Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website.
Home
-----
กระดานสนทนาหน้าแรก
-----
Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart
-----
gold-trend-price-prediction
-----
ติดต่อเรา
หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 06:01:26 AM ทิศทางทองวันที่ 9/11/2009
ต้าน๓ 1123.20.......xx ต้าน๒ 1108.67 ต้าน๑ 1101.75 เส้นแดน 1094.14 หนุน๑ 1087.22 หนุน๒ 1079.61 หนุน๓ 1065.08??.xx วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 06:06:54 AM สวัสดีครับคุณทองใหม่ มารายงานตัวครับ ขอบคุณที่นำข้อมูลดีๆมาให้น้องๆ เสมอครับ ขอให้สุขภาพแข็งแรง หายป่วยเป็นปกติเร็วๆนะครับ ;D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 08:55:41 AM กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้[/size] ทอง หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 08:58:11 AM ดัชนีเงินเมกา
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: dada ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 08:59:38 AM สวัสดีค่ะ คุณทองใหม่
เห็นแบบเนี่ย คุณทองใหม่ มีแรงโดด ขึ้นตึก แล้วแน่ เลย (ปล. จากปวดจนอยากโดดตึก) สุขภาพ แข็งแรง ยิ่ง ๆ ขึ้น นะค่ะ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 09:00:33 AM น้ำมัน
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 09:05:06 AM สวัสดีค่ะ คุณทองใหม่ ;Dเห็นแบบเนี่ย คุณทองใหม่ มีแรงโดด ขึ้นตึก แล้วแน่ เลย (ปล. จากปวดจนอยากโดดตึก) สุขภาพ แข็งแรง ยิ่ง ๆ ขึ้น นะค่ะ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 10:03:04 AM ขอบคุณมากนะคะ คุณทองใหม่
ราคาทองสูงขนาดนี้ ตาแป๊ะยังยิ้มอยู่อีก แบบนี้สงสัยต้องรออีกนานเลย ราคานี้ไม่กล้าเข้าค่ะ :D วันนี้มีกราฟปากถุงไหมคะ ขอบคุณค่ะ ;) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 10:16:28 AM ขอบคุณมากนะคะ คุณทองใหม่ เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้าราคาทองสูงขนาดนี้ ตาแป๊ะยังยิ้มอยู่อีก แบบนี้สงสัยต้องรออีกนานเลย ราคานี้ไม่กล้าเข้าค่ะ :D วันนี้มีกราฟปากถุงไหมคะ ขอบคุณค่ะ ;) เส้นบน---แนวต้าน เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด) เส้นล่าง---แนวหนุน ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้ ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่ วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 11:35:46 AM ;)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: JO-JO ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 11:40:38 AM ขอบคุณครับ คุณทองใหม่
:) น้ำมันลง แต่ทองยังขึ้น ??? ::) :o หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 12:02:42 PM ขอบคุณค่ะอาจารย์ ชักจะปวดเศียรเวียนเกล้าซะแล้วค่ะ ::)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 12:14:02 PM เทคนิคการดูสัญญาณไฟของรถบรรทุก
1.เปิดซ้ายที ขวาทีสลับกัน หมายความว่าให้ระวังเค้าอาจจะเบรกหรือข้างหน้ามีปัญหา อาจมีด่าน มีอุบัติเหตุหรือข้างหน้าเบรกกะทันหัน สรุปก็คือให้ระวังไว้ครับอย่าเพิ่งแซงขึ้นไปในตอนนี้ขับตามกันไปก่อน 2. เปิดซ้ายอย่างเดียว ถ้า กรณีนี้รถวิ่งตามกันอยู่ในทางและเค้าไม่ได้เข้าจอดหมายความว่า เค้ายินดีให้เราแซงขึ้นไปได้ครับและถ้าหากเป็นเลนสวนแสดงว่าข้างหน้าไม่มีรถ สวนให้เราแซงได้โดยปลอดภัยครับ 3. เปิดขวา อาจเปิดค้าง หรือเปิดเป็นจังหวะ ถ้ารถวิ่งตามกันอยู่แสดงว่าเค้าไม่ให้เราแซงหรือเค้าอาจกำลังจะแซงรถคันหน้า หรือกำลังจะเลี้ยวขวาหรือถ้าเป็นเลนสวนเค้าบอกว่ากำลังมีรถสวนมาครับเพราะ งั้น หากเห็นเค้าเปิดไฟเลี้ยวขวาห้ามแซงออกไปเด็ดขาดครับให้รอจนกว่าเค้าจะแซงไป หรือ จนกว่าเค้าจะเปิดไฟเลี้ยวซ้ายครับ 4.ในกรณีของการขับรถตามกัน หากเราแซงขึ้นไปจนพ้นจะสังเกตได้ว่าเค้าจะทำสองอย่างครับ -อย่างแรกคือ ใน จังหวะที่รถเรากำลังตีคู่กันเค้าจะเปิดไฟสูงให้เราเห็นทางข้างหน้าและลดไฟลง ต่ำเมื่อเราแซงพ้นหรือบางคันอาจปิดไฟหน้า หากเป็นตอนกลางคืนนั่นหมายความว่า เราแซงพ้นแล้ว ให้เข้ามาในเลนได้ แต่ถ้าเป็นกลางวันเค้าจะกระพริบไฟ 1 ทีครับ หรืออีกอย่าง เค้า อาจบีบแตรเบาๆเป็นสัญญาณให้ 1 ทีก็ได้ครับ แต่หลักที่นิยมทำกันคือเมื่อเค้าเปิดทาง และเราแซงขึ้นไป เมื่อเราแซงไปในระดับเดียวกับรถเค้าเราจะบีบแตรสั้น 1ครั้งเป็นการขอบคุณและคุณมักจะได้ยินเค้าบีบตอบสั้น 1 ครั้งเช่นกัน แล้วถ้าขับสวนกันล่ะ ให้ดูหลายไฟหน่อยนะครับ จะมีไฟหน้า ไฟเลี้ยวและไฟหัวเก๋งครับ 5. ขับสวนแล้วดับไฟหน้าแล้วเปิด ส่วนใหญ่จะมีด่านครับหรืออีกกรณีจะมีอุบัติเหตุร้ายแรงข้างหน้า ระวังไว้ครับ 6. กระพริบไฟหน้า อันนี้ส่วนใหญ่เป็นด่านครับแล้วต้องมองดูดีๆที่ไฟเลี้ยวด้วยครับกระพริบไฟ หน้าและเปิดไฟเลี้ยวข้างที่ชี้มาทางเรา ด่านจะอยู่ฝั่งเราครับ แต่ถ้าเปิดไฟเลี้ยวด้านฝั่งเค้า แสดงว่ามีตำรวจอยู่ฝั่งนู้นครับตอนกลางคืนถ้าเป็นเลนสวนกันขับสวนมาดีๆ แล้วกระพริบไฟหน้าครั้งเดียว บางทีอาจไม่มีอะไรครับเป็นแค่การทักทาย หรือเป็นการเช็คว่าเราหลับในรึเปล่า หรือเป็นการถามว่าทางที่เราผ่านมามีอะไร (ตำรวจ) หรือไม่ถ้าเราไม่หลับไม่เคลิ้ม และทางสะดวกให้กระพริบไฟตอบกลับไป 1 ทีครับ 7. เลนสวนกัน และมีขบวนรถขับสวนขึ้นมา ให้มองรถลำดับที่ 2ในแถวไว้ให้ดีนะครับถ้าเรามาคันเดียวโดดยิ่งต้องระวังครับ หากรถคันที่2หรือคันต่อๆไปในแถวที่สวนมากระพริบไฟหรืออาจจะเบ้หัวออกมานิด หนึ่งและกระพริบไฟนั่นแสดงว่ารถคันแรกในขบวนช้า เค้ากำลังจะแซงออกมาแล้วครับ หากเห็นอย่างนั้น ให้มองให้ดีและเตรียมชะลอความเร็วส่วนใหญ่แล้วพอเค้ากระพริบไฟ เค้าก็จะหักหัวออกมาทันทีครับเราทำได้อย่างเดียวนะครับ คือค่อยๆชะลอความเร็วและเบี่ยงออกไหล่ทางไม่ต้องไปต่อกร หรือไปอวดดีเด็ดขาดพวกนี้พอออกมาแล้วไม่กลับแน่นอนครับยิ่งถ้าพอเค้าออกมา ปิด-เปิดไฟหน้า ตัวใครตัวมันเลยครับรับรองได้ว่าไม่หลบแน่นอน ทีนี้ถ้าคุณคิดว่ารถคุณแข็งกว่าเค้าแน่ๆ ก็ตามสบายครับจำไว้ครับรถใหญ่บนทางหลวงเค้าไม่ลงไหล่ทางแน่นอนครับเพราะว่า รถ มันหนัก ถ้าลงไหล่ มันจะเอาไม่อยู่และพลิกคว่ำทันทีครับ เพราะงั้นหลบได้ก็หลบเถิด และอีกอย่างหนึ่ง รถใหญ่หนัก เค้าจะไม่ค่อยเบรกกันเมื่อเค้าได้รอบได้จังหวะ เค้าจะออกมาทันที เราต้องเป็นฝ่ายหลบนะครับจริงอยู่มันอาจดูว่าเค้าผิดแต่หากว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วความผิดหรือถูกมันก็ไม่สำคัญเท่าชีวิตหรอกครับ ..........................ใช้รถ ใช้ถนน ด้วยความระมัดระวังนะครับ ท่องไว้ว่า อย่าประมาท อย่าประมาท................................. ไม่รู้ว่าถูกต้อง 100 เปอร์เซนต์หรือเปล่า ใครมีอะไรเพิ่มเติมแนะนำได้ครับ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 12:22:27 PM ;)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: noi ที่ พฤศจิกายน 07, 2009, 12:23:22 PM สวัสดีค่ะ คุณ ทองใหม่
เข้ามาขอบคุณสำหรับบทวิเคาะห์และข่าวสารที่เป็นประโยชน์มากมายค่ะ และขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง หายไวๆนะคะ :) :) :) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 08, 2009, 08:15:55 AM ขอบคุณค่ะอาจารย์ Smiley/Angry.gif (3017 ไบต์)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: sayong ที่ พฤศจิกายน 08, 2009, 12:59:42 PM ขอบคุณค่ะพี่ทองใหม่ :)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 08, 2009, 07:45:19 PM กำลังดูทอง แล้วมาถึงน้ำมัน แล้วมาถึงรถบรรทุกเลยค่ะ ครอบจักรวาลดีจังค่ะ ถ้าเป็นคุณทองใหม่พรุ่งนี้จะเข้าทองทางขึ้นหรือลงดีคะ (ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ เกรงใจค่ะ) มาขอบคุณค่ะ เพราะต้องแวะมาอ่านกราฟทุกวันเลย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอให้แข็งแรงสมบูรณ์เร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 08, 2009, 08:12:59 PM กำลังดูทอง แล้วมาถึงน้ำมัน แล้วมาถึงรถบรรทุกเลยค่ะ ครอบจักรวาลดีจังค่ะ ถ้าเป็นคุณทองใหม่พรุ่งนี้จะเข้าทองทางขึ้นหรือลงดีคะ (ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ เกรงใจค่ะ) มาขอบคุณค่ะ เพราะต้องแวะมาอ่านกราฟทุกวันเลย รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ขอให้แข็งแรงสมบูรณ์เร็วๆนะคะ ผมยังอยู่ในช่วงพักยาวอยู่ครับ ยังไม่ลงเล่นทอง...เพราะหมอยังนัดตรวจอยู่เรื่อยๆ ยังไม่ทราบจะโดนผ่าตัดอีกรอบหรือเปล่า จะลงสนามคงปีหน้าครับ ;)หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 07:38:48 AM เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด) เส้นล่าง---แนวหนุน ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้ ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่ วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 07:39:18 AM ;)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 08:29:49 AM สวัสดีตอนเช้าครับคุณทองใหม่ :D :D :D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 09:21:19 AM สวัสดีค่ะอาจารย์ ขอมานั่งรอข่าวแต่เช้าด้วยคนนะคะ :-*
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 09:28:37 AM สวัสดีครับคุณทองใหม่ ;) ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ ;D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 10:22:36 AM อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ มาขอบคุณและขอให้แข็งแรงสดชื่นทั้งวันนะคะ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 10:25:00 AM ประธานาธิบดีเร่งทบทวนนโยบายหลังตัวเลขว่างงานพุ่งสูงสุดในรอบกว่า 26 ปี
Posted on Monday, November 09, 2009 ทองทะลุ 1,100 เหรียญ ? น้ำมันร่วง หลังว่างงานทำสถิติสูงสุด แนวโน้มความต้องการพลังงานในปีหน้าเริ่มที่จะแผ่วลง หลังผู้บริโภคในเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกกำลังเผชิญกับปัญหาการว่างงานอย่างหนัก ล่าสุดกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นไปอยู่ที่ 10.2% ในเดือนตุลาคม ทำสถิติสูงสุดในรอบ 26 ปี ซึ่งภาพที่แย่ลงของตลาดแรงงานนี้ก็ทำให้ราคาน้ำมันร่วงลงไปกว่า 2 เหรียญเมื่อวันศุกร์ อย่างไรก็ดี ในทางตรงกันข้าม นักลงทุนกลับมาให้ความสนใจในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยสูง อย่าง ทองคำ กันมากขึ้น หลังตัวเลขที่น่าห่วงในภาคแรงงานมีส่วนกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่กล้าที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วนัก ซึ่งจะส่งผลให้เงินดอลลาร์มีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ ราคาทองในตลาดล่วงหน้านิวยอร์ก วิ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,101.90 เหรียญต่อออนซ์ ก่อนจะลดความร้อนแรงลงมาปิดที่ 1,095.70 เหรียญเมื่อวันศุกร์ และทำให้ราคาทองในปีนี้วิ่งขึ้นมาแล้วถึง 24% ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ถึงแม้จะปิดบวกได้ในสัปดาห์ก่อน เนื่องจาก (1) เฟดส่งสัญญาณยืนดอกเบี้ยที่ระดับเดิมต่อไปและ (2) รายงานเศรษฐกิจในส่วนของภาคการผลิตและตลาดบ้านที่ออกมาดีกว่าคาด (3) การประกาศดีลการซื้อกิจการครั้งใหญ่ของ Berkshire Hathaway ที่เป็นบริษัทของมหาเศรษฐี Warren Buffet อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังต้องจับตาดูปัจจัยอื่นที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะสถานการณ์การค้าระหว่างประเทศที่จะสะท้อนผ่านตัวเลขดุลการค้า ที่จะประกาศในวันศุกร์ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ จะขยับเพิ่มขึ้นอีกในเดือนกันยายน จากระดับ 30,700 ล้านเหรียญในเดือนสิงหาคม มาอยู่ที่ 31,800 ล้านเหรียญ เนื่องจากการปรับเพิ่มขึ้นของมูลค่านำเข้าน้ำมันและรถยนต์ ขณะเดียวกัน ตัวเลขส่งออกของประเทศก็อาจจะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ตามดีมานด์ที่มาจากเอเชียและยุโรป และปัจจัยเงินดอลลาร์อ่อนค่าที่ช่วยให้สินค้าจากอเมริกามีความน่าสนใจมากขึ้น นอกจากนั้น ในสัปดาห์นี้ ยังมีบริษัทชั้นนำที่จะทยอยประกาศผลประกอบการอีกอย่างต่อเนื่อง รวมถึง บริษัท Walt Disney และ Wal-Mart Stores ผู้แทนสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายสุขภาพ 1 ล้านล้านดอลลาร์ นับว่าประสบความสำเร็จไปได้แล้วหนึ่งก้าวสำหรับการปฏิรูประบบสวัสดิการสุขภาพในสหรัฐ เมื่อสภาล่าง หรือ สภาผู้แทนราษฎรโหวตผ่านร่างกฎหมายที่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดทางด้านสาธาณสุขของอเมริกา ด้วยจุดประสงค์ที่ต้องการให้ระบบครอบคลุมถึงประชาชนชาวอเมริกันทุกคน และการนำบริษัทประกันให้เข้ามาอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์ใหม่ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการแข่งขันมากขึ้น สภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ โหวตให้ร่างกฏหมายฉบับดังกล่าวผ่านด้วยคะแนนสูสี 220 (เดโมแครต 219 / รีพับรีกัน 1 เสียง) ต่อ 215 เสียง โดยมีสมาชิกพรรค Democrats จำนวน 39 รายที่แตกแถวด้วยการโหวตไม่เห็นด้วย ขณะที่มีผู้แทนจาก Republican เพียง 1 ราย ที่แหวกโผและโหวตให้มาตรการดังกล่าวผ่าน สภาคองเกรสกำลังอยู่ระหว่างขั้นตอนสำคัญที่จะนำความเปลี่ยนแปลงมาสู่ระบบสวัสดิการสุขภาพของประเทศ ที่ได้เริ่มต้นขึ้นมาตั้งแต่ปี 1965 ภายใต้โครงการ Medicare หรือโครงการประกันสังคมแก่ผู้สูงอายุ ผู้พิการ หรือผู้ที่มีคุณสมบัติอื่นตามที่กำหนด ร่างกฏหมายใหม่จะทำให้เกิดต้นทุนกว่า 1 ล้านล้านเหรียญนี้ในช่วง 10 ปีข้างหน้า และจะครอบคลุมไปถึงชาวอเมริกันอีก 36 ล้านคนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ระบบประกันสังคม อีกทั้งยังมีเจตนาที่จะป้องกันไม่ให้บริษัทประกันปฏิเสธไม่ให้ความครอบคลุมในกรณีต่างๆ ด้วย นอกจากนี้ ผู้สูงอายุก็จะได้รับความคุ้มครอง รวมถึงได้รับยาตามความเหมาะสม และหลังจากที่สภาผู้แทนฯ ได้ผ่านร่างมาตรการดังกล่าวแล้ว ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ได้บอกผ่านแถลงการณ์ว่า ในที่สุดสมาชิกสภาผู้แทนฯ ก็ได้ทำความจริงให้เกิดขึ้นด้วยการมอบระบบสวัสดิการสุขภาพที่มีคุณภาพ ในราคาที่สามารถจ่ายได้ ให้กับประชาชนชาวอเมริกัน ซึ่งโอบามายังได้ขอร้องผ่านไปทางวุฒิสภาให้พิจารณาผ่านมาตรการนี้ในแบบเดียวกัน จนสามารถให้เขาเซ็นผ่านกฏหมายได้ทันภายในปีนี้ มาถึงจุดนี้ ทุกฝ่ายก็ต้องหันไปจับตามองที่วุฒิสภา ว่าจะเห็นชอบกับร่างกฏหมายนี้หรือไม่ และถ้าหากผ่านไปได้ ทั้งสองสภาฯ ก็จะเข้ามาพิจารณาประนีประนอมร่วมกันอีกครั้งสำหรับกฎหมายฉบับใหม่ ก่อนที่จะทำการโหวตรอบสุดท้าย ซึ่งกระบวนการทั้งหมดก็น่าจะกินเวลาอย่างน้อยอีกเป็นเดือน โอบามาเร่งทบทวนนโยบายจ้างงาน-คลังสหรัฐฯ เดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจ อัตราว่างงานประจำเดือนต.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบกว่า 26 ปี ส่งผลให้คณะทำงานของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เร่งทบทวนแผนกระตุ้นการจ้างงานภายใน 2-3 สัปดาห์นี้ โดยคาดว่าจะอัดฉีดเม็ดเงินเพิ่มเติมในมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 7 แสนกว่าล้านดอลลาร์ โอบามากล่าวที่ทำเนียบขาวหลังกระทรวงแรงงานเปิดเผยข้อมูลจ้างงานว่า "ทีมเศรษฐกิจกำลังเร่งทบทวนนโยบายกระตุ้นการจ้างงาน ซึ่งครอบคลุมดึงการลงทุนเพิ่มขึ้นในโครงการสร้างถนนและสะพาน // หรือเพิ่มวงเงินลดหย่อนภาษีเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและกระตุ้นการจ้างงาน เพราะการอัดฉีดเงินในโครงการก่อสร้างจะช่วยให้การจ้างงานเพิ่มขึ้นด้วย // นอกจากนี้ ทีมงานยังพิจารณาเพิ่มอัตราการไหลเวียนของเงินลงทุนในธุรกิจขนาดเล็ก" กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (nonfarm payroll) ประจำเดือนต.ค.ร่วงลง 190,000 ตำแหน่ง ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดการณ์ ส่วนอัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีครึ่ง สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานในสหรัฐยังอยู่ในภาวะที่ตึงตัวมาก โอบามายังกล่าวด้วยว่า อัตราว่างงานและตัวเลขจ้างงานสร้างความผิดหวังและน่ากังวลใจเป็นอย่างยิ่ง แม้รัฐบาลได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบการเงิน การลดหย่อนภาษี และการคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับต่ำ ทั้งนี้ โอบามายืนยันว่าทางรัฐบาลจะหาทางแก้ไขวิกฤตการณ์แรงงานภายในประเทศ ด้วยพิจารณาทั้งทางเลือกเดิมที่มีอยู่และทางเลือกใหม่ๆที่จะกระตุ้นการจ้างงานให้ฟื้น นายทิโมธี ไกธ์เนอร์ รัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวย้ำว่า สหรัฐจะยังไม่ยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ จนกว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศจะฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง ไกธ์เนอร์ระบุว่า "หากถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไป เศรษฐกิจและระบบการเงินจะยิ่งอ่อนแอลง ขณะที่อัตราว่างงานจะยังสูงขึ้น และภาคธุรกิจเอกชนจะซบเซา นอกจากนี้ ตัวเลขขาดดุลการค้าจะปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบให้ภาพรวมเศรษฐกิจแย่หนักกว่าเดิม นอกจากนี้ ไกธ์เนอร์ยังกล่าวถึงความจำเป็นในการกระตุ้นการจ้างงานและสนับสนุนการลงทุนของภาคธุรกิจที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมถึงการแก้ปัญหาตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดสินเชื่อ ไกธ์เนอร์เสริมว่า "ยังเร็วเกินไปที่จะมองถึงแนวโน้มที่สดใสจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในขณะนี้ และโดยปกติแล้วความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากวิกฤตการณ์ต่างๆที่ผ่านมาก็คือการยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนถึงเวลาอันควร" ธนาคารยูไนเต็ด คอมเมอร์เชียลของสหรัฐฯ ล้มละลายในสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) เปิดเผยว่า ธนาคารยูไนเต็ด คอมเมอร์เชียล แบงค์ ซึ่งเป็นธนาคารในเครือ UCBH Holdings ซึ่งมีทรัพย์สินราว 11,200 ล้านดอลลาร์ ประสบภาวะล้มละลาย ส่งผลให้จำนวนธนาคารล้มละลายในสหรัฐในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 120 ราย FDIC คาดว่าจำนวนธนาคารล้มละลายในสหรัฐที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้ต้นทุนประกันเงินฝากของ FDIC พุ่งเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีข้างหน้า และจะทำให้ FDIC ประสบภาวะขาดดุลบัญชีในเดือนนี้ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่ประเมินไว้ในเบื้องต้นที่ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ด้วยเหตุนี้ FDIC จึงวางแผนที่จะเพิ่มค่าธรรมเนียมพิเศษจากธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศเพื่อเพิ่มเงินทุนในบัญชีของ FDIC จำนวน 5,600 ล้านดอลลาร์ ฟอร์ไซท์ อนาไลติกส์ ระบุว่า ยอดการผิดนัดชำระหนี้เงินกู้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไตรมาส 2 ของสหรัฐมีอยู่ทั้งสิ้น 110,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็น 6 % ของจำนวนเงินกู้โดยรวม หรือคิดเป็น 11 เท่าของยอดการผิดนัดชำระหนี้ในไตรมาส 4 ปี 2550 และคาดว่ายอดการผิดนัดชำระหนี้เพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐจะพุ่งเป็น 1.70 แสนล้านดอลลาร์ภายในปีหน้า โดยล่าสุด ได้มีการรายงานกรณีที่สถาบันการเงินล้มไป ก็คือ ซีไอที กรุ๊ป อิงค์ (CIT Group Inc) สถาบันการเงินผู้ปล่อยกู้รายใหญ่ของสหรัฐที่ดำเนินธุรกิจมานานถึง 101 ปี ที่ได้ยื่นขอพิทักษ์ทรัพย์สินจากศาลล้มละลายในเมืองแมนฮัทตัน ตามกฎหมายมาตรา 11 แห่งราชอาณาจักรสหรัฐอเมริกา โดย CIT มีภาระหนี้สิน 64,900 ล้านดอลลาร์ และมีทรัพย์สิน 71,000 ล้านดอลล้านดอลลาร์ หลังจากบริษัทขาดสภาพคล่องอย่างหนักและไม่ได้รับความช่วยเหลือเพิ่มเติมจากรัฐบาลสหรัฐ ประเด็นการทุ่มตลาดของ จีน-สหรัฐ กลับมาร้อนแรงอีกครั้ง สหรัฐประกาศเก็บภาษีนำเข้าท่อเหล็กจากจีนสูงสุด 99% หลังผู้ผลิตสัญชาติอเมริกันนำโดย ยูเอส สตีล คอร์ป ร้องเรียนว่าสินค้าจีนทุ่มตลาดจนสามารถจำหน่ายได้ในราคาต่ำกว่าราคาตลาด กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่าอัตราภาษีนำเข้าท่อเหล็กส่งน้ำมันและก๊าซจะอยู่ที่ 36.5% ไม่รวมก่อนหน้านี้ที่ประกาศขึ้นไปแล้ว 21% อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจขึ้นภาษีครั้งนี้อาจสร้างความลำบากใจให้กับประธานาธิบดีบารัค โอบามา ซึ่งจะเดินทางเยือนจีนและเข้าพบกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ในวันที่ 16-17 พฤศจิกายนนี้ จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐรองจากแคนาดา และมียอดเกินดุลการค้ากับสหรัฐถึง 266,000 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ทางการจีนเองนำโดยกระทรวงพาณิชย์จีน เตรียมเดินหน้าตรวจสอบการใช้มาตรการต่อต้านการทุ่มตลาดและการต่อต้านการใช้เงินอุดหนุนในธุรกิจยานยนต์สหรัฐ ซึ่งเชื่อกันว่า มาตรการดังกล่าวของจีนจะเป็นการตอบโต้สหรัฐที่ตัดสินใจเก็บภาษีนำเข้าเหล็กที่ผลิตในจีน เมื่อเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โอบามาได้ตัดสินใจเก็บภาษีการนำเข้ายางจากจีน ซึ่งถือเป็นความเคลื่อนไหวด้านการค้าครั้งแรกที่สหรัฐมีต่อจีนภายใต้การนำของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำเอเชียวิตกปัญหาไทย-กัมพูชากระทบอาเซียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์ได้แสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชาว่าอาจจะส่งผลกระทบต่ออาเซียนโดยรวม กรณีความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชาที่กำลังตึงเครียดในช่วงนี้ว่า "สิงคโปร์รู้สึกกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เลวร้ายลงระหว่างไทยและกัมพูชา สถานการณ์เช่นนี้ไม่ดีต่ออาเซียน และสิงคโปร์หวังว่าทั้งสองประเทศจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของอาเซียนเป็นสำคัญ และสามารถหาทางแก้ไขข้อขัดแย้งได้โดยเร็ว ด้วยเจตนาของการเป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน ขณะที่ญี่ปุ่นวิตกปัญหาขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาเช่นกัน โดยนายกรัฐมนตรียูกิโอะ ฮาโตยามะกล่าวแสดงความวิตกกังวลต่อปัญหาความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา หลังกัมพูชาแต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไทย เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจ เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นแถลงว่า นายฮาโตยามะ แสดงความวิตกกังวลดังกล่าวในระหว่างการพบปะระดับทวิภาคีกับนายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชา โดยนายฮาโตยามะกล่าวคาดหวังว่าปัญหาระหว่างประเทศทั้งสองจะคลี่คลาย เนื่องจากทั้งสองประเทศต่างเป็นเพื่อนบ้านสำคัญในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกล่าวตอบว่าสถานการณ์ชายแดนยังมั่นคง แม้มีการปะทะคารมระหว่างกันในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา การพบกันในระดับทวิภาคีระหว่างผู้นำญี่ปุ่นและกัมพูชามีขึ้น หลังเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดระหว่างญี่ปุ่นและ 5 ประเทศลุ่มน้ำโขง ซึ่งได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา พม่าและเวียดนาม แต่ไม่มีการหารือในระดับทวิภาคีระหว่างนายกรัฐมนตรีฮุน เซน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีไทย ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (ศุกร์ที่ 6 พ.ย. 2552) ? ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (ต.ค.) ลดลง 190,000 ตำแหน่ง ? อัตราการว่างงาน (ต.ค.) อยู่ที่ระดับ 10.2% ? ยอดค้าส่ง (ก.ย.) ลดลง 0.9% จากเดือนก่อนหน้า ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 10:39:56 AM สวัสดีค่ะคุณทองใหม่
ขอบคุณมากค่ะ ;D หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 10:51:40 AM ;)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 10:53:08 AM :P
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 10:56:19 AM ::)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: verb2be ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 11:24:00 AM ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ :D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Seyren ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 01:03:20 PM ขอบคุณครับคุณทองใหม่ ขอติดตามเป็นสาวกด้วยคนนะครับ ^^
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 01:11:39 PM กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้[/size] หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 01:16:30 PM ดัชนีเงินเมกา
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 01:19:41 PM น้ำมัน
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 01:24:07 PM ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ ;)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: อุ๊ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 02:20:50 PM ขอบคุณค่ะ :sleepy:
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 02:50:22 PM บทวิเคราะห์ทองคำ (09-11-52)
09 พ.ย. 2552 สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สค่อยๆปรับตัวขึ้นตามคาด ราคาทองคำสปอตปรับตัวผันผวนในทิศบวกคืนวันศุกร์ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,200/300 บาท เงินบาทแข็งค่า ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้ ราคาทองคำได้รับแรงผลักดันแรกเริ่มจากตลาดหุ้นเอเชียที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนราคาทองคำหลุดออกจากกรอบแคบ ส่งผลให้มีแรงซื้อทางเทคนิคผลักดันให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นไปก่อนปิดตลาดไทย สหรัฐฯรายงานภาวะตลาดแรงงานประจำเดือนออกมาแย่กว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญคือมีการลดคนมากกว่าคาดและมีอัตราการว่างงานสูงถึง 10.2% จากเดือนก่อนหน้าเพียง 9.8% อย่างไรก็ตามยังเห็นได้ว่าแรงงานได้รับค่าแรงสูงขึ้นกว่าเดิม ซึ่งเป็นการยืนยันความคิดก่อนหน้านี้คือกิจการอยู่รอดได้ด้วยการลดคนและจ่ายค่าแรงเพิ่มขึ้น รายงานดังกล่าวจึงไม่ได้ส่งผลลบต่อตลาดหุ้นในขณะที่ส่งผลบวกต่อราคาทองคำในมุมมองว่าเฟดจะยังไม่สามารถปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยได้ในเร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าต่อเนื่องในขณะที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นไป [Econoday, TCAF Research] กลุ่ม G20 ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงต่อดอลลาร์สหรัฐแต่อย่างใดและยังยืนยันทิ้งมาตรการอัดฉีดไว้ในระบบจนกว่าจะแน่ใจว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความมั่นคงแล้วในขณะที่อินเดียอาจเป็นชาติแรกใน G20 ที่เริ่มถอนมาตรการต่างๆออกจากระบบเนื่องจากเงินเฟ้อที่อาจเกิดขึ้น รายงานดังกล่าวจึงส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่องอีกในเช้าวันนี้ [Bloomberg, G20, TCAF Research] แนวโน้มทองคำวันนี้ เรามองว่าแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่าน่าจะส่งผลให้ "ราคาทองคำปรับตัวขึ้นช้าๆ" ในขณะที่ราคาทองคำเข้าใกล้แนวต้านทางจิตวิทยา เราจึงแนะนำให้ "สะสม LONG เมื่ออ่อนตัว หรือเมื่อราคาสปอตยืนเหนือ $1,100 ได้ เพื่อทำกำไรระยะสั้น" มุมมองทองคำ ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 02:51:26 PM Daily Update09-11-52
09 พ.ย. 2552 Gold Market Commentary ประเด็นสำคัญ - ทองปรับขึ้นจากแรงซื้อเก็งกำไร พุ่งอีก 6.40 ดอลล์ - น้ำมันดิบปิดร่วง $2.19 หลังอัตราว่างงานสหรัฐพุ่งเหนือ 10% - น้ำมันดิบปิดร่วง $2.19 หลังอัตราว่างงานสหรัฐพุ่งเหนือ 10% - ดาวโจนส์ปิดบวก 17.46 จุด หลังสหรัฐเผยตัวเลขจ้างงาน ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดพุ่งขึ้นเมื่อ 6 พ.ย. เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อเก็งกำไรเพราะเชื่อว่าอัตราว่างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% จะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก ซึ่งอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำจะกดดันสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนแอลง แต่จะเป็น ปัจจัยบวกต่อตลาดทองคำ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานเดือนต.ค.ที่ลดลงน้อยกว่าในเดือนพ.ย. อย่างไรก็ตาม ตลาดเผชิญแรงกดดันจากคำสั่งขายซึ่งส่งผลสกัดแรงบวกในตลาด เนื่องจากอัตราว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 26 ปี ซึ่งสภาวะตึงตัวในตลาดแรงงานเช่นนี้ทำให้นักลงทุนส่วนเชื่อใหญ่เชื่อว่า ธนาคารกลางสหรัฐ คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไปอีกระยะหนึ่ง ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืน 6 พ.ย. เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อดอลลาร์สหรัฐเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในยามที่เศรษฐกิจยังอยู่ในภาวะเปราะบาง หลังจากอัตราว่างงานเดือนต.ค.ของสหรัฐพุ่งขึ้นเหนือระดับ 10% เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2526 อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นรุนแรงจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีก กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,108.399 ตัน ณ วันที่ 8 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 4.88 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52 โดยกองทุนได้ถือครองทองคำเพิ่มแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,134.04 ตัน เมื่อ 1 มิถุนายน 2552 กลยุทธ์ ช่วงทำการวันพุธ น่าจะเป็นช่วงที่อาจเกิดช่วงเวลาการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นได้ ให้แนวจุดขาดทุนไว้ที่ระดับราคา 1,087 US$ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: JO-JO ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 03:11:37 PM ขอบคุณ คุณทองใหม่ครับ
:) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 09, 2009, 08:09:25 PM ขอบคุณคุณทองใหม่ค่ะ พักผ่อนนอนนิ่งๆนะคะ จะได้หายเร็วๆค่ะ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Neung99k ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 03:09:09 AM ขอบคุณครับคุณทองใหม่ ;D พักผ่อนเยอะๆนะครับ ขอให้หายดีไวๆ จะได้ลุยต่อครับ :D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 06:42:27 AM วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 06:44:58 AM เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด) เส้นล่าง---แนวหนุน ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้ ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่ วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 06:52:40 AM กองทุนETF
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 10:19:02 AM ขอบคุณครับ ;D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: อุ๊ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 10:26:45 AM หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 10:45:37 AM ขอบคุณครับ angel.gif
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 11:20:55 AM คาดราคาน้ำมันในตลาดโลกยังไม่แตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในเร็ววัน
Posted on Tuesday, November 10, 2009 Dow Jones พุ่งทำสถิติใหม่ของปี 2552 หลัง G20 ยันกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ ดัชนี Dow Jones ปิดบวกกว่า 2% ประเดิมวันทำการแรกของสัปดาห์ รับข่าวที่ประชุม G20 ที่แสดงความเห็นพ้องกันว่าจะคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ต่อไป โดยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ Alistair Darling ในฐานะเจ้าภาพจัดประชุมบอกว่า ที่ประชุมตัดสินใจที่จะสนับสนุนนโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีก และยังคงระดับการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาลไปจนกว่าจะเห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสามารถเป็นไปอย่างต่อเนื่อง สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของนักลงทุนในขณะนี้ หากมองผ่านตลาดล่วงหน้าในส่วน Fed funds futures ก็สะท้อนให้เห็นความเชื่อที่ว่า ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกามีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า ในสภาวะตอนนี้ ที่มีสัญญาณเศรษฐกิจกำลังขยายตัวได้และเริ่มรองรับการขยับขึ้นของดอกเบี้ย จะเป็นตัวผลักดันให้ตลาดหุ้นบวกได้ต่อหลังจากนี้ ขณะเฟดยังมีโอกาสยืนดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำนี้ต่อไปในการประชุมอีก 6 ครั้งข้างหน้า ทางด้านราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตามปัจจัยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงไปอยู่แถวระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน และเรื่องพายุลูกใหม่ Ida ที่เคลื่อนเข้าอ่าวเม็กซิโก จนทำให้ผู้ผลิตทั้งบริษัท BP และ Chevron ต้องปรับลดกำลังการผลิต โดยสัญญาน้ำมันส่งมอบเดือนธันวาคม บวกขึ้น 2 เหรียญ หรือกว่า 2% มาที่ 79.44 เหรียญต่อบาร์เรล จ่อเข้าใกล้ระดับสูงสุดใหม่ที่เคยทำไว้ที่ 82 เหรียญ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ในส่วนราคาสินทรัพย์ที่เป็นทางเลือกสำคัญของนักลงทุน อย่าง ทองคำ ก็บวกได้กว่า 5 เหรียญ มาปิดที่ 1,101.4 เหรียญต่อออนซ์ หลังจากระหว่างวันราคาวิ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,111.70 เหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นสถิติสูงสุดใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว ยักษ์ประกันยุโรป Allianz เผยกำไรพุ่งกว่าเท่าตัว บริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของยุโรป Allianz เปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เมื่อรายได้จากการลงทุนฟื้นขึ้นได้ หลังจากที่มีการล้างหนี้สูญไปเมื่อปีที่แล้ว และถ้าหากไม่รวมรายได้จากการขายธุรกิจ Dresner Bank ให้กับ Commerzbank จากเยอรมันไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กำไรของยักษ์ใหญ่ประกันรายนี้ ก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,320 ล้านยูโร จาก 545 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าตัวเลขจะออกมาที่ราว 1,250 ล้านยูโร ขณะที่ทาง Allianz เองก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายกำไรของทั้งปีไว้ บริษัทประกันจากเมืองมิวนิครายนี้ ภายใต้การนำของซีอีโอ นายมิคาเอล ดิเอคมันน์ (Michael Diekmann) สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในครึ่งปีแรก หลังจากล้างขาดทุนและขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไร อย่าง ธนาคาร Dresner ที่เคยสร้างภาระขาดทุนกว่า 2,400 ล้านยูโรในปีที่แล้ว มาในตอนนี้ Allianz ก็กำลังดิ้นรนที่จะกลับไปยืนผงาดด้วยกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เหมือนในปี 2007 อีกครั้ง ภายหลังจากที่วิกฤติเศรษฐกิจเล่นงานรายได้เบี้ยประกันให้ลดลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับต่ำ และมูลค่าการลงทุนในหุ้นก็ปรับตัวลง ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างล้วนไปบีบคั้นกำไรของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา จากธุรกิจประกันของเยอรมัน ก็มาดูต่อที่ความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ประกันจากฝรั่งเศส ที่บริษัทสาขาในออสเตรเลีย อย่าง Axa Asia Pacific Holdings ได้ปฏิเสธการเข้ามาขอซื้อธุรกิจจากบริษัทแม่ และบริษัทที่ทำธุรกิจ wealth management รายใหญ่ อย่าง AMP ไปเรียบร้อยแล้ว และนี่ก็ถือเป็นการยุติความหวังดีลเทคโอเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียของปีนี้อีกด้วย บริษัท AMP จากซิดนีย์ ได้ทำคำเสนอซื้อ Axa Asia Pacific ในราคา 5.34 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาดถึงกว่า 20% และภายใต้ข้อเสนอนี้ บริษัทแม่ ซึ่งก็คือ Axa จากปารีส จะขายหุ้น Axa Asia Pacific นี้ในสัดส่วน 54% ให้กับบริษัท AMP ก่อนที่จะซื้อหุ้นธุรกิจในเอเชียรายนี้คืน ด้วยมูลค่า 7,700 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ราคาหุ้นของ Axa Asia Pacific พุ่งขึ้นไปสูงถึง 35% ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนต่างคาดหวังมูลค่าการขอซื้อหุ้นในราคาที่สูงกว่านี้ ขณะเดียวกัน คำเสนอซื้อดังกล่าวก็ถือเป็นความพยายามครั้งที่สองจากบริษัทแม่ในฝรั่งเศส ในรอบห้าปี สำหรับความต้องการที่จะเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดที่กำลังมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ ทั่วโลกร่วมประชุมโดฮาเพิ่มอำนาจ UN แก้ปัญหาทุจริตการเงิน ตัวแทนเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆหลายร้อยคนต่างเดินทางมาร่วมประชุมที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ เพื่อหาทางเพิ่มอำนาจตามข้อตกลงขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในการต่อสู้กับปัญหาทุจริตทางการเงิน หลังจากที่การประชุม 2 ครั้งก่อนซึ่งจัดขึ้นเมื่อช่วงปีที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จ โดยหลายฝ่ายคาดว่า ในการประชุม 5 วัน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานนี้นั้น เจ้าหน้าที่จากยูเอ็นและธนาคารโลกอาจหารือกันเพื่อเรียกร้องให้นานาประเทศช่วยกันกวาดล้างและปราบปรามการประพฤติมิชอบด้านการเงิน นอกจากนี้ ที่ประชุมมีความพยายามที่จะกำหนดกระบวนการตรวจสอบบัญชีในแต่ละประเทศอย่างอิสระ รวมถึงการตรวจหาเม็ดเงินของกองทุนที่ตกหล่นหรือสูญหาย ขณะที่ตัวแทนจากบางประเทศ เช่นจีน และรัสเซีย แสดงความเห็นคัดค้านมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้ รายงานจากยูเอ็นคาดการณ์ว่า เม็ดเงินที่มาจากการตักตวงผลประโยชน์ของกองทุนภาครัฐทั่วโลกในแต่ละปีนั้น มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เยอรมนีเผยยอดส่งออกพุ่งส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น สำนักงานสถิติของเยอรมนีรายงานว่า ยอดส่งออกในเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 3.8% จากเดือนส.ค. แม้ว่าค่าเงินยูโรแข็งแกร่งในระยะนี้ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5% ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันที่ 5.8% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรปกำลังฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น เยอรมนีเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลก ส่งออกสินค้าคิดเป็นมูลค่า 7 หมื่นล้านยูโร (105,000 ล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ย. และนำเข้าสินค้าคิดเป็นมูลค่า 59,400 ล้านยูโร ตัวเลขส่งออกและนำเข้าล่าสุดส่งผลให้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าขยับลงมาอยู่ที่ 9,900 ล้านยูโร (14,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับ 10,600 ล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. ทั้งนี้ แต่เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดส่งออกเดือนก.ย.2552 อยู่ในระดับต่ำกว่ายอดส่งออกเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 18.8% ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. 2551 ตัวเลขส่งออกและนำเข้ารายปีแสดงให้เห็นว่า ยอดส่งออกและนำเข้าของเยอรมนีปรับตัวลดลงในจังหวะที่ชะลอตัว โดยเมื่อเดือนส.ค. ยอดส่งออกรายปี ทรุดลง 20.9% ขณะที่ยอดนำเข้าร่วง 20.1% นอกจากนี้ยังมีความน่าสนใจจากเยอรมันเพิ่มเติมด้วยก็คือ ผู้นำระดับโลกจากหลายประเทศพร้อมด้วยประชาชนหลายพันคนร่วมกันฉลองครบรอบ 20 ปีของการทำลายกำแพงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การสิ้นสุดสงครามเย็นในที่สุด นายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคล ซึ่งเติบโตในเยอรมนีตะวันออก จะเป็นผู้นำการเฉลิมฉลองครั้งนี้ ส่วนแขกสำคัญของงานประกอบด้วย มิคาอิล กอบาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต, นิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส, กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ รวมถึง ไมคลอส เนเม็ธ อดีตนายกรัฐมนตรีฮังการี ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจเปิดชายแดนเพื่อให้ชาวเยอรมันตะวันออกหนีไปยังเยอรมันตะวันตกได้ การเฉลิมฉลองครั้งนี้จัดขึ้นบริเวณ Brandenburg Gate ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการรวมสองเยอรมนีเข้าด้วยกันอีกครั้งในปี 2533 โดยในงานมีการนำโดมิโนยักษ์ทำจากโฟม 1,000 ตัวไปวางตามทางที่เคยมุ่งไปสู่กำแพงเบอร์ลิน เพื่อแสดงถึงการล่มสลายอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกในปี 2532 ผู้เชี่ยวชาญคาดน้ำมันยังไม่แตะ $100 กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กำลังเพิ่มปริมาณการผลิตในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ทำให้สต็อกน้ำมันดิบของโอเปคพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์ดังกล่าวไม่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดตัวขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในเร็วนี้ สตีเฟ่น ชอร์ก ประธานบริษัท ชอร์ก กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัที่ปรึกษาด้านพลังงานรายใหญ่ในสหรัฐเปิดเผยว่า โอเปคเพิ่มปริมาณการผลิต 4% ต่อวัน หรือ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา "ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 100 ดอลลาร์ไม่เป็นผลดีต่อโอเปค เพราะโอเปครู้ดีว่าบรรดานักเก็งกำไรยังคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น? ชอร์กกล่าว นอกจากนี้ ยังมีไม่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคนใดเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 100 ดอลลาร์ก่อนถึงปลายปีหน้า ขณะที่กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดิอาระเบียระบุว่าราคาน้ำมันที่ระดับ 75 ดอลลาร์เป็นระดับที่ยุติธรรมสำหรับผู้ใช้และผู้ผลิต พร้อมกล่าวว่าซาอุดิอาระเบียได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 50% หรือ 4 ล้านบาร์เรล/วัน นอกจากนี้ รายงานข่าวที่ว่า บริษัทน้ำมันหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโกพากันอพยพพนักงานและระงับการผลิตบางส่วนเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคน "ไอด้า" ทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโก โดยอ่าวเม็กซิโกเป็นพื้นที่ที่สามารถผิลน้ำมันดิบได้กว่า 1 ใน 4 ของปริมาณการผลิตโดยรวมในสหรัฐ ทำให้ราคาน้ำมันดิบสิงคโปร์เมื่อวานนี้ปรับตัวสูงขึ้น สัญญาน้ำมันส่งมอบเดือนธันวาคม บวกขึ้น 2 เหรียญ หรือกว่า 2% มาที่ 79.44 เหรียญต่อบาร์เรล จ่อเข้าใกล้ระดับสูงสุดใหม่ที่เคยทำไว้ที่ 82 เหรียญ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม สิงคโปร์เล็งใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาฯ ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยในรายงาน Financial Stability Review ว่า สิงคโปร์อาจต้องใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศมากขึ้นหากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก่อให้เกิดการซื้อขายเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารกลางสิงคโปร์กล่าวในรายงานว่า ดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลขยายตัวขึ้นอย่างมาก และราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกอยู่ในความเสี่ยง สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือการติดตามสถานการณ์ราคาและการทำธุรกรรมซื้อขายบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์และเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความไม่แน่นอน แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ยังมีการซื้อขายที่แข็งแกร่ง ธนาคารกลางเชื่อว่าเกิดจากการเก็งกำไร ด้วยเหตุนี้สิงคโปร์จึงต้องปรับมาตรการให้พอเหมาะเพื่อควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เคลื่อนไหวอย่างสมดุลกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางสิงคโปร์ยังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์เข้าสู่ระยะฟื้นตัวแล้วหลังจากเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ถึงระดับก่อนเกิดวิกฤตการณ์ ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีลี กวน ยู คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ และจะขยายตัว 3% ในปีหน้า นอกจากนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์คาดว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์จะเผชิญภาวะผันผวนไม่ต่างกับตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติและนักลงทุนรายใหญ่ปรับพอร์ทการลงทุน บลูมเบิร์กรายงานว่า จีดีพี ไตรมาส 3 ขยายตัว 14.9%ต่อปี หลังจากขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 22%ต่อปี ในไตรมาส 2 ทั้งนี้ สิงคโปร์ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การค้า และการเงินเป็นหลัก เพื่อให้สามารถประคองสถานการณ์เป็นประเทศที่มีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่สูงสุดในเอเชีย โดยภาคการผลิตของสิงคโปร์ขยายตัว 35%ต่อปีในไตรมาส 3 ส่วนภาคบริการขยายตัว 9.5% ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 11:37:51 AM 8)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 11:38:44 AM :D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 11:41:01 AM มาสวัสดีแล้วก็ขอบคุณคุณทองใหม่ค่ะ พักผ่อนมากๆหายเร็วๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 11:58:20 AM ๑ชม.
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 11:58:53 AM ๔ชม.
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 12:25:05 PM ขอบคุณค่ะ ;D หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 01:14:19 PM กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้[/size] ทอง หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 01:15:20 PM ดัชนีเงินเมกา
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 01:19:24 PM น้ำมัน
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 01:29:56 PM บทวิเคราะห์ทองคำ (10-11-52)
10 พ.ย. 2552 สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สค่อยๆปรับตัวขึ้นตามคาด โดยมี Discount ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อราคาทองคำสปอตปรับตัวพ้น $1,100 ก่อนถูกเทขายทำกำไรเมื่อคืน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,400/500 บาท เงินบาทแข็งค่า ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้ ดอลลลาร์อ่อนค่าพร้อมกับราคาทองคำและค่าเงินยูโรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปต่อเนื่องรับมาตรการของ G20 ที่จะทิ้งมาตรการอัดฉีดต่างๆไว้ในระบบโดยไม่ได้ให้ความสนใจเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหรือเงินเฟ้อแต่อย่างใด ดังที่เราได้ให้มุมมองไปเมื่อวานนี้ นักลงทุนจึงมีการเก็งกำไรดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง [Bloomberg, Reuters] พายุโซนร้อนไอด้า(Ida)เริ่มพัดเข้าอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันที่สำคัญ ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันต้องลดอัตราการผลิตลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรุนแรงต่อเนื่อง [Bloomberg, TCAF Research] ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไป ไม่รุนแรงพอที่จะปรับพ้นแนวต้านสำคัญ ประกอบกับว่าไม่มีปัจจัยผลักดันรุนแรงต่อ นักลงทุนจึงพากันเทขายทองคำออกมาเพื่อทำกำไร [TCAF Research] นักลงทุนจะจับตามองรายงานผลสำรวจนักวิเคราะห์ ZEW ของเยอรมัน ซึ่งเรามองว่าความอ่อนแอของภาคธนาคารน่าจะส่งผลให้นักลงทุนทำกำไรยูโรและทองคำอย่างต่อเนื่อง [TCAF Research] แนวโน้มทองคำวันนี้ ถึงว่าแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่าจะส่งผลบวก แต่ราคาทองคำที่ยังไม่สามารถปรับตัวพ้นแนวต้านสำคัญได้น่าจะส่งผลให้เกิดการเทขาย เราจึงคาดว่า"ราคาทองคำน่าจะเริ่มแกว่งตัวลง" เราจึงแนะนำให้ "เริ่มสะสม SHORT เพื่อทำกำไรในสัปดาห์" มุมมองทองคำ ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 01:33:30 PM Daily Update 10-11-52
10 พ.ย. 2552 Gold Market Commentary ประเด็นสำคัญ - กลุ่มจี-20 บ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำต่อไป - ปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,111.70 ดอลลาร์/ออนซ์ - น้ำมันดิบปิดพุ่ง 2.6% รับวิตกพายุ,ดอลล์อ่อน - ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 203 จุดแตะระดับสูงสุดรอบ 13 เดือน ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,111.70 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงแรก ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงจากคาดการณ์ถึงเงินทุนหมุนเวียนในระดับสูง ท่ามกลางภาวะแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำหลังการประชุมจี-20 ในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสัญญาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นหลังจากมีรายงานว่าบริษัทพลังงานในอ่าวเม็กซิโกสั่งอพยพพนักงานและปิดสายการผลิตบางส่วนเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคน"ไอด้า"เคลื่อนตัวเข้าสู่ฐานการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก การคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลง และจะกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคึกคัก รวมถึงน้ำมันดิบและทองคำ นิโคลาส บรู๊คส์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท ETF Securities กล่าวว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อิทธิพลของพายุไอด้าที่ส่งผลให้บริษัทพลังงานปิดสายการผลิตบางส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นด้วย กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,114.443 ตัน ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 10.924 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52 โดยกองทุนได้ถือครองทองคำเพิ่มแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,134.04 ตัน เมื่อ 1 มิถุนายน 2552 กลยุทธ์ ช่วงทำการวันพุธ อาจจะเป็นช่วงที่อาจเกิดช่วงเวลาการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นได้ ให้แนวจุดขาดทุนไว้ที่ระดับราคา 1,101 US$ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 02:18:32 PM ;) angel.gif ขอบคุณครับ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 10, 2009, 02:46:14 PM ขอบคุณค่ะ ช่วงนี้อากาศแปรปรวน รักษาสุขภาพด้วยนะคะ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 06:35:41 AM วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 06:41:01 AM เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด) เส้นล่าง---แนวหนุน ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวขึ้น เส้นล่างหันหัวลง ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้ ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่ วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 07:15:48 AM กราฟ๑ชม..ขึ้น
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 07:16:48 AM กราฟ๔ชม. ..........ลง
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: อุ๊ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 08:01:37 AM ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ :)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 10:05:01 AM บทวิเคราะห์ทองคำ (11-11-52)
11 พ.ย. 2552 สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สค่อยๆปรับตัวลงช้าๆ ในขณะที่ราคาทองคำสปอตแกว่งตัวผันผวนช่วงข้ามคืน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,300/400 บาท เงินบาททรงตัว ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้ ค่าเงินยูโรปรับตัวลดลงรุนแรงในช่วงเย็นเมื่อผลสำรวจ ZEW ออกมาแย่ลงคือถึงแม้ว่านักวิเคราะห์จะมีมุมมองเศรษฐกิจปัจจุบันที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่มุมมองว่าเศรษฐกิจเริ่มทรงตัวมากกว่าขยายตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนจึงเทขายเงินยูโรอย่างรุนแรงผลักดันราคาทองคำลดลงไปด้วย [ZEW, Econoday, TCAF Research] ไม่มีปัจจัยใหม่ในการผลักดันราคาทองคำ ซึ่งราคาทองคำยังปรับตัวอยู่เหนือ $1,100 ในตลาดสหรัฐฯ นักลงทุนจึงเข้าไปเก็งกำไรทองคำเพิ่มเติม ญี่ปุ่นรายงานยอดสั่งซื้อเครื่องจักรเติบโตขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้เงินเยนแข็งค่าอย่างรุนแรงเมื่อเช้านี้ [Bloomberg, TCAF Reseasrch] นักลงทุนจะจับตามองรายงานเศรษฐกิจของจีนที่เผยแพร่ในเช้าวันนี้ประกอบกับรายงานเงินเฟ้อของธนาคารกลางอังกฤษ แนวโน้มทองคำวันนี้ เรามองว่าน่าจะมีข่าวร้ายจากประเทศในแถบยุโรปออกมาอย่างต่อเนี่อง เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะเริ่มแกว่งตัวลง" เราจึงแนะนำให้ "สะสม SHORT เพิ่มเติม พื่อทำกำไรในสัปดาห์" มุมมองทองคำ ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ppjj ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 10:08:10 AM ขอบคุณค่ะอาจารย์ :) :) :)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: verb2be ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 10:21:47 AM ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ :D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 10:27:47 AM ใส่รูปไม่ได้แล้วครับ ทำไงดี?
เกิดข้อผิดพลาด! โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 10:31:00 AM Hedge Fund เตรียมกลับมารุ่งอีกครั้งในปีหน้า คาดให้ผลตอบแทนมากกว่า 10%
Posted on Wednesday, November 11, 2009 หุ้นสหรัฐฯ แผ่ว หลังมีบริษัทรายงานผลประกอบการน่าผิดหวัง บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากปัจจัยผลประกอบการของบางบริษัทที่ออกมาสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุน ไม่ว่าจะเป็น บริษัทผู้รับประกันตราสารรายใหญ่ อย่าง MBIA ไปจนถึง บริษัทผลิตเกมส์ชื่อดัง Electronic Arts MBIA ราคาหุ้นร่วงลงกว่า 20% หลังบริษัทรายงานตัวเลขการขาดทุน 727.8 ล้านเหรียญในไตรมาสที่ 3 หรือ 3.5 เหรียญต่อหุ้น เนื่องจากการลดลงของมูลค่าหลักทรัพย์ที่บริษัทเข้าไปค้ำประกันให้โดยผ่านตลาด credit derivatives ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า ตัวเลขขาดทุนจะอยู่แค่เพียง 1.1 เหรียญต่อหุ้นเท่านั้น ส่วนราคาหุ้นผู้ผลิตซอฟท์แวร์เกมส์รายใหญ่อันดับสอง Electronic Arts ก็ร่วงลงกว่า 6% หลังบริษัทรายงานการขาดทุนที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 391 ล้านเหรียญ อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังได้รับปัจจัยบวกจากบริษัทประกันรายใหญ่ อย่าง American International Group ที่ราคาหุ้นพุ่งขึ้นเฉียด 4% เมื่อ Moody?s Investors Service ออกมาบอกว่าบริษัท AIG จะสามารถจ่ายคืนหนี้ ที่เป็นวงเงินกู้ คืนให้แก่ธนาคารกลางสหรัฐฯ และกระทรวงการคลังได้ หากตลาดการเงินกลับคืนสู่สภาวะความมีเสถียรภาพอีกครั้ง นอกจากนี้ ข่าวดียังมาจากทาง Bank of America เมื่อซีอีโอ นาย Kenneth Lewis บอกว่า ธนาคารที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ รายนี้ น่าจะบรรลุเป้าหมายการประหยัดต้นทุนได้ถึง 45% ของยอดเงินที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านเหรียญสำหรับดีลการซื้อกิจการของ Merrill Lynch ที่เกิดขึ้นในปีนี้ ซึ่งเรียกว่าดีกว่าที่คาดไว้เมื่อตอนดีลนี้สำเร็จ สำหรับแนวโน้มการควบรวมกิจการของภาคธุรกิจในปีหน้า นาย Colm Kelleher ที่เป็น CFO ของ Morgan Stanley ก็มองว่า ธุรกรรม M&A น่าจะมีโอกาสฟื้นตัวเมื่อตลาดโดยรวมอยู่ในสถานะที่ดีขึ้น โดยทางบริษัทเอง ที่เพิ่งกระโดดขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งสำหรับธุรกิจการให้คำปรึกษาทางด้านนี้ แทนที่คู่แข่ง อย่าง Goldman Sachs Group ก็ได้เปิดเผยตัวเลขยอดรวมมูลค่าการซื้อและควบรวมกิจการทั่วโลกในปีนี้อยู่ที่ 1.42 ล้านล้านเหรียญ ซึ่งลดลงจาก 2.28 ล้านล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา ธุรกิจเฮดจ์ฟันด์จ่อกลับมารุ่งปีหน้า นาย Barry Bausano ผู้บริหารแผนกผลิตภัณฑ์ทางการเงินของ Deutsche Bank คาดว่า สินทรัพย์ของกองทุนเก็งกำไร (Hedge fund) จะพุ่งขึ้นทะลุจุดสูงสุดเดิมที่เคยทำไว้ที่ระดับ 2 ล้านล้านเหรียญภายในสิ้นปีหน้า ด้วยอัตราผลตอบแทนที่คาดว่าจะเป็นตัวเลขสองหลักที่เข้ามาล่อใจนักลงทุน ความมั่นใจนี้ก็เกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นสินทรัพย์ของ Hedge fund ที่ฝากไว้กับธนาคารจากเยอรมันรายนี้ ปรับเพิ่มขึ้นในปัจจุบัน ขณะเดียวกัน ก็พบว่านักลงทุนมีความต้องการที่จะจัดสรรเงินลงทุนใหม่ในปีหน้าด้วย และนั่นก็รวมถึงดีมานด์จากนักลงทุนสถาบันที่มีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ที่มีการคาดการณ์ว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่การลงทุนในหุ้นแบบ passive ก็จะให้ผลตอบแทนน่าผิดหวัง ธุรกิจ Hedge fund ทั่วโลกได้ฟื้นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วกว่าที่นักลงทุนคาดไว้เมื่อตอนต้นปี ถึงแม้ว่าภาครัฐกำลังศึกษาหาวิธีการควบคุมดูแลอุตสาหกรรมนี้ให้เข้มงวดมากขึ้น นอกจากนั้น ระหว่างทางตลาดก็ยังได้รับข่าวการจับกุมผู้บริหารของ Galleon Group นายราช ราชารัตนาม (Raj Rajaratnam) ที่โดนข้อหาใช้ข้อมูลภายในเพื่อการซื้อขาย หรือ Insider trading ข้อมูลของบริษัท Hedge Fund Research จากชิคาโก้ ระบุว่า สินทรัพย์ของกองทุนเก็งกำไรฟื้นขึ้นมาอยู่ที่ 1.53 ล้านล้านเหรียญในเดือนกันยายน หลังจากที่เคยร่วงลงไปอยู่ที่ 1.33 ล้านล้านเหรียญในเดือนมีนาคม ตัวเลขนี้เคยขึ้นไปแตะระดับสูงสุดที่ 1.93 ล้านล้านเหรียญเมื่อกลางปี 2008 ก่อนที่จะร่วงลงมาจากการขาดทุนอย่างหนักและการถอนเงินออกของนักลงทุน ในส่วนของผลตอบแทน ก็มีดัชนีชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่ามูลค่ากองทุนประเภทนี้ได้ขยับขึ้นแล้วเกือบ 17% ในช่วง 10 เดือนแรก โดยสัดส่วนมากกว่าสองในสามของเงินที่ไหลเข้ามานั้น เกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี ผู้บริหารของ Deutsche bank คาดว่า รายได้ของทั้งอุตสาหกรรมกองทุน Hedge fund นั้นน่าจะลดลงราวๆ 30-40% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งแม้แต่ธนาคารเองก็น่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้นสำหรับส่วนงานนี้ และรายได้ที่ดีขึ้นก็หมายถึงส่วนแบ่งตลาดที่ทาง Deutsche Bank สามารถได้เพิ่มเข้ามา Deutsche Bank และคู่แข่ง อย่าง Credit Suisse ถือเป็นธนาคารที่ได้ market share เพิ่ม หลังจากคู่หูผู้ยิ่งใหญ่ อย่าง Goldman Sachs Group และ Morgan Stanley ต้องยอมยกธงลาสำหรับธุรกิจนี้ จากผลการล้มของ Lehman Brothers Holdings เมื่อปีที่แล้ว IEA ลดคาดการณ์ความต้องการน้ำมันระยะยาว สำนักงานพลังงานสากล (IEA) ได้ปรับลดการคาดการณ์ความต้องการน้ำมันทั่วโลกในระยะยาว เนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันในประเทศพัฒนาแล้ว และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมที่สนับสนุนให้มีการใช้พลังงานทางเลือก IEA คาดว่าอุปสงค์น้ำมันทั่วโลกจะปรับตัวขึ้น 1% ต่อปี แตะ 105 ล้านบาร์เรลต่อวันภายในปี พ.ศ. 2573 จากระดับ 85 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2551 ซึ่งตัวเลขคาดการณ์ล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผยในวันนี้ ต่ำกว่าระดับ 106 ล้านบาร์เรลต่อวันที่ IEA ได้ประเมินไว้เมื่อปีที่แล้ว IEA ระบุในรายงานว่า วิกฤตการเงินโลกและภาวะถดถอยส่งผลกระทบอย่างมากกับแนวโน้มตลาดพลังงาน และดีมานด์พลังงานโลกก็ร่วงลงอย่างหนักตามภาวะเศรษฐกิจที่หดตัวลง นอกจากนี้ นานาประเทศยังได้ผลักดันให้ผู้บริโภคลดปริมาณการใช้พลังงานลง เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงที่นำเข้าจากต่างประเทศ บลูมเบิร์กรายงานว่า IEA ระบุด้วยว่า กฎหมายเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมีแนวโน้มว่าจะทำให้ดีมานด์น้ำมันดิบในระยะยาวลดลง ซึ่งในการประชุมด้านสิ่งแวดล้อมที่จะจัดขึ้นที่เดนมาร์กเดือนหน้านั้น ก็จะมีการหารือเรื่องสนธิสัญญาฉบับใหม่เพื่อลดการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมและประเทศกำลังพัฒนา IEA ระบุว่า การเติบโตด้านดีมานด์น้ำมันจนถึงปี 2573 นั้น จะมาจากประเทศกำลังพัฒนา และการใช้น้ำมันในประเทศพัฒนาแล้วในกลุ่ม OECD จะหดตัวลงในช่วงดังกล่าว แบงก์ยุโรปรายงานผลประกอบการดีสวนคาดการณ์ HSBC โฮลดิงส์ ธนาคารรายใหญ่สุดของยุโรป เผยกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว หลังการตั้งสำรองหนี้สูญลดลง โดยสินทรัพย์ด้อยค่าปรับตัวลดลงในไตรมาส 3 จนแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ส่วนกำไรของธนาคารนับตั้งแต่ต้นปีจนถึงตอนนี้มีมากกว่าปี 2551 HSBC ตั้งสำรองหนี้สูญมูลค่า 67,000 ล้านดอลลาร์นับต้งแต่ต้นปี 2549 ส่วนมากในสหรัฐ หลังจากที่ทางธนาคารเข้าเทคโอเวอร์บริษัท เฮาส์โฮลด์ อินเตอร์เนชั่นแนล อิงค์ หลังจากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ Michael Geoghegan ซีอีโอของธนาคาร ก็ถูกย้ายไปประจำการที่ฮ่องกงแทนลอนดอน เนื่องจากทางธนาคารต้องการลดการทำธุรกิจในสหรัฐและหันไปลงทุนในตลาดเกิดใหม่อย่างจีน อินเดีย และบราซิล HSBC ยุบธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในสหรัฐเมื่อเดือนมีนาคม จากนั้นหนึ่งเดือนบริษัทก็ระดมทุนได้ 17,800 ล้านดอลลาร์ โดยไม่ต้องรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลอังกฤษ ขณะที่บาร์เคลย์ส ธนาคารรายใหญ่อันดับสองของอังกฤษเผยผลกำไรไตรมาส 3 ร่วงลง 54% หลังธนาคารมีอัตราการด้อยค่าของสินทรัพย์ที่เพิ่มมากขึ้น กำไรสุทธิของบาร์เคลย์สปรับตัวลดลงแตะที่ 1,080 ล้านปอนด์ (1,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับ 2,330 ล้านปอนด์ในปีก่อนหน้านี้ โดยธนาคารคาดว่า อัตราการด้อยค่าของสินทัรพย์ตลอดทั้งปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 9-9,600 ล้านปอนด์ ทั้งนี้ บาร์เคลย์สหันมามุ่งเน้นการดำเนินงานของแผนกวาณิชธนกิจมากขึ้น ด้วยการควบกิจการของแผนกดังกล่าวในอเมริกาเหนือรวมกับเลห์แมน บราเธอร์ส โฮลดิ้ง อิงค์เมื่อปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งว่าจ้างพนักงานในยุโรปและเอเชียเพิ่มอีก 750 ตำแหน่งในปีนี้ บลูมเบิร์กรายงานว่า เมื่อปีที่แล้ว บาร์เคลย์สเลี่ยงที่จะขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล แต่เลือกที่จะระดมทุนจากกลุ่มนักลงทุนในตะวันออกกลางกว่า 5 พันล้านปอนด์แทน นอกจากนี้ ยังได้ขายหุ้นของบาร์เคลย์ส โกลบอล อินเวสเตอร์ราว 80% ให้กับบริษัทแบล็คร็อคเพื่อระดมทุนอีกราว 14,200 ล้านดอลลาร์ ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมันอ่อนตัวต่อเนื่อง ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนของเยอรมนีปรับตัวลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในเดือนพ.ย. เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ใกล้จะหมดอายุลง และอัตราว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป ZEW เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนที่มีเป้าหมายเพื่อชี้วัดแนวโน้มของนักลงทุนสำหรับช่วงเวลา 6 เดือนข้างหน้า ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 51.1 ในเดือนพ.ย. จากระดับ 56 จุดในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นการลดลงมากกว่าโพลล์สำรวจ นักเศรษฐศาสตร์ที่บลูมเบิร์ก นิวส์ได้สำรวจความคิดเห็นไว้ พบว่าดัชนีดังกล่าวจะลดลงมาอยู่ที่ระดับเพียง 55 จุด ในเดือน พ.ย. ทั้งนี้ ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีร่วงลง 3.5% ในเดือนที่แล้วเนื่องจากความกังวลที่ว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของเยอรมนีจะเป็นไปอย่างล่าช้าเมื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหมดอายุลง รวมทั้งความกังวลที่ว่าอัตราว่างงานที่พุ่งขึ้นจะส่งผลให้ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคหดตัวลงด้วย ขณะเดียวกันคาดว่ายอดส่งออกซึ่งเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจเยอรมนีอาจสะดุด เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินยูโรทำให้สินค้าที่ผลิตในยุโรปมีราคาแพงขึ้น เรือรบเกาหลีเหนือ ปะทะ เกาหลีใต้ เมื่อวานนี้ได้เกิดสถานการณ์ล่อแหลมขึ้นในคาบสมุทรเกาหลี แม้จะไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่ก็นับว่าเป็นอีกครั้งที่สถานการณ์ที่ล่อแหลมเป็นอย่างยิ่ง ประธานาธิบดี ลี เมียงบัก ผู้นำเกาหลีใต้ได้เรียกตัว นาย คิม แต-ยอง รัฐมนตรีกลาโหมพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เพื่อมาประเมินสถานการณ์หลังจากเรือลาดตระเวณเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเกิดปะทะกันบริเวณทะเลเหลืองน่านน้ำทางตะวันตกของเกาหลีใต้ เมื่อ ราว 9 นาฬิกา 28 นาทีตามเวลาประเทศไทย ส่งผลให้เรือทั้ง 2 ฝ่ายได้รับความเสียหาย แต่ผู้นำเกาหลีใต้ก็ได้เตือนให้ดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างระมัดระวังเพื่อไม่ให้สถานการณ์แล้วร้ายลงไปอีก เกาหลีเหนือ ก็อ้างว่าเรือลาดตระเวณของเกาหลีใต้ได้รุกล้ำน่านน้ำเข้ามาก่อน ซึ่งถือเป็นการคุกคามด้วยอาวุธที่ทำให้กองทัพต้องเตรียมพร้อมรบและได้เรียกร้องให้เกาหลีใต้ออกมาขอโทษด้วย ส่วนเกาหลีใต้ก็ประท้วงเกาหลีเหนือที่รุกล้ำเส้นแบ่งเขตทางทะเลซึ่งนำไปสู่การยิงตอบโต้กันระหว่างเรือของสองฝ่าย แถลงการณ์ของเกาหลีใต้มีขึ้น หลังจากที่มีรายงานว่าเรือรบของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ปะทะกันเล็กน้อยในทะเลเหลือง บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรเกาหลีเมื่อช่วงเช้าวันนี้ โดยเรือลาดตระเวนของเกาหลีเหนือได้แล่นผ่านเส้นจำกัดเขตแดนทางเหนือของเกาหลีใต้ ส่งผลให้กองทัพเรือของเกาหลีใต้ส่งสัญญาณเตือนด้วยการยิงปืนขึ้นฟ้า ขณะที่เรือของเกาหลีเหนือไม่สนใจกับสัญญาณเตือน และยังแล่นเข้ามาในเขตแดนของเกาหลีใต้ กองทัพเรือเกาหลีใต้จึงยิงเตือนอีกหลายนัด จากนั้นเกาหลีเหนือจึงได้ยิงตอบโต้ นักวิเคราะห์ในเกาหลีใต้มองว่า เป็นการทำให้สถานการณ์กลับทวีความตึงเครียดอีกครั้งก่อนที่ประธานาธิบดี บารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐจะเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้ ในสัปดาห์หน้า และเกาหลีเหนืออาจมีจุดประสงค์เพื่อทดสอบพร้อมทางการทหารของเกาหลีใต้ด้วย ซึ่งทั้งหมดได้ทำให้เกาหลีใต้ยังต้องจับตาดูเกาหลีเหนืออย่างใกล้ชิดต่อไป ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 11:06:37 AM ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่
ใส่รูปไม่ได้แล้วครับ ทำไงดี? เกิดข้อผิดพลาด! โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ ทำไงดีค่ะ ใครช่ยแก้ไขด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ (อยากดูตาแป๊ะ) :D :D :D หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 11:06:56 AM Daily Update 11-11-52
11 พ.ย. 2552 Gold Market Commentary ประเด็นสำคัญ - ราคาทองปิดใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ - US$ ดีดตัวขึ้นจากจุดต่ำสุดรอบ 15 เดือน - ดัชนีหุ้นสหรัฐปรับตัวไร้ทิศทาง ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขาย - น้ำมันดิบปิดร่วงหลังดอลล์ดีดตัว,พายุไอดาอ่อนกำลัง ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดตลาดสูงขึ้นในวันอังคาร โดยอยู่ใกล้จุดสูงสุดเป็น ประวัติการณ์ครั้งใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากความสนใจครั้งใหม่ของธนาคารกลางต่างๆ ในขณะที่ดอลลาร์ลดแรงบวกของในช่วงแรก ดอลลาร์ดีดตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนในวันอังคาร และยูโรลดลง ต่ำกว่า 1.50 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อประเมินว่า แนวโน้มเศรษฐกิจ โลกจะสนับสนุนหรือไม่ต่อการทะยานขึ้นในช่วงที่ผ่านมาของสกุลเงิน และสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูง จอร์แดน โคติค นักวิเคราะห์จาก Barclays Capital กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำค่อนข้างเงียบเหงาเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเริ่มฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและสกุลเงินหลักๆ ซึ่งทำให้นักลงทุนปลีกตัวออกจากตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ เพราะดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจะทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้มีราคาแพงขึ้น นอกจากนี้ การอ่อนกำลังลงของพายุไอด้าส่งผลให้สัญญาน้ำมันดิบ NYMEX ร่วงลง ซึ่งส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดทองคำซบเซาลงด้วย ขณะที่เดนนิส การ์ทแมน บรรณาธิการนิตยสาร Gartman Letter กล่าวแสดงความเห็นว่า "ตลาดทองคำมีแรงซื้อเข้ามามากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการซื้อเพื่อเก็งกำไร จึงมีความเป็นไปได้ที่สัญญาทองคำจะเข้าสู่ระยะพักฐานในเร็วๆนี้ กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,114.443 ตัน ณ วันที่ 10 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 10.924 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52 โดยกองทุนได้ถือครองทองคำเพิ่มแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,134.04 ตัน เมื่อ 1 มิถุนายน 2552 กลยุทธ์ ช่วงวันทำการวันนี้ อาจจะเป็นช่วงที่อาจเกิดช่วงเวลาการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นได้ ให้แนวจุดขาดทุนไว้ที่ระดับราคา 1,098 US$ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 12:48:11 PM ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ ใส่รูปไม่ได้แล้วครับ ทำไงดี? เกิดข้อผิดพลาด! โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ ทำไงดีค่ะ ใครช่ยแก้ไขด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ (อยากดูตาแป๊ะ) :D :D :D โพรสแจ้งกระทู้นี้ให้แล้วค่ะ http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=322.new#new หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 01:11:21 PM ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ ใส่รูปไม่ได้แล้วครับ ทำไงดี? เกิดข้อผิดพลาด! โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ ทำไงดีค่ะ ใครช่ยแก้ไขด้วยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ (อยากดูตาแป๊ะ) :D :D :D โพรสแจ้งกระทู้นี้ให้แล้วค่ะ [url]http://www.gold2gold.com/webboard/index.php?topic=322.new#new[/url] หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 01:57:22 PM ขอบคุณค่ะ คุณมิจิ ;D ;D ;D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 04:33:09 PM ;) ;) ;)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 11, 2009, 05:45:18 PM เก็บสะสมวันละนิดตามที่อาจารย์แนะนำ ว่าแต่ซื้อวันนี้คงปาเข้าไป 11 บาท/หน่วย :'(
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 06:39:25 AM วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ (http://img263.imageshack.us/img263/9066/12854259.gif) (http://img263.imageshack.us/i/12854259.gif/) หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 09:34:26 AM อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 10:15:59 AM ธนาคารโลกเตือนเอเชียอาจเผชิญภาวะฟองสบู่
Posted on Thursday, November 12, 2009 หุ้นโลกเดินหน้าบวก ขณะทองทำนิวไฮต่อ ตัวเลขภาคการผลิตของจีนที่สดใส บวกกับผลประกอบการของธุรกิจชั้นนำก็ได้สร้างความคึกคักให้กับตลาดหุ้นทั่วโลก นับตั้งแต่ตลาดเอเชียเมื่อวาน มาจนถึงยุโรปและอเมริกา ปัจจัยผลดำเนินงานเริ่มจากธนาคารที่มีมาร์เก็ตแค็ปขนาดใหญ่อันดับ 3 ของฝรั่งเศส อย่าง Credit Agricole ที่ออกมาดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ด้วยตัวเลขกำไรในไตรมาส 3 ที่ 289 ล้านยูโร พร้อมกับการประกาศเปลี่ยนตัวซีอีโอในปีหน้า ขณะที่ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่อันดับสองของโลก อย่าง Holcim ก็เปิดเผยผลกำไรในไตรมาส 3 ที่ 673 ล้านฟรังค์สวิส เมื่อเทียบกับตัวเลข 460 ล้านฟรังก์สวิสที่ตลาดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ผลงานดังกล่าวก็เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ทำการปิดตัวโรงงานหลายแห่ง รวมถึงการลดจำนวนพนักงาน ด้วยจุดประสงค์ที่อยากจะเห็นอัตรากำไรที่ดีขึ้น นอกจากนั้น ผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินชั้นนำสัญชาติดัทช์ อย่าง ING Group ก็เปิดเผยผลกำไรเฉียด 500 ล้านยูโรในไตรมาสล่าสุด ซึ่งดีขึ้นจากที่เคยขาดทุน 478 ล้านยูโรในช่วงเดียวกันปีที่แล้ว มาที่อเมริกา ที่ดัชนี S&P 500 ขยับขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 เดือน นำโดยแรงซื้อหุ้นในกลุ่มการเงิน อย่าง Bank of America, Goldman Sachs และ Wells Fargo เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่มรับสร้างบ้านที่บวกกันอย่างคึกคัก นำโดย Toll Brothers ที่เป็นบริษัทรับสร้างบ้านหรูหรารายใหญ่ที่สุดของประเทศ ราคาหุ้นกระโดดขึ้นถึง 16% ซึ่งนับว่าแรงที่สุดในรอบ 17 ปี หลังจากบริษัทบอกว่ายอดคำสั่งซื้อพุ่งขึ้นถึง 42% ในไตรมาสล่าสุด ขณะที่ยอดขายและกำไรก็ออกมาเหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ ส่วนหุ้นในกลุ่มเดียวกัน เช่น Pulte Homes, KB Home, Lennar และ D.R.Horton ก็บวกขึ้นได้อย่างน้อย 5% และก็ยังบวกได้อย่างต่อเนื่องสำหรับราคาทองคำ จนทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ที่ 1,119.10 เหรียญต่อออนซ์เมื่อคืนนี้ ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าแนวโน้มเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าจะผลักให้ความต้องการในสินทรัพย์ที่เป็นทางเลือกเพิ่มมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ตลาดก็ยังได้เห็นมุมมองของกูรูนักลงทุนชื่อดัง อย่าง Marc Faber ที่ระบุไว้ในงานเขียนฉบับล่าสุดว่า ราคาทองจะไม่หล่นลงไปต่ำกว่าระดับ 1,000 เหรียญอีกแล้ว ภายใต้สภาวะที่ธนาคารกลางต่างๆ ได้ทำการพิมพ์เงินเพื่อมาหนุนการขาดดุลงบประมาณ ซึ่งบางทีราคาทองในวันนี้อาจจะถูกกว่าในปี 2544 เสียด้วยซ้ำ หากสมมติให้ดอกเบี้ยอยู่ในระดับเดียวกัน Faber ยังได้พูดถึงการที่จีนเดินหน้าซื้อทรัพยากรต่างๆ ที่รวมถึงทองด้วยว่า มีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีก พร้อมกับคาดว่าเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่ก็น่าจะขยายตัวได้ในอัตราที่สูงสุดด้วย จับตาทิศทางค่าเงินหยวน หลังถูกกดดันรอบด้าน เงินหยวนถูกกดดันให้แข็งค่าอีกครั้ง หลังตัวเลขเศรษฐกิจจีนล่าสุดออกมาส่งสัญญาณเร่งตัวขึ้น ประจวบเหมาะกับการมาเยือนเอเชียของผู้นำสหรัฐฯ ที่ตั้งธงมาก่อนแล้วว่าจะหยิบยกประเด็นค่าเงินของจีนขึ้นมาพูดคุย ขณะที่ท่าทีของนายกรัฐมนตรี นาย เหวิน เจี่ยเป่า ก็ยังไม่ได้พุ่งเป้ามาเปลี่ยนแปลงนโยบายในเรื่องค่าเงินมากนัก จนกว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างมากสำหรับภาคส่งออกในฐานะที่จะเป็นตัวสร้างความมั่งคงในเศรษฐกิจของประเทศและเพิ่มการจ้างงาน และนอกจากอเมริกาที่คาดหวังกับการเปลี่ยนทิศของนโยบายค่าเงินของจีนแล้ว ทางประธานของธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ ADB ก็พูดถึงค่าเงินของประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกแห่งนี้ด้วยว่า มีความจำเป็นและเหมาะสมแล้วที่จีนจะปล่อยให้ค่าเงินของตนเคลื่อนไหวในแบบที่ยืดหยุ่นมากขึ้น หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการตอบโต้กับสภาวะวิกฤติในช่วงที่ผ่านมาได้อย่างดีเยี่ยม จนนำมาสู่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง คำกล่าวของประธาน ADB นั้นก็สอดคล้องกับของผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่บอกว่าอยากเห็นจีนจัดการกับเรื่องค่าเงินของตนที่อ่อนเกินควร ไฮไลท์ตัวเลขเศรษฐกิจจีนล่าสุดอยู่ที่ผลผลิตอุตสาหกรรมในเดือนตุลาคม ที่ขยายตัว 16.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และเป็นอัตราที่สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2551 ขณะตัวเลขยอดค้าปลีกก็เพิ่มขึ้นด้วยอัตรา 16.2% ต่อปี ในเดือนเดียวกันนี้ด้วย เช่นเดียวกับ มูลค่าการเกินดุลการค้า ที่เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากเดือนกันยายน มาอยู่ที่ 24,000 ล้านเหรียญ หลังมูลค่าส่งออกร่วงในอัตราที่ต่ำสุดของปีนี้ มาดูที่มุมมองของธนาคารกลางจีน ผ่านรายงานประจำไตรมาสล่าสุดที่ระบุว่า นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนของประเทศจะมีการพิจารณาถึงปัจจัยเงินทุนเคลื่อนย้ายในโลกและการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินสกุลหลักเข้าไว้ด้วย ซึ่งนั่นก็อาจจะถูกตีความว่า มีความเป็นไปได้ที่จีนอาจจะปล่อยให้ค่าเงินของตนแข็งขึ้นได้ ขณะเดียวกับที่เงินดอลลาร์อ่อนค่า และที่น่าสนใจก็คือ ข้อความในรายงานของแบงก์ชาติจีนล่าสุดดังกล่าว ได้เปลี่ยนไปจากฉบับก่อนหน้าที่เคยระบุถึงความต้องการที่จะปกป้องค่าเงินหยวนให้มีเสถียรภาพ ประธานาธิบดีสหรัฐฯทัวร์เอเชียอย่างเป็นทางการครั้งแรก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา จะเริ่มเดินทางมาเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ประเด็นที่น่าจับตา คงไม่พ้นเรื่องการเตรียมเจรจากับญี่ปุ่นในประเด็นฐานทัพโอกินาวา ที่ต้องการจะสางปัญหาดังกล่าว ก่อนเปิดการประชุม สุดยอดผู้นำเอเชียแปซิฟิก APEC (เสาร์-อาทิตย์นี้) หรือ เรียกว่า Leader meeting และปัญหาใหม่ล่าสุดที่เกิดขึ้นระหว่างปะทะกันในน่านน้ำทะเลเหลือง ระหว่างเกาหลีใต้ และเกาหลีเหนือ รวมถึง หารือเรื่องสงครามในอัฟกานิสถาน การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โครงการอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ประธานาธิบดีโอบามา จะเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นประเทศแรก ในวันศุกร์ ที่ 13 พ.ย. นี้ โดยจะเป็นการประชุมร่วมกับ ยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในประเด็น ข้อตกลงเรื่องฐานทัพของสหรัฐในประเทศญี่ปุ่น นายฮาโตยามะ ซึ่งเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 เดือนที่แล้วให้คำมั่นว่า จะปรับเปลี่ยนข้อตกลงเมื่อปี 2549 ในเรื่องการเปลี่ยนฐานทัพอากาศฟูเตนมะที่เกาะโอกินาว่า ซึ่งมีทหารในสังกัดจำนวนมาก ขณะที่พรรคเดโมเครติค ออฟ เจแปนต้องการให้มีการโยกย้ายฐานทัพออกจากเกาะโอกินาว่า เนื่องจากประชาชนในพื้นที่ได้ร้องเรียนมาเกี่ยวกับเรื่องมลพิษ เสียงรบกวน และอาชญากรรม บลูมเบิร์กรายงานว่า โอบามาได้ให้สัมภาษณ์กับ NHK เทเลวิชั่น ว่า ญี่ปุ่นควรจะรักษาข้อตกลงไว้ ในเวลาต่อมา ทั้ง 2 ประเทศตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานในระดับครม.ขึ้นมา เพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในเรื่องดังกล่าว ผู้เชี่ยวชาญในญี่ปุ่น ต่างออกมาประเมินสถานการณ์ ว่าปัญหาดังกล่าวอาจจะไม่สามารถหาข้อสรุปสุดท้ายได้ ภายในการเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ และในวันเสาร์-อาทิตย์ โอบามาจะเข้าร่วมประชุม APEC ที่สิงคโปร์ (Leader Meeting) ซึ่งผู้นำของไทย และทั้งหมด 21 ประเทศ (ชาติสมาชิกเอเปคประกอบไปด้วย ออสเตรเลีย บรูไน แคนาดา ชิลี จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ มาเลเซีย เม็กซิโก นิวซีแลนด์ ปาปัวนิวกินี เปรู ฟิลิปปินส์ รัสเซีย สิงคโปร์ ไต้หวัน สหรัฐ เวียดนาม และไทย) จะเข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ EU เรียกประชุมเลือกประธานสหภาพยุโรปคนแรก สหภาพยุโรป (EU) เรียกประชุมนัดพิเศษในวันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายนนี้ ที่บรัสเซล เพื่อเฟ้นหาประธานคนแรกของของกลุ่ม รัฐบาลสวีเดนระบุในเว็บไซต์โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับผู้ที่จะมาดำรง 3 ตำแหน่งใหม่ในสหภาพยุโรปในการประชุมครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม ทางเว็บไซต์ไม่ได้เปิดเผยชื่อตัวเก็งที่เหมาะสมกับตำแหน่งดังกล่าว โรเบอร์ต้า อเลเนียส โฆษกหญิงของรัฐบาลสวีเดน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเฟรดริก ไรน์เฟลด์ท ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียน EU อยู่ในขณะนี้ จะปรึกษากับผู้นำกลุ่ม EU เป็นรอบที่สองก่อนที่การประชุมจะเริ่มขึ้นตามกำหนด หลายฝ่ายเชื่อว่า เฮอร์แมน วอน รอมปุย นายกรัฐมนตรีเบลเยียม มีสิทธิได้นั่งเก้าอี้ประธาน EU หลังจากที่ โทนี่ แบลร์ อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ประสบความล้มเหลวในการขอเสียงสนับสนุนจากกลุ่มสังคมนิยมในยุโรป ซึ่งเป็นพันธมิตรพรรคแรงงานอังกฤษ โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะโทนี่ แบลร์ ให้การสนับสนุนให้จอร์จ ดับเบิลยู บุช รุกล้ำเข้าสู่อิรักในปี 2546 สำหรับตัวเก็งที่จะคว้าตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนโยบายต่างประเทศของ EU ไปครองคือ มัสซิโม ดาเลมา อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศของอิตาลี ชาดา อิสลาม นักวิเคราะห์จากศูนย์นโยบายยุโรปในบรัสเซลล์ กล่าวกับบลูมเบิร์กว่า "ตำแหน่งประธาน EU ยังไม่มีการกำหนดแบบตายตัว ดังนั้นผู้นำในกลุ่มสามารถเลือกได้ตั้งแต่คนดังไปจนถึงคนที่ไม่โดดเด่นอะไร แต่หาก EU ต้องการเปลี่ยนแปลงรูปแบบองค์กรที่ซบเซามานาน สมาชิกกลุ่มก็ควรเลือกผู้ที่มีความโดดเด่นและกระตือรือร้น" ทั้งนี้ ประธาน EU จะมีวาระการทำงาน 2 ปีครึ่ง และมีบทบาทในการขับเคลื่อนการทำงานของที่ประชุมผู้นำ EU และช่วยประสานความร่วมมือและทำให้เกิดความสอดคล้องอย่างเป็นเอกฉันท์ตามที่กำหนดไว้ในสนธิสัญญาบอน อังกฤษเผยว่างงานเพิ่มขึ้นน้อยสุดในรอบ 18 เดือน จำนวนคนตกงานในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวที่สุดในรอบ 18 เดือน ส่งสัญญาณว่าความพยายามของรัฐบาลในการดึงเศรษฐกิจให้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยนั้นกำลังได้ผล สำนักงานสถิติแห่งชาติของอังกฤษ รายงานว่า จำนวนประชาชนที่ไม่มีงานทำเพิ่มขึ้นอีก 30,000 คน แตะ 2.46 ล้านคนในระหว่างเดือนก.ค.-ก.ย.2552 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส มี.ค.- พ.ค. 2551 หรือในรอบ 18 เดือน ขณะที่ จำนวนคนว่างงานที่ขอรับสวัสดิการจากรัฐในเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 12,900 คน มาอยู่ที่ 1.64 ล้านคน ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นน้อยที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ส่วนจำนวนผู้มีงานทำเพิ่มขึ้น 6,000 คน แตะ 28.93 ล้านคน ริคกี้ เวสต์วูด นักเศรษฐศาสตร์จากแคปิตอล อีโคโนมิคส์ กล่าวว่า ตลาดแรงงานอังกฤษที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้นน่าประทับใจ เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า เศรษฐกิจอังกฤษยังไม่หลุดพ้นจากภาวะถดถอย จอร์จ บักลีย์ นักเศรษฐศาสตร์จากดอยช์แบงก์ เชื่อว่าเศรษฐกิจอาจหลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะเป็นการฟื้นตัวอย่างยั่งยืนหรือไม่ ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงในอัตราที่ชะลอตัวลง ด้านเคนเนธ คลาร์ก อดีตรัฐมนตรีคลังอังกฤษเชื่อว่า เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษจะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีหน้า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ในขณะที่อังกฤษยังคงเผชิญภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งใหญ่ ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษได้มีการปรับคาดการณ์เงินเฟ้อว่าจะเกิน 2% ในปี 2555 แม้จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ นอกจากนี้ คลาร์ก กล่าวว่า "ผู้ว่าการธนาคารกำลังเผชิญกับการตัดสินใจครั้งสำคัญและเชื่อว่าผู้ว่าการแบงก์ชาติยังไม่ต้องการที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยภายในช่วง 12 เดือนนี้ ธนาคารโลกเตือนเอเชียอาจเผชิญภาวะฟองสบู่ โรเบิร์ต โซเอลลิก ประธานธนาคารโลกชี้ว่าผู้ว่าการธนาคารกลางในเอเชียจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องมาตรการในการควบคุมด้านการเงิน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ ในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศต่างๆในเอเชียกำลังฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางสภาพคล่องที่หนาแน่น แม้ว่าตัวเขาเองค่อนข้างจะสบายใจกับแนวโน้มของการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ แต่คาดว่ายังมีความเสี่ยงในด้านต่างๆที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีหน้า หนึ่งในประเด็นที่สร้ญงความกังวลได้แก่ ภาวะฟองสบู่ด้านสินทรัพย์ในระบบเศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกบางประเทศที่กลับมาขยายตัวแล้ว หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักในช่วงเศรษฐกิจถดถอย ธนาคารกลางประเทศต่างๆทั่วโลกได้ลดอัตราดอกเบี้ยลงและอัดฉีดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบการเงินในช่วงที่เกิดวิกฤตด้านการเงินครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 60 ปีตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3 ปีที่แล้ว ประธานธนาคารโลกกล่าวต่อไปว่า ตอนนี้ ความท้าทายที่แท้จริงคือ ความเสี่ยงของบุคคลที่เราทำธุรกรรมด้วย ในขณะที่เศรษฐกิจเริ่มกลับมาขยายตัว เราก็จะเห็นว่าประเทศต่างๆต้องจมอยู่กับปัญหาสินเชื่อ ในขณะที่ผู้ว่าการธนาคารกลางในประเทศต่าง ๆ ในเอเชียจะต้องเผชิญกับความท้าทายมากกว่าเดิม เนื่องจากธนาคารเหล่านี้ไม่สามารถเดินรอยตามธนาคารกลางสหรัฐได้เหมือนที่เคยทำในอดีต ประธานธนาคารโลกกล่าวนอกรอบการประชุม APEC ว่า หลายประเทศอาจเสี่ยงที่จะเผชิญกับผลกระทบด้านเงินเฟ้อในบางธุรกิจ และยังทำให้เกิดอันตรายในเรื่องของการสร้างความเสี่ยงที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวได้ เนื่องจากสถานการณ์แวดล้อมในสหรัฐและยุโรปยังคงมีปัญหา ดังนั้นจุดยืนในการคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำจึงเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ ในบรรดาประเทศสมาชิก APEC ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วถึง 2 ครั้งในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางในเอเชียบางประเทศที่แนวโน้มเศรษฐกิจออกมาดีก็ดูเหมือนว่า จะพร้อมที่จะขึ้นดอกเบี้ยแล้ว ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พฤหัสบดีที่ 12 พ.ย. 2552) ? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 10:41:46 AM สวัสดีค่ะ คุณทองใหม่ ;D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 12:07:39 PM ขอบคุณค่ะอาจารย์ .. set เขียววันแดงวัน ??? ไปหาน้ำใบบัวบกกินก่อนนะคะ :(
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 12:42:50 PM ขอบคุณค่ะอาจารย์ .. set เขียววันแดงวัน ??? ไปหาน้ำใบบัวบกกินก่อนนะคะ :( ๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 12:51:56 PM http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4594.165 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4594.165)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 01:14:16 PM สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ :)
ไม่ได้คุยกันนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลย หายดีรึยังคะ ? หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 02:48:27 PM สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ :) ยังต้องไปพบหมอตามที่หมอนัดไว้อยู่จ้า ขอบคุณครับไม่ได้คุยกันนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลย หายดีรึยังคะ ? หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 03:27:41 PM สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ :) ยังต้องไปพบหมอตามที่หมอนัดไว้อยู่จ้า ขอบคุณครับไม่ได้คุยกันนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลย หายดีรึยังคะ ? แต่ทานได้ปกติแล้วใช่มั้ยคะ ;) อย่าลืมทานยาตามหมอสั่งนะคะ และถ้ามีอาการปกติก็รีบไปพบแพทย์ อย่าสะสมไว้ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 03:36:11 PM ขอบคุณครับ :D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 04:41:24 PM สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ :) ยังต้องไปพบหมอตามที่หมอนัดไว้อยู่จ้า ขอบคุณครับไม่ได้คุยกันนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลย หายดีรึยังคะ ? แต่ทานได้ปกติแล้วใช่มั้ยคะ ;) อย่าลืมทานยาตามหมอสั่งนะคะ และถ้ามีอาการปกติก็รีบไปพบแพทย์ อย่าสะสมไว้ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: verb2be ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 06:22:21 PM สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ :) ยังต้องไปพบหมอตามที่หมอนัดไว้อยู่จ้า ขอบคุณครับไม่ได้คุยกันนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลย หายดีรึยังคะ ? แต่ทานได้ปกติแล้วใช่มั้ยคะ ;) อย่าลืมทานยาตามหมอสั่งนะคะ และถ้ามีอาการปกติก็รีบไปพบแพทย์ อย่าสะสมไว้ 5555 ดีจังเลยนะคะ เป็นปกติแล้ว อุ้งตีนหมีเลยเหรอคะ อ่านแ้ล้วนึกถึงเมนูพิศดาร พวกสมองลิง สยองจริงๆ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 12, 2009, 06:48:39 PM เปลี่ยนเป็นตีนไก่มั้ยคะ ง่ายหน่อย ;D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 08:06:33 AM สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่ :) ยังต้องไปพบหมอตามที่หมอนัดไว้อยู่จ้า ขอบคุณครับไม่ได้คุยกันนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกเลย หายดีรึยังคะ ? แต่ทานได้ปกติแล้วใช่มั้ยคะ ;) อย่าลืมทานยาตามหมอสั่งนะคะ และถ้ามีอาการปกติก็รีบไปพบแพทย์ อย่าสะสมไว้ 5555 ดีจังเลยนะคะ เป็นปกติแล้ว อุ้งตีนหมีเลยเหรอคะ อ่านแ้ล้วนึกถึงเมนูพิศดาร พวกสมองลิง สยองจริงๆ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 08:08:30 AM เปลี่ยนเป็นตีนไก่มั้ยคะ ง่ายหน่อย ;D ไม่ดีจ้า ตีนไก่แถวบ้านผมมีเยอะ.....ไม่เอา ฮาหัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 08:10:16 AM วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 08:15:07 AM http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4594.165 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4594.165)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 08:49:59 AM ขอบคุณครับคุณทองใหม่ ;)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 09:12:09 AM อรุณสวัสด์คุณทองใหม่ค่ะ อย่าทานของแสลงนะคะ ถ้าท้องอืดอย่าลืมทานน้ำขิง อ้อ ขมินชันแคบซูลล่ะดีนะคะ อยากให้คุณทองใหม่หายไวๆจังจะได้ลงลุ้นทอง สนุกดีนะคะ ชีวิตตื่นเต้น พักผ่อนมากๆนะคะ
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 09:14:54 AM สวัสดีค่ะ :)
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 10:48:19 AM สวัสดีค่ะ คุณทองใหม่ :D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: verb2be ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 11:15:14 AM ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ laugh.gif
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 13, 2009, 11:28:57 AM ขอบคุณครับ พื่ทองใหม่ ;D
หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 9---13/11/2009 เริ่มหัวข้อโดย: thuncpe200 ที่ เมษายน 15, 2011, 11:19:31 PM ;)
|