Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา

ลงทุนในทองคําและแนวโน้ม / Gold Price Trend and Investment, Discussion => การวิเคราะห์ทองคําจากรูปกราฟ => ข้อความที่เริ่มโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 06:34:36 AM

Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา

หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 06:34:36 AM
ทิศทางทองวันที่ 23/11/2009 
ต้าน๓ 1181.24.......xx
ต้าน๒ 1162.95
ต้าน๑ 1156.64
เส้นแดน 1144.66
หนุน๑ 1138.35
หนุน๒ 1126.37
หนุน๓ 1108.08??.xx
 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 09:12:42 AM
กราฟวันนี้ ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย
   แท่งเทียนเพิ่งเกิดนิดเดียว ต้องให้ยาว ๆ ก่อนใช่ไหมคะ ถึงจะขาย แล้วเกิดซักกี่แท่งดีคะ ขอถามทางลัดเลยนะคะ  
(กราฟปากถุง)ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง กราฟบอกไม่ได้ว่าจะต้องขึ้นกี่แท่งครับ แล้วแต่ตลาดจะซักนำไป กราฟบอกได้แต่ลักษณะกำลังเป็นไปของตลาดในขณะนั้น หากดูตามกราฟนี้ (กราฟปากถุง) วันจันทร์น่าจะขึ้นต่อได้ แต่....หากดูผสมกับกราฟตัวอื่นๆด้วย ทองน่าจะได้เวลาเป็นขาลงแล้ว แต่..แต่อีกนั่นแหละ เนื่องด้วยธนาคารกลางหลายๆประเทศคิดที่จะซื้อทองเข้า +ใกล้สิ้นปี+ต่อด้วยตรุษจีน(ฝรั่งคิดว่าเป็นหมูของฝรั่ง เพราะชาวจีนแก้นิสัยไม่ได้ที่จะต้องซื้อทองช่วงตรุษจีน ฮาฮา) ผู้คนในตลาดล้วนคาดหวังว่า ทองจะต้องขึ้นต่อ ...คราวนี้เอาไงดี ตามกราฟเทคนิคภาพใหญ่---ทองควรลงแล้วค่อยขึ้นต่อ ตามจิตวิทยาแนวโน้มของผู้คนในตลาด ล้วนคาดหวังว่าทองน่าจะขึ้นต่อ
รวมความว่า ช่วงนี้เล่นยากครับ ทั้งขึ้นทั้งลงล้วนเสี่ยงอันตรายทั้งสิ้นครับ ผม..อยู่เฉยๆคราบบบ 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 09:14:12 AM

http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.0 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.0)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 21, 2009, 03:04:00 PM
ดุสิตโพล ทองแพง คน 42.8 กลัวโดนจี้       
Saturday, 21 November 2009 12:58 

ดุสิตโพล เผย ทองแพง ประชาชน ร้อยละ 42.80 กลัวโดนปล้น ร้อยละ 61.28 ไม่คิดซื้อเป็นของขวัญช่วงปีใหม่
ขณะที่ ร้อยละ 37.51แนะรัฐ เข้มความปลอดภัยร้านทอง


 

กรุงเทพฯ (21 พ.ย.)- สวนดุสิตโพลได้ทำการสำรวจราคาทองคำที่สูงขึ้น ส่งผลต่อประชาชน ณ วันนี้อย่างไร จากการที่ราคาทองคำมีการปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นไปอีก โดยได้รับผลจากการปรับตัวตามทิศทางตลาดโลก ส่งผลให้ทองคำ ณ วันนี้ มีราคาพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ดังนั้น สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นจากประชาชนทุกสาขาอาชีพโดยสุ่มกระจายไปทุกภูมิภาค รวม 24 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 1,404 คน  ระหว่างวันที่ 18-20 พฤศจิกายน 2552 สรุปผลได้ ดังนี้ คือ ความนิยมชมชอบ ?ทองคำ? ของประชาชนส่วนใหญ่ชอบร้อยละ 82.44

นอกจากนี้ ความคิดเห็นของประชาชนต่อราคาทองคำที่สูงขึ้น ณ วันนี้ โดยคนอาจแห่ไปขายทองจำนวนมากทำให้ร้านทองไม่มีเงินทุนสำรองพอใช้จ่าย ทำให้ผู้ที่นิยมหรือเก็บสะสมทองคำบางกลุ่มซื้อทองเพิ่มขึ้นเพื่อหวังเก็งกำไร เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงภาวะของเศรษฐกิจโลกที่กำลังดีขึ้น และสิ่งที่เป็นห่วงกรณีทองคำมีราคาสูง คือ กลัวโดนจี้ ปล้น ลักทรัพย์ ต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น ความไม่ปลอดภัย เป็นห่วงเรื่องร้านทองถูกปล้น ระยะนี้มีข่าวบ่อยขึ้น กลัวถูกหลอก เจอทองปลอม ร้านทองเล็กๆ ปิดตัวลง เพราะไม่มีเงินทุนเนื่องจากคนแห่ขายทอง และธุรกิจหรืออุตสาหกรรมที่ต้องใช้ทองคำเป็นส่วนประกอบได้รับผลกระทบ

อย่างไรก็ตาม ต่อข้อถามราคาทองคำที่สูงขึ้นส่งผลต่อประชาชนอย่างไรและรัฐบาลควรมีมาตรการหรือดำเนินการอย่างไรนั้น ส่วนใหญ่ต้องการให้รัฐบาลเพิ่มความเข้มงวดกวดขัน ความปลอดภัยของร้านทองต่างๆให้มากขึ้น สั่งการไปยังสมาคมร้านทองในการควบคุมดูแลราคาทองคำให้เป็นไปตามกลไกท้องตลาด มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีการตรวจสอบทองปลอมที่มีในท้องตลาด  ดำเนินการกับผู้ที่ฉวยโอกาสในช่วงนี้และให้คำแนะนำหรือให้ข้อมูลกับประชาชนที่สนใจสะสมทองคำเพราะเห็นว่าเป็นการออมอีกรูปแบบหนึ่ง
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 22, 2009, 09:35:07 AM
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไลและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2  ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า  หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 22, 2009, 02:26:19 PM
พี่ทองใหม่ค่ะ ติ ดช๊อตค่ะ ที่1030 5สัญญา วันจันทร์คัดทิ้งเลนยดีไหม ยอมขาดดทุนไปเลย หรือถือต่อแต่ทำลองเพิ่ม 10สัญญาดีค่ะรบกวนด้วยน่ะค่ะ !10 !10
ผมไม่เคยเล่นGF เลยไม่ทราบว่า5สัญญานี้หากขาดทุน คิดเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่? หากทุนมีพอและทนอยู่ได้โดยไม่โดนปิดบัญชี ผมว่าทนถืออีกหน่อย ผมเข้าใจตามกราฟว่า ทองอาจขึ้นต่อได้อีกหน่อยแล้วอาจจะลง หากคิดจะยอมขาดทุน ก็คอยให้ทองลงอีกหน่อยค่อยขาย เพื่อให้ขาดทุนน้อยที่สุดครับ  ผิดถูกประการใดก็อย่าว่ากันนะครับ
สัญญาละ 50บาททองค่ะ ติด ช๊อตไว้ถ้าคัดเลยขาดทุนประมาณ  70000-80000บาทค่ะ ตกลงให้รอต่อใช้ไหมค่ะ แต่ถ้าปล่อยไว้แล้วทองขึ้นไม่หยุดก็จะขาดทุนเพิ่ทอีกค่ะ  !10 !10 รบกวนพี่ ทองใหม่ เกรงใจมากเลย เห็นพี่ไม่ค่อยสบาย เป็นเบาหวานเหมือนกันค่ะ จอยเป็นโรคเยอะค่ะ ทั้งเบาหวาน  หอบหืด ภูมิแพ้ นิ้วในกระเพาะปัสาวะ ไขมัน-คอลเลสเตอร์ลอสสูง และก็ เลือดไม่ปรกติค่ะ ดีน่ะ ความดันยังไม่มา กลั้วเครียดมากความดันเพิ่มมาอีก 1ละก็ ตายเลยค่ะ !_cd !_10
ผมไม่กล้าพูดเต็มร้อยว่า-ทองจะลง แต่ผมมีความเชื่อตามกราฟว่า ทองควรจะลง ถึงขึ้นได้ก็คงไม่มากก็น่าจะลง การลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอไปครับ ความคิดเห็นของผมอาจผิดหรือถูกก็ได้ ผมไม่กล้าแนะนำแบบเต็มร้อยได้ ต้องตัดสินใจเองนะครับ เห็นบอกว่ามีโรคตั้งมากมาย เพราะฉนั้นทางที่ดีต้องควบคุมความเครียดให้ได้ หากควบคุมไม่ได้เลิกเล่นจะดีกว่าครับ เป็นห่วงครับ ผมเองเคยเล่นทองมาร์จิ้นที่สิงคโปร์ ตอนนี้ร่างกายผมยังไม่แข็งแรงดี ถอนบัญชีจากสิงคโปร์กลับมาหมดแล้วครับ ช่วงนี้เลืกเล่น---กลัวความเครียดจ้า


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: jainu ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 06:22:44 AM
 :)
Good morning Kha พีทองใหม่
อากาศหนาวทุกวันเลยน้ะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยน้ะค่ะ
ขอบคุณค่ะ
have agood day Kha
 :D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 06:37:49 AM
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ทองใหม่  :)

ได้เวลาไปหาหมอรึยังคะ? หมอว่ายังไงบ้าง

อาทิตย์นี้หนูก็มีนัดกะหมอเหมือนกัน แต่จะไปตรงวันรึป่าว...ว่ากันอีกที   laugh.gif


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 07:18:13 AM
กราฟแห่งการรอคอย 1ชม.  4ชม.และรายวัน ล้วนชี้ลงทั้งนั้น (ดูลูกสรอย่างเดียว) แต่นี่มันเรื่องของกราฟ ตลาดบอกว่า ข้าไม่เกี่ยว ฮาฮา
ตามไปดูกราฟที่นี่ครับ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.45 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.45)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 07:22:08 AM
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ทองใหม่  :)

ได้เวลาไปหาหมอรึยังคะ? หมอว่ายังไงบ้าง

อาทิตย์นี้หนูก็มีนัดกะหมอเหมือนกัน แต่จะไปตรงวันรึป่าว...ว่ากันอีกที   laugh.gif
ของผมหมอนัด6ธค.ไปทำCT Scan  ต่อด้วย17ธค.ตรวจฉี่+ตรวจเลือด และ21ธค. ................ด้วยครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 08:59:58 AM
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ทองใหม่  :)

ได้เวลาไปหาหมอรึยังคะ? หมอว่ายังไงบ้าง

อาทิตย์นี้หนูก็มีนัดกะหมอเหมือนกัน แต่จะไปตรงวันรึป่าว...ว่ากันอีกที   laugh.gif
ของผมหมอนัด6ธค.ไปทำCT Scan  ต่อด้วย17ธค.ตรวจฉี่+ตรวจเลือด และ21ธค. ................ด้วยครับ

หลายนัดน่าดู    :o

ขอให้ผลตรวจออกมาดีนะคะ  :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 09:04:43 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ  ในประวัติศาสตร์เคยปรากฎมั๊ยคะว่าตลาดกับกราฟมันทะเลาะกันน่ะค่ะ  มันจะพุ่งแล้วพุ่งเลยมั๊ยคะ คนติดชอตต้องทำอย่างไรดีน้า


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 09:09:54 AM
สรุปหุ้นน้ำมันทองและค่าเงิน 
 วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 07:40

สรุปภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่างเดลล์และบริษัทรับสร้างบ้านอย่างดี.อาร์. ฮอร์ตัน อิงค์ รายงานตัวเลขรายได้ที่อ่อนตัวลง รวมทั้งการธนาคารกลางยุโรปประกาศว่าจะถอนมาตรการกระตุ้นเศรษบกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
         
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 14.28 จุด หรือ 0.14% แตะที่ 10,318.66 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 3.52 จุด หรือ 0.32% ปิดที่ 1,087.63 จุด และดัชนี Nasdaq อ่อนตัวลง 10.78 จุด หรือ 0.50% ปิดที่ 2,146.04 จุด

สัญญาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดอ่อนตัวลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) หลังจากที่ตลาดหุ้นสหรัฐอ่อนตัวและเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ส่งผลให้ความต้องการลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ลดลง
         
สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.อ่อนตัวลง 74 เซนต์ ปิดที่ 76.72ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 77.06-79.87 ดอลลาร์ โดยสัญญาเดือนธ.ค.จะครบกำหนดส่งมอบในวันศุกร์

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกต่อเนื่องเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) แม้ว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะแข็งค่าขึ้น ขณะนักลงทุนกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับความยั่งยืนของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
         
บลูมเบิร์กรายงานว่า สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,146.80 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.90 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,132.50 - 1,148.50 ดอลลาร์


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 09:18:14 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ  ในประวัติศาสตร์เคยปรากฎมั๊ยคะว่าตลาดกับกราฟมันทะเลาะกันน่ะค่ะ  มันจะพุ่งแล้วพุ่งเลยมั๊ยคะ คนติดชอตต้องทำอย่างไรดีน้า
เคยครับ มันพุ่งแล้วต้องลงก่อนค่อยพุ่งต่อครับ   
(คนติดชอตต้องทำอย่างไรดีน้า)ผมไม่กล้าแนะนำครับ ช่วงนี้ตลาดไม่ปกติ ทองขึ้นเพราะปัจจัยภายนอก หากดูตามกราฟแล้วทองควรจะลงครับ ผมยังคงเชื่อว่าปัจจัยภายนอกย่อมมีเวลาที่หมดแรง เมื่อนั้นทองก็จะลงตามกราฟครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 10:06:32 AM
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.60 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.60)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 10:36:42 AM
บทวิเคราะห์ทองคำ (23-11-52)

23 พ.ย. 2552



สรุปภาวะตลาดเมื่อวันศุกร์
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวผันผวนตามราคาสปอตซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงเมื่อเช้านี้ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,900/18,000 บาท เงินบาททรงตัว


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       ไม่มีปัจจัยใดส่งผลกระทบต่อทองคำโดยตรง นอกจากแรงซื้อขายทำกำไรระยะสั้นทางเทคนิคเท่านั้น โดยนักเก็งกำไรได้ใช้ข้ออ้างเรื่องเงินเฟ้อที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ประกอบกับการที่เฮดจ์ฟันด์เริ่มให้ความสนใจในการเข้าซื้อ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นไปในสหรัฐฯ  [Reuters, TCAF Research]
       ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเช้านี้ โดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
       วันนี้ญี่ปุ่นหยุดทำการ จึงอาจทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดโลกไม่หนาแน่นมากนัก และอาจเป็นช่องทางของนักเก็งกำไรในการทำราคาอีกด้วย
       เหมืองถ่านหินในประเทศจีนเกิดอุบัติเหตุระเบิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตล่าสุดสูงถึง 92 ราย นับเป็นอุบัติเหตุครั้งรุนแรง  [Reuters, TCAF Research]


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าวันนี้ราคาทองคำไม่น่าจะปรับตัวได้รุนแรงนัก โดยที่นักลงทุนจะจับตารายงานเศรษฐกิจต่างๆที่จะประกาศออกมาอย่างหนาแน่นในคืนวันอังคาร อย่างไรก็ตามราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างรุนแรงเมื่อเช้านี้ก็เป็นที่น่าสนใจเช่นกัน เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัว" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์ ก่อนตัดสินใจ" โดยพิจารณาว่าราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเมื่อเช้าปรับตัวด้วยปัจจัยสำคัญจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการฉวยโอกาสของนักเก็งกำไรที่ตลาดญี่ปุ่นหยุดทำการ


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯยังมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยการเก็งกำไรทางเทคนิคและทางจิตวิทยาน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม

 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 10:42:05 AM
Daily Update 23-11-52

23 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ

-   เช้านี้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1162.73 US$
-   ทองปิดแกร่งแม้ดอลล์แข็งค่า
-    ดอลล์ไต่ขึ้น,เทรดเดอร์ขายสกุลเงินเสี่ยงสูง
-    น้ำมันดิบปิดร่วง 74 เซนต์ขณะดอลล์ไต่ขึ้น
-    กังวลศก.กดดาวโจนส์ปิดลบ 14 จุด
 

 
    ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันในวันศุกร์ แม้ว่าดอลลาร์แข็งค่า และเทรดเดอร์กล่าวว่า การทะยานขึ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของดอลลาร์ อาจจะหนุนความเชื่อมั่นในตลาดในช่วงต้นสัปดาห์ เช้านี้โลหะทุกประเภทเปิดบวกสูงขึ้นต่อเนื่อง       
     ดอลลาร์ไต่ขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนลดความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง และขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงออกมาก่อนที่จะถึงช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่มีวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ (26 พ.ย.)  หยวนทรงตัวที่ 6.8278 ต่อดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราอ้างอิงที่ทรงตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้หยวนแข็งค่าขึ้น แม้ว่าวุฒิสมาชิกสหรัฐ 2 รายได้ผลักดันให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับ
การผูกติดค่าเงินหยวนของจีนกับดอลลาร์สหรัฐ
 นักวิเคราะห์กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สิ้นปี นักลงทุนบางกลุ่มซึ่งรวมถึงกลุ่มเฮดจ์ฟันด์จึงขายทำกำไรหุ้นที่เพิ่งพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
 
กำหนดการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
 
    วันจันทร์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค
 
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,117.493ตัน ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 13.97 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
       กลยุทธ์:   แนวโน้มค่าเงิน   Euro/US$ เริ่มแสดงการอ่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาทองในแนวโน้มระยะกลางได้
 
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 10:44:50 AM
ทางการจีนคงเป้าปล่อยสินเชื่อปีหน้าที่ 1 ล้านล้านเหรียญ หวั่นเศรษฐกิจทรุด

Posted on Monday, November 23, 2009
จับตาหุ้น-ทอง นักลงทุนเก็งตัวเลขตลาดบ้านอเมริกาทำสถิติใหม่

ตลาดหุ้นทั่วโลกแผ่วแรงลงในสัปดาห์ที่แล้ว เริ่มจาก Emerging markets ที่มีแรงขายเข้ามาตามราคาน้ำมันและค่าเงินที่อ่อนแรงลง ขณะอีกทางหนึ่งยังเป็นผลมาจากท่าทีของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ออกมาบอกว่าจะค่อยๆ ถอนมาตรการอัดฉีดเงินฉุกเฉินออกจากระบบ ซึ่งก็เป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นยุโรปด้วยเช่นกัน

ทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯฯ นักลงทุนก็เริ่มวิตกในแนวโน้มของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ Intel ที่ราคาหุ้นในสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกือบ 3% ขณะ Dell ราคาหุ้นดิ่งลงกว่า 7% หลังบริษัทรายงานกำไรไตรมาสล่าสุดปรับตัวลงมากกว่าครึ่ง

นอกจากนั้น หุ้นอเมริกาในภาพรวมยังเป็นไปตามสภาวะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนที่กลับมาติดลบเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ตลาดการเงินตกอยู่ในสภาพถูกแช่แข็งเมื่อปีที่แล้ว

นักวิเคราะห์ของ Bank of America ปรับลดคำแนะนำการลงทุนของหุ้นผู้ผลิตชิพรายใหญ่ที่สุดของโลก Intel และเบอร์สองในสหรัฐฯฯ อย่าง Texas Instruments รวมถึง ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม Semiconductor ด้วย และนอกจากตลาดจะเจอแรงขายของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเรื่องราคาหุ้นโดยรวมที่บวกขึ้นมาสูงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานรองรับ

อย่างไรก็ดี สำหรับหุ้นอีกส่วนหนึ่งก็กลับได้อานิสงส์จากราคาทองคำ รวมถึงทองแดง ที่เดินหน้าบวกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาหุ้นของผู้ผลิตสินค้าจำพวกวัตถุดิบอุตสาหกรรมวิ่งขึ้นตาม โดยราคาทองคำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบวกขึ้นไปทำสถิติที่ 1,153.40 เหรียญต่อออนซ์ ตามมุมมองของนักลงทุนที่เก็งกันว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าทำสถิติใหม่

สัปดาห์นี้ หลายคนกำลังจับตามองผลประกอบการของเจ้าตลาดแห่งวงการคอมพิวเตอร์ อย่าง Hewlett-Packard ไปจนถึงผู้ผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในภาคเกษตรรายใหญ่ของโลก ซึ่งก็คือ บริษัท Deere & Co. และนอกจากนั้น ตลาดบ้านสหรัฐฯฯ จะสามารถสร้างเซอร์ไพร์สได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูที่ตัวเลขยอดขายบ้านที่สร้างเสร็จในเดือนตุลาคม ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี


จีนคงระดับสินเชื่อปีหน้า หวั่นเศรษฐกิจทรุด

ธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณถอนมาตรการอัดฉีดเงินออกจากระบบ แต่ประเทศมหาอำนาจแดนมังกร กลับมีผู้แนะนำให้คงระดับการปล่อยสินเชื่อในประเทศต่อไป เพื่อป้องกันเศรษฐกิจทรุด

อดีตรองประธานคณะกรรมการกำกับภาคธนาคารของจีน นาย ตั้ง ซวงหนิง กล่าวว่า จีนควรต้องดูแลให้ยอดการปล่อยกู้ใหม่ในประเทศอยู่แถวๆ 7-8 ล้านล้านหยวน หรือราว 1 ล้านล้านเหรียญ ในปีหน้า เพื่อทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งขึ้น โดยตัวเลขนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในอัตรา 8-9% และเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3%

ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนสนับสนุนการโหมปล่อยสินเชื่ออย่างหนัก ด้วยวงเงิน 1.3 ล้านล้านเหรียญ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ จนทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่แล้วขยายตัวได้เร็วที่สุดในรอบปี

ความเห็นดังกล่าวก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ในประเทศ รวมถึงประธานของ Bank of China ที่มองว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ควรต้องยืนระดับการเติบโตของสินเชื่อที่เหมาะสมต่อไปในปีหน้าเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ยอดเงินปล่อยกู้ใหม่กลับทิศทางหันหัวลง

ตัวเลขสินเชื่อล่าสุดออกมาชะลอลงในเดือนตุลาคม ขณะทางการจีนเองก็กำลังพิจารณานโยบายคุมเข้มมาตรฐานสินเชื่อและหามาตรการเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะฟองสบู่ของราคาสินทรัพย์ โดยหากเทียบกับการปล่อยกู้ของภาคธนาคารมูลค่า 516,700 ล้านหยวนสำหรับสินเชื่อใหม่ในเดือนกันยายนแล้ว ตัวเลขของเดือนตุลาคมก็ลดลงมาอยู่ที่ 253,000 ล้านหยวน

มีคำเตือนมาจากนักเศรษฐศาสตร์ว่า จีนควรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะฟองสบู่ในตลาดสินทรัพย์ เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่สูง และเงินทุนไหลเข้าในจำนวนมหาศาล แม้อาจยังไม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับขึ้นมาอยู่ในช่วง 2-3% ได้ง่ายๆ ในเวลาอันใกล้นี้ ดูจากดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่งจะปรับตัวลง 0.5% ในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


ประธานาธิบดีสหรัฐฯเชื่อ ?ส่งออก? เป็นกุญแจฝ่าวิกฤติ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯฯ ระบุภารกิจเยือนเอเชียประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นับว่าเป็นการเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวผ่านรายการวิทยุประจำสัปดาห์เมื่อวันเสาร์ ระบุถึงภารกิจเยือนภูมิภาคเอเชียอย่างเป็นทางการครั้งแรก นาน 8 วัน ตั้งแต่กรุงโตเกียวถึงกรุงโซล โดยชี้ให้ชาวอเมริกันเห็นว่าภูมิภาคเอเชียคือ สถานที่ที่สหรัฐฯต้องซื้อสินค้าและต้องเพิ่มความเกี่ยวข้องทางการค้ามากกว่าภูมิภาคอื่นของโลก เพราะนั่นจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกันอีกหลายล้านคน

โอบามากล่าวว่า การเพิ่มความสามารถในการส่งออก เป็นหนึ่งในหนทางที่จะช่วยสนับสนุนการสร้างงานในเกิดขึ้นในสหรัฐฯ

สหรัฐฯกำลังเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ขณะที่จีนคือเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯด้วยมูลค่ามากกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ดังนั้นสหรัฐฯต้องรักษาความสัมพันธ์กับจีน ไม่เฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ หากยังต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาโลกร้อน และร่วมผลประโยชน์กันด้านความมั่นคงของโลกด้วย

ตัวเลขการว่างงานในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในเดือน ตุลาคม โดยเพิ่มเป็นตัวเลข 2 หลัก คือ 10.2% นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2526

โอบามาให้คำมั่นว่าจะมุ่งให้ความช่วยเหลือ การสร้างงาน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้สหรัฐฯหลุดพ้นออกจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน และทางภาครัฐก็มีแผนที่จะประชุมหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหานโยบายต่างๆ ในการช่วยหนุนการขยายตัวของยอดการจ้างงาน

ในการกล่าวครั้งนี้ โอบามา ได้พูดถึงอัตราการขยายตัวของสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ที่โต 3.5% นั้นเป็นการเดินมาอย่างถูกทาง หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้น ศก. ด้วยเม็ดเงิน 787,000 ดอลลาร์ในเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมกับยังยืนยันว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป จนกว่าจะเห็นสัญญาณที่ภาคธรุรกิจจ้างงานอย่างแท้จริง


EU เลือกนายกฯ เบลเยียมเป็นประธานคนแรก

กลุ่มผู้นำจากสหภาพยุโรป (EU) มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์เลือก แฮร์มัน ฟาน รอมปุย นายกรัฐมนตรีเบลเยียม ให้ดำรงตำแหน่งประธานของกลุ่ม ส่งผลให้เขาเป็นประธานคนแรกที่ทำหน้าที่แบบเต็มเวลา ไม่ใช่แบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเหมือนที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ในการประชุมนัดพิเศษ ผู้นำจาก 27 ประเทศสมาชิกยังมีมติแต่งตั้งบารอนเนส แคเธอรีน แอชตัน ตัวแทนจากอังกฤษ ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าด้านนโยบายต่างประเทศของ EU แทนที่นายฮาเวียร์ โซลานา โดยบารอนเนสแอชตันเป็นตัวแทนการค้าของ EUมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว

การตัดสินใจดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งครั้งนี้จะช่วยให้ EUมีความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งขึ้นในการร่วมมือกันพัฒนาความมั่นคงและสร้างความรุ่งเรืองให้กับทั่วโลก

ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับนายฟาน รอมปุย และบารอนเนส แอชตัน ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหานิวเคลียร์ การสร้างความมั่นคงในอัฟกานิสถาน และการสร้างความสงบในตะวันออกกลาง

โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็เห็นด้วยกับการแต่งตั้งดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมกับตำแหน่งเท่านี้แล้ว

นายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคล ของเยอรมนี กล่าวว่า EU ได้ผู้นำคนใหม่ที่มีความสามารถทางการเมืองและจะนำความสมานฉันท์มาสู่ EU

ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส กล่าวว่า สมาชิก EU ฉลาดมากที่ตัดสินใจเลือกผู้นำจากประเทศที่มีความสำคัญแต่ไม่ได้สำคัญที่สุด ทำให้ไม่มีใครรู้สึกว่าถูกกีดกัน

ท่ามกลางเสียงสนับสนุน ปรากฏว่ามีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งครั้งนี้ไม่น้อย เนื่องจากมองว่าทั้งฟาน รอมปุย และ บารอนเนส แอชตัน มีประสบการณ์ด้านนโยบายต่างประเทศไม่มากเท่าที่ควร และถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับผู้ท้าชิงคนอื่นๆที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้แต่เดิม อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี่ แบลร์ของอังกฤษ

โอเนอร์ ออยเมน สมาชิกรัฐสภาตุรกี กล่าวว่า การที่นายฟาน รอมปุย ได้ดำรงตำแหน่งประธาน EU อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีและ EU รวมถึงโอกาสที่ตุรกีจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก EU เนื่องจากเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนายฟาน รอมปุย เคยต่อต้านมิให้ตุรกีเข้าเป็นสมาชิก EU ด้วยเหตุผลด้านศาสนาและวัฒนธรรม

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าบารอนเรสแอชตันไม่มีอิทธิพลมากพอ และกล่าวว่าการแต่งตั้งบารอนเนสถือเป็นเรื่องดีเพราะถือว่าเธอเป็นตัวแทนของอังกฤษ


ECB เตรียมผ่อนสภาพคล่องจากระบบกันเงินเฟ้อ

ฌอง-คล้อด ทริเชต์ กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะค่อย ๆ ถอนเงินสดฉุกเฉินที่ธนาคารได้อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

นายทริเชต์กล่าวในการแถลงข่าวที่นครแฟรงค์เฟิร์ตเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ว่า ขณะนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการหนุนสภาพคล่องทั้งหมดเหมือนกับที่ผ่านๆมา โดยมาตรการที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านราคาจะต้องถูกยกเลิกโดยทันทีและอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจยูโรโซน หรือ ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 16 ประเทศจะสามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ ด้วยอัตราการขยายตัวที่ 0.4% ในไตรมาส 3 แต่ภาวะสินเชื่อที่ตึงตัว ตลอดจนมาตรการกระตุ้นทางการเงินที่หมดอายุลง ตัวเลขว่างงานที่สูงขึ้น และเงินยูโรที่แข็งค่า อาจเป็นอุปสรรคบั่นทอนการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพได้


BOJ คงอัตราดอกเบี้ย-ยกระดับการประเมินเศรษฐกิจ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันที่เสร็จสิ้นลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่

นอกจากนี้ BOJ ยังยกระดับการประเมินเศรษฐกิจเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยระบุว่า "เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้น" ซึ่งถือเป็นการประเมินในทิศทางที่บวกมากขึ้นเมื่อเทียบกับการประเมินครั้งก่อนที่ระบุว่า "เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น"

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและการยกระดับการประเมินเศรษฐกิจของ BOJ มีขึ้น หลังจากนายนาโอโตะ คัง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจและการคลังญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเงินฝืดเต็มตัวแล้ว และร้องให้ BOJ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการยับยั้งปัญหาเงินฝืด ขณะที่นักการเมืองหลายคนในญี่ปุ่นเรียกร้องให้ BOJ แก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น

นายฮิโรชิสะ ฟูจิอิ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่า เขารู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อภาวะเงินฝืดในญี่ปุ่น และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าญี่ปุ่นจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดได้เมื่อใด ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคสาธารณะไปในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนดัชนีราคาผู้บริโภคและราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นได้

บรรดานักวิเคราะห์ต่างให้ความเห็นว่า ภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นภายในประเทศอาจทำให้บีโอเจไม่มีทางเลือกอื่นๆนอกจากการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปอีกระยหนึ่ง และมีความเป็นได้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะขอให้บีโอเจซื้อพันธบัตรมากขึ้น

GDP ประจำไตรมาส 3 ของญี่ปุ่น ขยายตัวในอัตรา 4.8%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส และเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี แต่ดัชนีราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นดิ่งลงหนักสุดในรอบ 51 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าแม้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้น แต่ญี่ปุ่นยังไม่หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด


ปัญหาการเมืองรัสเซีย ส่อเค้าบานปลาย

ผู้นำรัสเซียตำหนิพรรคฝ่ายรัฐบาลให้หยุดแทรกแซงเลือกตั้งท้องถิ่น รัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย ตำหนิพรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลให้หยุดแทรกแซงการเลือกตั้งท้องถิ่น

ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซีย กล่าวตำหนิ พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล หรือพรรคยูไนเต็ด รัสเซีย ซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน (ผู้ผลักดันนายเมดเวเดฟ ให้ได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี) โดยนายเมดเวเดฟ ขอให้พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลหยุดแทรกแซงการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะเชื่อว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่งหรือหลายพรรคทั้งฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่ประชาธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคน

ท่าทีของนายเมดเวเดฟครั้งนี้ ถือได้ว่าแข็งกร้าวที่สุด และถือว่ากำลังท้าทายนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหน้าจะมีขึ้นในปี 2555

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเมดเวเดฟกล่าวในการแถลงนโยบายและผลงานประจำปีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัสเซียยุติการพึ่งพาการส่งออกน้ำมันและปรับปรุงระบบเศรษฐกิจให้มีความทันสมัย ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าคำกล่าวของประธานาธิบดีเมดเวเดฟเป็นการท้าทายต่อนายกรัฐมนตรีปูติน

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีปูตินยังแถลงตัวเลขเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจรัสเซียอาจหดตัว 8-8.5% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เลวร้ายกว่าในหลาย ๆ ประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้รับปากว่า รัฐบาลจะยังคงให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจต่อไป

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (จันทร์ที่ 23 พ.ย. 2552)
? ยอดขายบ้านมือสอง (ต.ค.) โดย สมาคมนายหน้าอสังหาฯ แห่งชาติสหรัฐฯฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 01:50:17 PM
ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ ^-^


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 02:07:01 PM
ขอบคุณคร๋าบบบบบ   ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 03:18:25 PM
กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.60 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.60)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: verb2be ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 03:21:48 PM
ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 23, 2009, 05:57:13 PM
ขอบคุณค่ะ

รอย่อแล้วค่อยซื้อใหม่ ใจเย็น ๆ อย่าใจร้อนนะคะทุกท่าน ;)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 06:29:08 AM
สวัสดียามเช้าครับ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.75 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.75)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 06:35:37 AM
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ทองใหม่   :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 07:31:10 AM
!thk !thk

ถ้าตาไม่ฝาด  ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น อันนี้หรือเปล่าคะ อาจารย์ รบกวนตรวจสอบการบ้านด้วยค่ะ ส่วนกราฟล่าง เริ่มหักหัวลง เกิน 80 แล้ว  
ใช่ครับ ตาไม่ฝาด กราฟปากถุงยังมีแรงขึ้นต่อได้ครับ  กราฟล่างเริ่มอ่อนแรง แต่อาจเป็นการลงไปปรับส่วนที่ซื้อเกินอล้วขึ้นต่อก็ได้ หรือดูเหตุการณ์.. หากลงได้อาจลงเลยก็ได้ เหลืออีกไม่กี่วันสิ้นเดือน จะมีการครบรอบสัญญาส่งมอบทองค่ำ อาจมีการเทขายก่อนครบรอบสัญญาก็ได้ครับ ..ช่วงนี้ตลาดดูยาก อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 08:51:31 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ อากาศเย็นใส่เสื้อหนาๆหน่อยนะคะ  ขอบคุณข่าวทองด้วยค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: mamai ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 08:57:08 AM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  ^-^


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 09:10:03 AM
กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.105 (http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.105)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 09:38:20 AM
เงินบาทเปิดตลาด 33.21/22 
 วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:31

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงาน เงินบาทเปิดตลาด 33.21/22 ทรงตัว คาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ

นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 33.21/22 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวในระดับเดียวกับปิดตลาดวานนี้ โดยเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้เล็กน้อย ตามการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ที่ดีดกลับมาแข็งค่าบ้างเมื่อเทียบสกุลหลัก แต่ยังอยู่ในกรอบแคบๆ

ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงิน อีกทั้งในช่วงปลายปีที่เทรดเดอร์จะเริ่มปิด Position บ้างแล้วทำให้ชะลอการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ตลาดเริ่มมีการซื้อขายเบาบาง

"ช่วงนี้ยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจอะไรที่น่าสนใจ นอกจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงสุดทำสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อค่าเงินบาทมากนัก เพราะช่วงนี้เป็นช่วงปลายปีตลาดต่างประเทศจะเริ่มเงียบแล้ว ซึ่งเป็นปกติของทุกปี ดังนั้นคาดว่าเงินบาทน่าจะทรงตัวในกรอบแคบๆต่อไปจนถึงสิ้นปี" นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าว

ส่วนค่าเงินสกุลต่างประเทศ เงินเยน อยู่ที่ 88/82/87 เยน/ดอลลาร์ เงินยูโร อยู่ที่ 1.4940/44 ดอลลาร์/ยูโร

เงินบาทวันนี้คาดว่าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.20/25 บาท/ดอลลาร์



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 09:58:01 AM
"สมัคร"ถึงแก่อนิจกรรม   
 วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:40

อดีตนายกฯคนที่25"สมัคร สุนทรเวช"ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งที่รพ.บำรุงราษฎร์

นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 วัย74ปี ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ที่รพ.บำรุงราษฎร์ หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ

เว็ปไซต์ วีกีพีเดีย สารานุกรม http://th.wikipedia.org (http://th.wikipedia.org) รายงานประวัติของนายสมัคร ว่า เกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2478 เป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

นายสมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
พ.อ. (พิเศษ) พ.ญ.มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมแล้ว)
นายสมัคร สุนทรเวช
นายมโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
นายสุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย
         
นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทใน เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภาและกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่ จากการที่ภรรยาทำงานอยู่กับบริษัทเอกชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 สถานะการเงินของภรรยาจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ นายสมัคร เลยมิได้ทำงานประจำให้กับหน่วยงานใดและได้ทำงานด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516

นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ดำรงตำแหน่ง 29 มกราคม พ.ศ. 2551 ? 9 กันยายน พ.ศ. 2551) หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ก่อตั้งพรรคประชากรไทย เกิดที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักการเมืองเก่าแก่ ที่มีเสียงพูด และลีลาการพูดเป็นเอกลักษณ์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2 สมัย) ได้ฉายาจากสื่อมวลชนทั่วไปว่า "น้าหมัก" "ออหมัก" หรือ "ชมพู่" (มาจากลักษณะจมูกของนายสมัคร) "ชาวนา" (จากกรณีกลุ่มงูเห่า) เป็นต้น

นายสมัครเริ่มทำงานหลังจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นสื่อมวลชนสายการเมือง โดยเขียนบทความ และความคิดเห็น ทางการเมืองแบบไม่ประจำใน หนังสือพิมพ์สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง 2516 เขียนบทความ การเมืองในหนังสือพิมพ์ประชาไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนถึง 2520 และเขียนบทความในคอลัมน์ประจำ "มุมน้ำเงิน" หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 จนถึง 2537

นายสมัครข้ามจากการเป็นสื่ออย่างเดียว มาเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2511 ลงสมัครตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนขึ้นถึงระดับชาติ จนมามีบทบาทโดดเด่นช่วงปี 2519 จากการจัดรายการสถานีวิทยุยานเกราะ ที่มีเนื้อหาโจมตีบทบาทของ ขบวนการนักศึกษาในสมัยนั้น พร้อมทั้งปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังขบวนการนักศึกษา และ เป็นศูนย์กลางประสานงาน ถ่ายทอดกำหนดการ และคำสั่งเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านนักศึกษาใน เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

เมื่อสิ้นสุดเหตุการณ์ ในปี พ.ศ. 2519 นายสมัครได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมๆ กับการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และในปี พ.ศ. 2522 ได้ก่อตั้ง พรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค มีฐานคะแนนเสียงหลักในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในเขตที่มีหน่วยทหารตั้งอยู่หนาแน่น

ความคิดและบทบาทของนายสมัคร มักสร้างกระแสมวลชน ทั้งสนับสนุนและคัดค้านได้อย่าง กว้างขวางร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ,ไอเดียหนุนกระทงโฟม ไล่มาจนถึงการกล่าวโจมตี ประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทางรายการโทรทัศน์ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2549.



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 10:05:12 AM
ผู้เชี่ยวชาญจากจีนชี้อัตราดอกเบี้ยต่ำกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

Posted on Tuesday, November 24, 2009
ตลาดหุ้นโลก-สินค้าโภคภัณฑ์พุ่ง ตัวเลขบ้านสหรัฐฯ ทำสถิติใหม่

บรรยากาศตลาดหุ้นทั่วโลกยังสดใสต่อเนื่องจากเอเชียเมื่อวานนี้ โดยที่ยุโรป ดัชนี Dow Jones Stoxx 600 บวกขึ้นได้ถึง 2% เช่นเดียวกับทางฝั่งสหรัฐฯ ที่ Dow Jones ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 เดือนเรียบร้อยแล้ว หลักๆ เป็นเพราะการตอบรับกับข่าวดีของตัวเลขตลาดบ้าน ที่ยอดขายบ้านสร้างเสร็จจากสมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกาออกมาพุ่งขึ้นถึง 10% ในเดือนตุลาคม ทะลุระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2550

นักลงทุนยังขานรับมุมมองของนายธนาคารและผู้บริหารนโยบายภาครัฐหลายคนที่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางหลายแห่งจะยืดเวลาการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ออกไปอีก

นาย Charles Evans ประธานธนาคารกลางสาขาชิคาโก้ ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยจะต่ำต่อไปได้อีกระยะ โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Financial Times ว่า ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจจะอยู่ใกล้ระดับศูนย์เปอร์เซนต์เช่นนี้ไปจนถึงช่วงท้ายของปี 2553 หรือบางทีอาจจะนานกว่านั้นด้วยซ้ำ ซึ่งความเห็นของผู้บริหารเฟดรายนี้ก็จุดกระแสให้แนวโน้มตลาดในระยะสั้นรู้สึกผ่อนคลายลงได้ และทำให้ตลาดสินทรัพย์ รวมถึงตลาดที่มีความเสี่ยงอื่นๆ มีทิศทางเดินหน้าบวกได้ต่อไปอีก ขณะเดียวกัน จะกลับเป็นแรงกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อได้เช่นกัน

แรงซื้อในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา มีเข้ามาหนาแน่นในกลุ่มเทคโนโลยี โทรศัพท์ และสถาบันการเงิน นำโดย Verizon Communications, AT&T, General Electric และ Chevron ที่บวกได้อย่างน้อย 2.5% และนี่ยังไม่รวมถึงหุ้นยักษ์ใหญ่ในตลาดอื่นที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น BHP Billiton และ Rio Tinto ที่บวกได้อย่างน้อย 3.5% ที่ตลาดลอนดอน ขณะที่หุ้นบริษัท Renault ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองในยุโรป ก็บวกกระโดดขึ้นไป 3.8% ที่ฝรั่งเศส หลังจากโบรกเกอร์ Credit Suisse ออกคำแนะนำให้ลงทุนในหุ้น

ทางด้านหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ ส่วนหนึ่งก็ได้แรงสนับสนุนจากความเห็นของประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน ที่บอกว่าประเทศยังจะเดินตามนโยบายเศรษฐกิจที่มุ่งการรักษาเสถียรภาพและทำให้เกิดความต่อเนื่อง


หลายฝ่ายประสานเสียงให้เดินหน้ามาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจต่อ

เปิดต้นสัปดาห์มาก็มีหลายความเห็นที่ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจกันต่อไป หนึ่งในนั้นก็คือ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาเซ็นต์หลุยส์ นาย James Bullard ที่แสดงความเห็นด้วยกับการที่เฟดจะมองหาช่องทางเดินหน้ามาตรการซื้อพันธบัตรที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน (Mortgage-back Securities) ไปจนถึงหลังไตรมาส 1/53

นาย Bullard มองว่าการอัดฉีดเงินซื้อหลักทรัพย์รวมถึงตราสารหนี้ภาครัฐนี้ เกิดขึ้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคาร ถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อในระดับต่ำก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าที่จะยุติมาตรการนี้ไปเลยอย่างถาวร

ความเห็นของผู้บริหารเฟดนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่มีการระบุว่า มาตรการอัดฉีดของธนาคารกลางที่กำหนดวงเงินไว้ที่ 1.25 ล้านล้านเหรียญสำหรับการซื้อหลักทรัพย์ MBS ที่ว่านี้ จะเสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม พร้อมกับบอกว่าจะลดวงเงินการซื้อตราสารหนี้ภาครัฐให้ลงมาเหลือ 175,000 ล้านเหรียญ จากเพดานเดิมที่วางไว้ที่ 200,000 ล้านเหรียญ

นายกรัฐมนตรี นาย Gordon Brown ของอังกฤษ ก็ได้ออกมายืนยันถึงความสำคัญของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อตอบโต้ผู้นำพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่หาว่านโยบายของเขาจะไปกดดันภาระการขาดดุลงบประมาณภาครัฐให้สูงขึ้นไปอีก และอาจสร้างความเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของประเทศอีกด้วย

นาย Brown บอกว่า การถอนมาตรการที่ถือเป็นห่วงชูชีพของเศรษฐกิจออกเร็วเกินไปนั้น จะยิ่งไปทำร้ายแรงงานในประเทศ ตลอดจนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีกหลายปีข้างหน้า

ท่ามกลางการหาเสียงที่กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดขึ้นในอีกหกเดือนข้างหน้า นาย Gordon Brown ก็กำลังถูกหลายฝ่ายโจมตี โดยเฉพาะในประเด็นนโยบายเศรษฐกิจ ที่ถูกเปิดฉากโจมตีโดยพรรคอนุรักษ์นิยม ด้วยคำถามว่าเมื่อไหร่จะมีการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลลง นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนอจากพรรคเดียวกันนี้ด้วยว่าจะให้มีการชะลอแผนการปรับขึ้นค่าตอบแทนของพนักงานภาครัฐ ตลอดจนเสนอให้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์เกษียณอายุต้องรอต่อไปอีกหนึ่งปีถึงจะได้รับสิทธิต่างๆ

พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษถือโอกาสเรียกคะแนนนิยม หลังจากที่ OECD ออกมาบอกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อังกฤษควรจะต้องปรับปรุงสถานะการคลังให้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นตัวเลขการขาดดุลในเดือนตุลาคมที่ออกมาย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2536


ผู้เชี่ยวชาญชี้อัตราดอกเบี้ยต่ำกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้กล่าวในการประชุมซีอีโอโลก ประจำปี 2552 ว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจนเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อบทบาทหน้าที่ของสถาบันการเงินในการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่แท้จริง

บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับมุมมองของผู้ว่าการธนาคารกลางจีน โดยกล่าวว่า ถ้อยแถลงของนายโจวสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและยุโรปที่ต่ำจนเกินไปอาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต้องล่าช้าออกไป

ผู้ว่าการแบงค์ชาติจีนกล่าวในที่ประชุมว่า ระบบการเงินควรจะสร้างทั้งแรงกดดันและแรงผลักดันเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยการที่จะรักษาแรงกดดันไว้ได้นั้น จำเป็นต้องมีการแข่งขัน
ส่วนการรักษาแรงผลักดันนั้น ก็ควรจะต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในระดับต่ำมาก หรือเกือบใกล้กับระดับศูนย์ จะเป็นการลดแรงกดดันของสถาบันการเงินในการสนับสนุนเศรษฐกิจ

เหลียน ปิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแบงค์ออฟคอมมิวนิเคชั่นส์เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของผู้ว่าการแบงค์ชาติจีน และชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเกินไปอาจจะทำให้ผลประโยชน์จากเงินกู้ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจลดลง

ตัน หยาหลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชื่อดังของจีนเตือนว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำอาจจะนำไปสู่การเก็งกำไร โดยหยาหลิงกล่าวว่า จริงๆแล้วเงินทุนได้หลั่งไหลเข้าท่วมตลาดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับสหรัฐ แต่ขณะเดียวกัน เงินทุนที่หมุนเวียนมากขึ้นอาจจะหมายถึงการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นในจีน


BNP ชี้จีนเสี่ยงภาวะฟองสบู่เหมือนญี่ปุ่นช่วงทศวรรษ 80

เออร์วิน ซานฟ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของจีนและฮ่องกงของบีเอ็นพี พาริบาส์ เปิดเผยว่า จีนกำลังเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แบบญี่ปุ่นในทศวรรษที่ 80

หากจีนยังคงใช้นโยบายผ่อนปรนทางการเงินและการคลังต่อไป เว้นเสียแต่ว่าหน่วยงานกำกับดูแลของจีนสามารถคุมเข้มเงื่อนไขทางด้านสภาพคล่องได้

จีนได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการปล่อยสินเชื่อครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 5 ครั้งตั้งแต่เดือนก.ย. 2551 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยทำให้ดีมานด์สินค้าส่งออกของประเทศหดตัวลง และเมื่อปี 2533 เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งการสูญเสียและแทบจะไม่มีการขยายตัว

บลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้ หลิว หมิงกัง คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่า จีนเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านภาวะฟองสบู่ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และอสังหาริมทรัพย์

ยอดการปล่อยสินเชื่อที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ทำให้ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ดีดขึ้นถึง 83% ในปีนี้ ขณะที่ราคาบ้านในเมืองใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สตีเฟน โร้ช ประธานมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า จีนอาจจะต้องลงมือดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้การปล่อยกู้มากเกินไปจนต้องเข้าสู่ภาวะฟองสบู่


ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้ จับมือต้านหวัด 2009

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารและประสานงานเรื่องการใช้มาตรการรับมือกับการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ภายหลังการประชุมร่วมกันที่กรุงโตเกียว

ทั้ง 3 ประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร และออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความร่วมมือในเรื่องของอาหารและสุขภาพ

ทั้ง 3 ประเทศจะแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบอาหารของตนเอง รายงานปัญหาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหาร และจัดส่งผู้เชี่ยวชาญไปมาหาสู่กัน

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นยังได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจีนแก้ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกรณีการตรวจพบเกี๊ยวซ่าปนเปื้อนของจีนในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2550

สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นประเมินว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 9.02 ล้านคน และคาดว่า ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่คาดว่า จะติดเชื้อไวรัสหวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 เช่นกัน

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นคาดว่า ชาวญี่ปุ่น 1 ใน 14 รายจะไปโรงพยาบาลเพราะป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 มาตั้งแต่เดือนก.ค.จนถึงช่วงกลางเดือนพ.ย.

ขณะที่บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น ผู้ผลิตยาของอังกฤษ จะระงับการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2552 จำนวน 170,000 โดสในแคนาดา เนื่องจากบริษัทได้รับรายงานผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนสูงเกินระดับปกติ

รายงานระบุว่า ปกติแล้วในการฉีดวัคซีนทุกๆ 170,000 โดสจะพบการรายงานผลข้างเคียงในผู้ได้รับการฉีดวัคซีนหนึ่งหรือสองราย ดังนั้นการรายงานผลข้างเคียงครั้งนี้จึงถือว่าสูงผิดปกติ บริษัทแกล็กโซสมิทไคล์นจึงได้ตัดสินใจที่จะตรวจสอบวัคซีน 170,000 โดสที่มีซีเรียลนัมเบอร์ชุดเดียวกัน


JAL เล็งต่อรองพนักงานลดผลตอบแทน

นาย ฮารุกะ นิชิมัตซึ ประธาน เจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป ได้เสนอให้มีการลดเบี้ยบำนาญของพนักงานเกษียณลงประมาณ 30% และลดเงินสงเคราะห์สำหรับพนักงานปัจจุบันลง 50% เพื่อแก้ปัญหาบำนาญที่จะมีการออกให้ในช่วงสิ้นเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นสวัสดิการที่ต้องใช้ต้นทุนสูง

ประธาน JAL กล่าวว่า ด้วยสภาพปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องยากที่สายการบินจะพลิกธุรกิจให้ฟื้นคืนมาได้โดยไม่ใช้เงินของประชาชน การปฏิรูปบำนาญเป็นเริ่องที่จำเป็น เพื่อที่ประชาชนจะได้เข้าใจถึงความจำเป็นที่สายการบินจะต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล

พร้อมกันนี้ เขายังได้กล่าวขอโทษในระหว่างเปิดการประชุมกับพนักงานที่เกษียณอายุกรณีที่ทำให้สายการบินต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

นอกจากนี้ ประธานได้กล่าวเป็นนัยถึงการยุติการปฏิบัติหน้าที่หัวเรือใหญ่ในเร็วๆนี้ หลังจากที่ได้มีการส่งมอบบริษัทให้อยู่ในมือของผู้บริหารรุ่นต่อไป

JAL เร่งหาเสียงสนับสนุนจากคณะทำงานที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อขอเงินช่วยเหลือ แต่รัฐบาลได้ย้ำว่า สายการบินจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือที่ดึงมาจากภาษีของประชาชน ยกเว้นเสียแต่ว่าบริษัทสามารถปรับปรุงระบบบำนาญที่ใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากได้ก่อน

อย่างไรก็ตาม อเมริกัน แอร์ไลน์ อิงค์ และทีพีจี อิงค์ กลุ่มการลงทุนชั้นนำของสหรัฐ ยืนยันถึงความพร้อมที่จะเข้าลงทุนในเจแปน แอร์ไลน์ คอร์ป บริษัทสายการบินรายใหญ่สุดของญี่ปุ่นและเอเชียที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 23 พ.ย. 2552)
? ยอดขายบ้านมือสอง (ต.ค.) อยู่ที่ 6.10 ล้านยูนิต (เพิ่มขึ้น 10.1% จากเดือนก่อนหน้า)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 24 พ.ย. 2552)
? GDP (Q3/09) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ดัชนีราคาบ้าน (ก.ย.) โดย S&P Case-shiller
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) โดย Conference Board

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel

 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 11:56:43 AM
บทวิเคราะห์ทองคำ (24-11-52)

24 พ.ย. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่เช้าตามราคาสปอตซึ่งได้รับแรงขายทำกำไรเมื่อคืนนี้ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 18,250/18,350 บาท เงินบาททรงตัว


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       นายบุลลาร์ด เฟดเซนต์หลุยส์ได้ให้ความเห็นว่าเฟดควรจะขยายเวลาใช้มาตรการกระตุ้นที่ซื้อสินทรัพย์ต่างๆออกไปอีกนานกว่าเดือนมีนาคมที่กำหนดไว้ ในขณะที่นายทริเชต์ประธานอีซีบีกลับให้ความเห็นว่าอีซีบีอาจเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นออกจากระบบอย่างช้าๆ เป็นการแสดงให้เห็นว่ายุโรปอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสหรัฐฯ นักลงทุนจึงเข้าไปเก็งกำไรเงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรุนแรง  [Yahoo, Reuters, Bloomberg, TCAF Research]
       รายงานผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยุโรปออกมาค่อนข้างดีขึ้นกว่าเดิมแสดงให้เห็นการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับรายงานการขายบ้านเก่าของสหรัฐฯที่ดีขึ้นอย่างแรงเนื่องจากมาตรการกระตุ้นต่างๆ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวแล้ว นักลงทุนจึงเก็งกำไรดอลลาร์อ่อนค่าพร้อมกับราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปอีกเล็กน้อยก่อนเทขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันความเสี่ยงเมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ดีขึ้นแล้วเช่นกัน  [Markit, Econoday, TCAF Research]
       นักลงทุนจะจับตามองรายงานผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารในเยอรมันที่รายงานในบ่ายวันนี้ ประกอบกับรายงานภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค และต่อด้วยรายงานการประชุมของเฟดในคืนนี้


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าวันนี้ราคาทองคำน่าจะได้รับแรงเทขายอย่างผันผวนและปรับตัวผันผวนรุนแรงขึ้นในช่วงข้ามคืนจากรายงานเศรษฐกิจต่างๆที่อาจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันเราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัว" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์"


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯยังมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยการเก็งกำไรทางเทคนิคและทางจิตวิทยาน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 12:00:40 PM
Daily Update 24-11-52

24 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ
- ทองทำสถิติสูงสุดที่ 1,174 ดอลล์/ออนซ์
-  ดอลล์ร่วงรับแนวโน้มดบ.สหรัฐต่ำ
-  ตัวเลขยอดขายบ้านหนุนตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น
- น้ำมันดิบปิดบวก 9 เซนต์ขณะดอลล์ร่วงลง

   ราคาทองที่ตลาดสหรัฐแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,170 ดอลลาร์/ออนซ์ ในวันจันทร์ โดยเดินหน้าขึ้นเกือบ 2 % ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆจากคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ที่ระดับต่ำสักระยะ    สัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.เคลื่อนตัวในช่วง 1,151.60-1,174.00 ดอลลาร์ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 261,055 สัญญา
   ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญร่วงลง 0.7 % หลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวในวันอาทิตย์ว่า เฟดควรต่ออายุให้กับโครงการซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง(MBS)
       สภาทองคำโลก (World Gold Council : WGC) เปิดเผยว่า ดีมานด์ทองคำทั่วโลกในไตรมาส 3 ปีนี้พุ่งขึ้น 10% จากไตรมาส 2 แตะระดับ 800.3 เมตริกตัน เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกผันผวนและเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะดีมานด์ทองคำในจีนที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 120.2 ตัน
    แบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 18 เดือนข้างหน้า โดยสัญญาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 32% ในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนและธนาคารกลางหลายแห่งเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางอินเดียเข้าซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟจำนวน 200 ตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 ตันจากไอเอ็มเอฟ มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางศรีลังกายังวางแผนเข้าซื้อทองคำด้วย
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,121.457 ตัน ณ วันที่ 23พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 17.93 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
       กลยุทธ์:  เล่นตามกระแสเงินที่ไหลเข้าทองให้แนวหยุดขาดทุนไว้ที่แนวระดับราคา 1,146 US$ เพราะถ้าราคาปรับลงมาถึงแนวนี้ได้อาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นทิศทางลงได้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: verb2be ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 12:13:33 PM
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่  laugh.gif


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 12:40:53 PM
ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่  :D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 01:12:03 PM
สวัสดีรอบบ่ายค่ะ   ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 01:48:00 PM
ขอบคุณนะครับคุณทองใหม่   :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 02:47:11 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่



(http://img301.imageshack.us/img301/7082/99293113.gif) (http://img301.imageshack.us/i/99293113.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 04:49:29 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่



([url]http://img301.imageshack.us/img301/7082/99293113.gif[/url]) ([url]http://img301.imageshack.us/i/99293113.gif/[/url])


(http://img109.imageshack.us/img109/1760/44156215.gif) (http://img109.imageshack.us/i/44156215.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 07:25:39 PM
สมัครโผล่กลางสภา! 
 วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 16:52

วิญญาณสมัครโผล่กลางประชุมวุฒิสภาสวมชุดขาวพระราชทานยกมือไหว้ลา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ระหว่างการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ขณะนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ปรากฎว่าระหว่างที่รอผลการลงคะแนนทางจอมอนิเตอร์ในห้องประชุม สมาชิกวุฒิสภาที่นั่งอยู่ในห้องประชุมเห็นภาพของนาย สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะะเร็งตับ ปรากฏบนจอประกาศผลคะแนน ในชุดขาวพระราชทานเต็มยศ กำลังยกมือไหว้ ปรากฏค้างหน้าจอประมาณ 4 วินาทีแล้วหายไป
         
นายนิคม พร้อมด้วยส.ว.ส่วนหนึ่งได้รุดขึ้นไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวถึงห้องควบคุมภาพ และผลการลงคะแนนบริเวณชั้น3 ของอาคารรัฐสภา ก่อนเปิดเผยด้วยสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดว่า ได้ตรวจสอบแล้ว รู้สึกขนลุก เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทราบเรื่อง และไม่รู้สาเหตุว่าทำไมจู่ๆถึงมีภาพของนายสมัครปรากฏออกมา ขณะนั้นตนนั่งเป็นประธานที่ประชุมอยู่ด้วย ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ส.ว.ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตะโกนว่า ?ท่านสมัคร มา..? จึงต้องรีบขึ้นไปตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวเกิดได้อย่างไร
         
อย่างไรก็ตามในขณะที่นายนิคม และคณะส.ว.กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าไฟในอาคารรัฐสภาก็ดับพรึบประมาณ 1 นาที สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาส.ว.และเจ้าหน้าที่รัฐสภา ทั้งนี้นายนิคม ได้นำภาพนายสมัครยกมือไหว้ที่ปรากฏในห้องประชุมสภา ซึ่งปริ้นออกจากคอมพิวเตอร์ขนาดเอสี่ ก่อนจะเปิดเผยว่า"สงสัยท่านมาลาเรา เพราะตนเคยเป็นลูกน้องเก่าของท่านสมัยที่เป็นรองปลัดฯกทม."
         
นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรับผิดชอบดูแลสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์รัฐสภา กล่าวว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ เพราะดูจากรูปที่ปรากฏนั้น ทางสภาฯไม่มีสต็อกของรูปนี้เก็บไว้ เบื้องต้น สันนิษฐานว่า น่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น อาจจะเป็นภาพข่าวอินเตอร์เน็ต ส่วนสาเหตุที่ไฟตกในช่วงบ่ายเป็นเพราะวันนี้มีการใช้กำลังไฟสูงมากกว่าปกติ เนื่องจากมีการเตรียมความพร้อมในการจัดงานยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในวันที่ 25 พ.ย.นี้.


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 07:58:24 PM
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ เมื่อไรทองจะลงซะทีน้า ความเสียวอื่นไดไม่เท่าเสียวทองของชาวขาชอตคุณทองใหม่คะจากประสบการณ์ เดาเล่นๆได้มั๊ยคะว่ามันจะขึ้นถึงเมื่อไรเพื่อไม่ให้โชว์ความน่าเกลียดของกราฟน่ะคะ ขอบคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 08:16:13 PM
ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ เมื่อไรทองจะลงซะทีน้า ความเสียวอื่นไดไม่เท่าเสียวทองของชาวขาชอตคุณทองใหม่คะจากประสบการณ์ เดาเล่นๆได้มั๊ยคะว่ามันจะขึ้นถึงเมื่อไรเพื่อไม่ให้โชว์ความน่าเกลียดของกราฟน่ะคะ ขอบคุณค่ะ
เดาเล่นๆผมว่าใกล้จะลงแล้วครับ  ???


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 24, 2009, 08:23:33 PM
เป็นการเดาที่ช่วยได้มากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ อากาศเย็นอย่าให้เป็นหวัดนะคะ พักผ่อนมากๆรักษาสุขภาพด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 06:24:45 AM
 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ
(http://img263.imageshack.us/img263/4973/13794345.gif) (http://img263.imageshack.us/i/13794345.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 06:26:52 AM
เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้  
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

(http://img205.imageshack.us/img205/5191/55963520.gif) (http://img205.imageshack.us/i/55963520.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 06:27:54 AM
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2  ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า  หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

(http://img685.imageshack.us/img685/8351/49201986.gif) (http://img685.imageshack.us/i/49201986.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 06:41:18 AM
หนีห่าว    ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 07:00:28 AM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

(http://img3.imageshack.us/img3/8441/66270532.gif) (http://img3.imageshack.us/i/66270532.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 08:59:18 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ ขึ้น 58% อีกแล้วนะคะ คุณทองใหม่คะ หากมีคนเดาว่าทองจะไต่ขึ้นเรื่อยๆไม่ย่อลงมาเท่าไรแล้ว กราฟไม่ต้องดูแล้ว จะน่าเชื่อมั๊ยคะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:08:27 AM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

([url]http://img3.imageshack.us/img3/8441/66270532.gif[/url]) ([url]http://img3.imageshack.us/i/66270532.gif/[/url])


(http://img688.imageshack.us/img688/4062/70061405.gif) (http://img688.imageshack.us/i/70061405.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:09:58 AM
อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ ขึ้น 58% อีกแล้วนะคะ คุณทองใหม่คะ หากมีคนเดาว่าทองจะไต่ขึ้นเรื่อยๆไม่ย่อลงมาเท่าไรแล้ว กราฟไม่ต้องดูแล้ว จะน่าเชื่อมั๊ยคะ
อย่าเชื่ออะไรแบบเต็มร้อย โอกาสผิดพลาดมีอยู่ครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 09:38:48 AM
ธนาคารกลางสหรัฐฯเรียกธนาคารพาณิชย์ส่งแผนจ่ายคืนหนี้โครงการ TARP 7 แสนล้านเหรียญ

Posted on Wednesday, November 25, 2009
หุ้นติดลบ นักลงทุนกังวลแบงก์เพิ่มทุน - GDP สหรัฐฯ

นักลงทุนขายหุ้นทำกำไรกันออกมา ต่อเนื่องจากทางฝั่งตลาดเอเชียที่มีข่าวว่าธนาคาร 5 แห่งของจีนอาจต้องถูกบังคับให้มีการเพิ่มทุน ขณะที่ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือ IMF บอกว่า เท่าที่ผ่านมาธนาคารเปิดเผยตัวเลขการขาดทุนจากวิกฤติการเงินออกมาเพียงแค่ครึ่งหนึ่งเท่านั้น

นอกจากนี้ รายงานเศรษฐกิจจากสหรัฐฯ ก็คือ ตัวเลข GDP ปรับปรุงของไตรมาส 3 ก็ออกมาขยายตัว 2.8% ซึ่งลดลงจากที่เคยประกาศครั้งแรก ที่ 3.5% สาเหตุหลักก็เป็นเพราะการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ต่ำกว่าคาด

หุ้นกลุ่มการเงินในดัชนี S&P 500 ถูกขายออกมา นำโดย JPMorgan Chase และ Bank of America เมื่อบริษัทประกันเงินฝาก หรือ FDIC ระบุว่า จำนวนสถาบันการเงินที่มีปัญหาในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 552 แห่งแล้วในไตรมาส 3 และในเวลาเดียวกัน มูลค่าเงินกองทุนที่ช่วยลูกค้าในกรณีแบงก์ล้ม ก็ลดลงเป็นตัวเลขติดลบแล้ว

อย่างไรก็ดี บรรยากาศการลงทุนทั้งที่ยุโรปและสหรัฐฯ ยังมีแรงหนุน เมื่อตัวเลขความเชื่อมั่นทางธุรกิจของเยอรมันพุ่งขึ้นมากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดในเดือนพฤศจิกายน และขึ้นมาที่ระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน ขณะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ลดช่วงลบลงในช่วงครึ่งหลังการซื้อขาย เมื่อรายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินแสดงถึง การคาดการณ์แนวโน้มอัตราการว่างงานในประเทศที่ลดลงสำหรับปีนี้และปีหน้า โดยคาดว่าตัวเลขจะชะลอลงไปที่ 9.3 ? 9.7% ในไตรมาส 4/53 จากที่เคยคาดไว้เมื่อกลางปีที่ผ่านมาว่าจะอยู่ที่ 9.5 ? 9.8% แม้จะมีความเป็นห่วงว่า การที่อัตราดอกเบี้ยยืนอยู่ในระดับที่ต่ำมากเช่นนี้ต่อไป อาจจะสร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดการเก็งกำไรกันอย่างหนักในตลาดการเงิน และบิดเบือนภาพแนวโน้มเงินเฟ้อได้

นอกจากนั้น ก็มีปัจจัยบวกมาจากรายงานของกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่า ผลกำไรของบริษัทอเมริกันปรับตัวขึ้นในไตรมาส 3 ด้วยอัตราสูงที่สุดในรอบห้าปี นำโดย ธุรกิจธนาคารที่กำไรโตขึ้นมาถึง 36% หรือราว 97,000 ล้านเหรียญ ขณะที่ธุรกิจอื่นๆ กำไรเพิ่มขึ้น 2% หรือ 12,900 ล้านเหรียญ


เฟดเรียกแบงก์ส่งแผนจ่ายคืนหนี้โครงการ 7 แสนล้านเหรียญ

ผ่านกันมาได้สักพักแล้วสำหรับฝุ่นที่ตลบในภาคการเงินการธนาคารของสหรัฐฯ มาถึงตอนนี้ก็ถึงคราวที่เฟดได้เวลาส่งสัญญาณให้ธนาคารที่ผ่านการทดสอบสถานะการเงิน (Stress tests) ต้องยื่นแผนการจ่ายคืนหนี้ให้กับรัฐบาลที่เคยให้ความช่วยเหลือเมื่อครั้งวิกฤติการเงินกำลังสุกงอม

ทั้งสำนักข่าว Bloomberg และ Reuters รายงานว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ ขอให้สถาบันการเงินทั้ง 9 แห่งที่อยู่ในส่วนหนึ่งของการทำ Stress Tests ที่ผ่านมาในปีนี้ ส่งแผนการชำระคืนเงินช่วยเหลือและเพิ่มทุนที่ได้มาจากรัฐบาล โดยแผนการคืนเงินดังกล่าว ที่รวมถึงกำหนดการชำระเงิน ที่ Bank of America และธนาคารอีกแปดแห่งถูกขอให้ส่งมอบ ก็ยังได้มีการเปิดทางเลือกอื่นๆ ไว้ด้วย สำหรับการจ่ายเงินคืนเข้ากองทุน TARP หรือที่คุ้นเคยกันว่ามาตรการช่วยเหลือภาคการเงิน 7 แสนล้านเหรียญ ถ้าหากแบงก์สามารถทำการเพิ่มทุนและมีส่วนสำรองที่เหลือพอสำหรับเหตุที่ไม่คาดฝันในอนาคต

คำประกาศของเฟดนี้อาจสร้างแรงกดดันให้กับธนาคารที่พอใจกับความยืดหยุ่นของกำหนดการชำระคืนหนี้โครงการ TARP รวมถึงเงื่อนเวลาสบายๆ ที่เคยได้

และถ้าย้อนกลับไปดูความช่วยเหลือที่รัฐหยิบยื่นให้ด้วยความจำเป็น ธนาคารทั้ง 9 แห่งก็ได้รับเงินมาแล้วรวมกันกว่า 142,000 ล้านเหรียญ ภายใต้โครงการเจ็ดแสนล้านที่สภาคองเกรสเซ็นหนุนหลังให้นำออกมาใช้ได้ตั้งแต่ปี 2008 และแบงก์ที่ยังไม่จ่ายคืนหนี้ในโครงการนี้ ก็มี Bank of America, PNC, Citigroup, Fifth Third Bancorp, GMAC, KeyCorp, Regions Financial Corp., SunTrust Banks และ Wells Fargo

เฟดเองเคยเปิดเผยผลของการทำ Stress tests ไว้เมื่อเดือนพฤษภาคม ที่ตรวจสอบดูว่า ผู้ปล่อยกู้ขนาดใหญ่ทั้ง 19 แห่งของประเทศจะสามารถอยู่รอดได้หรือไม่ภายใต้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ และปัญหาการว่างงานที่รุนแรงมากกว่าคาด ซึ่งผลออกมาว่า มีแบงก์ทั้งสิ้น 10 แห่ง ที่รวมถึง Bank of America, Wells Fargo และ Citigroup ที่จำเป็นต้องเพิ่มระดับทุนของตนเอง

อย่างไรก็ดี มีเงื่อนไขที่สำคัญอีกข้อที่กฏหมายมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ออกมาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ได้กำหนดไว้ ก็คือ ธนาคารที่จะจ่ายคืนหนี้ได้ จะต้องผ่านการระดมทุนมาเองอย่างเรียบร้อย ซึ่งนับตั้งแต่นั้น ก็มีบางธนาคาร อย่างเช่น Goldman Sachs Group, Morgan Stanley และ JPMorgan Chase ที่นำเงินมาจ่ายคืนหนี้กองทุน TARP ด้วยฐานเงินทุนที่เพิ่มขึ้นและปราศจากเงินของรัฐบาล


ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเยอรมันทำ New-Hi รอบ 15 เดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจประจำเดือนพ.ย.ของเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน สูงกว่าการคาดการณ์และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8

หลังจากรัฐบาลเยอรมนีใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 85,000 ล้านยูโร (127,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย

สถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี ซึ่งได้จากการสำรวจความเห็นผู้บริหารราว 7,000 คน ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 91.9 ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 93.9 ในเดือนพ.ย. โดยดัชนีดังกล่าวเคยร่วงลงไปอยู่ที่ระดับ 82.2 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปี

ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนีในไตรมาส 3/52 ขยายตัว 0.7% จากไตรมาส 2 เนื่องจากยอดส่งออกสินค้าปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทหลายแห่งเพิ่มกำลังการผลิตและการลงทุน ขณะที่อุตสาหกรรมการผลิตในเดือนพ.ย.ขยายตัวเป็นเดือนที่ 2 และดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีพุ่งสูงขึ้น 19% ในปีนี้

อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงาน การแข็งค่าของเงินยูโร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมูลค่า 85,000 ล้านยูโร (127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่เริ่มครบกำหนดหมดอายุ อาจฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ประมาณ 1.2% ในปี 2553 หลังจากที่หดตัว 5% ในปีนี้


ADB เตือนเอเชียระวังเงินไหลเข้า-แนะพัฒนาตลาดพันธบัตร

ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (ADB) เปิดเผยว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว / การแข็งค่าขึ้นอย่างมากของค่าเงิน และอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าในประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออก จะดึงดูดเม็ดเงินจากต่างชาติจำนวนมาก ซึ่งเงินที่ไหลเข้าอาจจะทำลายเสถียรภาพได้

ประเทศเอเชียตะวันออกในที่นี้ หมายรวมถึง จีน ฮ่องกง อินโดนิเซีย เกาหลีใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม

คำกล่าวของ ABD ระบุว่า เงินทุนไหลเข้าเหล่านี้ ประกอบกับสภาพคล่องจำนวนมากในประเทศ นโยบายการเงินที่ยังคงผ่อนคลายอยู่ และอัตราแลกเปลี่ยนที่มีความยืดหยุ่นเพียงเล็กน้อยในภูมิภาคนี้ อาจสร้างความท้าทายสำคัญสำหรับการบริหาร ศก.มหภาค

หนี้ค้างชำระทั้งหมดในตลาดพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่นของประเทศเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออก ได้เพิ่มขึ้น 14.8% สู่ระดับ 4.2 ล้านล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับ Q3/52

อัตราการเพิ่มขึ้นอย่างมากดังกล่าวสะท้อนถึงความต้องการเงินทุน สำหรับโครงการกระตุ้นทางการคลังของรัฐบาล รวมทั้งความต้องการเงินทุนของภาคเอกชนในโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐาย และพลังงาน

นอกจากนี้ ADB ยังได้ผลักดันให้รัฐบาลในเอเชียพัฒนาตลาดพันธบัตรภายในประเทศต่อไป เพื่อลดเม็ดเงินในคลังสำรองที่มีอยู่มากเกินไป

หลังจากที่รัฐบาลนำเงินดังกล่าวไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนต่ำในต่างประเทศ ซึ่งถือเป็นภาวะไร้สมดุลที่มีการกล่าวโทษกันว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดวิกฤตเศรษฐกิจโลก

ปินทุ โลฮานี รองประธานฝ่ายการเงินและจัดการของ ADB กล่าวว่า ตอนนี้มีความจำเป็นที่จะต้องเพิ่มการออกพันธบัตรสกุลเงินท้องถิ่น ตลอดจนการใช้มาตรการต่างๆเพื่อผลักดันให้นักลงทุนสถาบันและต่างชาติเข้ามาซื้อพันธบัตรของเอเชีย และปรับปรุงกรอบนโยบายและการกำกับดูแล เพื่อที่นักลงทุนจะได้มีความสบายใจในการลงทุนในตลาดภูมิภาคเอเชีย ซึ่ง ADB พร้อมที่จะสนับสนุนการดำเนินการดังกล่าว

รองประธานฝ่ายการเงินกล่าวต่อไปว่า ตลาดทุนที่คึกคักเป็นเรื่องที่จำเป็นสำหรับการกระจายการลงทุนเพื่อสนับสนุนการลงทุนในระยะยาวและการรักษาระดับการขยายตัวให้อยู่ในระดับสูงต่อไป ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายและต้องใช้เวลา แต่ ADB คาดหวังว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายนี้ได้


แบงก์จีนเตรียมเพิ่มทุน หลังรัฐออกกฎเข้ม

ธนาคาพาณิชย์ 5 แห่งในจีน ประกอบด้วย 1.Industrial & Commercial Bank of China // 2.China Construction Bank // 3.Bank of China // 4.Agricultural Bank of China // 5. Bank of Communications ต่างวางแผนที่จะเพิ่มทุน หลังจากคณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนได้ปรับกฎเกณฑ์ใหม่ให้มีความเข้มงวดขึ้น เพื่อให้ธนาคารมีความสามารถในการรองรับด้านการเงิน

ธนาคารทั้ง 5 แห่ง ได้ปล่อยสินเชื่อในรอบ 9 เดือน ตั้งแต่ต้นปี คิดเป็นเงิน 4.7 ล้านล้านหยวน (688,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) แม้ว่าสถาบันปล่อยเงินกู้ทั่วโลกจะควบคุมการออกสินเชื่อเพื่อปรับตัวเลขดุลบัญชีธนาคารให้ดีขึ้น จากอัตราการขยายตัวด้านการปล่อยสินเชื่อของจีนทำให้เงินทุนของธนาคารหดหายไปอย่างรวดเร็ว และส่งผลให้ธนาคารมีหนทางจำกัดในการแก้ปัญหาในกรณีที่มูลค่าของสินทรัพย์ปรับตัวลดลง

ธนาคารเหล่านี้ได้คาดการณ์ตัวเลขขาดทุนในปี 2553 เมื่อพิจารณาจากตัวเลขคาดการณ์เงินกู้และเป้าหมายสัดส่วนเงินทุนต่อปี

แบงค์ ออฟ ไชน่า ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ของจีนเผยอยู่ในระหว่างการศึกษาเรื่องแนวทางการเพิ่มเงินทุน เพื่อสร้างความมั่นใจว่า การขยายตัวจะเกิดขึ้นอย่างยั่งยืน ธนาคารอาจจำเป็นต้องระดมทุนประมาณ 1 แสนล้านหยวน หรือ 14,600 ล้านดอลลาร์ เพื่อให้สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ใหม่ของคณะกรรมการกำกับดูแลกิจการธนาคารจีน

ขณะที่คณะกรรมการกำกับดูแลธนาคารจีนได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่ว่า คณะกรรมการได้ผลักดันให้ธนาคารขนาดใหญ่เพิ่มอัตราความพอเพียงของเงินทุนเป็น 13% ในปีหน้า ขณะที่ธนาคารต่างๆจำเป็นต้องจัดทำแผนระยะยาวในเรื่องการเพิ่มเงินทุน ส่วนธนาคารที่มีอัตราเงินทุนต่ำจะต้องเผชิญกับกฎเข้มในด้านการดำเนินการ

อัตราความพอเพียงของเงินทุนของแบงค์ออฟไชน่าร่วงลงมาอยู่ที่ 11.63% เมื่อวันที่ 30 ก.ย.เป็นต้นมา จากระดับสิ้นปีที่แล้วที่ 13.43% หลังจากที่ยอดปล่อยกู้ล็อตใหม่เพิ่มขึ้นแตะ 1.4 ล้านล้านหยวนในช่วง 9 เดือนแรก ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในบรรดาธนาคารในประเทศด้วยกันเอง

องค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาเศรษฐกิจ (OECD) คาดการณ์ว่า ทางการจีนอาจควบคุมการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและเพื่อป้องกันภาวะฟองสบู่ในสินทรัพย์ ขณะที่บีเอ็นพี พาริบาส์คาดว่า ธนาคารพาณิชย์ของจีนอาจมียอดการปล่อยสินเชื่อสูงถึง 7 ล้านล้านหยวนในปี 2553


ออสเตรเลียเล็งช่วยธุรกิจถ่านหิน-ไฟฟ้า

รัฐบาลออสเตรเลียได้เสนอแนวทางในการสนับสนุนกลุ่มผู้ผลิตถ่านหินและไฟฟ้าของประเทศ เพื่อที่แผนการซื้อขายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะได้รับเสียงสนับสนุนจากฝ่ายค้าน

การให้ความช่วยเหลือแก่ธุรกิจและบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะได้รับผลกระทบจากการนำโครงการซื้อขายปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมาใช้จะอยู่ที่ประมาณ 7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือ 6,400 ล้านดอลลาร์

นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียกล่าวในการแถลงข่าวเรื่องการประกาศข้อตกลงนี้ว่า ออสเตรเลียจะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก่อนใครและหนักสุด ดังนั้นความรับผิดชอบในเรื่องนี้คือ การลงคะแนนเสียงเพื่อให้มีการดำเนินการและแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ

บลูมเบิร์กรายงานว่า ข้อเสนอดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีการเจรจาต่อรองระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน ซึ่งนับรวมถึงพรรคลิเบอรัลและเนชั่นแนล

อย่างไรก็ดี เรื่องนี้ยังต้องมีการหารือกันอีกว่าจะให้การสนับสนุนเพื่อปรับเปลี่ยนเนื้อหาใดๆรวมทั้งตัวข้อเสนอหรือไม่

วุฒิสภาออสเตรเลียไม่ได้ให้เสียงสนับสนุนกฎหมายเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศดั้งเดิมที่นายกรัฐมนตรีได้นำเสนอไปเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ออสเตรเลียซึ่งเป็นประเทศที่ส่งออกถ่านหินรายใหญ่สุดของโลกนั้น ได้เสนอให้มีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 5% เหลือ 15% จากระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2543 ในช่วง 10 ปีข้างหน้า

นักกฎหมายบางคนได้หาทางที่จะลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่านี้ ขณะที่นักกฎหมายบางกลุ่มกล่าวว่า แผนการดังกล่าวสร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจของออสเตรเลีย โดยปราศจากการรับประกันว่ากฎมายจะช่วยบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างไร ซึ่งนายกฯออสเตรเลียจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิก 7 รายเพื่อผ่านความเห็นชอบกฎหมายดังกล่าวในวุฒิสภา

ทรูเอ็นเนอร์จี พีทีวาย ซัพพลายเออร์พลังงานเปิดเผยว่า กฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์นั้นถือเป็นหายนะสำหรับเศรษฐกิจในรัฐวิคตอเรีย และอาจจะทำให้อุตสาหกรรมไฟฟ้าย่ำแย่ลง

ทั้งนี้ นายกฯออสเตรเลียต้องการให้มีการอนุมัติแผนการณ์ดังกล่าวก่อนหน้าการประชุมว่าด้วยสภาพอากาศของสหประชาชาติ ที่กรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์กในเดือนหน้า ซึ่งจะมีการออกกฎหมายออกมาเพื่อกำหนดเงื่อนไขในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในปี 2554

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (อังคารที่ 24 พ.ย. 2552)
? GDP (Q3/09) ขยายตัว 2.8% จากไตรมาสก่อนหน้า
? ดัชนีราคาบ้าน (ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 146.51 จุด
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 49.5 จุด

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พุธที่ 25 พ.ย. 2552)
? ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ต.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? รายได้-รายจ่ายส่วนบุคคล (ต.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) โดยมหาวิทยาลัยมิชิแกน
? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
? ยอดขายบ้านใหม่ (ต.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์
? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ โดย EIA

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 10:01:46 AM
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง
(http://img7.imageshack.us/img7/7425/35051150.gif) (http://img7.imageshack.us/i/35051150.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 10:03:24 AM
ดัชนีเงินเมกา
(http://img687.imageshack.us/img687/5263/46707225.gif) (http://img687.imageshack.us/i/46707225.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 10:06:32 AM
น้ำมัน
(http://img410.imageshack.us/img410/4051/89158647.gif) (http://img410.imageshack.us/i/89158647.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 10:33:27 AM
(http://img145.imageshack.us/img145/6263/63630024.gif) (http://img145.imageshack.us/i/63630024.gif/)
 ;)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 10:35:01 AM
(http://img514.imageshack.us/img514/2934/46808224.gif) (http://img514.imageshack.us/i/46808224.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 10:39:08 AM
(http://img16.imageshack.us/img16/3659/11273345.gif) (http://img16.imageshack.us/i/11273345.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 10:39:59 AM
(http://img689.imageshack.us/img689/4874/22926693.gif) (http://img689.imageshack.us/i/22926693.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 11:42:51 AM
ขอบคุณครับ คุณทองใหม่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ   :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:24:48 PM
บทวิเคราะห์ทองคำ (25-11-52)

25 พ.ย. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่ราคาสปอตปรับตัวผันผวนต่อเนื่อง ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 18,350/18,450 บาท เงินบาททรงตัว


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       ผลสำรวจมุมมองผู้บริหารในเยอรมันของสถาบัน IFO แสดงให้เห็นว่าผู้บริหารบริษัทในทุกขั้นตอนของการผลิตสินค้าต่างมีมุมมองต่อเศรษฐกิจและกิจการดีขึ้นเกือบทั้งหมดทั้งในภาคการผลิตและการค้าปลีก ในขณะที่มีภาคการค้าส่ง ภาคการก่อสร้าง และภาคการบริการที่มีมุมมองต่อเศรษฐกิจและกิจการในมุมมองที่ไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง  [CESIfo, TCAF Research]
       รายงานGDPของสหรัฐฯมีการปรับการเติบโตลดลงเหลือเพียง 2.8 ในไตรมาส 2/2552 ตามที่คาด โดยรายละเอียดมีการปรับการใช้จ่ายของผู้บริโภคไม่เกี่ยวกับการสร้างบ้านลดลง ในขณะที่ปรับการใช้จ่ายของภาครัฐเพิ่มขึ้นอีก รายงานดังกล่าวจึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่ยังพึ่งภาครัฐเป็นสำคัญ แต่ก็ยังนับว่าเศรษฐกิจมีการเติบโตขึ้น  [BEA, Econoday, TCAF Research]
       ตัวเลขสุดท้ายของรายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคออกมาดีกว่าที่คาดโดยที่ผู้บริโภคมีความหวังกับเศรษฐกิจในอนาคตที่เริ่มดีขึ้น อย่างไรก็ตามผู้บริโภคยังมีมุมมองลบต่อเศรษฐกิจปัจจุบันอยู่โดยเฉพาะในตลาดแรงงาน [Conference Board, Econoday, TCAF Research]
       รายงานการประชุมแสดงให้เห็นว่าเฟดมองว่าผู้บริโภคน่าจะค่อยๆกลับมาใช้จ่ายได้จากตลาดบ้าน ตลาดหุ้น และตลาดสินเชื่อที่เริ่มดีขึ้นตามลำดับ ในขณะที่ตลาดแรงงานยังยากที่จะฟื้นตัวได้ ทำให้เฟดมองว่าเศรษฐกิจน่าจะฟื้นตัวอย่างช้าๆโดยที่อัตราเงินเฟ้อน่าจะยังอยู่ในระดับต่ำ  [Econoday, TCAF Research]
       หลังจากรายงานต่างๆสร้างความผันผวนให้ราคาทองคำแล้ว นักลงทุนจะจับตามองรายงานยอดการสั่งซื้อสินค้าคงทนและการใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐฯในคืนวันนี้ ก่อนวันหยุดยาวในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ครึ่งวัน
       เมื่อเช้านี้ญี่ปุ่นรายงานยอดการส่งออกเพิ่มขึ้นกว่าเดิมอีกในเดือนตุลาคม ถึงแม้ว่าเยนจะแข็งค่าอย่างรุนแรงมาอย่างต่อเนื่องก็ตาม เป็นการแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นน่าจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและอาจโตเร็วกว่าสหรัฐฯได้ จึงส่งผลให้เยนแข็งค่าต่อไปอีกพร้อมกับดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและราคาทองคำที่ดีดตัวขึ้นไป  [Japan Customs, TCAF Research]




แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าราคาทองคำน่าจะปรับตัวผันผวนรุนแรงกว่าเดิมโดยนักเก็งกำไรน่าจะปิดสถานะในคืนนี้เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัว" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์"




มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯยังมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยการเก็งกำไรทางจิตวิทยาก็ไม่น่าละเลย


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:25:30 PM
Daily Update 25-11-52

25 พ.ย. 2552


Gold Market Comentary

ประเด็นสำคัญ
-   ราคาทองได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่ เกี่ยวกับออปชั่น
-   ดอลล์ร่วงต่ำสุดรอบ 6 สัปดาห์เทียบเยน
-    ดาวโจนส์ปิดลบ 17 จุดหลังเผยข้อมูลศก.ซบเซา
-    ตลาดสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
 

       ตลาดสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดพุ่งขึ้นท่ามกลางภาวะซื้อขายคึกคักมากในวันอังคาร โดยได้แรงหนุนจากแรงซื้อที่เกี่ยวกับออปชั่น และความสนใจของกองทุน และนักลงทุนยังคงมองว่าการปรับตัวลงของทองจะเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ
        นายจอร์จ เกโร จากอาร์บีซีกล่าวว่า ราคาทองได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อที่ เกี่ยวกับออปชั่น หลังการครบกำหนดส่งมอบออปชั่นเมื่อวันจันทร์ และราคาทองยังคง ปรับตัวขึ้นได้ แม้ว่าดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยขณะที่ตลาดหุ้นอ่อนตัวลงก็ตาม        สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์เปิดเผยราคาบ้านในสหรัฐเพิ่มขึ้นในเดือนก.ย. แต่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าคาด ขณะที่สำนักงานการเงินการเคหะของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FHFA) เปิดเผยว่า ราคาบ้านไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนก
     .ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อเทียบกับยูโรและตะกร้าเงิน ขณะที่การ ร่วงลงของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทลดความต้องการเสี่ยง และนักลงทุนลังเลที่จะเข้าลงทุนล็อตใหญ่ก่อนวันหยุดสหรัฐเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าในวันพฤหัสบดีนี้
        กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงในไตรมาส 3 จากที่คาดไว้เดิม โดยเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.8% ในไตรมาส 3  ต่ำกว่าที่ประมาณการณ์ไว้ในเดือนที่แล้วที่ 3.5% 
        Conference Board เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้น แต่แนวโน้มเกี่ยวกับตลาดแรงงานยังคงอ่อนแอ
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,121.457 ตัน ณ วันที่ 23พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 17.93 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
 
       กลยุทธ์:  เล่นตามกระแสเงินที่ไหลเข้าทองให้แนวหยุดขาดทุนไว้ที่แนวระดับราคา 1,154 US$ เพราะถ้าราคาปรับลงมาถึงแนวนี้ได้อาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นทิศทางลงได้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:30:17 PM
ตลาดสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: JO-JO ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:38:48 PM
กราฟตาแป๊ะ  ทองชนเพดานมาตั้งนานแล้วไม่ย่อสักที
คุณทองใหม่ว่าใกล้ย่อยังครับ  ส่วนตัวผมใกล้จะแย่แล้วครับ


 :'(    :'(


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:40:19 PM
ETF
(http://img268.imageshack.us/img268/7719/28676183.gif) (http://img268.imageshack.us/i/28676183.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:42:16 PM
ขอบคุณค่ะพี่ทองใหม่
อยากซื้อทองมากเลยค่ะ
แต่ควรรอย่อก่อนใช่ไหมคะ :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:46:37 PM
กราฟตาแป๊ะ  ทองชนเพดานมาตั้งนานแล้วไม่ย่อสักที
คุณทองใหม่ว่าใกล้ย่อยังครับ  ส่วนตัวผมใกล้จะแย่แล้วครับ


 :'(    :'(
ตามกราฟทองน่าจะลงได้แล้วครับ แต่ผู้คนในตลาดไม่ยอมให้ลง ทำไรได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 12:47:33 PM
ขอบคุณค่ะพี่ทองใหม่
อยากซื้อทองมากเลยค่ะ
แต่ควรรอย่อก่อนใช่ไหมคะ :)
ผมเองก็ไม่มีทอง ซื้อตอนนี้เสี่ยงสูงครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: โซ่ข้อกลาง ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 03:30:44 PM
สวัสดีครับคุณทองใหม่ ผมเพิ่งจะสมัครครั้งแรก แต่ติดตามการวิเคราะห์ของคุณทองใหม่มาประมาณปีกว่า ๆ แล้ว
ผมเล่นทองมาได้ประมาณปีกว่า ๆ แต่ยังติดลบอยู่เลย มีจังหวะจะเอาคืนได้ก็ไม่กล้า สับสนไปหมดจนรู้สึกว่าที่อ่านจากตำรามาเป็นปีสุดท้ายเหมือนไม่รู้อะไรเลย
จะทำยังไงกับชีวิตดีครับเนี่ย


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 04:01:21 PM
สวัสดีครับคุณทองใหม่ ผมเพิ่งจะสมัครครั้งแรก แต่ติดตามการวิเคราะห์ของคุณทองใหม่มาประมาณปีกว่า ๆ แล้ว
ผมเล่นทองมาได้ประมาณปีกว่า ๆ แต่ยังติดลบอยู่เลย มีจังหวะจะเอาคืนได้ก็ไม่กล้า สับสนไปหมดจนรู้สึกว่าที่อ่านจากตำรามาเป็นปีสุดท้ายเหมือนไม่รู้อะไรเลย
จะทำยังไงกับชีวิตดีครับเนี่ย
ค่อยๆศึกษา ที่สำคัญต้องใจเย็นๆครับ ลองเล่นกับตัวเอง คือไม่ไม่ต้องซื้อขายจริง ...ในราคานี้ หากเราซื้อ....ผลปรากฏกำไรหรือขาดทุน ..ค่อยๆเรียนรู้ไปอย่างนี้ครับ สักวันก็จะมีความสามารถที่จะทำกำไรได้เองครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: โซ่ข้อกลาง ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 04:04:46 PM
ขอบคุณมาก ๆ ครับคุณทองใหม่


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 04:52:48 PM
กราฟปากถุงเงินเมกา-----คิดว่าเงินเมกาลงถึงจุดต่ำมากแล้ว ต้องคอยคืนนี้ตลาดเมกาเปิด หากปัจจัยพื้นฐานต่างๆของเมกาออกมาดี เงินเมกาก็จะดีดขึ้น ทองก็จะลง เป็นการคาดการณ์เท่านั้นเองนะครับ ทั้งนี้และนั้นต้องดูว่าเงินเมกาจะดีดขึ้นหรือไม่จ้า(http://img694.imageshack.us/img694/3232/88379254.gif) (http://img694.imageshack.us/i/88379254.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: JO-JO ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 06:16:38 PM
ขอบคุณ คุณทองใหม่ครับ

ช่วงนี้ให้ข้อมูลเยอะเลย เป็นประโยชน์มาก ๆ ครับ

รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

 :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ พฤศจิกายน 25, 2009, 06:18:59 PM
ขอบคุณคุณทองใหม่มากนะคะ อาการเป็นอย่างไรบ้างคะ ขอให้หายสนิทไวไวนะคะ ^-^


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 06:38:08 AM
ทิศทางทองวันที่ 26/11/2009 
ต้าน๓ 1235.75.......xx
ต้าน๒ 1209.75
ต้าน๑ 1200.84
เส้นแดน 1183.75
หนุน๑ 1174.84
หนุน๒ 1157.75
หนุน๓ 1131.75??.xx
 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 06:41:39 AM
เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้  
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

(http://img16.imageshack.us/img16/1986/57999810.gif) (http://img16.imageshack.us/i/57999810.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 06:43:25 AM
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2  ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า  หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

(http://img690.imageshack.us/img690/3708/60373450.gif) (http://img690.imageshack.us/i/60373450.gif/)
ภาพเล็กไปหน่อย ให้คิ๊กที่ภาพ จะมีหน้าต่างเกิดใหม่ ภาพยังเท่าเดิม ให้คิ๊กที่ภาพอีกครั้ง ภาพจะใหญ่ขึ้นครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 06:48:23 AM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

(http://img16.imageshack.us/img16/5569/10647541.gif) (http://img16.imageshack.us/i/10647541.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 07:39:21 AM
ส่งการบ้านด้วย อิ อิ

ลักษณะแบบนี้ ขึ้นทุกเส้น ราคามีโอกาสผันผวน ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ทุกเมื่อ ถ้าราคาย่อลงต่ำเมื่อไหร่ สามารถเข้าซื้อได้ แต่ให้ทยอยเข้า โดยต้องสังเกตุจากเส้นกลางที่เป็นแนวโน้มหลักหากยังชี้ขึ้นก็เข้าได้ แต่ถ้าสังเกตุเส้นบนเริ่มขวางเมื่อไหร่ให้ทยอยขายออกบ้างเพื่อทำกำไร แบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ  !54

โดยปกติแล้วถูกต้องครับ แต่ดัชนีเงินเมกาลงต่ำมากแล้วครับ เมื่อคืนดัชนีเงินเมกาปิดตลาดที่74.00 เมื่อเช้านี้เปิดตลาดเปิดสูง74.27 ขณะนี้อยู่ที่74.30.......


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 07:43:06 AM
ETFซื้อทองเพิ่มอีกแล้วครับท่าน
(http://img402.imageshack.us/img402/1584/93051027.gif) (http://img402.imageshack.us/i/93051027.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 08:00:47 AM
เมื่อคืนETFซื้อทองเพิ่ม+มีข่าวว่าอินเดียอาจจะซื้อทองส่วนที่ยังคงเหลือของIMF เลยทำให้ทองขึ้นต่อครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 08:18:23 AM
อ้าว ไหงงั้นล่ะคะ  !ahh !ahh !064 !064 555555555555555
เพื่อความสวัสดีภาพ ทะยอยปล่อยบางส่วนได้ครับ หากขึ้นต่อ เราอาจกำไรน้อยลงหน่อย แต่ก็ปลอดภัยพอมีความสุขได้  อย่าลืมคำนี้----ยากที่จะขายได้ในราคาสูงสุด และซื้อได้ในราคาต่ำสุดครับ ให้พิจารณาเองนา เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นเองนะครับ
ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำ
ยินดีครับ อย่างที่เคยบอกไว้ ทองช่วงนี้เล่นยากจริงๆ ดูกราฟภาพใหญ๋--ทองได้เวลาที่จะลง ดูภาพเล็ก อย่างกราฟ๔ชม.ปากถุงเป็นต้น ทองยังขึ้นต่อได้ครับ ดูโพลของเวปจีน---ทองก็ยังมีแรงขึ้นต่อครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 10:40:53 AM
GDP อังกฤษติดลบน้อยลง - เชื่อ Q4 พลิกเป็นบวกแน่

Posted on Thursday, November 26, 2009
ตัวเลขเศรษฐกิจดันหุ้นบวก ขณะที่ราคาทองยังมุ่งหน้าสู่ 1,200 เหรียญ

ในขณะที่หุ้นเอเชียตอบรับข่าวดีกับตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นที่สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของดีมานด์ในตลาดภูมิภาค และรวมถึงความเห็นทางด้านบวกของผู้บริหารธนาคารกลางออสเตรเลีย ทางด้านสหรัฐฯ เอง เมื่อคืนนี้ก็มีการเปิดเผยถึงตัวเลขยอดขายบ้าน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และการขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงาน ที่ทั้งหมดล้วนออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ถือเป็นการตอกย้ำมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมื่อวันก่อนได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าขึ้นมาอยู่ในช่วง 2.5 ? 3.5% จากเดิม 2.1 ? 3.3% ซึ่งเฟดก็ได้ระบุด้วยว่า ยังสามารถรับได้กับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

และไม่ใช่เพียงแค่ตลาดหุ้นที่บวกรับข่าวเศรษฐกิจเท่านั้น เมื่อคืนนี้ทั้งพันธบัตรและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็บวกขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะราคาทองคำที่บวกทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อแรงซื้อสินทรัพย์ทางเลือกนี้ทำให้ราคาวิ่งขึ้นไปแตะ 1,189 เหรียญต่อออนซ์ที่ตลาดนิวยอร์ก

เทรดเดอร์ทองรายหนึ่งมองว่า เป็นเพราะออเดอร์ซื้อที่มาจากธนาคารกลางมีเข้ามามาก และยังไม่นับรวมถึงความต้องการจากบรรดาเฮดจ์ฟันด์ จนทำให้ราคาถูกดันขึ้นมาจนถึงขนาดนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าราคาน่าจะบวกได้ถึง 1,200 เหรียญก่อนสิ้นปี

ในขณะเดียวกัน ทางด้านราคาน้ำมันก็บวกได้เกือบ 2 เหรียญ ขึ้นมาที่ 78 เหรียญต่อบาร์เรล หลังจากรายงานทางเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาดและปัจจัยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดพันธบัตร นักลงทุนยังแสดงความสนใจด้วยเช่นกัน หลังเฟดแสดงทีท่าจะคงดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะ และทำให้ความต้องการประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปี ที่มีวงเงินสูงถึง 32,000 ล้านเหรียญเมื่อคืนนี้ ออกมาดีกว่าคาด

อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยังมีแรงกดดันมาจากความเสี่ยงในภาคธนาคาร เมื่อมีข่าวว่าบริษัทลงทุนของรัฐบาลดูไบ อย่าง Dubai World กำลังดิ้นรนกับหนี้ที่แบกอยู่ถึง 59,000 ล้านเหรียญ และกำลังมีแผนที่จะขอชำระคืนหนี้ล่าช้าออกไป แม้ว่าธนาคารใน Abu Dhabi จะยื่นมือช่วยด้วยการให้เงินสนับสนุนจำนวน 5,000 ล้านเหรียญแล้ว


GDP อังกฤษติดลบน้อยลง - เชื่อ Q4 พลิกเป็นบวกแน่

ตัวเลขภาคบริการที่ดีขึ้นทำให้สำนักงานสถิติของอังกฤษปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่แล้ว จากที่เคยติดลบ 0.4% ในการประกาศครั้งก่อน ลงมาเหลือติดลบ 0.3% ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ตลาดคาด

ล่าสุดธนาคารกลางอังกฤษก็ประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศน่าจะหลุดพ้นจากสภาวะถดถอยได้ในไตรมาสนี้ และจะขยายตัวได้ 2.2% ในปีหน้า ก่อนที่จะเร่งตัวขึ้นเป็น 4.1% ในปี 2011

แต่กว่าที่สถานการณ์จะดูดีขึ้นได้เหมือนในตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ BOE กระหน่ำลดดอกเบี้ยจนลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 0.5% และหลังจากนี้ยังมีแผนควักเงินซื้อพันธบัตรเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องช่วยเศรษฐกิจ ด้วยวงเงินอีก 200,000 ล้านปอนด์

ภาพรวมที่สดใสนี้ ยังจะเห็นได้จากอัตราการว่างงานเดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้นช้าที่สุดในรอบ 18 เดือน พร้อมกับตัวเลขยอดค้าปลีกที่ขยับขึ้นเป็นเดือนที่สอง ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุดขยับมาอยู่ที่ 1.5% ขณะธนาคารกลางตั้งเป้าว่าจะดูแลไม่ให้เกินระดับ 2%

สำหรับภาคธนาคารของอังกฤษเองนั้น บางส่วนก็ยังง่วนอยู่กับ การหาเงินมาฟื้นฟูฐานเงินทุนของตน หลังจากรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือสองสถาบันการเงินชั้นนำ อย่าง RBS หรือ Royal Bank of Scotland Group และ Lloyds Banking Group ในปี 2008 โดยรายหลังก็บอกเมื่อวันก่อนว่า กำลังวางแผนที่จะเพิ่มทุนถึง 13,400 ล้านปอนด์ ซึ่งเรียกว่าเป็นการออกเสนอขายหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดของประเทศเลยทีเดียว

ทางด้านภาคธุรกิจ ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นสำหรับเม็ดเงินจับจ่ายของผู้บริโภค โดยผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อันดับสาม J Sainsbury สามารถโชว์กำไรครึ่งปีแรกได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่วน John Lewis Partnership เจ้าของดีพาร์ทเมนท์สโตร์ชื่อเดียวกันและบริหารซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ออกมาบอกว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 15% ในสัปดาห์ที่แล้ว

สำหรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของประเทศโดยรวมก็สามารถยืนอยู่ที่เดิมได้ในไตรมาสสาม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีครึ่งที่ตัวเลขไม่ปรับตัวลง


ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีร่วงหลังวิตกว่างงาน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากผู้บริโภควิตกว่าอัตราว่างงานจะยังคงพุ่งสูง ขณะที่รายได้ยังคงลดลง

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม ซึ่งได้จากการสำรวจความคิดเห็นล่วงหน้าโดยกลุ่มวิจัยตลาด GfK ลดลงแตะ 3.7 จุด จากระดับ 4.0 จุดในเดือนพฤศจิกายน

ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีได้ปรับตัวลดลงในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภควิตกว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันรายได้ก็มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าที่ทรงตัวแสดงให้เห็นว่าแรงซื้อของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับดีอยู่

ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจประจำเดือนพ.ย.ของเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน สูงกว่าการคาดการณ์และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 หลังจากรัฐบาลเยอรมนีใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 85,000 ล้านยูโร (127,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย

สถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี ซึ่งได้จากการสำรวจความเห็นผู้บริหารราว 7,000 คน ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 91.9 ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 93.9 ในเดือนพ.ย.

อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงาน การแข็งค่าของเงินยูโร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมูลค่า 85,000 ล้านยูโร (127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่เริ่มครบกำหนดหมดอายุ อาจฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า

นอกจากนี้ รัฐบาลได้ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ประมาณ 1.2% ในปี 2553 หลังจากที่หดตัว 5% ในปีนี้


ข้าราชการตุรกีหยุดงานประท้วงร้องขึ้นค่าจ้าง

ข้าราชการหลายแสนคนทั่วตุรกีหยุดงานประท้วงในเมื่อวานนี้ เพื่อเรียกร้องขอขึ้นค่าแรง ส่งผลให้การคมนาคมขนส่งสาธารณะหยุดชะงัก สำนักงานไปรษณีย์ต้องปิดให้บริการ และโรงพยาบาลหลายแห่งจำต้องให้บริการเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน

ซาลิม อัสลู ประธานสหภาพการค้าภาคสาธารณะ กล่าวว่า รัฐบาลควรแก้กฎหมายแรงงานให้ได้มาตรฐานขององค์การแรงงานสากล พร้อมกับเผยว่า มีการสนับสนุนให้มีการผละงานในเมืองหลักๆของประเทศ อาทิ อิสตันบูล อิซเมียร์ และอังการา เป็นต้น

ประธานสหภาพแรงงาน กล่าวว่า กลุ่มแรงานหวังว่าประชาชนจะเข้าใจในการกระทำดังกล่าว เพราะในท้ายที่สุดแล้ว การหยุดงานประท้วงมีเป้าหมายที่จะช่วยให้สามารถให้บริการพวกประชาชนได้ดียิ่งขึ้น


มาเลเซียคงดอกเบี้ยที่ 2% มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ

ธนาคารกลางมาเลเซียประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ

ธนาคารกลางมาเลเซียได้ตัดสินใจคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมนานต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และการคงดอกเบี้ยดังกล่าวยังสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2547

ทั้งนี้ การที่ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือนต.ค.ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งช่วยให้ธนาคารกลางสามารถคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปได้

ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียและอินเดียเริ่มยุติมาตรการกระตุ้นภาคการเงินเพื่อเตรียมรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ

อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางมาเลเซียระบุว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางมาเลเซียในปัจจุบันมีความเหมาะสมและจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์จากบริษัทแคปิตอล อีโคโนมิกส์ จำกัดในลอนดอน กล่าวว่า "จากสถานการณ์ภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อในมาเลเซียจะช่วยปูทางให้ธนาคารกลางมาเลเซียคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปี 2553 ขณะที่สต็อกสินค้าสำรองที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่เหลือเฟือ ดังนั้น ประเด็นด้านเงินเฟ้อจึงยังไม่น่าจะสร้างปัญหาต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะนี้"

วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในมาเลเซียเริ่มคลี่คลายลงเมื่อช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวซึ่งได้ช่วยกระตุ้นรายได้ในกลุ่มผู้ส่งออก ขณะเดียวกันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ก็ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมก่อสร้าง

อย่างไรก็ตาม จากยอดขายสินค้าต่างประเทศที่ตกต่ำลงในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ดีมานด์ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่แข็งแกร่ง


เวียดนามลดค่าเงินดองลงสกัดเงินเฟ้อ

ธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดค่าเงินดอง โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ค่ากลางของเงินดองลดลงราว 5.2% แตะที่ระดับ 17,951 ดอง/ดอลลาร์

นอกจากนี้ ธนาคารกลางเวียดนามประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% เป็น 8% จากเดิมที่ระดับ 7% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 เดือน โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งเงินเฟ้อ พร้อมกับประกาศลดช่วงการซื้อขายเงินดองลงสู่ระดับ 3% จากเดิมที่ระดับ 5% โดยให้มีผลในวันพรุ่งนี้

ในปีที่แล้ว เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 6.2% ขณะที่อัตราการปล่อยสินเชื่อในรอบ 10 เดือนซึ่งสิ้นสุดในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะ 33% ซึ่งมากกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 30%

สัญญาณที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อขยายตัวอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ธนาคารกลางเวียดนามตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.35% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.

ดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 6% ภายในปลายปีนี้ ตามคาดการณ์ของรัฐบาล


อุตสาหกรรมจีนหวั่นวิกฤติก๊าซรุนแรงในฤดูหนาว

บริษัทพลังงานของจีน จะลดการจ่ายก๊าซในแก่ภาคอุตสาหกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงต่อการที่ต้องลงการจ่ายก๊าซให้แก่ภาคครัวเรือนในฤดูหนาว

การขาดแคลนอาจเริ่มขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งมีหิมะตกหนักและเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติในภาคเหนือของจีน ทำให้ Demand เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ ปิโตรไชน่า ผู้จำหน่ายก๊าซชั้นนำของจีน ต้องเปลี่ยนเส้นทางการจ่ายก๊าซ โดยบริษัทมีแผนว่าจะลดปริมาณการจ่ายก๊าซให้แก่ผู้ใช้ภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือของจีนเป็นครั้งที่ 2 จำนวน 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณก๊าซลดลงอีก 10%

ผลจากการขาดแคลนก๊าซต่างๆ ทำให้บริษัทลดการจ่ายก๊าซให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆในตะวันตกเฉียงใต้ และแถบตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการที่โรงงานอุตสาหกรรมจะต้องปิดตัวลงมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการผลิต และทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น

ความต้องการก๊าซจะแตะระดับสูงสุดในเดือน ธ.ค. และ ม.ค. นั้น ทำให้มีการคาดว่าการขาดแคลนก๊าซจะมีปริมาณ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ในภาคเหนือของจีน และ 5-6 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ในภาคใต้


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พุธที่ 25 พ.ย. 2552)
? ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ต.ค.) ลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า
? รายได้ส่วนบุคคล (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.2%จากเดือนก่อนหน้า
? รายจ่ายส่วนบุคคล (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.7%จากเดือนก่อนหน้า
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 67.4 จุด
? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 466,000 ราย
? ยอดขายบ้านใหม่ (ต.ค.) อยู่ที่ 430,000 ยูนิต
? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 10:46:36 AM
ค่าเงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าสุดรอบ1ปี 
 วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:39

เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.10/11 ปรับตัวแข็งค่าสุดในรอบ 1 ปี

นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.10/11 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.15/20 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามค่าเงินสกุลอื่นที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์
         
"(เงินบาท)เปิดตลาดเช้านี้แข็งค่ามากสุดในรอบปี" นักบริหารเงิน กล่าว
         
เนื่องจากตลาดมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็ว หลังการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ในเดือน ต.ค.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.2% ซึ่งเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้

สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศ เงินเยนอยู่ที่ 87.28 เยน/ดอลลาร์ ปรับตจัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 87.43 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.5126 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 1.5017 ดอลลาร์/ยูโร
         
นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.05-33.20 บาท/ดอลลาร์



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Cindy ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 10:52:41 AM
ขอบคุณค่ะอาจารย์ เมื่อวานตัดสินใจเข้าน้องกิมไปนิดหน่อยพอหายอยาก
ออกหัวหรือก้อยก็ต้องลุ้นกันต่อไป ดูตอนนี้ก็หัว แต่ก็ยังกลัว ๆ อยู่ค่ะ :-\


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 11:41:35 AM
สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สและราคาทองคำสปอตยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สกลับมาเป็นพรีเมียมรุนแรงอีกครั้ง ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 18,450/18,550 บาท เงินบาทแข็งค่า


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       รายงานเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐฯออกมามีทิศทางค่อนข้างไม่ชัดเจน โดยที่สหรัฐฯรายงานยอดการขายบ้านใหม่เพิ่มสูงขึ้นและมีแรงงานที่ได้รับประกันสังคมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงกว่าเดิม เป็นการชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่อาจฟื้นตัวได้อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามสหรัฐฯยังได้รายงานว่าบริษัทต่างๆมียอดการสั่งซื้อเครี่องจักรลดลงกว่าเดิมซึ่งผิดจากการคาดการณ์ว่าน่าจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับรายงานการใช้จ่ายผู้บริโภคยังแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังได้รับค่าจ้างเงินเดือนเท่าเดิม รายงานทั้งหมดที่ออกมาจึงได้เพียงแต่สร้างความผันผวนให้กับค่าเงินและราคาทองคำเท่านั้น  [Econoday, TCAF Research]
       กองกษาปณ์สหรัฐฯรายงานว่ามีการหยุดขายเหรียญทองคำเพื่อการสะสมและการลงทุนเนื่องจากมีความต้องการมากจนผลิตไม่ทัน เป็นการแสดงให้เห็นว่ารายย่อยยังให้ความสนใจในการลงทุนทองคำอยู่ถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากปัญหาเศรษฐกิจและราคาทองคำอยู่ในระดับสูงมากก็ตาม รายงานดังกล่าวจึงเปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรผลักดันราคาเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง  [Reuters, TCAF Research]
       ยังมีข่าวเรื่องธนาคารกลางต่างๆสนใจซื้อทองคำเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากศรีลังกา อินเดีย รัสเซีย และประเทศอื่นๆในเอเชียที่นักเก็งกำไรได้ใช้มาเป็นข้ออ้างในการผลักดันราคา ถึงแม้ว่าความสนใจดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้เลยก็ตามเนื่องจากประเทศต่างๆที่พูดถึงนี้มีการซื้อทองคำเก็บอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว  [Reuters, TCAF Research]
       ตลาดสหรัฐฯหยุดทำการในวันนี้ และเปิดทำการครึ่งวันพรุ่งนี้ เนื่องในเทศกาล Thanksgiving จึงอาจทำให้มีการซื้อขายทองคำในตลาดโลกเบาบางได้ อย่างไรก็ตามนักเก็งกำไรจะจับตามองรายงานการจับจ่ายของผู้บริโภคในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่าตลาดค้าปลีกจะคึกคักมากขึ้นหรือไม่ รวมทั้งอาจมีรายงานว่าผู้บริโภคใช้จ่ายซื้อสินค้าประเภทใดในช่วงเทศกาล


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าราคาทองคำปัจจุบันน่าจะได้รับแรงผลักดันหลักจากการเก็งกำไรเราจึงคาดว่า "ราคาทองคำอาจมีการปรับตัวรุนแรงได้ในไม่ช้า" และแนะนำให้ "หาโอกาสลดสถานะการถือครอง และหยุดรอดูสถานการณ์"


มุมมองทองคำ
ปัจจัยการเก็งกำไรทางจิตวิทยาน่าจะมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆก็ไม่น่าละเลย


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 11:44:59 AM
Daily Update 26-11-52

26 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary


ประเด็นสำคัญ
-          ทองทำสถิติสูงสุดหลังดอลล์ร่วง 1,195.03 US$
-          ดอลล์ร่วงต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเทียบยูโร
-          น้ำมันดิบปิดพุ่งรับดอลล์ร่วงหลังเผยข้อมูลสต็อก 
-          ตลาดสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
 

      ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,180 ดอลลาร์/ ออนซ์ในวันพุธ ในขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดีขึ้น อิงตามการอ่อนค่าของดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น และรายงานที่ว่า อินเดียอาจจะซื้อทองมากขึ้นจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)
        ทองได้รับแรงหนุน ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงจากทัศนะแง่บวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจอิงตามข้อมูลตัวเลขการจ้างงานที่ดีขึ้นและการปรับตัวขึ้นของการบริโภคส่วนบุคคล
ดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 15 เดือนเมื่อเทียบกับตะกร้าเงินในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า การลดลงของดอลลาร์เป็นไปอย่างมีระเบียบ และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เทรดเดอร์กล่าวว่า การร่วงลงของดอลลาร์รุนแรงขึ้น หลังธนาคารกลางรัสเซียกล่าวว่า จะใช้ทุนสำรองบางส่วนเพื่อซื้อดอลลาร์แคนาดา ซึ่งเป็นการตอกย้ำการดำเนินการของธนาคารกลางในการกระจายทุนสำรองออกจากดอลลาร์
        ดัชนีความผันผวน (VIX) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนโดยแตะระดับต่ำสุดที่ 20.05 ก่อนปิดตลาดที่ 20.48 เพิ่มขึ้นเพียง 0.05%
        การเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนต.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐได้รับการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.แต่ยังคงลดลงจากเดือนต.ค.
        ข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวกดังกล่าวได้บดบังรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่ลดลงเกินคาดในเดือนต.ค.
        กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,127.860 ตัน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 24.341 ตัน หรือ 2.205 % จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
         กลยุทธ์ :  เล่นตามกระแสเงินที่ไหลเข้าทองให้แนวหยุดขาดทุนไว้ที่แนวระดับราคา 1,170 US$ เพราะถ้าราคาปรับลงมาถึงแนวนี้ได้อาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นทิศทางลงได้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 01:07:57 PM
ขอบคุณคุณทองใหม่นะคะ แบบนี้น่าเข้าเพิ่มนะคะ angel.gif


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 01:12:09 PM
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง
(http://img524.imageshack.us/img524/5092/28148235.gif) (http://img524.imageshack.us/i/28148235.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 01:14:51 PM
ดัชนีเงินเมกา
(http://img524.imageshack.us/img524/999/35803079.gif) (http://img524.imageshack.us/i/35803079.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 01:15:16 PM
ดัชนีเงินเมกา
(http://img524.imageshack.us/img524/999/35803079.gif) (http://img524.imageshack.us/i/35803079.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 01:18:27 PM
น้ำมัน
(http://img42.imageshack.us/img42/1847/80774606.gif) (http://img42.imageshack.us/i/80774606.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 01:23:22 PM
ขอบคุณครับคุณทองใหม่


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 02:25:44 PM
รบกวนคุณทองใหม่ครับ แป๊ะ ยิ้ม นี้ให้เข้า หรือ ออก ครับ    ขอบคุณครับ !01 !01 !01
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินแป๊ะยิ้ม--คือทองอยู่ในทิศทางขึ้นอยู่ครับ แต่รายการนี้ให้ดูแท่งสีเขียวได้ปรากฏขึ้นแล้ว นั่นคือจุดเพดานครับ และเส้นสีแดงสองเส้นก็อยู่สูงใกล้กับจุดเพดาน นั่นหมายความว่า ให้ระวังกราฟอาจเปลี่ยนหน้าเป็นร้อง(ขาลง)ไห้ได้ทุกเมื่อครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 02:36:00 PM
 ;)ขอบคุณค่ะพี่ทองใหม่


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 02:47:41 PM
รูปพรรณพุ่ง19,150บาทแล้ว 
 วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:46

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์จากข่าวอินเดียเล็งซื้อทองเพิ่มจาก IMF

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,187.00 ดอลลาร์/ออนซ์ พุ่งขึ้น 21.20 ดอลลาร์ เคลื่อนตัวในช่วง 1,166.80-1,189.40 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.768 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 31.30 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ดีดขึ้น 5.35 เซนต์ ปิดที่ 3.197 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,479.50 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 35.70 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 370.95 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 1.70 ดอลลาร์

นักวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมทองคำของสหรัฐกล่าวว่า นักลงทุนแห่เข้าซื้อสัญญาทองคำหลังจากหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล โครนิเคิลรายงานว่า ธนาคารกลางอินเดียจะซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟเพิ่มขึ้นอีก หลังจากเข้าซื้อไปแล้วในปริมาณ 200 ตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา นอกจากนี้ นักลงทุนยังเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อหลังจากรัฐบาลทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

นอกเหนือจากธนาคารกลางอินเดียแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 ตันจากไอเอ็มเอฟ มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางศรีลังกายังวางแผนเข้าซื้อทองคำด้วย(ซื้อไปแล้วครับ10ตันเช้ามืดวันนี้ครับ----ทองใหม่อ่านจากเวปจีนจ้า) ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่าจะมีธนาคารกลางแห่งอื่นๆเริ่มหันมากระจายความเสี่ยงด้วยการนำเม็ดเงินในทุนสำรองออกมาซื้อทองคำ
สัญญาทองคำยังคงได้รับแรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง โดยดัชนี U.S. Dollar Index ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของสกุลเงินหลักๆ 6 สกุลเงิน ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน

ตลาดทองคำนิวยอร์กจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีที่ 26 พ.ย.เนื่องในวัน Thanksgiving (วันขอบคุณพระเจ้า) และจะเปิดทำการเพียงครึ่งวันในวันศุกร์ที่ 27 พ.ย.นี้

สำหรับราคาทองคำในประเทศ ประจำวันที่ 26 พ.ย. 2552 ตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ราคาทองคำแท่งรับซื้อบาทละ18,650 ขายออกบาทละ18,750 ทองรูปพรรณรับซื้อบาทละ 18,373.92ขายออกบาทละ19,150 บาท



หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 03:20:48 PM
ส่งการบ้านด้วย อิ อิ

ลักษณะแบบนี้ ขึ้นทุกเส้น ราคามีโอกาสผันผวน ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ทุกเมื่อ ถ้าราคาย่อลงต่ำเมื่อไหร่ สามารถเข้าซื้อได้ แต่ให้ทยอยเข้า โดยต้องสังเกตุจากเส้นกลางที่เป็นแนวโน้มหลักหากยังชี้ขึ้นก็เข้าได้ แต่ถ้าสังเกตุเส้นบนเริ่มขวางเมื่อไหร่ให้ทยอยขายออกบ้างเพื่อทำกำไร แบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ  !54

โดยปกติแล้วถูกต้องครับ แต่ดัชนีเงินเมกาลงต่ำมากแล้วครับ เมื่อคืนดัชนีเงินเมกาปิดตลาดที่74.00 เมื่อเช้านี้เปิดตลาดเปิดสูง74.27 ขณะนี้อยู่ที่74.30.......

ดอลจะตกไปถึงเมื่อไหร่คะเนี่ย  :(


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 03:48:28 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

([url]http://img16.imageshack.us/img16/5569/10647541.gif[/url]) ([url]http://img16.imageshack.us/i/10647541.gif/[/url])


(http://img262.imageshack.us/img262/9479/33510690.gif) (http://img262.imageshack.us/i/33510690.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 04:12:04 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

([url]http://img16.imageshack.us/img16/5569/10647541.gif[/url]) ([url]http://img16.imageshack.us/i/10647541.gif/[/url])


([url]http://img262.imageshack.us/img262/9479/33510690.gif[/url]) ([url]http://img262.imageshack.us/i/33510690.gif/[/url])


(http://img130.imageshack.us/img130/7439/39062271.gif) (http://img130.imageshack.us/i/39062271.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 04:35:33 PM
!_cd !_cd !_cd

 เอา งัย ดี เข้า เพิ่ม หรือ รีบ ถอย ก่อน ติด ดอย ดี เนี่ย

รบ กวน อาจารย์  ช่วย ที

 !031 !031 !031
น้ำหนักข่าว--ทองขึ้น กับน้ำหนักกราฟ--ทองน่าลงปรับฐานใหม่  พอๆกันครับ ต้องดูว่าฝ่ายไหนมีแรงมากกว่ากัน สามารถลากอีกฝ่ายตามไปได้จ้า


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: JO-JO ที่ พฤศจิกายน 26, 2009, 08:11:56 PM
ขอบคุณครับ คุณทองใหม่

จีนเริ่มคิดว่าทองจะลงมาอีกแล้วครับ

 :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 06:28:30 AM
 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ
(http://img301.imageshack.us/img301/6738/62424653.gif) (http://img301.imageshack.us/i/62424653.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 06:30:17 AM
เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้  
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

(http://img69.imageshack.us/img69/5978/23976428.gif) (http://img69.imageshack.us/i/23976428.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 06:32:23 AM
กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2  ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า  หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

ภาพเล็กไปหน่อย ให้คิ๊กที่ภาพ จะมีหน้าต่างเกิดใหม่ ภาพยังเท่าเดิม ให้คิ๊กที่ภาพอีกครั้ง ภาพจะใหญ่ขึ้นครับ
(http://img137.imageshack.us/img137/4082/84828970d.gif) (http://img137.imageshack.us/i/84828970d.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 06:42:04 AM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

(http://img69.imageshack.us/img69/595/86826193.gif) (http://img69.imageshack.us/i/86826193.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 07:28:01 AM
ส่งการบ้าน การบ้านวันนี้ค่อนข้างยากจัง ตีโจทย์ข้อล่าง ๆ ไม่แตกฉานเลยค่ะ

เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว

จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น

เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น     เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น 

ดูเส้นสีม่วง หันหัวลง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย   

ครับ ทั้งกราฟปากถุงและกราฟตัวใหม่ ทิศทางล้วนยังไม่แน่นอน  แต่ก็ยังอยู่ในทิศทางขึ้นอ่อนๆอยู่ครับ ต้องคอยดูการเปลี่ยนแปลงในกาลต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 08:27:28 AM
!023 รบกวนขอความเห็นหน่อยคับ คุนทองใหม่ว่า ดูไบ ถังแตกนี่.. น่าจะส่งผลแบบไหนกะทองคับ

 !54  ตามสถิติ ถ้าจำไม่ผิดตอนมีข่าวธนาคารเจ๊ง.. ทองขึ้นรึป่าวคับ?
ส่งผลแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้ครับ ทำให้ดัชนีเงินเมกาแข็งค่าขึ้นหน่อย และทองคำเมื่อวานนี้ก็ขึ้นไปที่1195 แต่เนื่องด้วยเกรงใจดัชนีเงินเมกาที่ดีดขึ้น เลยลงมาที่118กว่าครับ
ธนาคารเจ๊ง ทองขึ้นเพราะเป็นแหล่งลี้ภัย แต่ก็ต้องดูว่าธนาคารอะไร มีความหมายต่อเศรษฐกิจโลกอย่างไร.............


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 08:35:07 AM
สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่  :)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: sue662 ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 09:11:34 AM
อรุณสวัสดิ์ คุณทองใหม่ค่ะ แอบดีใจทองลงมา แต่นิดเดียวเอง เรียนถามค่ะ ราคาทองแม้จะหลุดอวกาศ แต่มันจะต้องมาเข้าตามทฤษฎี อยู่ดีมั๊ยคะ ไม่งั้นเค้าจะมีคลื่น ฟีโบต่างๆ ตั้งนานได้อย่างไรมั๊ยคะ ขอบพระคุณค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 09:28:43 AM
อรุณสวัสดิ์ คุณทองใหม่ค่ะ แอบดีใจทองลงมา แต่นิดเดียวเอง เรียนถามค่ะ ราคาทองแม้จะหลุดอวกาศ แต่มันจะต้องมาเข้าตามทฤษฎี อยู่ดีมั๊ยคะ ไม่งั้นเค้าจะมีคลื่น ฟีโบต่างๆ ตั้งนานได้อย่างไรมั๊ยคะ ขอบพระคุณค่ะ
ตามหลักมันก็ต้องเป็นอย่างนั้นครับ ช่วงนี้ที่ทองขึ้น สาเหตุใหญ่มาจากธนาคารกลางนานาประเทศคิดซื้อทองและบางส่วนก็ซื้อแล้ว มาเป็นทุนสำรองแทนเงินเมกา จึงทำให้ทองลงยากขึ้นง่าย ........ปวดหัวสำหรับคนที่ไม่มีทองและคนที่เล่นทองขาลงครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 10:03:59 AM
มูดีส์และ S&P ลดเครดิต ?ดูไบ? สู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" หลังขอเลื่อนชำระหนี้

Posted on Friday, November 27, 2009
นักลงทุนเทขายหุ้น จากความกังวลดูไบเลื่อนจ่ายหนี้

ผลพวงจากการเลื่อนชำระหนี้ของกลุ่มทุนดูไบทำให้เกิดแรงขายในตลาดหุ้นยุโรปเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตลาดสหรัฐฯ ปิดทำการเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า ส่วนหุ้นแบงก์และผู้ผลิตรถในเอเชียก็เจอแรงฉุดจากปัจจัยความกังวลในเรื่องการเพิ่มทุนและค่าเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงไปแตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 ปี เมื่อเทียบกับเงินเยน

ทางด้านราคาน้ำมันปรับตัวลง 1.7 เหรียญ มาอยู่ที่ประมาณ 76 เหรียญต่อบาร์เรล ที่ตลาดนิวยอร์ก หลังกระทรวงพลังงานเผยตัวเลขสต็อกเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเพิ่มมาอยู่ที่ 337 ล้านบาร์เรล และทำให้คาดกันว่าตัวเลขสำรองน้ำมันดังกล่าวน่าจะเพียงพอรองรับกับความต้องการที่จะมีในตลอดหน้าหนาวนี้

ความพยายามจากทางดูไบในการแก้ปัญหาหนี้ของ Dubai World ในฐานะที่เป็นบริษัทลงทุนของรัฐ และแบกหนี้อยู่กว่า 59,000 ล้านเหรียญ ขณะนี้มีรายงานข่าวว่ากำลังหาทางประวิงเวลาเพื่อเลื่อนการชำระหนี้ออกไป ทำให้กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ที่ไม่ใช่แค่เพียงกับดูไบเท่านั้น แต่รวมไปถึงฐานะการเงินของกลุ่มประเทศในแถบอ่าวเปอร์เซียโดยรวม และถือเป็นความเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่เหมือนกับเช่นในกรณีของอาร์เจนตินา เมื่อปี 2544

สำหรับปัจจัยค่าเงินเยนที่วิ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เกิดขึ้นหลังจากที่ตลาดเก็งกันว่าทางการญี่ปุ่นจะยังสามารถรับมือกับการแข็งค่าของเงินเยนได้อีก แม้รัฐมนตรีกระทรวงการคลังจะออกมาบอกว่า รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการจัดการกับความผิดปกติสำหรับการเคลื่อนไหวของค่าเงินก็ตาม

นักกลยุทธ์ตลาดเงินของ SocGen (Societe Generale) ในฝรั่งเศสก็มองว่า ธนาคารกลางญี่ปุ่นไม่น่าจะเข้ามาแทรกแซงในตลาด หากค่าเงินไม่เร่งตัวลงมาต่ำกว่าระดับ 85 เยนต่อดอลลาร์ แม้ในขณะนี้บรรดาเทรดเดอร์พยายามที่จะทดสอบให้ถึงระดับดังกล่าว

อย่างไรก็ดี แม้เงินดอลลาร์จะอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเยน แต่ถ้าหากเทียบกับเงินสกุลหลักๆ อื่นแล้ว ดอลลาร์กลับสามารถฟื้นตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะภายหลังจากข่าวแผนการเลื่อนชำระหนี้ของดูไบ ซึ่งทำให้เงินไหลกลับเข้ามายังดอลลาร์อีกครั้ง ในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยและมีความเสี่ยงต่ำ


จีนตั้งเป้าลดปริมาณปล่อยคาร์บอน ต้อนรับประชุมโลกร้อน

ล่าสุด ประเทศผู้ปล่อยมลพิษรายใหญ่ที่สุดของโลก อย่าง จีน ก็ออกมาประกาศตั้งเป้าชะลอการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ซึ่งถือเป็นการ ?วอร์มอัพ?ก่อนที่จะมีการประชุมผู้นำโลกเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่กรุงโคเปนเฮเกนในอีกไม่ถึงสองสัปดาห์ข้างหน้า

การประกาศของยักษ์ใหญ่แดนมังกรนี้ ตามมาเพียงหนึ่งวันหลังจากที่ทางสหรัฐฯ เสนอลดการปล่อยมลพิษราว 17% ในช่วงสิบปีข้างหน้า โดยคณะรัฐมนตรีของจีน หรือ State Council ได้ออกแถลงการณ์ที่กรุงปักกิ่งเมื่อวานนี้ว่า ประเทศจะลดปริมาณคาร์บอนต่อหน่วยจีดีพีลง 40 ? 45% ภายในปี 2563 เมื่อเทียบกับปี 2548

ด้านนักรณรงค์กลุ่ม Greenpeace China รายหนึ่งมองว่า แม้สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลกจะเข้าขั้นวิกฤติ และจีนก็น่าจะมีมาตรการที่เข้มข้นกว่านี้ แต่ก็มองว่าการประกาศของรัฐบาลล่าสุดถือเป็นความคืบหน้าครั้งสำคัญของโลกอุตสาหกรรมยุคใหม่

เป้าหมายของการลดมลพิษที่ตั้งกันออกมาล่าสุด ก็ทำให้ประเทศที่มีเศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลกรายนี้ มีจุดยืนและเหตุผลสำหรับการเข้าเจรจาในการประชุมที่กรุงโคเปนเฮเกน ที่จะเริ่มกันในวันที่ 7 ธันวาคม 2552 ซึ่งทั้ง นายกรัฐมนตรี เหวิน เจี่ย เป่า และประธานาธิบดี บารัค โอบามา คือหนึ่งในผู้นำของ 66 ประเทศทั่วโลกเป็นอย่างน้อย ที่มีจุดประสงค์ต้องการบรรลุข้อตกลงในกรอบสนธิสัญญารอบสุดท้าย ที่จะมาทดแทน ?พิธีสารเกียวโต? หรือ Kyoto Protocol ปี 2540 ที่จะหมดอายุลงในปี 2555

การเจรจาที่นำไปสู่การประชุมครั้งสำคัญนี้ มีอุปสรรคเมื่อเหล่าประเทศอุตสาหกรรมและประเทศกำลังพัฒนาตกลงกันไม่ได้ในประเด็นอย่างเช่น เป้าหมายการลดมลพิษ และคำถามที่ว่าประเทศร่ำรวยควรจะต้องให้ความช่วยเหลือเป็นเม็ดเงินสักเท่าไหร่แก่ประเทศยากจนเพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายนี้ ขณะที่จีนและอินเดียบอกว่า ประเทศอุตสาหกรรมต่างๆ ต้องตกลงที่จะลดปริมาณคาร์บอนลง 40% นับจากปี 1990 มาจนถึงปี 2020 ถ้าหากหวังว่าชาติที่ยากจนจะตอบตกลงกับเป้าหมายการลดมลพิษในระยะยาว

ก่อนหน้านี้เพียงหนึ่งวัน นาง Carol Browner ที่ปรึกษาของประธานาธิบดี โอบามา ทางด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม บอกว่า สหรัฐฯ จะเสนอลดการปล่อยปริมาณคาร์บอนลงในช่วงประมาณ 17% จากปี 2005 ถึงปี 2020 และนี่ก็ถือเป็นครั้งแรกที่ประเทศผู้นำโลกประกาศเป้าหมายไว้อย่างชัดเจน


ธนาคารในอังกฤษเผชิญข้อกำหนดเรื่องโบนัสเข้มงวดที่สุดในโลก

เดวิด วอล์คเกอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสของมอร์แกน สแตนลีย์ กล่าวว่า ธนาคารในอังกฤษอาจต้องเผชิญกับข้อกำหนดการมอบเงินโบนัสที่เข้มงวดที่สุดในโลก หากข้อเสนอที่เขายื่นต่อ U.K. corporate governance ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมดูแลบรรษัทภิบาลในอังกฤษ ได้รับการยอมรับ โดยหนึ่งในข้อเสนอของวอล์คเกอร์คือ ธนาคารต่างๆควรเลื่อนการให้โบนัสออกไปสูงสุด 5 ปี และทางธนาคารมีสิทธิเรียกเงินโบนัสคืน ซึ่งเขายืนยันว่าหากไม่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดเช่นนี้ ธนาคารต่างๆ ก็จะไม่ยอมทำตาม

อย่างไรก็ตาม เอชเอสบีซี โฮลดิงส์ ธนาคารรายใหญ่ที่สุดของยุโรป ไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอดังกล่าว โดยเห็นว่าควรใช้ข้อกำหนดอื่นที่เป็นไปตามกฎหมายการกำหนดผลประโยชน์ตอบแทน (Remuneration Code) ขององค์กรกำกับตรวจสอบสถาบันการเงินอังกฤษ (FSA)

ทั้งนี้ รัฐบาลอังกฤษกำลังพยายามหาทางลดความโกรธเคืองของประชาชน หลังจากที่ผู้บริหารธนาคารต่างๆ ได้รับเงินโบนัสจำนวนมาก ทั้งที่รัฐบาลนำเงินภาษีของประชาชนมากถึง 1 ล้านล้านปอนด์ (1.67 ล้านล้านดอลลาร์) ไปให้ความช่วยเหลือธนาคารเหล่านั้นหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ


มูดีส์คาดหนี้สาธารณะทั่วโลกพุ่ง 45% ในช่วง 3 ปี

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประเมินว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลต่างๆทั่วโลกจะทะยานขึ้น 45% หรือ 15.3 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระหว่างปี 2550 - 2553 และปริมาณหนี้สินรวมทั่วโลกจะพุ่งเกิน 49 ล้านล้านดอลลาร์ในปีหน้า

นักวิเคราะห์ของมูดีส์ระบุในรายงานว่า หนี้สาธารณะของประเทศสมาชิกกลุ่มจี 7 หรือประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ อันประกอบไปด้วย ญี่ปุ่น ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี อังกฤษ แคนาดา และสหรัฐอเมริกา จะคิดเป็นมากกว่า 3 ใน 4 ของจำนวนหนี้สินที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก เนื่องจากดุลเงินสดของรัฐบาลประเทศต่างๆเหล่านี้ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างหนักจากวิกฤติการเงินโลก

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจชั้นนำของโลกหลายแห่ง อาทิ ญี่ปุ่น เยอรมนี และสหรัฐ สามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยได้แล้วในไตรมาสสองและสามที่ผ่านมา แต่ผู้สังเกตการณ์หลายรายเตือนว่า ประเทศเหล่านี้ยังเผชิญความเสี่ยงในการที่จะขยายตัวอย่างยั่งยืน ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากหนี้สินที่พอกพูนขึ้นจากการที่รัฐบาลได้ทุ่มงบประมาณมูลค่ามหาศาลเพื่อรับมือวิกฤติเศรษฐกิจ

มูดีส์ระบุด้วยว่า เนื่องจากภาระหนี้สินจำนวนมหาศาลที่รัฐบาลต้องแบกรับ สัดส่วนของหนี้ทั่วโลกต่อผลผลิตทางเศรษฐกิจจึงคาดว่าน่าจะสูงถึง 80% ในปี 2553 จากระดับ 63% ในปี 2551


สถาบันจัดอันดับฯ ลดเครดิต ?ดูไบ? หลังเลื่อนชำระหนี้

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ลงสู่สถานะ "junk" หรือ "ขยะ" หลังจากที่รัฐบาลดูไบออกแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทซึ่งมีหนี้สินรวม 59,000 ล้านดอลลาร์ กำลังขอเลื่อนการชำระหนี้จำนวน 3,500 ล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า อีกทั้งยังได้ว่าจ้างให้ ดีลอยท์ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านการสอบบัญชีระดับโลก ให้มาช่วยเป็นที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างการเงินของบริษัทด้วย

การขอเลื่อนนัดชำระหนี้ดังกล่าวส่งผลให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลกตัดสินใจลดเครดิตบริษัทของรัฐบาลดูไบทั้ง 6 แห่งทันที ซึ่งบางแห่งถูดลดเครดิตสู่สถานะ "junk" เช่นกัน โดย มูดีส์ S&P ให้เหตุผลในการหั่นอันดับเครดิตดูไบ เวิลด์ว่า แผนการปรับโครงสร้างของดูไบ เวิลด์ อาจเข้าข่ายการผิดนัดชำระหนี้ตามเกณฑ์ของสถาบัน

ทั้งนี้ "Junk" เป็นคำที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือใช้ในการอธิบายสถานะของตราสารหนี้ที่ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ต่ำกว่าระดับการลงทุน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของรัฐบาลดูไบในครั้งนี้ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักลงทุนจำนวนมากเนื่องจาก เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพิ่งมีข่าวให้นักลงทุนได้สบายใจว่า มีความเป็นไปได้สูงมากที่ดูไบจะสามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด

ขณะที่ นักวิเคราะห์บางรายกล่าวว่า รัฐบาลดูไบกำลังชดใช้ค่าตอบแทน เนื่องจากที่ผ่านมาเศรษฐกิจของดูไบมุ่งเน้นไปที่เงินลงทุนจากต่างประเทศและโครงการก่อสร้างยักษ์ใหญ่ที่หรูหราอลังการ ส่งผลให้เศรษฐกิจของดูไบ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 7 นครรัฐปกครองตัวเองของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ขยายตัวอย่างรวดเร็วตลอด 6 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจดูไบเริ่มดิ่งลงนับตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2551 และส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในดูไบร่วงลงอย่างรุนแรง อันเป็นผลมาจากวิกฤตสินเชื่อและภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก


รมว.คลังญี่ปุ่นเร่งหาทางออกการแข็งค่าของเงินเยน

ฮิโรฮิสะ ฟูจิอิ รัฐมนตรีคลังญี่ปุ่นแนะรัฐบาลจำเป็นต้องดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของเงินเยน หลังจากที่เงินเยนแข็งค่าขึ้นไปแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีแล้ว โดยย้ำว่าเขาต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เมื่อวานนี้ เงินเยนแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ 86.64 เยนต่อดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปี

การแข็งค่าขึ้นอย่างฉับพลันนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อกำไรของกลุ่มผู้ส่งออก และยังเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่กลุ่มผู้ส่งออกของญี่ปุ่นส่วนใหญ่ได้ยึดเอาอัตราแลกเปลี่ยนที่ประมาณ 90-95 เยนต่อดอลลาร์ ในการคาดการณ์ผลประกอบการปีงบประมาณปัจจุบัน

ด้าน CEO ของนิสสัน มอเตอร์ กล่าวว่าเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นจะส่งผลให้อุตสาหกรรมผลิตรถในประเทศญี่ปุ่นตกอยู่ในความเสี่ยง

บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และยานยนต์ได้ลดจำนวนพนักงานและการผลิตลงมาก เพื่อที่จะดึงบริษัทให้หลุดพ้นจากภาวะขาดทุน แต่เจ้าหน้าที่ของบริษัทเตือนว่า การปรับโครงสร้างแต่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้บริษัทเอกชนเหล่านี้มีความสามารถในการแข่งขัน หากเงินเยนยังแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โชจิ มูเนโอกะ ประธานสมาพันธ์เหล็กและเหล็กกล้า กล่าวว่า เงินเยนที่ระดับปัจจุบันถือเป็นปัญหามาก เงินเยนที่แข็งค่าขึ้นกว่าเดิมอาจจะเป็นปัจจัยที่จุดชนวนให้เกิดภาวะถดถอยมากขึ้นไปอีก และขอให้รัฐบาลใช้มาตรการเชิงรุกมากกว่านี้ พร้อมกับชี้ว่า การแทรกแซงตลาดเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อสกัดไม่ให้เงินดอลลาร์ร่วงไปกว่านี้

ล่าสุด รัฐมนตรีคลังกำลังรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อตัดสินใจว่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้มาตรการเพิ่มเติมเพื่อแก้ปัญหาเงินเยนแข็งค่าขึ้นหรือไม่


จีนเผยฐานผู้ใช้บริการมือถือ 3G แตะ 7 ล้านราย

กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน เปิดเผยว่า ฐานผู้ใช้บริการโทรศัพท์มือถือ 3G ช่วงสิ้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีอยู่ 7 ล้านราย ส่วนอุปกรณ์ 3G ที่ผลิตในจีนก็สูงกว่า 75% ของตลาด 3G ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

หลี่ หลี่ รองผู้อำนวยการแผนกวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของกระทรวงฯ กล่าวในการประชุม Next Generation Broadband Wireless Mobile Communications Development Forum ว่า จำนวนผู้ใช้บริการมือถือสูงกว่า 700 ล้านราย ขณะที่ระบบการสื่อสารไร้สาย 3G นั้นเป็นเป้าหมายระยะยาวที่สำคัญในอุตสาหกรรม

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ไชน่า โมบายล์ ได้รายงานตัวเลขผู้ให้บริการ TD-SCDMA อยู่ที่ 2.31 ล้านราย ส่วนผู้ใช้บริการ WCDMA ของไชน่า ยูนิคอม อยู่ที่ 1.02 ล้านราย ซึ่งนับรวมถึงผู้ใช้บริการการ์ดอินเตอร์เฟสเครือข่ายไร้สาย 215,000 ราย ส่วนฐานผู้ใช้บริการไวร์เลสของไชน่า เทเลคอม อยู่ที่ 49.92 ล้านราย

จาง ซินเจียง ผู้ตรวจการของสำนักงานบริหารโทรคมนาคม กล่าวว่า เครือข่าย 3G ของไชน่า เทเลคอม ครอบคลุมเมืองต่างๆ 324 เมือง ส่วนของไชน่า ยูนิคอม ครอบคลุม 285 เมือง และไชน่า โมบายล์ จะครอบคลุม 238 เมืองในการก่อสร้างเครือข่ายขั้นที่ 3

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel

 


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 10:15:20 AM
Daily Update 27-11-52

27 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ
    -ตลาดหุ้นนิวยอร์ค : ตลาดน้ำมันนิวยอร์ค  :
    -ตลาดโลหะมีค่านิวยอร์ค : ตลาดเงินนิวยอร์ค :
    -ตลาดปิดทำการในวันที่ 26 พ.ย.เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า 
 
   
 
      สัญญาทองคำ COMEX ซึ่งมีการซื้อขายทางระบบอิเล็กทรอนิกที่สิงคโปร์ พุ่งขึ้นทำนิวไฮในวันนี้ ซึ่งเป็นการทำนิวไฮครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์นี้ โดยสัญญาทองคำเคลื่อนตัวเข้าใกล้ระดับ 1,200 ดอลลาร์/ออนซ์ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงอย่างหนัก และจากข่าวที่ว่าธนาคารกลางศรีลังกาเข้าซื้อทองคำจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ)   
การร่วงลงอย่างต่อเนื่องของค่าเงินดอลลาร์เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้นักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยดัชนี US Dollar Index ดิ่งลง 1.1% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ได้แสดงความวิตกกังวลต่อสกุลเงินดอลลาร์ที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในขณะนี้ พร้อมกับยืนยันว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้นักลงทุนแห่ซื้อสกุลเงินที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงกว่า รวมถึงยูโรและดอลลาร์ออสเตรเลีย
       ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงหนักสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อคืนนี้ (26 พ.ย.) หลังจากมีรายงานว่าบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ มีแผนเลื่อนการชำระหนี้จำนวนหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี ขณะที่มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส และ สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (เอสแอนด์พี) ได้ประกาศลดอันดับความน่าเชื่อถือของดูไบ เวิลด์
        การเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนต.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐได้รับการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.แต่ยังคงลดลงจากเดือนต.ค.
      กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,127.860 ตัน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 24.341 ตัน หรือ 2.205 % จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
       กลยุทธ์ :  เล่นตามกระแสเงินที่ไหลเข้าทองให้แนวหยุดขาดทุนไว้ที่แนวระดับราคา 1,170 US$ เพราะถ้าราคาปรับลงมาถึงแนวนี้ได้อาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นทิศทางลงได้


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 10:54:07 AM
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง
(http://img145.imageshack.us/img145/4673/61641917.gif) (http://img145.imageshack.us/i/61641917.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 10:59:18 AM
ดัชนีเงินเมกา
(http://img21.imageshack.us/img21/896/18536592.gif) (http://img21.imageshack.us/i/18536592.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 11:02:36 AM
น้ำมัน
(http://img691.imageshack.us/img691/9540/24033710.gif) (http://img691.imageshack.us/i/24033710.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: โซ่ข้อกลาง ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 12:10:59 PM
Smiley/Angry.gif (3017 ไบต์)สวัสดีครับคุณทองใหม่ ตอนนี้ที่ดูไบมีปัญหามันจะย้ายโมเมนตัมจากทองคำมาที่เงินดอลลาร์ไหมครับ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 12:49:00 PM
Smiley/Angry.gif (3017 ไบต์)สวัสดีครับคุณทองใหม่ ตอนนี้ที่ดูไบมีปัญหามันจะย้ายโมเมนตัมจากทองคำมาที่เงินดอลลาร์ไหมครับ
ต้องดูที่ตลาดครับ ตลาดจะเป็นผู้บอกได้ดีที่สุดจ้า


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: brabus ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 02:21:50 PM
ขอบคุณค่ะ พี่ทองใหม่ :D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 02:26:09 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

([url]http://img69.imageshack.us/img69/595/86826193.gif[/url]) ([url]http://img69.imageshack.us/i/86826193.gif/[/url])


โพลจีนวันนี้มาแปลก ศึกษาต่อไปครับ จะได้รู้ว่า อะไรคืออะไร

(http://img339.imageshack.us/img339/7852/43803857.gif) (http://img339.imageshack.us/i/43803857.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 02:51:39 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

([url]http://img69.imageshack.us/img69/595/86826193.gif[/url]) ([url]http://img69.imageshack.us/i/86826193.gif/[/url])


โพลจีนวันนี้มาแปลก ศึกษาต่อไปครับ จะได้รู้ว่า อะไรคืออะไร

([url]http://img339.imageshack.us/img339/7852/43803857.gif[/url]) ([url]http://img339.imageshack.us/i/43803857.gif/[/url])


(http://img16.imageshack.us/img16/2072/19116314.gif) (http://img16.imageshack.us/i/19116314.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 03:13:10 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

([url]http://img69.imageshack.us/img69/595/86826193.gif[/url]) ([url]http://img69.imageshack.us/i/86826193.gif/[/url])


โพลจีนวันนี้มาแปลก ศึกษาต่อไปครับ จะได้รู้ว่า อะไรคืออะไร

([url]http://img339.imageshack.us/img339/7852/43803857.gif[/url]) ([url]http://img339.imageshack.us/i/43803857.gif/[/url])


([url]http://img16.imageshack.us/img16/2072/19116314.gif[/url]) ([url]http://img16.imageshack.us/i/19116314.gif/[/url])


(http://img690.imageshack.us/img690/9844/32486790.gif) (http://img690.imageshack.us/i/32486790.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: MIJI ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 03:24:52 PM
ขอบคุณคุณทองใหม่นะคะ ;D


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 04:16:46 PM
โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่

([url]http://img69.imageshack.us/img69/595/86826193.gif[/url]) ([url]http://img69.imageshack.us/i/86826193.gif/[/url])


โพลจีนวันนี้มาแปลก ศึกษาต่อไปครับ จะได้รู้ว่า อะไรคืออะไร

([url]http://img339.imageshack.us/img339/7852/43803857.gif[/url]) ([url]http://img339.imageshack.us/i/43803857.gif/[/url])


([url]http://img16.imageshack.us/img16/2072/19116314.gif[/url]) ([url]http://img16.imageshack.us/i/19116314.gif/[/url])


([url]http://img690.imageshack.us/img690/9844/32486790.gif[/url]) ([url]http://img690.imageshack.us/i/32486790.gif/[/url])


(http://img28.imageshack.us/img28/1593/27977940.gif) (http://img28.imageshack.us/i/27977940.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 04:37:43 PM
เส้นปากถุง(เส้นสีขาวทั้ง๓เส้น)แบบง่ายๆ ไม่ปวดเศียรเวียนเกล้า
เส้นบน---แนวต้าน
เส้นกลาง---แนวโน้ม(สำคัญสุด)
เส้นล่าง---แนวหนุน
ลักษณะที่๑---ทิศทางขึ้นเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น   เส้นกลางหันหัวขึ้น   เส้นล่างหันหัวลง
ลักษณะที่๒---ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น
เมื่อเจอลักษณะทั้ง๒นี้ ราคาระหว่างวันที่ขึ้นๆลงๆ เมื่อเจอจุดที่เห็นว่าต่ำแล้วให้ซื้อเข้าได้เลยครับ  ขอเพียงเส้นกลาง(แนวโน้ม)ยังหันหัวขึ้นอยู่ แม้ราคาเแท่งเทียนจะอยู่ต่ำกว่าเส้นกลาง ก็ยังซื้อเข้าได้ หากเส้นบนเดินขวางเมื่อไหร่ ให้ทยอยลดพอร์ตได้เลยครับ
ลักษณะที่๓---เลือกทิศทาง---เส้นบนหันหัวลง เส้นล่างหันหัวขี้น ปากถุงแคบลง ถึงช่วงนี้ ให้ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว หากใครยังคิดอยากเคลื่อนไหว ก็จงเคลื่อนไหวไปหน้าทีวี จงอย่าทำการอย่างอื่นใด หากใครเป็นจอมยุทธ์ ก็ชิงเคลื่อนไหวก่อนใครได้  
ขอแถมอีกนิด จงโฟกัสที่เส้นกลาง หากเส้นกลางเริ่มขยบหัวหัวขึ้นหรือลง ทิศทางอาจขึ้นหรือลงตามเส้นกลางแนวโน้มนั้น
ลักษณะที่๔---เคลื่อนไหวในกรอบแคบ---เส้นบน กลาง ล่าง เดินขวางทั้ง๓เส้น หากใครเล่นออนไลน์ สามารถเล่นได้เล็กน้อยอย่ามาก เมื่อราคาแท่งเทียนใกล้เส้นบน จงขาย ใกล้เส้นล่าง จงซื้อ ต้องเข้าออกให้ทันการณ์ หาไม่แล้วจากกำไรอาจขาดทุนได้นา ขอบอก
ลักษณะที่๕---ทิศทางลงเบื้องต้น---เส้นบนหันหัวขึ้น เส้นกลางหันหัวลง เส้ยล่างหัวหัวลง
ลักษณะที่๖---ทิศทางลงเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวลง  เมื่อเส้นล่างเดินขวางเมื่อไหร่ ผู้ที่ใจกล้าที่เล่นออนไลน์ เริ่มทยอยซื้อเข้าได้ที่ละนิด อัตราเสี่ยงยังมีอยู่บ้างนะครับ สิบอกไห่
วิธีดูเส้นปากถุงที่กล่าวมานี้ .....ไม่ใช่ตำราของฝรั่ง แบบของฝรั่งผมเคยอ่านมาบ้างแล้ว ยาวมาก ปวดหัว ทำความเข้าใจได้ยากมากๆๆๆๆ ...........เหมาะเฉพาะกราฟราย๔ชม.และช่วงปกติเท่านั้นนะครับ  (บางครั้งตลาดจงใจคึงขึ้นลงอย่าแรงๆ แทบหัวใจวายสำหรับผู้มีทองในมือและผิดทิศทางของตัวเอง เรียกว่า ช่วงไม่ปกติครับ)

(http://img209.imageshack.us/img209/2769/77113256.gif) (http://img209.imageshack.us/i/77113256.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 04:40:39 PM
กราฟGold 1
ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น  ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น  สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง     ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน  เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ  หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง  แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป   ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง  จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น  หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้
ช่อง2  ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน  โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย  ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า  หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ  หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา
ช่อง3   ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่  เท่านั้นยังไม่พอ  ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่  หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน  ทิศทางนั้นเชื่อถือได้

ภาพเล็กไปหน่อย ให้คิ๊กที่ภาพ จะมีหน้าต่างเกิดใหม่ ภาพยังเท่าเดิม ให้คิ๊กที่ภาพอีกครั้ง ภาพจะใหญ่ขึ้นครับ
(http://img682.imageshack.us/img682/2122/82268135.gif) (http://img682.imageshack.us/i/82268135.gif/)


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: prim ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 09:09:03 PM

สวัสดีค่ะพี่ทองใหม่   สบายดีนะคะ  ขอบคุณมาก ๆสำหรับข้อมูลต่าง ๆค่ะ


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: ทองใหม่ ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 09:18:56 PM
ราตรีสวัสดิ์ นอนหลับฝันดีจ้า


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: Jeera ที่ พฤศจิกายน 27, 2009, 09:23:29 PM
ราตรีสวัสดิ์ นอนหลับฝันดีจ้า

ราตรีสวัสดิ์ ฝันดีเช่นกันค่ะ   ^-^


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: oyo ที่ พฤศจิกายน 28, 2009, 10:37:08 AM
อรุณสวัสดิ๋ครับ ผิดไหมเนี้ย   angel.gif


หัวข้อ: Re: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009
เริ่มหัวข้อโดย: thuncpe200 ที่ เมษายน 15, 2011, 11:19:22 PM
 ;)