Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: [1] 2 3 ... 7   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ท่องเที่ยวทั่วไทย  (อ่าน 15976 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 09:01:46 PM »

 Smiley
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 09:02:12 PM »

 Smiley
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 09:02:56 PM »

 Smiley
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 09:03:08 PM »

 Smiley
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 09:03:20 PM »

 Smiley
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 09:05:44 PM »

ทะเลสวยน้ำใสที่ "เกาะไหง"



"เกาะไหง" เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของทะเลตรัง แต่จริงๆ แล้วเกาะไหงอยู่ในเขตจังหวัดกระบี่ เช่นเดียวกับ เกาะรอก โดยเกาะไหงนั้นอยู่ห่างจากเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เพียง 12 กิโลเมตร ห่างท่าเรือปากเมง จังหวัดตรัง 15 กิโลเมตร แต่การเดินทางจากปากเมงสะดวกกว่า


     และอีกอย่างคือเกาะไหงอยู่ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆของทะเลตรัง ห่างจากเกาะม้าเพียง 1.5 กิโลเมตร ห่างเกาะเชือกเพียง 3 กิโลเมตร ดังนั้นเกาะไหงจึงถูกเหมารวมเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวทะเลตรัง ตัวเกาะมีความยาวประมาณ 4 กิโลเมตร อยู่ในการดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา

     บนเกาะมีหาดทราบขาว น้ำทะเลใสสะอาด รอบเกาะอุดมด้วยปะการังที่สมบูรณ์ การเดินทางไปเกาะไหง มีเรือโดยสาร ของแต่ละรีสอร์ทคอยให้บริการ เวลาออกจากท่าเรือปากเม็งขึ้นอยู่กับรีสอร์ทนั้นๆ

โดยทั่วไปตั้งแต่ 10.30 น.-12.30 น.เป็นเรือเร็วใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาที ราคาคนละ 450 บาท หรือถ้าเป็นเรือใหญ่จะออกเวลา 16.30 น. ราคาท่านละ 450 บาท ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 45-60 นาที นอกจากนี้มีเรือหางยาวให้เช่าราคาเหมาลำประมาณลำละ 1,200 บาท


ข้อมูลโดย : กรมการท่องเที่ยว
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 09:07:18 PM »

มหัศจรรย์หินซ้อนที่ "เกาะดง"



"เกาะดง" เป็นเกาะขนาดใหญ่อีกเกาะหนึ่งของอุทยานแห่งชาติตะรุเตา จังหวัดสตูล อีกทั้งยังเป็นเกาะสุดท้ายในทะเลลึก ที่มีทิวทัศน์รอบๆเกาะที่ค่อนข้างสวยงามมาก เนื่องจากน้ำทะเลที่ค่อนข้างใส รวมไปถึงหาดทรายขาวเนียนละเอียดมากแห่งหนึ่ง
     
โดยความโดดเด่นของเกาะนี้คือ รอบๆเกาะนั้นมีหินซ้อนขนาดใหญ่สองก้อนซ้อนกัน เหมือนจะหลุดจากกัน แต่ก็อยู่มาได้หลายร้อยปี ซึ่งสร้างความแปลกตาให้แก่นักท่องเที่ยวที่ได้พบเห็น และยังมีจุดดำน้ำลึกและดำน้ำตื้นให้นักท่องเที่ยวได้ชมความงามใต้ท้องทะเลรอบๆเกาะดงได้อีกด้วย


ข้อมูลโดย : กรมการท่องเที่ยว
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 10:25:42 PM »

นมัสการพระบาทพลวง ที่ เขาคิชกุฏจันทบุรี










ขอขอบคุณภาพประกอบจาก คุณ Mogmag, อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌก้ฎ และ คู่หูเดินทาง


           อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌก้ฏ หรือที่ใคร ๆ เรียกกันจนติดปากว่า "เขาคิชฌก้ฏ" มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอมะขาม และกิ่งอำเภอเขาคิชฌก้ฏ จังหวัดจันทบุรี และยังเป็นต้นน้ำสำคัญของแม่น้ำจันทบุรี สภาพป่าในบริเวณนี้มีทั้งป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา และป่าไม้ผลัดใบ มีสมุนไพรและกล้วยไม้ป่านานาชนิด รวมทั้งมีพันธุ์ไม้หายาก คือ ไม้กฤษณา

           สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในบริเวณ อุทยานแห่งชาติเขาคิชฌก้ฏ ได้แก่ น้ำตกกระทิง, น้ำตกคลองช้างเซ, ยอดเขาพระบาท และที่ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษนั้น เห็นจะเป็นการนมัสการรอยพระบาทเขาคิชฌก้ฏ หรือ พระบาทพลวง นั่นเอง

ตำนานรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌก้ฎ

          ตำนานรอยพระพุทธบาทเขาคิชฌก้ฎมีอยู่ว่า นายติ่งและคณะได้ขึ้นบนเขาเพื่อไปหาไม้กฤษณามาขาย และได้ไปพักเหนื่อยบนลานหินกว้าง ระหว่างนั้นเพื่อนของนายติ่งคนหนึ่ง ได้ถอนหญ้าเพื่อนอนพักก็พบแหวนใหญ่ขนาดสวมหัวแม่เท้าได้ เเละเมื่อช่วยกันตรวจดูก็พบหินแผ่นหนึ่ง มีพื้นที่เป็นรอยรูปก้นหอย ต่อมานายติ่งและเพื่อนได้นำบุตรชายไปอุปสมบทที่วัดพลับ รุ่งขึ้นก็มีงานปิดรอยพระพุทธบาทจำลอง นายติ่งซื้อทองไปปิดแล้วจึงพูดว่าแถวบ้านตนก็มีรอยแบบนี้เช่นเดียวกัน พอดีมีพระได้ยินเข้าจึงไปเรียนให้เจ้าอาวาสวัดรับทราบ เจ้าอาวาสจึงเรียกนายติ่งเข้าไปสอบถาม พร้อมกับส่งคณะขึ้นไปพิสูจน์ดู ก็พบว่าเป็นความจริง และเมื่อตรวจดูบริเวณรอบ ๆ ก็พบกับสิ่งประหลาดมหัศจรรย์อีกหลายอย่าง รอยพระพุทธบาทนั้นท่านทรงเหยียบจารึกไว้ที่ศิลาแผ่นใหญ่ บรรจุคนนั่งได้ร้อยกว่าคน บนยอดเขาสูงสุด กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร

          ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของรอยพระพุทธบาทมีหินกลมก้อนหนึ่งใหญ่มาก เรียกว่า หินลูกพระบาท ตั้งขึ้นมาอย่างน่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์ มองดูคล้ายลอยอยู่เฉย ๆ มีคนกล่าวว่าเขาเคยเอาด้ายสายสิญจน์คล้องแล้วหลุดออกมาได้ และยังมีหินอีกลูกอยู่ตรงข้ามกับหินลูกพระบาทนี้ ก็มีรอยพระหัตถ์ไปรับหินก้อนนี้ จากรอยพระพุทธบาทกับรอยพระหัตถ์นั้น ห่างกันประมาณ 5 เมตร และยิ่งแปลกไปกว่านั้น ในก้อนหินตรงกันข้ามกับรอยพระหัตถ์ ยังมีรูปรอยเท้าใหญ่ ซึ่งเรียกกันว่ารอยเท้าพญามาร เพียงแหงนหน้าขึ้นไปจะมองเห็นได้ทันที สูงประมาณ 15 เมตร

          ต่อจากนั้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ห่างจากหินลูกนี้ไปเพียง 15 วา มีหินลูกข้างบนเป็นลานและมองเห็นรอยรถหรือรอยเกวียน เมื่อยืนบนหินลูกนั้นมองลงไปทางทิศเหนือจะเห็นถ้ำเต่า หันไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของรอยพระพุทธบาทจะเห็นถ้ำช้าง และถ้ามองจากรอยพระพุทธบาทขึ้นไป จะเห็นหินก้อนหนึ่งมีรูปลักษณะคล้ายช้างจริง เลยจากช้างไปสูงสุดนั้นเรียกกันว่าห้างฝรั่ง เพราะฝรั่งได้ขึ้นไปตั้งห้างส่องกล้องเพื่อทำแผนที่ มองไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ยังมีถ้ำอีกถ้ำหนึ่งเรียกว่าถ้ำสำเภา เพราะมีหินก้อนหนึ่งข้างบนถ้ำมีลักษณะคล้าย ๆ เรือสำเภา และยังมีอีกถ้ำหนึ่งใต้พระบาทนี้เรียกว่าถ้ำตาฤาษี




พระบาทพลวง หรือ พระพุทธบาทพลวง ประดิษฐานอยู่บน เขาคิชฌก้ฎ โดย พระบาทพลวง นี้ เป็นรอยพระพุทธบาทขนาดใหญ่ กว้าง 1 เมตร ยาว 2 เมตร อยู่บนยอดเขาสูงจากระดับน้ำทะเล 1,000 เมตร ที่จังหวัดจันทบุรี และถือว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่สูงที่สุดของประเทศไทย และอยู่ห่างจากตัวเมืองจันทบุรีประมาณ 40 กิโลเมตร

           ทั้งนี้ ประชาชนจะนิยมไปนมัสการพระบาทหลวงเป็นจำนวนมาก เพื่อเสริมสิริมงคลให้กับตัวเอง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลตรุษจีนถึงช่วงวันมาฆบูชาของทุกปี จะมีประชาชนขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาททั้งกลางวันและกลางคืน ขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องของเขาคิชฌก้ฏ ก็ได้จัดงานนมัสการพระบาทพลวงเป็นประจำทุกปีอีกด้วย

          อย่างไรก็ตาม ในปีนี้ได้มีการจัด งานนมัสการพระบาทพลวง (เขาคิชฌก้ฏ) โดยเปิดให้ขึ้นนมัสการ ในวันที่ 24 มกราคม - วันที่ 24 มีนาคม 2555 ณ บริเวณยอดเขาคิชฌก้ฏ ตำบลพลวง อำเภอเขาคิชฌก้ฏ ทั้งนี้ จะมีการบวชชีพราหมณ์ ในวันที่ 8 - 13 มกราคม 2555 และทำพิธีบวงศรวงเปิดป่า วันที่ 22 มกราคม 2555 โดยภายในงานมีการจัดบวงสรวงเทวดาอารักษ์ พิธีปิดทองรอยพระพุทธบาท และการจัดเดินป่าขึ้นไปสู่ยอดเขาคิชฌก้ฏ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดกระทิง โทรศัพท์ 0-3945-2056





โดยการจัดเดินป่าขึ้นยอดเขาคิชฌก้ฏ เป็นงานประเพณีที่ปฏิบัติสืบทอดกันมานาน โดยมีความเชื่อว่าจะได้บุญสูง และเป็นการฝึกจิตใจให้มีความอดทน ไม่ย่อท้อต่อความยากลำบาก...ในอดีตจะเป็นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดเขา แต่ในปัจจุบันมีรถบริการให้ประชาชน ได้เดินทางขึ้นไปนมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ได้สะดวกยิ่งขึ้น

          ส่วนกิจกรรมในงานกราบสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขาคิชฌก้ฎ การเดินทางเริ่มต้นที่วัดพลวงไปตามถนนระยะทาง 8 กิโลเมตร จากนั้นเดินขึ้นเขาไปอีกประมาณ 1.2 กิโลเมตร ทิวทัศน์บนยอด เขาคิชฌก้ฏ หรือ เขาพระบาท นี้เป็นปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา ที่นำมาผูกกับตำนานทางพระพุทธศาสนา ได้แก่ ศิลาเจดีย์ รอยพระพุทธบาท หินรูปบาตรคว่ำ ถ้ำฤาษี ลานแข่งรถพระอินทร์ หินที่มีรูปร่างคล้ายเต่าและช้างขนาดยักษ์ บนยอดเขาพระบาทซึ่งมีอากาศเย็นสบายนั้น สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเทือกเขาสระบาป เขาสุกิม เกาะนมสาว และตัวเมืองจันทบุรีได้อย่างชัดเจน




ซึ่งในช่วงเทศกาลนมัสการรอยพระพุทธบาทพลวง พุทธศาสนิกชนที่มีศรัทธาจะเดินทางขึ้นเขาไปแสวงบุญเป็นจำนวนมาก เพราะนอกจากจะได้นมัสการพระพุทธบาทศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังจะได้ชมความงดงามแปลกอัศจรรย์ของหินลูกพระบาท ก้อนหินกลมใหญ่ริมหน้าผา และได้รับความสดชื่นจากบรรยากาศบนยอดเขาคิชฌก้ฏ นอกจากนี้ ผู้ที่ถึงวัดพลวงตอนเย็น สามารถพักค้างคืนเพื่อเริ่มขึ้นยอดเขาในตอนเช้าได้ โดยทางวัดมีที่พัก และที่อาบน้ำไว้รองรับคนได้จำนวนมาก (ว้าว...) 



สำหรับการเดินทางนั้นก็ง่ายแสนง่าย หากมาตามถนนสุขุมวิท ถึงทางแยกเข้าตัวเมืองจันทบุรี (สี่แยกเขาไร่ยา) ให้เลี้ยวลงถนนทางน้ำตกกระทิง หรือถนนบำราศนราดูร จากทางแยกเขาไร่ยา ไปถึงน้ำตกกระทิงประมาณ 20 กิโลเมตร เลยวัดระทิงไป 400 เมตร ถึงแยกขวามือไปวัดพลวง เป็นถนนลูกรังระยะทาง 3 กิโลเมตร เมื่อถึงวัดพลวง จะเป็นจุดเริ่มต้นขึ้นไปยังยอดเขา มีรถรับจ้างทดเฟืองพิเศษรับไปส่งถึงจุดที่ใกล้ที่สุด และเดินเท้าต่ออีกประมาณ 40 นาที

           ทั้งนี้ สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติเขาคิดชฌก้ฎ โทรศัพท์ 0-3945-2075, กิ่งอำเภอเขาคิดชฌก้ฎ โทรศัพท์ 0-3945-2437 หรือ องค์การบริหารส่วนตำบลพลวง โทรศัพท์ 0-3930-9281







ขอขอบคุณข้อมูลจาก



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 10:27:21 PM »

แอ่ว “เจียงฮาย” เที่ยวหลายอารมณ์ ชมดอกซากุระบาน ที่ “ดอยแม่สลอง”


 
ดอยแม่สลอง ในวันซากุระเบ่งบาน
 
“ไปไปเต๊อะไปแอ่ว ไปเต๊อะไปแอ่ว จังหวัดเจียงฮาย ข้าเจ้าจะปาไปไหว้ป้อขุนเม็งราย ตี้เคารพเชิดชู ขอพรหื้อทุกคนทุกผู้ มีชีวิตอยู่อย่างสุขสบายใจ”

“ตะลอนเที่ยว” ฮัมบทเพลง “สาวเจียงฮาย” อยู่ในใจอย่างสบายอารมณ์ ขณะที่เจ้านกเหล็กยักษ์ของสายการบินนกแอร์ กำลังพาเครื่องลงยังสนามบินแม่ฟ้าหลวง จ. เชียงราย ซึ่งเป็นจุดหมายของการออกตะลอนเที่ยวแบบขอหนีลมร้อนจากเมืองกรุง มาสัมผัสกับอากาศเย็นสบายทางภาคเหนือที่ยังพอมีลมหนาวหลงเหลืออยู่



จุดชมวิวไร่ชาและซากุระริมทางบนดอยแม่สลอง
 
 ในทริปนี้ของการแอ่วเชียงรายเราขอเลือกเที่ยวตามแคมเปญของททท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ที่ว่า “เที่ยวหัวใจใหม่ เมืองไทยยั่งยืน” โดย พาใจดวงน้อยที่รักการท่องเที่ยวแบบอนุรักษ์ เที่ยวแบบใส่ใจ ไม่ทำลายทรัพยากรทางการท่องเที่ยว มาเที่ยวท่องไปสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันโด่งดังของจ.เชียงราย ซึ่งมีความหลากหลายให้เลือกเที่ยวได้ตามอำเภอใจ แบบหลากหลายอารมณ์ของการท่องเที่ยว



อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช
 
ว่าแล้วจะรอช้าอยู่ใย แบกกระเป๋าพร้อมกล้องคู่ใจ ออกตะลุยเชียงรายกันดีกว่า เปิดทริปด้วยการมากราบสักการะองค์พ่อขุนเม็งรายกันที่ “อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช” ตั้งอยู่กลางตัวเมืองเชียงรายบริเวณห้าแยกพ่อขุน อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายนี้ทาง จ.เชียงรายสร้างขึ้นเพื่อเป็นการรำลึกถึงพระองค์ท่าน ที่เป็นผู้สร้างเมืองเชียงรายขึ้นมาตั้งแต่ พ.ศ. 1805 และเมืองเชียงรายก็เจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาสืบมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งในปีนี้ทางจังหวัดได้ร่วมมือกับหน่วยงานหลายภาคส่วนจัดกิจกรรมฉลอง เชียงราย 750 ปีไปอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี



พระเจ้าล้านทอง พระศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเชียงรายเคารพนับถือมาก
 
อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย พระรูปของพระองค์หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ดูสง่างาม ฉลองพระองค์ด้วยเครื่องทรงพระมหากษัตริย์ล้านนาโบราณ ประทับยืนบนฐานสูงประมาณ 3 ม. ทรงถือดาบด้วยพระหัตถ์ซ้ายแนบกับพระเพลา ทรงสวมมาลัยพระกร และธำมรงค์ที่พระหัตถ์ขวาตรงนิ้วนางและนิ้วก้อย ที่พระหัตถ์ซ้ายตรงนิ้วชี้และทรงฉลองพระบาท อีกทั้งยังมีตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติประดับอยู่ทางด้านหลังอนุสาวรีย์งดงามตา เป็นยิ่งนัก


พระเจดีย์ ที่ค้นพบพระแก้วมรกต

เสร็จจากสักการะพ่อขุนเม็งรายแล้ว เราไปเที่ยวแบบอิ่มบุญกันต่อที่ “วัดพระแก้ว” เป็น วัดสำคัญที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงราย เดิมชื่อวัดป่าญะ หรือป่าเยียะ หมายถึง ไม้ไผ่พันธุ์พื้นเมืองชนิดหนึ่ง แต่เมื่อ พ.ศ. 1977ได้พบพระแก้วมรกตเป็นครั้งแรกที่พระเจดีย์หลังพระอุโบสถ จึงได้ชื่อใหม่ว่าวัดพระแก้ว และได้รับการยกฐานะเป็นพระอารามหลวงเมื่อ พ.ศ. 2521

เดินเข้าวัดพระแก้วแล้วรู้สึกจิตใจสงบร่มเย็นจริงๆ ภายในวัดร่มรื่นด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ มีสิ่งน่าสนใจให้ชมหลายที่ มีพระอุโบสถที่งดงามทรงเชียงแสน ภายในมีพระเจ้าล้านทองเป็นพระประธาน เป็นพระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัยสกุลศิลปปาละวะ ที่มีความสวยงามมากที่สุดในประเทศไทย ชาวเชียงรายเคารพนับถือมาก



พระหยกเชียงราย ที่ชาวเชียงรายให้ความสักการะ  
 
มีพระเจดีย์สีทองเหลืองอร่าม ที่มีความสำคัญตรงที่เป็นที่ค้นพบพระแก้วมรกตอันศักดิ์สิทธิ์ และมีหอพระหยก เป็นอาคารทรงล้านนาโบราณ เป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธรตนากร นวุติวัสสานุสรณ์มงคล” หรือ “พระหยกเชียงราย” มี ความงดงามเป็นอย่างยิ่ง สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จย่ามีพระชนมายุครบ 90 พรรษา เป็นพระพุทธรูปแกะสลักจากหินหยก ปางสมาธิราบ เครื่องทรงสร้างด้วยอัญมณีและทองคำ แบบเครื่องทรงพระพุทธรูปแบบเชียงแสน มีความงดงามเป็นอย่างมาก



ทิวทัศน์ในไร่บุญรอด
 
นอกจากนี้ยังมีโฮงหลวงแสงแก้ว เป็นอาคารทรงล้านนาประยุกต์ ภายในเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงพระพุทธรูปสำคัญ รวมทั้งศิลปวัฒนธรรมเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาในรูปแบบที่ทันสมัยให้ได้ชม เราใช้เวลาอยู่ที่วัดพักใหญ่ ได้ไหว้พระขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และทำบุญจนอิ่มใจแล้วก็ออกเดินทางไปเที่ยวกันที่ “ไร่บุญรอด” สถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ล่าสุดของเชียงรายที่เปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร

ไร่บุญรอดมีรถรางพาทัวร์ชมไร่และมีไกด์คอยอธิบายจุดเที่ยวต่างๆ ภายในไร่ที่มีเนื้อที่กว่า 8,000 ไร่ มีพืชผลทางเกษตรที่ปลูกไว้ให้ได้ชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ทุ่งข้าวบาร์เลย์ ไร่กาแฟ ไร่ชา ทุ่งข้าวญี่ปุ่น แปลงพืชผักอันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสตรอเบอรี่ พุทรา มะเฟือง เป็นต้น



สวนสายรุ้งในไร่บุญรอด
 
อีกทั้งยังมีจุดพักให้ได้ลงไปถ่ายรูปในสวนไม้ดอกไม้ประดับที่มีการ พ่นละอองน้ำตัดกับแสงแดดจนเกิดเป็นรุ้งกินน้ำดูสวยงาม จนใครหลายคนเรียกที่นี่ว่า“สวนสายรุ้ง” นอกจากนี้ที่นี่ ยังมีร้านอาหารภูภิรมย์ที่มีจุดชมวิว 360 องศา ให้ได้แวะถ่ายรูปและอิ่มอร่อยกับอาหารเลิศรสกันได้ และมีร้านกาแฟสดจากไร่ ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากไร่ ให้ได้เลือกซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้านกันไป

เราเที่ยวชมไร่จนทั่วและแวะซื้อของฝากติดมือมานิดหน่อย ก่อนที่จะมุ่งหน้าไป “ดอยแม่สลอง” ที่ตั้งของชุมชนชาวจีนยูนนาน(จีนฮ่อ)จากกองพล 93 ที่อพยพเข้ามาอยู่บนดอยแม่สลองตั้งแต่พ.ศ. 2504 ชุมชนบนดอยแม่สลองจึงมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมความเป็นอยู่แบบชาวจีนแถบมณฑลยู นนานให้ได้เห็นและสัมผัสกัน โดยเฉพาะที่หมู่บ้านสันติคีรี



ดอกซากุระเมืองไทย หรือนางพญาเสือโคร่ง
 
 บนดอยแม่สลองมีที่เที่ยวให้เลือกเที่ยวหลายที่ แต่ที่เป็นไฮไลท์ในช่วงหน้าหนาวนี้ก็ต้องไม่พลาดที่จะมาชื่นชมกับความสวยงาม ของ ดอกซากุระเมืองไทย หรือนางพญาเสือโคร่ง ที่ออกดอกสีชมพูบานชูช่อไปทั่วทั้งต้นอยู่ตามริมทางขึ้นดอย เราได้ถ่ายรูปและชื่นชมความงามของดอกซากุระจนหนำใจแล้ว ก็ขึ้นไปเรียนรู้ประวัติศาสตร์กันที่ “อนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติ” สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงประวัติศาสตร์ว่าที่บ้านสันติคีรีเป็น หมู่บ้านของอดีตทหารจีนคณะชาติ (ทจช.ก๊กมินตั๋ง) กองพล 93 ได้ช่วยราชการไทยต่อสู้และปราบปรามคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ดอยหลวง ดอยขาว และดอยผาหม่น จ.เชียงราย



อนุสรณ์สถานอดีตทหารจีนคณะชาติ

ด้านหน้าอนุสรณ์ฯ มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่โดดเด่นด้วยประติมากรรมรูปมือทองคำถือดอกบัว และด้านหลังเป็นอาคารสถาปัตยกรรมจีน ข้างในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์รวบรวมข้อมูล ประวัติความเป็นมาของชุมชนแม่สลอง ประวัติของคณะทหารจีนคณะชาติ ความเหนื่อยยาก การตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย มีภาพถ่ายประวัติศาสตร์ความเป็นมา รูปภาพ และสิ่งสำคัญต่างๆ บนดอยแม่สลองที่ได้เกิดขึ้นในอดีต และมีห้องสมุดที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง ให้ได้ศึกษากัน



ซากุระต้นนี้เนื้อหอมเป็นพิเศษ

การได้เดินชมอนุสรณ์ฯ จนทั่วทำให้เราซาบซึ้งถึงการต่อสู้ของชาวจีนได้เป็นอย่างดี และก่อนที่จะลงจากดอยแม่สลองเราก็แวะไปเที่ยวชมไร่ชา ซึ่งที่บ้านสันติคีรีเป็นหมู่บ้านที่มีการปลูกชากันมาก ภาพของไร่ชาหลายพันไร่ที่มีต้นชาขึ้นเขียวชอุ่ม ดูแล้วสร้างความสดชื่นเสียจริงเชียว และใช่ว่าจะแค่ดูเท่านั้น เพราะว่าจะมีร้านขายผลิตภัณฑ์จากชาคุณภาพดีให้ได้เลือกชิม เลือกซื้อหากันอีกด้วย และนอกจากชาแล้วบนดอยแม่สลองก็มีร้านขายสินค้าพื้นเมืองหลากหลายทั้ง ลูกท้อ บ๊วย เครื่องยาจากเมืองจีน เสื้อผ้าและเครื่องประดับจากชาวเขา ให้ได้เลือกชอปกัน



บนดอยแม่สลองมีสินค้าพื้นเมืองให้เลือกซื้อมากมาย
 
 เราต้องรีบลงจากดอยแม่สลองกันแล้ว ก่อนที่เงินในกระเป๋าจะร่อยหรอไปมากกว่านี้ เพราะมีอีก 1 ดอยคอยให้ไปเที่ยวอยู่ นั่นคือ “ดอยตุง” เป็น แหล่งท่องเที่ยวสำคัญและมีชื่อเสียงมากด้านความสวยงามของดอกไม้เมืองหนาวของ จ.เชียงราย ซึ่งเมื่ออดีตดอยแห่งนี้เป็นเพียงภูเขาหัวโล้น กระทั่งสมเด็จย่าได้เสด็จมาและทรงมีพระราชดำรัสว่า “ฉันจะปลูกป่าบนดอยตุง” รัฐบาล จึงได้เริ่มจัดทำโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นปลูกป่าคืนความสมบูรณ์กลับคืนสู่ ธรรมชาติ ทำให้จากเขาหัวโล้นกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่โดดเด่นที่สุดของเชียงราย และมีสถานที่เที่ยวอยู่ 3 แห่งที่ไม่ควรพลาดต้องเข้าไปเที่ยวชมกันให้ได้



ด้านหน้าพระตำหนักดอยตุง
 
 สถานที่แรกคือ หอแห่งแรงบันดาลใจ เดิมทีเป็นหอพระราชประวัติสมเด็จย่า แต่ปัจจุบันปรับปรุงเป็นสถานที่จัดแสดงนิทรรศการถาวร รวบรวมเรื่องราวของ “ราชสกุลมหิดล” ทรง เป็นแรงบันดาลใจให้กัน สร้างความร่มเย็นเป็นสุขของแผ่นดินไทยให้คนในชาติทำความดี เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม ภายในแบ่งเป็น 7 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ของสมเด็จย่า  และสมเด็จพระพี่นางฯ ผ่านสื่อมัลติมีเดียอันทันสมัย ดูแล้วซาบซึ้งตรึงใจถึงน้ำพระทัยที่ทั้ง 3 พระองค์ทรงมีต่อพสกนิกรชาวไทยที่รักยิ่ง



ดอกไม้นานาพรรณในสวนแม่ฟ้าหลวง
 
 จากนั้นออกจากหอแห่งแรงบันดาลใจ เพื่อเดินเข้าไปชมสวนแม่ฟ้าหลวง ที่มีพื้นที่กว้างขวาง ภายในจัดสรรพื้นที่ได้อย่างสวยงาม มีต้นไม้และดอกไม้เมืองหนาวนานาพรรณ อาทิ ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ กล้วยไม้ ไม้มงคลต่างๆ ฯลฯ กลางสวนมีไฮไลท์เป็นประติมากรรมที่มีชื่อว่า “ความต่อเนื่อง” (Continuity) ผลงานของนางมิวเซียม ยิบอินซอย เป็นรูปหล่อสัมฤทธิ์แสดงความต่อเนื่องโดยเด็กๆ 17 คน ต่อตัวขึ้นไปในอากาศ สื่อความหมายถึงการทำงานใดๆ จะสำเร็จได้ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ดูแล้วก็ช่วยสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานและดำเนินชีวิตให้กับเราเป็นยิ่งนัก



สินค้าหลากหลายชนิดที่มีขายในตลาดท่าขี้เหล็ก
 
ชมดอกไม้สวยๆ กันจนอิ่มสุขแล้ว ก็ไปชมพระตำหนักดอยตุงกันต่อ ที่นี่เป็นเสมือนบ้านหลักแรกของสมเด็จย่า ที่พระองค์สร้างขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่งดงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมล้านนาผสมผสานกับบ้านพื้นเมืองของสวิตเซอร์ แลนด์ ตัวพระตำหนักมีสองชั้น มีสิ่งที่โดดเด่น คือ กาแล และไม้แกะสลักเป็นเชิงชายลายเมฆไหลที่ดูแล้วช่างอ่อนช้อยงดงาม ภายในพระตำหนักมีห้องต่างๆ มากมายให้ได้เดินชม มีจุดที่น่าสนใจอย่างเพดานห้องโถงที่ทำเป็นเพดานดาวอันงดงาม และบริเวณด้านหลังพระตำหนักมีระเบียงยื่นออกไป ปลูกไม้ดอกสีสันสวยสด และตรงนี้สามารถชมทัศนียภาพของดอยตุงได้อย่างสวยงาม

”ตะลอนเที่ยว” อยู่บนดอยตุงนานมากโขแล้ว ก็ได้เวลาที่จะไปปิดทริปเที่ยวด้วยการไปชอปปิ้งละลายทรัพย์กันที่ “ตลาดแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก” ซึ่ง แม่สายเป็น อ.เหนือสุดของประเทศไทย ติดกับ จ.ท่าขี้เหล็กของพม่า ตลาดแม่สายเป็นตลาดการค้าชายแดนที่มีชื่อเสียงมานาน มีด่านพรมแดนที่แค่ทำหนังสือผ่านแดนแป๊บเดียว ชาวไทยอย่างเราก็สามารถข้ามไปเที่ยวยังประเทศพม่าได้อย่างง่ายดาย เพื่อไปชอปปิ้งยังตลาดท่าขี้เหล็กที่มีสินค้ามากหลายให้ได้เลือกซื้อหา ไม่ว่าจะ เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ซีดีเพลงและหนังที่ขายดีมาก สินค้าอุปโภคและบริโภคมากมายที่ส่วนใหญ่มาจากประเทศจีน มีราคาถูก แต่ก็มักไม่ใช่ของแท้และมีคุณภาพต่ำสักหน่อย เรียกว่าก็ต้องดูกันให้ดีๆ ตาดีได้ ตาร้ายเสีย และอย่ามัวแต่ชอปเพลินจนเงินหมดกระเป๋าได้แบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว



ด่านพรมแดนแม่สายที่จะข้ามไปท่าขี้เหล็กของพม่า
 
 

และแล้วการมาเที่ยวเชียงรายของเราในทริปนี้ก็เป็นอันจบลงด้วยความสุข สันต์ ซึ่งเราขอเก็บภาพและความทรงจำเหล่านี้ไว้ในห้วงหัวใจ คราวหน้าฟ้าใหม่ จะขอปิ๊กมาแอ่วเจียงฮายกันอีกเน้อ

* * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *

ด้วยความมีศักยภาพทางการเศรษฐกิจและ ท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงราย ทำให้ล่าสุดทางสายการบินบินนกแอร์ ได้เปิดให้บริการเส้นทางบินใหม่ล่าสุด “กรุงเทพฯ-เชียงราย”ขึ้น วันละ 2 เที่ยวบิน เช้าและเย็นในราคาเริ่มต้น 1,490 บาท(รวมทุกอย่างแล้ว) ผู้สนใจตรวจสอบเที่ยวบินหรือสอบถามข้อมูลได้ที่ www.nokair.com หรือ โทร. 1318

ส่วนผู้ที่ต้องการทราบข้อมูลสถานที่ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร สามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 0-5371-7433, 0-5374-4674-5



-อาหารพื้นเมือง อากาศดี ผู้คนหลากหลาย สถานที่มากมาย ลองไปแอ่วดูเจ้า  Azn ยิ่งหน้าหนาว พูดเป็นไอออกมา Shocked


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 02, 2012, 10:29:00 PM »

กุหลาบพันปี บานสะพรั่งทั้งภูหลวง ที่อำเภอภูหลวง 



อย่างช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์เป็นช่วงที่กุหลาบป่าหรือกุหลาบพันปีบานสะพรั่งในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ภูหลวง หลังจากนั้นช่วงเดือนกุมภาพันธ์ต่อเดือนเมษายน กุหลาบขาวจะบานออกดอกสวยให้เห็น ส่วนในช่วงฤดูร้อนจะเห็นสีสันไม้ป่านานาชนิด กล้วยไม้ต่าง ๆ ดอกไม้สวย  สภาพป่าสมบูรณ์ตื่นตาตื่นใจกับกล้วยไม้หลากหลายชนิด   โดยเฉพาะเอื้องสำเภางามเบ่งบาน แต่งแต้มไปตามแนวทางที่เดิน  ได้เห็นกุหลาบแดง  (กุหลาบพันปีสีแดง)  บานสะพรั่งอยู่บริเวณตัวอาคารที่พัก  สวยงามมาก   เดือนมีนาคมกุหลาบขาวจะเยอะกว่ากุหลาบแดง  เวลาบานจึงขาวโพลนเต็มภูเขา บริเวณที่พบมากที่สุดเรียกว่า   โคกพรหมจรรย์ บริเวณโคกพรหมจรรย์จะเต็มไปด้วยกุหลาบขาวล้วน ๆ  ขาวโพลนไปทั่วภูเขาหนาแน่นสวยงามมาก  เพราะมีสีขาวบริสุทธิ์นี่เองจึงเป็นที่มาของการตั้งชื่อว่า  โคกพรหมจรรย์  นั่นเอง
 
 ช่วงเดือนมีนาคมดอกกุหลาบพันปีสีแดงและสีขาวที่เขตอนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง  จังหวัดเลย ผลิดอกบานสะพรั่งพร้อมกันทั่วภูหลวงอาจเป็นเพราะสภาวะอากาศที่แปรปรวนนี้เป็นตัวกำหนด  จึงทำให้ได้เห็นความสวยงามของดอกกุหลาบพันปีบานพร้อม ๆ กัน




การเดินทางขึ้นภูหลวง

จากจังหวัดเลยไปยังที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จากจังหวัดเลยไปตามเส้นทางสายเลย-ภูเรือ ระยะทางประมาณ 36 กิโลเมตร ถึงบ้านสามตม แล้วแยกซ้ายที่บ้านสามตมไปอีก 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง สำหรับผู้ที่เดินทางโดยไม่เข้าตัวจังหวัดเลย เมื่อผ่านอำเภอภูเรือไปตามเส้นทางเข้าจังหวัดเลย ระยะทางประมาร 14 กิโลเมตร จะถึงบ้านสามตม แล้วแยกขวาที่บ้านสามตมไปเป็นระยะทาง 18 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง

 
ติดต่อสอบถามรายละเอียด ที่พัก อาหาร รถขึ้นภูหลวงได้ที่ที่ทำการเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย โทร. 08 6220 3560, 08 4280 1955 หรือติดต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0 2562 0760
www.dnp.go.th


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 09:14:41 PM »

ไปขนอม นครศรีธรรมราชค่ะ

หาดในเพลา





















บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 09:15:38 PM »

วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารค่ะ


 









บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #12 เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 09:16:35 PM »

ศาลหลักเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช





บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #13 เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 09:19:38 PM »

ท่องเที่ยว น้ำผุดทับลาว จังหวัดชัยภูมิ


อยู่ทางทิศตะวัน ตกเฉียงใต้ของบ้านผาเบียด ห่างจากสี่แยกป้อมตำรวจประมาณ 11 กม. โดยไปตามถนนที่จะไปสู่เขื่อนจุประมาณ 8 กม. แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนลูกรังอีกประมาณ 3 กม.เป็นลักษณะที่น้ำจากใต้ดินผุดขึ้นมาแล้วไหลเป็นลำธารไปหล่อเลี้ยงพื้นที่ เพาะปลูกต่างๆ น้ำใสไหลตลอดทั้งปี บริเวณที่น้ำผุดขึ้นมาเป็นแอ่งเล็กบ้างใหญ่บ้าง สวยงามแปลกตา น้ำผุดนาเลาอยู่หลัง โรงเรียนคอนสารวิทยา ห่างจากสี่แยกป้อมตำรวจไปทางอำเภอหล่มสักประมาณ 2 กม. แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนลูกรังอีก 500 เมตร เลี้ยวซ้ายอีกครั้งหนึ่งไปอีกประมาณ 100 เมตรก็จะถึงบริเวณน้ำผุด มีต้นไม้ใหญ่ๆ และศาลาเก่าๆ สำหรับนั่งพักผ่อน

ลักษณะภูมิประเทศ
 
         พื้นที่เป็นที่ราบเชิงเขา มีตาน้ำผุดขนาดใหญ่ผุดขึ้นกลางบ่อน้ำ ใสสะอาดปราศจากกลิ่น ไหลเป็นลำธารในสภาพดินลูกรังปนทราย สภาพป่าเป็นป่าเบญจพรรณ
 
การเดินทาง
 
         สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาวตั้งอยู่ที่บ้านผาเบียด หมู่ 2 ตำบลห้วยยาง อำเภอคอนสาร จังหวัดชัยภูมิ ในเส้นทางจากอำเภอคอนสาร ไปตัวเขื่อนจุ โดยอยู่ห่างจากตัวอำเภอ ประมาณ 13 กม.
 
ติดต่อสอบถาม
 
        สวนรุกขชาติน้ำผุดทัพลาว ต. ห้วยยาง อ. คอนสาร จ. ชัยภูมิ  36180
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #14 เมื่อ: มีนาคม 03, 2012, 09:32:24 PM »

เยือนเกาะห้อง สัมผัสน้ำทะเลสีมรกต


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี

ภาพ ความงดงามของหาดทรายที่โค้งเป็นรูปนกบินสีขาวละเอียด น้ำทะเลสีคราม มีฝูงปลาตัวเล็ก ๆ แหวกว่ายอยู่เต็มบริเวณ … หาได้ไม่ยากเมื่อมาเยือน “เกาะห้อง” หรือ “เกาะเหลาบิเละ” จังหวัดกระบี่ เกาะกลางทะเลอันดามันที่หลบซ่อนสายตาผู้คน ทะนุถนอมความสวยงาม และความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม จึงไม่แปลกที่ เกาะห้อง จะสวยงามติดอันดับต้น ๆ ของโลก

นั่น แน่! เริ่มอยากออกไปสัมผัสกับความงามของ เกาะห้อง จังหวัดกระบี่ แล้วใช่ไหมล่ะ ถ้าอย่างนั้นก็ตามเราไปเที่ยวเกาะห้อง เพื่อเป็นการเรียกน้ำจิ้มกันก่อนดีกว่า





ภาพประกอบโดย Schalke fotografie | Melissa Schalke / Shutterstock.com




เกาะห้อง หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เกาะเหลาบิเละ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี เป็นเกาะเล็ก ๆ ที่มีทัศนียภาพสวยงามมาก ล้อมรอบด้วยน้ำทะเลสีคราม มีกัลปังหาและปะการังรอบเกาะ มีเวิ้งหาดสองหาดติดกั้น โดนกั้นด้วยโขดหินตรงกลาง ลักษณะโดยทั่วไปเป็นเขาหินปูน น้ำทะเลใส หาดทรายขาว มีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเหมาะแก่การดำน้ำ ตกปลา นอกจากนี้ บนเกาะห้องยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 400 เมตร รอบ ๆ เกาะห้องสามารถพายเรือแคนูได้




แต่มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้นักเดินทางต่างอยากไปสัมผัสเกาะห้องด้วยตาตัวเอง นั่นคือ อ่าวห้อง หรือ ทะเลใน ซึ่งเปรียบเสมือนสระน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ ผนังเป็นหน้าผาชันโดยรอบ ลักษณะคล้ายห้อง มีประตูทางเข้าเพียงทางเดียว กว้างประมาณ 10 เมตร สามารถนำเรือเข้าไปได้ พื้นเป็นทรายขาวสะอาดราบเรียบเสมอกัน น้ำตื้นและใสมาก เหมาะแก่การเล่นน้ำ และยังเป็นที่หลบคลื่นลมของชาวประมงเมื่อมีพายุพัดผ่า

และนี่คือ “เกาะห้อง” จังหวัดกระบี่ สถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย ที่ไม่ควรพลาดไปเยือน






การเดินทาง

การเดินทางไปเกาะห้อง คือ เดินทางไปตามถนนอ่าวลึก-กระบี่ แยกไปตามทางเข้าหาดนพรัตน์ธารา แล้วเลยไปแหลมป่อง ลงเรือที่ทับแขกรีสอร์ท นั่งเรือประมาณ 30 นาที นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวประเภทเกาะที่น่าสนใจอีก เช่น หมู่เกาะช่องลาด เกาะกาโรส และเกาะผักเบี้ย


บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 7   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: