Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 [2] 3 4 5   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เคล็ด[ไม่]ลับ  (อ่าน 32731 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2012, 11:28:21 AM »


ความสะอาด ส่วนต่างๆของบ้าน



1. วิธีทำให้กรอบกระจกเงา หรือกรอบกระจกรูปภาพ มองดูใหม่เสมอ ทำได้โดยการใช้ผ้าชุบน้ำมันสน แล้วทาบริเวณกรอบไม้ รอจนแห้งสนิท กรอบจะมองดูใหม่ทันที

2. วิธีการขจัดคราบไขมัน ที่ติดรอบท่อ อ่างล้างจาน ซึ่งถ้าปล่อยไว้นาน ๆ จะเป็นเหตุให้ท่ออุดตันได้ มีวิธีทำคือ นำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำ โซดาไฟ หรือเบกกิ้งโซดาหรือผงฟู ต้มน้ำให้เดือดแล้วเทลงไป ไขมันที่อุดตัน ก็จะหลุดออกไปหมด

3. วิธีขจัดรอยเปื้อน ด่างดำบนเครื่องใช้ที่เป็นหนังคือ หยดน้ำมันสลัด สัก 2-3 หยด ในน้ำสบู่ แล้วใช้แปรงจุ่มน้ำที่ผสมไว้มาถู จากนั้นจึงซักในน้ำสบู่ ธรรมดาอีกครั้ง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ต่อด้วยเช็ดให้แห้งผึ่งลมไว้

4. วิธีการดึง สติ๊กเกอร์ ที่ติดอยู่บนฝาห้องออกโดยไม่ทิ้งคราบกาว ไว้ที่ฝา ทำได้โดยใช้น้ำมันพืชมาทาบนรูปสติ๊กเกอร์ แล้วจึงค่อยๆดึงออกมา

5. ในการใช้ยาขัดเฟอร์นิเจอร์ ไม่ควรใช้ประเภท น้ำมัน หรือ ขี้ผึ้ง บ่อยๆ เพราะอาจจะทำให้ผิวเฟอร์นิเจอร์เกิดความเสียหายได้ง่าย


6. ในการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ ที่เป็นผ้าฝ้าย ให้ใช้แปรงทาสี ด้ามใหม่ปัดตามซอกมุมเฟอร์นิเจอร์ ไปพร้อมกันกับการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ทุกครั้ง

7. วิธีลบคราบดวงๆ ที่ติดบนเฟอร์นิเจอร์คือ ให้ใช้ จุกไม้ก๊อกถู ถ้าไม่ออกให้ใช้นิ้วมือแตะยาสีฟันผสมขี้เถ้าบุหรี่ ถูอีกครั้ง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเปื้อนซ้ำอีกครั้ง

8. การทำความสะอาดพื้นกระเบื้องยาง คือ ใช้แปรงสีฟัน ชุบยาสีฟัน แล้วนำไปขัดถูบริเวณรอยเปื้อนให้แรงๆ จะทำให้รอยเปื้อนหลุดออกไปได้โดยง่าย

9. การขัดพื้นกระดานให้เงาแบบโบราณคือ หามะพร้าวมาผ่าครึ่ง ทุบกะลาตรงปากออกสักเล็กน้อย แล้วนำมาคว่ำลงกับพื้นกระดานขัดถูพื้นบ่อยๆ พื้นกระดานจะมองดูเงางามเชียวแหละ

10. วิธีทำความสะอาดกรอบกระจกเงา หรือ กรอบรูปภาพให้มองดูใหม่คือ ให้เอาน้ำมันชุบผ้าทาตรงส่วนที่เป็นกรอบ แล้วรอจนแห้งแล้วจะมองดูใหม่ขึ้น


11. วิธีทำความสะอาดคราบสกปรกที่ติดกระเบื้องปูห้องน้ำ มีวิธีทำคือ ราดด้วยน้ำให้ทั่ว แล้วเอาเกลือแกงโรยลงบนแปรงขัดทั้งห้องน้ำ หรืออาจจะโรยเกลือที่ผ้าเปียกน้ำ แล้วขัดพื้นให้ทั่ว เพียงเท่านี้ห้องน้ำกระเบื้องของคุณก็จะสะอาดเป็นเงางามเลยทีเดียว

12. วิธีการทำความสะอาดผ้าม่าน ที่เป็นใยสังเคราะห์ ควรซักด้วยมือ ก่อนซักควรปัดฝุ่นให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นเทน้ำยาซักผ้าลงบริเวณที่เปื้อน แล้วจุ่มลงในน้ำยาซักผ้าที่ผสมน้ำอุ่น แล้วอย่าบิด ควรคลี่ตากเพราะในเวลาแห้งจะได้ ผ้าม่าน ที่เรียบไม่ยับยู่ยี่

13. วิธีทำความสะอาดโป๊ะไฟ โคมไฟ ในส่วนที่ทำความสะอาดยากเช่น รอยจีบซอกเล็ก ซอกน้อย ให้ใช้ เครื่องเป่าผม เป่าลมไปตามที่มีฝุ่นละอองจับ แล้วค่อยๆใช้ผ้าชุบน้ำยาล้างจานเช็ด ตามด้วยผ้าสะอาดเช็ดอีกครั้ง เพียงเท่านี้โคมไฟที่ว่าหมองจะใหม่สะอาดทันที

14. วิธีทำความสะอาด ผ้าม่านพลาสติก ควรซักด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาซักผ้าที่ผสมน้ำอุ่น แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ใช้ตากลมดีกว่าตากแดด เพราะจะไม่ทำให้ผ้าม่านสีซีดจางลงไป

15. วิธีการทำความสะอาดกระจกเงาส่องหน้าให้ใส คือนำยาสีฟัน มาบีบใส่ไว้บนกระจก แล้วหาผ้าชุบน้ำมาเช็ดยาสีฟันที่บีบทิ้งไว้บนกระจก โดยถูให้ทั่วๆกระจก แล้วใช้ผ้าเช็ดอีกครั้ง กระจกเงาที่หมองจะดูเงางามเป็นประกายทันที


16. วิธีทำความสะอาดคราบน้ำมัน บนพื้นปูนซีเมนต์ ให้สะอาดเอี่ยมคือหา ขี้เถ้าที่อยู่ในเตาถ่านมาโรยไว้บนคราบน้ำมัน ที่เปื้อนพื้นปูนซีเมนต์ให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ล้างออกด้วยน้ำให้สะอาด ขี้เถ้าก็จะดูดคราบน้ำมันออกไปจนหมดเกลี้ยง

17. วิธีทำความสะอาดรอยดินสอหรือดินสอเทียนที่ติดบนวอลล์เปเปอร์ คือ ให้ใช้ เครื่องเป่าผมโดยใช้ลมร้อนจี้ตรงบริเวณนั้น แล้วหาผ้าฝ้ายชุบน้ำสบู่บิดให้หมาด นำมาเช็ดถูตรงรอยเปื้อน รอยของสีนั้นก็จะจางหายไป

18. วิธีทำความสะอาดสี ที่เปื้อนหน้าต่าง ผลมาจากการทาบ้าน ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่า อัตราส่วน 2 : 1 ตั้งไฟให้ร้อนจัด ใช้แปรงทาสี ที่สะอาดจุ่มส่วนผสมที่ยังร้อนอยู่ถูตรงบริเวณรอยเปื้อน รอยเปื้อนดังกล่าวจะหลุดออกได้เอง

19. วิธีทำความสะอาดพื้นที่ทำด้วยไวนิล ให้สะอาดหมดจด มีวิธีทำง่ายๆคือ นำน้ำอุ่นผสมกับน้ำส้มสายชู ในอัตราส่วนเท่าๆกัน แล้วนำมาล้าง พื้นไวนีล เช็ดให้แห้ง พื้นก็จะสะอาดสดใสทีเดียว

20. วิธีทำความสะอาดคราบน้ำมัน ที่ติดอยู่บนวอลล์เปเปอร์ ใช้แป้งฝุ่นผสมน้ำยาทำความสะอาด แล้วนำมาป้ายตรงจุดที่สกปรก ปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง ใช้ผ้านุ่มๆเช็ดออก คราบน้ำมันก็จะติดออกมาด้วย


21. วิธีทำความสะอาดพรม ที่เปื้อนคราบน้ำมัน ให้เทเบกกิ้งโซดา ลงตรงบริเวณทีเปื้อนคราบน้ำมัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดตรง รอยเปื้อนน้ำมันนั้น คราบก็จะจางหายไป

22. วิธีทำความสะอาดคราบสกปรกที่เปื้อนกระเบื้องเคลือบ ให้ใช้ส่วนผสมของไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ และครีมออฟทาร์ทาร์ อย่างละเท่ากัน ทาให้ทั่วแล้วล้างออกตามปกติ จะทำให้คราบสกปรกนั้นหายไป

23. วิธีทำความสะอาดพื้นโรงรถ ที่เปื้อนน้ำมันเครื่อง ให้โรยด้วย ทราย ทิ้งไว้ 1 คืน กวาดทรายออกไป คราบน้ำมันก็จะหลุดออกไปด้วยกับทรายนั่นเอง

24. วิธีทำความสะอาดหน้าต่างกระจก ให้ใสสะอาด ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชู 1 : 2 ส่วน แล้วนำไปใส่ใน ขวดสเปรย์ นำไปฉีดบนหน้าต่าง กระจก แล้วใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เช็ดอีกที หน้าต่างกระจกจะใสจริง ๆ

25. วิธีทำความสะอาดผ้าม่าน ทำได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากป้ายที่ติดมากับผ้าม่าน แล้วจุ่มลงไปในอ่างน้ำอุ่นที่ผสมกับเกลือ 1 ถ้วย แล้วแขวนผ้าม่านให้แห้ง โดยแผ่ให้หมดเนื้อผ้า จะทำให้ผ้าม่านสะอาดและไม่ยับอีกด้วย
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2012, 11:30:51 AM »

10 วิธีทำความสะอาดบ้านด้วยวิธีธรรมชาติ



1. การทำความสะอาดทั่วไป

-ผสมสบู่เหลวหรือบอแรกซ์ 1 ช้อนชา ในน้ำอุ่น หรือน้ำร้อน 1 ลิตร เติมน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชูลงไป 1-2 ช้อนชา แล้วนำไปเช็ดถูบริเวณที่เป็นคราบไขมันสกปรก

-ผสม Washing Soda (hydrated sodium carbonate) ในน้ำอุ่น 1 ลิตร ใช้ได้กับทุกพื้นผิว ยกเว้นอลูมิเนียม


2. วิธีกำจัดกลิ่นเหม็น/กลิ่นอับ

-หาแหล่งกำเนิดกลิ่นเหม็นให้พบ แล้วกำจัดออกไปให้สะอาด และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก

-หมั่นทำความสะอาดบ้านเรือนและข้าวของเครื่องใช้ให้สะอาด และเปิดประตูหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทให้สะดวก

-ใช้น้ำส้มสายชูหรือผงฟู 2-4 ช้อนโต๊ะ ใส่จานแล้ววางไว้เพื่อดูดกลิ่น

-นำไม้ประดับมาตั้งวางเพื่อดูดกลิ่นและฟองอากาศ

-ใช้สมุนไพร หรือเครื่องเทศที่ให้กลิ่นหอมมาต้มแล้วตั้งวางไว้


3. การทำความสะอาดพื้น

-เช็ดถูด้วยน้ำธรรมดา

-ใช้น้ำส้มสายชู 1 ถ้วย ผสมกับน้ำอุ่น 1 แกลลอน 5 ลิตร ถูทำความสะอาดพื้น


4. การล้างจานชาม /ตะกรันกาน้ำ

-ใช้สบู่เหลวธรรมดาทั่วๆ ไปล้างจาน

-ใช้ฟองน้ำกับสบู่ก้อน

-ผสมน้ำส้มสายชู หรือน้ำมะนาว 1-3 ช้อน ลงกับสบู่เหลวล้างจานชามที่สกปรกมีคราบไขมันมาก

-การทำความสะอาดจานชามและอุปกรณ์ครัวที่ทำด้วยไม้ ให้ใช้มะนาวฝานเป็นชิ้นบางๆ แล้วขัดบนพื้นผิวของภาชนะเหล่านั้น ล้างออกแล้วเช็ดให้แห้งด้วยผ้าสะอาดและอาจโรยเกลือตาม เพื่อดูดความชื้นจากไม้ก็ได้ นอกจากนั้นยังอาจใช้ผงฟูผสมกับน้ำเช็ดภาชนะที่ทำด้วยไม้ได้ผลดี

-ขจัดคราบตะกอนในกาน้ำ ให้ใช้น้ำส้มสายชูกลั่น 1 ถ้วยครึ่ง ละลายในน้ำเปล่า 1 ถ้วยครึ่ง เติมเกลือ 3 ช้อนชาลงในกาน้ำ ต้มให้เดือด 15 นาที ปล่อยทิ้งไว้ข้ามคืน 1 คืน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

-การล้างขวด ให้ใช้ทรายกรอกลงไปในขวดผสมกับน้ำ ปิดปากขวดด้วยฝ่าหนือมือ เขย่าแรงๆ คราบตะไคร่เขียวจะหลุดออก


5. การทำความสะอาดท่อระบายน้ำ

-ใช้ไม้ปั๊ม หรืองูเหล็กดันหรือเขี่ยเศษอาหารอุดตัน

-เทผงฟู 1 กำมือ และน้ำส้มสายชูครึ่งถ้วยลงในท่อระบายน้ำ ปิดปากรูให้แน่นด้วยเศษผ้าประมาณ 1 นาที ปฏิกิริยาระหว่างผงฟูกับน้ำส้มสายชู จะทำให้เกิดแรงดันในท่อระบายน้ำ และดันเศษอาหารที่อุดตันอยู่ออกไป แล้วเทตามด้วยน้ำร้อน

-เทเกลือและผงฟูอย่างละครึ่งถ้วยลงในท่อ แล้วเทน้ำเดือดตามลงไป 6 ถ้วย ทิ้งไว้ข้ามคืน จากนั้นราดน้ำแรงๆ ด้วยน้ำธรรมดา

-ทางที่ดีในการป้องกันไม่ให้ท่อระบายน้ำทิ้งอุดตัน ด้วยการใช้ตะแกรงกรองเศษผง เศษอาหาร เศษขยะ เศษเส้นผมไม่ให้ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ และไม่ควรเทกากของเสียประเภทไขมันลงในท่อ ควรทิ้งลงในถังขยะหรือถังน้ำมัน และควรพยายามใช้น้ำมันจนกว่าจะหมดคุณภาพ


6. การฆ่าเชื้อโรค

-ชำระล้างข้าวของเครื่องใช้เป็นประจำด้วยสบู่และน้ำธรรมดา แล้วล้างอีกครั้งด้วยน้ำร้อน เพียงเท่านี้ก็สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราได้

-ควรให้ข้าวของเครื่องใช้แห้งอยู่ตลอดเวลา เพราะแบคทีเรียและเชื้อราไม่สามารถมีชีวิตหรือเติบโตได้ในที่แห้ง

-ใช้บอแรกซ์ครึ่งถ้วยละลายในน้ำร้อน 1 แกลลอน (5 ลิตร) ใช้ล้างข้าวของเครื่องใช้ที่ต้องการฆ่าเชื้อโรคได้


7. การขัดเงาพื้นและเฟอร์นิเจอร์

-ใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดถูอย่างธรรมดาๆ

-ใช้ผ้าชุบน้ำชาเช็ดถูพื้นเฟอร์นิเจอร์

-ใช้น้ำมันมะกอก 1 ช้อนชา น้ำมะนาว 1 ผล ผสมกับน้ำ 1 ช้อนชา ชุบด้วยผ้าใช้เช็ดถู

-ใช้น้ำมันพืช 1 ส่วน ผสมกับน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู 1 ส่วน ชุบด้วยผ้าบางๆ ใช้เช็ดถู วิธีนี้ยังสามารถช่วยลบรอยขูดขีดได้ด้วย

-ใช้น้ำมันมะกอก 3 ส่วน ผสมกับน้ำส้มสายชู 1 ส่วน ชุบด้วยผ้าบางๆ เช็ดถู

-กรณีที่มีรอยสกปรกจากคราบไขมัน ให้รีบเทเกลือลงไปบนรอยเปื้อนทันทีเพื่อให้ดูดซับคราบไขมัน และป้องกันไม่ให้เกิดคราบฝังแน่น


8. การเช็ดกระจก /iแก้รอยขูดขีด

-ใช้น้ำส้มสายชูผสมกับน้ำอย่างละ 1 ส่วน ชุบด้วยผ้านนุ่มๆ เช็ดกระจกหรือจะใส่กระบอกฉีดๆ ที่กระจก แล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดตาม

-หากใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเช็ดกระจกแล้ว อาจจะเกิดคราบจากน้ำที่เช็ดเนื่องจากคราบตกค้างของน้ำยาเช็ดกระจกแบบที่มีส่วนผสมของสารเคมีตกค้างอยู่ จึงควรเช็ดออกก่อนด้วยแอลกอฮอล์ก่อน

-สำหรับกระจกที่เป็นฝ้ามัว ให้ใช้ผ้าเปียกถูกับสบู่ก้อน แล้วเช็ดบนกระจก จากนั้นล้างออกแล้วเช็ดตามตามด้วยผ้าแห้ง

-รอยขูดขีดบนกระจกให้ใช้ยาสีฟันถู แล้วใช้ผ้านุ่มเช็ดเบาๆ


9. ทำความสะอาดพรม เฟอร์นิเจอร์ เบาะ นวม

-การดูดกลิ่นให้ใช้ผงฟูหรือแป้งข้าวโพดโรยบนพรม โดยใช้อัตราส่วน 1 ถ้วย ต่อพื้นที่ห้องขนาดกลาง ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดออก ถ้ากลิ่นติดแน่นให้โรยทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วจึงดูดออก

-การขจัดคราบเลือด ใช้ผ้าขนหนูชุบน้ำเย็นเช็ดเบาๆ จนกว่าจะหมด

-คราบเหนียวเหนอะหนะ ใช้ผงฟูทาทับรอยเปื้อน แล้วใช้มือถูเบาๆ ทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงเช็ดออก ทาซ้ำอีกถ้ารอยเปื้อนยังไม่หมด

-คราบไขมัน ใช้แป้งข้าวโพดทาทับรอยเปื้อน ทิ้งไว้สัก 1 ชั่วโมง จากนั้นเช็ดออก

-คราบเขม่าหรือเถ้าถ่าน ใช้เกลือทาทับบางๆ แล้วเช็ดออก

-คราบปัสสาวะของเด็ก หรือสัตว์เลี้ยง เช็ดด้วยน้ำธรรมดา 1 ครั้ง จากนั้นใช้น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ ผสมกับสบู่เหลว 1 ช้อนชา เช็ดถูบริเวณรอยเปื้อน ทิ้งไว้ 15 นาที จึงเช็ดออก


10. การกำจัดมด แมลงสาบ ยุง มด

-ใช้ฟองน้ำเปียกๆ เช็ดตามทางมด มดจะหาทางเดินไม่เจอ

-โรยพริกป่น สะระแหน่แห้ง กากกาแฟ ตามบริเวณที่มดเดินหรือบีบมะนาวตามรูเข้าของมด แล้วทิ้งเปลือกมะนาวไว้ตรงนั้น ปลูกสะระแหน่ไว้รอบบ้าน มดจะไม่เข้าใกล้

-ใช้ผงฟูโรยตามทางของมด ง ใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเช็ดตามทางเดินมด แมลงสาบ

-ใช้ข้าวโอ๊ตหรือแป้งข้าวโพดผสมปูนปาสเตอร์ในอัตราส่วนเท่าๆ กัน โรยบริเวณที่แมลงสาบมารบกวน เมื่อแมลงสาบกินเข้าไปปูนพลาสเตอร์จะแข็งตัวแมลงสาบจะตาย

-ใช้ผงฟูผสมกับน้ำตาลทรายอย่างละเท่าๆ กัน โรยบริเวณที่แมลงสาบมารบกวน

-ใช้แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ บอแร๊กซ์ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันใช้โรยบริเวณที่แมลงมารบกวน ยุง

-เอาตะไคร้หอมหั่นแล้วตำ คั้นเอาแต่น้ำแล้วนำไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมันใช้ทาผิวหนังกันยุง

-ใช้กาบมะพร้าวหรือเปลือกส้มตากแห้งสุมไฟ เพื่อให้เกิดควันไล่ยุง

-ปลูกต้นแก้วหรือต้นราตรีไว้บริเวณปากประตู หน้าต่าง จะช่วยไล่ยุงได้
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2012, 11:35:05 AM »

การทำความสะอาดบ้าน Smiley


การวางแผนการทำความสะอาดบ้าน

บ้านที่สะอาดมีระเบียบจะช่วยให้ทุกคนในบ้านมีสุขภาพดี  ร่างกายแข็งแรง  จิตใจสบายและมีผลทำให้ทุกคนรักบ้าน    บางคนคิดว่างานบ้านทำความสะอาดบ้านเป็นงานหนัก     เหน็ดเหนื่อยและน่าเบื่อหน่าย    แต่ถ้าผู้ทำงานรู้หลักปฏิบัติที่ถูกต้อง    จะทำงานได้โดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยมากนัก    ผลคือบ้านที่สะอาดเรียบร้อยก็จะทำให้เราชื่นใจ    สบายใจ    หายเบื่อหน่าย
หลักปฏิบัติในการทำความสะอาดบ้าน  ควรทำดังนี้
 
1. เลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับชนิดของงาน
 2. ทำความสะอาดอยู่เสมอ
 3. แบ่งงานทำครั้งละน้อยๆ
 4. แยกงานทำเป็นประเภท
 5. ควรทำความสะอาดในตอนเช้า

หน้าต่าง
วิธีที่ง่ายและประหยัดที่สุดคือการใช้หนังสือพิมพ์ชุบน้ำแล้วเช็ด แต่ถ้าใครไม่ชอบกลิ่นของหมึกจากหนังสือพิมพ์ให้ใช้น้ำ 1 ส่วนผสมน้ำส้มสายชู 2ส่วน แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดบริเวณกระจกหรือหน้าบานตู้เก็บหนังสือ เท่านี้กระจกก็จะกลับมาเหมือนใหม่แล้ว

เฟอร์นิเจอร์ไม้
คราบไขมันบนเฟอร์นิเจอร์ไม้ทําความสะอาดได้โดยใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ ผสมกับน้ำ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วเช็ดบริเวณที่เปื้อน
หากมีรอยขีดข่วนให้ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำมันชักเงาถูจนรอยขีดข่วน
จางไป เมื่อทําความสะอาดแล้วควรลงน้ำมันเพื่อช่วยรักษาเนื้อไม้
อย่างสม่ำเสมอ

ผ้าม่าน
การทําความสะอาดผ้าม่านขึ้นอยู่กับเนื้อผ้า ซึ่งผ้าม่านส่วนใหญ่มักมีเส้นใยสังเคราะห์เป็นส่วนประกอบจึงควรซักด้วยมือโดยใช้น้ำยาซักผ้าซักกับน้ำอุ่น แต่อย่าบิด ไม่งั้นผ้าม่านสุดหรูอาจจะดูไม่จืดก็เป็นได้

ที่นอน
ไม่ว่าจะเป็นที่นอนแบบใด ให้หมั่นนําออกมาตากแดด เพื่อให้ที่นอนได้ถ่ายเทอากาศ ช่วยลดฝุ่นละออง และควรกลับด้านที่นอนเป็นประจําทุกๆ 3 เดือน หากมีรอยเปื้อนหรือคราบสกปรกให้ใช้ผ้าชุบน้ำสบู่เช็ดเบาๆ แล้วนําไปตากแดดให้แห้งก่อนนํากลับมาใช้งาน

เครื่องปรับอากาศ
ควรทําความสะอาดแผ่นกรองที่อยู่ด้านในอย่างน้อยเดือนละครั้งด้วยการถอดออกมาจากเครื่องแล้วใช้น้ำฉีดทางด้านหลังของแผ่นให้ฝุ่นหลุดออกมา ส่วนการล้างเครื่องปรับอากาศแบบเต็มระบบควรทําอย่างน้อยปีละครั้งและควรยกให้เป็นหน้าที่ของช่างจากศูนย์บริการจะดีที่สุด



กระเบื้องพื้น-ผนัง
ส่วนใหญ่คราบสกปรกและเชื้อราดํามักจะเกิดขึ้นในห้องน้ำที่อับชื้น โดยเฉพาะบริเวณร่องยาแนวกระเบื้องหรือมุมห้องที่มีน้ำขัง ควรทําความสะอาดโดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อราฉีดบริเวณที่เกิดเชื้อรา ทิ้งไว้สักครู่แล้วใช้แปรงขัดออก นอกจากนั้นแล้วควรป้องกันเชื้อราดําอย่างถาวรด้วยการติดตั้งพัดลมดูดอากาศหรือช่องเปิดที่ให้แสงสว่างและมีการระบายอากาศได้

ปูนเปลือย
คุณสมบัติของปูนเปลือยนั้นไม่เหมือนกระเบื้อง ทำให้เกิดตะไคร่น้ำได้ง่ายกว่าจึงต้องหมั่นทําความสะอาดและดูแลรักษาให้แห้งอยู่เสมอในจุดที่เกิดตะไคร่น้ำ ให้ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อราและตะไคร่น้ำบนพื้นผิวปูนเปลือยทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก หลังจากพื้นผิวแห้งสนิทให้ใช้น้ำยาป้องกันตะไคร่น้ำมาเคลือบพื้นผิวทิ้งไว้ประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง แล้วจึงทาอีกครั้งก็จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

สุขภัณฑ์ห้องน้ำ
สุขภัณฑ์ห้องน้ำส่วนใหญ่มักจะเป็นสีขาวและปัญหาที่พบมากก็คือเมื่อใช้งานไปนานวัน สุขภัณฑ์ก็จะดูหม่นหมอง ไม่สดใสเหมือนวันแรกที่ซื้อมา คุณสามารถแก้ปัญหานี้ได้ด้วยการใช้คลอรีนผสมน้ำแล้วเทลงในอ่างล้างหน้า ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมง หากเป็นโถสุขภัณฑ์ให้ใช้แปรงขนอ่อนชุบคลอรีนแล้วขัดเบาๆ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เท่านี้สุขภัณฑ์ของคุณก็สะอาดเหมือนใหม่

ดับกลิ่นเหม็นในห้องน้ำ

ใช้ห้องน้ำไปนานๆ ไม่ว่าบ้านไหนๆ ก็จะต้องมีกลิ่นน่ารังเกียจโชยออกมาจากชักโครก ให้คุณละลายเกลือเม็ดใหญ่ในน้ำ 2-3 ลิตรจนน้ำเค็มจัด จากนั้นนำไปราดที่โถส้วม ทิ้งไว้สักครู่หนึ่งกลิ่นที่น่ารังเกียจก็จะหายไป



เช็ดถูพื้นที่มีคราบมัน

ห้องครัวที่เราใช้ประกอบอาหารกันอยู่บ่อยๆ คงเจอะเจอปัญหาที่มีคราบมันติดเหนียว และล้างทำความสะอาดยาก วิธีทำความสะอาดให้ใช้ผ้าถูพื้นชุบน้ำแล้วบีบพอหมาด จากนั้นเทน้ำส้มสายชูลงบนผ้าถูกพื้น แล้วนำไปเช็ดถูดตามที่ต่างๆ คราบมันและคราบสกปรกจะหลุดออกอย่างง่ายดาย

ขจัดคราบสนิมบนซิงค์ล้างจาน

ซิงค์ล้างจานที่ทำด้วยอลูมิเนียม เวลาใช้ไปนานๆหยดน้ำจะกัดเซาะ ทำให้เกิดสนิม วิธีแก้ไขง่ายๆ คือ ให้ใช้เกลือป่นขัดซิงค์ล้างจานที่เป็นสนิม คราบสนิมเหล่านั้นจะหลุดออกอย่างง่ายดาย

พื้นกระเบื้อง
จุดที่ควรระวังของพื้นห้องครัวคือบริเวณร่องระหว่างแผ่นที่มักมีสิ่งสกปรกตกค้างอยู่แม้จะยาแนวแล้วก็ตาม ต้องหมั่นทําความสะอาดด้วยการใช้แปรงขนอ่อนชุบน้ำสบู่หรือผงซักฟอกแล้วขัดเบาๆ ถ้าเกิดเชื้อราควรใช้น้ำยาทําความสะอาดชนิดมีสารป้องกันเชื้อราก็จะช่วยได้

การทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้า

                เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่มีคราบสกปรกติดแน่นสามารถเช็ดถูออกได้โดยง่าย ด้วยการใช้ยาสีฟันเช็ดถูให้ทั่ว จนคราบสกปรกหลุดออก แล้วจึงใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกที



แก้ท่อตัน

                อ่างล้างจานตามบ้าน มักมีปัญหาเศษอาหารหรือไขมันเกาะรอบท่อ และหากปล่อยทิ้งไว้นานๆอาจทำให้ท่อตันได้ วิธีแก้ไขคือ ให้คุณนำเกลือแกงใส่ลงไปในท่อสัก 2-3 ช้อน จากนั้นให้นำเบคกิ้งโซดาหรือผงฟู ต้มน้ำให้เดือดเทตามลงไป ไขมันที่อุดตันอยู่ก็จะหมดไป

แก้รอยด่างบนโต๊ะ

                โต๊ะหรือหลังตู้ที่ทาด้วยชแล็กหากโดนน้ำหรือความร้อนจะทำให้เกิดรอยด่าง ไม่สวยงาม วิธีแก้ไข โดยใช้ผ้าชุบแอลกอฮอล์วางบนรอยด่างดำ 2-3 นาที แล้วเช็ดออก รอยด่างบนโต๊ะจะหายไป

คราบกาแฟสลาย

                คุณที่ชื่นชอบการดื่มกาแฟไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน มักจะมีแก้วกาแฟประจำตัว อาจมีปัญหาคราบกาแฟติดแน่น ดูไม่สะอาด วิธีล้างแก้วให้สะอาดเหมือนใหม่ ทำได้โดยใช้เกลือประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ ละลายกับน้ำอุ่น 1 ถ้วยกาแฟ แล้วใช้ผ้าสะอาดจุ่มน้ำเกลือ เช็ดทำความสะอาดตามคราบกาแฟที่ติดอยู่ในแก้ว คราบสีคล้ำจะหมดไปในพริบตา

ดับกลิ่นขยะ

                คุณสามารถลดกลิ่นขยะที่อยู่ในถังขยะทั้งภายในและภายนอกบ้านได้ โดยใช้กระดาษหนังสือพิมพ์เก่าๆ รองไว้ใต้ถังขยะหรือถุงดำก่อนจะทิ้งขยะลงไป กระดาษหนังสือพิมพ์จะช่วยดูดซับกลิ่นขยะไว้ได้มากทีเดียว เมื่อเปิดฝาทิ้งขยะครั้งต่อไป กลิ่นต่างๆก็จะไม่มารบกวนให้รำคาญใจได้อีก
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 26, 2012, 11:35:43 AM »

คล็ดลับดี ๆ กับวิธีทำความสะอาดบ้าน หลังน้ำท่วม





หลังจากแน่ใจว่าน้ำลดแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือเคลียร์พื้นที่ให้สะอาดดังเดิม ซึ่งเป็นเรื่องที่เหน็ดเหนื่อยมาก จะจ้างคนมาทำความสะอาดบ้าน ก็ต้องต่อแถวคิวยาว คุณสะใภ้อินเตอร์ได้กล่าวว่า ตนกับสามีจึงใช้เครื่องทุ่นแรงคือ เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง ที่ส่วนใหญ่จะซื้อมาทำความสะอาดรถยนต์และรถจักรยานยนต์กัน ส่วนเครื่องมือทุนแรงอีกอันนั้นก็คือ ไม้ไล่น้ำ ซึ่งช่วยทำให้บ้านสะอาดทันตาเห็นเลยทีเดียว

สำหรับวิธีเลาะซิลิโคน ที่เราอัดรูระหว่างประตู ตอนน้ำท่วม มีดังนี้...



1. ใช้มีดปลายแหลมกรีดตามรอยซิลิโคนที่ยิง



2. เมื่อเอากำแพงออกจะมีรอยเลอะและคราบของซิลิโคนติดอยู่ 





3. ใช้มีดปลายแหลมลอกซิลิโคนออก (ถ้าไม่มีเครื่องมือข้างต้น อาจจะใช้คัตเตอร์ หรือมีดแทนได้)



4. ใช้มีดปลายแหลมขูดเศษของซิลิโคนออกอีกรอบ



5. ทำความสะอาดลอกซิลิโคนออกจากกำแพงกั้นน้ำสังกะสีหรือแผ่นโพลีคาร์บอเนตด้วยความปราณีตเผื่อได้ไว้ใช้งานต่อ 



6. เก็บกวาดอีกครั้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย 


เกริ่นนำโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณสะใภ้อินเตอร์

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 10:32:36 PM »

ซักหมวกอย่างไรไม่ให้เสียทรง




ไม่ต้องกลัวอีกแล้วว่าหมวกจะเสียทรงหรือเสื่อมสภาพลงเมื่อผ่านการซัก วิธีการทำความสะอาดหมวกขั้นตอนเหล่านี้ช่วยคุณได้ โดยไม่ต้องนำหมวกใบเก่งไปลงเครื่องซักผ้า

1.ใช้ลูกกลิ้งเทปกาวลอกเศษผงฝุ่น เส้นผมออกจากหมวก ทั้งบริเวณขอบหมวก และส่วนที่มีฝุ่นจับ

2.ใช้ผ้าชุบน้ำชื้นๆ เช็ดทำความสะอาดหมวกซ้ำ

3.หยดน้ำยาซักผ้าประมาณ 3 หยดลงบนผ้าชื้น สเปรย์ด้วยน้ำยาขจัดคราบทับลงบนผ้าด้วย

4.ใช้ผ้าเช็ดที่รอบๆขอบหมวกเพื่อขจัดคราบเหงื่อไคลก่อน จากนั้นจึงทำความสะอาดหมวกด้านนอก

5.เช็ดหมวกให้สะอาดอีกทีเพื่อล้างคราบน้ำยาซักผ้าออก ด้วยผ้าชุบน้ำสะอาด จากนั้นนำหมวกไปตากลมให้แห้ง


 
 
ขอบคุณ LISAGURU
 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #20 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 10:35:06 PM »

วันเกิดกับเครื่องประดับ
 


  เกิดวันไหนควรใช้เครื่องประดับสีอะไรดี ?

วันอาทิตย์

          สีที่นิยม นำมาใช้วันอาทิตย์ที่เหมาะสมที่สุด ได้แก่ สีเขียวอ่อน เขียวมรกต สีชมพูอ่อน
           สีที่ไม่นิยม นำเอามาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ได้แก่ สีน้ำเงิน สีฟ้า

    วันจันทร์

           สีที่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์ ได้แก่ สีม่วง สีเขียวมรกต
           สีที่ไม่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์ ได้แก่ สีแดงทับทิม สีแดงโกเมน

    วันอังคาร

           สีที่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร ได้แก่ สีแสด สีม่วง
           สีที่ไม่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร สีเหลือง สีเหลืองนวล

    วันพุธ

            สีที่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ ได้แก่ สีเขียว สีเขียวมรกต สีแสด สีเหลือง
            สีที่ไม่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ ได้แก่ สีชมพูอ่อน สีชมพูแก่ สีขาว

    วันพฤหัส

           สีที่นิยมนำ มาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี ได้แก่ สีเหลือง สีขาว สีฟ้า สีเขียว สีแดง และสีอื่นๆ ได้ทั้งสิ้น
           สีที่ไม่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัส ได้แก่ สีม่วง

    วันศุกร์

           สีที่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์ ได้แก่ สีขาว สีชมพูอ่อน สีชมพูแก่ สีเหลือง
           สีที่ไม่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์ ได้แก่ สีเขียวมรกต สีเขียวหยก

    วันเสาร์

           สีที่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์ ได้แก่ สีฟ้า สีน้ำเงิน สีเขียวสว่าง
            สีที่ไม่นิยม นำมาใช้สำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์ ได้แก่ สีเขียวมรกต สีเขียวหยก




FW Mail
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #21 เมื่อ: มีนาคม 04, 2012, 05:26:59 PM »

5 เคล็ดลับสมุนไพรไทยคลายร้อน 


อากาศร้อนๆ เช่นนี้ หลายคนอาจกำลังหาวิธีผ่อนคลายความร้อนกันสารพัดรูปแบบ บ้างหลบร้อนด้วยการไปเที่ยวทะเล หรือ ทาแป้งเย็นหลังอาบน้ำก็ยิ่งดี แต่ถ้ายังไม่มีวิธีที่ถูกใจ เรามี 5 สมุนไพรไทยคลายร้อนมาฝากกันค่ะ
 
    1. ผักและผลไม้ไทยรสขมหรือเย็น ตามหลักของการแพทย์แผนไทยบอกไว้ว่า ฤดูร้อน ธาตุไฟจะมาก ถ้าเราจะดับร้อนด้วยอาหาร ก็ต้องรับประทานอาหารที่มีรสขมหรือรสเย็น ไม่ว่าจะเป็นพืชผักหรือผลไม้ก็ได้ นำมาปรุงเป็นอาหารหรือเครื่องดื่ม รสขมจะช่วยกระตุ้นให้เจริญอาหาร และช่วยอาการครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะความร้อนได้ด้วย

    2. ใครๆ ที่โปรดปรานน้ำพริกเป็นพิเศษ ก็อยากจะแนะนำว่า อย่าให้รสเผ็ดจัดมากนัก เพราะอาจร้อนยิ่งขึ้นได้ แต่หากชอบน้ำพริกจริงๆ ก็ต้องรับประทานแกล้มกับผัก ไม่ว่าจะเป็นแตงกวา แตงโมอ่อน ตำลึง ยอดแคลวก ส่วนคนที่นิยมรับประทานใบบัวบกสดๆ ให้นำมาคั้นเป็นเครื่องดื่มก็ยิ่งดี

    3. ขนมจำพวกลอยแก้วต่างๆ เช่น กระท้อนลอยแก้ว ว่านหางจระเข้ลอยแก้ว นอกจากรสชาติอร่อยแบบไทยๆ แล้วยังชื่นใจ ช่วยคลายร้อนได้อย่างมาก สำหรับชาวชีวจิต เราแนะให้ใช้น้ำตาลทรายมาปรุง และระวังอย่าให้หวานมาก

    4. ดับกระหายด้วยน้ำดื่ม อาจจะนำดอกมะลิหอมๆ มาลอยในน้ำดื่มก็ได้ หรือหยดด้วยน้ำยาอุทัยยิ่งดี เพราะนอกจากจะมีกลิ่นหอมชื่นใจ ในน้ำยาอุทัยที่ดื่มๆ กันนั้น ยังมีสมุนไพรไทยชื่อว่า ฝาง ที่มีสรรพคุณบำรุงโลหิต ทำให้เลือดเย็น แก้ท้องร่วง ธาตุพิการ แก้กระหายน้ำได้ดี

           นอกจากนี้ ยังมีชะเอมเทศ และอบเชยเทศ มีสรรพคุณบำรุงหัวใจ ขับลมเบื้องต่ำ แก้เสมหะเป็นพิเศษ แต่งกลิ่น แก้คันระคายคอ และมีเกสรทั้งห้าที่ช่วยแก้ร้อนในกระหายน้ำ ชูกำลัง บำรุงหัวใจ แก้ลมวิงเวียน ทำให้เจริญอาหาร

    5. แก้ร้อนในด้วยฟ้าทะลายโจร หรือมะแว้ง ในส่วนของฟ้าทะลายโจรมีวิธีกินง่ายๆ โดยเอาใบมาล้างให้สะอาดใส่แก้วแล้วเทน้ำ ร้อนลงไปจิบน้ำอุ่น หรือรับประทานแบบแคปซูลก็ได้จะขมน้อยกว่า แต่ถ้ามีแผลในปากร่วมด้วย ควรใช้เสลดพังพอนตัวเมีย คั้นเอาแต่น้ำ และ ใช้ทา ช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น



ที่มา ... ชีวจิต
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #22 เมื่อ: มีนาคม 21, 2012, 08:45:15 PM »

เคล็ดลับ ดูแลเครื่องซักผ้า ให้ใหม่อยู่เสมอ 


1.ควรแช่ผ้าเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกก่อนนำเข้าเครื่อง นอกจากจะช่วยให้เครื่องไม่ต้องทำงานหนักแล้ว ยังทำให้ผ้าเราสะอาดขึ้นด้วย และปริมาณผ้าที่ใส่ควรเหมาะสมกับความจุของเครื่องซักผ้า ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป
2.ในช่องใส่ผงซักฟอก ช่องน้ำยาปรับผ้านุ่ม และตาข่ายกรองเศษผง ควรถอดออกมาล้างทำความสะอาดบ่อย ๆ เพื่อล้างคราบน้ำยา หรือคราบสกปรกต่าง ๆ
3.ตัวถังภายนอกนั้นให้ใช้ฟองน้ำนุ่ม ๆ หรือผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดทำความสะอาด
4.หลังการใช้งานทุกครั้งควรเปิดฝาไว้เพื่อระบายความอับชื้น ส่วนไส้กรองน้ำทิ้ง ควรถอดออกมาทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ป้องกันการอุดตัน
5.สำหรับตัวถังภายใน ควรล้างทำความสะอาดเดือนละครั้งก็ได้ โดยให้ตั้งโปรแกรมซักผ้าหนา ตั้งอุณหภูมิน้ำไว้ที่สูงสุด แล้วเปิดเครื่องปล่อยให้เครื่องเปล่าทำงานไปจนจบโปรแกรม โดยไม่ต้องใส่เสื้อผ้าหรือผงซักฟอกทั้งนั้น หรือถ้าเครื่องซักผ้าที่ใช้ไม่มีโปรแกรมน้ำร้อน ให้ใช้น้ำส้มสายชูแทน

-โดยเทน้ำส้มสายชูปริมาณ 1 ขวด ลงไปที่ตัวถังภายใน
-ตั้งโปรแกรมให้เครื่องทำงานที่โหมดซักผ้าหนา และโปรแกรมสกปรกปานกลาง จนเสร็จเรียบร้อย
-หรือ ใช้แอมโมเนียประมาณ 2 แก้วผสมน้ำเย็นธรรมดาครึ่งลิตรใส่ลงในเครื่องซักผ้า แล้วเปิดเครื่องทำงาน แอมโมเนียจะช่วยไล่คราบฝุ่นออกจากตัวเครื่องและป้องกันการอุดตันได้ด้วย


ลองทำตามคำแนะนำที่สะกิดเก็บมาฝากนะคะ ไม่ยากเลยค่ะ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง


 
 
บทความจาก SAKID
 
 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #23 เมื่อ: มีนาคม 21, 2012, 08:48:22 PM »

แก้ไขปัญหาซิปกางเกงชอบร่วง

วันนี้เอาทิปเล็กๆ มาฝากกัน หลายคนคงเคยเจอปัญหาซิบกางเกงชอบไหลลงจนคนทัก ว้าย! ไม่รูปซิบ

วิธีแก้ไขก็ง่ายๆ ทำตามรูปเลยค่ะ











thanks
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #24 เมื่อ: มีนาคม 28, 2012, 09:31:32 PM »

เคล็ดลับการใช้สเปรย์ฉีดผมอย่างถูกวิธี
เคล็ดลับการใช้สเปรย์ฉีดผมอย่างถูกวิธี




เคล็ดลับการใช้เสปรย์ฉีดผมอย่างถูกวิธี (Lisa)

          Q : ฉันมีความจำเป็นต้องใช้สเปรย์ฉีดผมเป็นประจำ แต่ไม่แน่ใจตัวเองว่าฉีดสเปรย์ได้ถูกวิธีหรือเปล่า มีคำแนะนำบ้างมั้ยคะ?

          A : สาว ๆ ส่วนใหญ่มักจะฉีดสเปรย์ผิดวิธี คือฉีดจนชิดกับโคนผมจนเกินไป จริง ๆ แล้ว คุณควรถือกระป๋องสเปรย์ให้อยู่ห่างจากศีรษะประมาณ 12-14 นิ้ว ถือกระป๋องให้มั่นคงแล้วส่ายไปทั่วศีรษะในขณะฉีด (อย่าฉีดเป็นจุด ๆ)


          วิธีนี้จะช่วยให้คุณฉีดสเปรย์ได้อย่างสม่ำเสมอเท่ากันทั้งศีรษะ ข้อควรระวังอีกอย่างหนึ่งก็คือ อย่าฉีดสเปรย์ในปริมาณมากเกินไป เพราะจะทำให้เส้นผมแข็งปั๋งเหมือนสวมหมวกกันน็อคไว้ทีเดียว และถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ ก็จะยิ่งทำให้ล้างออกได้ยากขึ้น เนื่องจากสเปรย์ฉีดผมส่วนใหญ่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์อยู่ในปริมาณสูง




บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #25 เมื่อ: เมษายน 13, 2012, 08:07:37 AM »

คลายร้อน ด้วยเคล็ดลับการกิน



คลายร้อน ด้วยเคล็ดลับการกิน (ไทยโพสต์)

           ย่างเข้า "ฤดูร้อน" นอกจากจะให้ความรู้สึกสนุกสนานร่าเริงแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกร้อนระอุจากความร้อนของแสงแดดอันแผดกล้า จนต้องมองหาวิธีการที่ทำให้เรารู้สึกเย็นสบาย เช่น การไปเที่ยวทะเล ปีนเขา หรืออยู่แต่ในที่ร่ม เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญกับความร้อนจากแสงแดดให้ได้มากที่สุด  การสร้างสภาพแวดล้อมที่เย็นสบายก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี

           แต่ยังมีวิธีที่เราสามารถคลายร้อนจากภายในร่างกายของเราเองได้ ด้วยการรับประทานอาหารอย่างถูกหลักง่าย ๆ ด้วยเคล็ดลับดี ๆ โดยโภชนากรซูซาน โบเวอร์แมน ที่ปรึกษาของเฮอร์บาไลฟ์ อินเตอร์เนชั่นแนล ลิมิเต็ด  นำมาบอกค่ะ




ผลไม้จำพวกแตง

           บรรดาเหล่าแตงทั้งหลาย อาทิ แตงโมและแคนตาลูป ซึ่งมีส่วนประกอบของน้ำสูงถึง 95% จึงสามารถทดแทนน้ำในร่างกายที่สูญเสียไป เนื่องจากอากาศร้อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังอุดมด้วยโปแตสเซียม โดยเฉพาะแคนตาลูปซึ่งถือเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงอีกประเภทหนึ่ง เพราะนอกจากจะมีโปแตสเซียมสูงกว่าแตงโมถึง 3 เท่าแล้ว สีส้มของแคนตาลูป ยังมีสารเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายไม่ให้รับผลกระทบจากรังสี อัลตราไวโอเลตอีกด้วย




ผลไม้ตระกูลเบอรี่

           ผลไม้ตระกูลเบอรี่ จัดเป็นผลไม้รสอร่อยประจำฤดูร้อน มีส่วนผสมของน้ำและสารประกอบทางธรรมชาติสำหรับรักษาอาการปวดบวมอักเสบ ซึ่งสารดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นส่วนผสมของยาแอสไพริน ดังนั้น การบริโภคเบอรี่รสหวานฉ่ำอร่อยเลิศ จึงช่วยลดอาการอักเสบและช่วยถอนพิษจากการเผาไหม้ของแสงแดดฤดูร้อนได้เป็นอย่างดี





ผักขม

           ผักขมให้คุณประโยชน์หลัก 2 ประการ ประการแรก ผักขมและผักใบเขียวนอกจากจะอุดมไปด้วยน้ำ ยังเป็นแหล่งสะสมของแมกนีเซียม หนึ่งในแร่ธาตุที่เราสูญเสียไปพร้อมกับเหงื่อที่ถูกขับออกจากร่างกาย นอกจากนี้ ใบสีเขียวเข้มของผักขมยังมีสารลูติน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ จึงช่วยปกป้องผิวและสายตาจากการถูกทำลายจากแสงแดด




พริกไทย

           พริกไทย อาจเป็นตัวเลือกอันดับสุดท้ายสำหรับหลาย ๆ คนที่จะนำมาบริโภคในช่วงอากาศร้อน แต่ในความเป็นจริงเราจะพบว่าพริกไทยที่เผ็ดร้อนสามารถกระตุ้นให้เกิดการขับ เหงื่อออกจากร่างกาย ซึ่งเมื่อเหงื่อระเหยออกจากผิว จะทำให้เกิดความรู้สึกเย็นสบายให้แก่ร่างกายของเราได้อย่างน่าอัศจรรย์ นอกจากนี้ พริกไทยยังมีวิตามินซีสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระอีกตัวหนึ่งที่ช่วยปกป้องผิวจากการถูกคุกคามของ แสงแดด และหากคุณยังรู้สึกร้อนระอุ ลองบริโภคอาหารรสจัดและมีกลิ่นฉุนอย่างกระเทียมสดและขิง ซึ่งมีคุณสมบัติในการขับเหงื่อเหมือนกัน ก็จะช่วยให้คุณรู้สึกสบายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ

           อย่างไรก็ตาม แม้ผลไม้และผักจะมีส่วนประกอบของน้ำในปริมาณมาก แต่ไม่ควรบริโภคเฉพาะผลไม้และผักแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อชดเชยการสูญเสียน้ำ ในหน้าร้อน ให้ดื่มน้ำมาก ๆ และพยายามอย่าให้เกิดความรู้สึกกระหาย เมื่อถึงเวลาที่ร่างกายของคุณสั่งให้คุณดื่มเครื่องดื่ม นั่นหมายความว่าร่างกายของคุณค่อนข้างขาดน้ำ เครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬาจึงเป็นทางเลือกที่ดีอีกตัวหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่คุณออกกำลังกายในสภาพอากาศร้อนชื้น เกลือแร่จะช่วยดูดซับความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกายได้สูงสุด นอกจากนี้ รสชาติอันหวานละมุนของเครื่องดื่มเกลือแร่สำหรับนักกีฬาก็ยังเชิญชวนให้คุณ เกิดความรู้สึกอยากดื่มได้อีก




การดื่มเครื่องดื่มที่เหมาะสมร่วมกับการ บริโภคผักและผลไม้สดในปริมาณมาก จะช่วยทำให้คุณคลายร้อนได้อย่างวิเศษสุด ทั้งยังช่วยทดแทนน้ำและเกลือแร่ที่สูญเสียจากการขับเหงื่อของร่างกาย นอกจากนี้ ผักและผลไม้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องร่างกายจากการคุกคามของแสง แดด ทำให้คุณคลายร้อนและรู้สึกเย็นกายสบายใจท่ามกลางอุณหภูมิของอากาศอันร้อนระอุ... 


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #26 เมื่อ: เมษายน 15, 2012, 10:45:15 AM »

เกร็ดความรู้ วิธีปอกแอปเปิ้ลไม่ให้ดำ


สำหรับคนที่ปอกแอปเปิ้ลและวเบื่อกับสีที่ดำ ไม่สวย ไม่น่ากิน เหมือนตอนปอกใหม่ๆ

วิธีแรก

ให้ปอกแอ๊ปเปิ้ล แช่น้ำเกลือ เกลือ 1 ช้อนชา ในน้ำ 1 ชาม
วิธีที่ 2

ปอกแอ๊ปเปิ้ล แช่น้ำ มะนาว ผสมน้ำสะอาด  น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ในน้ำ 1 ชาม

นำแอ๊ปเปิ้ลวิธีใดวิธีหนึ่ง ใน 2 วิธี ลงไปผ่านน้ำสักครู่ สะเด็ดน้ำให้แห้ง นำไปใส่กล่อง เก็บใส่ตู้เย็น



ข้อมูลจาก sakid ดอทคอม


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #27 เมื่อ: เมษายน 16, 2012, 08:45:05 PM »

5 เทคนิคแก้เมารถแบบมือโปร



แผนการท่องเที่ยวที่แพลนไว้ดิบดีต้องหมันแน่ๆ ถ้ามัวแต่เมารถ แต่สำหรับนักเดินทางมือโปร เรื่องนี้ไม่มีทางเกิด เพราะเขามีวิธีที่ได้ผลที่สุดไว้ป้องกันตัว


มองไปข้างหน้า

ข้อ ห้ามของการนั่งรถทางไกลคือต้องไม่ก้มหน้าอ่านหนังสือหรือเล่นเกมเพราะการก้ม หน้าจะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่สะดวก ที่นี้อาการคลื่นใส้ อาเจียนงก็จะตามมา


หยุดพักเมื่อมีโอกาส

อย่า ตลุยนั่งรวดเดียวสิบชั่วโมงรวด ถ้าเป้นไปได้คุณควรบอกให้คนขับจอดพักเป้นระยะๆ อาจจะขอเข้าห้องน้ำหรือเดินยืดสายก็ยังดี เพื่อเปลี่ยนอิริยาบถให้เลือดลมไหลเวียนได้สะดวกขึ้น


เบาะนี้ขอจอง

ท้าย รถจะเป้นส่วนที่ได้รับแรงเหวี่ยงแรงกระทบของรถมากกว่าส่วนหน้าคนที่นั่งตรง นี้จึงเสี่ยงกับการเมามากกว่า เพราะฉะนั้นคนฉลาดอย่างเราจึงต้องใช้วิชาพลิ้วไปนั่งข้างหน้าก่อนที่คนอื่น จะมาแย่งไป


อย่ากินเต็มที่

การ มีอาหารเต็มท้องจะทำให้คุณยิ่งรู้สึกคลื่นใส้มากขึ้น ถ้ารู้ว่าจะต้องเดินทาง ผู้หญิงขี้เมาทั้งหลายจึงไม่ควรทางอาหารเต็มที อย่างมากก็รองท้องมานิดๆ หน่อย ก็พอ


เปิดกระจกให้อากาศถ่ายเท

ออกซิเจน จะช่วยให้สมองแจ่มใส ลดอาอารเมาลงไปได้ ถึงจะนั่งที่ปิดหน้าต่างมิดชิด แต่ก็ควรที่จะเปิดเป็นครั้งคราว ให้ลมข้างนอกพอออกซิเจนเข้ามาในตัวรถ ยิ่งถ้านั่งที่แออัด ผู้โดยสารเพียบ ยิ่งควรเปิดหน้าต่างบ่อยๆ ให้อากาสถ่ายเทได้สะดวก

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #28 เมื่อ: เมษายน 18, 2012, 07:33:29 PM »

เอาไข่ไปแช่น้ำส้มสายชู แล้วจะเกิดอะไรขึ้น??



สอนทำไข่เรืองแสง สุดพิสดาร เอาไข่ไปแช่น้ำส้มสายชู 7 วัน แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด จากนั้นแกะเปลือกไข่โลด แล้วคุณจะพบกับผลลัพธ์ ที่น่าอัศจรรย์มากๆ ใครอยากรู้ว่า ไข่เรืองแสงมันทำได้จริงหรือไม่ กลับบ้านไปลองกันเลยครับพี่น้อง











Shocked Shocked Shocked Shocked Shocked
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #29 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2012, 05:42:40 PM »

เคล็ดลับช่วยคุณสาว ๆ ยกของอย่างถูกต้อง




เคล็ดลับช่วยคุณสาว ๆ ยกของอย่างถูกต้อง (Modern Mom)
เรื่อง : Sean Nemi

ใน ช่วงที่จัดบ้านใหม่อาจมีบ้านที่ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ จะต้องยกเคลื่อนย้ายสิ่งของที่มีน้ำหนัก หรือขนาดใหญ่เกินตัว หากจำเป็นต้องตัดสินใจเคลื่อนย้ายจริง ๆ แล้ว อย่าลืมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญด้วย

 วางแผนยกและย้าย

 1.ประเมิน น้ำหนักและขนาดสิ่งของที่จะยกก่อนว่า สามารถยกตามลำพังได้หรือไม่

 2.ตรวจสอบ สิ่งของที่จะยกว่าเป็นวัสดุแบบไหน เช่น โลหะ แก้ว เป็นต้น และอย่าลืมตรวจดูความปลอดภัยด้วยว่ามีของมีคมโผล่ออกมาจากกล่องหรือไม่

 3.เช็กเส้นทางเคลื่อนย้าย ว่า มีสิ่งของกีดขวางทางเดินหรือไม่ พื้นต้องไม่ลื่น มีแสงสว่าง และพื้นที่วางของเพียงพอ

 4.ใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถเข็น หรืออุปกรณ์ช่วยยก อย่างแม่แรง จะช่วยทุ่นแรงได้เป็นอย่างดี แต่ควรต้องศึกษาวิธีการใช้ก่อน ไม่อย่างนั้นตัวช่วยก็จะกลายเป็นตัวถ่วงได้ค่ะ

 5.ยกบ้างวางบ้าง เมื่อยกของที่หนักแล้วให้สลับมายกของเบา เพื่อพักกล้ามเนื้อ และเพื่อช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ

 6.ป้องกันมือไม้ สวม ถุงมือทุกครั้งก่อนยกและย้ายของ เพื่อป้องกันการถลอก ขูดขีด และโดนของมีคมบาดได้ ควรสวมรองเท้าเพื่อป้องกันการลื่นไถล สวมหมวก เพื่อป้องกันการบาดเจ็บจากวัสดุสิ่งของหล่นทับ





 ระวังก่อนยก

นอกจากการยกของที่ถูกวิธีแล้ว ยังมีข้อควรระวังอื่นที่ควรคำนึงถึงด้วย คือ

 1.ไม่ยกของที่อยู่สูงเกินไป หรือต้องใช้มือเอื้อม

 2.ไม่ควรยกของขณะที่มีเด็กอยู่บริเวณนั้น

 3.อยู่ในช่วงหลังคลอด ห้าม! ยกของเด็ดขาด

 4.หากมีปัญหาเรื่องข้อ หรือกระดูกอยู่แล้ว ควรเลี่ยง เพราะจะยิ่งทำให้อาการกำเริบยิ่งขึ้น

 5.ขณะยกและย้ายของไม่ควรทำคนเดียว เผื่อกรณีที่อาจจะเกิดอุบัติเหตุจะได้มีคนช่วยเหลือ

 มากอาการ หากยกผิด

 1.ปวดหลัง ทั้งเฉียบพลันและเรื้อรัง หากดันทุรังยกต่อจะยิ่งทำให้อาการเพิ่มมากขึ้น

 2.โรคกระดูกทับเส้นประสาท เป็นผลพวงจากการที่กระดูกสันหลังกระจายแรงกดไม่เท่ากัน

 3.เข่าเสื่อม จากการย่อเข่าผิดวิธี

 4.มือชา เนื่องจากเส้นเลือดและเส้นประสาทถูกกดทับ

 5.ไส้เลื่อน คุณผู้หญิงก็เป็นได้นะคะ เกิดจากการยกของหนักเกินไป จนเกิดแรงดันในช่องท้อง




ยกของให้ถูกท่า

 1.ยืนให้ชิดกับสิ่งของ วางเท้าข้างหนึ่งอยู่ด้านข้าง อีกข้างอยู่ด้านหลังสิ่งของ เพื่อป้องกันการเสียสมดุลของร่างกาย

 2.ย่อเข่าลง ให้หลังเป็นแนวตรง เพื่อรักษาสภาพความโค้งงอของกระดูกสันหลังให้เป็นแนว เพื่อกระจายแรงกดลงบนหมอนรองกระดูกสันหลังเท่า ๆ กัน

 3.จับวัสดุสิ่งของให้มั่นคง โดยใช้ฝ่ามือจับไม่ใช่ปลายนิ้ว เพื่อป้องกันการลื่นหลุดมือ

 4.ค่อย ๆ ยืดเข่า เพื่อยืนขึ้น โดยใช้กำลังจากกล้ามเนื้อขา และในขณะที่ยืนขึ้น หลังจะอยู่ในแนวตรงหรือเป็นไปตามธรรมชาติ

 5.ให้แขนชิดลำตัว ไม่ควรกางแขนออก และให้วัสดุสิ่งของที่จะยกอยู่ชิดกับลำตัวให้มากที่สุด เพื่อให้น้ำหนักของวัสดุสิ่งของผ่านลงที่ต้นขาทั้งสองข้าง ให้ศีรษะและกระดูกสันหลังอยู่ในแนวเดียวกัน คืออยู่ในแนวตรง ซึ่งจะทำให้มองเห็นทางเดินได้ชัดเจนในขณะที่ยกขึ้น และค่อย ๆ ก้าวเดินไปจุดหมายอย่างมั่นคง ไม่รีบร้อน

จริง ๆ แล้วไม่แนะนำให้คุณผู้หญิงยกของหนัก ๆ ด้วยตัวเองนะคะ เพราะอาการที่เกิดขึ้นได้ไม่คุ้มเสีย ให้เป็นหน้าที่ของคุณผู้ชายจะดีกว่าค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 5   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: