่อยลิ้นแต่ไตทำงานหนักนะครับ ครบห้าข้อแล้ว โอย เหนื่อย เอนทรี่นี้ยาวเป็นบ้า แต่ก็จำเป็นต้องเขียน เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน555 ว่าไปนั่น ที่เขียนมาให้อ่านนี้เพราะหวังดีจริงๆครับ อยากให้ทุกคนใช้ชีวิตอย่างถูกต้องเพื่อจะได้ห่างจากโรคภัยไข้เจ็บอย่างที่บอกครับ หมอไม่อยากรักษาคนไข้หรอกครับ และหมอที่ดีที่สุดคือตัวคนไข้เอง เพราะพวกผมไม่มีทางอยู่กับคุณได้ตลอด ความสำเร็จไม่ใช่ได้มาเพียงชั่ว ข้ามคืน แต่ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างยาวนาน สุขภาพที่ดีไม่ใช่ว่าป่วยแล้วไปหาหมอ ได้ยามาทานแล้วหาย แต่เป็นหน้าที่ของตัวคุณเองที่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง ขอให้พวกเราชนะโดยไม่จำเป็นต้องออกกระบวนท่าครับ ปล. If you trust me ก็นำไปปฏิบัติตามนะครับ อีกอย่างความรู้ควรแบ่งปันครับ คนไม่รู้เรื่องนี้ยังมีอีกมาก (http://www.uppic.net/ik/kapook_280.gif) (http://www.uppic.net/show/45e6459e86055c3f80347a4d5932879a) (http://www.uppic.net/ik/kapook_280.gif) (http://www.uppic.net/show/45e6459e86055c3f80347a4d5932879a) (http://www.uppic.net/ik/kapook_280.gif) (http://www.uppic.net/show/45e6459e86055c3f80347a4d5932879a) โอ้โห... เรื่องนี้ช่างเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ไม่เคยนรู้มาก่อนเลยจริงๆ... ป้าโดนเข้าเต็มๆ ทำผิดตั้งแต่ข้อ 1, 3, 4 เลยค่ะ ตัวเองดื่มน้ำไม่ถูกวีธี แล้วยังไปสอนลูก ..บังคับสามีด้วยน่ะ... มิน่าแกถึงท้องอืดบ่อยๆ :-\ (คอตกยอมรับผิดอย่างคุณหมอว่าเต็มๆเลยค่ะ..) เรื่องนี้ดีจริงๆ เป็นเรื่องใกล้ตัวมาก ทำไมมันไม่ค่อยแพร่หลาย ไม่ค่อยมีใครรู้นะ ? ต้องขอบคุณ คุณ MIJI จริงๆค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 19, 2009, 09:23:59 AM เมลนี้หนูได้รับและได้อ่านมาหลายรอบแล้วค่ะ
แถมส่งให้แฟนทุกครั้งด้วย เพราะเค้าชอบดื่มน้ำเย็น และดื่มน้ำหลังอาหารเยอะๆ แต่...โดนเค้าย้อนทุกที เพราะคนที่พยายามไม่ดื่มน้ำหลังอาหารทันที และมักจะดื่มน้ำอุณหภูมิปกติ กลับระบบขับถ่ายแย่ :'( แต่เค้าสิระบบดีเยี่ยม หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 19, 2009, 03:15:34 PM เอ... หรือจริงๆแล้ว เวปเรามีคุณหมออีกคน...
ป้าถามเชยๆ ไม่รู้อยู่คนเดียวรึเปล่าคะ? :P ว่าคุณ MIJI เป็นคุณหมอ? หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 19, 2009, 03:19:36 PM เอ... หรือจริงๆแล้ว เวปเรามีคุณหมออีกคน... ป้าถามเชยๆ ไม่อยู่คนเดียวรึเปล่าคะ? :P ว่าคุณ MIJI เป็นคุณหมอ? อิอิ ป้า NN พี่มิจิ เค้าเป็นผู้เชี่ยวชาญกองทุนคร๊าบ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ ตุลาคม 19, 2009, 08:54:49 PM เขิลเลย ได้รับเมลมา แล้วรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่จะดื่มน้ำผิดวิธี ยิ่งอายุมากยิ่งท้องอืดทรมาน ถ้าอยากขับถ่ายดี
ตื่นมาปุ๊บอย่าเพิ่งล้างหน้าล้างปากให้ดื่มน้ำก่อนเลยค่ะ รับรองท้องไม่ผูกชัวร์ค่ะ เพราะมีคนเคยบอกมาแล้วทำตาม ได้ผลจริงๆค่ะ ลืมบอกไปอย่าง ต้องเป็นน้ำเปล่าที่ไม่เย็นและไม่อุ่นนะคะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 19, 2009, 09:52:32 PM เขิลเลย ได้รับเมลมา แล้วรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่จะดื่มน้ำผิดวิธี ยิ่งอายุมากยิ่งท้องอืดทรมาน ถ้าอยากขับถ่ายดี ตื่นมาปุ๊บอย่าเพิ่งล้างหน้าล้างปากให้ดื่มน้ำก่อนเลยค่ะ รับรองท้องไม่ผูกชัวร์ค่ะ เพราะมีคนเคยบอกมาแล้วทำตาม ได้ผลจริงๆค่ะ ลืมบอกไปอย่าง ต้องเป็นน้ำเปล่าที่ไม่เย็นและไม่อุ่นนะคะ หนูดื่มทุกเช้านะพี่ ยังผูกอยู่เลย :'( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ ตุลาคม 20, 2009, 01:36:26 AM จะว่าไปช่วงที่พี่ทำงานบริษัทพี่ก็ท้องผูกเหมือนกัน เพราะตอนเช้าต้องรีบเลยไม่ได้กินข้าวเข้าห้องน้ำก็ต้องรีบ :P
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: nokeang ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:15:59 AM อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณ NN พี่มิจิ เพิ่งมาเข้าอ่าน เรื่องลูกของคุณ NN ดีใจด้วยนะค่ะ ที่ผ่าตัดปลอดภัย แต่ก็อดสงสารไม่ได้กับเด็กเล็กเกินไป
ที่จะมาทนความเจ็บปวด ขอให้ลูกแข็งแรงทุกวันนะค่ะ :) ระวัง!! การกินยากับน้ำผลไม้ (http://www.siamdara.com/Picture_Girl/200905044310000.jpg) คนเราส่วนใหญ่เวลาไม่สบายก็จะต้องรับประทานยาเข้าไป บางคนอาจรับประทานยากับน้ำเปล่า หรืออาจรับประทานยากับน้ำผลไม้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การรับประทานยากับน้ำผลไม้นั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยทางคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียที่ ซานฟรานซิสโก ซึ่งได้เปิดเผยผลการวิจัยว่า น้ำผลไม้นั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยาหมดลงไปได้ เพราะก่อนที่ยานั้นจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด น้ำผลไม้จะต่อต้านการดูดซึมของยาที่ใช้ในการรักษาโรค มะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว และโรคภูมิแพ้ต่างๆ รวมไปถึงยาที่ใช้กับผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ นอกจากนี้ผลการวิจัยที่ได้รับการเปิดเผยก่อนหน้านี้ ยังบอกถึงอันตรายของน้ำผลไม้ในแง่ที่ส่งผลต่อการรับป ระทานยาเช่นกัน เพราะฤทธิ์ในการทำลายเอนไซม์ในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่ในการสกัดกั้นไม่ให้ยาเข้าสู่กระแสเลือ ดมากจนเกินไป เมื่อเอนไซม์ชนิดนี้ลดลงจะทำให้ตัวยาบางชนิดรวมถึงยา ที่ใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิตและแอนติฮิสตามีน (Antihistamines) มีฤทธิ์ในการรักษารุนแรงขึ้น เพราะในบางกรณีที่ร่างกายได้รับตัวยามากเกินขนาด จะเป็นการก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษาและร่างกายผู้ป ่วยได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคราวหน้าถ้าจะรับประทานยาก็ควรงดการรับประทานยากับน้ำผลไม้จะดีกว่าจะได้ปลอดภัยกับตัวเอง.. หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: IPSUM ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:25:40 AM เอ่อ.......คือว่าคือ..........เอ่อ...........แบบว่า หนูยังไม่ค่อยพร้อมน่ะค่ะ ([url]http://smilies.exteen.com/images/xixi/03.gif[/url]) แต่คิดว่าเร็วๆนี้ล่ะค่ะ จะยินยอมซะที ;D ป้าเข้าแว๊บ NET บ้านญาติมาดู spot ทองนิดนึง... ขำท่า "น้องลิงอาย..." ของคุณ Jeera จนทนไม่ได้ ต้อง log in เข้ามานิดนึงอ่ะ... :D ตัวจริงก็เขิลน่ารักแบบนั้นเลยค่ะ ;D สงสัยมัวแต่เขินละมั้ง ถึงเป็นสาเหตุ ;D มายัน เอ้ย ยืนยัน ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: IPSUM ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:26:20 AM เขิลเลย ได้รับเมลมา แล้วรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่จะดื่มน้ำผิดวิธี ยิ่งอายุมากยิ่งท้องอืดทรมาน ถ้าอยากขับถ่ายดี ตื่นมาปุ๊บอย่าเพิ่งล้างหน้าล้างปากให้ดื่มน้ำก่อนเลยค่ะ รับรองท้องไม่ผูกชัวร์ค่ะ เพราะมีคนเคยบอกมาแล้วทำตาม ได้ผลจริงๆค่ะ ลืมบอกไปอย่าง ต้องเป็นน้ำเปล่าที่ไม่เย็นและไม่อุ่นนะคะ หนูดื่มทุกเช้านะพี่ ยังผูกอยู่เลย :'( เงื่อนพิรอดหรือเปล่า ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:44:42 AM เขิลเลย ได้รับเมลมา แล้วรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่จะดื่มน้ำผิดวิธี ยิ่งอายุมากยิ่งท้องอืดทรมาน ถ้าอยากขับถ่ายดี ตื่นมาปุ๊บอย่าเพิ่งล้างหน้าล้างปากให้ดื่มน้ำก่อนเลยค่ะ รับรองท้องไม่ผูกชัวร์ค่ะ เพราะมีคนเคยบอกมาแล้วทำตาม ได้ผลจริงๆค่ะ ลืมบอกไปอย่าง ต้องเป็นน้ำเปล่าที่ไม่เย็นและไม่อุ่นนะคะ หนูดื่มทุกเช้านะพี่ ยังผูกอยู่เลย :'( เงื่อนพิรอดหรือเปล่า ;D คุณ IPSUM แซวจนแผ่นเสียงตกร่องแล้ว... กลับมาแปลด่วนจ้า...5..5..5... ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:45:21 AM เขิลเลย ได้รับเมลมา แล้วรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่จะดื่มน้ำผิดวิธี ยิ่งอายุมากยิ่งท้องอืดทรมาน ถ้าอยากขับถ่ายดี ตื่นมาปุ๊บอย่าเพิ่งล้างหน้าล้างปากให้ดื่มน้ำก่อนเลยค่ะ รับรองท้องไม่ผูกชัวร์ค่ะ เพราะมีคนเคยบอกมาแล้วทำตาม ได้ผลจริงๆค่ะ ลืมบอกไปอย่าง ต้องเป็นน้ำเปล่าที่ไม่เย็นและไม่อุ่นนะคะ หนูดื่มทุกเช้านะพี่ ยังผูกอยู่เลย :'( เงื่อนพิรอดหรือเปล่า ;D เป็นกำลังใจให้คุณNN น้องนู๋ก้อเป็นตอนสัก สอง สาม ขวบค่ะสักพักก้อวิ่งปร๋อ :) ดื่มสักสองแก้วน้ะจ้ะทุกเช้า หน้าจะใส หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:50:38 AM อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณ NN พี่มิจิ เพิ่งมาเข้าอ่าน เรื่องลูกของคุณ NN ดีใจด้วยนะค่ะ ที่ผ่าตัดปลอดภัย แต่ก็อดสงสารไม่ได้กับเด็กเล็กเกินไป ที่จะมาทนความเจ็บปวด ขอให้ลูกแข็งแรงทุกวันนะค่ะ :) ระวัง!! การกินยากับน้ำผลไม้ ([url]http://www.siamdara.com/Picture_Girl/200905044310000.jpg[/url]) คนเราส่วนใหญ่เวลาไม่สบายก็จะต้องรับประทานยาเข้าไป บางคนอาจรับประทานยากับน้ำเปล่า หรืออาจรับประทานยากับน้ำผลไม้ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า การรับประทานยากับน้ำผลไม้นั้นอาจก่อให้เกิดอันตรายได้ โดยทางคณะวิจัยจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียที่ ซานฟรานซิสโก ซึ่งได้เปิดเผยผลการวิจัยว่า น้ำผลไม้นั้นจะส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของร่างกาย ซึ่งจะทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาของยาหมดลงไปได้ เพราะก่อนที่ยานั้นจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด น้ำผลไม้จะต่อต้านการดูดซึมของยาที่ใช้ในการรักษาโรค มะเร็ง ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว และโรคแพ้ต่างๆ รวมไปถึงยาที่ใช้กับผู้ป่วยที่ปลูกถ่ายอวัยวะใหม่ นอกจากนี้ผลการวิจัยที่ได้รับการเปิดเผยก่อนหน้านี้ ยังบอกถึงอันตรายของน้ำผลไม้ในแง่ที่ส่งผลต่อการรับป ระทานยาเช่นกัน เพราะฤทธิ์ในการทำลายเอนไซม์ในร่างกาย ซึ่งทำหน้าที่ในการสกัดกั้นไม่ให้ยาเข้าสู่กระแสเลือ ดมากจนเกินไป เมื่อเอนไซม์ชนิดนี้ลดลงจะทำให้ตัวยาบางชนิดรวมถึงยา ที่ใช้ในการรักษาโรคความดันโลหิตและแอนติฮิสตามีน (Antihistamines) มีฤทธิ์ในการรักษารุนแรงขึ้น เพราะในบางกรณีที่ร่างกายได้รับตัวยามากเกินขนาด จะเป็นการก่อให้เกิดผลเสียต่อการรักษาและร่างกายผู้ป ่วยได้ เมื่อรู้อย่างนี้แล้วคราวหน้าถ้าจะรับประทานยาก็ควรงดการรับประทานยากับน้ำผลไม้จะดีกว่าจะได้ปลอดภัยกับตัวเอง.. ขอบคุณ คุณ nokeang มากเลยค่ะ ตอนนี้ผ่านช่วงแห่งความกังวลมาแล้ว ครอบครัวค่อยสดชื่นขึ้นมาอีกค่ะ เห็นบทความเรื่องนี้ของคุณ nokeang แล้ว อดนึกตกใจไม่ได้... ป้าเคยทำบ่อยเหมือนกันนะคะ ส่วนใหญ่จะเป็นดื่มน้ำส้มกับวิตามินน่ะค่ะ... สงสัยอยู่เหมือนกันว่า จะเป็นอะไรไหม... ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้สุขภาพกันนะคะ.. :D :D :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:53:38 AM เขิลเลย ได้รับเมลมา แล้วรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่จะดื่มน้ำผิดวิธี ยิ่งอายุมากยิ่งท้องอืดทรมาน ถ้าอยากขับถ่ายดี ตื่นมาปุ๊บอย่าเพิ่งล้างหน้าล้างปากให้ดื่มน้ำก่อนเลยค่ะ รับรองท้องไม่ผูกชัวร์ค่ะ เพราะมีคนเคยบอกมาแล้วทำตาม ได้ผลจริงๆค่ะ ลืมบอกไปอย่าง ต้องเป็นน้ำเปล่าที่ไม่เย็นและไม่อุ่นนะคะ หนูดื่มทุกเช้านะพี่ ยังผูกอยู่เลย :'( เงื่อนพิรอดหรือเปล่า ;D เป็นกำลังใจให้คุณNN น้องนู๋ก้อเป็นตอนสัก สอง สาม ขวบค่ะสักพักก้อวิ่งปร๋อ :) ดื่มสักสองแก้วน้ะจ้ะทุกเช้า หน้าจะใส คุณ Nujai ดูสดชื่นจังเลยเช้านี้... วันนี้ป้าตื่นมารีบดื่มน้ำไม่เย็นก่อนเลยแก้วนึง :D ขอบคุณมากสำหรับความรู้จ้า... Happy Happy กันทุกคนนะคะ... :D :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 20, 2009, 10:04:19 AM วันก่อนมีเพื่อนบอกมาว่า มีสวนสาธารณะใหญ่ครบวงจร เปิดใหม่อยู่แถวรามอินทรา
ชื่อ สวนกีฬารามอินทรา ไม่รู้มีใครเคยไปไหมคะ ดูในเวปน่าไปออกกำลังกายมากๆ... (http://www.uppic.net/ir/ram20043.jpeg) (http://www.uppic.net/show/c710aba63a5ba412f876d2902e49c0d8) อันนี้เป็นลิงค์ ที่ตั้งค่ะ http://203.155.220.217/office/ppdd/publicpark/thai/MainPark/T_Ramindra.html http://www.prakard.com/default.aspx?g=posts&t=103117 :D :D :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: IPSUM ที่ ตุลาคม 20, 2009, 10:04:40 AM เขิลเลย ได้รับเมลมา แล้วรู้สึกว่า คนส่วนใหญ่จะดื่มน้ำผิดวิธี ยิ่งอายุมากยิ่งท้องอืดทรมาน ถ้าอยากขับถ่ายดี ตื่นมาปุ๊บอย่าเพิ่งล้างหน้าล้างปากให้ดื่มน้ำก่อนเลยค่ะ รับรองท้องไม่ผูกชัวร์ค่ะ เพราะมีคนเคยบอกมาแล้วทำตาม ได้ผลจริงๆค่ะ ลืมบอกไปอย่าง ต้องเป็นน้ำเปล่าที่ไม่เย็นและไม่อุ่นนะคะ หนูดื่มทุกเช้านะพี่ ยังผูกอยู่เลย :'( เงื่อนพิรอดหรือเปล่า ;D คุณ IPSUM แซวจนแผ่นเสียงตกร่องแล้ว... กลับมาแปลด่วนจ้า...5..5..5... ;D ก็เซนเซเค้าผูกไว้ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 20, 2009, 11:11:53 AM ดีใจกรุงเทพมี สวนสาธารณะเปิดใหม่ ไม่ไกลมาก สวนกีฬารามอินทรา
(http://www.uppic.net/td/dsc0235.jpg) (http://www.uppic.net/show/7e275897a2b8b52fe0d51493ce70260e) (http://www.uppic.net/td/dsc0338.jpg) (http://www.uppic.net/show/4489fc70011f5845f710caf9eacd94c8) (http://www.uppic.net/td/dsc0386.jpg) (http://www.uppic.net/show/1854390ce45b1f2889ff2d9c037941f7) เวปนี้ก็สวย...เพลงเพราะชวนพักผ่อนเหลือเกิน... http://dungtawan.multiply.com/photos/album/113/113# หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 20, 2009, 09:47:04 PM แวะมาบอกนิดนึง วันนี้พึ่งไปสวนกีฬานี้มา ถนนทางเข้า รามอินทรา ซอย 5 กำลังทำ เข้าไม่สะดวก
เข้าทางซอย 19 ก็ได้นะคะ อ้อ... เหมือนอย่างที่มีคนพูดในเวปเลย อย่าไป ช่วง9-10.00น. และประมาณ 15.00-16.00น. เขารดน้ำต้มไม้เปียกไปทั้งสวนเลยค่ะ Good night จ้า... (http://www.uppic.net/ih/__fwdder.com__213153988m79326.gif) (http://www.uppic.net/show/b4fd642ece8ec5698583d486e6fe82a7) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 20, 2009, 10:19:15 PM ป้าอยู่แถวรามอินทราเหรอคะ
เมื่อก่อนหนูไปแฟชั่นบ่อย ถ้าป้าไปบ่อย เราอาจเคยเดินสวนกัน :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 21, 2009, 12:18:58 PM ป้าอยู่แถวรามอินทราเหรอคะ เมื่อก่อนหนูไปแฟชั่นบ่อย ถ้าป้าไปบ่อย เราอาจเคยเดินสวนกัน :D เปล่าค่ะ... ป้าอยู่แถวลาดพร้าว แต่ชอบพาลูกๆไปออกกำลังกายตามสวน outdoor สดชื่นๆจ้า... (http://www.uppic.net/tx/4gvdn.jpg) (http://www.uppic.net/show/187cb5ba6e3a1224e51e756c2bd8b816) (คุณ Jeera หายเขิล... รึยังจ้ะ... :D จะได้รีบมีน้องไวๆ ลบคำสบประมาท คุณmvb คุณIPSUM ซะเลย.. ) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 21, 2009, 02:02:51 PM หนูถือคติช้าๆได้พร้าเล่มงามค่ะ ;D
ตอนนี้ก็ลังเลอยู่ว่าจะปีหน้าดีมั้ย ??? แต่ลูกเสือ...กลัวลูกหาแฟนยากค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: nokeang ที่ ตุลาคม 22, 2009, 06:12:17 AM :) อรุณสวัสดิ์ค่ะป้า NN และทุกคน
วิธีสังเกตุอาการเมื่อแพ้ยา (http://www.dailynews.co.th/content/images/0909/19/page30/p260.jpg) ทราบหรือไม่ว่า เวลาเกิดอาการแพ้ยาจะมีอาการอย่างไร ...(http://www.junjaowka.com/webboard/images/smilies/junjaowka-0020.gif) - ทางผิวหนัง เช่น ผื่นแดง ลมพิษ อาการบวมตามเปลือกตา ริมฝีปาก และมือ เท้าบวม เป็นต้น - ระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบ หายใจติดขัด แน่นหน้าอก ไอขัดๆ - ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น ความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นเร็ว - ระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ส่วนอาการที่พบอื่น ๆ เช่น อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองโต บวมตามตัว เป็นต้น ซึ่งความรุนแรงของอาการส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับรูปแบบกา รใช้ยา เช่น ยาฉีดจะเห็นผลอาการแพ้ได้เร็วกว่ายากินและยาทา ทานยาเมื่อไหร่ อย่าลืมสังเกตอาการตัวเองว่ามีการแพ้หรือไม่ ถ้ามีรีบพบแพทย์โดยด่วน. (http://www.junjaowka.com/webboard/images/smilies/junjaowka_19016.gif) (http://www.junjaowka.com/webboard/images/smilies/junjaowka_19016.gif)(http://www.junjaowka.com/webboard/images/smilies/junjaowka_19016.gif) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: nokeang ที่ ตุลาคม 22, 2009, 06:17:46 AM O0 อาการของมะเร็งที่อวัยวะต่างๆ O0
ในระยะแรกมักจะไม่ปรากฏอาการ ต่อมาเมื่อเป็นมากขึ้น (อาจนานเป็นเดือน เป็นปี) จะมีอาการทั่วไป (พบร่วมกันในมะเร็งทุกชนิด) คือ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว อาจมีไข้ เรื้อรัง ท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน ซีด เป็นลม ใจหวิว คล้ายหิวข้าวบ่อย ส่วนอาการเฉพาะของแต่ละโรค (ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนจะมีอาการทั่วไป) เกิดจากก้อนมะเร็งไปกดเบียดหรือทำลายอวัยวะที่เป็น พอจะสรุปได้ดังนี้ 1. มะเร็งผิวหนัง ส่วนมากจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของไฝ ปาน หรือ จุดตกกระในคนแก่ โดยมีอาการคันแตกเป็นแผล เรื้อรังไม่ยอมหาย โดยไม่มีอาการเจ็บปวด ต่อมาแผลโตขึ้นเร็ว และมีเลือดออก มีสาเหตุสัมพันธ์กับการถูกแสงแดด (แสงอัลตราไวโอเลต) การกินยาที่เข้า สารหนู หรือน้ำมันดินที่มีผสมอยู่ในยาจีนยาไทย การสัมผัสถูกสารหนู หรือน้ำมันดิน การระคายเรื้อรังต่อไฝ ปานหรือหูดที่มีอยู่ก่อน 2. มะเร็งในช่องปาก จะมีก้อนหรือแผลเรื้อรังเกิดขึ้นที่ริมฝีปาก เยื่อบุช่องปาก ลิ้น โดยเริ่มจากฝ้าขาวๆ ที่เรียกว่า ลิวโคพลาเคีย (Leukoplakia) มีสาเหตุสัมพันธ์กับการระคายเรื้อรัง เช่น กินหมาก จุกยาฉุน ฟันเกหรือใส่ฟันปลอมไม่กระชับ ดื่มเหล้าเข้มข้น (ไม่ผสมเจือจาง) สูบบุหรี่ 3. มะเร็งที่จมูกและโพรงหลังจมูก มีอาการเลือดออกทางจมูก หน้าชา คัดจมูก ปวดศีรษะ ต่อมาอาจมีเลือดปนน้ำเหลืองออกทางจมูก หูอื้อ กลืนไม่ได้ ตาเข ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต มะเร็งที่โพรงหลังจมูก มีสาเหตุสัมพันธ์กับการดื่มเหล้าเข้มข้น สูบบุหรี่ การติดเชื้อไวรัสอีบีวี (EBV) 4. มะเร็งที่กล่องเสียง มีอาการเสียงแหบเรื้อรังและอาจมีอาการเจ็บคอ เวลากลืนเหมือนมีก้างติดคอต่อมามีเลือดออกปนกับเสมหะ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการดื่มเหล้าเข้มข้น การสูบบุหรี่จัด การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี 5. มะเร็งปอด มีอาการไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ไอออกเป็นเลือดปนเสมหะ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ การสูดควันดำจากท่อไอเสียรถ เขม่าจากโรงงาน สารใยหิน (asbestos) หรือฝุ่นนิกเกิล 6. มะเร็งหลอดอาหาร เริ่มแรกอาจรู้สึกเจ็บเวลากลืนอาหาร ต่อมากลืนข้าวสวยไม่ได้ ต่อมากลืนข้าวต้มไม่ได้ จนในที่สุดกลืนได้แต่ของน้ำๆ หรือ กลืนอะไรก็ไม่ลงเลย พบมากในผู้ชาย มีสาเหตุสัมพันธ์กับการกินอาหาร และดื่มของร้อนๆ (เช่น น้ำชาร้อน ๆ), การดื่มเหล้าเข้มข้น, การสูบบุหรี่, ภาวะขาดวิตามินเอ เป็นต้น 7. มะเร็งกระเพาะอาหาร มีอาการท้องอืด แน่นท้องอยู่เรื่อย เบื่ออาหาร ต่อมาอาจมีอาเจียน คลำก้อนได้ที่ใต้ชายโครงซ้าย น้ำหนักลด ซีด อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ จากเชื้อเอชไพโลไร (H. pylori) แบบเรื้อรัง, การกินอาหารที่มีสารไนเทรตหรือไนโตรซามีน, อาหารเค็มหรืออาหารหมักเกลือ, อาหารประเภทรมควัน, กรรมพันธุ์, การมีประวัติการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นต้น 8. มะเร็งตับอ่อน เริ่มแรกอาจมีอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ต่อมามีอาการปวดท้อง และปวดหลังดีซ่าน ถ่ายอุจจาระสีซีดขาว เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ สารไนโตรซามีนสารไฮโดรคาร์บอน การกินอาหารพวกไขมันและโปรตีนสูง และอาจมีสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ 9. มะเร็งลำไส้เล็ก มักมีอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือถ่ายดำ น้ำหนักลด เป็นไข้ หรือมีภาวะลำไส้อุดตัน (ปวดท้องรุนแรง อาเจียน) บางรายอาจมีอาการดีซ่าน ถ่ายอุจจาระสีซีด ขาว อาจคลำได้ก้อนในช่องท้อง อาจมีสาเหตุสัมพันธ์กับการเป็นลำไส้เล็กอักเสบเรื้อร ัง 10. มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเดินแบบเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นเลือด หรือมูกปนเลือดเรื้อรัง ปวดท้อง ปวดหลัง ซีด น้ำหนักลด มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ เช่น ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูง, การกินอาหารที่มีกากใยน้อย แต่กินพวกไขมันมาก, ประวัติการเป็นมะเร็งในญาติพี่น้อง เป็นต้น 11. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะมีต่อมน้ำเหลืองโตเป็นก้อนที่บริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ อาจมีไข้เรื้อรัง มีสาเหตุสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส เอชทีแอลวี-1, เชื้ออีบีวี, เอดส์, การได้รับยาเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัดมาก่อน เป็นต้น 12. มะเร็งเต้านม คลำได้ก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม (เดิมเป็นปกติ เพิ่งมาบุ๋มตอนหลัง) หรือมีน้ำเหลืองหรือเลือดออกทางหัวนม ต่อมาจะมีต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ข้างเดียวกันโต ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ เช่น ผู้หญิงที่มีมารดาเป็นมะเร็งเต้านม ก่อนวัยหมดประจำเดือน หรือมีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้หลังวัยประจำเดือน, ผู้หญิงเกิน 50 ปี ที่ยังไม่มีบุตร, ผู้หญิงที่มีบุตรคนแรกเมื่ออายุเกิน 30 ปี, ผู้หญิงที่มีประวัติเป็นโรคเต้านมเรื้อรัง, คนอ้วน, ผู้ที่สัมผัสถูกรังสี หรือดื่มเหล้า 13. มะเร็งปากมดลูก มีเลือดออกเวลาร่วมเพศ มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด หรือมีตกขาวเรื้อรัง มีสาเหตุสัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชพีวี (HPV/Human papilloma virus) ของปากมดลูกซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร่วมกับปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น การกินยาเม็ดคุมกำเนิด การสูบบุหรี่ เป็นต้น โรคนี้พบมากในผู้หญิงที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุ น้อย มีสามีหลายคน หรือมีสามีสำส่อนทางเพศ และในหญิงบริการ 14. มะเร็งอัณฑะ พบมีก้อนแข็งที่ถุงอัณฑะ และโตขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งอาจมีอาการปวดร่วมด้วย สาเหตุ ยังไม่ทราบ พบว่า ผู้ที่มีอัณฑะไม่เลื่อนลงถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด อาจค้างอยู่ในช่องท้อง หรือขาหนีบ มีโอกาสเป็นมะเร็งอัณฑะมากขึ้น 15. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขัดและบ่อย มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ การสัมผัสถูกสารอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (aromatic hydrocarbon) ที่เป็นสารประกอบของสีที่ใช้ทางอุตสาหกรรม, การกินอาหารพวกเนื้อปิ้ง ย่าง และไขมันมาก 16. มะเร็งต่อมลูกหมาก มักไม่มีอาการแสดง จนกระทั่งแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง ทำให้มีอาการขัดเบา ปัสสาวะลำบาก หรือ ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดหลังหรือปวดสะโพกน้ำหนักลด มักพบในคนอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีสาเหตุสัมพันธ์กับฮอร์โมนแอนโดรเจน และพบว่าผู้ที่มีประวัติญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ หรือเคยทำหมันชาย มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้สูงขึ้น 17. มะเร็งกระดูก มีอาการข้อบวม กระดูกบวม บางครั้งพบหลังเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เข้าใจว่าเป็นกระดูกหักได้ 18. มะเร็งของลูกตาในเด็ก (Retemoblastoma) นัยน์ตาดำของเด็กมีสีขาววาวคล้ายตาแมว เด็กจะบ่นว่าตาข้างนั้นมัว หรือมองอะไรไม่เห็น เมื่อเป็นมากขึ้น ตาจะเริ่มปูดโปนออกมานอกเบ้าตา 19. มะเร็งรังไข่หรือไต มีอาการมีก้อนในท้อง ท้องมาน ส่วนมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งตับ มะเร็งในสมอง จะมีอาการแบบเดียวกับเนื้องอกในสมอง มะเร็งต่อมไทรอยด์ แหล่งข้อมูล :thailabonline หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ ตุลาคม 22, 2009, 07:37:41 AM สวัสดีตอนเช้าครับคุณ NN ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 22, 2009, 02:17:31 PM สวัสดีตอนเช้าครับคุณ NN ;D ;D ;D สวัสดีค่า คุณ Theephat วันนี้มีแสงแดดสดชื่นขึ้นมาหน่อยนะคะ :) หลังจากฝนตกพรำทางวันมาหลายวัน... ตกลงคุณธี ได้เข้าซื้อทองรึยังคะ... ป้ามีติดปลายนวมนี๊ด..เดียวเอง เงื้อง้ารอจะเข้าอยู่...จนเหงือกแห้งแล้วล่ะเนี่ย... :-\ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 22, 2009, 02:22:19 PM สวัสดีคุณ nokeang ด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องแพ้ยา และเรื่องมะเร็งนะคะ
ป้าเองเป็นแผลในกระเพาะอยู่ยาวนาน กังวลอยู่เหมือนกันเรื่องมะเร็งในกระเพาะ... อ่านแล้วได้ความรู้ไปด้วย ชอบจังเลยค่ะ... :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 22, 2009, 02:32:18 PM มีอยู่เรื่องนึงที่อยากรู้มานาน คืออาหารอะไรบ้างที่กินแล้วช่วยลด คอเรสเตอรอล?
คือข้อมูลความรู้ทั่วไปมักจะบอกแต่อาหารที่คอเรสเตอรอลสูง ที่ควรงด แต่แหม... ดูสิจ้ะ... ของมันเกิดมาน่ากินขนาดนี้น่ะ... (http://www.uppic.net/ih/__fwdder.com__213153971m79324.gif) (http://www.uppic.net/show/3b617f48f6573c9e18a3f5e7abfcd569) (http://www.uppic.net/io/__fwdder.com__211452956209718.jpeg) (http://www.uppic.net/show/985f85bfaf5f3e86ff0abbe0dd149593) (http://www.uppic.net/iv/__fwdder.com__134801720551385895.jpeg) (http://www.uppic.net/show/1a311865d644ca4e89dd3d722be1c74a) บางทีก็อดใจไม่ไหวจ้า... ;D แต่อาหารที่กินแล้วช่วยลด คอเรสเตอรอล หาอ่านไม่ค่อยเจอ มีใครพอทราบบ้างไหมคะ? (บางคนบอก แก้วมังกร บ้าง, มะระขม บ้าง ... ไม่รู้อันไหนใช่จริงๆ จะได้ไปหามากินทุกวันเลย..) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: nokeang ที่ ตุลาคม 22, 2009, 02:58:31 PM สวัสดีคุณ nokeang ด้วยค่ะ ขอบคุณสำหรับความรู้เรื่องแพ้ยา และเรื่องมะเร็งนะคะ ป้าเองเป็นแผลในกระเพาะอยู่ยาวนาน กังวลอยู่เหมือนกันเรื่องมะเร็งในกระเพาะ... อ่านแล้วได้ความรู้ไปด้วย ชอบจังเลยค่ะ... :D แผลในกระเพาะอาหาร?เรื้อรังหรือรักษาหายได้? (http://images.thaiza.com/31/31_20090629104815..jpg) โรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือคนทั่วไปเรียกกันติดปากว่า โรคกระเพาะอาหาร เกิด จากสาเหตุหลายประการ และมีกลไกการเกิดโรคที่ซับซ้อนมาก สาเหตุมาจากกรดและน้ำย่อยที่หลั่งออกมาในกระเพาะอาหา ร ไม่ว่ากรดนั้นจะมีปริมาณมากหรือน้อยจะเป็นตัวทำลายเย ื่อบุกระเพาะอาหาร ร่วมกับมีความบกพร่องของเยื่อบุกระเพาะอาหารที่สร้าง แนวต้านทานกรดไม่ดี นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นที่ส่งเสริมให้เกิดแผลในกระ เพาะอาหารได้แก่ ยาแอสไพริน ยารักษาโรคกระดูกและข้ออักเสบ การสูบบุหรี่ ความเครียด อาหารเผ็ด สุรา ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเยื่อบุ กระเพาะอาหาร เกิดการอักเสบเรื้อรัง แล้วนำไปสู่การเกิดแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้นได้ ?เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร' อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญของโรคแผลในกระเพาะอาหาร ปัจจุบันพบว่าเชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter pylori) เป็น เชื้อแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อยู่ในกระเพาะอาหาร มีรูปร่างเป็นเกลียวและมีหาง มีความทนกรดสูงเนื่องจากสามารถสร้างสารที่เป็นด่างออกมาเจือจางกรดที่อยู่ รอบๆตัวมัน ทำให้สามารถอาศัยอยู่ในชั้นผิวเคลือบภายในกระเพาะอาหารได้ และยังสร้างสารพิษทำลายเซลล์เยื่อบุผิวของกระเพาะอาหาร ส่งผลให้เกิดการอักเสบและเกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ เยื่อบุกระเพาะอาหาร จึงนับเป็นสาเหตุสำคัญอันดับหนึ่งที่ทำให้เกิดแผลในก ระเพาะอาหาร นอกจากนี้ขณะที่ทำการรักษาแผลในกระเพาะอาหารอยู่ เชื้อนี้จะเป็นต้นเหตุทำให้แผลหายช้า และทำให้แผลที่หายแล้วกลับเป็นซ้ำได้อีก รวมถึงยังเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะ อาหารอีกด้วย อาการสำคัญของโรคแผลในกระเพาะอาหาร ปวดหรือจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่หรือช่องท้องช่วงบน ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด มักเป็นในช่วงท้องว่างหรือหิว โดยอาการดังกล่าวมักไม่เป็นตลอดทั้งวัน อาการ ปวดแน่นท้องที่บรรเทาลงได้ด้วยอาหารหรือยาลดกรด ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการปวดมากขึ้นหลังรับประทานอา หาร โดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารรสเผ็ดหรือเปรี้ยวจัด เป็นต้น อาการปวด มักเป็นๆ หายๆ นานเป็นปี โดยมีช่วงเว้นที่ปลอดอาการค่อนข้างนาน เช่น ปวดอยู่ 1-2 สัปดาห์และหายไป หลายๆ เดือนจึงกลับมาปวดอีกครั้ง ปวดแน่นท้องกลางดึกหลังจากหลับไปแล้วจนต้องตื่นขึ้นม า ใน ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการปวดท้องแต่จะมีอาการแน่นท ้อง หรือรู้สึกไม่สบายในท้อง มักจะเป็นบริเวณใต้ลิ้นปี่หรือกลางท้อง รอบสะดือ ในผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีท้องอืดร่วมด้วย โดยเฉพาะหลังกินอาหารจะมีท้องอืดขึ้นชัดเจน มีลมมากในท้อง ท้องร้องโกรกกราก ต้องเรอหรือผายลมจะดีขึ้น อาจมีคลื่นไส้อาเจียนร่วมด้วย โดยเฉพาะหลังอาหารแต่ละมื้อหรือช่วงเช้ามืด ผู้ป่วยอาจมีอาการอิ่มง่ายกว่าปกติ ทำให้กินได้น้อย และน้ำหนักลดลงได้บ้าง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีอาการเรื้อรังเป็นปี แต่สุขภาพทั่วไปมักไม่ทรุดโทรม น้ำหนักไม่ลด รวมถึงไม่มีภาวะซีดร่วมด้วย ภาวะแทรกซ้อนของโรคแผลในกระเพาะอาหาร พบ ได้ประมาณร้อยละ 25-30 อาทิ ภาวะเลือดออกในกระเพาะอาหาร พบได้บ่อยที่สุด ผู้ป่วยจะมีอาการอาเจียนเป็นเลือด ถ่ายเหลวสีดำ เหนียว คล้ายน้ำมันดิน หรือมีหน้ามืด วิงเวียนศีรษะ เป็นลม กระเพาะอาหารทะลุ ผู้ป่วยมีอาการปวดท้องช่วงบนเฉียบพลัน รุนแรง หน้าท้องแข็ง ตึง กดเจ็บมาก กระเพาะอาหารอุดตัน ผู้ป่วยจะรับประทานได้น้อย อิ่มเร็ว อาเจียนหลังอาหารเกือบทุกมื้อ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง การวินิจฉัยโรค แผลในกระเพาะอาหารในปัจจุบันถือว่าการตรวจส่องกล้องท างเดินอาหารส่วนบน เป็นวิธีที่เป็นมาตรฐานและดีที่สุด ในทางการแพทย์ผู้ป่วยที่มีอาการของโรคกระเพาะอาหารแล ะได้รับการรักษาด้วยยา ลดกรดแล้วอย่างน้อย 1 เดือนแล้วอาการไม่ทุเลาควรได้รับการตรวจส่องกล้องทาง เดินอาหารส่วนบน เนื่องจากแพทย์สามารถให้การวินิจฉัยได้ทันที (http://images.thaiza.com/30/30_20080222155308..jpg) การรักษาในปัจจุบันแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ 1.การรักษาสาเหตุ ใน กรณีตรวจพบเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้การรักษาโดยมีสูตรยา 3-4 ชนิดร่วมกัน รับประทานนาน 1-2 สัปดาห์ สูตรยาส่วนใหญ่เป็นยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด เพื่อรักษาแผลและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของยาปฏิชีวนะ ผู้ป่วยควรได้รับการตรวจหาเชื้อซ้ำภายหลังจากได้รับป ระทานยาปฏิชีวนะครบแล้ว โดยอาจเป็นการตรวจโดยการส่องกล้องกระเพาะอาหารอีกครั ้งเพื่อทำการพิสูจน์ ชิ้นเนื้อซ้ำ หรือทดสอบโดยการรับประทานยาสำหรับทดสอบเชื้อแบคทีเรี ยโดยตรง และตรวจวัดสารที่ถูกปล่อยออกมาทางลมหายใจ ทั้ง 2 วิธีถือเป็นวิธีที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน หลังตรวจพิสูจน์แล้วว่าไม่พบเชื้อแบคทีเรีย โอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารหรือลำไส้เล็กซ้ำจะมีน ้อยกว่า 10% ภายใน 1 ปีหลังได้รับการรักษา ส่วนการรักษาโดยยาลดกรด PPI เพียงอย่างเดียวอาจทำให้แผลหายได้เช่นกันแต่มีผลเสีย คือ มีโอกาสเกิดแผลซ้ำได้สูง และทำให้มีโอกาสที่เชื้อแบคทีเรียจะทำลายเยื่อบุผิวก ระเพาะอาหารลุกลามมาก ขึ้นได้ จึงน่าเป็นห่วงสำหรับผู้ป่วยที่มักจะรับประทานยาลดกร ดเอง แล้วมีอาการเป็นๆหายๆโดยไม่เคยได้รับการตรวจหาเชื้อแ บคทีเรียซึ่งอาจเป็น สาเหตุของโรคที่ไม่หายขาดและส่งผลเสียต่อไปในอนาคตได ้ ในกลุ่มผู้ ป่วยที่รับประทานยาที่มีผลทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหา ร ควรจะหยุดยาและหลีกเลี่ยงการรับยาในกลุ่มนี้ซ้ำอีก ยกเว้นในกรณีที่ยานั้นจำเป็นต่อการรักษาโรค ผู้ป่วยควรได้รับยาลดกรดควบคู่ไปกับยาที่รับประทานอย ู่เพื่อรักษาแผล ลดโอกาสการเกิดแผลขึ้นใหม่ และลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากแผล ส่วนในกรณีผู้ป่วยที่ตรวจพบภาวะกรดเกินจากเนื้องอกคว รได้รับการผ่าตัด 2.การรักษาแผล ผู้ ป่วยจะได้รับยาลดกรดเพื่อยับยั้งการหลั่งกรดและส่งเส ริมการสมานแผล โดยเฉลี่ยเป็นเวลานาน 6-8 สัปดาห์ รวมทั้งผู้ป่วยควรจะงดการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา ควบคุมอาหารที่เพิ่มการหลั่งกรดดังกล่าว รวมทั้งลดความเครียด พักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งการดูแลตัวเองดังนี้จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการที่ดีข ึ้นได้โดยเร็ว ผู้ที่เป็นโรคแผลในกระเพาะอาหาร ควรปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารอย่างไรบ้าง? อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงคือ ชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ อาหารรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด ของหมักดอง อาหารแข็งย่อยยาก อาหารประเภททอด หรือมีไขมันมาก เพราะ ไขมันเป็นสารที่ย่อยยากกว่าสารอาหารชนิดอื่น รวมถึงสังเกตอาหารหรือผลไม้ที่รับประทานแล้วทำให้มีอ าการมากขึ้น เช่น บางคนรับประทานฝรั่งหรือสับปะรดจะปวดท้องมากขึ้น เป็นต้น ควรรับประทานอาหารอ่อน อาหารที่ย่อยง่าย เมื่อผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้วจึงค่อยกลับมารับประทา นอาหารที่ใกล้เคียงปกติ ได้ การบริโภคอาหารที่ไม่ถูกต้อง มีผลต่อการเพิ่มความรุนแรงของโรคกระเพาะอาหาร กล่าวคือ ถ้ารับประทานอาหารรสจัดจะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อแ ผลมากขึ้น มีอาการปวดมากขึ้น นอกจากนี้ ถ้ารับประทานอาหารที่ย่อยยากหรือรับประทานในปริมาณที ่มากเกินไป จะยิ่งกระตุ้นให้กระเพาะอาหารขยายตัวมากขึ้น ซึ่งจะทำให้มีการปวดมากขึ้นเช่นกัน โรคแผลในกระเพาะอาหารจะหายขาดได้หรือไม่? โรค แผลในกระเพาะอาหารหายได้ แต่มีโอกาสกลับเป็นใหม่ได้อีกร้อยละ 70-80 ในระยะเวลา 1 ปีหลังให้การรักษา ซึ่งลักษณะเช่นนี้เป็นธรรมชาติของโรค คือจะมีลักษณะเรื้อรังและกลับเป็นซ้ำได้ หลังได้รับยาอาการปวดมักจะทุเลาลงในระยะ 7 วันแต่แผลจะยังไม่หาย ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจำเป็นต้องได้รับยารักษา ติดต่อกันเป็นเวลานาน 8-12 สัปดาห์ แผลจึงจะหาย เมื่อหายแล้วก็มีโอกาสกลับมาเป็นใหม่ได้อีกถ้าไม่ระว ังเรื่องการปฏิบัติตัว ให้ถูกต้อง หรือถ้ายังไม่สามารถกำจัดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไรให้หมดไปได้ ข้อมูลโดย ศูนย์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ โรงพยาบาลเวชธานี หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: nokeang ที่ ตุลาคม 22, 2009, 03:06:06 PM กินอาหารเฉพาะโรค
วันนี้เกร็ดความรู้มีอาหารที่ไว้ทานเฉพาะโรคมาฝากกัน ... - ปวดเข่า (ไม่ใช่โรคเกาต์) ควรกินอาหารที่ทำด้วยขิงจะช่วยลดอาการอักเสบ เช่น หมูผัดขิง ต้มส้มปลากระบอก ปลาเจี๋ยน น้ำพริกขิง เมี่ยงคำ เมี่ยงปลาทู - ท้องผูก ควรกินอาหารที่มีเส้นใยสูง ข้าวกล้อง น้ำพริกผักจิ้ม แกงส้มดอกแค แกงเลียงตำลึงหัวปลี สะเดาลวกน้ำปลาหวาน แกงเลียงชะอมปลาย่าง ยำมะเขือพวง แกงป่าขี้เหล็กหมูย่าง - คอเลสเตอรอลสูง ควรกินอาหารที่มีเส้นใยสูง หลีกเลี่ยงเครื่องในสัตว์ อาหารทะเล กุ้ง หอย ปู หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด หลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ - เบาหวาน ควรลดอาหารหวาน มัน เค็มจัด หันกินข้าวกล้อง กินผักใบ เช่น น้ำพริกจิ้มผักบุ้งต้ม หัวปลีต้ม ดอกแค ยอดแคต้ม มะระขี้นกต้ม กินปลา กุ้ง กินอาหารประเภทยำ เช่น ยำใบบัวบก ยำผักกูด ยำยอดกระถิน แกงส้มผักบุ้ง แกงส้มผักกระเฉด ต้มยำหัวปลี (กินอาหารที่มีเส้นใยสูง ไขมันต่ำ รสไม่หวาน) - ความดันสูง จำกัดอาหารไขมัน อาหารหวาน อาหารรสเค็ม ควรกินข้าวกล้อง ลดอาหารที่ใส่กะทิใช้ผักที่มีเส้นใยสูงทำอาหาร เช่น มะเขือพวง มะระขี้นก สะเดา กระเฉด ชะอม หัวปลี ใบบัวบก กระถิน โดยกินวันละประมาณ 200 กรัม และทำอาหารใส่กระเทียมให้มากกว่าปกติ - โรคเกาต์ งดเครื่องในสัตว์ทุกชนิด กินปลาเป็นหลัก ใช้ผักใบทำอาหารเอายอดออก เอาเมล็ดออก ผักประเภทหน่อ เมล็ด ยอด จะเพิ่มความปวดให้มากขึ้น แตงกวากินแต่เปลือก ตำลึงเด็ดยอดออก ถั่วงอกเอาหัวออก เป็นต้น) ดื่มน้ำตะไคร้ และดื่มน้ำวันละประมาณ 8-10 แก้ว - นอนไม่หลับ กินข้าวกล้องเป็นประจำ กินผักสดผลไม้สดมากใน 1 วัน เช่นกินผักรวมกัน (ใน 1 วัน ประมาณ 200 กรัม ผลไม้ ส้ม 1 ลูก มะละกอ 1 จาน 8 คำ สับปะรด 1 จาน 8 คำ) ใช้ใบขี้เหล็กลวกจิ้มน้ำพริก หรือใช้ใบขี้เหล็กแกงกับปลาย่าง - ท้องผูก กินข้าวกล้อง กินผักที่มีเส้นใยสูง เช่น มะระขี้นก สะเดา มะเขือพวง ใช้ต้มจิ้มน้ำพริกหรือทำน้ำพริกมะเขือพวง ผัดมะระขี้นกกับไข่ กินผักพื้นบ้านที่มีฤทธิ์เป็นยาระบาย เช่น ยอดขี้เหล็ก กินมะละกอสุกเป็นประจำ ต้มน้ำมะขามเปียกดื่มเป็นเครื่องดื่มประจำ - ท้องอืด ควรกินผักพื้นบ้านที่มีสรรพคุณช่วยย่อยอาหาร เช่น กินตำลึงจิ้มน้ำพริก แกงเลียง แกงจืด จะช่วยย่อยอาหารประเภทแป้ง กินสับปะรดเป็นอาหารหวานหลังกินข้าว สับปะรดช่วยย่อยอาหารประเภทเนื้อสัตว์ กินเนื้อสัตว์ควบคู่กับผักที่เป็นสมุนไพรช่วยย่อยเช่ น กระชาย ตะไคร้ กะเพรา พริกไทย รู้อย่างนี้แล้ว ใครเป็นโรคอะไรก็ลองหาอาหารที่แนะนำมาทานกันได้ เพื่อสุขภาพที่ดี. หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 25, 2009, 06:24:00 PM สวัสดีค่ะป้า NN
ตัวเล็กหายจากอาการเจ็บแล้วใช่มั้ยคะ นี่หนูไม่ค่อยสบายเลยไม่ได้เข้ามาซะหลายวัน ไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันมาหลายว้นด้วย แต่ตอนนี้เริ่มกลับสู่สภาพปกติแล้วค่ะ (http://smilies.exteen.com/images/xixi/10.gif) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: IPSUM ที่ ตุลาคม 26, 2009, 03:38:07 PM หายไวไวนะ... ;)
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 26, 2009, 07:51:09 PM ขอบคุงกั๊บ O0
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 26, 2009, 07:57:25 PM หวัดดีค่า... ป้ามัวแต่ไปพาลูกเที่ยวซะ ลืมพาลูกๆลองชุดนักเรียนก่อนเปิดเทอมเลย... :o
เลยหายไปปลุกปล้ำเตรียมเสื้อผ้าชุดนักเรียนลูก เกือบไม่ทันวันเปิดเทอมแน่ะ... 5...5..5... ขอบคุณ คุณ nokeang มากค่ะ ไว้มีความรู้อะไร ก็มาแบ่งปันความรู้กันนะคะ ป้าตามอ่านอยู่ค่ะ.. คุณ Jeera ไม่สบายเป็นอะไรคะ..? ฟังดูเหมือนเป็นมากด้วย.. ป้าเดาไว้ก่อนว่าเป็นหวัด (ฝนตกหลายวันก่อน) ดื่มน้ำเยอะๆ หายเร็วๆนะคะ เดี๋ยวมีน้องช้า คุณ mvb คุณ IPSUM แซวไม่เลิกนะจ้ะ... (http://www.uppic.net/iu/__fwdder.com__211452952209717.jpeg) (http://www.uppic.net/show/fff62063df9a974e25f1ecd970482529) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 26, 2009, 08:04:07 PM ถามเรื่องทั่วไปหน่อยค่ะ...
ไม่ทราบใครพอจะมีลิงค์ เวปที่เอารูปมาแปะได้บ้างคะ...? คือป้าเชยใช้บริการอยู่เวปเดียว เพราะคิดว่ามันใช้ง่าย ไม่ยากเกินไป แต่เดี๋ยวนี้มัน โหลดช้าบ่อยมาก ใครพอทราบเวปอื่นๆ ช่วยแปะไว้ให้ใช้ด้วยกันทีนะคะ ขอบคุณค่ะ... Smiley/Angry.gif (3017 ไบต์) Smiley/Angry.gif (3017 ไบต์) Smiley/Angry.gif (3017 ไบต์) (นี่รูปใหม่ของคุณพอล ... คุณตำรวจบุกเวปแล๊ว..! ) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 26, 2009, 08:14:13 PM สวัสดีค่ะป้า :)
หนูยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเป็นอะไร คุณหมอบอกว่าไม่แน่ใจ ??? หนูก็งงๆ ที่แน่ๆคือตอนมา รพ. ไข้ขึ้นไป 39 กว่าๆ โดยก่อนหน้านั้น 2 ว้นก็ไปมาแล้ว รพ. นึง ตอนนั้นก็ไข้สูงและอาเจียน ปวดศีรษะ หมอที่แรกก็ตรวจว่าคอแดงมาก ทอนซินอักเสบ และเขียนลงใบรับรองแพทย์ว่าเป็น...หวัด :-\ ให้ยาแก้อักเสบ พารา ยาอม ยาละลายเสมหะ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยจนต้องลากสังขารมา รพ. นี้ล่ะค่ะ ตอนมา รพ. กว่าเค้าจะทำให้ไข้ลดได้ก็แทบแย่เหมือนกัน ทั้งยาฉีด ยากิน เช็ดตัว ข้ามวันน่ะค่ะกว่าจะหายไข้ :P ตอนนี้ก็ยังดูอาการ พรุ่งนี้หนูก็หวังว่าจะได้กลับบ้านซะที เบื่อแล้วอ่ะ ไปไหนมาไหนต้องพกเสาน้ำเกลือไปด้วย...มันเซ็ง หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 26, 2009, 08:17:22 PM สวัสดีค่ะป้า :) หนูยังไม่รู้เหมือนกันค่ะว่าเป็นอะไร คุณหมอบอกว่าไม่แน่ใจ ??? หนูก็งงๆ ที่แน่ๆคือตอนมา รพ. ไข้ขึ้นไป 39 กว่าๆ โดยก่อนหน้านั้น 2 ว้นก็ไปมาแล้ว รพ. นึง ตอนนั้นก็ไข้สูงและอาเจียน ปวดศีรษะ หมอที่แรกก็ตรวจว่าคอแดงมาก ทอนซินอักเสบ และเขียนลงใบรับรองแพทย์ว่าเป็น...หวัด :-\ ให้ยาแก้อักเสบ พารา ยาอม ยาละลายเสมหะ แล้วหลังจากนั้นก็ไม่ได้ดีขึ้นเลยจนต้องลากสังขารมา รพ. นี้ล่ะค่ะ ตอนมา รพ. กว่าเค้าจะทำให้ไข้ลดได้ก็แทบแย่เหมือนกัน ทั้งยาฉีด ยากิน เช็ดตัว ข้ามวันน่ะค่ะกว่าจะหายไข้ :P ตอนนี้ก็ยังดูอาการ พรุ่งนี้หนูก็หวังว่าจะได้กลับบ้านซะที เบื่อแล้วอ่ะ ไปไหนมาไหนต้องพกเสาน้ำเกลือไปด้วย...มันเซ็ง ตายจริง... นี่แปลว่าคุณ Jeera ตอนนี้ยังนอนอยู่โรงพยาบาลเหรอจ้ะ....? ป้าคิดว่าป่วยนอนพักอยู่บ้าน นี่เปลี่ยนมา 2 รพ.แล้วด้วย แล้วตกลง หมอบอกว่าเราเป็นอะไรจ้ะ? หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 26, 2009, 08:28:06 PM หมอบอกว่า.............................................ยังไม่รู้ค่ะ ???
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: prim ที่ ตุลาคม 26, 2009, 08:41:05 PM เป็นไข้หวัด 2009 แน่ ๆเลย ;D ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 26, 2009, 08:54:18 PM ไม่รู้เหมือนกัน ???
ไปพักก่อนนะคะ ฝันดีค่ะทุกคน :-* หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: richyrichy ที่ ตุลาคม 27, 2009, 07:00:10 AM เป็นไข้หวัด 2009 หรือเปล่าคะ เพราะไข้สูง และปวดเมื่อยตามตัวมาก ๆ เลย ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ เพราะถ้าเป็นไข้หวัด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการพักผ่อน และดื่มน้ำมาก ๆ ค่ะ
ดูแลสุขภาพนะคะ เป็นห่วงจริง ๆค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: IPSUM ที่ ตุลาคม 27, 2009, 08:00:54 AM หมอบอกว่า.............................................ยังไม่รู้ค่ะ ??? โรคฟิวเจอร์แน่เลย ชัวร์ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: yoh ที่ ตุลาคม 27, 2009, 01:04:40 PM หมอบอกว่า.............................................ยังไม่รู้ค่ะ ??? โรคฟิวเจอร์แน่เลย ชัวร์ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 27, 2009, 01:59:39 PM เป็นไข้หวัด 2009 หรือเปล่าคะ เพราะไข้สูง และปวดเมื่อยตามตัวมาก ๆ เลย ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ เพราะถ้าเป็นไข้หวัด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการพักผ่อน และดื่มน้ำมาก ๆ ค่ะ ดูแลสุขภาพนะคะ เป็นห่วงจริง ๆค่ะ ขอบคุณค่ะ :) แต่ตอนนี้หมอสรุปออกมาว่าไม่ใช่ ไข้หวัด 2009 แหละค่ะ เสียดายนิดๆ :P อย่าเพิ่งงงค่ะ คือเสียดายเพราะถ้าเป็นครั้งนี้จะได้มีภูมิ ไม่ต้องกังวลอีก แต่ตอนนี้ต้องไปเสี่ยงกะ ไข้หวัด 2009 รอบปลายปีอีก :( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ ตุลาคม 27, 2009, 04:41:11 PM เป็นไข้หวัด 2009 หรือเปล่าคะ เพราะไข้สูง และปวดเมื่อยตามตัวมาก ๆ เลย ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ เพราะถ้าเป็นไข้หวัด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการพักผ่อน และดื่มน้ำมาก ๆ ค่ะ ดูแลสุขภาพนะคะ เป็นห่วงจริง ๆค่ะ ขอบคุณค่ะ :) แต่ตอนนี้หมอสรุปออกมาว่าไม่ใช่ ไข้หวัด 2009 แหละค่ะ เสียดายนิดๆ :P อย่าเพิ่งงงค่ะ คือเสียดายเพราะถ้าเป็นครั้งนี้จะได้มี ไม่ต้องกังวลอีก แต่ตอนนี้ต้องไปเสี่ยงกะ ไข้หวัด 2009 รอบปลายปีอีก :( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ ตุลาคม 27, 2009, 04:47:27 PM เป็นไข้หวัด 2009 หรือเปล่าคะ เพราะไข้สูง และปวดเมื่อยตามตัวมาก ๆ เลย ต้องพักผ่อนมาก ๆ นะคะ เพราะถ้าเป็นไข้หวัด สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการพักผ่อน และดื่มน้ำมาก ๆ ค่ะ ดูแลสุขภาพนะคะ เป็นห่วงจริง ๆค่ะ ขอบคุณค่ะ :) แต่ตอนนี้หมอสรุปออกมาว่าไม่ใช่ ไข้หวัด 2009 แหละค่ะ เสียดายนิดๆ :P อย่าเพิ่งงงค่ะ คือเสียดายเพราะถ้าเป็นครั้งนี้จะได้มี ไม่ต้องกังวลอีก แต่ตอนนี้ต้องไปเสี่ยงกะ ไข้หวัด 2009 รอบปลายปีอีก :( หายก็ดีแล้ว กลับบ้านพักผ่อนมากๆ เด้อ ;) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 27, 2009, 06:17:15 PM ดีใจกับคุณ Jeera ด้วยจ้า.... ได้กลับบ้านแล้ว...
แปลกจังที่หมอบอกไม่ใช่ไข้หวัดใหญ่ 2009 อาการคล้ายมากนะคะ แต่ไม่เป็นแหล่ะดีแล้วจ้ะ ถ้าโรคประจำตัวเราเยอะ มันเสี่ยงไป... :-\ (http://www.skpic.com/images5/klz1256640416p.gif) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=klz1256640416p.gif) (http://www.skpic.com/images5/klz1256640416p.gif) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=klz1256640416p.gif) (http://www.skpic.com/images5/klz1256640416p.gif) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=klz1256640416p.gif) กลับบ้านแล้ว ถ้าดื่มน้ำเยอะแล้ว ยังท้องผูกอยู่ ลองเปลี่ยนเป็นกินอาหารพวกที่กากไยเยอะๆดูไหมจ้ะ ผู้หญิงเราถ้าท้องผูกง่ายแล้ว ตอนท้องจะยิ่งหนักไปกันหย่ายเลยนา...หุ...หุ... ฟื้นไข้ไวไวนะจ้ะ... ทองลงมาแล๊ว... จะได้มาลุ้นเข้าซื้อกับป้าด้วยกัน หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 27, 2009, 09:00:36 PM กลับมาอยู่บ้านแล้วค่ะ :D
พอถึงบ้านแล้วถึงรู้สึกอาการผิดปกติ คือ ปวดบริเวณท้ายทอยแถวๆโคนผม แล้วก็แถวๆไหล่ :-\ คงต้องดูอาการต่อ หมอนัดเข้าไปตรวจอีกทีอาทิตย์นี้ค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 28, 2009, 05:52:49 PM ยินดีด้วยจ้า หายไข้จากรพ.ได้กลับบ้านแล้ว อย่าลืมพักผ่อนมากๆนะจ้ะ
(http://www.skpic.com/images5/cqs1256725555f.JPG) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=cqs1256725555f.JPG) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 28, 2009, 05:54:55 PM วันนี้ป้าเผลอดื่มนมอร่อยมากไปหน่อย... (นมวัว) ในท้องเลยกุกๆ...อีกแล้ว
เฮ้อ... อยากดื่มนมวัวได้ให้สมอยากซะที ... เป็นยังงี้มานานแล้ว :-\ :-\ :-\ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 28, 2009, 06:02:25 PM หิวข้าวววววววววววววววววววววววววว
รอคนมาส่งข้าวอยู่อ่ะ ยังไม่เลิกประชุมเลย :'( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 29, 2009, 07:01:22 AM กลับจาป่วยที่รพ.ปุ๊บ ก็กลับไปทำงานปั๊บเลยเหรอคะ...คุณ Jeera..?
ได้พักผ่อนหรือยังจ้ะ... เมื่อวานป้าอดจายม่ายหวาย... ไม่ค่อยมีเวลา เลยเข้าซื้อไปนิดนึงแล้วล่ะ... :D พอมาเช้านี้ มันลงไปอีก 1028 โอ้... ว... ต้องเข้าซื้อเพิ่มเฉลี่ยอีกละ... เข้าอีกราคาไหนดีล่ะเนี่ย... :-\ :-\ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 29, 2009, 02:19:00 PM ตอนแรกวันนี้ว่าจะไปทำงานค่ะ แต่หัวหน้าบอกให้พักต่อ เลยแกร่วอยู่บ้านอย่างโดดเดี่ยวอีกสองวัน :'(
วันนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ รู้สึกดีกว่าเมื่อวานเยอะมาก และเริ่มรู้สึกอยากอาหาร ;D แสดงว่าหายแล้วสิเนี่ย อิอิ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: clubonling ที่ ตุลาคม 29, 2009, 04:24:30 PM ดีมากเลยจ้า
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: boonchai7772 ที่ ตุลาคม 29, 2009, 07:44:36 PM สวัสดีครับคุณป้า nn
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 30, 2009, 06:11:31 AM (http://www.skpic.com/images5/klz1256856189l.gif) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=klz1256856189l.gif)
สวัสดีค่า... คุณ boonchai7772 เมื่อคืนป้าอุตส่าห์แอบลุ้นทองว่า เช้านี้มันคงลงมาอีกซักนิด (รอซื้อ) แต่เช้านี้ มันกลับเด้งดึ๋งขึ้นมา 1045 ซะแล้ว... :D คุณ boonchai7772 ซื้อไว้หรือยังจ้ะ... หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 30, 2009, 12:12:58 PM หนูก็หวังว่ามันจะลงอีกนิด ยังไม่ได้ซื้อเลยอ่ะป้าขา :P
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ตุลาคม 30, 2009, 07:10:14 PM ไม่เป็นไรจ้า หนูเพิ่งหายป่วย ฟังจากหลายๆคนวิเคราะห์ ยังมีจังหวะให้เข้าซื้อของถูกจริงเร็วๆนี้เอง
อย่าเครียดจนคนเฝ้าไข้เป็นห่วงนะจ้ะ... ;) อ่ะ... อันนี้เอาให้ปลอบใจ คนยังไม่ได้ซื้อ ขำสำนวนแกจริงๆ... :D พี่ พอล ครับ ถ้าซื้อทองจริงเพื่อทำกำไร (อาจจะถึงที่) 1070 รอบนี้ จะคุ้มหรือป่าวครับ ไหนจะโดนราคาจากสมาคมกั๊กอีก หรือ รอซื้อหลัง 1070 ที่ราคา ลงมาปรับฐานอีกรอบก่อนปีใหม่เพื่อขายรอบเดือน ม.ค.-ก.พ. ดีครับพี่ พอล ขอโทษด้วยครับ วันนี้ผม งงจริงๆ เนื่องจากตกรถ หัวฟาดขอบฟุตบาทไปเมื่อวาน คร้าบบบบ ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: nokeang ที่ ตุลาคม 31, 2009, 01:46:45 PM ยาที่ไม่ควรกินคู่กัน ยาที่ไม่ควรกินคู่กัน (กรุงเทพธุรกิจ) โดย : นพ.กฤษดา ศิรามพุช หากคุณมั่นใจว่าผู้ป่วยเลือดจาง ต้องกินอาหารเสริมในกลุ่มธาตุเหล็กให้มาก "คุณคิดผิด" หมอกฤษดาแจกแจงคู่ยา "มิตร-ศัตรู" ให้เข้าใจกันชัด ๆ "Good things come in pair" ดังวลีฝรั่งนี้ที่บอกว่าของทุกอย่างมีคู่แฝดอยู่เสมอ อาจเป็นแฝดเหมือนหรือแฝดต่างก็ได้ ซึ่งก็พ้องกับทางพระที่ว่า กุสลาธัมมา อกุสลาธัมมา และโลกธรรมแปดที่เล่าถึงคู่แห่งสัจธรรมในโลกนี้ มีสุขแล้วก็มีทุกข์ มีสรรเสริญก็ย่อมมีนินทา มีลาภก็ย่อมมีเสื่อมลาภได้ดังนี้เป็นต้น ดัง นั้น ในเรื่องของโอสถรักษาโรคก็ย่อมต้องมีคู่แฝดของมัน ที่ต้องมีทั้งแฝดที่ดีและแฝดที่ร้าย คล้ายเทวากับซาตานซึ่งเคยมีกรณีที่ถึงแก่ชีวิตมาแล้ว ซึ่งโดยมากมักเกิดจาก "ความไม่รู้" ในฤทธิ์อันไพศาลของยาแต่ละเม็ดที่กินอยู่ โดยเราจะค่อยมาดูกันไปทีละแฝดครับ :)แฝดที่ดี :) เสมือน คู่บุญ ยิ่งรู้จักกินให้เสริมกันก็จะยิ่งช่วยเสริมสุขภาพ หรือทำการรักษาโรคให้ท่านได้อย่างมีประสิทธิภาพขึ้น และที่จริงก็ควรกินคู่กันเสียด้วย เพราะเรื่องของยาอาหารเสริมนี้มีหลักคือทำงานร่วมกัน โดยกลุ่มที่ควรกินร่วมกันช่วยเสริมให้ดีมีดังต่อไปนี ้ครับ 1) วิตามินซีกับคอลลาเจน จะช่วยกันสร้างเนื้อเยื่อใหม่ให้ใสปิ๊งปั๊งไม่เ่ยวหย ่อนย้อย 2) ธาตุเหล็กกับวิตามินซี กินธาตุเหล็กให้ดีดูดซึมเข้าไปใช้ได้ ไม่ใช่กินเข้าไปอย่างไรถ่ายออกมาหน้าตาเหมือนเดิมนั้ น ต้องกินคู่กันอย่างเช่น ถ้าจะกินเลือดหมูให้ได้ธาตุเหล็กก็ควรกินกับผักที่มี วิตามินซีสูงเช่นใบ ตำลึงก็จะดีไม่น้อยครับ 3) แคลเซียมกับแมกนีเซียม แคลเซียมจะดูดซึมได้ดีต้องมี ?ตัวช่วย? พามันเข้าไปได้แก่แมกนีเซียม, วิตามินดีและวิตามินเคด้วยซึ่งอยู่ในแสงแดดและผักเขี ยวจัดตามลำดับ 4) วิตามินเอ,ซีและอี พยายามกินไปด้วยกันเป็นดี หรือสูตรที่ดีคือกินซีเพียงตัวเดียวส่วนเอกับอีนั้นก ินเอาจากผักคะน้าและ ถั่วงสักวันละกำมือ 5) น้ำมันปลา (ไม่ใช่น้ำมันตับปลา) ขอให้เลือกชนิดที่มี ดีเอชเอคู่กับกับอีพีเอ ยิ่งมากหน่อยยิ่งดีอย่างน้อยกินให้ได้ค่า ดีเอชเอ+อีพีเอ = 1,500 มิลลิกรัมต่อวัน โดยมีเคล็ดไว้ว่าถ้าอยากบำรุงสมองต้องเลือกชนิดที่มี ดีเอชเอเด่น แต่ถ้าจะให้บำรุงส่วนอื่นเป็นหลัก เช่นข้ออักเสบให้เลือกชนิดที่มีอีพีเอสูงด้วยครับ :)แฝดที่ร้าย :) แฝดตัวนี้ถือเป็นระดับ ?ตัวแม่? ที่น่ากลัวกว่าเยอะมากครับ เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกในสมองจนเป็นอัมพาต หรือหัวใจวายแน่นิ่งไปได้ จึงอยากชวนให้ท่านที่รัก มาสนใจในยาที่ไม่ควรกินร่วมกันสักนิดดังนี้ครับ 1) น้ำมันปลากับแอสไพริน คู่ร้ายอันดับแรก โดยน้ำมันปลานี้มีฤทธิ์ช่วยให้เลือดใสไม่หนืดเหนียว ส่วนแอสไพรินก็มีฤทธิ์เดียวกันคือ ช่วยให้ไม่เกิดลิ่มเลือดจับแข็งเป็นก้อนตัน เมื่อกินคู่กันเลยกลายเป็นคู่สังหารพาลให้เลือดไหลพร วดพราดไม่หยุด แม้การกรอฟันเพียงนิดก็อาจทำให้เลือดออกได้ ราวกับผ่าตัดใหญ่แล้วครับ 2) วิตามินอีและอีฟนิ่งพริมโรส มีคนไข้ที่อยากผิวสวยมาหาพร้อมบอกว่ามีคนแนะให้กินวิ ตามินอี แต่บ้างก็ให้เลือกเป็นอีฟนิ่งพริมโรสแทนจะเลือกอย่าง ไรดี จึงได้บอกไปให้เลือกอย่างหนึ่งก็พอ เพราะล้วนแต่มีวิตามินอีทั้งนั้น ซึ่งถ้าได้มากไปอาจทำให้เกิดหัวใจพิบัติแทน 3) แคลเซียมเสริมกับแคลเซียมสด ถ้า ท่านกินงาดำได้วันละ 4 ช้อนโต๊ะ หรือเต้าหู้ขาวแข็งวันละ 3 ขีดก็จะได้แคลเซียมราว 1,000 มิลลิกรัมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าไปหาแคลเซียมเม็ดมากินเติมอีก จะทำให้แคลเซียมเกินและไปจับกับหลอดเลือดทำให้ตีบแข็ งได้ 4) กาแฟกับแคลเซียม ขอให้เลี่ยงกินแคลเซียมร่วมกับกาแฟ เพราะกาแฟจะไปยับยั้งการดูดซึมแคลเซียม นอกจากนั้นยังไปดึงแคลเซียมออกจากกระดูกอีกด้วย 5) ธาตุเหล็กกับเลือดจางธาลัสซีเมีย เป็นไม้เบื่อไม้เมากันทีเดียว ขอให้ลืมความเชื่อที่ว่าถ้าเลือดจางต้องกินธาตุเหล็ก ไม่เสมอไปครับ หากท่านเป็นเลือดจางชนิดธาลัสซีเมียแล้วไปกินธาตุเหล็กเสริม จะเท่ากับเติมยาพิษให้กับหัวใจและตับตัวเองครับ ทั้ง แฝดดีแฝดร้ายนี้ที่จริงมีอีกมาก ซึ่งผมได้เคยเขียนไว้ในหนังสือแล้วและก็ตั้งใจจะเขียนไว้เรื่อย ๆ เป็นตอนต่อไปในคอลัมน์นี้ แต่สำหรับที่เลือกมาให้เห็นนั้นเป็นตัวอย่างที่พบบ่อ ยหน่อยครับ และท่านจำไปใช้ประโยชน์ได้ทันที เมื่อ ถึงตอนนี้ขอให้ท่านหยิบยาออกมาสังคายนาแยกวางเป็นชนิ ดไปบนโต๊ะ แล้วจัดเป็นกลุ่มไว้ว่ากลุ่มใดรักษาโรคไหน แล้วบางทีจะเกิดพุทธิปัญญาทีเดียวว่า กินยามากเกินความจำเป็นไปเพียงใด แต่นั่นก็ยังไม่ร้ายเท่ากินยาที่ดันไปเสริมฤทธิ์กันใ ห้เป็นพิษเข้าไปเสียอีก ดังนั้น ท่านจะเห็นว่าการกินยานั้นมีข้อหยุมหยิมอยู่มาก เมื่อเทียบกับกินอาหารธรรมชาติที่โอกาสเกิดการผสมกัน เป็นพิษน้อย เพราะมีส่วนประกอบสำคัญอยู่ในปริมาณที่ไม่เข้มข้นมาก เท่ายาเคมี แต่อย่างไรก็ดีคงต้องยึดหลักที่ว่าหูไวตาไวถ้ารู้สึก ว่า "ไม่ใช่" แล้วก็ให้รีบเร่งบอกอย่าปล่อยให้เลยตามเลยไว้นานเลยครับ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ตุลาคม 31, 2009, 09:56:58 PM OID กะ AUD หรือ GOLD กะ SET จัดเป็นแฝดที่ดีหรือร้ายคะ ;D
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 05:02:13 PM OID กะ AUD หรือ GOLD กะ SET จัดเป็นแฝดที่ดีหรือร้ายคะ ;D (http://image.ohozaa.com/t2/cimg0017.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=3197ca4e423b5402d10734ef248cb2fa) 555..... ถามได้ดี รู้แต่ว่าเป็นแฝดที่ดูดตังค์ในเป๋าได้เร็วเหมือนกัน.... ;D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 05:22:47 PM สุขสันต์วันลอยกระทงจ้า.... (http://images.torrentmove.com/ih/pagx9.jpeg) (http://images.torrentmove.com/show.php?id=abcfa17009a55b83cae4b4c098fee8fe) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 02, 2009, 08:54:02 PM ป้าพาตัวเล็กไปลอยกระทงที่ไหนป่าวคะ :)
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 03:04:02 PM (http://www.skpic.com/images5/bwy1257233798k.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=bwy1257233798k.jpeg) เมื่อคืนพาลูกๆไปลอยกระทงจ้า... พี่ๆสนุกกันใหญ่ แต่น้องเล็กตกใจกลัวเสียงประทัด .... 555... เมื่อวานลอยกระทง ยังบ่นอยู่เลยว่าปีนี้ไม่ยักหนาว... ตื่นเช้ามาอากาศเย็นสะท้านทั้งวันเลย...หุ...หุ... อาคุณ Jeera อากาศแบบนี้ มีน้องแหง๋ๆ.... สู้ๆ กับคุณพ่อน้องเอม+ออม หน่อยนะจ้ะ ป้าเชียร์อยู่.... :D :D :D หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 03, 2009, 03:43:38 PM เอางั้นเลยเหรอค่ะ :D
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 04, 2009, 09:28:15 AM อ่า... อากาศหนาวมา... พร้อมกับทองขึ้นปรี๊ด... 1082 เหรียญ 17,050 บาท ( โดนกั๊กไว้ 100 บาท... evil.gif ) เพราะข่าวนี้แน่เลย... ไอเอ็มเอฟขายทอง 200 ตันให้อินเดีย โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 3 พฤศจิกายน 2552 22:30 น. โดมินิก สเตราส์-คาห์น เอเอฟพี ? กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เริ่มต้นขายทองคำ 403.3 ตัน หรือราวหนึ่งในแปดส่วนที่ถือครองอยู่ออกไป เพื่อหาเงินมาปล่อยกู้ให้กับประเทศต่างๆ ในในช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจทั่วโลก และแถลงในวันจันทร์(2)ว่า สามารถขายไปได้แล้วราว 200 ตัน ให้กับอินเดียซึ่งเป็นผู้ซื้อทองคำรายใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยราคาที่สูงเกือบถึงระดับสถิติสูงสุด http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000132047 หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 04, 2009, 11:24:58 AM (http://www.skpic.com/images5/arx1257306897h.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=arx1257306897h.jpeg) 10 วิธีการกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี ในแต่ละวันเราจำเป็นต้องรับประทานอาหารมากมาย มีคำแนะนำจากหลายสำนักให้กินนั่น ห้ามกินนี่จนไม่รู้จะเชื่อใครดี วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับง่ายๆ ของการกินให้ได้ประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพอย่างเต็มที่มาฝาก 1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง 2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี 3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว 4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ 5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ 6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืช และข้าวกล้องเมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล 7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30% 8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย 9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด 10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้ ถ้าปฏิบัติให้ได้ครบทุกข้อตามคำแนะนำข้างต้นนี้จนเป็นนิสัย สุขภาพดีๆ จะไปไหนเสีย !! (http://www.skpic.com/images5/cqs1257307218b.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=cqs1257307218b.jpeg) ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์ 7 กรกฎาคม 2551 11:11 น. http://www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9510000079603 หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: ~ uma ~ ที่ พฤศจิกายน 04, 2009, 11:35:39 AM มาติดตามอ่านสาระน่ารู้ค่ะ
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: angie ที่ พฤศจิกายน 05, 2009, 10:43:35 AM http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9520000131788
บ้านยุงค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 05, 2009, 07:26:05 PM (http://www.skpic.com/images5/bfi1257422360c.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=bfi1257422360c.jpeg) โอ้โห... เหลือเชื่อจริงๆ เมื่อก่อนเคยได้ยินแค่ให้วางกล่องสีมืดๆ กลิ่นอับๆไว้ แล้วยุงจะเข้าไปอยู่ในนั้นค่ะ อันนี้มาแบบหลักวิทยาศาสตร์เลย... :) ขอบคุณ คุณ angie มากค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 06:25:17 AM หวัดดียามเช้าวันจันทร์จ้า... วันนี้หาน้ำขิงดื่มกันซักแก้วนะจ้ะ... ประโยชน์ของน้ำขิง? (http://www.skpic.com/images5/rgh1257721162u.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=rgh1257721162u.jpeg) (http://www.skpic.com/images5/jdv1257721285d.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=jdv1257721285d.jpeg) -คุณค่าทางอาหาร : พรั่งพร้อมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น แคลเซียมบำรุงกระดูกและฟัน และยังมีสารเบต้า-แคโรทีน ซึ่งช่วย ต้านโรคมะเร็งอีกด้วย -คุณค่าทางยา : แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และขับเสมหะแก้อาการคลื่นใส้ อาเจียน เมารถเมาเรือ ช่วยเจริญอาหาร กินข้าวได้นอกจากนั้นยัง ลดการจับตัวของลิ่มเลือด ช่วยย่อยอาหารโดยเพิ่มการหลั่งน้ำดีและน้ำย่อยต่างๆต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ที่มา : http://www.healthcorners.com หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 07:54:26 AM ถ้าเป็นน้ำขิงสำเร็จรูปมันจะมีประโยชน์มั้ยคะ :-\
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 01:17:00 PM แบบชงเป็นซองๆก็ใช้ได้จ้า คุณ Jeera ป้าก็ดื่มอยู่... ถ้ามีเวลาถึงจะต้มสดๆกินจ้า...
( ท้องจะได้ไม่ผูก ให้ใครๆแซวอีกนา... ) (http://www.skpic.com/images5/cqs1257745916q.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=cqs1257745916q.jpeg) กินข้าวเที่ยงแก้กลุ้มกันเถอะจ้า ... ทองไม่ลงมาให้ซื้อซะที evil.gif หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 11:00:09 PM ไม่มีไรให้แซวเดี๋ยวเค้าขาดใจตายกัน laugh.gif
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 12:35:13 PM ผลเสียของการอดนอน
(http://www.skpic.com/images5/bwy1257916159b.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=bwy1257916159b.jpeg) สำหรับหนุ่มสาว มหาวิทยาลัย และคนวัยทำงาน อาจจะเคยชินกับการทำงานตอนดึก ๆ เพราะรู้สึกว่าช่วงเวลากลางคืนทำให้สมองโลดแล่น เกิดไอเดียบรรเจิด เกิดความคิดลื่นไหลปรู๊ดปร๊าด แต่คุณรู้ไหมว่าการนอนน้อย นอนดึก ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว โดยที่คุณเอง ก็คาดไม่ถึง ทั้งนี้ มีงานวิจัยเชิงทดลองที่ให้อาสาสมัครหนุ่มสาว ได้ทดลองนอนหลับวันละ 4 ชม. เป็นเวลา 6 คืน เมื่อเจาะตัวอย่างเลือดของอาสาสมัคร เหล่านี้พบว่า พวกเขามีปัญหาระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นและควบคุมยาก ซึ่งเกือบจะเป็นเหมือนโรคเบาหวานแล้ว นอนไม่พอ...ทำให้อ้วน การที่คนเราอดนอนมาก ๆ จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นการเจริญเติบโตทางกายภาพ และควบคุม สัดส่วนของไขมันต่อกล้ามเนื้อในร่างกายน้อยลง ทำให้ร่างกายรู้สึกอยากรับประทานอาหารมากขึ้น นอกจากนี้ การนอนไม่เพียงพอนั้น ยังส่งผลต่อฮอร์โมนเลปติน ซึ่งเป็นสารที่สื่อต่อระบบประสาทว่า ควรจะอิ่มได้เร็วหรือช้า เท่าใด ตามความต้องการอาหารของร่างกาย เมื่อระดับเลปตินลดลงจากการนอนน้อย ผู้คนจะรู้สึกอยากอาหารมากขึ้น แม้จะได้กินอาหารจนได้พลังงานเพียงพอแล้วก็ตาม นอนไม่พอ...ทำให้ขาดภูมิต้านทาน ส่วนหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการอดกลับอดนอนนั่นคือ หากสมากชิกในบ้านของคุณหรือตัวคุณเองที่ อดนอนมาก ๆ จะหน้าตาซีดเซียว ไม่มีน้ำมีนวล เจ็บป่วยง่ายขึ้นเมื่อเจอเชื้อโรคเพราะการนอนไม่พอจะส่งผล ต่อเม็ดเลือดขาว และกลไกการตอบสนองภูมิคุ้มกันต่าง ๆ ของร่างกายนั่นเอง นอนไม่พอ...ทำให้เป็นมะเร็ง การนอนไม่พออาจส่งผลร้ายแรงถึงขั้นเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็งที่มีความเกี่ยวข้องกันในเรื่องวงจร การหลั่ง ฮอร์โมนแปรปรวน เนื่องมาจากการอดนอนและ แสงรบกวนในเวลากลางคืน ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการ เป็น มะเร็งเต้านม ฉะนั้น นอกจากเราควรจะนอนให้เพียงพอแล้ว เรายังไม่ควรเปิดไฟนอนอีกด้วย นอนไม่พอ...ทำให้โง่ ศ.เจอร์เกน ซัลเลย์ นักวิจัยพฤติกรรมการนอนหลับ วิทยาลัยแพทย์รีเกนส์เบิร์ก เปิดเผยว่า การอดนอนส่งผลกระทบเลวร้ายต่อร่างกาย จะทำให้ประสิทธิภาพการจดจำลดลง ดังนั้นควรนอนพักผ่อนอย่างน้อยคืนละ 7 ชั่วโมงเพื่อความมีสุขภาพที่ดี อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมีงานวิจัยหรือไม่ คนส่วนใหญ่ย่อมรู้กันดีว่า การที่คนเราอดนอนนั้นทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลงอยู่แล้ว แต่เมื่อมีงานวิจัยออกมายืนยันถึงผลร้ายของการอดนอนแบบนี้ คนที่นอนไม่พอหรือยังบริหารเวลาในชีวิตการทำงานและชีวิตครอบครัวไม่ดี ควรตระหนักและเริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสียตั้งแต่วันนี้ ก่อนจะเกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวของคุณ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 12:38:54 PM มิน่า......................โง่ :'(
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 11:04:30 AM มิน่า......................โง่ :'( โถ... น่ารักมีอารมณ์ขันขนาดนี้.. คุณสามีรักตายเลย... ;) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 11:23:51 AM วิธีคลายเครียดภายใน 5 นาที
posted on 26 Jul 2009 09:46 by health2u in health ... (http://www.skpic.com/images5/bfi1257998384o.jpg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=bfi1257998384o.jpg) นิตยสาร 'Health' ตีพิมพ์เรื่อง "วิธีคลายเครียดในที่ทำงานภายใน 5 นาที" ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ [ Health ] อ.ดร.แคตลีน ฮอลล์ ผู้อำนวยการสถาบันความเครียด (Stress Institute) มีคำแนะนำดังต่อไปนี้ (1). เบรคเสียบ้าง ถ้ารู้สึกเครียด นั่งนานเกิน 1-2 ชั่วโมง หรือรู้สึกปวดเมื่อย... น่าจะลองฟังเพลงดู (ถ้าทำได้), การฮัมเพลง หรือร้องเพลงเบาๆ ช่วยคลายเครียดได้ดี หรือถ้าไม่ชอบเพลง... ลองสวดมนต์สั้นดูน่าจะช่วยได้เช่นกัน การลุกขึ้นยืนดูรูปภาพบางอย่าง เช่น รูปเจ้าตัวน้อย รูปน้องที่บ้าน (น้องหมา น้องปลา น้องแมว ฯลฯ) ฯลฯ แล้วหอมลงไปที่รูปเบาๆ แบบนี้ช่วยได้เช่นกัน ฝึกหายใจช้าๆ (ไม่เกิน 10 ครั้ง/นาที) เป็นประจำ ควรทำจนชำนาญ เพราะจะช่วยคลายเครียดได้เร็ว การหาน้ำหอมเบาๆ... หยดลงไปแล้ว ยืนขึ้น สูดหายใจเข้าลึกๆ ค้างไว้ นับ 1-4 ช้าๆ แล้วหายใจออกก็ช่วยได้ คนเรามีวิธีเบรคหรือพักระหว่างการทำงานไม่เหมือนกัน ทว่า... ควรระวังอย่าไปรบกวนคนอื่น และดูด้วยว่า ที่ทำงานอนุญาตให้ทำหรือไม่ด้วยเสมอ วิธีที่ทำได้สำหรับคนทั่วไป คือ ลุกขึ้นเดิน หายใจช้าๆ ลึกๆ เดินขึ้นลงบันได 1 ชั้น เข้าห้องน้ำ ล้างก๊อก-ล้างมือด้วยสบู่ ดื่มน้ำ แล้วกลับมาทำงานต่อ (2). หาเรื่องขำขัน คุยหรืออ่านเรื่องโจ๊ก ขำขันสักเรื่อง (3). คุยกัน พูดคุยหรือส่ง e-mail สั้นๆ สัก 2-3 ประโยคถึงกับเพื่อนหรือคนที่รู้ใจ... ความสัมพันธ์ดีๆ มักจะช่วยคลายเครียดได้ (4). รีดเอนดอร์ฟินส์ เอนดอร์ฟินส์ (endorphins) เป็นกลุ่มสารความสุขที่หลั่งออกมาเมื่อคนเราออกแรง-ออกกำลัง หรือทำสมาธิ ลุกขึ้นเดินเร็วๆ ขึ้นลงบันได 1 ชั้น หรือไม่ก็ทำท่ายืดเส้นยืดสายเบาๆ... ท่าที่ดีมาก คือ กำมือ-แบมือแรงๆ แล้วทำแบบนี้กับนิ้วเท้าแรงๆ 2-3 ครั้ง หรือไม่ก็ล้างก๊อก-ล้างมือด้วยสบู่ ใช้มือนวดมืออีกข้างหนึ่งแรงๆ พอมืออุ่นแล้ว รีบใช้มือที่อุ่นวางแนบใบหู คลึงใบหูเป็นรูปวงกลมจนใบหูอุ่นขึ้นเล็กน้อย (5). เขียนอะไรลงไป ถ้ามีเวลาสักครู่... การเขียน บันทึก วาดแผนที่ หรือวาดภาพอะไรช่วยคลายเครียดได้ กลไกที่เป็นไปได้ คือ การเขียนดึงความสนใจออกไปจากเรื่องที่เครียด ทำให้การคิดวนซ้ำซาก หรือหมกมุ่นกับที่เครียดหยุดลง เปรียบคล้ายการหยุด "พายเรือในอ่าง" สักครู่หนึ่ง (6). งีบสั้นๆ อ.ดร.วิลเลียม แอนโตนี มหาวิทยาลัยบอสตัน แนะนำว่า การนอนช่วงสั้นๆ (5-10 นาที) ช่วยลดเสี่ยงโรคหัวใจ ทำให้ประสิทธิผล ความตื่นตัว และสมาธิในการทำงานเพิ่มขึ้น (7). เปลี่ยนเรื่องคิด เล่นเกมส์ หรือทำอะไรสนุกๆ ในเวลาสั้นๆ เพื่อให้ใจออกไปจากเรื่องที่เครียดสักครู่ แต่ต้องระวังเล่นเพลิน (8). ชาสักถ้วย ชาแบบไหนก็ได้สักถ้วย ตามด้วยการเดินไปเดินมา ขึ้นลงบันได 1 ชั้น ช่วยเพิ่มการเผาผลาญกำลังงาน ลดเสี่ยงอ้วนด้วย ช่วยป้องกันโรคและพิษภัยสารพัดได้ด้วย ... ถึงตรงนี้... ขอให้พวกเรามีสุขภาพดีไปนานๆ ครับ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 01:55:14 PM มิน่า......................โง่ :'( โถ... น่ารักมีอารมณ์ขันขนาดนี้.. คุณสามีรักตายเลย... ;) เมื่อวานไปฉลองครบรอบแต่งงานมาค่ะ เก็บภาพอาหารมาให้ทานด้วยค่ะ ;D http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735 (http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 02:36:18 PM มิน่า......................โง่ :'( โถ... น่ารักมีอารมณ์ขันขนาดนี้.. คุณสามีรักตายเลย... ;) เมื่อวานไปฉลองครบรอบแต่งงานมาค่ะ เก็บภาพอาหารมาให้ทานด้วยค่ะ ;D [url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url] ([url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url]) ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.......... จริง ..!! ไม่ใช่อะไรจ้า บังเอิญขนาดนั้น คุณ Jeera แต่ง 11 พ.ย หรือ 10 พ.ย จ้ะ?? เพราะป้าก็เพิ่งฉลอง ครบรอบแต่งกะลุงไปเมื่อ 10 พ.ย นี่เองจ้ะ... ;) กินปลาดิบกัน... (อาหารคนแก่...) แล้วดูหนังกัน 1เรื่อง.... อย่าบอกว่าเราแต่งวันเดียวกันเป๊ะ.. . นะจ้ะ... 555........ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 03:12:53 PM สวัสดีครับป้า NN แปลกจังเลยทำไมคนแต่งงานเดือนนี้กันเยอะจัง ของผมก็ปลายเดือนครับวันที่ 29 (http://smilies.exteen.com/images/yoyo/22.gif)(http://smilies.exteen.com/images/yoyo/22.gif)(http://smilies.exteen.com/images/yoyo/22.gif)
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 03:39:31 PM มิน่า......................โง่ :'( โถ... น่ารักมีอารมณ์ขันขนาดนี้.. คุณสามีรักตายเลย... ;) เมื่อวานไปฉลองครบรอบแต่งงานมาค่ะ เก็บภาพอาหารมาให้ทานด้วยค่ะ ;D [url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url] ([url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url]) ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.......... จริง ..!! ไม่ใช่อะไรจ้า บังเอิญขนาดนั้น คุณ Jeera แต่ง 11 พ.ย หรือ 10 พ.ย จ้ะ?? เพราะป้าก็เพิ่งฉลอง ครบรอบแต่งกะลุงไปเมื่อ 10 พ.ย นี่เองจ้ะ... ;) กินปลาดิบกัน... (อาหารคนแก่...) แล้วดูหนังกัน 1เรื่อง.... อย่าบอกว่าเราแต่งวันเดียวกันเป๊ะ.. . นะจ้ะ... 555........ 11 พ.ย. ค่ะ แต่ 10 พ.ย. ก็ไปทานปลาดิบมาเหมือนกัน ;D หนูเพิ่งสองปี ของป้ากี่ปีแล้วคะ :-\ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 01:03:43 PM ขอแสดงความเสียใจกับ คุณสิทธินันท์ ด้วยครับ สมาชิกท่านใดรู้จักคุณสิทธินันท์ ก็ไปช่วยกันให้กําลังใจกันนะครับ ยังติดต่อคุณนันท์ไม่ได้ค่ะ คุณพอล ไม่ทราบว่ามีงานกี่วันแล้ว คิดว่าจะไปงานคืนวันพรุ่งนี้ ถ้ายังทันนะคะ รบกวนขอนอกเรื่องทอง ใช้ห้องคุณพอลนะคะ มะคืนเริ่มสวดคืนแรกค่ะ สวดถึงวันพุธ วันพฤหัสเผาน่ะค่ะ ป๋านันท์ฝากขอบคุณทุกท่านมาด้วยค่ะ ทั้งที่เป็นกำลังใจก่อนสูญเสียลูกสาว และที่ฝากแสดงความเสียใจกันมา อยากบอกว่า ณ เวลานี้ ป๋านั่นท์ไม่เหลือความสนุกสนานเฮฮาให้ได้เห็นเลย มีแต่น้ำตาที่คอยไหลออกมาเป็นระยะๆ คงต้องอาศัยระยะเวลาอีกนานนนนนนน ขอบคุณอีกครั้งค่ะ สวัสดีค่ะ .... พูดไม่ออกเหมือนกัน กับข่าวคุณนันท์นี่สูญเสียลูกสาวไป ... คุณนันท์นี่ นี่ป้า NN นะคะ ป้าขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่ง และขอไว้อาลัยกับครอบครัวคุณนันท์นี่ด้วยค่ะ .... ... เราไม่เคยลืมคุณนันท์นี่เลย... ตั้งแต่ปีแรกๆที่ได้คุยกัน ไม่มีใครเหมือนคุณนันท์นี่เลย ทุกคนทราบดี... ... คงไม่มีคำพูดใดๆ จะสามารถไปชดเชยความรักที่ยิ่งใหญ่ของ พ่อ ที่มีต่อ ลูก ได้ .... ... ไม่ว่าจะยังไง ตอนนี้อยากขอให้คุณนนท์นี่คิดไว้อย่างนึงว่า "น้องอิง"เอง... ก็ได้รับความรู้สึกสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ครั้งนี้เช่นกัน ... กรุณานึกถึงแก ... ให้กำลังใจแก... พาแกผ่านช่วงชีวิตนี้ไปให้ดีที่สุด... ขอให้คุณนันท์นี่ มี "น้องอิง" เป็นกำลังใจที่สำคัญที่สุด และก้าวผ่านเรื่องครั้งนี้ได้ด้วยจิตใจที่เข้มแข็งที่สุดด้วยกันนะคะ ... ... ไม่ว่า พี่เอิง จะอยู่ที่ไหน แกจะมองเห็นทั้ง "พ่อและน้องสาว" ที่รักของแก..อย่างสงบสุขค่ะ ... ([url]http://www.skpic.com/images5/klz1258345019v.jpeg[/url]) ([url]http://www.skpic.com/viewer5.php?id=klz1258345019v.jpeg[/url]) ขอบคุณ ป้านัท ป้าแสด คุณมี้ คุณMN ที่ช่วยแจ้งข่าวนี้ด้วยค่ะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 01:33:03 PM ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 08:03:44 PM เล่าเรื่อง...ดี ๆ
(http://www.skpic.com/images5/klz1258461674h.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=klz1258461674h.jpeg) จากสถิติพบว่าจำนวน ของ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว (single dad) ในบ้านเรา เมื่อปี 2549 มี ประมาณ 1000 คน (อ้างอิงจากบทความในหนังสือ ชีวจิต ฉบับที่ 196) อยู่ใน กรุงเทพฯ ประมาณ 600 คน อยู่ต่างจังหวัด อีกประมาณ 400 คน และจะมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มาฟัง...ตัวอย่างเรื่องราวของ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว (Single dad) ซัก 2-3 ท่าน Share ประสบการณ์กันบ้างนะคะ.... คุณภรัญ ปักษานนท์ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 41 ปี ของน้องจูโน่ เล่าว่า ?การเลี้ยงดูลูกจะให้อิสระเต็มที่ ผมยึดถือแนวของไอน์สไตน์ที่ว่า ความรู้ไม่สำคัญเท่ากับจินตนาการ เพราะความรู้เป็นสิ่งที่ตามทันกันได้ แต่จินตนาการเมื่อมีแล้วสามารถสร้างสิ่งใหม่ๆให้กับโลกได้... ผมต้องการให้ลูกมีจินตนาการ บางเรื่องที่ผมคิดว่า ผมทำดีแล้ว ถ้าเขามีวิธีที่ดีกว่า ผมยอมรับเขาเลย ที่สำคัญที่สุด ทำให้เขาได้ใช้ความคิดอย่างอิสระเท่าที่สามารถจะทำได้? แม้จูโน่จะมีอิสระทางความคิดและจินตนาการอย่างไร้ขอบเขต แต่ก็อยู่ในกรอบของจริยธรรมและมารยาทอันดีงามของสังคม ด้วยการอบรมสั่งสอนจากโรงเรียนอีกด้วย ด้วยภาวะที่ต้องเป็นทั้งพ่อและแม่ เป็นทั้งคนทำงาน เวลาเป็นเรื่องที่สำคัญมาก.... คุณภรัญ ให้เคล็ดลับมาว่า... ?ตอนอยู่ในรถบนท้องถนนถือเป็นช่วงเวลาทองอีกช่วงหนึ่งสำหรับพ่อแม่ และตอนก่อนนอน ทั้งเราและลูกจะผ่อนคลายมาก..? ฟังจาก คุณศุภชัย ศุขโรจน์ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 37 ปี ของน้องนิว ?ผมคิดว่าการเป็น Single Dad เป็นโอกาสที่ทำให้ผมได้รู้มากกว่าคนอื่นอีก 1 วิชา คือวิชาที่เป็นทั้งพ่อและแม่ ผมคิดในแง่บวกว่าตัวเองโชคดี เพราะจริงๆ แล้วผลเสียมันก็มี แต่ไม่มีใครสมบูรณ์ 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเจออุปสรรคก็ต้องแก้ไขกันไป? คุณศุภชัย ให้เคล็ดลับมาว่า... ?ถ้ามีรัก เข้าใจ ยอมรับในตัวลูกของเรา ให้การสนับสนุนในสิ่งที่เขาเป็น ถ้าเรามองได้อย่างนี้ก็จะสามารถปรับตัวเข้ากับลูกได้ดีครับ? ผศ.แสวง สาระสิทธิ์ คุณพ่อเลี้ยงเดี่ยววัย 62 ปี ของลูกๆ 3 คน อาจารย์เล่าถึงวิธีการที่แยบยลของอาจารย์ว่า ?การสอนลูกต้องอยู่บนพื้นฐานของความรักและเมตตา คอยแนะนำให้ความช่วยเหลือ เมื่อลูกประสบความสำเร็จก็แสดงความยินดี แต่เมื่อลูกมีข้อผิดพลาดก็ต้องให้กำลังใจ และบางครั้งก็ต้องรู้จักวางเฉยเพื่อให้ลูกรู้จักแก้ไขปัญหาเอง ผมคิดว่าภารกิจการอบรมสั่งสอนลูกเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ทุกคน? http://gotoknow.org/blog/goodee/96620 (http://gotoknow.org/blog/goodee/96620) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: ~ uma ~ ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 09:11:59 AM แวะมาอ่านเรื่องดีๆค่ะ :)
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: richyrichy ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 06:33:17 PM มิน่า......................โง่ :'( โถ... น่ารักมีอารมณ์ขันขนาดนี้.. คุณสามีรักตายเลย... ;) เมื่อวานไปฉลองครบรอบแต่งงานมาค่ะ เก็บภาพอาหารมาให้ทานด้วยค่ะ ;D [url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url] ([url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url]) ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.......... จริง ..!! ไม่ใช่อะไรจ้า บังเอิญขนาดนั้น คุณ Jeera แต่ง 11 พ.ย หรือ 10 พ.ย จ้ะ?? เพราะป้าก็เพิ่งฉลอง ครบรอบแต่งกะลุงไปเมื่อ 10 พ.ย นี่เองจ้ะ... ;) กินปลาดิบกัน... (อาหารคนแก่...) แล้วดูหนังกัน 1เรื่อง.... อย่าบอกว่าเราแต่งวันเดียวกันเป๊ะ.. . นะจ้ะ... 555........ ของ richy ก็แต่งวันนี้เลยค่ะ โห พวกเรานี่ถือเป็นพวกมีความสุขหมู่ได้เหมือนกันนะคะ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 09:27:57 PM มิน่า......................โง่ :'( โถ... น่ารักมีอารมณ์ขันขนาดนี้.. คุณสามีรักตายเลย... ;) เมื่อวานไปฉลองครบรอบแต่งงานมาค่ะ เก็บภาพอาหารมาให้ทานด้วยค่ะ ;D [url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url] ([url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=164.735[/url]) ตายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย.......... จริง ..!! ไม่ใช่อะไรจ้า บังเอิญขนาดนั้น คุณ Jeera แต่ง 11 พ.ย หรือ 10 พ.ย จ้ะ?? เพราะป้าก็เพิ่งฉลอง ครบรอบแต่งกะลุงไปเมื่อ 10 พ.ย นี่เองจ้ะ... ;) กินปลาดิบกัน... (อาหารคนแก่...) แล้วดูหนังกัน 1เรื่อง.... อย่าบอกว่าเราแต่งวันเดียวกันเป๊ะ.. . นะจ้ะ... 555........ ของ richy ก็แต่งวันนี้เลยค่ะ โห พวกเรานี่ถือเป็นพวกมีความสุขหมู่ได้เหมือนกันนะคะ 21 พ.ย. เหรอคะ ยินดีด้วยนะคะ ^-^ กี่ปีแล้วคะเนี่ย หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤศจิกายน 30, 2009, 02:26:16 PM สำหรับผมแล้วถ้าทิ้งออกตรงไหนแล้วผมคาดว่ามันยังคงอยู่ในขาขึ้นแล้วล่ะก็ผมจะพยายามซื้อกลับให้ได้ใน spot ที่ต่ำกว่าเดิมสัก 13 เหรียญ เช่นทิ้งที่ 1070$ ก็ต้องคาดเดาดูว่าสามารถซื้อกลับได้ที่ 1057$ หรือไม่ ถ้าคิดว่าคงไม่สามารถซื้อกลับได้ผมจะไม่ทิ้งเพราะไม่คุ้มส่วนต่างและค่าเสียสมองครับ จุดบริเวณนี้ยังไม่แน่ว่าคืนนี้จะร่วงนะครับ มองอีกมุมนึงก็สามารถขึ้นต่อเป็นคลื่นอีกลูกนึงได้เหมือนกัน มาลองดูข้อมูลการดันเข้าดึงออกในระยะหลังของกองทุน SPDR กันครับ 104X$ เข้า 4.88 Ton 109X$ เข้า 6.10 Ton 111X$ ดึงออก 0.61 Ton 113X$ เข้า 3.66 Ton 114X$ เข้า 3.96 Ton 116X$ เข้า 0.91 Ton 117X$ เข้า 5.49 Ton ยังมีอินเดียเข้าอีก 200 Ton ที่ 104X$ ที่เหลือของมอริเชียสกับศรีลังการวมกันอีก 12 Ton ที่ spot เท่าไหร่จำไม่ได้ครับ การจะปรับฐานย่อมๆเพื่อลงไปที่ระยะ 111X$ ได้นั้นผมว่าต้องได้รับการสมยอมเทขายจากกองทุนนี้เสียก่อนจึงจะเป็นไปได้ ดีไม่ดีวันนี้อาจลงไปลึกไม่สำเร็จแล้วโดนมันซื้ออีกด้วยซ้ำ สุดท้ายจะถามร้อยเซียนหรือพันกูรูมิสู้ถามใจตัวเองว่า 1. กองทุนที่ซื้อตอน 116X$ กับ 117X$ จะยอมขายต่ำกว่า 116X$ หรือไม่? และ 2. ตกลงราคาทองตอนนี้ตั้ง 18450 แน่ะ หรือว่า ราคาทองตอนนี้แค่ 18450 เอง กันแน่ ส่วนตัวคาดว่าคงได้คำตอบไม่เกิน 2 วันทำการครับ ลองหาคำตอบดูกันเอาเองนะครับ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ธันวาคม 03, 2009, 10:33:04 AM (http://www.skpic.com/images5/opt1259809852z.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=opt1259809852z.jpeg) วิธีถนอมดวงตา น่าสนใจดีโดยเฉพาะผู้ที่ต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ทุกวันหรือ ใช้ปาล์มบ่อยๆ วิธีนี้คิดค้นขึ้นโดยจักษุแพทย์ชาวอเมริกันชื่อว่า นายแพทย์ วิลเลียม เอช. เบตส์ (ค.ศ. 1860-1931) วันหนึ่งนายแพทย์เบตส์กลับจากทำงานด้วยดวงตาอันอ่อนล้า เขานั่งลงที่โต๊ะทำงานในห้องที่ยังไม่ได้เปิดไฟ วางข้อศอกทั้งสองข้างลงบนโต๊ะ โค้งอุ้งมือทั้งสองวางครอบดวงตาของตน หลับตาพักผ่อนในท่านั้นอยู่สิบนาที พอลืมตาขึ้นอีกครั้งหนึ่งเขารู้สึกว่าอาการปวดเมื่อยดวงตาหายไป แถมมองเห็นสิ่งต่างๆ ในห้องชัดเจนขึ้นกว่าเก่าอีกด้วย จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวนายแพทย์เบตส์ได้ค้นคิดวิธีการฝึกสายตาอย่างธรรมชาติ เพื่อพักผ่อนกล้ามเนื้อตาและช่วยรักษาสายตาให้ดีขึ้น นายแพทย์เบตส์เขียนหนังสือชื่อ Perfect Sight without Glasses เป็นที่นิยมแพร่หลาย แม้ภายหลังเขาเสียชีวิต แต่วิธีการของนายแพทย์เบตส์ยังได้รับการเผยแพร่โดยแพทย์ทั้งหลาย ทั่วยุโรปและอเมริกา "วิธีของเบตส์" มี 7 ท่าด้วยกัน ท่าที่ 1 ครอบดวงตา โค้งอุ้งมือทั้งสองครอบดวงตาไว้เฉย ๆ ระวังอย่าให้อุ้งมือกดทับดวงตา นึกถึงบรรยากาศที่ผ่อนคลาย เช่น วันพักผ่อนสุดสัปดาห์ตามป่าเขาหรือชายทะเล อยู่ในท่านี้สัก 10 นาที ท่าที่ 2 สร้างจินตภาพ ต่อจากท่าที่ 1 ยังคงครอบดวงตาอยู่ สร้างจินตภาพว่าตนเองกำลังมองวัตถุบางอย่างที่มีสีสันสดใส มีรายละเอียดต่างๆ ที่ชัดเจน เช่น มองเห็นดอกเบญจมาศสีเหลืองสวย เห็นกลีบดอกแต่ละกลีบละเอียดชัดเจน สายตาที่คมชัดจากจินตนาการของเราเองจะช่วยเยียวยาสายตาจริงๆ ของเราได้เป็นอย่างดี ท่าที่ 3 กวาดสายตา มองแบบไม่ต้องจ้อง (คนสายตาสั้นมักจ้องและเขม้นตา) กวาดสายตาไปตามวัตถุที่อยู่ไกล ๆ ทางโน้นบ้างทางนี้บ้าง ทำให้ตาของเราได้ผ่อนคลาย ท่าที่ 4 กะพริบตา ฝึกนิสัยให้กะพริบตา 1-2 ครั้ง ทุก ๆ 10 วินาที ช่วยให้แก้วตาสะอาดและมีน้ำหล่อเลี้ยง โดยเฉพาะคนที่สวมแว่นหรือคอนแท็กต์เลนส์ยิ่งจำเป็น ท่าที่ 5 โฟกัสภาพใกล้และไกล เหยียดแขนซ้ายไปให้ไกลที่สุด ตั้งนิ้วชี้มือซ้ายขึ้นเพื่อเป็นจุดโฟกัส ขณะเดียวกัน ตั้งนิ้วชี้มือขวาให้ห่างจากใบหน้าสัก 3 นิ้ว (7.5 ซม.) โฟกัสภาพที่แต่ละนิ้วสลับกันไปมา ทำบ่อยๆ เมื่อโอกาสอำนวย ท่าที่ 6 ชโลมดวงตา ตื่นนอนทุกเช้าใช้มือวักน้ำชโลมดวงตาด้วยน้ำอุ่น สัก 20 ครั้ง สลับกับการวักน้ำเย็นชโลมดวงตาอีก 20 ครั้ง ทั้งนี้เพื่อช่วยให้เลือดหมุนเวียนมาเลี้ยงดวงตาดีขึ้น การจบด้วยน้ำเย็น ทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตากระชับไม่หย่อนยาน ก่อนเข้านอนให้วักน้ำชโลมดวงตาอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ชโลมด้วยน้ำเย็นก่อนแล้วตามด้วยน้ำอุ่น จะทำให้กล้ามเนื้อตาและหนังตาได้ผ่อนคลาย ก่อนเข้านอน ท่าที่ 7 แกว่งตัวยืนแยกเท้าเท่ากับช่วงไหล่ แกว่งตัวไปมาจากซ้ายไปขวา ถ่ายน้ำหนักตัวบนขาแต่ละข้างสลับไปมา สายตามองไปไกลๆ แต่ไม่ต้องจ้อง ปล่อยให้จุดที่เรามองแกว่งไปมาซ้ายขวาตามการแกว่งตัว ท่านี้จะทำให้ดวงตาได้พักและมีการปรับตัวดีขึ้น ทำบ่อย ๆ เมื่อมีโอกาส เปิดเพลงคลอไปด้วยก็ได้ "วิธีของเบตส์" ได้รับการยืนยันจากจักษุแพทย์จำนวนมากว่าเป็นการฝึกดวงตา ที่เป็นระบบช่วยรักษาสายตาคนไข้ได้เป็นจำนวนมาก... หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: cupid ที่ ธันวาคม 03, 2009, 08:31:13 PM (http://www.skpic.com/images5/opt1259809852z.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=opt1259809852z.jpeg) :o :o :o คุณป้าดั๊บเบิ้ลเอ็นสวยจังเยย จัยดีด้วย ขอบคุณสำหรับข้อมูล เอสพีดีอาร์ ฮะจะได้รู้เขาบ้าง มัวรู้แต่เราจะตามเขาไม่ทันจิงไหมฮะ ;) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ธันวาคม 21, 2009, 11:42:21 AM วันออกกำลังกาย ...
แอโรบิค 1 ชม.เสร็จ ... หิวมาก หม่ำข้าวมันไก่ไป 1 จาน... Sit up อีก 50 ที ... ตามด้วยส้มตำกุ้งสดอีก 1 ถ้วย... (กินแต่หัวกุ้งด้วย ...) ประเดี๋ยวกะว่าจะไปปั่นจักรยานรอบหมู่บ้าน... สามีบอกพอเถอะจ้ะ ! กลัวเธอจะผ่าน ร้านข้าวขาหมู... อุ่ย ... (http://www.skpic.com/images5/viu1261369333w.jpg) (http://www.skpic.com/viewer5.php?id=viu1261369333w.jpg) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ธันวาคม 21, 2009, 12:13:48 PM สวัสดีค่ะป้า NN :)
ไม่ได้คุยกันนานสบายดีรึเปล่าคะ เวลาออกกำลังกาย........อย่าลืมออกเผื่อหนูด้วยนะ ^-^ แล้วหนูจะกินเผื่อ หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ ธันวาคม 21, 2009, 12:24:41 PM สวัสดีค่ะป้า NN :) ไม่ได้คุยกันนานสบายดีรึเปล่าคะ เวลาออกกำลังกาย........อย่าลืมออกเผื่อหนูด้วยนะ ^-^ แล้วหนูจะกินเผื่อ ช้าย..ย... ด้ายเลยค่ะ ... หนู Jeera ขา ว่าแต่เหตุการณ์เนี๊ยะ ... วันออกกำลังกาย ... แอโรบิค 1 ชม.เสร็จ ... หิวมาก หม่ำข้าวมันไก่ไป 1 จาน... Sit up อีก 50 ที ... ตามด้วยส้มตำกุ้งสดอีก 1 ถ้วย... (กินแต่หัวกุ้งด้วย ...) ประเดี๋ยวกะว่าจะไปปั่นจักรยานรอบหมู่บ้าน... สามีบอกพอเถอะจ้ะ ! กลัวเธอจะผ่าน ร้านข้าวขาหมู... อุ่ย ... ([url]http://www.skpic.com/images5/viu1261369333w.jpg[/url]) ([url]http://www.skpic.com/viewer5.php?id=viu1261369333w.jpg[/url]) มันเป็นเรื่องจริงประจำสม่ำเสมอของบ้านป้าจริงๆ ทำไมมันยิ่งออกกำลังกาย ยิ่งเอนจอย อีตติ้ง ขนาดนี้หนอ ... ทำงายดี ทำงายดี .... หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ ธันวาคม 21, 2009, 02:07:22 PM ป้ายังดีนะคะ มีออกกำลังกาย
หนูสิ...ไม่ออก...แต่ดันเจริญอาหารซะเหลือเกิน :'( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ ธันวาคม 25, 2009, 01:14:27 PM ป้ายังดีนะคะ มีออกกำลังกาย :D :Dอะไรไม่ออกครับคุณจี Merry Christmas ครับคุณป้า NN ^-^ ^-^ ^-^หนูสิ...ไม่ออก...แต่ดันเจริญอาหารซะเหลือเกิน :'( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ มกราคม 07, 2010, 03:22:00 PM ป้ายังดีนะคะ มีออกกำลังกาย :D :Dอะไรไม่ออกครับคุณจี Merry Christmas ครับคุณป้า NN ^-^ ^-^ ^-^หนูสิ...ไม่ออก...แต่ดันเจริญอาหารซะเหลือเกิน :'( ออกกำลังกายค่ะ คุณธีร์คิดอาราย >:( ป้า NN หายไปไหนคะ ??? หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: cupid ที่ มีนาคม 01, 2010, 09:53:29 AM *ellow_yellow_christmas_editio ป้าเอ็นเอ็น หายไป ??? Smiley/Angry.gif
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ มีนาคม 04, 2010, 03:56:46 PM ป้า NN หายไปไหนคะ
ส่งข่าวหน่อยนะคะ :( หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ มีนาคม 16, 2010, 02:48:58 PM อยู่ค่า... คุณ Jeera ป้ายังแวะมาอ่านอยู่เรื่อยค่า ...
ขอโทษทีที่ไม่ค่อยได้แวะโพส ช่วงนี้ กำลังเที่ยวทั่วไทย แข่งกับอากาศร้อนๆค่า (http://www.skpic.com/thumbs6/cqs1268723623a.jpeg) (http://www.skpic.com/viewer6.php?id=cqs1268723623a.jpeg) คิดถึง คุณ Jeera และอีกหลายๆท่านจ้า .... หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ มีนาคม 16, 2010, 03:22:32 PM เห็นหายหน้าหายตาไป เป็นห่วงค่ะ ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ^-^
ชอบเที่ยวเหรอคะ ป้าเที่ยวที่ไหนบ้าง หนูก็เพิ่งเที่ยวมาค่ะ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 8) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ มีนาคม 16, 2010, 03:34:40 PM (http://www.uppic.net/ti/1img_8901.jpg) (http://www.uppic.net/show/559035074416a9745c6bea128ab1c899)
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ มีนาคม 16, 2010, 09:59:54 PM ([url]http://www.uppic.net/ti/1img_8901.jpg[/url]) ([url]http://www.uppic.net/show/559035074416a9745c6bea128ab1c899[/url]) ไปเที่ยวที่วัดนี้มาเหรอคุณจี :oหัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ มีนาคม 17, 2010, 09:05:38 AM แวะขากลับน่ะค่ะคุณธีร์ 8)
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: nokeang ที่ มิถุนายน 12, 2010, 09:47:41 AM (http://www.lymphoma.org/atf/cf/%7B0363CDD6-51B5-427B-BE48-E6AF871ACEC9%7D/The%20Immune%20system%20450.jpg) ในระยะแรกมักจะไม่ปรากฏอาการ ต่อมาเมื่อเป็นมากขึ้น (อาจนานเป็นเดือน เป็นปี) จะมีอาการทั่วไป (พบร่วมกันในมะเร็งทุกชนิด) คือ อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว อาจมีไข้ เรื้อรัง ท้องอืดเฟ้อ คลื่นไส้อาเจียน ซีด เป็นลม ใจหวิว คล้ายหิวข้าวบ่อย ส่วนอาการเฉพาะของแต่ละโรค (ซึ่งมักเกิดขึ้นก่อนจะมีอาการทั่วไป) เกิดจากก้อนมะเร็งไปกดเบียดหรือทำลายอวัยวะที่เป็น พอจะสรุปได้ดังนี้ 1. มะเร็งผิวหนัง ส่วนมากจะเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของไฝ ปาน หรือ จุดตกกระในคนแก่ โดยมีอาการคันแตกเป็นแผล เรื้อรังไม่ยอมหาย โดยไม่มีอาการเจ็บปวด ต่อมาแผลโตขึ้นเร็ว และมีเลือดออก มีสาเหตุสัมพันธ์กับการถูกแสงแดด (แสงอัลตราไวโอเลต) การกินยาที่เข้า สารหนู หรือน้ำมันดินที่มีผสมอยู่ในยาจีนยาไทย การสัมผัสถูกสารหนู หรือน้ำมันดิน การระคายเรื้อรังต่อไฝ ปานหรือหูดที่มีอยู่ก่อน 2. มะเร็งในช่องปาก จะมีก้อนหรือแผลเรื้อรังเกิดขึ้นที่ริมฝีปาก เยื่อบุช่องปาก ลิ้น โดยเริ่มจากฝ้าขาวๆ ที่เรียกว่า ลิวโคพลาเคีย (Leukoplakia) มีสาเหตุสัมพันธ์กับการระคายเรื้อรัง เช่น กินหมาก จุกยาฉุน ฟันเกหรือใส่ฟันปลอมไม่กระชับ ดื่มเหล้าเข้มข้น (ไม่ผสมเจือจาง) สูบบุหรี่ 3. มะเร็งที่จมูกและโพรงหลังจมูก มีอาการเลือดออกทางจมูก หน้าชา คัดจมูก ปวดศีรษะ ต่อมาอาจมีเลือดปนน้ำเหลืองออกทางจมูก หูอื้อ กลืนไม่ได้ ตาเข ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต มะเร็งที่โพรงหลังจมูก มีสาเหตุสัมพันธ์กับการดื่มเหล้าเข้มข้น สูบบุหรี่ การติดเชื้อไวรัสอีบีวี (EBV) 4. มะเร็งที่กล่องเสียง มีอาการเสียงแหบเรื้อรังและอาจมีอาการเจ็บคอ เวลากลืนเหมือนมีก้างติดคอต่อมามีเลือดออกปนกับเสมหะ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการดื่มเหล้าเข้มข้น การสูบบุหรี่จัด การติดเชื้อไวรัสเอชพีวี 5. มะเร็งปอด มีอาการไอเรื้อรัง น้ำหนักลด ไอออกเป็นเลือดปนเสมหะ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ การสูดควันดำจากท่อไอเสียรถ เขม่าจากโรงงาน สารใยหิน (asbestos) หรือฝุ่นนิกเกิล 6. มะเร็งหลอดอาหาร เริ่มแรกอาจรู้สึกเจ็บเวลากลืนอาหาร ต่อมากลืนข้าวสวยไม่ได้ ต่อมากลืนข้าวต้มไม่ได้ จนในที่สุดกลืนได้แต่ของน้ำๆ หรือ กลืนอะไรก็ไม่ลงเลย พบมากในผู้ชาย มีสาเหตุสัมพันธ์กับการกินอาหาร และดื่มของร้อนๆ (เช่น น้ำชาร้อน ๆ), การดื่มเหล้าเข้มข้น, การสูบบุหรี่, ภาวะขาดวิตามินเอ เป็นต้น 7. มะเร็งกระเพาะอาหาร มีอาการท้องอืด แน่นท้องอยู่เรื่อย เบื่ออาหาร ต่อมาอาจมีอาเจียน คลำก้อนได้ที่ใต้ชายโครงซ้าย น้ำหนักลด ซีด อาเจียนเป็นเลือด ถ่ายดำ มีสาเหตุสัมพันธ์กับการเป็นโรคกระเพาะอาหารอักเสบ จากเชื้อเอชไพโลไร (H. pylori) แบบเรื้อรัง, การกินอาหารที่มีสารไนเทรตหรือไนโตรซามีน, อาหารเค็มหรืออาหารหมักเกลือ, อาหารประเภทรมควัน, กรรมพันธุ์, การมีประวัติการผ่าตัดกระเพาะอาหาร เป็นต้น 8. มะเร็งตับอ่อน เริ่มแรกอาจมีอาการท้องอืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย ต่อมามีอาการปวดท้อง และปวดหลังดีซ่าน ถ่ายอุจจาระสีซีดขาว เบื่ออาหาร น้ำหนักลด มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ สารไนโตรซามีนสารไฮโดรคาร์บอน การกินอาหารพวกไขมันและโปรตีนสูง และอาจมีสัมพันธ์กับกรรมพันธุ์ 9. มะเร็งลำไส้เล็ก มักมีอาการปวดท้อง ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด หรือถ่ายดำ น้ำหนักลด เป็นไข้ หรือมีภาวะลำไส้อุดตัน (ปวดท้องรุนแรง อาเจียน) บางรายอาจมีอาการดีซ่าน ถ่ายอุจจาระสีซีด ขาว อาจคลำได้ก้อนในช่องท้อง อาจมีสาเหตุสัมพันธ์กับการเป็นลำไส้เล็กอักเสบเรื้อร ัง 10. มะเร็งลำไส้ใหญ่ มีอาการท้องผูกสลับกับท้องเดินแบบเรื้อรัง หรือถ่ายเป็นเลือด หรือมูกปนเลือดเรื้อรัง ปวดท้อง ปวดหลัง ซีด น้ำหนักลด มีปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคนี้ เช่น ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูง, การกินอาหารที่มีกากใยน้อย แต่กินพวกไขมันมาก, ประวัติการเป็นมะเร็งในญาติพี่น้อง เป็นต้น 11. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะมีต่อมน้ำเหลืองโตเป็นก้อนที่บริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ อาจมีไข้เรื้อรัง มีสาเหตุสัมพันธ์กับการติดเชื้อไวรัส เอชทีแอลวี-1, เชื้ออีบีวี, เอดส์, การได้รับยาเคมีบำบัด หรือรังสีบำบัดมาก่อน เป็นต้น 12. มะเร็งเต้านม คลำได้ก้อนที่เต้านม หัวนมบุ๋ม (เดิมเป็นปกติ เพิ่งมาบุ๋มตอนหลัง) หรือมีน้ำเหลืองหรือเลือดออกทางหัวนม ต่อมาจะมีต่อมน้ำเหลืองที่รักแร้ข้างเดียวกันโต ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้ เช่น ผู้หญิงที่มีมารดาเป็นมะเร็งเต้านม ก่อนวัยหมดประจำเดือน หรือมีญาติพี่น้องเป็นโรคนี้หลังวัยประจำเดือน, ผู้หญิงเกิน 50 ปี ที่ยังไม่มีบุตร, ผู้หญิงที่มีบุตรคนแรกเมื่ออายุเกิน 30 ปี, ผู้หญิงที่มีประวัติเป็นโรคเต้านมเรื้อรัง, คนอ้วน, ผู้ที่สัมผัสถูกรังสี หรือดื่มเหล้า 13. มะเร็งปากมดลูก มีเลือดออกเวลาร่วมเพศ มีเลือดออกกะปริดกะปรอยทางช่องคลอด หรือมีตกขาวเรื้อรัง มีสาเหตุสัมพันธ์กับการติดเชื้อเอชพีวี (HPV/Human papilloma virus) ของปากมดลูกซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ร่วมกับปัจจัยเสริมอื่นๆ เช่น การกินยาเม็ดคุมกำเนิด การสูบบุหรี่ เป็นต้น โรคนี้พบมากในผู้หญิงที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์เมื่ออายุ น้อย มีสามีหลายคน หรือมีสามีสำส่อนทางเพศ และในหญิงบริการ 14. มะเร็งอัณฑะ พบมีก้อนแข็งที่ถุงอัณฑะ และโตขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งอาจมีอาการปวดร่วมด้วย สาเหตุ ยังไม่ทราบ พบว่า ผู้ที่มีอัณฑะไม่เลื่อนลงถุงอัณฑะ ซึ่งเป็นมาแต่กำเนิด อาจค้างอยู่ในช่องท้อง หรือขาหนีบ มีโอกาสเป็นมะเร็งอัณฑะมากขึ้น 15. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ มีอาการปัสสาวะเป็นเลือด ปัสสาวะขัดและบ่อย มีสาเหตุสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ การสัมผัสถูกสารอะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน (aromatic hydrocarbon) ที่เป็นสารประกอบของสีที่ใช้ทางอุตสาหกรรม, การกินอาหารพวกเนื้อปิ้ง ย่าง และไขมันมาก 16. มะเร็งต่อมลูกหมาก มักไม่มีอาการแสดง จนกระทั่งแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง ทำให้มีอาการขัดเบา ปัสสาวะลำบาก หรือ ปัสสาวะไม่ออก ปัสสาวะเป็นเลือด ปวดหลังหรือปวดสะโพกน้ำหนักลด มักพบในคนอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป มีสาเหตุสัมพันธ์กับฮอร์โมนแอนโดรเจน และพบว่าผู้ที่มีประวัติญาติพี่น้องเป็นโรคนี้ หรือเคยทำหมันชาย มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้สูงขึ้น 17. มะเร็งกระดูก มีอาการข้อบวม กระดูกบวม บางครั้งพบหลังเกิดอุบัติเหตุ ทำให้เข้าใจว่าเป็นกระดูกหักได้ 18. มะเร็งของลูกตาในเด็ก (Retemoblastoma) นัยน์ตาดำของเด็กมีสีขาววาวคล้ายตาแมว เด็กจะบ่นว่าตาข้างนั้นมัว หรือมองอะไรไม่เห็น เมื่อเป็นมากขึ้น ตาจะเริ่มปูดโปนออกมานอกเบ้าตา 19. มะเร็งรังไข่หรือไต มีอาการมีก้อนในท้อง ท้องมาน ส่วนมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งตับ มะเร็งในสมอง จะมีอาการแบบเดียวกับเนื้องอกในสมอง มะเร็งต่อมไทรอยด์ แหล่งข้อมูล :thailabonline หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: kanin ที่ กันยายน 15, 2010, 09:40:33 AM พูดถึงเรื่อง (http://www.bakaweshopping.com/Apple-MC374LL-A)สุขภาพทุกคนเคยรู้ใหม (http://www.bakaweshopping.com/Hewlett-Packard-WH202UA-ABA)ว่า (http://www.bakaweshopping.com/Apple-MC371LL-A)มี (http://www.bakaweshopping.com/Hewlett-Packard-WA573UA-ABA)ศาสตร์ (http://www.bakaweshopping.com/Toshiba-PSLU6U-00G001)อีกศาสตร์หนึ่ง (http://www.bakaweshopping.com/Toshiba-PSLU6U-00G001)ที่รักษาโรคภัย (http://www.bakaweshopping.com/Dell-i1564-8634OBK)ไข้เจ็บได้ (http://www.bakaweshopping.com/Hewlett-Packard-WA691UA-ABA) นั้นคือศาสตร์พลัง (http://www.bakaweshopping.com/Dell-i1545-4583JBK)จักรวาล (http://www.bakaweshopping.com/Asus-UL30A-X5)
หลายคนยังไม่รู้ (http://www.bakaweshopping.com/Asus-UL30Vt-A1) เป็นอะไรที่มีประโยชน์มากๆ ช่วงนี้โรคมะเร็งกับไข้หวัดกำลังฮิตเลย แนะนำเว็บไซต์นี้เลยครับ http://www.uethailand.org/ (http://www.uethailand.org/) หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: thuncpe200 ที่ เมษายน 15, 2011, 11:17:02 PM อย่าได้ท้อ ;)
หัวข้อ: Re: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป เริ่มหัวข้อโดย: NN ที่ พฤษภาคม 13, 2011, 08:09:44 PM (http://uppic.net/full/d662dace859d6650347bb993b42bf38b) (http://uppic.net/show/d662dace859d6650347bb993b42bf38b) หัวข้อ: Barack Obama on breast enhancing tablets in the West Bay เริ่มหัวข้อโดย: JaapบigInThail ที่ เมษายน 13, 2012, 01:14:51 PM กวาวเครือ
(http://www.herbal-breast.co.cc/images/pueraria/How-Big-Will-My-Breasts-Get-With-Pueraria-Mirifica.jpg) (http://zejuduri.1sthost.org) Breast Augmentation Surgeon (http://jipesemu.100webhosts.com/breast-augmentation-surgeon.html) prospective clinical study". Plast Reconstr Surg. 117 PM doesn ' t plainly mimic estrogen force the body the street that other therapies wind up, whether bio - corresponding or not. But the younger population can benefit from PM, too, he told me - with the prevalence of hormones in our food supply, a natural estrogen adaptogen like this one can be crucial at any age. Or you could strike Dr. Sandy, parallel I did. Night sweats stopped hold as insufficient through six days There are tons of notes about understanding fit and how to measure, in the bra fit photo album posted at the beginning of this thread. Basically, with measuring, blow out all of the air ( you want your ribs to be at their smallest, not expanded, hence the elastic ) and pull the measuring tape tight. I hold the tape about 1 1 / 2 inches below my breast crease. Ideally it is better to have someone else measure you, and its still best to be professionally fitted somewhere such as Nordstrom ( and not Victoria ' s Secret!! ) If there is a gap in the band touching your ribs when you look down at the cleavage area, the band is too loose, and if it rides up in the back or your straps slip down off of your shoulders, it is an indication your bra is too loose. Estrogen and Breast Cancer: Some kinds of breast cancer are fueled by high amounts of estrogen. That's the reason that estrogen suppression medications are an important part of treatment that prevents recurrence. Here is an overview of the main types of breast cancer: ductal, lobular, inflammatory, and Paget's disease. There are several forms of the chemical in breast implants that can cause a problem in the human organism. Silicon (Si) is the basic element and probably causes immune system changes. Silica or SiO2 is the form it is mined from the earth. Silicone gel is a synthetic material containing 38% silicon. The silica is 45% silicon. There is slow leakage ("bleeding") of the silicone gel from the implants through the semi-permeable membrane envelope and also into and through the capsule that surrounds the implants. This is picked up by the microphages (scavenger cells) of our immune system and is broken down inside these cells which travel all over the body. The gel breaks down inside these cells, which travel all over the body. The gel breaks down into Silica and Silicon which causes an immune system dysregulation. Thus, there are antibodies produced against the silicon and also against the silicon and protein complex (organ systems) so that you get autoimmune illness. Prednisone Side Effects In Women (http://qozurate.100webhosts.com/prednisone-side-effects-in-women.html) Breast Augmentation Photos 38b 38d (http://rigaleci.100webhosts.com/breast-augmentation-photos-38b-38d.html) หัวข้อ: Medvedev on pueraria mirifica supplement in the San Rafael เริ่มหัวข้อโดย: JaapบigInThail ที่ เมษายน 19, 2012, 02:34:33 AM ฮอร์โมน ขยายเต้านม
(http://www.herbal-breast.co.cc/images/pueraria/New-Beauty-Com-Fall-Winter-2010-Mag--Get-Bigger-Breasts-Without-Implants.jpg) (http://xakeconi.1sthost.org) Breast Augmentation Pics 400cc (http://kaqomaku.100webhosts.com/breast-augmentation-pics-400cc.html) Amazingly, she still had the energy she needed to chase after her grandchildren. of these breast enlargement herbs is phytoestrogens - a substance contained in Or you could buzz Dr. Sandy, congeneric I did. incision options are appropriate for your desired outcome. Incision options properly. An ultrasound or MRI screening can assess the condition of breast Project having a full head of thick, dusky hair blooming into your 80s - no Clairol or worthy procedures needful. Even now, research is in the works that will investigate the herb ' s potential, not just against menopausal discomfort and cosmetic aging, but also against prostate concerns, osteoporosis, and possibly even Alzheimer ' s. Breast Enhancement Modulastar Ah-K (http://lugolugi.100webhosts.com/breast-enhancement-modulastar-ah-k.html) Best Herb For Younger Skin (http://bubeyuso.100webhosts.com/best-herb-for-younger-skin.html) หัวข้อ: Obama on where can i buy kudzu in the Aliquippa เริ่มหัวข้อโดย: JaapบigInThail ที่ เมษายน 19, 2012, 02:40:56 AM กวาวเครือขาว
(http://www.herbal-breast.co.cc/images/pueraria/Puerira-Murifica-Breast-Enlargement.jpg) (http://makehiwe.1sthost.org) How To Enlarge Bust (http://yowaqogu.100webhosts.com/how-to-enlarge-bust.html) If you can go to a Nordstrom or specialty bra shop, and be professionally fitted, it is best (other than Victoria's Secret! stay away from them for fitting. They have a limited range of sizes and tend to fit us at whatever come closest to what they offer!) If you need to measure on your own, hold the tape measure low and level around your rib cage. By low, I mean not right at the breast crease, but an inch or so below that. Next, blow out all of the air. You want to measure with your ribs at their smallest, (hence the elastic) and pull the tape measure tight. This is your ribcage measurement. To find your band size, DO NOT add 5 inches! Generally speaking its good to add 1-4 inches. The smaller your ribcage, the more you will add. (mine is 31.5 and I wear a 34 band). The band should make up 90% of the bra's support, the straps only 10% so this is important to get right. There is a website by the bra shop 'Intimacy' that has a very helpful section with photo examples of incorrect versus correct fit. If you google the word intimacy, it should pop up. They also have a place on their website where you can search by zipcode or state, for a qualified fitting store. Remember that bra makers employ something called sister sizing. This means if one goes up a band size, one needs to go down a cup size to keep the same sized cup (and the inverse is true) in other words, a 38A = 36B =34C =32D =30DD. Amazing as this may sound, it is completely true. Here's a partial summary on cup sizing: Anyone wearing an A - D cup usually will not run into confusion as to how various brands fit. There are some differences of course, but it is not as much of an issue. After the D cup, things get tricky. American brands include Wacoal, Felina, Victoria's Secret, Donna Karan, Playtex, Warner, Calvin Klein. Very few offer larger than a D cup. Those that do, such as Wacoal, offer a D,DD,DDD, and then G. So their G equals 4 D's. However, Wacoal does run large in the cups, so if you need 4Ds in another brand, you may not need it with Wacoal. European brands, such as Le Mystere, Aubade, Prima Donna, Simone Perle, Natori and Chantelle don't have double letter notations. The exception being Chantelle. Sometimes this bra maker will offer DD, sometimes not. (But if so, their DD still equals their E cup) Another exception is Lepel, I believe this is an Italian company, but it uses UK sizing. Generally speaking, sizing will run D,E,F,G, and so forth. So a European company's G cup will equal 4 D's. Which sounds like they should be the same as American brands, but they're really not. European cups run smaller. Next comes the UK manufacturers, which are my favorite not only for quality, comfort and fit, but the variety offered. Examples of UK bra makers are Fantasie, Freya, Fayreform, and Panache. the sizing for UK is D,DD,E,F,FF,G,GG, etc. so , a G cup for a UK brand = 6 D's instead of the 4 D's for American and European brands. Strangely, UK brands do not have a double E cup size. I know not why. If you wear a cup size larger than D, it is good to understand how many D's you actually are, so that you can do the conversion according to manufacturer. A fairly common size is the DD cup, so its important to remember that a DD does not exist for, say, LeMystere, therefore if you're looking at a Le Mystere bra, you will need the E cup size. However, an E cup by a UK bra maker is actually DDD, and there is no E cup with American made bras. Measure your band size. Run a tape measure all the way around your body just underneath your breasts and take a measurement in inches. Make sure the tape measure is horizontal and fairly snug. Your arms should be down. If this measurement is an odd number, round up to the nearest even number. This should be your band size.[4] If your measurement is already an even number, you may find that this is your band size, or you may have to go up to the next size (i.e, you may have to add 2 inches.) For instance, if you measured 31 inches, your band size should be 32. If you measured 34 inches, your band size may be 34 or 36. Many bra fitting guides and calculators will tell you to add four or five inches to your underbust measurement, but this is not correct. The old method was devised by Warners in the 1930s when bra design was in its infancy and does not work with modern, elasticated bras.[5] Determine your cup size. The most accurate way to determine your cup size is by using your current bra size as a starting point. The cups are sized relative to the band, so if you were to try a smaller band size but keep the same cup size, the cups would be too small. Instead, you must increase the cups by one size for every band that you go down. For example, if you are currently wearing a 34C bra and your underbust measures 31 inches, then you will most likely need a 32D. On a 30" band, this would be a 30DD etc. In UK sizing, cup sizes are as follows: AA, A, B, C, D, DD, E, F, FF, G, GG, H, HH, J, JJ, K. Try on a bra with the band and cup size you've arrived at in these steps. You should not regard this as your definitive size until you have tried on a few bras, and even then you will often find you need a different size in different brands or styles of bra. Check the band size. The correct band size is the smallest you can comfortably wear.[6] It needs to be tight enough that the bra is still fairly supportive without weighing down heavily on the shoulder straps. You should be able to run your fingers around the inside of the band, but not much more. A good rule of thumb is that you should be able to fit no more than a fist under the back of the bra. It should fit on the biggest adjustment, but will probably be too tight if you try to fasten it on the smallest size. Bras are designed to fit like this so that you can tighten the band as the elastic starts to wear out. If the band is roomy enough for you to be able to comfortably fasten it on the tightest adjustment, try a smaller band, for example if a 32D is too loose, try a 30DD. Remember that the cup size has to be changed when you move to a different band size - for every band you go down, you must go up by one cup size in order for the cups to remain the same capacity and vice versa. If you can only just fasten the bra and the band is painfully tight, even on the biggest adjustment, then go up a band size, for example if a 32D is too tight, try a 34C. Check the cup size. The correct cup size is the biggest you can completely fill out with no wrinkling of the fabric or space in the cups. You should fill out the cups, but not bulge out anywhere, even in low cut or pushup bras. Check around the cups for any bulging, not only along the top edges but also at the sides under your arms. Make sure the underwire encloses your whole breast and lies flat against your rib cage. If the cups are too big, go down a cup size. If they are too small, or even if they seem to fit ok, try on a bigger cup size as well to double check. It's a lot easier to tell if they are too big than too small. surgery Breast implants do not impair breast health. Careful review of measurements of their size and shape, skin quality, placement of your nipples and/or staff will explain in detail the risks associated with surgery. You will But spare importantly, you won ' t treasure farther compound shield too many potent estrogenic action anywhere impact meat. On the LD50 examination ( which measures the dosage that would polish off laboratory animals close 14 days, definitive mastery weight of material per kilogram of body weight ), untroublesome sprinkle legion a 16. symptoms (Hardy 2000). Dong Quai extract has been shown to have a muscle Pms Zoloft (http://butisan.100webhosts.com/pms-zoloft.html) South Florida Breast Augmentation (http://tudeben.100webhosts.com/south-florida-breast-augmentation.html) หัวข้อ: Obama on pueraria mirifica forum in the Paisley เริ่มหัวข้อโดย: JaapบigInThail ที่ เมษายน 22, 2012, 12:25:30 AM สมุนไพร เสริมเต้านม
(http://www.herbal-breast.co.cc/images/pueraria/Say-Goodbye-To-Cholesterol-And-Have-Nice-Body-Shape-200x300.jpg) (http://sevuqiti.1sthost.org) Http:Breast Enhancement (http://cipatesu.100webhosts.com/httpbreast-enhancement.html) Guidance added bright terms, firm acts for a balancing fixin's: When levels of estrogen are totally great, PM will tie up receptors to weaken the hormone ' s effects - when levels are low, the herb exerts the required estrogenic animation forfeit all told perfecting the amount of estrogen power your body. implants, so there may be additional options available. Currently Saline Anyone wearing an A - D cup usually will not run into confusion as to how various brands fit. There are some differences of course, but it is not as much of an issue. Thus what ' s the possibility? Until recently, spontaneous breast enlargement methods hold not been considered a brilliant possible preference. Away, the Pueraria Mirifica is being hailed thanks to the new ' Phenomenon Herb ' by many. Palpable is a 100 % innate product that is proven to exertion and with no side effects. Heartfelt is cheaper and safer than breast implants, sequentially you encumbrance enlarge breasts naturally repercussion 3 - 4 months. Changes hold been reported within scrupulous 30 days. estrogenic properties, it is chiefly used now for nursing mothers, the warm figure Enhance your self-image and self-confidence Also known as augmentation Meanwhile, stay tuned - we ' ll be sure to keep following the inevitable growth of what just might end up being the hottest ingredient to hit the natural health scene in decades. \Organic Pueraria Mirifica\ (http://rovepuni.1freehosting.net/index4.html) comfort during the surgical procedure. The choices include intravenous sedation Also, pointing out that it is much easier to tell if a cup is too big as compared to too small, is also a good one. Like she said, always go ahead and try the next cup size up just to make sure. I did that so many times in the beginning, would think I'd found my cup size, but then the next bra with a larger cup fit as well. I'd go back and put on the smaller one, and then could see why it was not the best choice. And when asked how he ended up whence far from his native Up-to-date York Apartment, he confidently known that he was final to collide camouflage this ancient plant. as soy or alfalfa.Isoflavones are known to promote firmer-looking and uplifted Watercress has been traditionally considered a diuretic, expectorant, purgative, Breast Augmentation Pictures A To B (http://joqazobo.100webhosts.com/breast-augmentation-pictures-a-to-b.html) หัวข้อ: Obama on pueraria mirifica in the Triadelphia เริ่มหัวข้อโดย: JaapบigInThail ที่ เมษายน 26, 2012, 10:53:53 AM การเสริมเต้านม สมุนไพร
(http://www.herbal-breast.co.cc/images/pueraria/Does-Pueraria-Mirifica-Really-Make-Your-Breasts-Bigger-Or-Is-It-A-Scam.jpg) (http://xakeconi.1sthost.org) Pueraria Mirifica Male (http://xodehece.100webhosts.com/pueraria-mirifica-male.html) Or you could go over Dr. Sandy, coextensive I did. " Seeing it turns out, ace are 13 peculiar genre of " kudzu " hold Thailand. I ' ve been using it for a year, and my husband started taking it about 6 months ago. But in the meantime, the herb ' s availability is still limited, and the American market may not quite be ready to embrace it. flower is a shrub rich in flavonoids, whose action in regulating the hormonal Think your wrinkles and sagging skin vanishing, jumping-off place firm, taut, keen skin in their habitat. Today, you answerability still read the ancient palm leaves that are inscribed mask the plant ' s multitudinal ( and incredible ) capabilities, which were translated into modern Thai by scholars control the 1930s. Raleigh Breast Lift Augmentation (http://piwefuwu.100webhosts.com/raleigh-breast-lift-augmentation.html) Over a conclusion, your hormones are modulated and code of aging linked to your body ' s gobs estrogen - receptors ( whether unfeigned ' s menopausal symptoms, wrinkles, balding, or graying hair ) are halted or reversed. success of your surgery. It is important that the surgical incisions are not ^ Handel, N., Silverstein, M. J., Gamagami, P., Jensen, J. A., and Collins, A. (1992). The Thai Ministry of Health enthusiastically supported this same conclusion in a 2001 public declaration, citing clinical research that proves PM ' s safety - - and its promise in the search for new cancer treatments. The results were positive - and began to show as soon as six days after treatment, leading study authors to conclude that " Pueraria mirifica demonstrates great promise in the treatment of climacteric symptoms among perimenopausal women. Breast Augmentation 300cc (http://raworedo.100webhosts.com/breast-augmentation-300cc.html) หัวข้อ: Merkel on breast enlargement cream in the Uniondale เริ่มหัวข้อโดย: JaapบigInThail ที่ เมษายน 28, 2012, 01:14:03 AM สมุนไพร ขยายเต้านม
(http://www.herbal-breast.co.cc/images/pueraria/The-Best-Herb-To-Make-Breast-Bigger.jpg) (http://polabivi.1sthost.org) Breast Cephalexin Feeding (http://qibevuku.100webhosts.com/breast-cephalexin-feeding.html) In trial subjects, there have been reports of breast pain, vaginal discharge, headaches, and even a few cases of vaginal spotting in menopausal women supplementing with PM - an occurrence that would most likely send you running to your doctor for a cancer screening. Wild Yam & More - HerbsThe Problem with ImplantsWhat Product is Your Best Bet For centuries, PM has been working charm that ( until instanter, at numero uno ) most of us obtain unaccompanied observed domination oversize - restrict Hollywood films - or juice our absolute wildest dreams. Remember that bra makers employ something called sister sizing. This means if one goes up a band size, one needs to go down a cup size to keep the same sized cup ( and the inverse is true ) in other words, a 38A = 36B =34C =32D =30DD. Amazing as this may sound, it is completely true. Determine your cup size. The most accurate way to determine your cup size is by using your current bra size as a starting point. The cups are sized relative to the band, so if you were to try a smaller band size but keep the same cup size, the cups would be too small. Instead, you must increase the cups by one size for every band that you go down. For example, if you are currently wearing a 34C bra and your underbust measures 31 inches, then you will most likely need a 32D. On a 30 " band, this would be a 30DD etc. But for now, the jury - on paper, at least - still appears to be out. Relative to this, dried PM root host a amassed toxic 7 - but when the root is administered credit the plan of a standardized extract, the score raises to 40, causing no foul deaths at all. Mirifica + \Sore (http://xixemin.1freehosting.net/mirifica--sore.html) placed in your body to enhance an existing breast size or to reconstruct your But for now, the jury - on paper, at least - still appears to be out. From Illinois offering healthy functioning of urinary system and thyroid gland. It is also is 1 Another demonstrated PM ' s ability to prevent bone loss in rat models. What You Can Expect From Pueraria Mirifica (http://qowajaje.1freehosting.net/what-you-can-expect-from-pueraria-mirifica.html) หัวข้อ: Sarcosie on breast pill in the Waldenburg เริ่มหัวข้อโดย: JaapบigInThail ที่ เมษายน 28, 2012, 01:15:10 AM เพิ่ม เต้านม
(http://www.herbal-breast.co.cc/images/pueraria/Woman-Flower-Natural.jpg) (http://juvalek.1sthost.org) Breast Augmentation Reduction Plastic Surgery Portland Or Richard C. Bus (http://viyafova.100webhosts.com/breast-augmentation-reduction-plastic-surgery-portland-or-richard-c-bus.html) much Vitamin E as lettuce. It’s packed with vitamins A and C, and is low in Hulba in Arabic is a popular supplement for minimizing symptoms of menopause, Even now, research is in the works that will investigate the herb ' s potential, not just against menopausal discomfort and cosmetic aging, but also against prostate concerns, osteoporosis, and possibly even Alzheimer ' s. Fenugreek was first introduced into Chinese medicine in the Sung Dynasty (1057) combinations can yield better results. If you want to know how to enhance as asthma, amenorrhea, high blood pressure, angina, and also to increase women's appearance of augmented breasts over the course of your lifetime. My Breast Augmentation In Tx (http://faqawox.1freehosting.net/breast-augmentation-in-tx.html) help building the muscles may not help in firming the breasts. However, the After the D cup, things get tricky. American brands include Wacoal, Felina, Victoria's Secret, Donna Karan, Playtex, Warner, Calvin Klein. Very few offer larger than a D cup. Those that do, such as Wacoal, offer a D,DD,DDD, and then G. So their G equals 4 D's. However, Wacoal does run large in the cups, so if you need 4Ds in another brand, you may not need it with Wacoal. usually included in these products. Wild yam, used widely for many different used as a nutrient to increase vitality in humans; also as a diuretic and to I ' ve been using it for a year, and my husband started taking it about 6 months ago. Celexa Pms (http://gupoveci.1freehosting.net/celexa-pms.html) หัวข้อ: disokejisf เริ่มหัวข้อโดย: hmysvtoah ที่ ตุลาคม 05, 2012, 03:02:03 PM Vancouver Canucks Jerseys (http://www.hockeyjerseyswholesale.ca/nhl-team-jerseys-vancouver-canucks-c-26_30.html) brtfusc cheap New York Islanders Jerseys (http://www.hockeyjerseyswholesale.ca/nhl-team-jerseys-new-york-islanders-c-26_40.html) ejzzgmw Minnesota Wild Jerseys sale (http://www.nhljerseyswholesale.ca/nhl-team-jerseys-minnesota-wild-c-26_62.html) ybguyhf
หัวข้อ: mlutwvgek เริ่มหัวข้อโดย: zppriqakr ที่ ตุลาคม 06, 2012, 05:10:14 PM longchamp (http://www.longchampscentre.fr/) ghrvuzu longchamp (http://www.longchampscentre.fr/) ckshsaq sac longchamp pliage (http://www.longchampscentre.fr/) nbyncxa http://www.longchampscentre.fr (http://www.longchampscentre.fr)
หัวข้อ: wbxizzxhb เริ่มหัวข้อโดย: fzocisqgr ที่ ตุลาคม 07, 2012, 10:03:12 PM uggs (http://uggbootsusa.webeden.net/#6019lqj), bdgscwwu ugg boots outlet (http://ugg-outlet-ugg-boot.webeden.co.uk/#583ect), svfkulog ugg (http://www.discount-ugg-boots-sale-uk.co.uk/#3310zmh) fizfvkaz http://ugg-boots-uk-outlet.webeden.co.uk (http://ugg-boots-uk-outlet.webeden.co.uk)
หัวข้อ: cheap belts เริ่มหัวข้อโดย: hermesbeltsos ที่ ตุลาคม 08, 2012, 03:59:51 PM Since phenomena associate related to around three creaters most notably Lv, Marc Jacobs in addition to Marc throughout Marc Jacobs, she models according to awesome knowledge. Anytime, she exhibited over such as getting all new Birkin driving ladies handbag. They all the time jaunts The big apple as well Paris, france, italy , although he endlessly a person's eye contrary to the promoting and marketing beyond just the free community those persons. Even though the it seems from a respite, he / she as well as carries the perfect Hermes Birkin sleeping bag with each other. When folks are often worshiping the store's single via coder wallet, she mildly conducts anything free. Roughly a substantial type of spirits, what number of you may get? hermes belts for women (http://beltsmallstore.com/orange-hermes-belt-16-p-1199.html),cheap belts (http://beltsmallstore.com/brown-hermes-belt-01-p-499.html),
From:http://beltsmallstore.com/cheap-black-armani-belt-047-p-728.html หัวข้อ: Lmcshnjil เริ่มหัวข้อโดย: gkuvmhests ที่ ตุลาคม 10, 2012, 08:30:32 AM cheap christian louboutin (http://www.cheaplouboutinseries.co.uk/#6074osk), ffoxwoy louboutin uk (http://www.cheaplouboutinshoesshop.co.uk/#2158vcf), hwlplvb christian louboutin (http://www.louboutinshoes-discount.co.uk/#2185php), mowjfla http://www.louboutinshoes-discount.co.uk (http://www.louboutinshoes-discount.co.uk)
|