Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา

ลงทุนในทองคําและแนวโน้ม / Gold Price Trend and Investment, Discussion => การวิเคราะห์ทองคําจากรูปกราฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 06:18:30 AM

Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา

หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 06:18:30 AM
ทิศทางทองวันที่ 16/11/2009 
ต้าน๓ 1149.03.......xx
ต้าน๒ 1130.94
ต้าน๑ 1124.69
เส้นแดน 1112.85
หนุน๑ 1106.60
หนุน๒ 1094.76
หนุน๓ 1076.67??.xx
 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 06:34:09 AM
รอลุ้นต่อสัปดาห์หน้า   :sleepy:


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 06:38:57 AM
รอลุ้นต่อสัปดาห์หน้า   :sleepy:
วันจันทร์ทองมีแนวโน้มลง เดานะเดา
ใส่รูปไม่ได้ ทำไงดี? ตามไปอ่านกราฟตาแป๊ะที่นี่ได้ครับhttp://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.0


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: nithit ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 06:53:06 AM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ ขอให้ทองลงวันจันทร์ทีเถอะ สาธุ!!!


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 06:57:57 AM
บัญชีการค้าของเมกาติดลบ + ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค มหาลัย Michigan ตกต่ำ เดิม70.6 ตลาดคาดการณ์71.0 ประกาศออกมา66.0 เลยทำให้เงินเมกาอ่อนค่า ทองดูตามกราฟแล้วควรจะลง พอเงินเมกาอ่อน....เลยถือโอกาสขึ้นต่อ นี่คือตัวอย่างอิทธิพลของปัจจัยพื้นฐานจ้า


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: mvb ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 06:59:28 AM
ขอบคุณครับพี่ทองใหม่ :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 08:18:43 AM
รอลุ้นต่อสัปดาห์หน้า   :sleepy:
วันจันทร์ทองมีแนวโน้มลง เดานะเดา
ใส่รูปไม่ได้ ทำไงดี? ตามไปอ่านกราฟตาแป๊ะที่นี่ได้ครับhttp://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.0


อยากรอให้ลงหนักๆ ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่   :-\

แล้วพี่ได้เล่นบ้างป่าวคะ ???


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 09:00:15 AM
  สวัสดีตอนเช้าครับ อ.ทองใหม่ ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆทุกๆวันครับ
    ผมอยากรบกวนปรึกษา อ.ทองใหม่ วันนี้พอจะเข้าซื้อได้มั๊ยครับสำหรับทองแท่ง
     เนื่องจากผมไม่มีของในมือเลยครับ...และถ้าผมซื้อวันนี้รอขายต้นปีหน้าพอได้มั๊ยครับ
     มิน
ผมไม่ทราบจะแนะนำอย่างไร เอานี่ ผมพูดตัวผมเองดีไหม ผมเองก็ไม่มีทองแท่งเหมือนกันครับ และไม่คิดที่จะเล่นในช่วงนี้ด้วย หากดูตามกราฟอย่างเดียว ทองน่าจะต้องลง ที่ขึ้นช่วงนี้เพราะมีปัจจัยภายนอกหนุนอยู่ เช่นค่าเงินเมกาอ่อนเป็นต้น    เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่รับประกันว่าจะถูกต้องตามที่ผมคิดเห็นนะครับ ขอบอก


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 09:03:01 AM
รอลุ้นต่อสัปดาห์หน้า   :sleepy:
วันจันทร์ทองมีแนวโน้มลง เดานะเดา
ใส่รูปไม่ได้ ทำไงดี? ตามไปอ่านกราฟตาแป๊ะที่นี่ได้ครับhttp://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.0


อยากรอให้ลงหนักๆ ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่   :-\

แล้วพี่ได้เล่นบ้างป่าวคะ ???
จะลงหนักๆน่าจะเป็นหลังตรุษจีนครับ เดาเอานา ผมไม่ได้เล่นเลยครับ สูงไป..เสี่ยงมาก..ไม่คุ้ม.. ฮาฮา


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 09:55:53 AM
รอลุ้นต่อสัปดาห์หน้า   :sleepy:
วันจันทร์ทองมีแนวโน้มลง เดานะเดา
ใส่รูปไม่ได้ ทำไงดี? ตามไปอ่านกราฟตาแป๊ะที่นี่ได้ครับhttp://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.0


อยากรอให้ลงหนักๆ ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่   :-\

แล้วพี่ได้เล่นบ้างป่าวคะ ???
จะลงหนักๆน่าจะเป็นหลังตรุษจีนครับ เดาเอานา ผมไม่ได้เล่นเลยครับ สูงไป..เสี่ยงมาก..ไม่คุ้ม.. ฮาฮา


หนูก็ไม่ได้เล่นเหมือนกัน สัก 2 เดือนได้แล้วมั้งคะ  8)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 10:10:25 AM
รอลุ้นต่อสัปดาห์หน้า   :sleepy:
วันจันทร์ทองมีแนวโน้มลง เดานะเดา
ใส่รูปไม่ได้ ทำไงดี? ตามไปอ่านกราฟตาแป๊ะที่นี่ได้ครับhttp://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.0


อยากรอให้ลงหนักๆ ไม่รู้ต้องรอถึงเมื่อไหร่   :-\

แล้วพี่ได้เล่นบ้างป่าวคะ ???
จะลงหนักๆน่าจะเป็นหลังตรุษจีนครับ เดาเอานา ผมไม่ได้เล่นเลยครับ สูงไป..เสี่ยงมาก..ไม่คุ้ม.. ฮาฮา


หนูก็ไม่ได้เล่นเหมือนกัน สัก 2 เดือนได้แล้วมั้งคะ  8)
ทองขึ้นแต่กองทุนETFขายทองออก ตามไปดูที่นี่ได้ครับ http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.0 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.0)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 10:48:11 AM
ขอบคุณค่ะ  :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 10:50:43 AM
ขอบคุณค่ะอาจารย์ ขอให้ลง ๆ ตามที่วิเคราะห์ด้วยค่ะ  angel.gif


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 04:37:34 PM
ขอบคุณครับ  ;)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: JO-JO ที่ พฤศจิกายน 14, 2009, 10:09:50 PM
ขอบคุณครับ  คุณทองใหม่

รอทองลงมาอยู่ครับ

 ;)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 08:45:53 AM
สวัสดีครับคุณทองใหม่ :D :D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 09:13:04 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 10:47:08 AM
ทองคำจะขึ้นถึง 2 หมื่นบาท หรือเปล่า? 
รายงานโดย :นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ: วันจันทร์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สภาพตลาดทองคำในวันที่ 9-14 พ.ย. 2552 ทองคำทำสถิติสูงสุดใหม่ในรอบทศวรรษในวันอังคาร ที่ระดับ 1,124 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำแท่งไทย 1.77 หมื่นบาท

ทำให้ราคาทองรูปพรรณขายออกแตะที่ระดับ 1.8 หมื่นบาทเศษ เหตุผลสำหรับการปรับขึ้นของราคาทองคำ คือการที่ค่าเงินเหรียญสหรัฐอ่อนค่าต่อเนื่อง จากภาวะตัวเลขทางเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้นมาบ้าง ท่ามกลางแรง ซื้อจากธนาคารกลางของศรีลังกา หรือข่าวลือในทำนองเดียวกันโดยที่สัปดาห์ที่ผ่านมา SPDR ได้ซื้อทองคำเพิ่ม 6 ตัน ณ ขณะนี้ ถือครอง 1,114 ตัน และในวันพุธที่ผ่านมา ก็มีแรงเทขายทำกำไรในทองคำต่อเนื่อง พร้อมกับค่าเงินเหรียญสหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ทองคำตกลงมาต่ำสุด ที่ 1,103 เหรียญสหรัฐ ในวันพฤหัสบดี และเริ่มดีดกลับในการซื้อขายที่ตลาด Comex โดยในคืนวันศุกร์ ดีดขึ้นมา 13 เหรียญสหรัฐ ณ ขณะนี้ ทองคำกลับมาอยู่ที่ 1,119 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

วิเคราะห์ทางเทคนิค ราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยยังไม่มีจุดหยุดพัก ตั้งแต่ทะลุ 1,100 เหรียญสหรัฐขึ้นมา เพิ่งจะพักได้ชั่วคราวเมื่อ 2 วันก่อน เรียกว่าเป็นแรงเทขายทำกำไร แต่แล้วก็ดีดกลับ ตามกระแสการอ่อนตัวของเงินเหรียญสหรัฐ ที่กลับมาอยู่ที่ 1.4925 เหรียญสหรัฐต่อยูโร ทองคำยังอยู่ในทิศทางขาขึ้น โดยมีแนวต้านที่ระดับสูงสุดเดิมที่ 1,125 เหรียญสหรัฐ และมีแนวรับที่ระดับ 1,100 เหรียญสหรัฐ คาดว่าราคาทองคำจะสามารถทะลุขึ้นไปได้อีกในสัปดาห์หน้า และมีโอกาสสูงที่จะขึ้นไปทดสอบที่ระดับ 1,150 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือถ้าคิดเป็นเงินบาทน่าจะ ตกอยู่ที่ราว 17,950 บาท ซึ่งถือว่าเป็นราคาเป้าหมายต่อไปในรอบ 1 เดือน

สรุปได้ว่า ยังเป็นขาขึ้นที่มีการพักตัวเพียงระยะสั้นเท่านั้นเอง

คำถามที่พบบ่อยเวลานี้ คือ ทองคำยังลงทุนได้อีกหรือไม่ และจะเห็นทองคำบาทละ 2 หมื่นบาท ได้หรือเปล่า

ทองคำในปัจจุบันเป็นเสมือนเงินสกุลหนึ่ง ซึ่งชื่อว่าทองคำ และมีการสร้างตลาดรองรับมากขึ้นทั่วโลก นั่นหมายความว่า โอกาสที่จะเห็นทองคำขึ้นและลงอย่างรุนแรงน่าจะน้อยมาก เหตุการณ์ในอดีตแบบปี 1980 ยังไม่เกิดขึ้น เพราะว่าตลาดรอง อันได้แก่ ตลาด ETF และตลาด Gold Futures ได้เกิดขึ้นแล้วทั่วโลกในระยะเวลา 10 ปีมานี้ หมายความว่า มีกำลังซื้อและขายที่ได้ปรับปรุงพัฒนาอย่างมากในตลาด ค้าทองคำ ทองคำจึงมีการซื้อขายเกิดขึ้นทั่วโลก และการขึ้นและลงเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐ หรือภาวะเศรษฐกิจภาพรวมของโลก ซึ่งถ้าอยู่ในภาวะถดถอย หรือไม่ดี ก็จะเป็นตัวสร้างแรงส่งให้ทองคำอยู่ในภาวะขาขึ้นอย่าง ต่อเนื่อง ทองคำจึงจะสามารถลงทุนได้ในขณะนี้และปีหน้า โดยเฉพาะทองคำที่ก้าวสู่ยุค Gold Paper หรือ Gold Futures ที่เป็นการซื้อขายคล้ายๆ ใบหุ้น ที่มีความสะดวกสบายมากขึ้น จึงได้รับความนิยมอย่างมาก จะเห็นได้ว่าปริมาณการซื้อขายบางครั้งต่อวัน สูงถึง 4,000 คู่สัญญา หรือเทียบกับทองคำรวม 3,200 กิโลกรัมต่อวัน ทีเดียว

สำหรับราคาทองคำจะขึ้นไปถึงไหนคงจะตอบยาก แต่การที่จะเห็น 2 หมื่นบาท คงไม่ใช่ภายในปีนี้ แต่จะมีโอกาสที่จะเห็นในปีหน้า ซึ่งไม่น่าจะไกลเกินที่จะวิเคราะห์ไป เพราะนักวิเคราะห์หลายฝ่ายยังมองว่าจะมีโอกาสขึ้นไป 1,300 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ในปีหน้า

ขอให้ศึกษาและทำความเข้าใจ เรื่องของการลงทุนในทองคำ ใน Trend โลกยุคใหม่ หรือการลงทุนทางเลือกสำหรับนักลงทุนในตลาดหุ้น



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 11:14:32 AM
วอร์เรน บัฟเฟต มองธุรกิจพ้นจุดต่ำสุด แม้ภาพรวมเศรษฐกิจต้องรออีกยาว

Posted on Monday, November 16, 2009
APEC ปิดฉากลง พร้อมผนึกกำลังร่วมสร้างสมดุลเศรษฐกิจใหม่

ผู้นำสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (APEC) ให้คำมั่นระหว่างการแถลงปฏิญญาร่วมกันว่าจะเร่งกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งรวมถึงการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างเขตการค้าเสรี

บทสรุปจากทางสหรัฐที่ย้ำขอเรีกร้องเกี่ยวกับภาวะไร้สมดุลในภาค เศรษฐกิจ ที่เกิดมาจากวิกฤติการเงินโลก ซึ่งแผนยุทธศาสตร์นี้เรียกร้องให้สหรัฐประหยัดมากขึ้น ปฎิรูปการคลัง และลดการขาดดุลในระยะยาว และการกู้เงิน แต่กลุ่มผู้นำหลายประเทศ พุ่งเป้าไปที่สัญญาณมาตรการกีดกันทางการค้าของสหรัฐ

ความเห็นที่น่าสนใจของ ประษาธิบดี หู จิ่นเทาของจีน กล่าวว่า จีนได้ทำหน้าที่ของตนเองในการนำโลกออกาจากภาวะถดถอยแล้ว แต่ได้รับผลกระทบจากการตรวจสอบทางการค้า และมาตรการกีดกันทางการค้า ซึ่งนโยบายของจีนที่ผูกค่าเงินหยวนกับดอลลาร์ ส่งผลให้สินค้าส่งออกของจีนมีราคาถูกลงนั้น ถูกหยิบยกในการประชุมครั้งนี้ด้วย ซึ่งผู้นำสหรัฐกล่าวว่า จะนำเอาประเด็นดังกล่าว หารือกับจีนในการเยื้อนสัปดาห์หน้า

และบทสรุปของผู้นำ 21 ประเทศ นั้น ลงความเห็นว่า จะดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไปจนกว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งยังกระตุ้นให้มีการแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศอย่างเป็นรูปธรรม

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐฯ ประกาศจะให้มลรัฐฮาวายเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสุดยอดผู้นำเอเชีย-แปซิฟิก ในปี 2554 พร้อมฝากมุขเอาไว้ว่า "ผมตั้งตารอที่จะเห็นพวกคุณทุกคนใส่เสื้อลายดอก และกระโปรงฟาง เพราะวันนี้ ผมได้ประกาศว่าเราจะนำที่ประชุมนี้ไปจัดที่ฮาวาย บ้านเกิดของผม ในปี 2554"

การประชุมสุดยอดผู้นำ APEC ปีหน้า จะจัดขึ้นในเมืองท่าโยโกฮามาของญี่ปุ่น และรัสเซียจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมในปี 2555 ที่เมืองวลาดิโวสต็อก


หุ้นโลกขยับบวกต่อ รับข่าวดีเศรษฐกิจ-ผลประกอบการ

นักลงทุนยังเทเงินเข้าไปยังตลาดหุ้นทั่วโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เริ่มจาก MSCI Emerging Markets ที่บวกขึ้นอย่างมากในรอบเดือน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะตัวเลขที่มาจากทางประเทศบราซิล ที่มีรายงานยอดค้าปลีกออกมาเพิ่มขึ้นในเดือนล่าสุด รวมทั้งผลกำไรของบริษัทรับสร้างบ้านในประเทศที่ออกมาดีกว่าคาด จนทำให้มีการคาดการณ์ว่าการใช้จ่ายผู้บริโภคน่าจะเป็นตัวนำการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจครั้งนี้

นอกจากนั้น ยังมีความเคลื่อนไหวมาจากประเทศจีน เมื่อประธานาธิบดี หู จิ่น เทา บอกว่า รัฐบาลจะดำเนินมาตรการเต็มที่เพื่อกระตุ้นความต้องการในประเทศ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จีนได้รายงานผลผลิตอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกในเดือนตุลาคมที่ดีกว่าคาด ด้วยตัวเลขผลผลิตที่ออกมาเพิ่มขึ้นถึง 16% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ขณะเดียวกัน ทางเกาหลีใต้ ก็เปิดเผยตัวเลขสถานการณ์ภาคแรงงานที่น่าพอใจ ด้วยอัตราการว่างงานที่ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเก้าเดือน

ทางด้านยุโรป ตลาดหุ้นก็ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองหลังจากกลุ่มประเทศ G-20 เห็นชอบร่วมกันในการคงระดับการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป รวมถึงปัจจัยผลประกอบการที่นำโดย สถาบันการเงิน อย่าง Credit Agricole และผู้ผลิตปูนซีเมนต์ยักษ์ใหญ่ Holcim ที่ประกาศผลดำเนินงานดีเหนือความคาดหมาย

ส่วนผู้นำในธุรกิจเหมือง คือ BHP Billiton และ Rio Tinto ก็นำการบวกของหุ้นกลุ่มนี้ขึ้นได้ ถือเป็นการบวกรับข่าวการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมในจีน และคำสั่งซื้อเครื่องจักรที่เพิ่มขึ้นในญี่ปุ่น

ดัชนี Euro Stoxx 50 ที่ใช้วัดราคาหุ้นขนาดใหญ่ในยูโรโซน ปรับตัวขึ้น 3.2% ในสัปดาห์ที่แล้ว ส่วน Dow Jones Stoxx 600 ขยับขึ้น 2.8%

ในธุรกิจการบินก็มีปัจจัยการควบรวมกิจการลับเข้ามาอีกครั้งในสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อ British Airways ในฐานะสายการบินรายใหญ่ที่สุดอันดับสามของยุโรป ในที่สุดก็ได้ประกาศเห็นชอบควบรวมกิจการกับทางสายการบิน Iberia หลังจากที่ยืดเยื้อและพูดคุยกันมานานกว่า 1 ปีแล้ว

ส่งท้ายด้วยหุ้นทางฝั่งสหรัฐฯ ตลาดก็ปรับขึ้นเป็นสัปดาห์ที่สองเช่นกัน หลังเห็นท่าทีของกลุ่มประเทศผู้นำทางเศรษฐกิจ อย่าง G20 และผลประกอบการของธุรกิจชั้นนำ เช่น Wal-Mart Stores รวมถึง Walt Disney ที่ออกมาดีกว่าตลาดคาดการณ์ ซึ่งในสัปดาห์นี้ นักลงทุนก็ยังรอลุ้นรายงานทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตัว อย่างเช่น ตัวเลขยอดค้าปลีก ผลผลิตอุตสาหกรรม ดัชนีราคาสินค้า และภาวะการสร้างบ้าน เป็นต้น


วอร์เรน บัฟเฟต มองธุรกิจพ้นจุดต่ำสุด แม้ภาพรวมเศรษฐกิจต้องรออีกยาว

หนึ่งในปัจจัยที่มีคนจับตาดูอยู่ก็คือ มุมมองของมหาเศรษฐีนักลงทุน วอร์เรน บัฟเฟต (Warren Buffett) ที่ล่าสุดออกมาบอกว่า แม้ธุรกิจของเขาน่าจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดอันเป็นผลของวิกฤติการเงินครั้งนี้แล้ว แต่ก็ยังเชื่อว่าแรงขับดันเศรษฐกิจในปัจจุบันยังมีอยู่น้อย และไม่คิดว่าช่วงไฮซีซั่นที่กำลังจะมาถึง จะสามารถช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาได้

บัฟเฟต ที่ได้ให้สัมภาษณ์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากับผู้ดำเนินรายการชื่อดังของอเมริกา อย่าง Charlie Rose บอกว่า ความต้องการของผู้บริโภคจะฟื้นขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะกลับมาเหมือนเดิมในอีกสองปีข้างหน้า ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งปีเหมือนอย่างที่หลายคนคิดไว้

ความเห็นของมหาเศรษฐีอันดับสองของโลกนี้ อาจจะดูไม่เป็นไปตามตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาสสามที่ GDP กลับมาขยายตัวเป็นบวกได้เป็นครั้งแรกในรอบหลายไตรมาส แต่สิ่งที่ดูจะสอดคล้องกับมุมมองของ บัฟเฟต ก็คือ อัตราการว่างงาน ที่เมื่อเดือนที่แล้วตัวเลขพุ่งขึ้นเป็นสองหลักที่ 10.2% และเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปีเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี แม้เขาจะมีมุมมองที่ไม่สดใสนักต่อสภาวะเศรษฐกิจ แต่ดีลการซื้อกิจการมูลค่า 26,400 ล้านเหรียญ ของ Burlington Northern Santa Fe ที่ทำธุรกิจรถไฟเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยผ่าน Berkshire Hathaway ก็ทำให้หลายคนเชื่อว่า ยังมีอีกหลายธุรกิจที่กำลังไปได้ดีแม้แนวโน้มภาพรวมเศรษฐกิจจะผันผวนอยู่ก็ตาม

สำหรับเรื่องทิศทางเงินดอลลาร์ ที่อ่อนค่ามาแล้วกว่า 15% นับตั้งแต่จุดสูงสุดของปีนี้เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินหลัก กูรูนักลงทุนวัย 79 รายนี้ ก็มองว่า ดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าต่อไป ขณะรัฐบาลยังคงพิมพ์เงินเข้าสู่ระบบมากขึ้น แต่คำถามก็คือ ค่าเงินสหรัฐฯ จะอ่อนต่อไปได้อีกมากน้อยแค่ไหน

บัฟเฟตประมาณการณ์ว่า สภาคองเกรสสหรัฐฯ จะต้องปรับขึ้นภาษีและปิดช่องว่างการขาดดุลงบประมาณให้ได้ในที่สุด หลังจากที่ตัวเลขขึ้นไปติดลบสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1.4 ล้านล้านเหรียญ มิฉะนั้นแล้ว ค่าเงินของประเทศจะยิ่งสูญเสียมูลค่าไปมากกว่านี้


สหรัฐขาดดุลการค้าเกินคาด หลังนำเข้าน้ำมันพุ่ง

กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐพุ่งขึ้นสูงเกินคาดถึง 18.2% ซึ่งเป็นการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2542 แตะ 36,500 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. มากกว่าระดับ 30,800 ล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค. และมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ที่ระดับ 31,700ล้านดอลลาร์

ปัจจัยหลักที่ผลักดันให้ยอดขาดดุลการค้าปรับตัวสูงขึ้นในเดือนก.ย.คือ ราคาน้ำมันในต่างประเทศที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบหนึ่งปี และได้บดบังยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา

กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ตัวเลขนำเข้าโตขึ้น 5.8% แตะ 168,400 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวมากที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ.2536 นำโดยน้ำมันที่พุ่งขึ้น 20.1% โดยยอดนำเข้าน้ำมันจากกลุ่มโอเปคเพิ่มขึ้นแตะ 11,900 ล้านดอลลาร์ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551

ขณะที่ยอดส่งออกปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน โดยเพิ่มขึ้น 2.9% แตะ 132,000ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายรถยนต์อเมริกันที่แข็งแกร่งขึ้น รวมไปถึงเครื่องบิน และเครื่องจักรกลอุตสาหกรรม

นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ สหรัฐขาดดุลการค้าเป็นมูลค่าราว 366,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณครึ่งหนึ่งของตัวเลขขาดดุลการค้าที่ 695,900 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว ตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐร่วงลงรุนแรงในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจของสหรัฐดิ่งลงสู่ภาวะถดถอย และมูลค่าของเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

ด้านนักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ดีมานด์การส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ เมื่อช่วงต้นเดือนนี้ ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะเปลี่ยนรูปแบบการขยายตัว พร้อมระบุว่าจะส่งเสริมการส่งออกของประเทศ

สำหรับตัวเลขขาดดุลการค้าที่ได้รับการเปิดเผยล่าสุดนี้ยังแสดงให้เห็นด้วยว่า ช่องว่างทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนขยายตัวขึ้น 9.2% แตะ 22,100 ล้านดอลลาร์ในเดือนก.ย. เพราะยอดนำเข้าจากจีนทะยานขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่อ่อนไหวทางการเมือง เนื่องจากสหรัฐพยายามกดดันให้จีนปล่อยเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินดอลลาร์ เพื่อทำให้สินค้าส่งออกของสหรัฐมีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโอบามาอยู่ในระหว่างเดินสายเยือนภูมิภาคเอเชีย และจะพบกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีนที่กรุงปักกิ่งในวันอังคารนี้


เศรษฐกิจยูโรโซนหลุดพ้นภาวะถดถอย

สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป หรือ ยูโรสแตท เปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรกลับมาขยายตัวอีกครั้งที่ 0.4% ในไตรมาส 3 ซึ่งหมายความว่าเศรษฐกิจยูโรโซนได้หลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว เช่นเดียวกับเศรษฐกิจญี่ปุ่นและสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม อัตราการขยายตัวดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ เนื่องจากประเทศเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของยูโรโซน อาทิ เยอรมนี และ ฝรั่งเศส มีอัตราการขยายตัวในไตรมาสสามที่น้อยกว่าคาดการณ์

นอกจากนี้ ในบรรดา 16 ประเทศที่ใช้เงินยูโร ไม่ใช่ทุกประเทศที่สามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้แล้ว โดย สเปนเพิ่งเปิดเผยว่า GDP ของประเทศยังคงหดตัว 0.3% ในเดือนก.ค.-ก.ย.

ขณะที่เศรษฐกิจของสหภาพยุโรป (EU) โดยรวม ซึ่งรวมถึงประเทศที่ไม่ใช้สกุลเงินยูโร อาทิ อังกฤษ และ สวีเดน สามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้แล้วเช่นกัน หลังจากขยายตัว 0.2% ในไตรมาสสาม


จีนเดินหน้ากระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ-ลดพึ่งพาส่งออก

ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ของจีน กล่าวกับผู้นำธุรกิจในเอเชียแปซิฟิกว่า จีนต้องใช้มาตรการเชิงรุกในการกระตุ้นอุปสงค์ในประเทศ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถขยายตัวได้โดยพึ่งพาการลงทุนและการส่งออกให้น้อยที่สุด

นายหูกล่าวที่สิงคโปร์ว่า "เราทำงานอย่างหนักเพื่อกระตุ้นการบริโภคในประเทศเพื่อต้องการให้ประชาชนมีกำลังจ่ายมากขึ้น"

ผู้นำจีนไม่ได้กล่าวถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศซึ่งกำลังเป็นปัญหาในตอนนี้ เนื่องจากจีนไม่ยอมปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าเพื่อสนับสนุนภาคการส่งออก โดยเงินหยวนยังตรึงอยู่ที่ระดับ 6.83 หยวน/ดอลลาร์ มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว ทั้งที่แข็งค่าขึ้นถึง 21% ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

หัวหน้านักยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนจากบริษัท เอสเจเอส มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า"อันที่จริงหลายประเทศในภูมิภาคกำลังแข็งขันกับจีนเรื่องการส่งออก" "ตราบใดที่เงินหยวนยังอ่อนค่าสอดคล้องกับเงินดอลลาร์ ประเทศอื่นในเอเชียก็ต้องเข้าแทรกแซงเพื่อไม่ให้สกุลเงินของตนเองแข็งค่าเช่นกัน"

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่ากว่า 4 ล้านล้านหยวน (586,000 ล้านดอลลาร์) ช่วยหนุนให้เศรษฐกิจจีนขยายตัวถึง 8.9% ในไตรมาส 3 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

เศรษฐกิจจีนก็มีอิทธิพลต่อประเทศอื่นในเอเชียมากขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2545 สหรัฐยังเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไทย อินโดนีเซีย มาเลเซีย และสิงคโปร์ แต่ในปี 2551 จีนสามารถแซงหน้าสหรัฐและเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของประเทศที่กล่าวมาทั้งหมด สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวันศุกร์ที่ 13 พ.ย. 2552
? ดุลการค้าระหว่างประเทศ (ก.ย.) ขาดดุล 35,500 ล้านดอลลาร์ (มากกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)
? ราคานำเข้า (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.7% จากเดือนก่อนหน้า
? ราคาส่งออก (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 66 จุด (น้อยกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (จันทร์ที่ 16 พ.ย. 2552)
? ยอดค้าปลีก (ต.ค.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ก.ย.) โดย กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 11:33:44 AM
ขอบคุณค่ะอาจารย์ ไม่กล้าเล่นอานู๋กิมเลยตอนนี้ มีเก็บไว้ก็นิดหน่อยเอง :(


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 02:04:29 PM
บทวิเคราะห์ทองคำ (16-11-52)

16 พ.ย. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวผันผวนตามราคาสปอต ซึ่งปรับตัวผันผวนรุนแรงในทิศทางบวกในตลาดสหรัฐฯ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,500/600 บาท เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       ยูโรและราคาทองคำแข็งค่าขึ้นในช่วงเช้าและกลับมาอ่อนค่าลงต่อเนื่องอย่างช้าๆเมื่อรายงานจีดีพีของประเทศต่างๆในยุโรปออกมาเป็นบวกแต่แย่กว่าคาด โดยยังแสดงให้เห็นว่าพื้นฐานเศรษฐกิจยุโรปยังไม่ดีมากนักคือยุโรปยังโตได้ด้วยการส่งออกมากกว่าการบริโภคในประเทศ  [TCAF Research]
       รายงานภาคการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐฯปรากฏว่าสหรัฐฯมียอดการส่งออกที่ดีขึ้นเช่นกัน ในขณะที่การนำเข้าของสหรัฐฯสูงขึ้นเนื่องจากราคาน้ำมัน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯน่าจะมียอดการค้าระหว่างประเทศที่ดีขึ้น นักลงทุนจึงกลับมาซื้อหุ้นเพิ่มเติมและรับความเสี่ยงได้มากขึ้น  [Econoday, TCAF Research]
       รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคท้องถิ่นของสหรัฐฯที่สำรวจโดยรอยเตอร์สร่วมมือกับ University of Michigan ปรากฏว่าแย่กว่าคาดและแย่กว่าเดิมอย่างมีนัยสำคัญ นักลงทุนจึงกลับมาทิ้งดอลลาร์สหรัฐอีกครั้งส่งผลให้ค่าเงินยูโรและทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรุนแรง  [Econoday, TCAF Research]
       ข้อพิพาธระหว่างจีนและสหรัฐฯยังไม่จบโดยที่สหรัฐฯยังกีดกันการนำเข้าของจีนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่องและโทษจีนว่าเงินหยวนแข็งค่าของจีนจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก ในขณะที่จีนโทษสหรัฐฯว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเกินไปทำให้ราคาสินทรัพย์ต่างๆเพิ่มขึ้นไปเป็นฟองสบู่  [Bloomberg, TCAF Research]
       ญี่ปุ่นรายงานการเติบโตจีดีพีรายไตรมาสออกมาเป็นบวกมากกว่าคาด นักลงทุนจึงรับความเสี่ยงได้มากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกพร้อมกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นและเงินบาทแข็งค่า  [Forexfactory, TCAF Research]
       นักลงทุนจะจับตามองรายงานค้าปลีกของสหรัฐฯหลังจากที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงอย่างรุนแรง


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่านักลงทุนยังไม่น่าจะกล้าซื้อขายรุนแรงโดยจะจับตามองท่าทีระหว่างจีนและสหรัฐฯ เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวอยู่ในช่วง" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์ หรือซื้อขายตามแนวรับแนวต้านระหว่างวัน"




มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 02:05:09 PM
Daily Update 16-11-52

16 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ
-         ทองปิดพุ่งหลังดอลลาร์ร่วง
-         ดอลล์ร่วงรับวิตกศก.สหรัฐหลังเผยข้อมูล
-         ตลาดหุ้นรับผลดีจากการร่วงของดอลลาร์และน้ำมันร่วงลง
 
      ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดพุ่งขึ้นในวันศุกร์หลังจากดอลลาร์ร่วงลง และการปิดสูงกว่าระดับ 1,100 ดอลลาร์/ออนซ์ที่ได้แรงหนุนจากความต้องการประกันความเสี่ยงค่าเงิน และความสนใจของธนาคารกลางนั้นก็น่าจะหนุนตลาดในสัปดาห์หน้า
       ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (13 พ.ย.) หลังจากสำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรปรายงานว่า เศรษฐกิจของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรหลุดพ้นจากภาวะถดถอยในไตรมาสสาม ประกอบกับการเปิดเผยตัวเลขขาดดุลการค้าของสหรัฐที่พุ่งสูงเกินคาดในเดือนก.ย. กระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า อาทิ สกุลเงินต่างประเทศ
         เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.50% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ 1.4916 ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.61% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ที่ 1.6688 ดอลลาร์ จากระดับ 1.6586 ดอลลาร์
         ปัจจัยเดียวที่อาจจะส่งผลลบต่อราคาทองคำจะเป็นการฟื้นตัวของดอลลาร์ หรือแรงเทขายทำกำไรทอง แต่ก็ยังไม่เห็นสัญญาณที่ชัดเจนในการเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้นนี้
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,113.519 ตัน ณ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 10.314 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52     
 
  กลยุทธ์:   ขอดูแนวโน้วค่าเงิน US/Euro ว่าในวันอังคารสามารถยืนได้หรือไม่ ถ้าไม่สามารถยืนได้ ทองน่าจะมีทิศทางแนวโน้วลงในวันอังคารนี้ได้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 02:09:30 PM
ขอบคุณคุณทองใหม่ค่ะ อย่าลืมพักผ่อนนะคะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: _LAN_NA_ ที่ พฤศจิกายน 16, 2009, 05:49:39 PM
ขอบคุณข้อมูล ดีๆ ครับ คุณทองใหม่

(^^)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 06:41:54 AM
เกิดข้อผิดพลาด!
โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ  

โปรดตามไปดูที่นี่ครับบบบบบบบบบบบบบ

http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.45 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.45)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 08:04:06 AM
2009-11-17 Quotes broadcast
08?28 ????????????????????????????1139?????????????????????????????1132?? 08:28 Quotes broadcast: Overnight dollar was falling rapidly, helping gold another record high, is currently competing in the 1139, technical drawing short-term maintenance of a strong pattern, but the kinetic energy of a significant weakening of support for the bottom of the recent 1132 U.S. dollars


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 08:14:43 AM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่  ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 08:21:03 AM
speculate in gold and net central bank gold buying gold or stimulate
[ ??2009-11-17 09:12:06 ]
 The world's leading asset management company BlackRock (Blackrock) 11 Yue 16 said, as countries diversify the investment bank is currently running operations, this year's major central banks will become net buyers of gold assets. ??????,??????????????????????????? Analysts pointed out that BlackRock's remarks will stimulate its recent highs, a further increase in international gold prices.
???????????????????????????,?????????????????????,???1988???,???????????????????????? BlackRock World Mining Fund and the gold and the Consolidated Fund in charge of Evelyn Hambro said that if the BlackRock global central banks to buy gold this year, the size of the expected accuracy, it would be since 1988, the first time in the world's central banks to buy gold greater than the amount sold into the situation. ?????,????????????????????,??????????????????????????? He also said that central banks holdings of gold and the curtailment of the world's gold supply, making investors now is "looking forward to all the monetary terms of the price of gold across the board increase."
?????????????????????????? The Hambro I judge for the international price of gold is also consistent with investor expectations. ???,???????????????????,??????????????????????? In his view, the recent dollar-denominated gold prices rising explosively, causing the majority of other currency-denominated gold prices higher start at the same time. ??????,?????????????????,????1032?????????????,??????1100???1120????????? The previous two weeks, the New York Mercantile Exchange, gold futures prices hit record highs, in 1032 U.S. dollars an ounce, breaking the previous historical peak value, then, but also continued to climb to 1100-1120 U.S. dollars an ounce range.
???,??????,????????????????????????,???????????,???????????;??,????????????????????,?????????,?????????????????? In addition, Hambro also pointed out that despite China's annual gold production has exceeded the South African ranks first in the world, but difficult to sustain the momentum of its high yield, it will put pressure on the global supply; However, the U.S. market demand for bulk commodities beginning of a recovery signal, combined with the increase in demand in Asia, will be the long-term gold bull market, and lay a solid foundation.
โดยใจความ-----ธนาคารกลางนานาประเทศซื้อทอง อาจกระตุ้นราคาทองให้สูงขึ้นต่อได้[/


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 08:25:32 AM
ค่าเงินดอลล์ร่วงหนัก 
 วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 07:46

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนัก หลัง FED ยืนยันคงดอกเบี้ยต่ำต่อไป

ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.40% เมื่อเทียบกับยูโรที่ 1.4974 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.4914 ยูโร/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.72% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนที่ 89.060 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 89.710 เยน/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐร่วงลง 0.44% เมื่อเทียบกับฟรังค์สวิสที่ 1.0071 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับของวันศุกร์ที่ 1.0116 ฟรังค์/ดอลลาร์ และดิ่งลง 0.84% เมื่อเทียบกับเงินปอนด์ที่ 1.6830 ปอนด์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.6689 ปอนด์/ดอลลาร์

ส่วนค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้น 0.40% แตะที่ 0.9371 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับของวันศุกร์ที่ 0.9334 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย และค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้น 0.65% แตะที่ 0.7485 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7437 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์

อลัน รัสกิ้น หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ด้านปริวรรตเงินตราจากรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ในรัฐคอนเน็กติกัต กล่าวว่า ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงทันทีหลังจากเบอร์นันเก้ที่ยืนยันในที่ประชุมเฟดเมื่อวานนี้ว่า เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ย "ต่อไปอีกระยะหนึ่ง" เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และระบุว่าเม็ดเงินที่รัฐบาลสหรัฐอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจนั้น ไม่ได้ทำให้เกิดกระแสเก็งกำไรที่นำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ โดยดัชนี ICE Futures US dollar index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆของโลก ร่วงลง 0.9%

"การยืนยันเรื่องคงอัตราดอกเบี้ยต่ำของเบอร์นันเก้ทำให้นักลงทุนไม่เชื่อมั่นในท่าทีของเขา เมื่อเขากล่าวในที่ประชุมเฟดสาขานิวยอร์กว่าจะสนับสนุนนโยบายดอลลาร์แข็งค่า" รัสกิ้นกล่าว

นักลงทุนมีมุมมองที่เป็นลบต่อทิศทางค่าเงินดอลลาร์มากขึ้นเมื่อนายหยาว เจี้ยน โฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ออกมาปฏิเสธข้อเรียกร้องที่ต้องการให้จีนปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่า ซึ่งท่าทียืนกรานของโฆษกกระทรวงพาณิชย์มีขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐเดินทางเยือนจีนเป็นเวลา 4 วัน ซึ่งจะได้มีการหยิบยกประเด็นเรื่องเงินหยวนมาหารือกันด้วย

นอกจากนี้ นักลงทุนเทขายดอลลาร์แม้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 1.4% มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.9% ส่วนยอดค้าปลีกที่ไม่นับรวมยอดขายรถยนต์ ขยับขึ้น 0.2%

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังคงจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนต.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยประจำเดือนพ.ย., ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจประจำเดือนต.ค



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 08:29:21 AM
เดฟ เมเกอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Vision Financial Markets กล่าวกับเอพีว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงหลังจากดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ มีราคาถูกลงสำหรับกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ

"โดยปกติแล้วเมื่อดอลลาร์อ่อนค่าลงจะกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อ แต่ก็มีนักวิเคราะห์จำนวนมากที่เชื่อว่าสัญญาทองคำทะยานขึ้นเนื่องจากการซื้อเพื่อเก็งกำไร" เมเกอร์กล่าว



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Theephat ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 08:51:26 AM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ :D :D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 09:51:34 AM
หนีห่าว   ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 10:15:45 AM
ผลผลิตข้าวโลกร่วง มีโอกาสดันราคาทะลุ 1,000 เหรียญต่อตัน

Posted on Tuesday, November 17, 2009
หุ้น-โภคภัณฑ์ บวกต่อเนื่อง รับ APEC พร้อมใจอัดฉีดเศรษฐกิจ

ตลาดหุ้นทั่วโลกวิ่งขึ้นอีกครั้ง จากท่าทีของผู้นำรัฐบาลในเอเชียที่มุ่งมั่นเดินหน้าอัดฉีดเศรษฐกิจของตนต่อ ขณะราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยิ่งบวกได้อีกเมื่อตัวเลขยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ ออกมาฟื้นตัว โดยดัชนี MSCI Asia Pacific บวกขึ้นแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์เมื่อวานนี้ หลังที่ประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APEC บอกว่าจะใช้มาตรการอัดฉีดเงินต่อไปจนกระทั่งเห็นเศรษฐกิจขยายตัวได้อย่างมั่นคงแล้ว

ความมั่นใจในตลาดมีมากขึ้นไปอีก เมื่อประเทศหลักๆ อย่าง อเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ต่างย้ำถึงจุดยืนการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เศรษฐกิจโลกและระบบการเงินกลับมามีเสถียรภาพได้อีกครั้ง นอกจากนี้ นักลงทุนยังได้รับข่าวดีจากทางฝั่งญี่ปุ่นที่ GDP ขยายตัวได้ถึง 4.8% ต่อปีในไตรมาสสาม สูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์เคยคาดไว้ว่าจะออกมาขยายตัว 2.9% ขณะที่ตัวเลขเงินลงทุนโดยตรงในจีน หรือ FDI งวดเดือนตุลาคมปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 แล้ว จากแนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัว

ราคาทองเอเชียที่ทำนิวไฮเมื่อวานนี้ก็ยังทำให้หุ้นผู้ผลิตเหมืองทองรายใหญ่ที่สุดของจีน อย่าง Zijin Mining Group พุ่งขึ้นถึง 2.5% ที่ตลาดหุ้นเซียงไฮ้ ขณะที่ภาวะร้อนแรงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังทำให้หุ้นยักษ์ใหญ่ธุรกิจเหมืองของโลก BHP Billiton และ Rio Tinto Group บวกสดใส รวมถึง หุ้น ThyssenKrupp ที่เป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่สุดในเยอรมนี ปรับตัวขึ้นหลังโบรกเกอร์ JPMorgan Chase ให้คำแนะนำลงทุนในหุ้น

ส่วนที่ตลาดหุ้นอเมริกา ยักษ์ใหญ่พลังงาน Exxon Mobil ก็นำการปรับตัวขึ้นของหุ้นในกลุ่ม หลังราคาน้ำมันพุ่งแรงที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ ขณะที่ธุรกิจค้าปลีก อย่าง Target Corp. และ Sears Holdings ราคาหุ้นบวกสดใส หลังทางการสหรัฐฯ รายงานตัวเลขยอดขายปลีกที่โตขึ้น 1.4% ในเดือนตุลาคม ส่วนผู้นำในธุรกิจบัตรเครดิต American Express บวกรับข่าวดีที่ตัวเลขผิดนัดชำระของลูกค้าออกมาลดลงเป็นเดือนที่หกแล้ว

ที่ล่าสุด ประธานเฟด Ben Bernanke บอกว่า ข้อจำกัดในการปล่อยสินเชื่อและตลาดแรงงานที่อ่อนแอมีความเป็นไปได้ที่จะฉุดรั้งการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งทำให้แน่ใจได้ว่าภาวะต้นทุนทางการเงินจะยังอยู่ในระดับต่ำต่อไป และจากมุมมองของ Bernanke นี้ก็ทำให้ตลาดพันธบัตรปรับตัวขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลรุ่นสองปี ลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม

ความกังวลในเรื่องดอลลาร์ที่ยังอาจอยู่ในระดับแข็งค่าเกินไป ก็ทำให้ค่าเงินสหรัฐฯ ร่วงลงอีกเมื่อคืนนี้ โดย Dollar index ลดลง 0.6% แตะจุดต่ำสุดที่เคยทำไว้เมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ซึ่งเงินดอลลาร์ที่อ่อนลงก็ส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินส่วนหนึ่งเข้าไปในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์มากขึ้น ดูจากดัชนี Reuters/Jefferies CRB ที่ใช้วัดราคา commodity หลักๆ 19 ประเภท ที่ปรับตัวขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้


ผลผลิตข้าวโลกร่วง มีโอกาสดันราคาทะลุ 1,000 เหรียญต่อตัน

กระแสราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวขึ้น ก็รวมไปถึง soft commodity อย่างข้าว ที่มีโอกาสขยับขึ้นเช่นกัน โดยประเด็นเรื่อง Supply ถือเป็นปัจจัยหลักสำหรับตลาด หลังจากประเทศผู้ส่งออกอย่างอินเดียต้องเผชิญสภาวะภูมิอากาศที่แห้งแล้ง ขณะที่ฟิลิปปินส์ก็ถูกเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยพายุที่เข้ามาถล่มถึง 3 ลูก ส่งผลให้ผลผลิตข้าวได้รับความเสียหายหนัก

ผู้บริหารของบริษัท เอเชีย โกลเดน ไรซ์ ในไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก บอกว่า ราคาข้าวอาจจะปรับขึ้นถึงสองเท่า จนทะลุระดับ 1,000 ดอลลาร์ต่อตัน หลังจากที่ฟิลิปปินส์และอินเดียต้องเพิ่มระดับการนำเข้า ขณะที่ทางโฆษกของสำนักงานอาหารในฟิลิปปินส์ ในฐานะผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของโลก ก็เชื่อว่าราคาข้าวจะไม่พุ่งสูงสุดจนกว่าจะถึงเดือนมีนาคมปีหน้า

เทรดเดอร์เชื่อว่า ในปีนี้ Supply ข้าวทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะตึงตัวกว่าปีที่แล้ว โดยสถานการณ์ Demand ? Supply จะยิ่งไม่สมดุลหนักเมื่อตลาดใหญ่อย่างอินเดียหันมานำเข้าข้าวเองด้วย ขณะเดียวกัน ก็มีผู้ค้าในสิงคโปร์ที่คาดการณ์ว่าราคาส่งออกข้าวไทยจะมีแนวโน้มเฉลี่ยสูงขึ้นอย่างน้อย 20% ไปแตะระดับ 650-700 ดอลลาร์/ตันในช่วง 3-5 เดือนหลังจากนี้

ผลสำรวจความเห็นของผู้นำเข้า-ส่งออก และนักวิเคราะห์ ที่จัดทำโดยสำนักข่าว Bloomberg คาดว่าราคาข้าวไทยมีโอกาสพุ่งแตะระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อปีที่แล้วที่ 1,038 ดอลลาร์/ตัน เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่ราคาอยู่แถวๆ 540 ดอลลาร์/ตัน


อังกฤษเตรียมควบคุมการจ่ายโบนัสนายแบงก์

รัฐบาลอังกฤษเตรียมประกาศแผนการการดูแลเกี่ยวกับการให้โบนัสของนายธนาคาร โดยจะประกาศให้การให้โบนัสบางรายการเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดวิกฤตการเงินอีก

นายอแตร์ ดาร์ลิง รัฐมนตรีคลังอังกฤษกล่าวว่า หากมีการพิจารณาแล้วเห็นว่าจำเป็น ทางเจ้าหน้าที่กำกับดูแลจะได้รับอำนาจยกเลิกสัญญาที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการชำระเงินที่อาจจะทำให้เกิดความผันผวนขึ้น

ทางด้านนายกเทศมนตรีพอล ไมเนอร์ส กล่าวว่า หากสัญญาเหล่านั้นได้ถูกเขียนขึ้น สัญญาเหล่านั้นก็จะกลายเป็นโมฆะภายใต้กฎหมาย

บลูมเบิร์กรายงานว่า นายกอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ซึ่งจะจัดการเลือกตั้งภายในเดือนมิ.ย.ปีหน้าท่ามกลางคะแนนนิยมที่ตกต่ำของตนมาเกือบ 2 ปีนั้น จะเปิดเผยเป้าหมายการดำเนินงานในที่ประชุมรัฐสภานัดต่อไป ซึ่งอาจรวมถึงการยกเลิกมาตรการยกเว้นภาษีด้านการดูแลเด็ก การอนุญาตให้ลูกค้าฟ้องร้องผู้ปล่อยกู้ รวมถึงการกำหนดให้ธนาคารต่างๆต้องจัดทำแผนลดการให้บริการลงหากธุรกิจนั้นมีปัญหา

ทั้งนี้ พรรคแรงงานภายใต้การนำของนายบราวน์จะมีเวลาประมาณ 5 เดือนในการผ่านกฎหมาย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง

นายไมเนอร์สกล่าวว่า เขามั่นใจว่ากฎหมายที่เกี่ยวกับบริการด้านการเงินจะได้รับการอนุมัติ ซึ่งทางการไม่ได้ต้องการที่จะควบคุมระดับเงินโบนัส แต่ต้องการสร้างความมั่นใจว่าการจัดสรรโบนัสจะไม่ทำให้เกิดความเสี่ยงสูงจนเกินไป เรามีกรอบการดำเนินการเพื่อที่ผู้เสียภาษีจะได้ไม่ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องและถูกนำเงินภาษีไปช่วยเหลือธนาคารที่มีปัญหาเหมือนในอดีต


แอร์บัส-โบอิ้งเชื่อตลาดการบินกำลังฟื้นตัว

บริษัทผู้ผลิตเครื่องบินพาณิชย์รายใหญ่สุดของโลก แอร์บัส (Airbus SAS) และ โบอิ้ง (Boeing Co.) คาดการณ์ว่าดีมานด์ในอุตสาหกรรมการบินจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า เนื่องจากเศรษฐกิจโลกดีดตัวขึ้นจากภาวะถดถอยที่เลวร้ายที่สุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการการเดินทางทางอากาศ

จอห์น ลีฮี ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของแอร์บัส กล่าวที่งานดูไบ แอร์โชว์ว่า เขามองเห็นว่าตลาดกำลังฟื้นตัวขึ้น เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า สายการบินต่างๆเริ่มยกเลิกแผนชะลอการส่งมอบเครื่องบิน

แรนดี้ ทินเซธ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดเครื่องบินพาณิชย์ของโบอิ้ง กล่าวว่า ปี 2553 จะเป็นปีแห่งการฟื้นตัว และสายการบินต่างๆจะกลับมาทำกำไรได้ในปี 2554 โดยการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าจะช่วยปรับปรุงงบดุลของสายการบินต่างๆ

ทั้งนี้ แอร์บัส ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องบินสัญชาติฝรั่งเศส ประกาศทำข้อตกลงขายเครื่องบิน A320 มูลค่าราว 700 ล้านดอลลาร์กับสายการบินเยเมเนีย แอร์เวย์ และสายการบินเอธิโอเปีย แอร์เวย์ ยังได้สั่งซื้อเครื่องบิน A350 จำนวน 12 ลำด้วย

ขณะที่ บริษัทโบอิ้งของสหรัฐ กล่าวว่า บริษัทกำลังเจรจาร่วมมือทางธุรกิจกับ มูบาดาลา ซึ่งเป็นบริษัทเพื่อการลงทุนของรัฐบาลอาบูดาบี ซึ่งการหารือดังกล่าวอาจนำไปสู่ความร่วมมือที่ใกล้ชิดมากขึ้นในด้านการวิจัยและพัฒนา และด้านวิศวกรรม


เอเชียมอง FED คงดอกเบี้ยจุดกระแสเก็งกำไร-เงินเฟ้อ

เจ้าหน้าที่ระดับสูงด้านการเงินของจีนและญี่ปุ่น เตือนธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ว่า นโยบายอัตราดอกเบี้ยต่ำของเฟดกำลังส่งผลให้เกิดการเก็งกำไรในรูปการทำ Arbitrage สกุลเงินดอลลาร์ (หรือการหากำไรจากการซื้อขายในเวลาเดียวกัน แต่ต่างตลาดกัน) และทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อด้านสินทรัพย์ ซึ่งผลที่ตามมาคือการขัดขวางกระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

มาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กล่าวในที่ประชุม Paris Europlace Financial Forum ที่กรุงโตเกียวในวันนี้ว่า กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่มีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตกและเกิดความผันผวนในตลาดการเงินอีกครั้ง

ขณะที่ หลิว หมิงกัง ผู้อำนวยการฝ่ายกำหนดนโยบายด้านการธนาคารของจีนกล่าวว่า สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนแอและอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำของสหรัฐส่งผลให้ราคาหุ้นและราคาอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐพุ่งขึ้น ซึ่งทำให้กระบวนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ อีกทั้งจะทำให้ให้ระบบเศรษฐกิจโลกตกอยู่ในความเสี่ยงจนยากที่จะแก้ไขได้

ทั้ง 2 ประเทศ ต่างแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะช่วยให้ภาระหนี้สินของชาวอเมกันเบาลง แต่การคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไว้นานๆจะส่งผลให้เกิดการเก็งกำไร และการคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในระยะยาว

"ที่ผ่านมานโยบายการเงินแบบผ่อนปรนในกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจส่งผลให้มีเงินทุนไหลเข้าสู่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่จำนวนมาก สิ่งที่น่ากังวลก็คือหากเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ขยายตัวรวดเร็วกว่ากลุ่มประเทศมหาอำนาจอย่างต่อเนื่อง ผลที่ตามมาคือความผันผวนในตลาดการเงิน ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกระลอกในที่สุด

และในตลาดเงินนั้น ความเห็นของ นักวิเคราะห์จากธนาคารไชน่า คอนสตรั๊คชั่น แบงค์ คอร์ป กล่าวว่า อัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำในสหรัฐส่งผลให้เกิดการทำ carry trade ระหว่างสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐและดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งการทำธุรกรรมเช่นนี้จะยิ่งทำให้ดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอีกและทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง


ญี่ปุ่นเผย GDP Q3/52 เติบโตสูงสุดในรอบ 2 ปี

ในภูมิภาคเอเชีย ข่าวที่มีความสำคัญของเศรษฐกิจในภูมิภาค คงหนีไม่พ้นประเด็น GDP ของญี่ปุ่น ซึ่งสำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นรายงานในช่วงเช้าวานนี้ ว่า GDP ประจำไตรมาส 3 ของญี่ปุ่น ขยายตัวในอัตรา 4.8% ต่อปี สูงกว่าระดับ 2.9% ที่นักเศรษฐศาสตร์ประเมินเอาไว้ก่อนหน้า ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส และเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี

หากมองเป็นรายไตรมาสเศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโต 1.2% ในไตรมาส 3 เทียบกับไตรมาส 2/52 ก่อนหน้านี้ GDP ญี่ปุ่นเติบโต 2.7% ในไตรมาส 2/52 และหดตัว 12.2% ในไตรมาส 1/52

การขยายตัวของในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ มีส่วนช่วยหนุน GDP ขยายตัวขึ้น 0.8% และดีมานด์จากต่างประเทศมีส่วนช่วยหนุน GDP โตขึ้น 0.4%

สำนักงานคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นระบุว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 ของตัวเลข GDP ขยายตัวขึ้น 0.7% ในไตรมาส 3 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายด้านทุนในภาคเอกชนขยายตัวขึ้น 1.6% และการลงทุนภาคสาธารณะขยับลง 1.2% บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอยรุนแรงแล้ว

GDP ไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นขยายตัวขึ้นสอดคล้องกับตัวเลขเศรษฐกิจที่ทางการญี่ปุ่นเปิดเผยในช่วงก่อนหน้านี้ รวมถึงยอดสั่งซื้อเครื่องจักรขั้นพื้นฐานประจำเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 10.5% แตะที่ 7.38 แสนล้านเยน ซึ่งเป็นการปรับติดขึ้นติดต่อกัน 2 เดือน และมากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะขยับขึ้นเพียง 3.1%

นอกจากนี้ จำนวนบริษัทล้มลายของญี่ปุ่นในเดือนต.ค.ลดลง 11.7% จากปีที่แล้ว แตะระดับ 1,261 ราย ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวลงติดต่อกัน 3 เดือน เพราะได้ปัจจัยหนุนจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล

แต่อย่างไรก็ตาม โอโตะ คัง รัฐมนตรีแผนยุทธศาสตร์แห่งชาติ ได้ให้ความเห็นว่า ศก.ญี่ปุ่นยังคงอยู่ในภาวะเลวร้าย ถึงแม้ GDP ฟื้นตัวดีขึ้น โดยเขามองเห็นสัญญาณบ่งชี้ว่าญี่ปุ่นกำลังจะเข้าสู่ภาวะเงินฝืด โดยเขาย้ำว่า รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะเงินฝืดทวีความรุนแรงขึ้น


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 16 พ.ย. 2552)
? ยอดค้าปลีก (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 1.4% จากเดือนก่อนหน้า (มากกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)
? สินค้าคงคลังภาคธุรกิจ (ก.ย.) ลดลง 0.4% จากเดือนก่อนหน้า (น้อยกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 17 พ.ย. 2552)
? ดัชนีราคาผู้ผลิต หรือ PPI (ต.ค.) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
? ดัชนีตลาดอสังหาริมทรัพย์ (พ.ย.) โดยสมาคมผู้รับสร้างบ้านแห่งชาติสหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 10:21:17 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ เรียนถามค่ะ เคยเห็นทองพุ่งดีเดือดขนาดนี้มั๊ยคะ เป็นไปได้มั๊ยคะ พุ่งแล้วพุ่งเลยไม่ย่อกลับลงมาน่ะค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 10:38:57 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ เรียนถามค่ะ เคยเห็นทองพุ่งดีเดือดขนาดนี้มั๊ยคะ เป็นไปได้มั๊ยคะ พุ่งแล้วพุ่งเลยไม่ย่อกลับลงมาน่ะค่ะ
เคยเห็นครับ อันนี้ยังน้อยไป วันละ๘๐เหรียญก็เห็นมาแล้วครับ พุ่งแล้วต้องกลับ ในเร็ววันนี้หากกลับไม่มาก หลังตรุษจีนอาจกลับใหญ่


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 11:32:27 AM
เป็นคำตอบที่มีค่ามากๆเลยค่ะ ขอบพระคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 11:35:27 AM
มอริเชียสซื้อทองคำ2ตันจากIMF 
 วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 11:30

มอริเชียสซื้อทองคำ 2 ตันจากไอเอ็มเอฟ จุดกระแสแบงค์ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่แห่ซื้อตาม

ธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 เมตริกตันจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้เกิดการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะเพิ่มสำรองทองคำและแห่ซื้อทองคำ ในขณะที่ราคาโลหะมีค่านั้นซื้อขายกันอยู่ใกล้ระดับสูงเป็นประวัติการณ์เนื่องจากเงินดอลลาร์ร่วงลง

ไอเอ็มเอฟวางแผนที่จะขายทองคำ 403.3 เมตริกตัน เพื่อพยุงสถานะทางการเงินขององค์กร ก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางอินเดียก็ได้ซื้อทองคำของไอเอ็มเอฟไป 200 เมตริกตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์

ราคาทองคำทะยานขึ้นไปแล้ว 29% ในปีนี้ หลังจากที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง และนักลงทุนพยายามที่จะรักษาความมั่งคั่งของตนเองเอาไว้ เอวี ฮัมโบร ผู้บริหารของแบล็คร็อค อินเวสเมนท์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ประเทศที่ถือทองคำอยู่ในคลังสำรองคงจะหันมาสนใจซื้อทองคำกันอีกครั้ง

เชน โอลิเวอร์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์การลงทุนของเอเอ็มพี แคปิตอล อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า การซื้อทองคำของธนาคารกลางมอริเชียสครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ว่า ธนาคารกลางของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กำลังหาทางเพิ่มทุนสำรองต่างประเทศในรูปของทองคำ

เมื่อวานนี้ ราคาทองแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 1,143.60 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ขณะที่ราคาโลหะที่ซื้อขายที่สิงคโปร์เมื่อเวลา 10.48 น.อยู่ที่ 1,137.54 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ทองคำที่ขายให้กับธนาคารกลางมอริเชียสนั้น คำนวณบนฐานราคาตลาดเมื่อวันที่ 11 พ.ย. ซึ่งราคาทองสปอตในวันดังกล่าวซื้อขายกันอยู่ในช่วง 1,105.66 - 1,118.88 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยไอเอ็มเอฟระบุว่า พร้อมที่จะขายทองให้กับธนาคารกลางประเทศต่างๆโดยตรง รวมทั้งการขายในตลาดเปิดหากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเรื่องที่จำเป็น

นายโอลิเวอร์กล่าวต่อไปว่า เงินดอลลาร์สหรัฐยังมีความผันผวนอยู่มาก และตอนนี้นักลงทุนก็ไม่ได้มีความมั่นใจในสกุลเงินใดๆมากนัก ทองคำจึงเป็นทางเลือกในขณะนี้

ประเทศในแถบเอเชีย ซึ่งมีสำรองเงินตราต่างประเทศจำนวนมากนับตั้งที่เกิดวิกฤตการเงินนั้น ได้แสดงความสนใจที่จะกระจายการลงทุนในสินทรัพย์นอกเหนือจากสินทรัพย์ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐมากยิ่งขึ้น



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 11:38:02 AM
จะซื้อกันทำไมคะเนี่ย แพงออก

อย่างงี้ราคาจะลงเมื่อไหร่กัน   :'(


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 11:55:52 AM
บทวิเคราะห์ทองคำ (17-11-52)

17 พ.ย. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงตามราคาสปอตซึ่งยังทำระดับสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,650/750 บาท เงินบาทแข็งค่าเล็กน้อย


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       รายงานการค้าปลีกของสหรัฐฯแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มมีการใช้จ่ายในแนวโน้มบวกมากขึ้น โดยมีเพียงอุปกรณ์แต่งบ้าน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปการณ์เกี่ยวกับงานอดิเรกเท่านั้นที่มียอดขายแย่ลงเล็กน้อย ข่าวดังกล่าวถึงแม้ว่าจะไม่ได้ดีกว่าการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์มากนัก ก็นับว่าเป็นข่าวดีในแง่ของรายละเอียดที่แสดงให้เห็นถึงผู้บริโภคที่เริ่มมีความมั่นใจและออกมาจับจ่ายสินค้ากันมากขึ้น จึงส่งผลให้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นไปเมื่อนักลงทุนเริ่มเห็นว่าเศรษฐกิจอาจฟื้นได้ในเร็ววันนี้ โดยทองคำได้รับแรงผลักดันบวกเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อย  [US Census Bureau, TCAF Research]
       รายงานภาคการผลิตในรัฐนิวยอร์คปรากฏว่าผู้ผลิตเริ่มมองเศรษฐกิจในทิศทางที่บวกน้อยกว่าเดือนที่แล้วอย่างมาก โดยผู้ผลิตเริ่มมีการขยายตัวของยอดสั่งซื้อที่น้อยกว่าเดิมและยังไม่มีแนวโน้มจะเพิ่มคนงานอีกด้วย รายงานดังกล่าวจึงหน่วงให้ราคาหุ้นและทองคำไม่สามารถบวกเพิ่มขึ้นไปได้รุนแรงนัก  [US NY Fed, TCAF Research]
       นายเบน เบอร์นานกี้ ประธานเฟด ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อชมรม Economic Club of New York ให้ความเห็นว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังน่าเกิดขึ้นอย่างช้าๆเท่านั้น เนื่องจากการใช้จ่ายภาคผู้บริโภคที่ยังไม่ค่อยดีและการปล่อยกู้อาคารพาณิชย์ยังมีความเข้มงวดอยู่มาก และถึงแม้ว่าดอลลาร์แข็งค่าจะมีความสำคัญต่อการฟื้นตัว เฟดจะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับต่ำอีกนาน คำพูดดังกล่าวจึงเป็นการเปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรกลับเข้ามาเก็งกำไรดอลลาร์อ่อนค่าต่อไปอีก ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้รุนแรง  [Econoday, TCAF Research]


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่านักลงทุนยังจะจับตามองและเก็งกำไรเกี่ยวกับการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯของจีนในเดือนกันยายน เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวรุนแรง" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์ และซื้อขายเมื่อราคาหลุดแนวรับหรือแนวต้าน"


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 12:03:47 PM
Daily Update 17-11-52

17 พ.ย. 2552


Gold Market Comentary

ประเด็นสำคัญ
-   ทองทำสถิติสูงสุดเหนือ 1,143 ดอลล์
-    US ดอลล์ร่วงรับแนวโน้มดอกเบี้ยต่ำ
-    ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 136 จุดหลังเบอร์นันเก้ยันดอกเบี้ยต่ำ
-   น้ำมันดิบปิดพุ่ง 2.55 ดอลล์ขณะดอลล์ร่วง
 
     
 
      ราคาทองที่ตลาดสหรัฐแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,140 ดอลลาร์/ออนซ์ในวันจันทร์ ในขณะที่ค่าดอลลาร์ที่อ่อนลง หนุนความต้องการเสี่ยงสำหรับการลงทุนทั่วกระดาน ขณะที่เงินและโลหะกลุ่มพลาตินั่ม แตะจุดสูงสุดครั้งใหม่
ทองได้แรงหนุน ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงเร็วขึ้น    เดฟ เมเกอร์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท Vision Financial Markets กล่าวกับเอพีว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นอย่างร้อนแรงหลังจากดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ เพราะดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงทำให้สัญญาสินค้าโภคภัณฑ์ รวมถึงทองคำและน้ำมันดิบ มีราคาถูกลงสำหรับกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติ
 นายเบอร์นันเก้กล่าวย้ำว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำไประยะหนึ่ง ซึ่งถ่วงดอลลาร์สหรัฐลง และกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นกลุ่มทรัพยากรธรรมชาติ ขณะที่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกตั้งแต่ทองจนถึงข้าวสาลีพุ่งขึ้น
        แต่ตลาดลดช่วงบวกลงในการซื้อขายชั่วโมงสุดท้าย เมื่อนางเมเรดิธ วิทนีย์ นักวิเคราะห์ชื่อดังกล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า การทะยานขึ้นของตลาดนั้นไม่ได้รับแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐาน
        ข้อมูลเศรษฐกิจบ่งชี้ว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น 1.4% ในเดือนต.ค.แต่ยอดค้าปลีกไม่รวมรถยนต์ต่ำกว่าคาด และมีการปรับลดยอดค้าปลีกเดือนก.ย.ลงด้วย   เทรดเดอร์มุ่งความสนใจไปที่ความล้มเหลวของจีนและสหรัฐในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับสกุลเงินในการประชุมสุดยอดเอเปก ซึ่งบ่งชี้ว่า จีนอาจยังไม่พร้อมที่จะปล่อยให้หยวนปรับตัวขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งกระตุ้นให้นักลงทุนเทขายดอลลาร์ออกมาเมื่อเทียบกับสกุลเงินต่างๆ อาทิ ยูโร
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,113.519 ตัน ณ วันที่ 16 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 10.314 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52     
  กลยุทธ์:   ขอดูแนวโน้มค่าเงิน US/Euro ว่าสามารถยืนเหนือระดับ 1.504 
เพราะเป็นดัชนีตัวเดียวที่สามารถสกัดการขึ้นของทองคำได้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 12:04:40 PM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 01:40:24 PM
กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.75 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.75)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: verb2be ที่ พฤศจิกายน 17, 2009, 01:41:52 PM
ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 06:52:25 AM
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.75 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.75)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 08:35:26 AM
ทองคำปิดบวก 20 เซนต์ 
 วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 08:21

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวก จากกระแสคาดแบงค์ชาติอีกหลายประเทศ แห่ซื้อทอง

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,139.40 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 20.00 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,127.80-1,142.00 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.387 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 1.30 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.133 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,462.50 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 17.90 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 372.00 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 4.00 ดอลลาร์

โดนัลด์ เซลกิ้น นักวิเคราะห์จากบริษัท National Securities Corp ในนิวยอร์ก กล่าวว่า นักลงทุนเชื่อมั่นว่าจะมีธนาคารกลางอีกหลายประเทศที่เข้าซื้อทองคำ หลังจากธนาคารกลางอินเดียเข้าซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟในปริมาณ 200 เมตริคตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และล่าสุดมีรายงานว่าธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 เมตริกตันจากไอเอ็มเอฟ มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์
คณะกรรมการบริหารของไอเอ็มเอฟอนุมัติให้นำทองคำ 403.2 เมตริคตันออกขาย โดยมีเป้าหมายที่จะระดมทุนเพื่อปล่อยเงินกู้ให้กับกลุ่มประเทศยากจน และเพื่อให้สอดคล้องกับแผนการลดยอดขาดดุลงบประมาณ 400 ล้านดอลลาร์ในอีก 4 ปีข้างหน้า โดยไอเอ็มเอฟเป็นผู้ถือครองทองคำรายใหญ่อันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐและเยอรมนี

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า ทางองค์กรพร้อมแล้วที่จะขายทองคำโดยตรงให้กับธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก และหากจำเป็นก็จะนำออกขายในตลาดเปิด



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 08:41:46 AM
ขอบคุณครับอาจารย์ทองใหม่
ผมชอบกราฟ ปากถุงของอาจารย์ทองใหม่มากเลยครับ ดูง่ายตรงไปตรงมา(เหมาะกับคนไม่ค่อยฉลาดแบบผม)
ขอเรียนถามว่า อาจารย์ให้น้ำหนักความแม่นยำของกราฟปากถุง กี่% เมื่อเทียบกับกราฟแบบอื่น ที่อาจารย์ใช้อยู่น่ะครับ

กราฟแต่ละตัวที่ผมใช้อยู่ ก็มีความสำคัญพอๆกันครับ มีความเด่นในแต่ละช่วงเวลาไม่เหมือนกัน เช่น๕นาที ๓๐นาที ๑ชม. ๔ชม. ๑วันเหล่านี้เป็นต้น...........


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 09:12:53 AM
ว่ากันตามกราฟ  คิดว่าทองใกล้ถึงเพดานแล้วครับ และกำลังเผชิญหน้ากับการลงปรับฐาน  แรงต้านด้านบน 1143  1146  1149   ในช่วงสั้นทองจะทะลุ1150โอกาสมีไม่มาก  หากวันนี้ปิดตลาดต่ำกว่าราคาเปิดตลาดของวันนี้  โอกาสที่จะลงปรับฐานในวันพุธก็จะเพิ่มมากขึ้นครับ  เดานะเดา เดาตามกราฟโดยไม่บวกปัจจัยภายนอก  โอกาสทั้งผิดและถูกมีอยู่ ฮา


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 09:29:31 AM
เงินบาทเปิด 33.19/20 
 วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:35

ธนาคารกรุงศรีอยุธยารายงาน เงินบาทเปิด 33.19/20 คาดทรงตัวตลอดทั้งวันนี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.19/20 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากปิดตลาดเมื่อเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.19/20 บาท/ดอลลาร์

"เงินบาทเมื่อเช้าเปิดมาอยู่ที่เดิมเท่ากับตอนปิดเมื่อวาน ปัจจัยวันนี้คงดูทิศทาง major currency เป็นหลัก นอกนั้นคงไม่มีอะไร เว้นแต่ major currency จะขยับกันแรงมาก เงินบาทก็จะตามไปด้วย แต่เชื่อว่าเงินบาทวันนี้คงจะนิ่งๆ " นักบริหารเงิน ระบุ

ส่วนสกุลเงินต่างประเทศช่วงเปิดตลาดเช้านี้ เงินเยนเปิดตลาดที่ระดับ 89.27/32 เยน/ดอลลาร์ ส่วนยูโรเปิดตลาดที่ระดับ 1.4872/4877 ดอลลาร์/ยูโร

คืนนี้สหรัฐฯ จะมีการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ กระทรวงแรงงานรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) เดือนต.ค., กระทรวงพาณิชย์รายงานข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค., สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน

นักบริหารเงิน คาดว่าวันนี้เงินบาทจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 33.16-33.25 บาท/ดอลลาร์



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 09:37:27 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ  เพิ่งจะเห็นคุณทองใหม่ออกความเห็นเรื่องทองวันนี้เอง  ชาวขาชอตต้องดีใจแน่ๆเลยค่ะ  อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลย ว่าทองค้างบนเพดานยังไงก็ต้องลงนะคะ ขอบคุณมากค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 09:44:45 AM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ งงดอลแข็งขึ้นทองก็ไม่ลง  ???


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 18, 2009, 01:53:51 PM
ขอบคุณคุณทองใหม่ค่ะ ;)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 06:57:55 AM
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.105 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.105)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 07:40:20 AM
ว่ากันตามกราฟ  คิดว่าทองใกล้ถึงเพดานแล้วครับ และกำลังเผชิญหน้ากับการลงปรับฐาน  แรงต้านด้านบน 1143  1146  1149   ในช่วงสั้นทองจะทะลุ1150โอกาสมีไม่มาก  หากวันนี้ปิดตลาดต่ำกว่าราคาเปิดตลาดของวันนี้  โอกาสที่จะลงปรับฐานในวันพุธก็จะเพิ่มมากขึ้นครับ  เดานะเดา เดาตามกราฟโดยไม่บวกปัจจัยภายนอก  โอกาสทั้งผิดและถูกมีอยู่ ฮา !17
เมื่อคืนทองพุ่งไปที่1152.95 แต่ก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ได้ วันนี้ด้านบนมี1150  1153 เป็นแนวต้าน ด้านล่างมี1141 1132 1127 1125 เป็นแนวหนุน วันนี้ยังคงต้องดูช่วงปิดตลาดจะต่ำกว่าช่วงเปิดตลาดหรือไม่ ตราบใดทองยังไม่ลงไปยืนต่ำกว่า1125 ยังพูดไม่ได้ว่าจะเป็นขาลง



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 08:13:19 AM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

เกิดข้อผิดพลาด!
โฟล์เดอร์ที่ใช้เก็บไฟล์แนบเต็ม โปรดลองด้วยไฟล์ที่เล็กกว่า หรือติดต่อ ผู้ดำเนินการ   



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 09:13:42 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ ฮึ่ม.. ต้องยืนต่ำกว่า 1125 จึงเป็นขาลง  แวะมาดูข่าวห้องนี้บ่อยค่ะ  หากมีอะไรคืบหน้า กรุณาส่งสัญญาณด้วยนะคะ จะลองก็กลัวเท จะชอตก็กลัวพุ่ง ตอนนี้เลยแห้งกรอบแกรบเลยค่ะ คุณทองใหม๋ต้องพักผ่อนมากๆนะคะ จะได้หายเร็วๆค่ะ ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: _LAN_NA_ ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 09:41:19 AM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ อยากดูโพลของจีนครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 10:04:18 AM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ อยากดูโพลของจีนครับ
ที่นี้ใส่รูปไม่ได้ ให้ตามไปดู http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.105 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.105)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 10:11:20 AM
ขอบคุณครับ คุณทองใหม่   :D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 19, 2009, 10:23:23 PM
 :)สวัสดีค่ะ พี่ทองใหม่ สบายดีน้ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 06:34:18 AM
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.120 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.120)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 07:35:23 AM
ทองคำปิดบวก 70 เซนต์ 
 วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 07:36

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกต่อเนื่อง จากแรงซื้อเก็งกำไร

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,141.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 70.00 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,130-1,146.50 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.455 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.95 เซนต์ ปิดที่ 3.106 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,443.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 8.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 369.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 4.25 ดอลลาร์

จอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals Inc กล่าวว่า "นักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไรสัญญาทองคำแม้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ทั้งนี้ก็เพราะนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐที่ยังคงอ่อนแอมาก ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่ายอดการกู้เงินเพื่อการซื้อบ้านร่วงลงอย่างหนักและตัวเลขการสร้างบ้านร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย"
สมาคมธนาคารเพื่อการจำนองของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านในรอบสัปดาห์ที่แล้วดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี แม้อัตราดอกเบี้ยจำนองระยะ 30 ปีร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนก็ตาม ขณะที่ตัวเลขการสร้างบ้านเดือนต.ค.ของสหรัฐร่วงลง 10.6% แตะที่ 529,000 ยูนิต/ปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7%



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 08:34:58 AM
สวัสดีวันศุกร์ค่ะ  :)

ไม่รู้คืนนี้จะมีอะไรให้ลุ้นอีกมั้ยนะคะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: _LAN_NA_ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 08:51:04 AM
สวัสดี และขอบคุณ คุณทองใหม่ มากครับ

ราคาแบบนี้ น่าโดดS ให้ตัวปลิว แต่ขี่หลังเสือ (ตัวใหญ่) ลงลำบาก

T T


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 09:24:45 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ เฮ้อ... แห้งกรอบแกรบ เมื่อไหร่จะย่อซักทีนะคะ  คุณทองใหม่พักผ่อนมากๆหายเร็วๆนะคะ จะได้มีแรงสู้กับทองค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 10:34:10 AM
OECD คาดเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วโตต่อเนื่องยันปี 54 เหตุเศรษฐกิจจีนและประเทศเกิดใหม่ช่วยหนุน

Posted on Friday, November 20, 2009
หุ้นสหรัฐฯ ถอยหลังนักลงทุนหวั่นตลาดร้อนเกินไป

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตลาดหุ้นนั้นมีความร้อนแรงเกินกว่าการคาดหมายทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยการปรับตัวขึ้นของตลาดถึง 68% ในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้ดัชนี MSCI World Index ขึ้นไปอยู่ที่ระดับที่แพงที่สุดในรอบ 7 ปีเลยทีเดียว

ขณะที่ แบงก์ออฟอเมริกาได้ดาวเกรดความน่าลงทุนหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพเซมิคอนดัคเตอร์ จาก buy เป็น Neutral เนื่องจากประเมินแล้วว่า ปริมาณอุปทานของสินค้าจะเติบโตเร็วกว่าความต้องการที่แท้จริง ทำให้หุ้นอย่าง อินเทลและ เท็กซัสอินสตรูเม้นท์ปรับจวลดลงเมื่อคืนนี้ประมาณ 3-4%

ส่วนดอลลาร์และเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นกลุ่มพลังงงานใน S&P 500 ปรับลดลง 2.1% และ หุ้นกลุ่มเทคโน ปรับลดลง 1.6% นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มธนาคารก็ปรับลดลงด้วย เนื่องจากตลาดยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับปัญหาการตัดหนี้สูญ

หุ้นยุโรปและเอเชียปรับลดลง หลังจากที่ผู้ผลิตโยเกิร์ตรายใหญ่อย่าง ดานอน ออกมาปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของบริษัท

ส่วนตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับลดลงด้วย โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮ อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเงินของญี่ปุ่นอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์พากันระดมทุนด้วยการขายหุ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้มูลค่าหุ้นอ่อนตัวลง

ส่วนการรีบาวด์ของดอลลาร์จากระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนทำให้นักลงทุนแห่เทสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับดีมานด์ หรือ ความต้องการในน้ำมันกลั่น หลังจากทีอากาศในสหรัฐฯ ไม่ได้หนาวเย็นอย่างที่คิด ส่วนทองคำล่วงหน้าราคาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้


OECD ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้า

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้เปิดเผยรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วในปีหน้าว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และยังขยายตัวต่อเนื่องไปยังปี 2554 หลังจากเศรษฐกิจจีนและกลุ่มประเทศเกิดใหม่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีและส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

เศรษฐกิจของประเทศสมาชิก 30 ประเทศของ OECD น่าจะขยายตัวได้ 1.9% ในปีหน้า และ 2.5% ในปี 2554 ส่วนปีนี้จะมีการหดตัวลง 3.5%

ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปนั้นจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ในปีหน้า โดยในรายงานระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.5% ในปี 2553 (คาดการณ์ก่อนหน้าในเดือน มิ.ย. ที่ขยายตัว 0.9%) ส่วนเศรษฐกิจในแถบยุโรปจะขยายตัว 0.9% ในปีหน้า ขณะที่ญี่ปุ่นจะเติบโตในอัตรา 1.8% ในปี 2553 และจีนจะสามารถขยายตัวได้ถึง 10.2%

ส่วนปี 2554 เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 2.8% ยุโรป 1.7% ญี่ปุ่น 2% และจีน 9.3%

อังเกล เกอร์เรีย เลขาธิการ OECD กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงโตเกียว เนื่องในการเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจล่าสุดในวันนี้ว่า "ข่าวดีก็คือ การฟื้นตัวที่เริ่มต้นขึ้นในบางภูมิภาคเมื่อตอนต้นปีนี้ ได้แผ่อิทธิพลมาถึง OECD แล้วในท้ายที่สุด"

อย่างไรก็ตาม เกอร์เรียเตือนว่า ยังคงมีความเสี่ยงหลายประการต่อการฟื้นตัว และคาดว่าการฟื้นตัวยังคงเปราะบางไปอีกสักระยะหนึ่ง

นายจอร์เก้น เอลเมคอฟ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD กล่าวว่า ณ ปัจจุบันเราได้เห็นสัญญานถึงการฟื้นตัวหลายประการ แต่จะเป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ เพราะยังคงมีปัญญาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับความมั่งคั่งของภาคครัวเรือน ภาคเอกชน และ ภาคการเงิน นอกจากนี้ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนอก OECD นั้นจะดูสดใสมากกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย เพราะประเทศเหล่านี้ ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากราคาสินทรัพย์ที่ร่วงหล่นลงมากนัก

ทั้งนี้การขยายตัวที่เชื้องช้าของประเทศ OECD นั้นจะยังคงทำให้ธนาคารกลางนั้น ระมัดระวังในการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดยมีการประเมินกันว่าอัตราการว่างงานของประเทศ OECD นั้นจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 9% ในปี 2553


มูดีส์ประกาศทบทวนตราสารหนี้แบงค์ทั่วโลก

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกแถลงการณ์ทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก

มูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ด้อยสิทธิและตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (hybrid) จำนวน 775 รายการที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ 170 แห่ง ใน 36 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวมกัน ราว 4.50 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงตราสารหนี้ที่ออกโดยโกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค

แถลงการณ์ของมูดีส์ระบุว่า การทบทวนอันดับเครดิตตราสารหนี้ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อธนาคารทั่วโลก อย่างไรก็ตาม มูดีส์ได้พิจารณาทบทวนโดยอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของธนาคารเหล่านี้ หลังจากมูดีส์ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ใช้กับหลักทรัพย์ประเภทนี้

ทั้งนี้ มูดีส์คาดว่า ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุนที่อาจได้รับผลกระทบในครั้งนี้นั้น ตราสาร 40% อาจได้รับการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 1-2 ขั้น ขณะที่ 50% อาจได้รับการปรับลดอันดับลง 3-4 ขั้น และตราสารที่เหลืออาจได้รับการปรับลดอันดับ ลง 5 ขั้นหรือมากกว่านั้น

มูดีส์คาดว่าจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารเหล่านี้ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนข้างหน้า และจะประกาศผลการทบทวนแต่ละรายการขั้นตอนทุกอย่างแล้วเสร็จ

บลูมเบิร์กรายงานว่า การประกาศทบทวนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากสถาบันการเงินทั่วโลกขาดทุนรวมกันกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และการทบทวนอันดับครั้งนี้มีขึ้นในเวลาเดียวกับที่มูดีส์, สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) และฟิทช์ เรทติ้งส์ ถูกบรรดานักลงทุนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงนายคริสโตเฟอร์ ด็อด ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

นายด็อดระบุว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเหล่านี้ให้อันดับเครดิตตราสารหนี้ของสถาบันการเงินกลุ่มซัพไพร์มในสหรัฐในระดับที่สูงเกินจริง จนนำไปสู่วิกฤตการณ์การเงินทั่วโลก

นักวิเคราะห์จาก UBS ในโตเกียวกล่าวว่า การดาวเกรดตราสารหนี้เหล่านี้จะส่งผลต่อต้นทุนของธนาคารผู้ออกตราสารหนี้ในการออกขายตราสารหนี้ใหม่ๆ


ทูตสหรัฐเผยโอบามาวอนผู้นำจีนปล่อยเงินหยวนแข็งค่าปีหน้า

จอน ฮันท์สแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวกับผู้นำจีนว่าสหรัฐอยากเห็นเงินหยวนเคลื่อนไหวอย่างยืดหยุ่นกว่านี้ในปีหน้า

โอบามากล่าวกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีคลังของทั้งสองประเทศว่า สหรัฐต้องการเห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศภายในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า

ฮันท์สแมน กล่าวที่กรุงปักกิ่งว่า "นับตั้งแต่บัดนี้จนถึงการประชุมยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจครั้งหน้า เราต้องการเห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งมีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีนมีสมดุลมากขึ้น"

เงินหยวนของจีนตรึงอยู่ที่ระดับ 6.83 หยวน/ดอลลาร์ มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดที่ระดับ 797,100 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม หรือเพิ่มขึ้น 10% จากวันที่ 1 มกราคม 2552

ฮันท์สแมนเชื่อว่าประเด็นการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของจีนไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจนในการประชุมครั้งนี้


ปิดฉากการเยือนเอเชีย โอบามาพร้อมเจรจาตรงกับเกาหลีเหนือ

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้เดินทางออกจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้แล้วในช่วงบ่ายวานนี้ นับเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจเดินสายเยือนเอเชีย 4 ประเทศ ระหว่างวันที่ 12-19 พฤศจิกายน

ประธานาธิบดีบารัก โอบามาแห่งสหรัฐและประธานาธิบดี ลีมยองบัก แห่งเกาหลีใต้ ร่วมแถลงข่าวในภายหลังการร่วมหารือด้านการค้าและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในระหว่างการเดินทางเยือนของผู้นำสหรัฐ ซึ่งการเบือนเกาหลีใต้ เป็นการปิดฉากทางเยือนเอเชียของผู้นำสหรัฐ

แถลงการณ์ร่วม ผู้นำทั้ง 2 ได้ย้ำความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในกรณีของเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่โต๊ะการเจรจาเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ โดยต่างก็ต้องการให้เกาหลีเหนือยุติท่าทีลังเลที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

สหรัฐฯ มีแผนจะส่งนายสตีเฟน บอสเวิร์ต ไปเจรจาโดยตรงกับทางการโสมแดงเรื่องโครงการนิวเคลียร์ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ เพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ และ จุดยืนในประชาคมโลก นับเป็นการกำหนดวันที่สำหรับภารกิจดังกล่าวเป็นครั้งแรก

ภารกิจของนายบอสเวิร์ตคือการทำให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายเรื่องเพื่อปลดรนิวเคลียร์อีกครั้ง หลังเกาหลีเหนือหยุดเข้าเจรจาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ในหนึ่งเดือนต่อมายังทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งที่สองท้าทายโลกอีกด้วย

ส่วนในประเด็นการค้านั้น ผู้นำทั้ง 2 ยังคงยืนยันความสำคัญของข้อตกลงการค้าเสรี โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าเสรีกับเกาหลีใต้

หลังจากที่การเจรจาต้องหยุดชะงักลงเพราะสหภาพและกลุ่มล็อบบี้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐมองว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่สามารถเปิดตลาดเกาหลีใต้ได้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตามข้อตกลงการค้าเสรีของ 2 ประเทศในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเท่านั้น

ขณะที่ข้อตกลงของ 2 ประเทศยังคงติดอยู่ที่สภาคองเกรส เนื่องจากส.ส.ต้องการให้ค่ายรถของสหรัฐ ได้แก่ ไครสเลอร์ ฟอร์ด และเจนเนอรัล มอเตอร์ส สามารถเข้าถึงตลาดรถเกาหลีใต้ได้มากกว่านี้ ทางด้านประธานาธิบดีลีมยองบัก ของเกาหลีใต้ก็ยืนยันว่าเขาเต็มใจที่จะเจรจาเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์อีกครั้ง

ในระหว่างเดินทางเยือนเอเชีย ผู้นำสหรัฐได้รับฟังเสียงเรียกร้องจากผู้นำประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ที่ต้องการให้สหรัฐแสดงให้เห็นว่า สหรัฐจะเดินหน้าเพื่อลดอุปสรรคการเปิดเสรีการค้า โดยในการประชุมอาเซียนนั้น โอบามาก็ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมและขยายขอบเขตกลุ่มการค้าเสรีในภูมิภาค


สิงคโปร์ระบุภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจยุติแล้ว

ทางการสิงคโปร์ประกาศว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงของประเทศสิ้นสุดลงแล้ว หลังเศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวขึ้นสองไตรมาสติดต่อกันในรอบ 3 เดือนที่นับจนถึงเดือนกันยายน

ปลัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MTI) ของสิงคโปร์ อ้างข้อมูลอย่างเป็นทางการว่า GDP Q3/52 ขยายตัว 14.2% ต่อปี ทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส และเป็นการขยายตัวต่อปีครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีที่แล้ว หลังเติบโตที่ร้อยละ 21.7 ในไตรมาสก่อน ซึ่งเท่ากับว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์หลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว

ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจมาจากการฟื้นตัวของภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ดีดตัวขึ้น ส่วนมุมมองปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.0-5.0 % ขณะที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะหดตัว 2.0-2.5% ในปีนี้

สิงคโปร์ซึ่งพึ่งพาการค้าเป็นหลัก นับเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกกระทบต่อปริมาณความต้องการสินค้าส่งออกของสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐ

สำนักข่าว Bloomberg ประเมินว่า การคาดการณ์ตัวเลข GDP ของทางการสิงคโปร์เป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่า สิงคโปร์อาจจะดำเนินการตามอีกหลายประเทศทั่วโลกในการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยก่อนหน้านี้อินเดียได้ส่งสัญญาณการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศปรับเพิ่มการสำรองสภาพคล่อง 25% จากเดิม 24% ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วถึง 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ควรต้องจับตาต่อไปคือ สัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจในเดือนต.ค. ที่ล่าสุดยอดการส่งออกดิ่งลง 12.6% จากเดือนก.ย. หรือร่วงลง 6.1% จากปีที่แล้ว


ค่าเงินเอเชียทรุด หวั่นมาตรการแทรกแซงค่าเงิน

สกุลเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย และรูปีของอินเดียร่วงทั้งในตลาด Spot และ ตลาด Foreign จากความวิตกว่ารัฐบาลอาจดำเนินมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุน

หลังจากบราซิลดำเนินความพยายามครั้งล่าสุดในการจำกัดการไต่ขึ้นของสกุลเงิน ?เรียล? ของบราซิล โดยบราซิลดำเนินขั้นตอนใหม่ในสัปดาหฺนี้ในความพยายามกดดัน เรียล โดยบราซิลประกาศเก็บภาษี 1.5% ในการค้าบางรายการที่เกี่ยวข้องกับตราสาร หรือ American Depository Receipts ที่ออกโดยบริษัทบราซิล

ค่าเงินรูเปียห์ร่วงลง 0.7% ขณะที่ค่าเงินริงกิตอ่อนตัวลง 0.3% ส่วนดอลลาร์ไต้หวันอ่อนลง 0.1% ทำให้ไต้หวันสั่งห้ามนักลงทุนจากการลงทุนในเงินฝากประจำ

ส่วนอินโดนีเซียระบุว่าอาจจะมีการจำกัดสิทธิของชาวต่างชาติในการถือครองตราสารหนี้ของ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าว ทำให้นักลงทุนกังวลว่าประเทศตลาดเกิดใหม่หลายประเทศอาจจะประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนในช่วงนี้


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 19 พ.ย. 2552)
? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 505,000 ราย
? ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 11:19:11 AM
กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.135 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.135)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 11:27:43 AM
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ แต่ว่าทำไม 2-3 วันมาแล้ว เข้า thaigold ไม่ได้เลยค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 11:34:58 AM
ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 12:16:27 PM
ขอบคุณค่ะอาจารย์ทองใหม่ :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 12:48:20 PM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  ;)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 01:28:06 PM
บทวิเคราะห์ทองคำ (20-11-52)

20 พ.ย. 2552



สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามราคาสปอตซึ่งปรับตัวผันผวนในช่วงข้ามคืน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,800/900 บาท เงินบาททรงตัว

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       นักลงทุนเทขายทองคำและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นเพื่อทำกำไรอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นว่าไม่มีปัจจัยบวกต่อไปอีกแล้วและเศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีจริง โดยเฉพาะหลังจากรายงานการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์แสดงให้เห็นว่าภาวะการว่างงานยังสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า นักลงทุนจึงเทขายหุ้นและทองคำต่อเนื่อง  [Econoday, TCAF Research]
       องค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา OECD ได้เผยแพร่รายงานปรับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2010 ขึ้นไปอีก และปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้เพิ่มขึ้นไปด้วยจากมาตรการอัดฉีดต่างๆของจีน รายงานดังกล่าวจึงส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง  [Bloomberg, OECD, TCAF Research]
       นายไกธ์เนอร์ รมต.คลังสหรัฐฯกล่าวต่อคณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าเขามั่นใจว่าจีนจะต้องปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าในไม่ช้า ความเห็นดังกล่าวจึงส่งผลให้นักลงทุนกลับมาเก็งกำไรในค่าเงินยูโรและทองคำอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาทองคำดีดตัวกลับขึ้นไปได้  [Bloomberg, TCAF Research]

แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่ารายงานในวันนี้ไม่มีปัจจัยบวกต่อทองคำประกอบกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นได้ไม่รุนแรงนัก น่าจะส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวลง" เราจึงแนะนำให้ "สะสม SHORT เพิ่มเติม"


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯยังมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยการเก็งกำไรทางเทคนิคและทางจิตวิทยาน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 01:29:00 PM
Daily Update 20-11-52

20 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary


ประเด็นสำคัญ

-  ทองปิดปรับขึ้นเล็กน้อย
-   ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์
-  ตลาดหุ้นร่วงกดน้ำมันดิบปิดลดลง 2.12 ดอลล์
 

     
      ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี หลังจากที่อ่อนตัวลงในช่วงแรก ในขณะที่อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากกองทุนเพื่อการลงทุน มีอิทธิพลมากกว่าการแข็งค่าของดอลลาร์และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
        ในช่วงแรกทองได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และเยน ในขณะที่การร่วงลงของตลาดหุ้น ทำให้ดอลลาร์และเยนกลับมามีความน่าดึงดูดใจอีกครั้งในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย  ความเชื่อมั่นในตลาดยังคงอยู่ในเชิงบวก หลังจากที่มีข่าวว่า นายจอห์น พอลสัน มหาเศรษฐีผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ จะออกกองทุนทอง
        ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และเยน ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเยนหลังแตะระดับ 88.64 เยนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. นักลงทุนกังวลกับข่าวจากประเทศตลาดเกิดใหม่เกี่ยวกับการควบคุมเงินทุนเพื่อจำกัดการไหลเข้าของเงินร้อน โดยบราซิลและเกาหลีใต้ประกาศมาตรการใหม่ๆ
ปิดร่วงลง 2.66% ในวันพฤหัสบดี ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลง โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องผลประกอบการภาคเอกชน ถึงแม้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในทางบวก   ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 2.12 ดอลลาร์
        ดอลลาร์ทะยานขึ้น ในขณะที่นักลงทุนลดความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากราคาหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมันร่วงลง
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,117.493ตัน ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 13.97 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
     
  กลยุทธ์:   แนวโน้มค่าเงิน                Euro/US$ เริ่มแสดงการอ่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาทองในระยะสั้น วัน สองวันนี้ได้ ให้แนวระดับ Sport 1142
US$ เป็นแนวถ้าไม่สามารถยืนได้อาจจะมีการปรับฐานทางราคาติดตามมาได้
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 01:40:25 PM
ขอบคุณค่ะ   :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 01:46:17 PM
ขอบคุณครับ ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 01:56:59 PM
ลองแปะให้ดูนะคะ

ทองใหม่
แฟนพันธุ์แท้
*****
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 5611



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
? ตอบ #142 เมื่อ: วันนี้ เวลา 11:28:54 am ?
   
กราฟ ตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวา บน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้าย ช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง

(http://www.thaigold.info/forum/index.php?action=dlattach;topic=4634.0;attach=7670;image)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 01:58:18 PM
ทองใหม่
แฟนพันธุ์แท้
*****
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 5611



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
? ตอบ #143 เมื่อ: วันนี้ เวลา 11:29:50 am ?
   
ดัชนีเงินเมกา

(http://www.thaigold.info/forum/index.php?action=dlattach;topic=4634.0;attach=7671;image)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 01:59:24 PM
ทองใหม่
แฟนพันธุ์แท้
*****
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 5611



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
? ตอบ #144 เมื่อ: วันนี้ เวลา 11:30:33 am ?
   
น้ำมัน

(http://www.thaigold.info/forum/index.php?action=dlattach;topic=4634.0;attach=7672;image)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 06:05:51 PM
รับทราบครับ ใช้วิธีฝากรูปในเวปอื่นแล้วมาแปะ แต่เขาให้เวลาที่ฝากรูปไม่นานครับ หากสามารถโพสในเวปที่โพสอยู่ จะสามารถรักษารูปภาพไว้นานแสนนานครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 06:56:22 PM
ขอยคุณคุณทองใหม่ค่ะ  ตอนนี้ 1136 แล้ว ต้อง 1125 นะคะ ถึงจะชัวร์ว่าเป็นขาลงนะคะ ลงอีกเถอะนะ  ลงอีก ลงอีก นะนะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 20, 2009, 07:09:17 PM
ขอยคุณคุณทองใหม่ค่ะ  ตอนนี้ 1136 แล้ว ต้อง 1125 นะคะ ถึงจะชัวร์ว่าเป็นขาลงนะคะ ลงอีกเถอะนะ  ลงอีก ลงอีก นะนะ
555555555555555


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 12:20:20 PM
สวัสดีเที่ยงวันเสาร์ค่ะ   :D