Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 2 3 [4] 5   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เคล็ด[ไม่]ลับ  (อ่าน 32696 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #45 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2013, 09:33:29 AM »

5 เคล็ดลับกับการเลือกใช้หลอดไฟ

แสงสว่างเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากสำหรับในปัจจุบัน ทั้งในการดำเนินชีวิตประจำวัน และในภาคธุรกิจอื่นๆ หากเรามาดูตัวเลขของค่าไฟในแต่ละเดือนคงจะเห็นได้ว่ามีมูลค่ามากมายเพียงใด แต่หากเรามีการใช้หลอดที่ประหยัดพลังงานแล้ว เราจะสามารถประหยัดการใช้ไฟฟ้าได้ไม่น้อยเลยทีเดียว วันนี้เรามีเคล็ดลับที่จะช่วยคุณลดการใช้พลังงานง่ายๆ ให้กับคุณ

Tip 1 เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ LEDในปัจจุบันนี้กระแสของหลอด LED กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งถือได้ว่าเป็นหลอดไฟแห่งอนาคตก็ว่าได้ ซึ่งเวลาที่เราเลือกหลอดไฟบริเวณทางเท้า ทางเดิน หรือระเบียงบ้าน ก็ควรจะเลือกใช้ LED ที่มีประสิทธิภาพ และกินไฟน้อย ซึ่งสามารถไว้วางใจได้ว่ามีอายุการใช้งานที่ยาวนาน

Tip 2 หลอด CFL ยังคงเป็นตัวเลือกที่สำคัญสำหรับหลอดไฟคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (Compact Florescent Lights : CFL) โดยทั่วไปแล้วก็ถือว่าเป็นหลอดที่ประหยัดพลังงานที่ไดรับความนิยมตามบ้าน เรือนทั่วไปอยู่แล้วนั้น โดยปกติหลอดไฟที่ใช้งานภายนอกจะมีอายุการใช้งานที่นานกว่าหลอดภายในอาคาร อย่างไรก็ตามแล้วการเลือกหลอดแบบ CFL มาใช้ภาพนอกอาคารจะสามารถลดการใช้พลังงานและค่าใช้จ่ายได้มากกว่า

Tip 3 วางแผนการให้แสงสว่างครอบคลุมมากที่สุด
เราควรมีการวางแผนในขั้นตอนการติดตั้งหลอดไฟในบริเวณต่างๆ ที่เราต้องการให้เกิดแสงสว่างให้ครอบคลุมมากที่สุด เพื่อให้เกิดการติดตั้งหลอดไฟน้อยลง และสามารถลดการใช้พลังงานไฟฟ้าอีกด้วย

Tip 4 ติดตั้งระบบควบคุมแสงสว่าง
ติดตั้งระบบควบคุมเวลาเปิด-ปิด และระบบเซนเซอร์แสงสว่าง ที่จะเป็นระบบควบคุมแสงสว่างภายในอาคาร ให้สามารถปิดไฟได้อัตโนมัติ หรือเปิด-ปิดอัตโนมัติเมื่อมีคนเข้าออกในอาคาร

Tip 5 ใช้แสงสว่างจากโซลาร์เซลล์
เรื่องของโซลาร์เซลล์ในเวลานี้นับเป็นประเด็นยอดฮิตที่ทุกคนตื่นตัวกัน โดยเฉพาะกับประเทศที่มีอากาศร้อนอย่างประเทศไทย ซึ่งหลายบริษัทได้มีการนำเข้าหลอดไฟพลังงานแสงอาทิตย์มาวางจำหน่าย ซึ่งมีความน่าสนใจเพราะใช้แผงโซลาร์เป็นแหล่งรับพลังงานจากแสงอาทิตย์แทนการ ใช้ไฟฟ้า และหลอดเหล่านี้สามารถใช้งานได้เป็นอย่าดีภายนอกอาคาร
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #46 เมื่อ: มกราคม 06, 2014, 08:53:36 PM »

เคล็ดลับ...รักษาส้นเท้าแตก

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พญ.พรทิพย์ ภูวบัณฑิตสิน สาขาตจวิทยา (ผิวหนัง) ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยา ลัย อธิบายว่า ปัญหาผิวแห้งแตกระแหงโดยเฉพาะบริเวณส้นเท้ากำลังกลายเป็นปัญหาเพราะแฟชั่น รองเท้าเปิดส้น สาว ๆ หลายคนต้องการเปิดเผยบริเวณส้นเท้าที่เรียบสะอาด จึงกลายเป็นภาระที่ต้องรักษาผิวส้นเท้าให้อยู่ในสภาพปกติ เพื่ออวดผู้อื่นได้ แต่หลายคนมีปัญหาผิวแห้งโดยพันธุกรรม ผิวหนังกำพร้าชั้นขี้ไคลของฝ่าเท้าจะหนา และสูญเสียน้ำจากผิวกว่าปกติ ผิวจะไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นได้ผิวจึงแห้งแตก


ถ้าผิวแห้งมากผิวจะแตกเป็นร่องลึกกลายเป็นร่องสะสมของคราบสกปรก ถ้าใช้สบู่ล้างขัดบ่อย ๆ ก็จะยิ่งทำให้คุณภาพของหนังขี้ไคลเสียเพิ่มขึ้น ผิวหนังจึงไม่สามารถซ่อมแซมได้ทันจึงทำให้ผิวยิ่งแห้งมากขึ้น และด้วยวัฒนธรรมไทยจะเดินเท้าเปล่าในบ้านการสะสมของคราบสกปรกในร่องผิวก็จะ มากขึ้นตามมาอีก จำเป็นต้องทำความสะอาดแบบรุนแรงโดยการขัดด้วยหิน หรือทำความสะอาดด้วยแปรงขัด ผิวจะดูสะอาดเพียงชั่วคราว ผิวแห้งก็ยังคงอยู่ ถ้าไม่มีการปกปิดผิวหนังบริเวณส้นเท้าก็จะสกปรกเหมือนเดิม หลายท่านอาจใช้ครีมหลังการขัดล้าง แต่ก็ยังไม่พอที่จะฟื้นฟูสภาพผิวได้ และครีมอาจช่วยดูดซับความสกปรกเพิ่มขึ้นอีก

นอก จากพันธุกรรมแล้ว ยังพบปัจจัยอื่นช่วยเสริมปัญหาผิวแห้งเช่น การทำงานในห้องปรับอากาศผิวจะแห้งเพราะความชื้นในห้องปรับอากาศจะต่ำกว่าภาย นอก หรือการทำความสะอาดผิวด้วยน้ำอุ่นและสบู่เป็นเวลานานจะล้างน้ำมันหล่อเลี้ยง ผิวออกเกินความจำเป็น การแก้ไขผิวแห้งจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยที่ส่งเสริมให้ผิวแห้งด้วย

สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง

ไม่ปล่อยให้น้ำหนักตัวมากเกินไปจนอ้วน เพราะจะทำให้ส้นเท้ารับน้ำหนักมากจนส้นเท้าแตก
ไม่ปล่อยให้ผิวแห้ง  เพราะมีแนวโน้มที่จะทำให้ส้นเท้าแตกได้ง่าย
หลีกเลี่ยงการสวมใส่รองเท้าส้นเปิด ถ้าต้องเดินบนพื้นเย็นๆ เป็นประจำ
หลีกเลี่ยงการเดินด้วยเท้าเปล่า โดยไม่สวมรองเท้าเป็นเวลานาน ๆ เพราะจะทำให้ผิวหนังบริเวณส้นเท้าเริ่มขาดความยืดหยุ่น ผิวจะเริ่มหนาแล้วแข็งขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดผิวหนังส่วนนี้แห้งและแตก
หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีอากาศเย็นมาก ทำให้ผิวแห้งง่าย เช่น ทำงานในห้องแอร์ ถ้าเลี่ยงไม่ได้ให้ทาครีมที่เท้าและส้นเท้าด้วย
หลีกเลี่ยงการปล่อยให้เท้าสัมผัสน้ำบ่อยๆ หรือแช่น้ำนานๆ
หลีกเลี่ยงการยืนเป็นเวลานานๆ บนพื้นเข็งๆ เช่น พื้นปูนซีเมนต์ โดยเฉพาะคนที่มีน้ำหนักตัวมาก เพราะจะทำให้ส้นเท้าแตกง่ายด้วยค่ะ

สิ่งที่ควรทำ

เท้าแตกเกิดจากการใส่รองเท้าเปิด ส้นนานๆ ด้วย เช่น รองเท้าแตะคีบ รองเท้าฟองน้ำ รองเท้าสาน ดังนั้นหันมาใส่รองเท้าหุ้มส้น โดยเลือกรองเท้าที่บุพื้นภายในที่นุ่ม สวมใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าลำลองใส่ในบ้านบ้างค่ะ
แช่เท้าในน้ำสบู่ 10-15 ให้ผิวที่แห้ง แตก หยาบกร้านนิ่มลง แล้วใช้หินขัดถูส้นเท้าสัปดาห์ละครั้ง
หลังอาบน้ำใช้ครีมนวดทาส้นเท้าให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวจนผิวชุ่มชื้น
รักษาส้นเท้าแตก ด้วยสูตรธรรมชาติมากมายหลายสูตร เช่น...
ทาด้วยน้ำมะนาวผสมดินสอพองหรือ ยางมะละกอ หรือถูด้วยสารส้มกับน้ำชุบสำลี หรือทายางต้นรัก หรือถูด้วยเปลือกกล้วยหอมก็ได้
แช่เท้าในน้ำสบู่ แล้วใช้วาสลีน 1 ช้อนชาผสมน้ำมะนาว 1 ลูกถูส้นเท้า หรือบดสตรอเบอร์รี่ เติมน้ำมันมะกอกกับเกลือ นวดส้นเท้า หรือผ่าส้มเป็นแว่น 2 ผล น้ำมันพืช 1 ถ้วย เกลือทะเล 1 ถ้วย นำน้ำมันพืชผสมกับเกลือ จุ่มส้มลงไป แล้วนำมาขัดส้นเท้า
ต้มนมเติมน้ำมะนาวกับ กลีเซอรีน พอเย็นใช้ทาส้นเท้าก่อนนอน ใส่ถุงเท้าฝ้ายทับเพื่อลดอาการแตก จะบดกล้วยหอมสุกหรือหัวหอมใหญ่ให้ละเอียดก็ได้ แล้วทาส้นเท้าแตก ใช้ผ้าพัน ทิ้งไว้สักพักแล้วล้างน้ำออกค่ะ

วิธีการรักษาและบรรเทาอาการส้นเท้าแตก

ทาโลชั่นหรือน้ำมันเพื่อเพิ่มความ ชุ่มชื้นให้กับส้นเท้า โดยหลังจากที่ทาเสร็จแล้วให้สวมถุงเท้าหนาๆทันทีเพื่อเก็บกักความชุ่มชื้น ไว้ให้ได้มากที่สุด โดยให้ทาโลชั่นก่อนนอนและสวมถุงเท้าไว้ข้ามคทนเพื่อให้ได้ผลดีที่สุด ทำเช่นนี้จะเห็นผลลัพธ์ที่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
นำเปลือกกล้วยมาถูบริเวณที่ส้นเท้าแตก แล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที สารอาหารในเปลือกกล้วยจะช่วยสมานส้นเท้าที่แตกได้เปป็นอย่างดี
แช่เท้าในน้ำมะนาว โดยควรแช่ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที ลองทำตามขั้นตอนนี้ประมาณสัปดาห์ละครั้ง คุณจะสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลง
ทำ ความสะอาดและบำรุงเท้าอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เมื่อกลับมาถึงบ้านให้แช่เท้าในน้ำอุ่นผสมสบู่ประมาณ 15 นาที เสร็จแล้วให้เช็ดเท้าพอหมาด จากนั้นลองทาครีมสูตรพิเศษที่เราผสมขึ้นมาเอง โดยนำวาสลีนผสมกับน้ำมะนาวหนึ่งลูก ผสมให้เข้ากันแล้วชะโลมลงบนส้นเท้าที่แตก
เพิ่มความอ่อนนุ่มให้กับเท้าด้วยกลีเซอรีนและน้ำกุหลาบ จะเห็นผลชัดเจนเมื่อทำเป็นประจำ
แว็กซ์เท้าด้วยพาราฟิน ผสมพาราฟินกับน้ำมันเมล็ดมัสตาร์ด แล้วทาตรงส่วนที่มีรอยแตก ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกในตอนเช้า ทำต่อเนื่องประมาณ 10-15 วัน จะเห็นผลที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน
แถมท้ายด้วยวิธีการ ตัดเล็บ ให้ถูกวิธี

เริ่ม ตัดเล็บตามแนวนอนก่อน จากทางด้านซ้ายหรือด้านขวาเข้ามากลางเล็บให้บรรจบกันตรงกลาง อย่าใช้วิธีการตัดเพียงครึ่งเดียวแล้วใช้มือดึงเล็บที่ติดอยู่ออกเอง ซึ่งเมื่อตัดตามนี้แล้ว เล็บจะเป็นปลายแหลมช่วงกลางเล็บพอดี
ตะไบเล็บให้เรียบเสมอกัน
ทำความสะอาดเศษเล็บและผงฝุ่น ออก และล้างเท้าด้วยน้ำสะอาด
ทาโลชั่นหรือน้ำมันสำหรับนวดเล็บ บริเวณจมูกเล็บเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

missblendy.com

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #47 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 21, 2014, 10:11:35 PM »



เคล็ดลับดูแลส้นเท้าแตก

- เท้าแตกเกิดจากการใส่รองเท้าเปิดส้นนานๆ ด้วย เช่น รองเท้าแตะคีบ รองเท้าฟองน้ำ รองเท้าสาน ดังนั้นหันมาใส่รองเท้าหุ้มส้นโดยเลือกรองเท้าที่บุพื้นภายในที่นุ่มสวมใส่ถุงเท้าหรือรองเท้าลำลองใส่ในบ้านบ้างค่ะ
- แช่เท้าในน้ำสบู่ 10-15 ให้ผิวที่แห้ง แตก หยาบกร้านนิ่มลง แล้วใช้หินขัดถูส้นเท้าสัปดาห์ละครั้ง
- หลังอาบน้ำใช้ครีมนวดทาส้นเท้าให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิวจนผิวชุ่มชื้น
- รักษาส้นเท้าแตก ด้วยสูตรธรรมชาติมากมายหลายสูตร เช่น

1. ทาด้วยน้ำมะนาวผสมดินสอพองหรือยางมะละกอหรือถูด้วยสารส้มกับน้ำชุบสำลี หรือทายางต้นรักหรือถูด้วยเปลือกกล้วยหอมก็ได้

2. แช่เท้าในน้ำสบู่ แล้วใช้วาสลีน 1 ช้อนชาผสมน้ำมะนาว 1 ลูกถูส้นเท้า หรือบดสตรอเบอร์รี่เติมน้ำมันมะกอกกับเกลือนวดส้นเท้า หรือผ่าส้มเป็นแว่น 2 ผล น้ำมันพืช 1 ถ้วย เกลือทะเล 1 ถ้วย นำน้ำมันพืชผสมกับเกลือจุ่มส้มลงไปแล้วนำมาขัดส้นเท้า

3. ต้มนมเติมน้ำมะนาวกับกลีเซอรีนพอเย็นใช้ทาส้นเท้าก่อนนอนใส่ถุงเท้าฝ้ายทับเพื่อลดอาการแตกจะบดกล้วยหอมสุกหรือหัวหอมใหญ่ให้ละเอียดก็ได้แล้วทาส้นเท้าแตกใช้ผ้าพันทิ้งไว้สักพักแล้วล้างน้ำออกครับ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #48 เมื่อ: มีนาคม 02, 2014, 07:53:12 PM »


100 เคล็ดลับคู่บ้าน-ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอนที่1 | รู้ไว้ใช่ว่า

วันนี้มีสิ่งดีๆมาบอก 100 เคล็ดลับคู่บ้าน-ประจำบ้านที่ควรรู้ | รู้ไว้ใช่ว่า

วันนี้ผมมีเคล็ดลับดีๆที่ต้องมีไว้ใช้ประจำบ้านมาฝาก เป็นสาระพัดความรู้แบบหลากหลาย เอาไว้แก้ปัญหาที่มักเกิดขึ้นในทุกๆบ้าน ลองอ่านแล้วนำไปปฏิบัติดูครับ มีทั้งหมด 100 เคล็ดลับ มันยาวหลายหน้า ผมจึงขอนำเสนอเป็นตอนๆ ตอนละ 20 เคล็ดลับ ใช้แล้วได้ผลก็ช่วยกันบอกต่อนะครับ

100 เคล็ดลับคู่บ้าน-ประจำบ้านที่ควรรู้ | รู้ไว้ใช่ว่า

1. โรงรถมี กลิ่นอับ มาก จะขจัดกลิ่นออกได้โดยโรยหญ้าที่เพิ่งตัดมาใหม่ ๆ ลงบนพื้น โรงรถ แล้วปล่อยทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง ต้นหญ้าจะดูดเอากลิ่นอับในโรงรถออกไปจนหมด

2. ถ้าต้องการอบผ้า 2-3 ชิ้นให้แห้งเร็วขึ้นทำได้โดยหา ผ้าขนหนู สะอาด ๆ ใส่ลงไปในเครื่องด้วยเพราะผ้าขนหนูจะไปช่วย ดูดซับ ความชื้น ทำให้ผ้าแห้งเร็วขึ้นอีก

3. วิธีทำให้ กรอบกระจกเงา หรือ กรอบกระจก รูปภาพ มองดูใหม่เสมอ ทำได้โดยการใช้ผ้าชุบ น้ำมันสน แล้วทาบริเวณกรอบไม้ รอจนแห้งสนิท กรอบจะมองดูใหม่ทันที

4. วิธีล้างคราบสกปรกที่ แก้วเจียระไน ทำง่าย ๆ คือหา เปลือกฝรั่ง ใส่ลงไปในแก้วเจียระไน แช่ทิ้งไว้สัก 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เพียงเท่านี้แก้วจะดูใสสะอาด

5. วิธีทำความสะอาด เครื่องเคลือบ ที่ทำด้วย ทองเหลือง มีวิธีการทำง่ายๆ คือนำเอา หัวหอม มาต้มในน้ำเดือด แล้วนำมาขัดลงบนเครื่องเคลือบเพียงเท่านี้ เครื่องเคลือบ จะมองดู ใหม่สะอาดหมดจดทีเดียว

6. วิธีการ ขจัด คราบไขมัน ที่ติดรอบท่อ อ่างล้างจาน ซึ่งถ้าปล่อยไว้นาน ๆ จะเป็นเหตุให้ ท่ออุดตัน ได้ มีวิธีทำคือ นำ เกลือแกง ใส่ลงไปในท่อ 2-3 ช้อน จากนั้นนำ เบกกิ้งโซดา หรือ ผงฟู ต้มน้ำให้เดือดแล้วเทลงไป ไขมัน ที่ อุดตัน ก็จะหลุดออกไปหมด

7. วิธีขจัดพวก มด แมลง มาขึ้นถังขยะทำได้ง่ายๆ โดยหยด แอมโมเนีย ลงข้างๆ ถังขยะ สักเล็กน้อย กลิ่น แอมโมเนีย จะทำให้ มด แมลง ไม่กล้าเข้ามาใกล้ถังขยะอีก

8. การรักษา เครื่องมือทำสวน ที่เป็นโลหะไม่ให้ ผุกร่อน ได้ง่ายมี วิธีการรักษา โดยใช้ วาสลิน ทาผิวของโลหะทุกครั้งเมื่อใช้เสร็จแล้ว และนำมาทำความสะอาดอีกครั้ง

9. การใช้ เตาแก๊ส แบบประหยัด ทำได้โดยปรับ เปลวไฟ ให้เป็น สีน้ำเงิน เสมอ และไม่ควรเปิดไฟ แก๊ส ให้สูงกว่าก้นหม้อด้วยจะทำให้หม้อร้อนช้า ควรปรับระดับให้พอดีกับก้นหม้อ

10. วิธีดับ กลิ่นเหม็น ใน ถังขยะ ไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้านหรือในบ้านให้หมดกลิ่นได้ทำได้โดยใส่ เปลือกมะนาว หรือเปลือกส้ม เขียวหวาน ส้มโอ ก็ได้ใส่ลงไปใน ถังขยะ กลิ่นส้ม จะไปลด กลิ่น ลงทำให้มีกลิ่นน้อยลง

11. การ ขัด รอยแมลงวัน บนกระจกมีเคล็บลัดคือ ใช้ผง กาแฟคั่ว หนึ่งช้อนผสมกับ น้ำมันก๊าด หนึ่งลิตร และใช้เศษผ้าชุบเช็ด กระจก รอยแมลงวัน ก็จะหมดไป

12. หากต้องการ ทาสีห้องใหม่ แต่กลัวว่าห้องจะมีแต่กลิ่นเหม็นของสี อยู่หลายวันมี วิธีขจัดกลิ่นเหม็น ของ สี คือก่อนจะ ทาสี ให้ผสมน้ำ วานิลลา 1 ช้อนชาต่อสี 1 แกลลอน คนให้เข้ากันแล้ว จึงนำไปทาห้อง สีที่ ทาใหม่จะ ไม่มีกลิ่นเหม็น เป็นเด็ดขาด

13. วิธีการป้องกัน ไม่ให้ถุงใน เครื่องดูดฝุ่น โดนแมลงกัดเป็นรูคือ นำ การบูร หรือ ลูกเหม็น ใส่เข้าไปใน ถุงดูดฝุ่น สัก 1 ก้อน นอกจากป้องกัน แมลง แล้วยังป้องกัน กลิ่นอับ อีกด้วย

14. แก้ปัญหา ยุง ไปไข่ทิ้งไว้ในแท็งก์น้ำ ทำให้มี ลูกน้ำ ว่ายวนอยู่ในแท็งมีวิธีทำคือ นำ อิฐแดง ๆ ที่ใช้ในการก่อสร้างมาเผาไฟให้ร้อน ๆ แล้วเอาใส่ลงไปในแท็งก์น้ำทันที เพียงเท่านี้ยุงจะไม่กล้าเข้าไปไข่ทิ้งไว้อีกเลย

15. วิธีกำจัด ต้นหญ้า ที่ขึ้นไม่ถูกที่ ทำได้โดยใช้ เกลือ โรยตรงส่วนที่ต้นหญ้าขึ้น เหตุเพราะเกลือจะไปทำให้ดินตรงที่ต้นหญ้าขึ้นอยู่เค็มจึงทำให้ต้นหญ้าตายในที่สุด

 16. น้ำประปา ที่มี กลิ่น คลอรีน แรงมากมี วิธีกำจัดกลิ่น ให้หมดไปโดยฝานมะนาวบางๆ ลงไปในน้ำ มะนาวจะช่วยดูดกลิ่น คลอรีน ให้หมดไป และทำให้น้ำดื่มได้อีกด้วย

17. ขอบยางประตูตู้เย็น มี รา ขึ้น จะมีวิธีลบราออกได้โดยใช้ผ้าชุบ น้ำส้มสายชู แล้วนำ ไปถูตรง ขอบยางประตู ตู้เย็น ที่เป็นรา ราก็ออกไปได้โดยง่ายดาย

18. ขจัดปัญหา หมา แมว ฉี่และอุจจาระไม่เลือกที่ทำได้โดยการโรย พริกไทยป่น ลงไป บนที่มันเคย ฉี่ หรือ อุจจาระ ไว้ เพียงเท่านี้หมา แมวก็จะดมกลิ่นหาที่ที่มันเคยฉี่และ อุจจาระไม่เจอ เหตุเพราะ พริกไทย ป่นจะไปดับกลิ่นหมด ทางที่ดีควรสอนให้มันฉี่และอุจจาระ ในห้องน้ำ หรือบนกระดาษที่เราควรจะวางไว้ให้จนเคยชิน

19. การรักษา ไม้กวาดดอกหญ้า ที่ซื้อมาใหม่ให้ใช้ไปได้นาน ๆ ทำได้โดยการจุ่ม ไม้กวาด ดอกหญ้า ใน น้ำเกลือ ร้อนๆ ขนของไม้กวาดจะเกาะตัวกันเวลาใช้จะทนทานไม่ขาดง่าย

20. ตะปู ที่ตอกไว้ข้างฝาคอนกรีตสำหรับแขวนรูปหลวม มีวิธีแก้ไขง่ายๆ คือ ใช้ สำลี พันตะปูชุบ กาว และตอกเข้าไปใหม่ กาวที่สำลีจะยึดติดกันแน่น

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://j-b-t.blogspot.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 02, 2014, 08:03:14 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #49 เมื่อ: มีนาคม 02, 2014, 07:53:57 PM »


อ่านต่อ 100 เคล็ดลับคู่บ้าน-ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอนที่2 | ความรู้รอบตัว

มาติดตามต่อตอนที่ 2 อีก 20 เคล็ดลับ จากทั้งหมด 100 เคล็ดลับ ตอนที่แล้วก็มีวิธีทำให้หมาไม่มาฉี่ ทำยังไงไม้กวาด
ถึงจะใช้ได้นาน

อ่าน 100 เคล็ดลับคู่บ้าน-ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอนที่2 | ความรู้รอบตัว

21. วิธีการขจัด กลิ่นเหม็นสาป ที่ติดอยู่ในกระติกน้ำแข็งทำได้โดยนำ เบกกิ้งโซดา มาผสม กับ น้ำร้อน และนำมาล้างถูกระติกน้ำให้ทั่ว แล้วล้างน้ำอีกครั้ง กลิ่นสาป ก็จะหายไป

22. วิธีการเก็บ สายยาง ที่ยาว ไว้โดยไม่เปลืองเนื้อที่ ทำได้โดยม้วนสอดเข้าไปใน ยางรถยนต์ อันที่ไม่ใช้แล้ว เพียงเท่านี้ก็จะทำให้ดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

23. ขจัดปัญหา กลิ่นส้วม เหม็นคละคลุ้งไปทั่วบ้านคือใช้น้ำมันก๊าด ประมาณ 1 ขวดใหญ่ มาเทราดลงไปในคอห่านแล้ว เทน้ำตามลงไปเพื่อขจัดกลิ่นน้ำมันก๊าดให้หมด

24. วิธีป้องกันหมาแมวตัวโปรดมากัดแทะ เฟอร์นิเจอร์ ในบ้านคือใช้ น้ำมันยูคาลิปตัส หรือน้ำมันที่มีกลิ่นฉุนทาที่เฟอร์นิเจอร์ กลิ่นฉุนนั้นจะทำให้มันไม่กล้าเข้ามากัดแทะอีก

25. วิธีขจัดรอยเปื้อน ด่างดำบนเครื่องใช้ที่เป็นหนังคือ หยด น้ำมันสลัด สัก2-3 หยด ในน้ำสบู่ แล้วใช้แปรงจุ่มน้ำที่ผสมไว้มาถู จากนั้นจึงซักในน้ำ สบู่ ธรรมดาอีกครั้ง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ต่อด้วยเช็ดให้แห้งผึ่งลมไว้

26. วิธีการดึง สติกเกอร์ ที่ติดอยู่บนฝาห้องออกโดยไม่ทิ้ง คราบกาว ไว้ที่ฝาทำได้โดยใช้ น้ำมันพืช มาทาบน รูปสติกเกอร์ แล้วจึงค่อยๆ ดึงออกมา

27. การใช้ เครื่องซักผ้า แบบประหยัดที่สุดคือในการ ซักผ้า แต่ละครั้งควรจะซักผ้าในปริมาณที่มากที่สุด

28. การทำให้ ตู้เสื้อผ้า ของคุณหอมได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อมาใส่ เพียงแต่คุณใช้เศษสบู่ที่จะทิ้งแล้วไปวางไว้ในมุมใดมุมหนึ่งของ ตู้ กลิ่นสบู่นั้นก็จะหอมไปทั่วตู้เลย

29. วิธีทำความสะอาด ภาชนะอลูมิเนียม ให้ใสสะอาดเหมือนใหม่คือนำเอา เปลือกแอปเปิ้ล ต้ม 2-3 นาที แล้วใช้น้ำ ขัด ถู ภาชนะ อะลูมิเนียม ก็จะดูเงาวามเหมือนใหม่

30. วิธีการใช้ เตาอบ ให้ใหม่อยู่เสมอคือ หลังจากใช้เตาอบแล้วควรเช็ดทำความสะอาดทุกครั้ง และทำใน ขณะที่เตายังอุ่น ๆ อยู่ เพราะจะเช็ดได้ง่ายกว่าในขณะที่เย็นแล้ว

31. วิธีขจัดรอยคราบ เหนียวบนผนังตู้เย็นคือ ใช้ น้ำมันพืช เทลงบนกระดาษเช็ดมือ แล้ว ถูจนสะอาด ทำสัก 2-3 ครั้ง น้ำมันพืชจะไม่ทำลายความเงาของตู้เย็นหรอก

32. วิธีขจัดกลิ่นเหม็น ของท่อระบายน้ำล้างจาน ให้หอมสดชื่นได้คือเท เบกกิ้งโซดา 1 ถ้วย ลงไปในท่อระบายน้ำทิ้งไว้ 5 นาที เทน้ำ ส้มสายชู ตามลงไปอีก 1 ถ้วย จะขจัด กลิ่นเหม็น ได้ดีจริงๆ

33. ในการใช้ยาขัดเฟอร์นิเจอร์ไม่ควรใช้ประเภท เช่น น้ำมัน ขี้ผึ้ง บ่อย ๆ เพราะอาจจะทำให้ผิวเฟอร์นิเจอร์เกิดความเสียหายได้ง่าย

34. ใน การทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ ที่เป็น ผ้าฝ้าย ให้ใช้ แปรงทาสี ด้ามใหม่ปัดตาม ซอกมุมเฟอร์นิเจอร์ไปพร้อมกันกับการทำความสะอาดเฟอร์นิเจอร์ทุกครั้ง

35. การทำความสะอาด ในซอกเล็กซอกน้อยของโคมไฟ ให้ใช้ เครื่องเป่าผม เป่าลมไปตาม ที่มีฝุ่นละอองจับแล้วเช็ดถูทำความสะอาดด้วยผ้าชุบน้ำอีกครั้ง โคมไฟก็จะดูใหม่เสมอ

36. วิธีลบคราบดวงๆ ที่ติดบนเฟอร์นิเจอร์คือ ให้ใช้ จุกไม้ก๊อก ถู ถ้าไม่ออกให้ใช้นิ้วมือแตะ ยาสีฟัน ผสมขี้เถ้าบูหรี่ถูอีกครั้ง จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดรอยเปื้อนซ้ำอีกครั้ง

37. การทำความสะอาด พื้นกระเบื้องยาง คือ ใช้ แปรงสีฟัน ชุบ ยาสีฟัน แล้วนำไปขัดถูบริเวณรอยเปื้อนให้แรงๆ จะทำให้ รอยเปื้อน หลุดออกไปได้โดยง่าย

38. วิธีการตอกฝาผนัง ตะปู โดยไม่ให้งอคือ ให้ทาปลายตะปูด้วยน้ำส้มสายชูหรือน้ำมันพืช ก่อนที่จะนำมาตอกฝาผนังจะตอกได้คล่องและไม่งอจริงๆ

39. วิธีการทาสีกำแพง ให้ติดอยู่ได้ ทนนาน คือ ก่อนที่จะ ทาสี กำแพงให้ล้างกำแพงให้สะอาด ด้วย น้ำมันสน เพื่อขจัดคราบสกปรกและสีที่ทาจะติดทนนานไม่ร่อนออกง่าย

40. วิธีแก้ปัญหาเฟอร์นิเจอร์ไม้โป่ง ออกมาคือ ให้วางผ้าชื้น ๆ ลงบนรอยที่โป่ง ใช้ เตารีด ร้อน ๆ ทับบนผ้า จะทำให้คืนสู่สภาพเดิม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://j-b-t.blogspot.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 02, 2014, 08:02:14 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #50 เมื่อ: มีนาคม 02, 2014, 07:54:56 PM »


100 เคล็ดลับน่ารู้คู่บ้าน-ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอน3|ความรู้รอบตัว

มาดูเคล็ดลับที่เหลือกันต่อครับ สำหรับรใครที่พึ่งมาดูตอนนี้ สามารถดูย้อนหลัง 100 เคล็ดลับคู่บ้านตอนที่ 1 100 เคล็ดลับ คู่บ้านตอนที่2 100 เคล็ดลับ คู่บ้านตอนที่3 100 เคล็ดลับคู่บ้านตอนที4

41. วิธีขจัดรอยขีดข่วน บน เฟอร์นิเจอร์ไม้ คือ ให้ใช้ผ้าแตะยาขัดรองเท้าที่สีเดียวกับไม้ แล้วถูตรงรอยแล้ว ใช้ผ้าขัดต่ออีกครั้ง รอยขีดข่วน ก็จะหายไป

42. วิธีการแก้ปัญหา เก้าอี้หวาย หย่อนคือ ถ้าอยากให้ตึงให้ล้างเก้าอี้หวายด้วย น้ำสบู่ ร้อนๆ แล้วล้างน้ำสบู่ออก นำออกตากแดดกลางแจ้งให้แห้ง หวาย ที่หย่อนจะตึงเหมือนเดิม

43. วิธีการทำความสะอาด พื้นบ้านไม้ให้เงางามอยู่เสมอคือ ให้ผสม น้ำส้มสายชู ครึ่งถ้วยต่อน้ำ 8 ลิตร จะช่วยขจัดเศษ ฝุ่นละออง และพื้นก็เป็นเงางามอีกด้วย

44. การรักษา เฟอร์นิเจอร์โลหะ ไม่ให้เป็น สนิม ได้ง่ายคือให้ เคลือบ โลหะ ด้วย ขี้ผึ้งขัดรถ เมื่อจำเป็นต้องเอาเฟอร์นิเจอร์โลหะไว้ตากน้ำค้าง จะได้ไม่ขึ้นสนิมได้ง่าย

45. วิธีการติดรูป โปสเตอร์บนกำแพงโดยไร้ร่องรอยเมื่อดึงภาพออกคือให้ใช้ ยาสีฟัน แทนกาวในณะที่ติดรูป เมื่อถึงเวลาดึงรูปออก ก็เพียงแค่ขัดยาสีฟันที่แห้งออกเท่านั้น ฝาผนังก็สะอาดแล้ว

46. ถ้าบังเอิญต้อง จัดงานเลี้ยง ที่มี ฟลอร์เต้นรำ แบบกะทันหัน ทำได้โดยโรย แป้งผง สำหรับ โรยตัวให้ทั่วก็จะแก้ขัดไปได้ด้วยดีทีเดียว

47. วิธีแก้ปัญหา หน้าต่าง ปิดและเปิดออกได้ยากคือ ให้เอา น้ำมันเครื่อง หยอดตรง รางอลูมิเนียม ให้ทั่วเพียงเท่านี้ก็จะทำให้เปิดและปิด ได้ง่ายขึ้นกว่าเก่า

48. วิธีป้องกันไม่ให้ มด ขึ้น ตู้กับข้าว คือ ใช้เศษผ้าหรือเชือกที่เป็นผ้าไปชุบน้ำมันเครื่อง แล้วบิดพอหมาด นำไปผูกไว้ที่ขาตู้กับข้าวทั้งสี่ขา มดก็จะไม่กล้าขึ้นแน่นอน

49. วิธีการไล่ยุง แบบง่าย ๆ คือ หา การบูร มาห่อด้วยผ้าแล้วมัดไว้กับหลอดไฟฟ้าที่อยู่ภายในบ้าน ความร้อนของไฟฟ้าจะทำให้การบูร ระเหย ออกไป และกลิ่นของการบูรจะช่วย ป้องกันยุง ไม่ให้มารบกวน

50. วิธีการไล่หนู แบบง่ายๆ และประหยัดเงินคือ นำไม้ยี่โถ ไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำไปบดเป็นผง เสร็จแล้วนำไปโรยตามซอกที่หนูชอบอยู่ เพียงเท่านี้หนูก็พากันขนย้ายครอบครัวหนีออกไปจากบ้านของคุณไปเลย

51. วิธีการกำจัดปลวก ที่ขึ้นบ้านแบบประหยัดคือนำ น้ำมันเครื่อง ที่ใช้แล้วมาราดให้รอบ บริเวณบ้าน เพียงเท่านี้ก็จะสามารถไล่ปลวกไม่ให้มารบกวนบ้านอีกต่อไป

52. การขัดพื้นกระดาน ให้เงาแบบโบราณคือ หา มะพร้าว มาผ่าครึ่ง ทุบกะลาตรงปากออก สักเล็กน้อย แล้วนำมาคว่ำลงกับพื้นกระดานขัดถูพื้นบ่อยๆ พื้นกระดาน จะมองดูเงางามเชียวแหละ

53. โฟม สามารถใช้เป็นประโยชน์ได้หลายอย่างเช่น ใช้ทำเป็นกาว อุดรอยรั่ว ของภาชนะได้เป็นอย่างดีคือ ก่อนนำมาใช้จะต้องเอาเศษโฟมหักเป็นชิ้นเล็ก แช่ น้ำมันทินเนอร์ ให้ละลาย เหนียวข้นแล้วนำไปอุดรอยรั่วปล่อยให้แห้ง ก็จะสามารถใช้ต่อไปได้อีกเป็นระยะเวลา ยาวนาน

54. วิธีการปรับ เสาทีวี ในบ้านด้วยตัวเองทำได้ง่ายๆ คือ หา กระดาษตะกั่ว หรือหา กระดาษฟอยล์ ที่ห่อปลาเผามาพันรอบๆ สายอากาศ ด้านหลังทีวีหลายๆ รอบ แล้วค่อยๆ รูดไปตามสาย เรื่อยๆ ให้มีคนคอยสังเกตภายในจอทีวีด้วย ถ้าภาพคมชัดก็ให้บีบ กระดาษตะกั่ว นั้นติดอยู่ กับสายตรงนั้นเลย ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

55. วิธีขจัดสนิม บน ราวตากผ้า คือ หาเศษผ้ามาชุบน้ำส้มสายชูถูให้ทั่วแล้วใช้น้ำสบู่ถูทับอีกที ต่อจากนั้นเช็ดด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ ตามด้วยผ้าแห้งอีกรอบหนึ่ง สนิม บน ราวผ้า ก็จะหมดไป

56. การขจัด มีด ในครัวเรือนขึ้นสนิมคือ นำมีดนั้นมาถูกับมะนาวหรือหัวหอมก็ได้ แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดเช็ดให้แห้ง รับรองได้ว่ามีดทำครัวของคุณจะปราศจากสนิมมาขึ้นอีกเลย

57. การลับมีด ในครัวให้มีความคม และอยู่ได้นานๆ ทำได้โดยหยอด น้ำมันก๊าด สัก 2-3 หยดลงบน หินลับมีด แล้วลับไปตามปกติ รับรองมีดของคุณจะคมกริบเชียวละ

58. วิธีขจัดกลิ่นเหม็น อาหารในตู้เย็นติดน้ำดื่มทำได้โดยนำ กากกาแฟ หรือ กากใบชา ที่ชงหมดแล้ว นำมาใส่ไว้ในตู้เย็น กากกาแฟ หรือกากใบชา พวกนี้จะดูดกลิ่นอันไม่พึงปรารถนาให้หมดไปจาก ตู้เย็นของคุณ

59. ผงชันยาเรือ มีประโยชน์ช่วย ป้องกันมด ได้อีกแบบหนึ่งคือ นำ ผงชันยาเรือ มาโรยไว้ในขาตู้กับข้าว เพียงเท่านี้ มด ก็จะไม่มารบกวนขาตู้อีกเลย

60. วิธีทำความสะอาดเครื่องซักผ้า ให้สะอาดทำได้โดยใช้ แอมโมเนีย สัก2 แก้วผสม น้ำเย็น ธรรมดาครึ่งลิตรใส่ลงใน เครื่องซักผ้า แล้วเปิดเครื่องทำงาน แอมโมเนียจะช่วยไล่ คราบฝุ่น ออกจากตัวเครื่องและป้องกันการอุดตันได้ด้วย

รู้มา JBTจึงบอกต่อ
100 เคล็ดลับน่ารู้คู่บ้าน-ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอนที่3 | ความรู้รอบตัว

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://j-b-t.blogspot.com/
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 02, 2014, 08:01:19 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #51 เมื่อ: มีนาคม 02, 2014, 08:00:11 PM »




100 เคล็ดลับคู่บ้าน-ความรู้ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอน 4 / รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

ต้องอ่านร้อยเคล็ดลับคู่บ้าน-ความรู้ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอนที่ 4 | รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม


ตอนสุดท้ายแล้ว สำหรับหนึ่งร้อยเคล็ดลับคู่บ้าน ประจำบ้านที่ทุกคนทุกบ้านต้องอ่านแล้วเก็บเป็นตำราไว้ใช้ในยามจำเป็น เพราะในร้อยเหตุการณ์ที่รวมรวมมานี้ ทุกบ้านต้องเจอแทบจะหมดทุกข้อ เมื่อเรารู้วิธีแก้ปัญหาแล้ว จะทำให้ประหยัดทั้งเงินและเวลา สามารถอ่านย้อนหลังตอนที่ผ่านมาได้ตรงลิ้งค์ท้ายหน้านี้

ร้อยเคล็ดลับคู่บ้าน-ความรู้ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอนที่ 4 | รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

61. วิธีทำความสะอาด กรอบกระจกเงา หรือ กรอบรูปภาพ ให้มองดูใหม่คือ ให้เอา น้ำมัน ชุบผ้าทาตรงส่วนที่เป็นกรอบ แล้วรอจนแห้งแล้วจะมองดูใหม่ขึ้น

62. วิธีทำความสะอาดเครื่องแก้ว โดยไม่ต้องเช็ดคือ ใช้น้ำผสม แอลกอฮอล์ ล้าง น้ำผสมผสมแอลกอฮอล์จะช่วยขจัดสิ่งสกปรกออกได้ง่าย ข้อสำคัญจะแห้งได้เอง โดยไม่ต้องเช็ดด้วยผ้าอีกครั้ง

63. วิธีขจัดกลิ่นเหม็นอับ ในตู้กับข้าวให้หอมสดชื่นคือ ใช้ ปูนขาว เล็กน้อยใส่ชามใบ ย่อมไปวางมุมใดมุมหนึ่งของตู้กับข้าว ทิ้งไว้ประมาณ3-4วัน กลิ่นอับชื้น ก็จะ ค่อยจางหายไป

64. วิธีทำความสะอาดคราบสกปรกที่ติดกระเบื้องปูห้องน้ำ มีวิธีทำคือ ราดด้วยน้ำให้ทั่ว แล้วเอา เกลือแกง โรยลงบนแปรงขัดทั้งห้องน้ำหรืออาจจะโรย เกลือ ที่ผ้าเปียกน้ำ แล้วขัดพื้นให้ทั่ว เพียงเท่านี้ ห้องน้ำกระเบื้องของคุณก็จะสะอาดเป็นเงางาม เลยทีเดียว

65. วิธีการทำความสะอาดผ้าม่านที่เป็นใยสังเคราะห์ ควรซักด้วยมือ ก่อนซักควรปัดฝุ่นให้สะอาดก่อน หลังจากนั้นเทน้ำยาซักผ้าลงบริเวณที่เปื้อน แล้วจุ่มลงในน้ำยาซักผ้า ที่ผสมน้ำอุ่นแล้วอย่าบิด ควรคลี่ตากเพราะในเวลาแห้งจะได้ ผ้าม่าน ที่เรียบไม่ยับยู่ยี่

66. วิธีทำความสะอาด งาช้าง ที่มีคราบฝุ่นติดอยู่เต็มไปหมดคือ นำมาถูด้วยมะนาวกับ เกลือ แล้วล้างออกด้วยน้ำสบู่แล้วเอางาช้างวางไว้
กลางแดดทั้งๆ ที่ยังเปียกน้ำสบู่อยู่ ทิ้งไว้ครึ่งชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด เมื่อแห้งแล้วขัดด้วย ผ้าสักหลาด ก็จะได้ งาช้าง สะอาดดังเดิม

67. วิธีทำความสะอาด คราบเหลือง ที่ติดตาม ภาชนะ เคลือบสีขาวมีวิธีทำคือ ใช้ น้ำมันพาราฟิน ถูรอยสกปรก น้ำมัน พาราฟิน จะช่วย ขจัด คราบสกปรก คราบเหลือง ของ ภาชนะเคลือบขาว ได้

68. วิธีทำความสะอาด คราบดำ ของกาแฟที่ หม้อต้ม คือใช้ ผงซักฟอก ที่ใช้กับ เครื่องซักผ้า 1 ช้อนโต๊ะใส่น้ำจนเต็มหม้อ แล้วแช่ไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจึงล้างออก

69. วิธีขจัด รอยเปื้อน บน ผ้าปูโต๊ะ ให้สะอาดคือ ให้โรย เกลือป่น ตรงรอยเปื้อน ใช้น้ำ ร้อนราด แล้วนำไปแช่ใน น้ำนมสด ต้มด้วยไฟอ่อนๆแล้วจึงนำไปซักรอยที่เปื้อน

70. วิธีทำความสะอาด โป๊ะไฟ โคมไฟในส่วนที่ทำความสะอาดยากเช่น รอยจีบซอกเล็ก ซอกน้อย ให้ใช้ เครื่องเป่าผม เป่าลมไปตามที่มีฝุ่นละอองจับ แล้วค่อยๆ ใช้ผ้าชุบ น้ำยาล้างจาน เช็ดตามด้วยผ้า สะอาดเช็ดอีกครั้ง เพียงเท่านี้โคมไฟที่ว่าหมองจะ ใหม่สะอาดทันที

71. วิธีทำความสะอาด ผ้าม่านพลาสติก ควรซักด้วยน้ำสบู่อ่อนๆ หรือน้ำยาซักผ้าที่ผสม น้ำอุ่น แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น ใช้ ตากลม ดีกว่า ตากแดด เพราะจะไม่ทำให้ผ้าม่านสี จืดจางลงไป

72. วิธีการทำความสะอาดกระจกเงา ส่องหน้าให้ใสคือ นำยาสีฟัน มาบีบใส่ไว้บน กระจก แล้วหาผ้าชุบน้ำมา เช็ดยาสีฟันที่บีบทิ้งไว้บนกระจก โดยถูให้ทั่วๆ กระจก แล้วใช้ผ้าเช็ดอีกครั้ง กระจกเงา ที่หมอง จะดูเงางาม เป็นประกายทันที

73. วิธีทำความสะอาดคราบน้ำมัน บน พื้นปูนซีเมนต์ ให้สะอาดเอี่ยมคือหา ขี้เถ้า ที่อยู่ใน เตาถ่าน มาโรยไว้บน คราบน้ำมัน ที่เปื้อนพื้นปูนซีเมนต์ให้ทั่ว ทิ้งไว้สักครู่ล้างออก ด้วยน้ำให้สะอาด ขี้เถ้าก็จะดูดคราบน้ำมันออกไปจนหมดเกลี้ยง

74. วิธีทำความสะอาดรอยดินสอหรือดินสอเทียนที่ติดบน วอลล์เปเปอร์ คือ ให้ใช้ เครื่องเป่าผมโดยใช้ลมร้อนจี้ตรงบริเวณนั้น แล้วหาผ้าฝ้ายชุบน้ำสบู่บิดให้ หมาด นำมาเช็ดถูตรงรอยเปื้อน รอยของสีนั้นก็จะจางหายไป

75. วิธีทำความสะอาด คราบตะกอน ที่ติด ฝักบัวอาบ น้ำคือ สำหรับแบบที่ไม่สามารถ ถอดออกได้ ให้หาถุงพลาสติกใส่น้ำส้มสายชูพอประมาณ เอา ฝักบัว ใส่ในถุงน้ำส้มสายชู แล้วผูกถุงให้แน่น ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน นำออกมาล้างด้วยน้ำสะอาด หัวฝักบัว ก็จะสะอาดและปราศจาก คราบของตะกอน ทำให้น้ำไหลสะดวกขึ้น

76. วิธีทำความสะอาด สี ที่เปื้อนหน้าต่างผลมาจากการทาบ้าน ให้ใช้น้ำส้มสายชูผสม น้ำเปล่า อัตราส่วน 2 : 1 ตั้งไฟให้ร้อนจัด ใช้ แปรงทาสี ที่สะอาดจุ่มส่วนผสมที่ยังร้อนอยู่ถูตรงบริเวณรอยเปื้อน รอยเปื้อน ดังกล่าวจะหลุดออกได้เอง

77. วิธีทำความสะอาดฝุ่นผงออกจาก หมอนอิง ใช้เครื่องอบผ้า ก็ได้ โดยตั้งไว้ที่ อุณหภูมิต่ำ ๆ แล้วใส่ ผ้าขนหนู ชุบน้ำบิดพอหมาดลงไปด้วย

78. วิธีทำความสะอาดพื้น ที่ทำด้วย ไวนิล ให้สะอาดหมดจดมีวิธีทำง่ายๆ คือ นำน้ำอุ่น ผสมกับน้ำส้มสายชูในอัตราส่วนเท่าๆ กัน แล้วนำมาล้าง พื้นไวนีล เช็ดให้แห้ง พื้น ก็จะสะอาดสดใสทีเดียว

79. วิธีทำความสะอาดคราบน้ำมัน ที่ติดอยู่บน วอลล์เปเปอร์ ใช้ แป้งฝุ่น ผสม น้ำยาทำความสะอาด แล้วนำมาป้ายตรงจุดที่สกปรก ปล่อยทิ้งไว้จนแห้ง ใช้ผ้านุ่มๆ เช็ดออก คราบน้ำมัน ก็จะติดออกมาด้วย

80. วิธีทำความสะอาดพรม ที่ เปื้อนคราบน้ำมัน ให้เท เบกกิ้งโซดา ลงตรงบริเวณที่ เปื้อน คราบน้ำมัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 12 ชั่วโมง แล้วใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดตรง รอยเปื้อนน้ำมัน นั้น คราบ ก็จะจางหายไป

81. วิธีทำความสะอาดคราบสกปรกที่เปื้อน กระเบื้องเคลือบ ให้ใช้ส่วนผสมของ ไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ และ ครีมออฟทาร์ทาร์ อย่างละเท่ากัน ทาให้ทั่วแล้วล้าง ออกตามปกติ จะทำให้คราบสกปรกนั้นหายไป

82. วิธีทำความสะอาดคราบสนิม ออกจาก ถัง ทำได้โดยใช้น้ำมะนาวใส่ลงไปในบริเวณ ที่เป็นสนิม ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง แล้วล้างออกคราบสนิมก็จะหลุดออกไปด้วย

83. วิธีทำความสะอาด พื้นโรงรถ ที่ เปื้อนน้ำมันเครื่อง ให้โรยด้วย ทราย ทิ้งไว้ 1 คืน กวาด ทรายออกไป คราบน้ำมัน ก็จะหลุดออกไปด้วยกับทรายนั่นเอง

84. วิธีทำความสะอาด หน้าต่างกระจก ให้ใสสะอาด ผสมน้ำกับน้ำส้มสายชู 1 : 2 ส่วน แล้วนำไปใส่ใน ขวดสเปรย์ นำไปฉีดบน หน้าต่าง กระจก แล้วใช้ กระดาษหนังสือพิมพ์ เช็ดอีกที หน้าต่างกระจก จะใสจริง ๆ

85. วิธีทำความสะอาด เปียโน ควรใช้ แวกซี่ ทำความสะอาดดีที่สุดเพราะสารทำความสะอาด อย่างอื่นอาจจะทำให้ไม้โค้งงอได้

86. วิธีทำความสะอาด เครื่อง ถ้วยชามคริสตัล ให้ดูเป็นประกายเงางาม ให้ใช้ ผ้าหนังสัตว์ เช็ด ผ้าผนังสัตว์ จะกำจัดฝุ่นผง และคราบน้ำออกได้ง่ายกว่าผ้าชนิดอื่นๆ

87. วิธีทำความสะอาด คราบเทียนไข ที่ติดแน่นออกจาก เชิงเทียน มีวิธีทำง่ายๆ คือ ใส่ เชิงเทียน ในช่องแช่แข็งทิ้งไว้สักครู่ จะสามารถเอา คราบเทียน ออกได้ง่ายและหมดจดทีเดียว

88. วิธีทำความสะอาด ทัปเปอร์แวร์ ให้หมดกลิ่นอับคือ ให้ผสม วานิลลาสกัด 2 ช้อนโต๊ะกับ น้ำอุ่น 1 ถ้วยตวง แล้วใช้ผ้าชุบเช็ดให้ทั่ว กลิ่นอับ ต่างๆ จะจางหายไป

89. วิธีทำความสะอาด คราบตะกอน ที่ติดอยู่ใน แจกันดอกไม้ ให้ออกได้โดยง่ายคือ ใช้เม็ดทำความสะอาดฟันปลอม ใส่ไว้ในแจกันโดยให้มีน้ำติดอยู่นิดหน่อย เพื่อที่จะ ทำให้เกิด ฟองฟู่ แล้วดึงเอา ตะกอน ออกมา

90. วิธีทำความสะอาดผ้าม่าน ทำได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากป้ายที่ติดมากับผ้า ม่าน แล้วจุ่มลงไปในอ่างน้ำอุ่นที่ผสมกับเกลือ 1 ถ้วย แล้วแขวน ผ้าม่าน ให้แห้ง โดยแผ่ให้หมดเนื้อผ้า จะทำให้ผ้าม่านสะอาดและไม่ยับอีกด้วย

91. วิธีการทำความสะอาดตู้ปลา หรือ อ่างปลา ใช้ฟองน้ำชุบ เกลือป่น เช็ดถูให้ทั่ว เพราะ เกลือ จะช่วย ฆ่าเชื้อโรค ที่ติดอยู่ในตู้หรืออ่างปลา และทำให้ ตู้ปลา สะอาดหมดจด อีกด้วย

92. วิธีการทำความสะอาด คราบไขมัน ที่เปรอะเปื้อน จาน ชาม หม้อ และภาชนะในครัว ให้ ล้างด้วยน้ำอุ่นกับ น้ำยาล้างจาน จะทำให้การล้างเป็นไปได้ง่ายขึ้น

93. วิธีการทำความสะอาด กรอบรูปที่ปิดทอง ควรใช้ผ้าแห้งเช็ดฝุ่นให้ออกก็พอแล้ว เพราะ ถ้าใช้ผ้าชุบน้ำจะทำให้ทองที่ปิดอยู่ลอกออกหมด

94. วิธีทำความสะอาด คราบรา ที่ติดอยู่บน หนังสัตว์ ที่ประดับตกแต่งบ้านเรือน ให้ใช้ผ้านุ่มๆ จุ่ม แอลกอฮอลล์ ผสมน้ำเช็ดให้ทั่วแล้วตากไว้ในที่ร่ม รอยเปื้อนคราบนหนังสัตว์จะหายไป

95. วิธีทำความสะอาด คราบเขม่า หรือ คราบควันไฟ ที่ติดอยู่หน้า เตาไฟ ให้ใช้ผ้าชุบ น้ำส้มสายชู ที่ต้มพอร้อน เช็ดถูตามคราบเปื้อนให้ทั่ว แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดอีกครั้ง คราบสกปรก นั้น ๆ ก็จะออกไป

96. วิธีขจัด กลิ่น ลูกเหม็น ที่ติดเสื้อผ้า มีวิธีทำง่ายๆ คือ นำเสื้อนั้นไปพรมน้ำให้แค่ชุ่มพอ แล้วนำเสื้อไปแขวนไว้ในที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพียงชั่วข้ามคืนเดียว กลิ่นลูกเหม็น ที่ติดอยู่กับเสื้อผ้าก็จะจางหายไปหมด

97. วิธีทำความสะอาด คนโทแก้ว ที่เอามือล้วงลงไปทำความสะอาดยากให้ทุบ เปลือกไข่ ใส่ลง ไป แล้วกรอกน้ำส้มสายชูตามลงไปเล็กน้อยเขย่าขวดแล้วแช่ทิ้งไว้สักครู่ เทเปลือกไข่ ออก ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกที คนโท แก้ว จะมองดูสะอาดหมดจดแล้วยังปราศจากกลิ่นอีกด้วย

98. วิธีทำความสะอาด กะละมัง ที่เปื้อนคราบ ด่างทับทิม ให้ใช้ เปลือกมะนาวเช็ด เพราะ เปลือก มะนาว จะดูดและดึงคราบสีของด่างทับทิมออกไป

99. วิธีทำความสะอาดรอยเปื้อนบน โทรศัพท์ ที่มีสีขาว มีวิธีง่ายๆคือ ใช้ผ้าชุบ น้ำยาล้างเล็บ เช็ดถู ให้ทั่วคราบฝุ่นและรอยเปื้อนต่างๆ ก็จะหายไป

100. วิธีการขจัด ขนสุนัข ออกจากพรม มีวิธีทำง่ายๆ คือ ใช้ ฟองน้ำ ชุบน้ำบิดพอหมาดๆ มาซับ จะสามารถซับขนสุนัขออกได้โดยง่าย

100 เคล็ดลับคู่บ้านตอนที่ 1 100 เคล็ดลับ คู่บ้านตอนที่2 100 เคล็ดลับ คู่บ้านตอนที่3 100 เคล็ดลับคู่บ้านตอนที4
ด้วยความห่วงใย รู้มา JBTจึงบอกต่อ ขอบคุณคุณภรณ๊
ร้อยเคล็ดลับคู่บ้าน-ความรู้ประจำบ้านที่ควรรู้ ตอนที่ 4 | รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม

ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://j-b-t.blogspot.com/
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #52 เมื่อ: มีนาคม 09, 2014, 08:30:24 PM »

เคล็ดลับคนชอบกิน ‘เส้น’

ถ้าพูดถึงเมนูอาหารที่สะดวก ทานง่าย แถมรสชาติอร่อย หนึ่งในนั้นคงมีเมนูก๋วยเตี๋ยวอย่างแน่นอน นั่นคงเพราะเลือกสั่งได้ตามใจชอบ ทั้งแบบต้มยำ เย็นตาโฟ จะน้ำหรือแห้งก็มีให้เลือก แถมยังมีเส้นให้เลือกมากมาย ทั้งเส้นเล็ก เส้นใหญ่ เส้นหมี่ วุ้นเส้น บะหมี่ แต่คุณรู้หรือไม่ว่า สารพัดเส้นที่เป็นส่วนประกอบหลักในมื้ออร่อย ให้พลังงานกับคุณเท่าไหร่ อยากรู้แล้วใช่ไหมว่า ในบรรดาอาหารเส้นๆ เหล่านี้ คุณควรจะเลือกทานเส้นไหนดี

วุ้นเส้น ให้พลังงาน 330 กิโลแคลอรี่ เห็นตัวเลขพลังงานพุ่งขนาดนี้ อย่าเพิ่งตกใจ เพราะวุ้นเส้นมีน้ำหนักเบามาก 1 ซองประมาณ 50 กรัมเท่านั้น ปกติที่ทานกันก็ไม่ถึง 100 กรัม แต่มีหลายคนเข้าใจผิดว่าวุ้นเส้นเป็นโปรตีน จริงอยู่ว่าเส้นชนิดนี้ทำจากถั่วเขียว

 แต่ในกระบวนการผลิตถั่วจะถูกโม่และแยกโปรตีนออกไปจนเหลือแต่แป้ง และยังมีการผสมแป้งมันลงไปเพื่อเป็นการลดต้นทุนด้วย เมื่อทานแล้วจะไม่เหนียวเท่าวุ้นเส้นจากถั่วเขียว 100%

เส้นบะหมี่ ให้พลังงาน 300 กิโลแคลอรี่ โดยบะหมี่เส้นสีเหลืองทำมาจากแป้งสาลี ซึ่งเป็นแป้งที่มีโปรตีนสูงพอสมควร แถมยังได้ประโยชน์จากแคโรทีนอยด์และฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระในกลุ่มวิตามินเออีกด้วย

ส่วนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปถึงแม้จะสีเหลืองเหมือนกันแต่ก็ผ่านการทอดและปรุงรสจนมีไขมันและโซเดียมสูง ปริมาณ 1 ซอง (60 กรัม) ก็ให้พลังงานถึง 280 กิโลแคลอรี่ และยังเป็นพลังงานจากไขมันเกือบครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว ถ้าหากอยากกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ควรซื้อชนิดที่มีการเติมสารอาหาร เช่น ไอโอดีน ธาตุเหล็ก หรือวิตามินเอเพิ่มเข้าไป เพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการให้มากขึ้น

เส้นก๋วยเตี๋ยว ให้พลังงาน 150-220 กิโลแคลอรี่ ก๋วยเตี๋ยวเส้นขาวๆ ทั้งเส้นใหญ่ เส้นเล็ก และเส้นหมี่ ล้วนทำมาจากแป้งข้าวเจ้าเหมือนกันแต่ให้พลังงานที่ต่างกันขึ้นอยู่กับความชื้นของเส้น โดยเส้นใหญ่จะมีแคลอรี่สูงที่สุด

เพราะมักจะเคลือบน้ำมัน ทำให้ในปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 220 กิโลแคลอรี่ ในขณะที่เส้นเล็กให้พลังงานประมาณ 180 กิโลแคลอรี่ และเส้นหมี่ให้พลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรี่เท่านั้น

เส้นขนมจีน ให้พลังงาน 80 กิโลแคลอรี่ เส้นขนมจีนถึงแม้จะทำจากแป้งสาลีเหมือนกับเส้นก๋วยเตี๋ยว แต่แป้งสำหรับเส้นขนมจีนจะหมักแช่น้ำไว้ก่อน จึงนำไปผ่านกระบวนการต่างๆ และมักเป็นเส้นสดใหม่ที่ทำวันต่อวัน เส้นจึงมีองค์ประกอบของน้ำมาก และให้พลังงานต่ำกว่าเส้นก๋วยเตี๋ยว

แต่ข้อเสียอย่างหนึ่งของเส้นที่มีความชื้นสูงแบบนี้ก็คือทานแล้วรู้สึกว่าไม่อยู่ท้อง วิธีการเลือกซื้อควรเลือกแบบที่เป็นสีธรรมชาติ ไม่มีการแต่งสีเพิ่มเติม และหากซื้อมาแล้วยังไม่กินควรแช่ตู้เย็นเก็บไว้ แม้จะเป็นแป้งหมักแต่ก็ไม่ควรทิ้งไว้ข้ามวัน

เส้นแก้ว ให้พลังงาน 20 กิโลแคลอรี่ เส้นแก้วใสๆ คล้ายวุ้นเส้นแต่มีลักษณะอวบและกรุบกว่า ทำจากสาหร่ายทะเลสีน้ำตาล 100 กรัม มีคาร์โบไฮเดรตน้อยมาก ประมาณ 4 กรัม นอกเหนือจากนั้นก็เป็นใยอาหารเหมาะกับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือต้องการลดน้ำหนัก

สำหรับส่วนที่ทำให้เส้นแก้วแตกต่างจากเส้นบุกก็คือ เส้นชนิดนี้จะมีโซเดียมและแคลเซียมอยู่เล็กน้อย ซึ่งเส้นแก้วสามารถนำมากินสดๆ ได้เลย แต่หากไม่ชอบความจืดและกรุบจะนำไปปรุงรสและผ่านความร้อนเพื่อให้เส้นนุ่มลงก็ได้ แต่อาจต้องใช้เวลานานกว่าเส้นอื่นสักหน่อย

เส้นบุก ให้พลังงาน 10 กิโลแคลอรี่ เส้นหนึบๆ ที่แปรรูปมาจากหัวบุกมีเส้นใยสูงและให้พลังงานต่ำมาก แถมสารแป้งในหัวบุกซึ่งเรียกว่าแมนแนนเมื่อแตกตัวจะได้เป็นน้ำตาลกลูโคสและแมนโนส ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นยืนยันว่าในกระบวนการย่อย แมนโนสจะถูกดูดซึมช้ากว่ากลูโคสน้ำตาลในเลือดจึงเพิ่มขึ้นช้าเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เป็นเบาหวาน

สาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักทั้งหลายโดยเส้นบุกมีทั้งแบบเส้นใสและแบบผสมสาหร่ายทะเลเพื่อเพิ่มคุณค่าอาหารแต่ให้พลังงานต่ำไม่ต่างกัน ส่วนการปรุงควรลวกในน้ำเดือดจัดจึงจะได้เส้นบุกที่นุ่มกำลังดี

รู้แบบนี้แล้ว การทานอาหารประเภทที่มีเส้นเป็นส่วนประกอบในมื้อต่อไป คงทำให้คุณตัดสินใจง่ายขึ้นว่าควรทานเส้นแบบใดในมื้อไหน เพื่อให้ได้พลังงานเพียงพอในแต่ละวันนะคะ




ที่มาข้อมูล : นิตยสารเปรียว
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #53 เมื่อ: เมษายน 21, 2015, 07:25:14 PM »

เคล็ดลับดับร้อน นอนหลับสบาย ในคืนร้อน...
อากาศร้อนๆ อย่างนี้ นอกจากจะเสียเหงื่อและยังทำให้เราหงุดหงิด อารมณ์ไม่ดี เวลานอนก็แสนจะยากเย็นเพราะอากาศที่ร้อนเหลือคณา ถ้าบ้านไหนมีแอร์ให้เย็นกายชื่นฉ่ำใจก็โชคดีไป แต่พอถึงสิ้นเดือนก็แทบสิ้นใจ เพราะค่าไฟคงมาแรงแซงทางโค้งเป็นแน่ เราจึงได้คิดค้นหาวิธีที่จะทำให้คุณเย็นโดยไม่พึ่งแอร์ ประหยัดไฟยิ่งกว่าเบอร์ 5 ส่วนคนไหนงบน้อยมีแต่ “แฟน” แต่ไม่มี “แอร์” ก็ไม่เป็นไร วิธีนี้รับรองไม่ร้อนนอนสบาย ค่าไฟไม่ขึ้นแน่นนอน
1.ทำตัวให้เย็น
• ดื่มน้ำบ่อยๆ จะช่วยทำให้ร่างกายของคุณเย็นขึ้น พยายามดื่มน้ำทุกๆ ชั่วโมงอย่างน้อย 8 ออนซ์ อาจจะเพิ่มใบสะระแหน่ เปลือกส้ม มะนาว ลงไปในน้ำจะช่วยให้สดชื่นขึ้น
• แช่ข้อมือของคุณในน้ำเย็น ข้างละ 10 วินาที โดยวิธีนี้จะช่วยลดอุณหภูมิในร่างกายของคุณได้ประมาณ 10 ชั่วโมง
• แช่เท้าของคุณในถังน้ำเย็น ความเย็นจะแผ่กระจายไปยัง มือ เท้า ใบหน้า และหู เพื่อระบายความร้อน
2.ใส่เสื้อผ้า (หรือไม่ใส่) แล้วแต่สถานการณ์คลายร้อน
“ไม่ใส่เสื้อผ้า” ถ้าคุณอยู่ในสถานการณ์และสถานที่ที่สามารถ นุ่งน้อยห่มได้ อย่ารอช้า เพราะการใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นหรือไม่ใส่อะไรเลย จะช่วยให้คุณรู้สึกเย็นสบายได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด
ร้อนมากไม่ใส่อะไรเลย ร้อนน้อยหน่อย ใส่เป็นชุดว่ายน้ำหรือชุดชั้นในอยู่บ้าน ก็ไม่ว่ากัน เย็นสบายอย่าบอกใคร
เคล็ดลับสำหรับการเลือกเสื้อผ้าสำหรับหน้าร้อน ควรเป็นเสื้อผ้าที่ผลิตจากใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าไหม ผ้าลินิน
จะทำให้คุณรู้สึกเย็นขึ้นกว่าผ้าที่ทำมาจากใยสังเคราะห์ และควรสวมเสื้อผ้าสีอ่อนๆ เพราะเสื้อผ้าสีเข้ม จะดูดแสงและเก็บความร้อนได้ดีกว่า แนะนำให้สวมเสื้อผ้าสีขาว เพราะจะช่วยสะท้อนแสงได้ดีที่สุด รวมทั้งไม่เก็บความร้อนอีกด้วย
3.ทำความเย็นโดยไม่พึ่งแอร์
เริ่มต้นด้วยการนำภาชนะใส่น้ำไปแช่ช่องฟรีซให้แข็ง จากนั้น นำน้ำแข็งที่ได้มาใส่ภาชนะใบใหญ่ ตั้งไว้หน้าพัดลม ไอเย็นจากน้ำแข็งกำลังละลายจะทำให้คุณเย็นสบายคล้ายแอร์เลยทีเดียว นอกจากนั้น น้ำแข็งที่ละลายแล้วคุณยังสามารถนำมารีไซเคิลไปแช่แข็งได้ใหม่ ประหยัดทั้งไฟ ประหยัดทั้งน้ำ แบบนี้ไม่รักไม่ได้แล้ว
ฟังก์ชั่นนี้ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอร์คุณได้ด้วย ไม่ให้แอร์ของคุณทำงานหนักจนเกินไป และความเย็นที่ได้ไม่เย็นเจี๊ยบชื่นใจเหมือนการเปิดแอร์ 13 องศา อย่างแน่นอน แต่เป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้คุณเย็นขึ้นโดยไม่อาศัยแอร์นั่นเอง
.หมอนเย็น
ตัวช่วยแรกที่เราขอแนะนำสำหรับการทำ “หมอนเย็น” นั่นก็คือ “แผ่นรองหมอนเย็น” ที่จะมอบความเย็นสดชื่น จากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว เพียงวางรองบนหมอนตอนเข้านอน แผ่นเจลจะค่อยๆ ดูดซับและถ่ายเทความร้อนจากร่างกาย ทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง เย็นสบาย และนอนหลับได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
วิธีที่สอง เอาหมอนใบเล็กๆ ไปแช่ตู้เย็นก่อนที่คุณจะนอนสัก 1-2 ชั่วโมง โดยเอาถุงพลาสติกคลุมไว้ก่อนแช่ในตู้เย็น เพื่อไม่ทำให้หมอนชื้นหรือเปียกจากไอเย็นน้ำแข็ง หรือจะจัดเต็มแบบครบเซตด้วยการเอาผ้าปูที่นอนหรือผ้าห่มผืนบางๆ ไปแช่ตู้เย็นด้วย แต่อย่าลืมเอาถุงพลาสติกคลุมทุกครั้ง จะได้ไม่เปียกชื้นจนเกินไป ซึ่งวิธีนี้อาจจะทำให้คุณเย็นได้เพียงไม่กี่นาทีหลังจากที่เอาหมอนหรือผ้าห่มออกมาจากตู้เย็น ดังนั้นต้องรีบทำเวลาหน่อย
5.เพิ่มความชุ่มชื่นด้วยผ้าม่าน
ฉีดน้ำเย็นๆ ลงบนผ้าม่าน หรือผ้าผืนบางๆ พอหมาดๆ จากนั้นนำไป แขวนไว้ตรงหน้าต่างที่เปิดอยู่ เวลาที่ลมพัดผ่านเข้ามาจะได้รับความเย็นและความชุ่มชื่นจากผ้าที่ผึ่งไว้จะช่วยทำให้อุณหภูมิในห้องของคุณเย็นขึ้น
6.ใช้วิธีอียิปต์โบราณ
วิธีนี้เป็นวิธีการเก่าแก่ของชาวอียิปต์โบราณที่ใช้คลายความร้อนยามค่ำคืน เพียงแค่แช่ผ้าบางผืนใหญ่ หรือผ้าห่ม แช่ในน้ำเย็น จากนั้นนำไปผึ่งทิ้งไว้พอหมาดๆ แต่ไม่แห้ง และไม่เปียกจนมีน้ำหยดเป็นอันใช้ได้ นำผ้าห่มมาคลุมตัวคุณไว้ตอนนอน จะช่วยให้ร่างกายของคุณเย็นขึ้น
หรืออีกหนึ่งวิธีที่ที่เป็นที่นิยมคือ การนำแพคน้ำแข็งมาวางไว้บนศีรษะ หรือข้อมือของคุณก่อนนอน จะช่วยให้คุณเย็นสบายขึ้น และต้องให้แน่ใจว่าแพคน้ำแข็งไว้อย่างดีไม่หยดจนเปียก หรือจะเป็นถุงเท้าชุบน้ำพอหมาดๆ สวมก่อนนอนก็เย็นดีไม่น้อย
7.ระบายความร้อนออกนอกห้อง
เป็นการครีเอทโดยใช้หลักการถ่ายเทความร้อน จากในห้องออกไปด้านนอก โดยการเปิดพัดลมตั้งโต๊ะแล้วหันหน้าออกไปนอกหน้าต่างเพื่อเป็นการระบายความร้อน จากนั้นให้เปิดพัดลมเพดาน เพื่อเป็นการหมุนเวียนอากาศ ดึงความร้อนขึ้น และพัดออกไปโดยพัดลมตั้งโต๊ะตรงหน้าต่าง เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ห้องของคุณเย็นขึ้น
http://manager.co.th/GoodHealth/ViewNews.aspx







บันทึกการเข้า

finghting!!!
GGS
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


เว็บไซต์
« ตอบ #54 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2015, 12:32:31 PM »

กระทู้ข้อมูลเยอะจริง มีประโยชน์ดีครับ

 Grin
บันทึกการเข้า
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #55 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 12:33:48 PM »

เคล็ดไม่ลับ เตรียมผลไม้ก่อนรับประทาน















ภาพเคล็ดไม่ลับสำหรับการเตรียมผลไม้ก่อนรับประทานในแบบเจ๋ง ๆ ที่คุณอาจไม่เคยคิดมาก่อนเลยก็เป็นได้ พูดเลยว่ามันเจ๋งเว่อร์ดีจริง ๆ



เครดิตจาก : http://www.ptt01.cc/post_25922

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #56 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2015, 12:41:16 PM »






เครดิตจาก : http://www.ptt01.cc/post_25922
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #57 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2015, 09:39:43 AM »

https://www.youtube.com/watch?v=zmkfaHVZM6s

วิธีปอกสับปะรดแบบง่าย ๆ ทั้งสวย ทั้งน่าทาน
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #58 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2015, 09:02:28 AM »

++DIY ฟรีซผลไม้เองง่ายๆ เอาใจคนรักสุขภาพ คุมน้ำหนัก และปลื้มSmoothies++



เนื่องด้วย จขกท เป็นคนชอบทานผลไม้ ทั้งทานสดๆ และนำไปปั่นกับกรีนสมูทตี้ แนวเฮลตี้ๆๆ เลยมักจะซื้อมาตุนทีละมากๆ

ปัญหาบังเกิดสิเจ้าคะ ทานไม่ทัน เสีย......ทิ้ง  อยากจิร้องไห้เป็นภาษาสเปน   เพราะผลไม้สมัยนี้ไม่ใช่ถูกคร้าาาาา
แหม่! ไอเดียเลยบังเกิด ปิ๊งประหลาดใจประหลาดใจประหลาดใจ 

จับแช่แข็งซะเลย แต่ครั้งแรก มิสำเร็จ ค่ะคุณขาาาาา   จขกท เล่นหั่นปั๊บ ใส่กล่องแช่ฟรีซ 
พอจะใช้เปิดมา คือสสารรวมกลับเป็นก้อนเดียวกัน ราวน้ำแข็งมือ (เด็กสมัยใหม่ไม่รู้ รู้จักหรือเปล่านะคะ แอบขยายความนิดละกัน นำแข็งมือ คือน้ำแข็งที่เป็นก้อนทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าใหญ่ๆ เมื่อก่อนจะเห็นได้ตามร้านน้ำแข็งใส ใครยังนึกไม่ออก ถามอากู๋นะคะ) มาๆ กลับเข้าเรื่องเรา

ฮึบเอาใหม่ๆ ทีนี้ จขกท ใช้ติ่งสมองเล็กๆ ที่มีอยู่ คิดๆๆๆๆ เพี้ยนเพลีย
แท้แด้น!!!! เลยได้ผลไม้แช่แข็งออกมาเริ่ดๆ ทำเองก็แสนง่าย แถมเก็บไว้ได้นานอีกด้วยค่ะ
มาดูวิธีกันน๊าาาาา
อบกระซิบอมยิ้ม25  ใช้ได้กับผลไม้เกือบทุกประเภทเลย จขกท ลอง กล้วยหอม,แอปเปิ้ลเขียว,กีวี่,มะละกอ,สับปะรด,ฝรั่ง,
ส้ม,แคนตาลูป,มะม่วง, แก้วมังกร, แครอท






อุปกรณ์ที่ใช้เพี้ยนลุย
1. มีดหั่นผลไม้หรือ มีดที่มีในครัว ใช้ได้หมดค่ะ
2. เขียง
3. ถาดขนาดที่สามารถเข้าช่องฟรีซ บ้านคุณๆ ได้
4. กระดาษรองถาด (จขกท ใช้กระดาษรองสำหรับอบเบเกอรี่)
5. ถุงซิป หรือ กล่องบรรจุ

วิธีทำ 
1. หั่นผลไม้ ที่ต้องการแช่แข็งเป็นสี่เหลี่ยม
2. นำผลไม้ที่หั่น มาเรียงบนถาดที่เตรียมไว้ อย่าให้ซ้อนกันนะคะ
3. จากนั้นนำไปแช่ ช่องแช่แข็ง ประมาณ 40-60 นาที หรือจนกว่าผลไม้แข็ง
4. นำออกมาบรรจุลงถุงซิป หรือกล่อง จากนั้นนำกลับไปแช่ช่องแข็งตามเดิม

เพียงเท่านี้ ผลไม้ของคุณจะแยกชิ้นเป็นอิสระ สวยงามตามท้องเรื่องเยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม
สะดวกทุกครั้งเมื่อต้องการใช้งานค่ะ


ประหยัดทั้งเวลา ประหยัดทั้งเงินในกระเป๋า หัวเราะหัวเราะหัวเราะ

เผื่อใครสนใจ กรีนสมูทตี้ จขกท มีแชร์ไว้ ด้วยนะคะ http://pantip.com/topic/34394999
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #59 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2015, 08:38:22 AM »

https://www.youtube.com/watch?v=2TLqZznUJTU

วิธีปอกทุเรียน how to peel a durian by แหม่ม


https://www.youtube.com/watch?v=OOtYL5RVSb4

สาธิตวิธีการปอกทุเรียนก้านยาวโดยลุงศักดิ์

https://www.youtube.com/watch?v=CSG6R7tNUTs

วิธีปลอกทุเรียนง่ายๆแบบฉีก


https://www.youtube.com/watch?v=4Qh8asm4bnc

แนะนำวิธีเลือกทุเรียน และแกะทุเรียนแบบง่ายๆ ที่คุณก็ทำได้ 

https://www.youtube.com/watch?v=S7RxXT3I7Fw

รีวิวทุเรียนหมอนทอง ชะนี ก้านยาว รสชาติต่างกันยังไง
.


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 19, 2015, 08:58:13 AM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 3 [4] 5   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: