Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 12   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: read news  (อ่าน 10528 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #90 เมื่อ: มีนาคม 08, 2020, 04:02:48 PM »

แบงค์ชาติตรวจสอบแล้วว่า เชื้อcovit 19 มีชืวิตอยู่บนธนบัตรได้5 วัน ถึงจะตาย
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #91 เมื่อ: มีนาคม 10, 2020, 09:07:06 PM »

https://www.youtube.com/watch?v=6ckVryzFLc0&feature=youtu.be

Doctor Tips ตอน หน้ากากอนามัย กับ Covid-19
การดู 26,214 ครั้ง•4 มี.ค. 2020


ทิปส์สั้นๆ เกร็ดความรู้สุขภาพจากหมอศิริราช ดูง่ายได้สาระ

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #92 เมื่อ: มีนาคม 10, 2020, 09:50:40 PM »

https://landing.gpoplanet.com/?fbclid=IwAR0tRnjvKsqXQjct9JK1Fb6Fg9IeubxMN3ObEt1WqEbFg8lDfVbWIOJ6Fyk

รับผิดชอบชีวิต ผลิตยาคุณภาพ
องค์การเภสัชกรรม ผลิต, จำหน่าย, และบริการผลิตภัณฑ์สุขภาพ มุ่งสู่มาตรฐานสากล
 เราวิจัยและพัฒนายาและเวชภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนอง
ความต้องการและความจำเป็นต่อสังคม
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #93 เมื่อ: มีนาคม 10, 2020, 10:00:42 PM »

https://today.line.me/TH/pc/article/17Nngm?utm_source=lineshare
อากาศร้อน 13-16 0363
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #94 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 09:52:16 PM »


ตอนนี้ไอทีวีประเทศอังกฤษรายงานว่า ไวรัสได้ทำให้อิตาลีทั้งประเทศ
https://www.itv.com/news/2020-03-11/italy-doctors-coronavirus-covid-19-quarantine-milan-health/
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #95 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 09:58:13 PM »

https://www.thairath.co.th/news/foreign/1793584
ดูปอดผู้ติดเชื้อ


https://www.bbc.com/thai/international-51838536?at_custom2=facebook_page&at_custom3=BBC+Thai&at_campaign=64&at_custom1=%5Bpost+type%5D&at_medium=custom7&at_custom4=66D3479E-63B8-11EA-B81E-D8C5923C408C
ไวรัสโคโรนา : อนามัยโลกประกาศให้โควิด-19 เป็น “การระบาดใหญ่” ทั่วโลก
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #96 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 10:01:36 PM »

WHO ประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic)

แล้วไงอ่ะ Huh? มีผลกระทบยังไงต่อเราและโรคจะหยุดระบาดไหม

เมื่อคืนนี้ WHO ได้ประกาศให้ COVID-19 เป็น World pandemic ประกาศฉบับบนี้ไม่ต่างอะไรกับประกาศสงครามของชาวโลก กับ COVID-19 จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เรามาไล่เรียงทีละประเด็น

1. ทำไมถึง declare pandemic น่าจะถามกลับกันมากกว่า ว่าทำไมถึงเพิ่งประกาศเพราะสถานการณ์ในอิตาลีตอนนี้แย่หนักสุดๆวันนี้ตายพุ่งไปถึงเกือบ 200 ถึงขั้นต้องเกณฑ์หมอที่เกษียณอายุแล้ว มาขึ้นปฏิบัติงาน ทั้งที่ตัวหมอเองเป็นกลุ่ม High risk ที่ถ้าเกิดติดเชื้อและอาจจะเสียชีวิตได้สูงแต่ก็ต้องขึ้นเพราะหมอไม่พอทั้งที่หมอในอิตาลีมีมากกว่าไทยถึง 4 เท่า แต่รพ.มีคนไข้เยอะจนอัตราครองเตียง 200% รพ.เลยต้องเปลี่ยน ห้องผ่าตัด เป็น ICU เพราะมีเตียงไม่พอ คนไข้หนัก คนแก่ที่ดูน่าจะไม่ไหวจะไม่ได้เข้า ICU เพราะแพทย์และพยาบาลที่มีความชำนาญมีจำกัด คนไข้ที่มีระบบหายใจล้มเหลว ได้ใส่เพียง O2 อย่างเดียวเพราะไม่มี เครื่องช่วยหายใจ เพียงพอจับหมอ ortho และ patho ที่ไม่ตรงโรคไปดูแลเครื่อง NIV เพราะไม่เหลือหมอแล้ว

รวมถึงสถานการณ์การระบาดในยุโรปและสหรัฐที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆบ่งบอกถึงการควบคุมโรคที่ไร้ประสิทธิภาพ ไม่สามารถยับยั้งการระบาดได้ ณ ขณะนี้ระบาดไปยัง 112 ประเทศทั่วโลกขาดเพียงแต่ ประเทศที่การแพทย์ไม่พัฒนาทำให้ไม่สามารถตรวจพบเชื้อได้

2.WHO เคยประกาศ pandemic แบบนี้ไหม

WHO เคยประกาศ pandemicล่าสุด ก็คือตอนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009เกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1ซึ่งส่งผลกระทบทั่วโลกโดยมี
- ผู้ติดเชื้อประมาณ 1.7 ล้านคน
- ผู้เสียชีวิตจำนวนมาก น่าจะประมาณ 2 แสนคน แม้กระทั่ง SARS Bird fluไม่ประกาศเป็น pandemic

3. ประโยชน์ของประกาศ WHO มีไหมนี่ แล้ว คืออะไรโดยส่วนตัวคิดว่า WHO มักจะประกาศในสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่มักไม่มีการประกาศเชิงรุก ในการคาดการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตและรวมถึงการป้องกันถึงอย่างไรก็ตามก็น่าจะมีประโยชน์ดังนี้

1.สร้าง World awareness
เมื่อตอนเริ่มต้นการระบาดชาวยุโรปหลายๆ คน ยังมองว่าโรคCOVID-19เหมือนโรคหวัดธรรมดา แถมจะ Bully ชาว Asiaทำให้ไม่มีการป้องกันตัวเองที่ดีพอ ไม่มีใครใส่ maskยังมีการดำเนินกิจกรรมทางสังคมทางปกติ ทำให้เกิดการระบาดอย่างหนักการประกาศนี้เป็นการเตือนชาวโลกทุกคนว่า โรคนี้ไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดาแต่เป็นไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่กระจายได้รวดเร็วและรุนแรงในระดับที่น่าเป็นกังวลส่งผลให้รัฐบาลสามารถออกกฎหมายเพื่อจำกัดสิทธิ์ประชาชนในแง่ของการควบคุมการระบาดได้มากขึ้นรวมถึงการเริ่มกักตุนเวชภัณฑ์ที่จำเป็น สร้างโรงงานต่างๆเพื่อผลิยาและเวชภัณฑ์รองรับการระบาด ซึ่งเรื่องนี้ถ้าจีนหายป่วยแล้วจริงคงไม่น่าห่วงเพราะโรงงานโลก is coming back

2. ระดับนานาชาติ
ทำให้ประเทศต่างๆ สามารถแบนห้ามคนที่เดินทางจากประเทศกลุ่มเสี่ยงได้ โดยอ้างอิงจากประกาศของ WHOและนั้นเป็นที่มาของประกาศไทยแบน 18 ประเทศนับว่าเป็นการข่าวที่ยอดเยี่ยมของประเทศไทยไทยเป็นประเทศแรกที่ได้ใช้ประโยชน์ของประกาศฉบับนี้แต่เป็นที่น่าเสียดายที่ไม่ได้ประกาศแบนประเทศยุโรปที่เป็นศูนย์กลางการแพร่กระจายโรค เหมือนกับที่สหรัฐทำ

3. ระดมทุนและงานวิจัยทั่วโลกเพื่อช่วยพิชิตโรคนี้ถ้าใครเคยเล่นเกม The Plague Inc. จะรู้ว่าเมื่อระบาดถึงระดับ pandemic WHO จะขึ้น Watch List ทำให้ทำให้ความก้าวหน้าของการพัฒนายาและวัคซีนในเกมเกิดขึ้นอย่างก้าวกระโดดและสุดท้ายเชื้อโรคก็แพ้ไปก่อนที่จะยึดครองโลกได้
ในชีวิตจริงก็คงเหมือนในเกมส์ คาดว่า ทุกบริษัทยาดับโลกขณะนี้ น่าจะโฟกัสไปที่ ยาและวัคซีนตัวนี้เหมือนในเกมก็หวังว่าประกาศฉบับนี้ จะเป็นผลดีต่อการควบคุมโรคไม่มากก็น้อยสำหรับคนทั่วไป ประกาศฉบับนี้ เป็นการเตือนว่า เราต้องเตรียมตัวให้พร้อม

- งดการไปพื้นที่เสี่ยงถ้าไม่จำเป็น
- รับฟังข่าวสารจากราชการ

และ รักษาสุขภาพให้แข็งแรง
เพราะวัคซีนและยาที่ดีที่สุด ก็คือภูมิคุ้มกันของเรานั้นเอง
ขอขอบคุณบทความดีๆไว้ ณ ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 12, 2020, 10:04:46 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #97 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 10:09:20 PM »

แนวคิดนี้ดีนะคะ ไม่ฟุ้งซ่านดี
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #98 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 10:11:14 PM »

อาหารจาก Catering การบินไทย. ช่วยอุดหนุนกันนะคะ

1. ไก่เวียดนาม 59 บาท
2.แซลม่อนแดดเดียว 79 บาท
3. ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม 59 บาทค่ะ

เนื่องจากมี flight cancel จำนวนมาก วัตถุดิบที่เราสั่งมาเพื่อใช้ในการทำอาหารจึงไม่ได้ใช้..เราจึงต้องนำมาแปรรูปค่ะ ..ช่วยกันอุดหนุน ช่วยกันซื้อด้วยนะคะ

อาหารขาย 11.00-15.00 น ค่ะ ส่วนกาแฟ และขนม 08.00-15.00 ค่ะ

โทรส่ง Food Panda , Graอาหารจาก Catering การบินไทย. ช่วยอุดหนุนกันนะคะ

1. ไก่เวียดนาม 59 บาท
2.แซลม่อนแดดเดียว 79 บาท
3. ลูกชิ้นปลาลวกจิ้ม 59 บาทค่ะ

เนื่องจากมี flight cancel จำนวนมาก วัตถุดิบที่เราสั่งมาเพื่อใช้ในการทำอาหารจึงไม่ได้ใช้..เราจึงต้องนำมาแปรรูปค่ะ ..ช่วยกันอุดหนุน ช่วยกันซื้อด้วยนะคะ

อาหารขาย 11.00-15.00 น ค่ะ ส่วนกาแฟ และขนม 08.00-15.00 ค่ะ

โทรส่ง Food Panda , Grab Food ได้เลยนะครับ.. มีคนรอรับ order ตลอดเวลาครับโทรศัพท์ Catering บ.การบินไทย จ.(มหาชน) สอบถามรายละเอียดครับ 02-137 2090
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #99 เมื่อ: มีนาคม 12, 2020, 10:18:58 PM »

หากวันนี้… คือฉากสงครามระหว่างมนุษยชาติกับไวรัสโควิด-19 ที่นี่เสมือนเป็นสมรภูมิแนวหน้าและผมก็เหมือนเป็นพลเรือนที่ได้อยู่ในสมรภูมินี้พอดี

เมื่อผมหายใจเข้า ผมเจ็บปอดซ้าย

บ่ายวันที่สี่ของการกักตัวเองในบ้านหลังจากกลับจากญี่ปุ่น ผมรู้สึกไม่ดีมากๆ ทั้งเจ็บคอ ไอ จามไม่หยุด

โลกในวันที่เราต้องคิดถึงคนรอบข้างอย่างยิ่งยวด ในยุคที่หากเราไอไม่ปิดปากหรือออกไปเดินห้างหลังจากกลับจากญี่ปุ่นหรือเกาหลี เราจะกลายเป็นแม่มด และโซเชียลทั้งประเทศพร้อมจะออกไล่ล่าคุณทันที…

ผมไม่มีทางเลือกนอกจากจะรีบไปให้ถึงโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

ถึงตอนโทรไปทางโรงพยาลจุฬาฯ จะบอกมาว่าผมมาไม่ทันตรวจวันนี้แล้ว แต่ผมไม่อยากปล่อยให้เรื่องมันแย่กว่านี้ ผมลองคุยกับเจ้าหน้าที่ตรงตึก ภ.ป.ร ดู เขาช่วยแฮะ

“ไปตึกจงกลนี”

และพอไปถึงตึกจงกลนี เจ้าหน้าที่บอกผม “ต้องไปตึกภูมิศิริ”

และเมื่อได้คุยกับเจ้าหน้าที่ของตึกภูมิสิริก็ต้องเดินกลับมาจงกลนีใหม่… นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่กำชับว่า “ที่ตึกนั่นคือตึกรักษาผู้ป่วยโควิดมีคนที่อาจจะติดเชื้อเดินอยู่เต็มไปหมด ระวังตัวนะน้อง”

บุรุษพยาบาลเดินออกมารับใบ พร้อมซักประวัติผมอีกรอบ นัยน์ตาเขาเบิกโผลง ผมวัดไข้ได้ 38 กว่า สูงกว่าตอนบ่ายอีก (อาจคงเพราะเดินไปเดินมาด้วย) ได้คำอุทานตอบกลับมาคำนึง “หยา?!”

บุรุษพยาบาลรีบวิ่งเข้าไปหลังห้องกระจกเค้าท์เตอร์ พูดอะไรบางอย่าง จากนั้นสายตาเกือบสิบคู่หันมามองผม… เราก็เริ่มใจแป้ว

ก่อนพบหมอ ผมต้องผ่านประตูแอร์ล็อคชั้นแรกก่อน จากนั้นหมอซักประวัติผม ส่องคอ และฟังเสียงปอด

“แจ้ง Code PUI เตรียม Throat swab และเตรียมห้องให้ด้วย”

นาทีถัดมาทั้งหมอ และพยาบาลกลับเข้ามาด้วยชุดกันป้องกันติดเชื้อเต็มสตรีม ราวกับออกมาจากหนังผีชีวะ เสื้อคลุม หน้ากาก ถุงมือ แว่นตา และ Face Shield

บุรุษพยาบาลนำผมไปเอกซเรย์ปอด เราต้องเดินผ่านประตูแอร์ล็อกกระจกอีก 2 ชั้น บานแรกเปิดแล้วต้องปิดก่อนที่บานถัดไปจะสามารถเปิดได้ วิธีเปิดใช้มือโบกผ่านเซนเซอร์ริมกำแพง จากตรงนี้เป็นต้นไปสังเกตเห็นเครื่องพ่นแอลกอฮอล์อัตโนมัติตลอดสองฝั่งทุกบานแอร์ล็อก มันดูสุโก้ย มาก

จากนั้นมีพยาบาลอีกคนแต่งตัวป้องกันเต็มยศเช่นกัน พาเดินผ่านแอร์ล็อกกระจกบานที่ 3 ผมเห็นป้าย “คลินิคโรคโรคอุบัติใหม่” มีแอร์ล็อกกระจกบานที่ 4 มีลิฟต์อยู่ข้างใน และมีพยาบาลอีกคนลงมารอรับตัว

พอเข้ามาหลังบานที่4 พยาบาลคนแรกบอกว่ามาส่งได้แค่นี้ พยาบาลอีกคนมาพาขึ้นลิฟต์ถึงชั้น 4 ก็ต้องเดินผ่านแอร์ล็อกกระจกบานที่ 5 ผมเห็นโถงทางเดินยาว สองฝั่งของทางเดินมีแอร์ล็อกยาวสุดสายตา ที่ริมกำแพงมีประตูแอร์ล็อกโลหะทึบบานใหญ่ มีช่องกระจกเล็ก ๆ เหมือนตู้เซฟนิรภัยธนาคาร เรียงรายตลอดแนว มีราว 5-6 ห้อง มุมมองตอนนั้นเหมือนหลุดมาอยู่ในโลกเกมซอมบี้ชื่อดัง ทุกอย่างดูไฮเทค และดูมีความปลอดภัยทางชีวภาพขั้นสูงมาก

พยาบาลนำผมไปถึงหลังประตูแอร์ล็อกเหล็กห้อง 403 …

วินาทีที่ผมเดินผ่านประตูนั้น ผมก็ไม่ใช่คนปลอดภัยอีกต่อไป… ผมกลายเป็นผู้ต้องเฝ้าระวัง ผู้โดนกักบริเวณโดยสมบูรณ์

ใช่แล้วนี่แหล่ะคือห้องที่เรียกว่า ห้องกักกันหรือห้องความดันลบ
 * ห้องความดันลบ ห้องที่เขาจะอัดอากาศสะอาดไว้รอบนอกห้อง ความดันในห้องนี้จะต่ำกว่าข้างนอกเสมอ ดังนั้นทุกครั้งที่ประตูห้องเปิดอากาศภายนอกไหลเข้ามาภายในได้อย่างเดียว เพื่อไม่ให้เชื้อที่อยู่ในห้องกระจายออกไปภายนอกได้เด็ดขาด…

ห้องหลังประตูเหล็ก… สะอาดมาก โล่ง ไม่มีของตกแต่งใดๆ เลย พี่พยาบาลบอกว่าเขาจะมาวัดไข้ทุก 4 ชม. แล้ว 6 โมงเช้าเจาะเลือดตรวจ PCR และที่สำคัญไม่อนุญาตผู้ป่วยออกไปนอกประตูเด็ดขาด มีกล้องคอยดูอาการตลอด 24 ชม. !!

ทุกครั้งที่พยาบาลเข้ามาชุดป้องกันเต็มยศเสมอ แต่พอออกไปนอกประตูกระจกก่อนออกจากห้องทางประตูโลหะนั่น จะถอดชุดอย่างระมัดระวัง และทิ้งทุกอย่างลงถังขยะใบใหญ่ ไม่ว่าจะถุงมือที่ใส่สองชั้น ชุดป้องกัน หน้ากาก หมวก แว่นครอบตา Face Shield ที่ครอบเท้า ทุกอย่างใช้ครั้งเดียวทิ้ง มันเหมือนกับหนังวิทยาศาสตร์จริงๆ

หากวันนี้… คือฉากสงครามระหว่างมนุษยชาติกับไวรัสโควิด-19 ที่นี่เสมือนเป็นสมรภูมิแนวหน้าและผมก็เหมือนเป็นพลเรือนที่ได้อยู่ในสมรภูมินี้พอดี…

กว่าสิบแปดชั่วโมงที่ผมโดนกักกัน… โชคยังดีที่ยังเล่นมือถือได้ทำให้ผมเบื่อมากนัก

จนราวบ่ายสามวันรุ่นขึ้น… จนท.แลปผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นเสียง เดินนำเข้ามาทักทายโดยไม่ใส่ชุดป้องกัน วินาทีนั้นผมโคตรดีใจ คือรู้ผลโดยไม่ต้องบอกเลย (เพราะถ้าเป็น covid 19 เขาต้องแห่เข้ามาด้วยชุดป้องกันเต็มยศแน่นอน)

“ปลอดภัยครับ ผลเป็นลบ แต่ยังไงก็ขอให้ป้องกันดูแลตนเองไว้ก่อน”

ครั้งนี้ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตขั้นสุดที่หาไม่ได้จากที่ไหน ไม่น่าจะมีใครเหมือนมากนัก และไม่ควรมาเหมือนด้วย

ผมได้ไปเห็นกับตาว่าบ้านเรามีเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ขั้นตอนปฏิบัติตามความปลอดภัยขั้นสูงในโรงพยาบาลรัฐ ในตึกที่ภายนอกดูทรุดโทรม แต่ภายในคือระดับเวิร์ลคลาส

“ผมได้กลับบ้านแล้ว”

ตอนเดินกลับออกไป แน่นอนต้องเดินทะลุแอร์ล็อกอีกถึง 4 บาน แต่บานสุดท้ายพี่พยาบาลไม่ได้ออกมาด้วย ขนาดจ่ายเงินยังต้องขอให้ใช้ โมบายแบงค์กิ้งเลย เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้ไม่สามารถออกจากตึกนี้ได้เลยตลอด 24 ชั่วโมง จะไปหน่วยบัญชีหยิบใบเสร็จอะไรประมาณนี้ก็แน่นอน ทำไม่ได้เลย

ท้ายสุดพี่เค้าก็อวยพรให้ปลอดภัยรักษาตัวเองให้ดี เจ้าหน้าที่แนวหน้าที่ต้องดูแลผู้ป่วย ทุกคนไม่ได้อยู่สุขสบาย มีแต่อยู่กับความเหนื่อย ความเสี่ยงอันตรายทั้งนั้น แต่พวกเค้าก็ยังมาดูแลด้วยความสุภาพยิ้มแย้ม คอยให้กำลังใจผู้ป่วยเสมอ

ฮีโร่ที่แท้จริง ไม่ได้มีเสื้อคลุมสีแดง ไม่ได้ใส่ชุดเกราะปล่อยแสง ไม่ได้ถือโล่ไวเบรเนียม แต่คือคนที่ใส่แค่หน้ากากอนามัย แต่พร้อมที่จะเสียสละแบบพวกคุณนี่แหล่ะ!!


ขอขอบคุณกระทู้ดีๆที่นำมาแบ่งปันกันค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #100 เมื่อ: มีนาคม 19, 2020, 07:24:59 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #101 เมื่อ: มีนาคม 19, 2020, 07:34:54 PM »

ยาว แต่อ่านสนุกนะ

เผยไส้ใน ว่าทำไม? ประยุทธ์ถึงไม่ปิดประเทศ !!

มาดูมุมมองของแพทย์ผ่าน มุมมองการเมืองกัน

#ไส้ในของสามยุทธศาสตร์ชาติในการรับมือกับCOVID-19

     เมื่อผมเขียนเกี่ยวกับ COVID-19 ครั้งแรกตอนที่ตอบจดหมายคุณหมอหนุ่มท่านหนึ่ง ผมได้พูดถึงว่าในการรับมือกับโรคติดเชื้อที่ระบาด เรามีเครื่องมืออยู่ 3 อย่างเท่านั้น คือ

ยา วัคซีน และมาตรการที่ไม่ใช้ยา (non-pharmaceutical interventions - NPI)

ตอนนี้เรายังไม่มียา ยังไม่มีวัคซีน

เราจึงมีแต่ NPI อันได้แก่การเฝ้าระวังสอบสวนกักกันโรค และอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPI) เช่นหน้ากาก เจลล้างมือ การอยู่ห่างคนอื่น อย่างที่เรากำลังใช้กันทุกวันนี้เท่านั้น

คำถามคือว่าการใช้เครื่องมือเพียงเท่าที่มีอยู่นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้วิธีกักกันโรค เราควรจะทำแค่ไหน และควรทำนานเท่าใด

     ประเด็นทำแค่ไหน ในวิชาระบาดวิทยา เรารู้อยู่แล้วว่ามีอยู่สามวิธี คือ

     1. Unmitigated - ยุทธศาสตร์เฉยไว้ คือไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้โรคดำเนินไป ที่ตายก็ตายไป ที่รอดก็จะเป็นตัวกั้นโรค (herd immunity) ไม่ให้ไปถึงคนที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันได้ง่าย โหลงโจ้งแล้ว 6 เดือนโรคก็น่าจะวิ่งจากระยะเร่ง (acceleration) ไปสู่ระยะผ่อน (deceleration) อย่างเป็นธรรมชาติ หลังจากนั้นก็ไม่ต้องเดือดร้อนอินังขังขอบกับอะไรอีกว่าใครจะไปใครจะมา ใครจะเข้าใครจะออก

     2. Mitigation - ยุทธศาสตร์หน่วงโรค คือทำทุกอย่างให้โรคกระจายตัวช้าลง เช่น เฝ้าระวัง สอบสวน กักกันโรคอย่างขันแข็ง
ใช้อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล กักกันตนเอง อยู่ให้ห่างคนอื่น (social distancing) ที่ชุมนุมคนแยะๆโดยไม่จำเป็นเช่นมหรสพต่างๆก็งดเสีย เพื่อให้โรคขยายตัวช้าที่สุด
หวังว่าจะไม่ให้ท่วมกำลังของแพทย์พยาบาลและอุปกรณ์การรักษาที่มีอยู่
ค่อยๆสู้กันอย่างยืดเยื้อเรื้อรังไปจนโรคได้ระบาดไปสุดระยะเร่งของมันซึ่งน่าจะใช้เวลานานประมาณหนึ่งปี
จากนั้นโรคก็จะเข้าสู่ระยะผ่อนโดยตัวของโรคเองโดยไม่ต้องไปพะวงกักกันหลังจากนั้นอีก ซึ่งตอนนี้เมืองไทยและสหรัฐอเมริกากำลังใช้ยุทธศาสตร์นี้อยู่

     3. Suppression - ยุทธการปิดเมือง หรือ Lockdown ซึ่งมีเป้าหมายขจัดโรคให้เกลี้ยงในบัดดล หรือให้เหลือน้อยที่สุด
คือปิดประเทศ ไม่ให้มีการเคลื่อนย้ายคนเข้าออก ควบคู่ไปกับการเฝ้าระวังสอบสวนกักกันอย่างเข้มงวด หวู่ฮั่น เกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ไต้หวัน เป็นตัวอย่างของความสำเร็จในการใช้วิธีนี้

     ถ้ามองย้อนไปในประวัติของการระบาดครั้งใหญ่ระดับนี้ ที่พอจะเทียบกันได้ก็คือการระบาดของไข้หวัดใหญ่สเปญในปีค.ศ. 1918 ซึ่งมีคนตายไปราว 50 ล้านคน งานวิจัยการระบาดครั้งนั้น

 [1] พบว่าการใช้ยุทธการปิดเมืองได้ผลในการยุติโรคไว้ได้จริงตราบใดที่ยังปิดเมืองอยู่ แต่พอเปิดเมืองโรคก็เด้งขึ้นมาใหม่อีก เพราะการระบาดของไข้หวัดใหญ่นี้มันมีธรรมชาติมาคราวละสองละรอก คล้ายๆแผ่นดินไหว ที่มีของจริงแล้วต้องมีลูกตาม แบบที่จิ๊กโก๋เรียกว่า "แผ่นดินไหวตบ...ูด" อีกระลอกหนึ่ง ดังนั้นหากจะใช้ยุทธการปิดเมือง ก็ต้องปิดกันจนมีวัคซีนใช้ เพื่อจะช่วยตอบคำถามว่าจะเลือกยุทธศาสตร์ไหนดี วิทยาลัยอิมพีเรียลที่ลอนดอนได้ทำวิจัยสร้างโมเดลทางระบาดวิทยาขึ้นมา

 [2] โดยเอาประเทศอังกฤษและสหรัฐเป็นตุ๊กตาในสมมุติฐานที่แย่ที่สุด (worst case scenario) ซึ่งผมขออนุญาตเล่าเป็นกราฟดังนี้

ประเด็น1. ถ้าไม่ทำอะไรเลยจะตายมากแค่ไหน   โมเดล A คือเมื่อใช้ยุทธศาตร์ไม่ทำอะไรเลย เส้นสีดำคืออังกฤษ เส้นสีฟ้าคือสหรัฐ การระบาดหนักจะเกิดปลายเดือนเมษายน ปี 2020 เป็นต้นไป แล้วไปสงบปลายเดือนสิงหาคม ปี 2020 คือทั้งหมดจะจบใน 4 เดือน คนอังกฤษจะตายไป 510,000 คน คนอเมริกันจะตายไป 2,200,000 คน

ประเด็นที่ 2. ถ้าใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรค จะผ่อนแรงกดดัน ICU ได้แค่ไหน ในแง่ของขีดความสามารถของระบบโรงพยาบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งเตียงไอซียู. ที่จะรับผู้ป่วยได้นั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีใด ผู้ป่วยก็จะเกินจำนวนเตียงไอซียู.ที่จะรับได้ไปมากอยู่ดี งานวิจัยนี้ได้หาสมมุติฐานว่าหากใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรคด้วยมาตรการเสริมต่างๆ จะลดความหนาแน่นของการใช้เตียงไอซียู.ลงได้แค่ไหน ผลเป็นดังกราฟนี้ คือ

     เส้นสีแดง คือขีดความสามารถของเตียงไอซียู.ที่อังกฤษมีปัจจุบันนี้
     เส้นสีดำ คือความต้องการเตียงเมื่อปล่อยให้โรคระบาดโดยไม่ทำอะไรเลย
     เส้นสีเขียว คือความต้องการเตียงเมื่อปิดโรงเรียนปิดมหาวิทยาลัย
     เส้นสีน้ำตาล คือความต้องการเตียงเมื่อใช้มาตรการกักกันโรค (กักกันตัวผู้ป่วย)
     เส้นสีเหลือง คือความต้องการเตียงเมื่อกักกันตัวผู้ป่วยและคนในครอบครัว
     เส้นสีฟ้า คือความต้องการเตียเมื่อทำทุกอย่างและเอาคนแก่อายุเกิน 70 ปีแยกห่างจากคนอื่นด้วย

     จะเห็นว่าแม้จะใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรค จำนวนผู้ป่วยที่ต้องใช้เตียงไอซียู.พร้อมกันลดลงก็จริง แต่ก็ยังล้นเตียงไอซียู.ที่มีอยู่ไปมากมายอยู่ดี

ประเด็นที่ 3. ถ้าใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรคหรือปิดเมือง ระยะยาวจะเป็นอย่างไร

     ในกราฟที่สามข้างบนนี้คือความต้องการใช้เตียงไอซียูเมื่อใช้สามยุทธศาสตร์เปรียบเทียบกัน คือ

สีดำ คือความต้องการเตียงไอซียู.เมื่อใช้ยุทธศาสตร์ไม่ทำอะไรเลย

สีเขียว คือความต้องการเตียงไอซียู.เมื่อปิดโรงเรียนและมหาวิทยาลัยนาน 5 เดือน

สีเหลือง คือความต้องการเตียงไอซียู.เมื่อใช้ยุทธศาสตร์หน่วงโรคทุกชนิดรวมกันนาน 5 เดือน

     จะเห็นว่าในกราฟนี้หากใช้มาตรการหน่วงโรคทุกชนิด ซึ่งก็ใกล้เคียงกับการใช้ยุทธการปิดเมืองมาก จะเห็นว่าขณะหน่วงโรคหรือปิดเมืองอยู่ 5 เดือน อัตราการใช้เตียงในไอซียู.จะไม่มีปัญหา แต่ทันทีที่หยุดมาตรการปิดเมือง ก็จะตามมาด้วยพีคของการใช้เตียงไอซียู.ที่เกินกำลังจะรับได้อย่างมากในฤดูหนาวพอดี ซึ่งปกติก็เป็นฤดูที่ต้องใช้เตียงไอซียู.มากอยู่แล้ว

สรุปผลวิจัยของอิมพีเรียลคอลเล็จ

      โมเดลทางระบาดวิทยาของอิมพีเรียลคอลเลจบ่งชี้ไปทางว่าหากจะปิดเมืองหรือหน่วงโรคนานแค่ 5 เดือน ก็อย่าปิดหรือหน่วงเสียเลยดีกว่า เพราะแทนที่ระบบไอซียู.และโรงพยาบาลจะล้นแค่ 4 เดือน กลับจะล้นไปทั้งปี นี่เป็นเหตุผลเบื้องหลังที่รัฐบาลอังกฤษตัดสินใจใช้ยุทธศาสตร์เฉยไว้ดีเอง

ถ้าใช้ยุทธการปิดเมือง?

     ถามว่าแล้วทำไมจีนใช้ยุทธการปิดเมือง ผมเดาเอาว่าจีนมีความมั่นใจว่าเขาจะปิดเมืองไว้นาน...น....น เท่าไหร่ก็ได้เท่าที่เขาอยากปิด นานจนกว่าจะได้วัคซีนมา

     สำหรับเมืองไทยเรา ทุกวันนี้คนไทยเราไม่ชอบการยืดเยื้อเรื้อรังแบบนี้ ต่างก็ร้องโอ๊กว่าจะให้เล่นเอาเถิดเจ้าล่อกันอย่างนี้ไปนานปีสองปีคงไม่ไหว จึงพากันดิ้นรนอยากจะปิดเมืองหรือ Lockdown เมืองไทยไม่ให้คนตต่างชาติเข้า

     ถ้าใช้ยุทธการปิดเมืองไทย ผมมั่นใจว่าระบบควบคุมโรคของเราจะทำให้โรคสงบได้ในเวลาไม่กี่สัปดาห์

แต่เราจะต้องตอบคำถามว่าพวกเราพร้อมที่จะปิดประเทศไทยไปนานแค่ไหนจึงจะเปิดรับชาวต่างชาติซึ่งอาจนำเชื้อมาให้เราได้อีกครั้ง

เพราะโควิด19 เป็นโรคระบาดระดับโลก กว่ามันจะสงบก็อีกนาน การคาดการณ์ครั้งสุดท้ายของทีมผลิตวัคซีนในยุโรป [3]

ตั้งสมมุติฐานว่าหากรวมพลังทั้งยุโรปลงขันกัน วัคซีนจะออกมาได้ในเวลา 16-18 เดือน

ระบบเศรษฐกิจของเราเอื้อให้เราปิดประเทศไทยไปได้นานขนาด 16-18 เดือนเลยหรือเปล่าละครับ ถ้าปิดประเทศได้นานขนาดนั้นก็โอเค้.

ผมเอาด้วย

แต่ถ้าจะปิดๆเปิดๆเพราะปิดนานไม่ได้ ผมว่าเปิดอ้าซ้าไว้งี้ก็ดีแล้วนะครับ

นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์

ที่มา

https://visitdrsant.blogspot.com/2020/03/covid-19_18.html?m=1

ขอขอบคุณเจ้าของบทความเอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #102 เมื่อ: มีนาคม 19, 2020, 07:40:37 PM »

เราได้อะไรจาก
Covid 19

ธรรมชาติกำลังทำความสะอาดโลกเรา
    อากาศรอบโลกเราค่อยๆสะอาดขึ้น. จากการที่เครื่องบินลดไฟลท์บิน
   ทะเลสะอาดขึ้น จากนักท่องเที่ยวลดลง เรือสำราญ และเรือนักท่องเที่ยวลดการทำให้ทะเลสกปรก
   เสียงดังบนถนนลดลง. 
   อากาศควันพิษบนถนนน้อยลง
   ครอบครัวมีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น
   ประชาชน เริ่มหาวิธีการแก้ไขปัญหาให้ท้องถิ่นตัวเอง ครอบครัวตัวเอง
   คนล้างมือกันมากขึ้น
   คนเริ่มใส่ใจในการดูแลตนเองมากขึ้น
   พฤติกรรมของการกิน เริ่มเปลี่ยนไป
   พฤติกรรมของการทักทายเปลี่ยนไป
   การสร้างวัตถุ ทะยอยช้าลง
  เราหายใจด้วยความระมัดระวังและมีสติมากขึ้น
  สงครามหยุดลงชั่วคราว
  การก้าวล่วงซึ่งกันและกันน้อยลง
 การเที่ยวตามแหลงบันเทิง แหล่งอบายมุข สถานเริงรมย์น้อยลง
 
  ใช่ !!!
     เราจะเอาชนะความกลัวไวรัสนี้ ได้ในไม่ช้านี้เข่นเดียวกับจีน
     เราเห็นจีน ซึ่งเป็นประเทศที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย แต่ใช้ความเด็ดขาด และคุณธรรมในการแก้ปัญหา เอาประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่เป็น        สามารถแก้ปัญหาให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี
    แต่ก่อนที่เราจะเอาชนะไวรัสตัวนี้แล้วกลับไปใช้ชีวิตที่เหมือนเดิมดังที่ผ่านมา
   เราลองใช้เวลาที่ว่างขึ้นนี้มาสำรวจตัวเอง.
   การใช้ชีวิตที่ช้าลง ไม่ใช่ว่าไม่ดีเสมอไป
   ในช่วง 30-40 ปีที่ผ่านมาเราเน้นแต่การสร้างวัตถุ. ทำลายธรรมชาติ ทำลายป่า ทำลายดิน ทำลายน้ำ ทำลายอากาศ. ทำลายโลกนี้อย่างเมามันหรือเปล่า ?
  ส่วนใหญ่ ของคนบนโลกนี้.
  เอาเงินเป็นเป้าหมายของชีวิคกันหรือเปล่า ?
  สร้างมาก. มีมากๆ. เป็นมากๆ แล้วมีความสุขจริงหรือเปล่า ?
  ทั้งๆที่ทุกศาสดาก็สอนแล้วว่า เงินและวัตถุเป็นเครื่องอำนวยความสะดวกให้มนุษย์เท่านั้น ความสุขเป็นเรื่องของใจ
  ประเทศไทย ได้รับสมญานามว่าเป็นประเทศที่ทันสมัยแต่ไร้การพัฒนา. (. Modernization without Development)
  ไม่ใช่เพราะเรื่องเงินหรือ ?
  ยาบ้าจึงเต็มบ้านเต็มเมือง
  ทุจริต. เงินทอนจึงมีเกิอบทุกหน่วยงาน ทั้งๆที่รู้ว่าการทุจริตเป็นการกระทำชั่วแต่ก็ทำด้วยความเคยชิน
  เงิน จึงทำให้หน้ากากอนามัย หายไป 200 ล้านชิ้น
   
    เราไม่ต้องกลัวไวรัส Covid 19 จนเกินไป
    แต่เราก็ต้องไม่ประมาทด้วย
    เราพอจะรู้แล้วนะว่า ทำไมธรรมชาติ หรือพระเจ้าจึงส่งไวรัสตัวนี้มา. ส่งมาทำไม ?
    นี่คือสัญญาณเตือนจากฟ้า.
    ยาบ้าจึงเต็มบ้านเต็มเมือง
    ทุจริต. เงินทอนจึงมีเกิอบทุกหน่วยงาน ทั้งๆที่รู้ว่าการทุจริตเป็นการกระทำชั่วแต่ก็ทำด้วยความเคยชิน
    เงิน จึงทำให้หน้ากากอนามัย หายไป 200 ล้านชิ้น
   
    เราไม่ต้องกลัวไวรัส Covid 19 จนเกินไป
    แต่เราก็ต้องไม่ประมาทด้วย
    เราพอจะรู้แล้วนะว่า ทำไมธรรมชาติ หรือพระเจ้าจึงส่งไวรัสตัวนี้มา. ส่งมาทำไม ?

    นี่คือสัญญาณเตือนจากฟ้า.
    นี่คือการจัดระเบียบโลกใบนี้ใหม่
    แต่ถ้ามนุษย์ยังไม่ปรับพฤติกรรม กันเสียใหม่.......
    ทำนายกันเองได้เลย. อะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต
    Covid 19 คงเป็นมาตรการแรกที่จะจัดการระเบียบโลก
.   ยังมีมาตรการระดับ 2,3,4 ..... ต่อไปเรื่อยๆ. จนกว่าโลกนี้จะเป็นระเบียบ

    ข้อแนะนำ
     เพิ่มพลังงานบวกให้โลกนี้
        1. มอบความรักความเมตตาให้แก่กันและกัน
        2. ให้อภัยแก่กันและกัน
        3. สร้างความพอดีให้ตัวเองให้มากที่สุด
        4. ดูแลธรรมชาติและสรรพสิ่งบนโลกนี้ ให้ดีขึ้น
        5 ดูแลโรงงานที่ธรรมชาติหรือพระเจ้าที่สร้างให้มนุษย์. โรงงานที่เราเอาขยะและของเน่าๆของเสียที่เราทิ้งแล้ว ไปแปรรูปเป็นอาหารอย่างดีมาให้เรา ดูแลโรงงานนั้นให้ดีหน่อย. โรงงานที่ว่านั้นคือต้นไม้ ไม้ผล พระเจ้าหรือธรรมชาติสร้างให้มนุษย์มีกินตลอดปี  ไม้ดอกให้ความงามตลอดปี เคยขอบคุณต้นไม้บ้างไหม ?  เคยขอบคุณธรรมชาติหรือพระเจ้าของเราบ้างไหม
   ถ้าเราไม่เคยสำนึกในบุญคุณ ไม่ตอบแทนบุญคุณ. เราจะเรียกคนประเภทนี้ว่าอะไร ?
        6 รู้จักคิด พิจารณา  ชื่นชมตัวเองและชื่นชม ยกย่องผู้อื่นโดยเฉพาะธรรมชาติหรือพระเจ้าที่ให้ชีวิตเรามาให้สรรพสิ่งต่างๆบนโลกนี้อย่างเหลือคณานับ
 
 ลดพลังงานลบให้โลกนี้
     1. ลดการฆ่ากัน
     2 ลดการทำร้าย ทำลายตัวเองและผู้อื่น. เราก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ ตัวเรามีราคาหาที่สุดไม่ได้. เคยดูแลตนเองบ้างไหม ? ให้สมกับธรรมชาติหรือพระเจ้าสร้างให้เราอย่างวิจิตรพิศดาร ใช้งานตัวเองไม่มากเกินไปได้ไหม ?
     3 ลคความโลภ ความโกรธ ที่ทำร้าย. เผาตัวเองอยู่ตลอดเวลา
     4 ลดการก้าวล่วง ผู้อื่น
     5 ลดการทำลายธรรมชาติ ทำลายมนุษย์ สัตว์ ป่า เขา แม่น้ำ อากาศ แผ่นดิน
     6. ลดการใช้สารพิษที่ทำลายธรรมชาติ

 จงอยู่กับธรรมชาติ ด้วยความสำนึก รักและขอบคุณธรรมชาติ ทุกๆวัน
  Covid 19 ก็เป็นเครื่องมือของธรรมชาติ
   ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ
   ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติ
   Covid 19 จะเข้าใจเรา เขาจะไม่ทำร้ายเรา เกินความจำเป็น

 ด้วยความรักและปรารถนาดี
  พ.อ.นพ.พงศ์ศักดิ์. ตั้งคณา
         ประธานมูลนิธิ
จิตเป็นผู้ให้ใจเป็นนิพพาน

Thank you very much
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #103 เมื่อ: มีนาคม 21, 2020, 09:58:12 PM »

เผยคลิปใน รพ.อิตาลี วิกฤตโควิด-19

https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_3797281
ข่าวสดออนไลน์
ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #104 เมื่อ: มีนาคม 21, 2020, 10:01:26 PM »

https://www.thansettakij.com/content/business/425783?ad=
จากฐานเศรษฐกิจค่ะ คนแห่ตุนของ
thank you

เตือนค่ะ
อย่าไปในที่คนเยอะๆ ถ้าต้องไปต้องเตรียมตัวให้พร้อม ที่ปิดปาก เจลล้างมือ เดินกันห่างๆ เลี่ยงได้ก็เลี่ยง อย่าไปเสี่ยงดีที่สุดค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 21, 2020, 10:06:13 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 ... 12   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: