Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 2 [3] 4   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ศึกษาการลงทุน  (อ่าน 12455 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #30 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2009, 04:28:31 PM »

ใช่จ้ะเขาเน้นจำนวนทอง ไม่เน้นเงินค่ะ
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #31 เมื่อ: ตุลาคม 16, 2009, 09:18:13 PM »

1. จำนวนเงินลงทุน    จงแบ่งเงินลงทุนเป็น  สิบส่วนเท่าๆ กัน และอย่าลงทุนซื้อ  หรือขายเกินหนึ่งในสิบของเงินลงทุนใน  การซื้อ ขายแต่ละครั้ง

2. ใช้คำสั่ง STOP ORDERS ควรป้องกันการลงทุน   โดยการตั้ง STOP ORDER 3 - 5 ช่วง ต่ำกว่าราคาที่ซื้อ หรือสูงกว่าราคา ที่ขาย

3.  อย่าซื้อ หรือขายเกินตัว เพราะจะเป็นการฝ่าฝืนกฎเกี่ยวกับจำนวนเงินลงทุนในข้อ 1

4. อย่าปล่อยให้กำไรกลายเป็นขาดทุน   หลังจากที่ท่านมีกำไร  3 ช่วง    หรือมากกว่านั้น  จงยกระดับ   STOP   ORDER ให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันมิให้ขาดทุน

5. อย่าเริ่มก่อนแนวโน้ม อย่าซื้อหรือขายถ้าท่านยังไม่แน่ใจ ในแนวโน้มตามแผนภูมิของท่าน 

6. เมื่อสงสัย ให้ออกจากตลาด และอย่าเข้าตลาดถ้ายังสงสัย 

7. ซื้อขายเฉพาะหุ้นที่มีการซื้อขายมาก อย่ายุ่งกับหุ้นที่มีการเคลื่อนไหวช้าหรือแน่นิ่ง 

8. จงกระจายความเสี่ยง ซื้อขายหุ้นอย่างน้อย  4  ถึง 5 บริษัท  ถ้าเป็นไปได้อย่าลงทุนจนหมดตัวในหุ้นของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง   

9. จงอย่าใช้ราคาเฉพาะ  ทั้งการซื้อ และการขาย จงใช้ราคาตลาด   

10. อย่าขายหุ้นทิ้งโดยไม่มีเหตุผลที่ดีพอ    ใช้ STOP ORDER เพื่อป้องกันกำไรหดหาย   

11. จงสะสมกำไรไว้หลังจากที่ท่าน ประสบความสำเร็จ และมีกำไรติดต่อกันหลาย ๆ ครั้ง        จงสำรองส่วนกำไรนี้ไว้ต่างหาก เพื่อใช้ในยามฉุกเฉิน   หรือตอนที่มีการตื่นตระหนก   

12.  อย่าซื้อเพียงแต่เพื่อจะเอา    เงินปันผล   

13. อย่าเฉลี่ยการขาดทุน เพราะนี่เป็นความผิดที่เลวร้ายที่สุดที่นักค้าหุ้นอาจทำได้   

14.  อย่าออกจากตลาดเพียงเพราะว่าท่านหมดความอดทน    หรือเข้าตลาดเพียงเพราะว่าท่านไม่อยากรอ     

15. จงหลีกเลี่ยงการขายเพื่อเอากำไรแต่น้อย และยอมขาดทุนมาก     

16. จงอย่ายกเลิกคำสั่ง STOP ORDER ที่ท่านสั่งตอนที่ท่านซื้อขายหุ้นนั้น     

17. จงหลีกเลี่ยง การเข้า และออกจากตลาดบ่อยเกินไป     

18. จงพร้อมที่จะขาย   เช่นเดียวกับซื้อ และยึดวัตถุประสงค์ในการทำกำไรให้แน่วแน่     

19. จงอย่าซื้อเพียงเพราะราคาต่ำ และอย่าขายเพียงเพราะคิดว่าราคาสูง     

20. จงระวังการปิระมิดในจังหวะที่ผิด จงรอจนกระทั่งเริ่มมีการซื้อขายมาก และระดับราคาได้วิ่งขึ้นผ่านระดับด้านท่านก่อนที่จะซื้อเพิ่ม และรอจนกระทั่งราคาได้วิ่งตกต่ำกว่าระดับจำหน่ายจ่ายแจกก่อนที่จะขายเพิ่มขึ้น       

21. เมื่อซื้อ   จงสะสมหุ้นในบริษัทที่มีจำนวนทุนจดทะเบียนน้อย  และถ้ายืมหุ้นคนอื่นมาขาย      จงยืมหุ้นในบริษัทที่มีจำนวนทุนจดทะเบียนมาก       

22. อย่าป้องกันการขาดทุนในหุ้นที่ซื้อมา โดยการยืมหุ้นจากคนอื่นมาขายก่อน จงขายหุ้นที่ซื้อมาในราคาตลาด และยอมรับการขาดทุนเพื่อคอยโอกาสครั้งต่อไป         

23. อย่าเปลี่ยนสถานภาพการลงทุน (POSITION)     ในตลาดโดยไม่มีเหตุผลที่ดี   เมื่อท่านตัดสินซื้อ  หรือขายหุ้นแล้ว จงให้โอกาสมันตามเหตุผลที่ดีบางประการ   หรือตามแผนที่กำหนดไว้อย่างเพิ่งขายออกไปจนกว่าที่สัญญาณบอกว่า   แนวโน้มได้เปลี่ยนทิศทาง         

24. จงหลีกเลี่ยงการเพิ่มพอร์ทหลังจากที่ประสบความสำเร็จ    และมีผลกำไรมาเป็นระยะเวลานาน         

บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #32 เมื่อ: ตุลาคม 18, 2009, 02:36:47 PM »

ใครอ่านแล้วเข้าใจช่วยอธิบายให้ด้วยนะคะ Huh?


                                              การวิเคราะห์หลักทรัพย์โดยวิธีทางเทคนิค

                                                 เทคนิคพ้อยท์แอนด์ฟิคเกอร์ (Point & Figure)

เทคนิคพ้อยท์แอนด์ฟิคเกอร์
POINT & FIGURE TECHNIQUE

 

            เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์ที่นิยมใช้กันมากชนิดหนึ่ง ในการหาจังหวะเวลาในการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ โดยมีข้อดีในแง่ที่ว่าเข้าใจง่าย และมีสัญญาณชัดเจนในการบอกให้ซื้อหรือขาย ข้อมูลที่ใช้ต้องการเพียงระดับราคาหุ้นสูงสุด และต่ำสุดในแต่ละวันเท่านั้น (หรือระดับราคาสุดท้ายในแต่ละช่วงเวลา ในกรณี POINT & FIGURE แบบ INTRADAY)

 

วิธีการกำหนด  BOX SIZE
สำหรับทำแผนภูมิพ้อยท์แอนด์ฟิคเกอร์

 

            ตามแนวตั้งของตารางกราฟ จะแสดงการเปลี่ยนแปลงของระดับราคาหุ้นที่นำมาทำ โดยใช้อัตราส่วน 1 ช่อง (BOX) ต่อ 1 ช่วงราคาตามที่ตลาดหลักทรัพย์กำหนดไว้ อาทิเช่น หุ้น ABC ระดับราคาอยู่ประมาณ 150 บาท ตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้ช่วงการเปลี่ยนแปลงของราคาช่วงละ 1 บาท ดังนั้น ในกระดาษกราฟ 1 ช่องจะเท่ากับ 1 บาทนั่นเอง และเมื่อหุ้น ABC มีราคาขึ้นไปเกิน 200 บาท ซึ่งตลาดหลักทรัพย์กำหนดให้ช่วงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเป็นช่วงละ 2 บาท ช่องถัดไปจากช่องที่ราคา 200 บาทขึ้นไปจะคิดเป็น 1 ช่องเท่ากับ 2 บาท

 

ตารางการเปลี่ยนแปลงช่วงราคา

                ราคาหุ้น (บาท)
 ช่วงละ (บาท)
 
ตั้งแต่ 0 ถึงน้อยกว่า 2
 0.01
 
ตั้งแต่ 2 ถึงน้อยกว่า 5
 0.02
 
ตั้งแต่ 5 ถึงน้อยกว่า 10
 0.05
 
ตั้งแต่ 10 ถึงน้อยกว่า 25
 0.10
 
ตั้งแต่ 25 ถึงน้อยกว่า 50
 0.25
 
ตั้งแต่ 50 ถึงน้อยกว่า 100
 0.50
 
ตั้งแต่ 100 ถึงน้อยกว่า 200
 1.00
 
ตั้งแต่ 200 ถึงน้อยกว่า 400
 2.00
 
ตั้งแต่ 400 ขึ้นไป
 4.00
 

หมายเหตุ  ดัชนีตลาดหลักทรัพย์สามารถเลือกใช้ BOX SIZE ตามตารางข้างต้น หรือ ใช้  BOX SIZE เท่ากับ 0.5-1.0% ของดัชนีตลาดหลักทรัพย์

วิธีการสร้างแผนภูมิ  POINT AND FIGURE แบบ DAILY

 

            1.  ในวันเริ่มทำแผนภูมิ ถ้าราคาปิดเป็นบวก จากราคาปิดครั้งก่อน ให้เขียนเครื่องหมาย X ตั้งแต่ราคาต่ำสุดของวันนั้นขึ้นไปจนถึงราคาสูงสุดของวันนั้น แต่ถ้าราคาปิดเป็นลบ ก็ให้เขียนเครื่องหมาย O ตั้งแต่ราคาสูงสุด ลงมาจนถึงราคาต่ำสุดของวันนั้น (ถ้าเป็นหุ้นใหม่เข้าตลาดในวันแรก ก็ให้ดูว่าราคาปิดสูงกว่าหรือต่ำกว่าราคาเปิด ถ้าสูงกว่าให้ถือว่าราคาปิดเป็นบวกแล้วเขียนเครื่องหมาย O)

           

            2.  ในวันต่อมา กรณีที่ในแผนภูมิเป็นแถวของ X อยู่ หากราคาสูงสุดยังคงสูงขึ้นกว่าเดิมก็ให้เขียนเครื่องหมาย X ต่อขึ้นไปจนถึงราคาสูงสุดของวันนั้น และในทางกลับกันกรณีที่ในแผนภูมิเป็นแถวของ O และราคาต่ำสุดของวันก็ยังต่ำกว่าครั้งก่อนให้เขียนเครื่องหมาย O ต่อลงมาจนถึงราคาต่ำสุดนั้น

 

            3.  กรณีที่ราคาหุ้นเริ่มมีการเปลี่ยนทิศทาง คือเมื่อเราอยู่ในแถวของเครื่องหมาย X ซึ่งวันต่อมาเราต้องดูที่ราคาสูงสุด แต่เมื่อปรากฎว่าราคาสูงสุดของวันใหม่ที่เรากำลังดูมีราคาเท่าเดิม หรือต่ำกว่าเดิมก็ให้ไปพิจารณาดูที่ราคาต่ำสุด ถ้าราคาต่ำสุดต่ำกว่าราคาสูงสุดเดิมที่ทำไว้ในกระดาษกราฟเมื่อครั้งก่อน ตามช่วงราคาที่กำหนดไว้ (REVERSAL) เช่น ตั้งแต่ 3 ช่วงราคาเป็นต้นไป ก็ให้เขียนเครื่องหมาย O ในแถวถัดมาด้านขวามือ โดยให้ O ตัวบนสุดอยู่ต่ำกว่า X ในแถวเดิม 1 ช่วง แล้วเขียน O ลงมาจนถึงราคาต่ำสุดในวันนั้น แต่ถ้าราคาต่ำสุดในวันนั้นต่างจากราคาสูงสุดเดิมน้อยกว่าช่วงราคาที่กำหนดไว้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในกราฟ

 

            ในทางกลับกัน ถ้าเดิมเราอยู่ในแถวของเครื่องหมาย O ซึ่งวันต่อมาเราต้องดูที่ราคาต่ำสุด แต่ปรากฏว่าราคาต่ำสุดใหม่ที่เราดูนั้นเท่าเดิมหรือสูงกว่าเดิม ก็ให้ไปพิจารณาดูราคาสูงสุด ซึ่งถ้าราคาสูงสุดต่างจากราคาต่ำสุดเดิมที่ทำไว้ในกระดาษกราฟเมื่อครั้งก่อนตามช่วงราคาที่กำหนดไว้ เช่น ตั้งแต่ 3 ช่วงราคาเป็นต้นไป ก็ให้เขียนเครื่องหมาย X ในแถวถัดมาทางขวามือ โดย X ตัวล่างสุดอยู่สูงกว่า O ในแถวเดิม 1 ช่องแล้วเขียน X ขึ้นไปจนถึงราคาสูงสุดในวันนั้น แต่ถ้าราคาสูงสุดในวันนั้นต่างจากราคาต่ำสุดเดิมน้อยกว่าช่วงราคาที่กำหนดไว้ จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในกราฟ

http://taladhoon.com/taladhoon/lib/irsta01/irsta01-3.htm

บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #33 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2009, 08:12:33 PM »

ส้มโอมือ
แฟนพันธุ์แท้

 ออฟไลน์

กระทู้: 1716


    Re: หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน
? ตอบ #7860 เมื่อ: วันนี้ เวลา 06:28:19 am ?   

--------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับเพื่อนๆ
             ตอนนี้ผมสนใจจะเริ่มการอ่านการวิเคราะห์ทางเทคนิคอีกครั้ง    เพื่อนๆที่สนใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคแต่ยังรู้น้อยมากแบบผม   เราเริ่มมาอ่านกันอีกรอบดีมั้ย  อ่านไปทีละบทพร้อมกัน   สงสัยอะไรก็สอบถามแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันไป    เวลาพวกเราติดขัดตรงไหนก็ถามเพื่อนที่เก่งทางเทคนิคแล้ว
             ถ้าเราทำแบบนี้น่าจะทำให้เราเข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิคมากขึ้น     เวลาที่คนเก่งเทคนิคแล้วมาให้คำแนะนำก็จะไม่เหนื่อยด้วยครับ    ใครอ่านแล้วไม่รู้เรื่องเลยก็ต้องอ่านใหม่เป็นรอบที่2-3ก็ต้องอ่านครับ    อ่านหลายรอบแล้วไม่เข้าใจค่อยสอบถามครับ     กว่าที่เราจะข้ามไปบทต่อไปก็ควรจะพูดคุยกันก่อนว่าบทนี้ให้อะไรเราบ้าง   จุดไหนสำคัญมาก   สถานการณ์ปัจจุบันมีอะไรที่ใกล้เคียงกับเนื้อหาในบทบ้าง  ดังนั้นกว่าจะขึ้นบท
ใหม่ก็ใช้เวลาหลายวัน    ดังนั้นเพื่อนๆที่อ่านแล้วยังจับประเด็นไม่ได้ต้องพยายามอ่านหลายรอบนะครับ
ตอนนี้ผมเริ่มอ่าน
http://inv2.asiaplus.co.th/cms/index.php?sc=educationzone-analyze
เมื่อคืนผมอ่านบทที่1จบแล้ว   กลับมาอ่านอีกที่   เข้าใจมากกว่าเก่ามาก   แล้วจะมาเขียนสิ่งที่จับประเด็นจากบทที่1ให้เพื่อนอ่านและเพื่อนที่เก่งทางเทคนิคแล้วช่วยแนะนำครับ
บทที่1   http://inv2.asiaplus.co.th/cms/uploads/pdf_investor/thai/chap01.pdf
  ผมไปทำงานก่อนครับ   เย็นนี้จะลองบอกสิ่งที่ผมจับประเด็นได้ครับ
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #34 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2009, 01:14:18 PM »

ผ่าน 724 ได้ละวิ่งชิวเลยนะ รอดูซิที่ 731 จะเป็นยังไง

  ลุ้นด้วยค่ะ ลุ้นๆๆๆๆๆๆ


        !_316 !_316 !_312 !_312
เหลืออีก 2 ด่านครับคุณ SeaSea ถ้าผ่านด่าน 731 741 ได้ ก็ไปเจอกันที่ hi เดิม ยังไงก็หวังว่าจะปรับฐานไปรับเพื่อนๆที่ตกรถกันก่อน
!01 !01 !01
บทที่1ที่ผมอ่านอยู่   ถ้ายังเป็นขาขึ้นอยู่จุดสูงสุดครั้งใหม่ต้องสูงกว่าจุดสูงสุดครั้งที่ผ่านมา    และจุดต่ำสุดที่เกิดขึ้นใหม่ต้องสูงกว่าจุดต่ำสุดครั้งที่ผ่านมา(เนื้อหาประมาณนี้ครับ   ขอเวลาเรียบเรียงก่อนครับถ้าไม่ดูต้นฉบับประกอบเดียวผิด     อันนี้แค่บอกว่าเหตุการณ์ปัจจุบันนี้   หลายอย่างจะช่วยให้เรามองบทที่1แตกขึ้นครับ)   ดังนั้นใครที่ขาsยังมีลุ้นถ้าราคาปิดของวันผ่านจุดสูงสุดครั้งที่ผ่านมาคงต้องยอมแพ้ครับ(อย่าเชื่อมือใหม่ครับ    มั่วล้วนๆเลย)

สวัสดีครับเพื่อนๆ วันนี้ติดธุระทั้งวันเลย เลยไม่ได้มา post ตอนกลางวัน คุณส้มโอมือมีเทคนิคดีๆมากฝาก ที่ผมอ่าน คร่าวๆ สรุปได้ว่า

 - ราคาจะขึ้นเมื่อทำ new high ราคาจะลงเมื่อทำ new low ครับ
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #35 เมื่อ: ตุลาคม 20, 2009, 01:18:43 PM »

ส้มโอมือ
แฟนพันธุ์แท้

 ออฟไลน์

กระทู้: 1722


    Re: หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน
? ตอบ #7912 เมื่อ: ตุลาคม 19, 2009, 10:45:18 pm ?   

--------------------------------------------------------------------------------
1.1)ในบทที่1ซึ่งตั้งชื่อว่าโหมโรงนั้น    เอ่ยถึงDow  Theory  เพียงทฤษฏีเดียวเท่านั้น    แสดงว่าในมุมมองของผู้เขียน มองว่า Dow  Theory  สำคัญมากๆสำหรับคนที่ศึกษาทางเทคนิค     เพื่อนคนไหนพอจะแนะนำเวปหรือหนังสือดีๆที่เกี่ยวกับ Dow  Theory ได้บ้าง     ผมมองว่าคนที่สนใจทางเทคนิคไม่ควรพลาดการอ่านและศึกษา Dow  Theoryครับ
         Dow  Theory
        1)ภาพรวมของตลาดได้ดูดซับเหตุการณ์ทุกอย่างเอาไว้แล้ว     แสดงว่าข่าวสารต่างๆ  ข่าวลือ   ข่าววงใน    นโยบายต่างๆของรัฐที่รั่วไหลออกมาสู่คนบางกลุ่ม    ข่าวจริงที่เปิดเผยในวงกว้าง     ดังนั้นนักเทคนิคไม่เอาข่าวต่างๆมายุ่งอีก    เพราะทุกอย่างกลายเป็ผลลัพธ์ของวันนั้นแล้ว      ทางเทคนิคดูผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นไม่ต้องรู้ที่มาของผลก็ได้    ทางด้านปัจจัยพื้นฐานนั้นคุณไม่มีทางตามข่าววงในทันแน่    กว่าข่าวจะมาถึงผลลัพธ์ก็แสดงในราคาปิดของวันนั้นก่อนที่ข่าวจะมาถึงแล้ว       บางทีข่าวมาช้ากว่าผลลัพธ์ทางเทคนิคตั้งหลายวัน
             2)แนวโน้มขาขึ้นต้องมีลักษณะดังนี้     จุดยอดและจุดก้นบึ้งที่เกิดขึ้นจะต้องอยู่สูงกว่าจุดยอดและจุดก้นบึ้งอันก่อนหน้า
ส่วนแนวโน้มขาลงจุดยอดและจุดก้นบึ้งที่เกิดขึ้น   จะต้องอยู่ต่ำกว่าจุดยอดและจุดก้นบึ้งที่อยู่ก่อนหน้าครับ(จำง่ายๆขาขึ้นต้องทำnew  high   ขาลงต้องทำnew  low)
                           ถ้าsetจะยังเป็นขาขึ้นอยู่ก็ต้องสร้างhighใหม่ให้ได้ครับ(ดูราคาปิดของวันนะ)   ถ้าทำhighใหม่ได้ก็ยังไม่จบขา5เป็นแค่การย่อตัวของขา3ย่อยไป4ย่อย(Minor)     ถ้าsetสร้างhighใหม่ไม่ได้ก็คงจะเกิดการปรับฐานคือจบขา5แล้ว(Secodary)
             ในข้อสองมีศัพท์คำว่า  Primary(กินเวลา1ปีขึ้นไป)    Secondaryกินเวลา3สัปดาห์ถึง3เดือน(คือช่วงการปรับฐานบางครั้งกินเวลา1/3หรือ2/3แต่บ่อยครั้งก็1/2ของเวลาในPrimaryและMinorกินเวลา3สัปดาห์(น่าจะแค่เป็นการย่อตัวของราคา)

-----จากเหตุการณของsetตอนนี้       setขึ้นรุนแรงจาก380มาถึงจุดสูงสุดครั้งนี้วิ่งแรงมาก   ถึงจะใช้เวลาไม่ถึงปีแต่ความรุนแรงของการขึ้นผมมองว่าเป็นPrimary    ส่วนต่อจากนี้จะเป็นsecondary(ปรับฐาน)หรือMinorต้องรอดูระยะเวลาของการปรับราคาลงมา   ถ้าน้อยกว่า3สัปดาห์ซึ่งเวลาน้อยขนาดนี้setคงลงไม่รุนแรง   คงเป็นแค่การย่อตัว(ถ้าย่อตัวก็อาจจะยังไม่จบwave5ครับ   เป็นแค่ปรับจาก3ย่อยมาขา4(abc)เพื่อขึ้น5ย่อยต่อไปครับ(ผมขอนำกราฟของคุณลุงโฉลกผู้ใจดีมาประกอบคำอธิบายครับ)
http://www.chaloke.com/spaw/images/091019_01.jpg
       แต่ถ้าลงมาแรงและกินเวลานานก็ต้องเป็นการปรับฐานครับ(Secondary)      ซึ่งแสดงว่าจบwave5ไปแล้ว(ปรับฐานabcเหมือนกัน)      setผมไม่รู้ว่าจึ้นจากจุดต่ำสุดประมาณเดือนไหน(น่าจะเป็นมีนาคมหรือเมษยน)     เพื่อความสะดวกผมให้เป็นเดือนเมษายนครับ    ถ้าจบคลื่น5ไปแล้ว     ก็กินเวลาจากจุดต่ำสุดมาสูงสุดก็6เดือน     ดังนั้นเวลาของช่วงการปรับฐานถ้า1/3(2เดือน)    ?(3เดือน)     2/3(6เดือน)
ทั้งหมดนี้   เดา  มั่ว    นึกไปเอง    ขอเชิญคุณngoodin  คุณTouneคุณseam888  ช่วยแนะนำด้วยครับ  ถ้ารักเพื่อนๆต้องทักท้วงในสิ่งที่ผมผิดนะ     ผมอ่านจากบทที่1ครับ    มีก็แค่เอาคลื่น12345ซึ่งไม่ได้อยู่ในบทที่1   มาประกอบเท่านั้นครับ
จะหาเวลาเขียนบทที่1ตอน2(1.2)       ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆอ่านของผมแล้วยิ่งงงกว่าเก่าก็ได้ครับ!_09
 
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #36 เมื่อ: ตุลาคม 27, 2009, 09:42:14 AM »

!10 !10  หุ้นจีนคือหุ้นฮั่งเส็งใช่ไหมครับ!!!! รบกวนผู้รู้ช่วยตอบหน่อยครับ.......แล้วดูกราฟที่ไหนครับ  !17 !17 !17


จะเล่นกองไหนค่ะ ของทหารไทย (CHEQ) หรือ กสิกร (เพิ่งเปิดขายครั้งแรก)

ทหารไทย  ดูกราฟกองทุนหลัก 2823HK
http://www.google.com/finance?q=HKG:2823
http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=2823%3AHK
http://finance.yahoo.com/q?s=2823.HK

ดูตลาดหุ้นหลัก ตลาดเซี่ยงไฮ้
http://www.google.com/finance?q=SHA:000001
http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=SHCOMP:IND
http://finance.yahoo.com/q?s=000001.SS

ดูตลาดที่ใช้ซื้อขายประกอบ ตลาดหั่งเส็ง
http://www.google.com/finance?q=INDEXHANGSENG:.HSI
http://finance.yahoo.com/q?s=^HSI&=

ถ้าเป็นกองทุนของกสิกร คงดูตลาดหลักเซี่ยงไฮ้ประกอบได้ แต่กองทุนหลัก และตลาดซื้อขาย(ไม่แน่ใจว่าเป็นตลาดไหน)ยังหากราฟไม่พบค่ะ

ตรงตามที่ถามหรือเปล่าคะ
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #37 เมื่อ: ตุลาคม 31, 2009, 11:08:49 AM »

Nicegold
แฟนพันธุ์แท้

 ออฟไลน์

กระทู้: 266



    Re: หุ้น+ข่าว+ทอง+บทความ+กองทุน
? ตอบ #8505 เมื่อ: ตุลาคม 30, 2009, 11:35:35 am ?   

--------------------------------------------------------------------------------
อ้างจาก: kaset123 ที่ ตุลาคม 30, 2009, 11:13:36 am
ผมว่าจะลองเข้าเล่นกองทุน k oil กับ K Gold ไม่ทราบว่า ถ้าเราซื้อกองทุนวันนี้ เราจะได้ราคามูลค่าหุ้นเท่าไหร่ครับ และดูราคาตลาดที่อ้างอิงจากไหนครับ ทั้งสองตัว (มือใหม่หัดเล่นครับ) รบกวนพี่ช่วยชี้แนะด้วยครับ


ขอตอบคุณkaset123 เพราะดิฉันก็มือใหม่ ยังรู้สึกว่าตั้งหลักกับการลงทุนไม่ได้ แต่นำเอาประสบการณ์มาแนะนำ อาจช่วยคุณได้บ้างนะค่ะ

K-OIL K-GOLD เป็นกองทุนซื้อ-ขายผ่านธนาคารกสิกรไทย ขั้นต่ำ 10000 บาท

1.K-OIL

1.1 http://www.kasikornasset.com/portal/site/KAsset/menuitem.f0d46c8c1cd8abc78b0de701658f3fa0/?vgnextoid=7d8eafd6ed3d2210VgnVCM1000007102a8c0RCRD&vgnextchannel=b518a761168fd010VgnVCM10000056f8f30aRCRD

1.2 อ้างอิงราคา West Texas Intermediate Crude Oil ในตลาดนิวยอร์คปิดประมาณตี 4
http://www.uprr.com/customers/surcharge/wti.shtml

ถ้าซื้อวันนี้จะใช้ค่า NAV ของวันนี้ ซึ่งต้องรอราคาคืนนี้ปิดก่อนค่ะ และจะแสดงค่า NAV วันอังคารที่ 3/11/52 เวลาประมาณ 11.00น.

1.3 การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันในแต่ละวัน
http://quotes.post1.org/historical-crude-oil-price-chart/
http://www.cx-portal.com/wti/oil_en.html

1.4 ซื้อ-ขายก่อนเวลา 15.30 น.


2. K-GOLD

2.1 http://www.kasikornasset.com/portal/site/KAsset/menuitem.f0d46c8c1cd8abc78b0de701658f3fa0/?vgnextoid=f3b667caeebfa110VgnVCM1000007102a8c0RCRD&vgnextchannel=b518a761168fd010VgnVCM10000056f8f30aRCRD

2.2 กองทุนนี้ซื้อขายในตลาดสิงค์โปร์ ใช้ราคาปิดประมาณเวลา 16.00 น.
เว็ปไซด์ที่ดูราคาได้ใกล้เคียง
http://www.sgx.com/wps/portal/marketplace/mp-en/home
ข้อมูลกองทุนนี้ค่ะ
http://www.spdrgoldshares.com/sites/sg/

ถ้าซื้อวันนี้จะใช้ค่า NAV ของวันนี้ ที่รอปิดเวลา 16.00 น. และจะแสดงค่า NAV วันจันทร์ที่ 2/11/52 เวลา 11.00 น.
 
2.3 เวลาซื้อก่อน 15.30 น. เวลาขายคืนก่อน 14.30 น.

ตารางวันหยุดของ K-OIL, K-GOLD ,ข้อมูลสับเปลี่ยนกองทุนของ KBANK
 



บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #38 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 10:20:55 AM »

 Smileyสวัสดีค่ะเจ๊มิจิ มาเอากราฟอู้ดค่ะ ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
nokeang
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 720



« ตอบ #39 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2009, 06:42:54 PM »

 Smiley  ขอบคุณค่ะพี่มิจิ ขยันจริงๆ ค่ะ  Wink
บันทึกการเข้า

ไม่มีน้ำหนักใด...หนักกว่ากรรม
ไม่มีหนทางใด...ยาวเท่าหนทางแห่งกรรม
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #40 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2009, 12:41:10 PM »

 Azn
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #41 เมื่อ: พฤศจิกายน 19, 2009, 11:18:42 AM »

$$$ นักรบกองทุน $$$...บำรุงรักษากองทัพให้เติบโตด้วยแนวคิด..อนัตตา{แตกประเด็นจาก I8561478}       


กระทู้นี้แตกประเด็นมาจาก I8561478

สวัสดีครับ... เหล่านักรบกองทุนทั้งมือเก่ามือใหม่ ทั้งที่ร่วมรบเคียงข้างกันและซุ่มอยู่ตามแนวตะเข็บชายแดน @^_^@

เดินทางมาเกินครึ่งหนึ่งของสัปดาห์แล้ว ...ข่าวสารทางเศรษฐกิจจากฝากฝั่งสหรัฐ มีผลกระทบมาถึงเอเชีย ล่าสุดรายงานการสร้างบ้านใหม่ลดลงสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนอีกตามเคย
...ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ น้องดาว..บวกขึ้นมาเกินกว่า 1 หมื่นจุดได้แล้วแท้ๆ
..เป็นส่วนหนึ่งที่ฉุดดึงดัชนีหลายๆตลาดให้ผันผวน...มีอาการผิดปรกติ

เมื่อปี 2540 ...คนที่รักในตำแหน่งหน้าที่ทุ่มเททำงานประหนึ่งว่าบริษัทเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต ยังต้องเก็บข้าวของกลับมานอนว่างงานที่บ้านหลายแสนอัตรา...ทรัพย์สินที่หาไว้ก็ร่อยหรอ สูญสิ้นความมั่นใจในวิชาชีพ หนี้สินสไตล์มนุษย์เงินเดือน(บัตรเครดิต/สินค้าเงินผ่อน)เข้ารุมซ้ำเติม

....เหลือเพียงสมบัติเก่าๆ ให้เปิดท้ายขายของ...

...หันกลับไปมองนายจ้าง ตำแหน่งสวยหรู เพื่อนร่วมงาน ลูกค้าเก่า ล้วนเป็นเพียงฉากละครในอดีต ...คนที่อยู่กับเราเสมอ..หาใช่ใครอื่น..ตัวเรานี่เอง
....ถัดไปก็คือ คนที่เรารัก และรักเรา นั่นคือ ครอบครัวของเรา


ย้อนกลับมามองการลงทุน... หากเรายึดมั่นถือมั่นในหุ้นบริษัทที่ลงุทน ตราสาร หน่วยลงทุนต่างๆ มากจนเกินไป คิดว่านั่นคือสิ่งที่จะตกทอดสืบเนื่องยาวนาน...สร้างผลตอบแทนไปจนแก่เฒ่า นั่นอาจเป็นเพียงภาพลวง
....อนัตตา หมายถึง ไม่มีตัวตน สภาพที่ไม่สามารถบังคับบัญชาได้
..บริษัทจะเพิ่มทุน จะลดทุน จะปิดหนี จะควบรวม คุณได้แต่มองเฉยๆ ...ดูบริษัท ITV นั่นเป็นไร....

...อย่ายึดติด..อย่าถือหน่วยลงทุนด้วยความหวังว่ามันจะยั่งยืนจนเกินไปนัก เพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นอนัตตา
...เป้าหมาย 3KpW เป็นแนวทางหนึ่งที่ผมนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นอนัตตา..เมื่อถึงเป้าหมายอันพอเพียง..จึง(ขาย)เพื่อนำผลที่ได้มาหล่อเลี้ยงตัวเราเองและคนที่เรารัก
....ไม่มีใครรู้อนาคตว่าตลาดจะ Bullish หรือ Bearish ...นักรบกองทุน..ลงทุนในสินทรัพย์อ้างอิงที่ไร้ตัวตน รับรู้และพึงพอใจในขอบเขตของเป้าหมาย มอบความสุขให้กับคนที่เรารักและรักเรา ไม่คิดถือครอง ไม่คิดควบคุมในสิ่งที่ควบคุมไม่ได้..เพราะทุกสิ่งล้วนอนัตตา 

จากคุณ : tuxpower   
เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 52 07:08:33

บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #42 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 09:06:23 PM »

vve
Newbie

 Offline

Posts: 34


    Re: กองทุน OIL and AUD
? Reply #1280 on: Today at 05:36:06 PM ? Quote 

--------------------------------------------------------------------------------
Quote from: MIJI on Today at 01:13:32 PM
Quote from: dang1976 on Today at 10:33:09 AM
Quote from: MIJI on Today at 09:33:24 AM
ขอบคุณคุณแดงนะคะ ที่ผ่านมาซื้อขายเคออยก็ดูแต่ ราคา

 Crude Oil
$78.04  ?0.57     0.74% 
21:13 PM EST - 2009.11.22 

ส่วน dbo http://www.bloomberg.com/apps/quote?ticker=DBO:US

ไม่รู้ว่าดูราคาปิดที่ไหน

สวัสดีค่ะคุณตองเอ ตอนนี้พี่ก็ชักสับสนแล้วค่ะ ไม่รู้ kf-oil จะอ้างราคาปิด dbo อยู่หรือเปล่า

---------------------------------------------------------------

เท่าที่แดงอ่านกระทู้ใน pantip มาก kf-oil ยังอ้างอิง dbo นะค่ะ

---------------------------------------------------------------

เท่ากับใช้ราคาเดียวกัน แต่เห็นเขาคุยกันว่า kf ใช้ราคาย้อนหลัง คือรู้ราคาก่อนใช่ไหมคะ แล้วเราจะทราบราคาปิดแต่ละวันได้ยังไงคะ เพราะตอนตีสี่คงมานั่งจ้องไม่ไหว

--------------------------------------------------------------

KF-OIL
ราคาปิด WTI>http://www.bloomberg.com/markets/commodities/energyprices.html
ราคาปิด DBO>http://finance.yahoo.com/q/hp?s=DBO

ราคาวันที่ 23 พย.ใช้ราคา DBO 27.51
Simulate Nav offer 10.89 bid 10.79

23 พย. realtime 17.17 WTI 78.53
Simulate DBO 27.97
Simulate NAV bid 10.98
ถ้าราคาปิด 78.53 ราคา Nav ไม่น่าต่ำกว่า 10.98

เรารู้ราคาที่ซื้อวันนี้ offer 10.89 และราคา realtime WTI 78.53 = 10.98 (ถ้าปิดที่ราคานี้)
เราจะได้ผลตอบแทน 0.82% หลังหักค่าธ/ม

นี่คือความหมายของคำว่า รู้ราคาก่อน (ซื้อและขาย)
ทำให้ KF-OIL จึงเสียค่าต๋ง 1% ซึ่งแพงกว่า K oil 0.3%

พี่มิจิติดใจตรงไหนถามได้ครับ
จะกระซิบข้างหูเลย..ยิ้ม

K.AAA คงได้คำตอบแล้ว
 
 
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
MIJI
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2900



« ตอบ #43 เมื่อ: ธันวาคม 24, 2009, 10:25:23 PM »

อ้างจาก: Cheewathep ที่ สิงหาคม 24, 2009, 06:37:36 pm
อ้างจาก: otter ที่ สิงหาคม 24, 2009, 06:22:41 pm
กองทุน K-Oil เป็น feeder fund ไปยัง DBO หรือ PowerShares DB Oil Fund (ETF) การที่ผลตอบแทนของ spot oil ที่เราเห็นกับตัว ETF แตกต่างกันนั้นจะต้องเข้าใจธรรมชาติของ DBO ซึ่งเข้าไปซื้อ future contract ของน้ำมัน ไม่เหมือนกับ Gold ETF ซึ่งไปลงทุนซื้อทองคำแท่งจริงๆ แล้วเก็บไว้ในเซฟ ทำให้ราคา Gold ETF ใกล้เคียงกับ gold spot price

ผลตอบแทนของ DBO ขึ้นกับ 1. การเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมัน spot price 2. ดอกเบี้ยที่ได้จากเงินส่วนที่ไม่ได้ลงทุนใน oil future contract 3. ROLL YIELD ซึ่งข้อ 3 นี้เป็นข้อที่เข้าใจค่อนข้างยาก ก่อนอื่นสัญญา oil future จะมีเทรดทุกเดือน (เหมือนกับ gold future ของไทยที่มีเทรดทุกเดือนคู่) ถ้าราคาของ oil future เดือนใกล้ถูกกว่าเดือนที่ไกลออกไป  เราเรียกว่า Contango แต่ถ้าราคาของ oil future เดือนใกล้แพงกว่าเดือนที่ไกลออกไป  เราจะเรียกว่า Backwardation

DBO จะถือ oil future ของเดือนที่ใกล้ แต่เนื่องจากกองทุน DBO ไม่อยากรับส่งมอบน้ำมัน เมื่อสัญญาใกล้จะหมดเดือน DBO จะต้องขายสัญญาเดือนที่ถืออยู่ออกไป (เดือนใกล้) แล้วเข้าไปซื้อสัญญาของเดือนถัดไป ซึ่งถ้าราคาเป็น Contango อยู่ เมื่อ DBO roll oil future contract กองทุน DBO ก็จะขาดทุน เนื่องจากขายเดือนถูก ไปซื้อเดือนที่แพงกว่า (เราเรียกว่า negative roll yield) ในทางตรงกันข้าม ถ้าราคา oil future เป็น Backwardation กองทุน DBO ก็จะขายสัญญาเดือนที่ถืออยู่ได้ที่ราคาสูงกว่า แล้วไปซื้อสัญญาของเดือนถัดไปที่ถูกกว่า กองทุน DBO ก็จะได้กำไร เนื่องจากขายเดือนแพง ไปซื้อเดือนที่ถูกกว่า (เรียกว่า positive roll yield)

ขณะนี้ oil future เป็น Super-Contango อยู่ คือสัญญาของเดือนที่ไกลออกไป แพงกว่าเดือนใกล้มาก ดังนั้นผลตอบแทนของ DBO ก็จะไม่เท่ากับราคาของ spot oil หรือ WTI ที่เราเห็นอยู่ทั่วไปครับ คือสามารถใช้อ้างอิง แต่ผลตอบแทนจะไม่เท่ากับการเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน spot แน่นอน


อ้างจาก: ngoodin ที่ สิงหาคม 24, 2009, 01:42:32 pm
อ้างจาก: ปุณณ์ ที่ สิงหาคม 24, 2009, 01:35:53 pm
อ้างจาก: Cheewathep ที่ สิงหาคม 24, 2009, 12:08:56 pm
อยากขอ ความรู้เรื่อง K-Oil ครับ
ผมงงครับว่า
วันที่ 19 สค ครับ NAV อยู่ที่ 9.9346 ครับ
แล้วคืนนั้น น้ำมันขึ้น บวกประมาณ 4% ได้
แล้ววันที่ 20 ผมสั่งขายครับค่า NAV กับเหลือแค่ 9.86xx
จากที่คิดว่าน่าจะกำไรได้ กลับกลายเป็นขาดทุนไปซะงั้น

ใครรู้หรือเล่น K-Oil อยู่รบกวนช่วยตอบด้วยน่ะครับ


ขอบคุณครับคุณปุณณ์  อืม ความเสี่ยงสูงแถมยังไม่เป็นไปตามตลาดอีก สงสัยต้องหันหลังให้ k-oil ซะแล้ว
 

 
ถ้า K OIL ประกาศ NAV วันที่ 19 สค. แสดงว่า คิดจากราคาน้ำมันปิดตลาดคืนวันที่ 19 WTI 72.42 +4.67%  DBO 26.56 +2.19% แล้วค่ะ
พอคุณสั่งขายวันที่ 20 คุณก็จะได้ราคาปิดตลาดคืนวันที่ 20 WTI 72.91  +0.30% ,  DBO 26.22 -1.28% แต่เราหา NAV วันที่ 20 ไม่พบ

ส่วนราคา 9.9237 เป็นราคาของคืนวันที่ 21  WTI 73.89  +1.34% ,  DBO 26.52 +1.13%

K จะประกาศโดยใช้วันที่ ย้อนหลังนะคะ  ระวังไว้ด้วย ไม่เหมือนกับ กองทุนน้ำมันของบริษัทอื่นค่ะ
อีกอย่างหนึ่ง คุณดูแต่ราคาน้ำมันอย่างเดียวไม่ได้
เพราะไม่ได้ลงทุนโดยตรงในตลาด แต่ลงทุนผ่านกองทุน ETF คุณลองดูที่เราขีดเส้นไว้ เห็นความแตกต่างไหมคะ

กองทุนน้ำมันที่เราซื้อ คิด NAV คนละแบบค่ะ


เห็นภาพเลยครับว่า ทำไม ทอง ถึงเล่นง่ายกว่า
เพราะกองทุนทอง ถือทองไว้ในมือได้ไม่ซีเรียส

แต่กองทุนน้ำมันถือน้ำมันไม่ได้  เพราะไม่มีที่เก็บนั่นเอง 5555
ต้องซื้อจาก Oil Future เพียงอย่างเดียว ไปซื้อแบบ Oil Spot ไม่ได้ (มั้ง)
ซึ่งก็ต้องเดาเอาลูกเดียวครับว่า ณ ตอนนั้น จะ Short หรือ Long ไว้มากน้อยกว่ากัน
บันทึกการเข้า

บทวิเคราะห์คือแนวทาง  การตัดสินใจคือตัวเราเอง
humanizee
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2



« ตอบ #44 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2010, 11:15:42 PM »

มาศึกษาที่นี่ ท่าทางได้รู้ศัพท์ที่คุย ๆ กันบ้าง อ่านกระทู้อื่น ๆ ไม่ค่อยจะเกจ ฝากตัวด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: