mint
|
|
« เมื่อ: กันยายน 12, 2009, 09:53:05 PM » |
|
ขอขอบคุณคุณป๋าอาวเอี้ยงฮงจากhttp://www.ranthong.com/smf/index.php?topic=22218.0 พอดีค้นหาข้อมูล ศึกษาวิธีการวิเคาะห์เพิ่มเติมไปเรื่อย ๆ ก็มาสะดุดเอากับห้วข้อนี้ ในเวบ investorchart.com อ่านจนจบแล้วรู้สึกว่าที่ผ่านมา ตัวเราเองยังโงเขลาอยู่อีกเยอะ ยังมีอีกมากมายหลายเรื่อง ที่ค่อย ๆ ได้พบเห็น จึงหยิบเอามาฝากเพื่อนผองน้องพี่ทั้งหลาย ค่อย ๆ อ่านตามกันไปนะครับ สำหรับท่านที่ไม่เคยศึกษาเรื่องเทคนิคมาก่อน ก็อ่านได้ครับ อ่านแล้วกลับไปอ่านเทคนิคอีกที คงพอได้ไอเดีย อะไร ๆ บ้าง ซึ่งขออ้างถึงที่มาก่อนนะครับ คือ คัดลอกมาจาก http://www.investorchart.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=345718&Ntype=4 ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 12, 2009, 09:54:04 PM » |
|
อาวเอี้ยงฮง The fifth Administrator กรรมการผุ้จัดการ
คะแนนความนิยม 1270
กระทู้: 10822
Re: กฎ 10 ข้อในการอยู่รอดและการลงทุน ด้วยการวิเคาะห์ทางเทคนิค ? ตอบ #1 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2009, 08:45:13 ? อ้างถึง กฎ ทั้ง10 ข้อนี้ เป็นหลักการสำคัญสำหรับผู้ที่ใช้วิธีการวิเคราะห์ทางเทคนิคสำหรับการลงทุน เพราะหากไม่มีหลักการดังกล่าวแล้ว เราก็จะไม่สามารถกำหนดการซื้อขายที่เป็นรูปแบบได้ ซึ่งในกฎเหล่านี้จะพูดถึงการวิเคราะห์แนวโน้ม , หาจุดกลับตัว, ติดตามค่าเฉลี่ย, มองหาสัญญาณเตือน และอื่นๆ หากท่านสามารถเข้าใจและ ปฎิบัติตามหลักการเหล่านี้ได้ผมเชื่อว่าท่าน ก็สามารถเอาตัวรอด ด้วยการลงทุนโดยใช้หลักการวิเคราะห์ทางเทคนิค ได้ครับ
1. ดูแนวโน้ม เรียน รู้ชาร์ตในระยะยาว โดยเริ่มการวิเคราะห์ชาร์ตในระดับเดือนและสัปดาห์ ของช่วงเวลาหลายๆปี การดูชาร์ตในระดับของช่วงเวลาที่กว้างขึ้นจะทำให้สามารถมองเป็นแนวโน้มของ ตลาดในระยะยาวได้ชัดเจนขึ้น เมื่อทราบถึงแนวโน้มระยะยาวแล้ว จึงจะดูชาร์ตในระดับวันและนาที การดูแนวโน้มในช่วงสั้นเพียงอย่างเดียวจะทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนในระยะสั้น คุณจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าหากคุณลงทุนในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะกลางและ ยาว
2. วิเคราะห์และไปตามแนวโน้ม แนว โน้มของตลาดมีหลายช่วงเวลา ระยะยาว ระยะกลาง และระยะสั้น สิ่งแรกคือ คุณต้องรู้ว่าคุณจะลงทุนในระยะเวลาเท่าใด และวิเคราะห์ชาร์ตของช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยที่คุณต้องแน่ใจว่าคุณลงทุนไปในทิศทางเดียวกับแนวโน้มในระยะเวลานั้นๆ ซื้อเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาขึ้น และขายเมื่อแนวโน้มอยู่ในขาลง หากคุณลงทุนในระยะกลาง ให้ใช้ชาร์ตในระดับวันและสัปดาห์ ถ้าคุณลงทุนระยะสั้น ให้ใช้ชาร์ตระดับวันและรายนาที อย่างไรก็ตาม ในแต่ละกรณี ให้ดูแนวโน้มของช่วงเวลาที่ยาวขึ้น และใช้ชาร์ตของช่วงเวลาที่สั้นลงในการหาจุดที่จะเข้าซื้อ-ขาย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 12, 2009, 09:54:36 PM » |
|
อาวเอี้ยงฮง The fifth Administrator กรรมการผุ้จัดการ
คะแนนความนิยม 1270
กระทู้: 10822
Re: กฎ 10 ข้อในการอยู่รอดและการลงทุน ด้วยการวิเคาะห์ทางเทคนิค ? ตอบ #2 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2009, 08:45:42 ? อ้างถึง 3. หาจุดสูงสุดและต่ำสุด วิเคราะห์ แนวรับและแนวต้าน จุดที่ดีที่สุดในการเข้าซื้อก็คือจุดใกล้แนวรับซึ่งมักจะเป็นจุดต่ำสุดของ รอบการซื้อขายที่แล้ว จุดที่ดีที่สุดสำหรับการขายก็คือจุดที่ใกล้แนวต้าน ซึ่งมักจะเป็นจุดสูงสุดของรอบการซื้อขายที่แล้ว หากมีการเคลื่อนผ่านแนวต้าน แนวต้านนั้นจะกลายเป็นแนวรับสำหรับการปรับตัวลดลง อีกนัยหนึ่ง จุดสูงสุดเดิมกลายเป็นจุดสูงสุดใหม่ และเช่นเดียวกัน ในกรณีที่ราคาทะลุผ่านแนวรับ มักจะมีแรงขายออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้จุดต่ำสุดเดิมกลายเป็นจุดต่ำสุดใหม่
4. รู้ว่าจะไปไกลแค่ไหนจึงจะกลับตัว เทียบ อัตราส่วนการขึ้น-ลง เป็นเปอร์เซนต์ โดยทั่วไปตลาดจะมีการกลับตัวทั้งขึ้นและลงตามสัดส่วนเปอร์เซนต์ของแนวโน้ม ของช่วงก่อน คุณสามารถวัดอัตราส่วนของการปรับตัวขึ้นหรือลงของแนวโน้มปัจจุบันได้โดยใช้ อัตราส่วนชุดหนึ่งที่มีการกำหนดค่าไว้แล้ว เช่น การกลับตัวขึ้นหรือลง 50%ของแนวโน้มก่อน เป็นอัตราพื้นฐานที่ใช้กันบ่อย อัตราส่วนต่ำสุดของการวัดการดีดกลับ คือ 1/3 ของแนวโน้มก่อน และอัตราส่วนสูงสุดคือ 2/3 อัตราส่วนที่สำคัญและควรให้ความสนในก็คือ อัตราส่วน Fibonacci 36% และ 62% ดังนั้น เมื่อตลาดมีการพักในช่วงแนวโน้มขาขึ้น จะมีจุดซื้อคืนจุดแรกเมื่อตลาดปรับตัวลง 33-38% ของจุดสูงสุด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 12, 2009, 09:55:17 PM » |
|
อาวเอี้ยงฮง The fifth Administrator กรรมการผุ้จัดการ
คะแนนความนิยม 1270
กระทู้: 10822
Re: กฎ 10 ข้อในการอยู่รอดและการลงทุน ด้วยการวิเคาะห์ทางเทคนิค ? ตอบ #3 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2009, 08:46:13 ? อ้างถึง 5. ใช้เส้นแนวโน้ม เส้น แนวโน้มเป็นหนึ่งในเครื่องมือการวิเคราะห์ที่ง่ายและมีประสิทธิภาพที่สุด สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมีเพียงขอบเขตที่เส้นแนวโน้มแสดงและจุด 2 ตำแหน่งบนชาร์ต เส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดต่ำสุด 2 จุด ที่อยู่ใกล้กัน และเส้นแนวโน้มขาขึ้นวาดโดยใช้จุดสูงสุด 2 จุดใกล้กัน ราคาของหุ้นมักจะเคลื่อนเข้าใกล้เส้นแนวโน้มก่อนที่จะเคลื่อนกลับเข้าสู่แนว โน้มของมัน หากราคาทะลุผ่านเส้นแนวโน้ม จะแสดงถึงสัญญาณของการเปลี่ยนแนวโน้ม เส้นแนวโน้มจะมีผลเมื่อราคาเคลื่อนแตะที่เส้น 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย เส้นแนวโน้มที่ลากได้ยิ่งยาว หมายถึง จำนวนครั้งมากขึ้นของการทดสอบเส้นแนวโน้ม และยิ่งทำให้เส้นแนวโน้มมีความสำคัญมากขึ้น
6. ติดตามค่าเฉลี่ย หมาย ถึงการเคลื่อนไหวของเส้นค่าเฉลี่ย ซึ่งจะบอกถึงราคาเป้าหมายที่จะซื้อและขาย เส้นค่าเฉลี่ยเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าราคาอยู่ในแนวโน้มเช่นใดและช่วยยืนยัน สัญญาณการเปลี่ยนแนวโน้ม อย่างไรก็ตาม เส้นค่าเฉลี่ยไม่ใช่เครื่องมือที่จะบอกล่วงหน้าว่าแนวโน้มกำลังจะเปลี่ยน รูปแบบของการใช้เส้นค่าเฉลี่ยที่เป็นที่นิยมคือการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 2 เส้นเพื่อหาจุดซื้อ-ขาย ค่าที่นิยมใช้สำหรับค่าเฉลี่ยที่ใช้คู่กันคือ 5 วันและ10 วัน, 10 วันและ25วัน, 25 วันและ 50 วัน สัญญาณซื้อ-ขายเกิดขึ้นเมื่อเส้นที่มีค่าเฉลี่ยสั้นกว่าตัดกับเส้นที่ ยาวกว่า หรือ เมื่อราคาเคลื่อนผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 25 วัน เนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยต่างๆเป็นดัชนีที่เคลื่อนไปตามแนวโน้ม การใช้เส้นค่าเฉลี่ยจึงเหมาะสำหรับตลาดที่ในช่วงที่มีแนวโน้มที่ชัดเจน
7. รู้ถึงจุดที่ตลาดกลับตัว Oscillators (เครื่องมือที่มีตัวเลข ตั้งแต่ 0 ถึง 100) เป็นดัชนีที่ช่วยชี้บอกจุดที่มีการซื้อหรือขายมากเกินไป ในขณะที่เส้นค่าเฉลี่ยจะช่วยยืนยันว่าตลาดการเปลี่ยนแนวโน้ม Oscillators จะช่วยเตือนล่วงหน้าว่าตลาดเคลื่อนไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งมากเกินไป และทำให้เกิดการกลับตัว Oscillators ที่เป็นที่นิยม ได้แก่ Relative Strength Index (RSI) และ Stochastics ทั้งสองตัวนี้จัดเป็นเครื่องมือที่เรียกว่า Oscillators เพราะให้ค่าที่อยู่ในช่วง 0 ถึง 100 เมื่อ RSI มีค่าเกิน 70 จะแสดงถึงการซื้อที่มีมากเกินไป (Overbought) และ ต่ำกว่า 30 แสดงถึงการขายมากเกินไป (Oversold) ค่า Overbought และ Oversold สำหรับ Stochastics คือ 80 และ 20 นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ค่า 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับการคำนวณ Stochastics และ 9 หรือ 14 วันหรือสัปดาห์สำหรับ RSI สัญญาณกลับตัวที่เกิดใน Oscillators จะเป็นสัญญาณเตือนว่าตลาดกำลังจะกลับตัว เครื่องมือเหล่านี้ใช้ได้ดีเมื่อตลาดอยู่ในช่วงที่เหมาะกับการเล่นเก็งกำไร และไม่แสดงแนวโน้มที่ชัดเจน สัญญาณในระดับสัปดาห์สามารถนำมาใช้ช่วยในการขจัดสัญญาณหลอกและยืนยันสัญญาณ ในระดับวัน และใช้สัญญาณระดับวันสำหรับยืนยันสัญญาณในรายนาที
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 12, 2009, 09:56:15 PM » |
|
อาวเอี้ยงฮง The fifth Administrator กรรมการผุ้จัดการ
คะแนนความนิยม 1270
กระทู้: 10822
Re: กฎ 10 ข้อในการอยู่รอดและการลงทุน ด้วยการวิเคาะห์ทางเทคนิค ? ตอบ #4 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2009, 08:46:44 ? อ้างถึง 8. มองเห็นสัญญาณเตือน Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นดัชนีวัด (พัฒนาโดย Gerald Appel) ที่รวมเอาระบบการตัดผ่านของเส้นค่าเฉลี่ยและการชี้จุด Overbought/Oversold ของ Oscillators ไว้ด้วยกัน สัญญาณซื้อจะเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดขึ้นเหนือเส้นที่ช้ากว่า โดยที่ทั้ง 2 เส้นอยู่ต่ำกว่าศูนย์ สัญญาณขายเกิดเมื่อเส้นที่เร็วกว่าตัดลงต่ำกว่าเส้นที่ช้ากว่าที่เหนือ ศูนย์ สัญญาณในระดับสัปดาห์จะมีน้ำหนักและความสำคัญมากกว่าสัญญาณในระดับวัน MACD histogram ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่ง แสดงถึงส่วนต่างระหว่าง MACD ทั้งสองเส้น สามารถส่งสัญญาณเตือนว่าจะมีการเปลี่ยนแนวโน้มได้เร็วกว่าอีกด้วย
9. เป็นแนวโน้มหรือไม่เป็นแนวโน้ม Average Directional Index (ADX) เป็นดัชนีที่จะบอกว่าตลาดอยู่ในช่วงที่มีแนวโน้มหรือไม่ และเป็นตัวช่วยวัดว่าแนวโน้มนั้นอยู่ในระดับใด เส้น ADX ที่ชี้ขี้นแสดงถึงแนวโน้มที่มีความชัดเจนมาก ควรใช้เส้นค่าเฉลี่ยในการวิเคราะห์ หากเส้น ADX ปรับตัวต่ำลง แสดงถึงตลาดที่ไม่มีแนวโน้มและเหมาะสำหรับเก็งกำไรระยะสั้น ควรใช้ Oscillators ในการวิเคราะห์ การใช้ ADX ช่วยนักลงทุนในการวางแผนกลยุทธ์การลงทุนและในการเลือกเครื่องมือที่เหมาะสม กับสภาวะตลาด
10. รู้จักการดูสัญญาณเพื่อยืนยันแนวโน้ม สัญญาณ ที่ให้การยืนยันรวมถึงปริมาณการซื้อขายและจำนวนการซื้อขายที่มีการลงทุนจาก ผู้ที่เข้ามาซื้อขายใหม่ (open interest) ทั้ง 2 ตัวนี้เป็นเครื่องมือสำคัญในการยืนยันแนวโน้มสำหรับตลาดล่วงหน้า ปริมาณการซื้อขายมักจะส่งสัญญาณกลับตัวก่อนที่ราคาจะกลับตัว สิ่งสำคัญคือจะต้องมั่นใจว่ามีปริมาณการซื้อขายอย่างหนาแน่นในทิศทางเดียว กับแนวโน้มปัจจุบัน ในแนวโน้มขาขึ้น ควรมีปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้นเพื่อยืนยันว่าแนวโน้มนั้นยังแข็งแรงอยู่ ส่วน open interest ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะช่วยยืนยันว่ามีเงินไหลเข้ามาต่อเนื่องและช่วยหนุนให้แนว โน้มปัจจุบันคงอยู่ หาก open interest ลดลง ย่อมเป็นสัญญาณเตือนว่าแนวโน้มนั้นใกล้สิ้นสุดลง ดังนั้นราคาที่มีแนวโน้มสูงขึ้นควรจะมีปริมาณซื้อขายและ open interest หนุนอยู่ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 12, 2009, 09:56:49 PM » |
|
อาวเอี้ยงฮง The fifth Administrator กรรมการผุ้จัดการ
คะแนนความนิยม 1270
กระทู้: 10822
Re: กฎ 10 ข้อในการอยู่รอดและการลงทุน ด้วยการวิเคาะห์ทางเทคนิค ? ตอบ #5 เมื่อ: 04 กรกฎาคม 2009, 08:55:04 ? อ้างถึง ทั้งสิบข้อนี้ ใครที่สนใจศึกษาเรื่องเทคนิค ลองนำไปปฎิบัติดูนะครับ นอกจากนี้ยังมีกฎ อื่น ๆ อีกมากมาย เอาไว้จะค่อย ๆ รวบรวมมาฝากกันครับ ขอให้โชคดีมีชัย ร่ำรวยกันทุกคนครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 22, 2009, 03:07:39 PM » |
|
อิอิ สวยจัง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
ribbinn
Newbie
ออฟไลน์
กระทู้: 115
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 23, 2009, 01:17:12 PM » |
|
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆที่เก็บมาฝากนะคะคุณมิ้นท์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
brabus
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: กันยายน 28, 2009, 05:51:17 PM » |
|
ขอบคุณค่ะ คุณmint O0
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
MIJI
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: กันยายน 29, 2009, 01:44:52 PM » |
|
ขอนู๋มิ้นท์เก็บ กฏ 10 ข้อเข้ากระทู้พี่ ไว้คอยเตือนใจนะจ้ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บทวิเคราะห์คือแนวทาง การตัดสินใจคือตัวเราเอง
|
|
|
itums
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 465
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 08, 2009, 08:40:05 PM » |
|
ขอบคุณครับ ผมจดใส่สมุดเลยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
_LAN_NA_
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 27, 2009, 06:44:08 PM » |
|
ขอบคุณ สำหรับบทความครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 18, 2009, 07:32:56 AM » |
|
ขออนุญาตคัดลอกเซนเซสาวสวยมาเตือนใจ ตรงนี้บางนะคะ
Jeera Hero Member
Offline
Posts: 1778
Happy day!
Re: ต่างๆนานา by Jeera ^^ ? Reply #174 on: November 17, 2009, 09:41:15 PM ? Quote พร 4 ข้อของท่าน ว.วชิรเมธี
1.อย่าเป็นนักจับผิด คนที่คอยจับผิดคนอื่น แสดงว่า หลงตัวเองว่าเป็นคนดีกว่าคนอื่น ไม่เห็นข้อบกพร่องของตนเอง " กิเลสฟูท่วมหัว ยังไม่รู้จักตัวอีก " คนที่ชอบจับผิด จิตใจจะหม่นหมอง ไม่มีโอกาส " จิตประภัสสร " ฉะนั้น จงมองคน มองโลกในแง่ดี " แม้ในสิ่งที่เป็นทุกข์ ถ้ามองเป็น ก็เป็นสุข "
2.อย่ามัวแต่คิดริษยา " แข่งกันดี ไม่ดีสักคน ผลัดกันดี ได้ดีทุกคน " คนเราต้องมีพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา คนที่เราริษยาเป็นการส่วนตัว มีชื่อว่า " เจ้ากรรมนายเวร " ถ้าเขาสุข เราจะทุกข์ ฉะนั้น เราต้อง ถอดถอน ความริษยาออกจากใจเรา เพราะไฟริษยา เป็น " ไฟสุมขอน " ( ไฟเย็น) เราริษยา 1 คน เราก็มีทุกข์ 1 ก้อน เราสามารถถอดถอนความริษยาออกจากใจเราโดยใช้วิธี " แผ่เมตตา " หรือ ซื้อโคมมา แล้วเขียนชื่อคนที่เราริษยา แล้วปล่อยให้ลอยไป
3.อย่าเสียเวลากับความหลัง 90% ของคนที่ทุกข์ เกิดจากการย้ำคิดย้ำทำ " ปล่อยไม่ลง ปลงไม่เป็น " มนุษย์ที่สลัดความหลังไม่ออก เหมือนมนุษย์ที่เดินขึ้นเขาพร้อมแบกเครื่องเคราต่างๆ ไว้ที่หลังขึ้นไปด้วย ความทุกข์ที่เกิดขึ้นแล้ว จงปล่อยมันซะ " อย่าปล่อยให้คมมีดแห่งอดีต มากรีดปัจจุบัน " " อยู่กับปัจจุบันให้เป็น " ให้กายอยู่กับจิต จิตอยู่กับกาย คือมี " สติ " กำกับตลอดเวลา
4.อย่าพังเพราะไม่รู้จักพอ " ตัณหา " ที่มีปัญหา คือ ความโลภ ความอยากที่ เกินพอดี เหมือนทะเลไม่เคยอิ่มด้วย น้ำ ไฟไม่เคยอิ่มด้วย เชื้อ ธรรมชาติของตัณหา คือ " ยิ่งเติมยิ่งไม่เต็ม " ทุกอย่างต้องดูคุณค่าที่แท้ ไม่ใช่ คุณค่าเทียม เช่น คุณค่า ที่แท้ของนาฬิกา คืออะไร คือ ไว้ดูเวลา ไม่ใช่มีไว้ ใส่เพื่อความโก้หรู
คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์มือถือ คืออะไร คือไว้สื่อสาร แต่องค์ประกอบอื่นๆ ที่เสริมมาไม่ใช่ คุณค่าที่แท้ของโทรศัพท์ เรา ต้องถามตัวเองว่า " เกิดมาทำไม " " คุณค่าที่แท้จริงของการเกิดมาเป็นมนุษย์อยู่ตรงไหน" ตามหา " แก่น " ของชีวิตให้เจอ คำว่า "พอดี" คือถ้า "พอ" แล้วจะ"ดี" รู้จัก "พอ" จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
mint
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 05:26:49 PM » |
|
Lin Newbie
Online
Posts: 134
Re: ผมลงทุนทองแบบนี้ ช่วยแสดงความเห็นด้วยครับ ? Reply #4646 on: Today at 04:34:33 PM ? Quote ลินได้มีโอกาสฟังท่านผู้หนึ่งพูดนะคะ คำพูดข้างล่างนี้ตัวเองคิดว่าน่าจะเป็นแนวคิดที่ดีนะคะ
1. อย่าปล่อยกำไรให้ขาดทุน พอกำไรเริ่มลงต้องหยุด (ค่อย ๆ โกยกำไร) 2. เมื่อลงทุนแล้วผิด ซื้อแล้วลง ถ้าจะช้อนซื้อใหม่ ต้องมีหลักการก่อนว่าเปลี่ยนราคาแนวโน้มหรือยัง 3. อย่าซื้อเพราะเห็นว่าแพง หรือขายเพราะราคาสูง 4. ถ้าสงสัยให้ออกจากตลาด และอย่าเข้าตลาด "ถ้าสงสัย" ไม่จำเป็นต้องซื้อขายทุกวัน 5. The trend is your friend : การลงทุนที่ดีต้องเริ่มซื้อไปตามแนวโน้ม ห้าม "ฝืน" แนวโน้ม 6. หยุดขาดทุน ท่านก็จะรวย
อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลนะคะ แล้วแต่ทุกท่านจะนำมา apply ให้เข้ากับ strategy ในการเล่นของแต่ละท่านค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
สมอง ช่วยตัดสินใจได้ดีกว่า ต่อมอดีนาลีน
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|