Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 33   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนกันเข้าครัว  (อ่าน 79092 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 19 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #240 เมื่อ: กันยายน 10, 2011, 03:26:24 PM »

วุ้นเส้นกรอบ



ส่วนประกอบ

วุ้นเส้น 1 ห่อเล็ก
น้ำตาลปี๊บ 1 ถ้วย
น้ำส้มมะขาม 1/2 ถ้วย
กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
ถั่วงคั่วบุบ 1 ช้อนโต๊ะ
หัวหอม
น้ำมัน
เกลือ

วิธีทำ
เริ่มจากทอดวุ้นเส้นในน้ำมันที่ร้อนได้ที่ ไฟปานกลาง เมื่อกรอบตักขึ้น พักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

v ทอดกุ้งแห้งพอเหลือง หัวหอมบุบพอแตก นำลงไปเจียว ไม่ต้องเหลืองมาก

vเตรียมน้ำหวาน สำหรับราดหน้าด้วยการเคี่ยวน้ำตาลปี๊บ น้ำส้มมะขาม และเกลือ เข้าด้วยกัน เติมน้ำนิดหน่อยจนข้นได้ที่ ใส่ถั่วงคั่วบุบกับกุ้งแห้ง และหัวหอมลงไป ยกลง

v จัดวุ้นเส้นกรอบใส่จานพร้อมเสิร์ฟ รับประทานกับผักกุยช่าย ถั่วงอก แครอท มะนาว หรือผักอื่นๆ ตามชอบ ราดน้ำหวานลงบนวุ้นเส้นกรอบ ลงมือรับประทานได้ทันที ก่อนที่วุ้นเส้นจะหายกรอบ เมนูนี้รับประทานเป็นอาหารว่างค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 10, 2011, 09:17:00 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #241 เมื่อ: กันยายน 13, 2011, 09:49:59 PM »

ลวกผักให้สีเขียวสดใส


จะรับประทานน้ำพริกให้อร่อยก็ต้องมีผักแกล้ม ทั้งผักสดผักต้ม ผักสดล้างให้สะอาดก็น่ารับประทานดีไม่มีปัญหา แต่ผักต้มนี่สิ บางคนต้มแล้วสีคล้ำๆ ไม่เขียวสดน่ารับประทาน เทคนิคง่ายๆ ก็คือ เวลาต้มให้ใส่เกลือลงในน้ำที่จะใช้ ตอนนำผักลงน้ำต้องเดือดจัด สังเกตดูพอผักสุก
เขียว ระวังอย่าให้นานเกินไป ให้รีบช้อนผักขึ้นใส่ในน้ำเย็น เพื่อให้ผักคลายความร้อนอย่างรวดเร็ว พอผักเย็นแล้วค่อยนำขึ้นจัดใส่จาน รับรอง
ได้ผักเขียวสวยสดประทับใจ


ลวกผักให้เขียวสวยน่ารับประทาน
ผักลวก รับประทานคู่กับน้ำพริกนานาชนิด อาหารอร่อยคู่สำรับคนไทยอย่างเราๆ แต่หลายๆ ครั้ง เมื่อลวกผักแล้วผักกลับดำคล้ำไม่น่ารับประทาน
เอาเสียเลย เทคนิกง่ายๆที่ทำให้ลวกผักประเภทผักใบให้เขียวสวยน่ารับประทานก็คือ ขั้นแรก ล้างผักให้สะอาด เลือกเอาส่วนที่เน่าเสียออก แยกผัก
ออกเป็นส่วนก้านและส่วนใบ ขั้นที่สอง ใช้น้ำให้น้อยดูว่าพอดีท่วมผักเมื่อใส่ลงไปในหม้อแล้ว (เพื่อสงวนคุณค่าทางโภชนาการ) ต้มน้ำให้เดือด ใส่เกลือและน้ำมันอย่างละประมาณ 1 ช้อนชา (เกลือทำให้ผักมีรสชาติ น้ำมันทำให้ผักมีสีเขียว) ขั้นที่สาม เร่งไฟแรง ใส่ผักลงไปต้ม โดยใส่ส่วนก้านก่อน แล้วค่อยตามด้วยใบ ถ้าต้องการต้มทั้งต้น ให้จุ่มก้านลงไปก่อนแล้วค่อยๆ วางส่วนใบลงต้มทั้งต้น ขั้นสุดท้าย เมื่อผักสุกใบเปลี่ยนเป็นสีเขียวสม่ำเสมอ ให้ตักผักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที เพื่อให้ผักคายความร้อน ไม่สุกต่อ ซึ่งจะทำให้ผักเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล หรือเขียวคล้ำ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถลวกผักให้สุกเขียวน่ารับประทานได้ไม่ยากเลย


ส่วนผักสีขาว เช่นกะหล่ำปลี และหัวไชเท้า ให้ใส่น้ำส้มสายชูลงในน้ำที่ต้ม ผักจะมีสีขาวสวย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 15, 2011, 08:11:16 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #242 เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 06:25:53 PM »

อาหารเจ

เห็ดหอมตุ๋น



ส่วนผสม

เห็ดหอมแช่น้ำค้างคืน   5           ดอก

ซีอิ๊วขาว                2          ช้อนโต๊ะ

น้ำแช่เห็ดหอม          1          ถ้วย


วิธีทำ

1. ใส่เครื่องปรุงทั้งหมดในหม้อตุ๋น

2. ตุ๋นประมาณ 1 ชั่วโมง ปิดไฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2011, 07:38:04 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #243 เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 06:28:37 PM »

ต้มยำเห็ดมะพร้าวอ่อนน้ำข้น



ส่วนประกอบ

1. เห็ดฟาง 500 กรัม
2. มะพร้าวอ่อน 1 ลูก
3. ตะไคร้ 5 ต้น
4. ข่า    1 แง่ง
5. ใบมะกรูด 1 ก้าน
6. มะนาว 3 ลูก
7.พริกขี้หนู 25 เม็ด
8.ผักชีฝรั่ง 1 มัด
9.นมสด 1 กระป๋อง
10.น้ำพริกเผา 1 ขีด
11.แครอท 1 หัว
12.มะเขือเทศ 2 ลูก


วิธีปรุง

- ปอกมะพร้าวแยกน้ำไปต้ม ใชช้อนตักเอาชิ้นขนาดพอประมาณ
- จากนั้นใส่เห็ดลงต้ม ใส่ข่า ตะไคร้ แครอทตามลงไป
- พอเดือดจึงใส่นมสด น้ำพริกเผา เกลือป่นเล้กน้อย ซีอิ้วขาว น้ำมะนาว พริกขี้หนู ให้ได้รสเปรียวเค็มเผ็ดก่อนปิดไฟ แล้วจึงใส่ผักชีฝรั่ง ตามลงไป เสร็จขั้นตอนการปรุง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2011, 07:27:40 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #244 เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 06:31:29 PM »

เกี๊ยวกรอบราดหน้า



แป้งเกี๊ยว                    10        แผ่น

เต้าหู้เหลืองหั่นบางทอด    1/4        ถ้วย

เห็ดหอมปรุงรส            3          ดอก

เห็ดฟาง                    10        ดอก

ผักกาดหอม                1          ต้น

แป้งสาลี                    1          ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย                3/4       ช้อนชา

ซีอิ๊วขาว                    2 1/2    ช้อนโต๊ะ

น้ำ                            1/2       ถ้วย

น้ำมันพืช                     1          ถ้วย


วิธีทำ

1. ล้างเห็ดฟาง เฉือนโคนที่สกปรกออก สับเห็ดฟาง 5 ดอกให้ละเอียด ที่เหลือผ่าครึ่ง ล้างผักกาดหอม หั่นเป็นท่อน

2. พับเห็ดหอม 1 ดอกให้ละเอียด หั่นเห็ดหอมที่เหลือเป็นเสี้ยว

3. ใส่น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เห็ดหอมและเห็ดฟางที่สับละเอียด ผัดให้สุก ใส่ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1/4 ช้อนชา ตักใส่ถ้วย เป็นไส้เกี๊ยว

4. ตักไส้ประมาณ 1/2 ช้อนชา ใส่กลางแผ่นเกี๊ยว พับมุมเพื่อห่อไส้เกี้ยว แตะน้ำเล็กน้อยเพื่อให้แผ่นเกี๊ยวติดกัน

5. ใส่น้ำมันที่เหลือลงในกระทะ (แบ่งไว้ 1 ช้อนโต๊ะ) นำเกี้ยวที่ห่อแล้วลงทอดพอเหลือง ตักขึ้น ใส่จานที่รองด้วยผักกาดหอม

6. ใส่น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะในกระทะ ใส่เต้าหู้เหลืองทอด เห็ดหอมและเห็ดฟางที่หั่นไว้ ผัดให้ทั่ว ใส่ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาล 1/2 ช้อนชา เติมน้ำ

7. ละลายแป้งสาลีกับน้ำใส่ คนให้ทั่ว พอเดือดยกลง ราดหน้าเกี๊ยวกรอบ เสิร์ฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2011, 07:30:57 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #245 เมื่อ: กันยายน 27, 2011, 06:37:04 PM »

แกงเขียวหวานฟัก



ฟัก น้ำหนัก 500 กรัม 1      ลูก

แป้งหมึ่กึง                                   1      ถ้วย

มะพร้าวขูด                              500      กรัม

พริกชึ้ฟ้าแดงหั่นตามยาว                   2       เม็ด

ใบมะกรูด                                  2        ใบ

โหระพาเด็ดเป็นใบ                       1/2    ถ้วย

ซีอิ๊วขาว                                  2       ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย                           1/2       ช้อนโต๊ะ

น้ำ                                     1/2        ถ้วย

เครื่องแกง

พริกขี้หนูสีเขียว     10         เม็ด

ตะใคร้หั่นฝอย      2          ต้น

ข่า                   3          แว่น

ผิวมะกรูดหั่นฝอย   1          ช้อน

เกลือป่น            1/2       ช้อนชา


โขลกเครื่องแกงทั้งหมดรวมกันให้ละเอียด

วิธีทำ

1. นวดแป้งหมี่กึงกับน้ำ พักไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง

2. ปอกเปลือกฟัก ล้างให้สะอาด ผ่าครึ่งเอาไว้ออก หั่นชิ้นพอคำ

3. คั้นมะพร้าว ให้ได้หัวกะทิ 1 ถ้วย กะทิ 2 ถ้วย

4. ใส่กะทิลงในหม้อ ตั้งไฟ ใส่เครื่องแกง

5. ปั้นหมี่กึงเป็นชิ้นพอคำ ใส่ในหม้อแกง ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำตาล ใส่ฟัก เคี่ยวให้เข้าเนื้อ

6. ใส่หัวกะทิ พริกชี้ฟ้า ใบมะกรูด ใบโหระพา ปิดไฟ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 27, 2011, 07:37:08 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #246 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2011, 08:10:59 PM »

ต้มกะหล่ำเจ


เครื่องปรุง
1. กะหล่ำปลี 4 หัว
2. เห็ดหอม 10 ดอก
3. ฟองเต้าหู้ทอด 1 ถ้วยตวง
4. ซิอิ๊วขาว 1/2 ถ้วยตวง
5. ซอสปรุงรส 2 ช้อนตวง
6. พริกไทยเม็ด 20 เม็ด
7. น้ำมันพืช
8. น้ำเปล่า

 



1. ผ่ากะหล่ำปลี ออกเป็นสี่ถึงหกซีก (ขึ้นอยู่ว่าหัวเล็กหรือใหญ่) นำไปล้างน้ำให้สะอาด และผึ่งให้แห้ง จากนั้นเทน้ำมันพืชใส่กะทะ รอจนน้ำมันร้อน ใส่กะหล่ำปลีลงทอดให้เหลือง และดูว่าผักนุ่มลง (เวลาทอดให้ใช้ไฟปานกลาง คอยกลับข้างกะหล่ำด้วย น้ำมันที่ใช้ต้องมากพอท่วมผัก ไม่เช่นนั้นผักจะไหม้) จากนั้นตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน (ต้องสะเด็ดน้ำมันนานๆ ไม่อย่างนั้นเวลาต้มออกมา จะมันมาก) ถึงตอนนี้กลิ่นกะหล่ำทอดก็หอมไปทั่วบ้านแล้วล่ะ



2. เรียงกะหล่ำใส่หม้อ โรยด้วยพริกไทยเม็ด บุบพอแตก ใส่น้ำเปล่าพอท่วมผัก ใส่ฟองเต้าหู้ทอด นำขึ้นตั้งไฟ
ส่วนเห็ดหอมแห้ง ให้นำไปแช่น้ำจนนุ่ม (ถ้าดอกแข็งมากให้ใช้น้ำอุ่น) จากนั้นนำมาหั่น
เป็นชิ้นพอคำ (อย่าลืมตัดแกนออก เพราะส่วนมากจะแข็ง เดี๋ยวจะทานไม่อร่อย) นำกะทะตั้งไฟ ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อย ใส่เห็ดหอมที่เตรียมไว้ลงผัด ใช้ไฟอ่อน ผัดจนเห็ดหอม มีกลิ่นหอม ปรุงรสด้วยซิอิ๊วขาวเล็กน้อย ตักขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน




3. ปรุงรสด้วย ซิอิ๊วขาว และซอสปรุงรส ตั้งไฟจน เดือนเข้ากันดี ชิมรสและปรุงรสเพิ่มตามความชอบ (ถ้าจะประหยัด ชิมแล้วรู้สึกว่าไม่เค็ม ปรุงรสเพิ่มด้วย เกลือ แต่ถ้าจะให้อร่อยเลิศแบบทุ่มทุนสร้างแนะนำว่าให้ปรุงรสด้วย ซิอิ๊วขาว ไม่ใช้เกลือค่ะ แบบว่าอร่อยมากๆ ขอบอก )





ThaifoodDB.
บันทึกการเข้า

finghting!!!
paul711
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 4406


Gold is value because it's value!


« ตอบ #247 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2011, 11:00:00 PM »

Cheesy ขอบคุณมากครับคุณหนูใจ สําหรับสูตรอาหารเด็ด
ถ้าผมมีเวลาก็อยากเป็นพ่อครัวบ้าง คงสนุกสนานดีเหมือนกัน
ได้ทานอาหารอร่อยๆด้วย
บันทึกการเข้า

ผมไม่ใช่กูรูเรื่องทอง ไม่เคยเขียนหรือพูดแม้แต่ครั้งเดียวว่าเก่งเรื่องทองอ่านที่ผมเขียน แล้วตัดสินใจเอง เกิดผิดพลาด ต้องรับผิดชอบเองอย่าโทษผู้อื่นว่าพลาดเพราะไปเชื่อคนอื่น ไม่มีใครบังคับให้ท่านเชื่อ ผมเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา----Paul711 
จุดหมาย 1) ทองแท่ง ให้ได้กําไร อย่างน้อย 10% ทุก 3 เดือน 2) Gold Future ให้ได้กําไรอย่างน้อย 5% ทุกเดือน 3) gold online ให้ได้กําไร อย่างน้อย 5% ทุกเดือน 
ชีวิตต้องมีหลักและจุดหมายที่ดีและแน่นอน ชีวิตที่ไม่มีหลักที่ดีเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวก็เปรียบเหมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ ใครชวนให้ทําดีก็ดีไป ใครชวนให้ทําเรื่องไม่ดี ก็จะพบกับความล้มเหลวและภัยพิบัติได้


http://ichpp.egat.co.th/

Gold2Gold.com
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #248 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2011, 08:00:06 PM »

Cheesy ขอบคุณมากครับคุณหนูใจ สําหรับสูตรอาหารเด็ด
ถ้าผมมีเวลาก็อยากเป็นพ่อครัวบ้าง คงสนุกสนานดีเหมือนกัน
ได้ทานอาหารอร่อยๆด้วย


สวัสดีค่ะคุณพี่พอล

            ว่างๆก็ลองทำดูน้ะค่ะ หาเมนู ง่ายๆๆ เครื่องปรุงน้อยๆ ถ้าเครื่องปรุงเยอะมันจะยุ่งยากส์ทำให้เราไม่อยากทำค่ะ ก็เพลินดีค่ะ ยังงี้ต้องหาคนชิมให้ได้ก่อนน้ะค่ะ  Grinขอแซวหน่อยน้ะค่ะ เทวดา

                                                                    Cheesy
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #249 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 10:01:52 PM »

 Cheesy
     สวัสดีค่ะ

                 หัยหน้าหัยตาไปนานนนนนนนนนนนนนนนต้องขออภัยด้วยค่ะ ขนของหนีน้ำอยู่ค่ะ  Cry

                                       ขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านน้ะค่ะ
                                                     Grin                     


                     
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #250 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 10:17:48 PM »

การถนอมอาหารโดยตากแห้ง


เป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดมากที่สุด ใช้ได้กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ โดยนำน้ำหรือความชื้นออกจากอาหารให้มากที่สุดเพื่อให้เอนไซม์ในอาหารไม่สามารถทำงานและบัตเตรีไม่สามารถที่เจริญเติบโตได้ในของแห้ง
สำหรับวิธีการตากแห้งอาจใช้ความร้อนหรือความร้อนจากแหล่งอื่น เช่น ตู้อบ เป็นต้นถ้าใช้แสงแดดควรมีฝาชีหรือตู้ที่เป็นมุ้งลวดป้องกันแมลงและฝุ่นละออง อาหารที่ผ่านวิธีการตากเเห้งแล้ว เช่น เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กล้วยตาก เป็นต้น
วิธีการถนอมอาหารโดยตากแห้ง


การดอง
เป็นการถนอมอาหารโดยใช้สารปรุงแต่งให้มีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน หรือมีรสผสมทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน อุปกรณ์ที่ใช้ดองควรเป็นพวกเครื่องแก้ว ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เช่น หม้อ อะลูมีเนียม เป็นต้น เพราะในขณะดองอาจมีกรดเกิดขึ้นซึ่งกรดพวกนี้จะทำปฏิกิริยากับโลหะทำให้เกิดสารพิษในอาหรสำหรับปรุงรสที่ใช้ ได้แก่ เกลือ น้ำตาล น้ำส้มบริสุทธิ์ ส่วนอาหารที่ใช้วิธีดอง เช่น มะม่วงดอง ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง เป็นต้น



การถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาล
การถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาลนิยมใช้กับพวกผลไม้ โดยทั่วไปแล้วผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว
จะนิยมใส่น้ำตาลมาก การใช้น้ำตาลเพื่อการถนอมอาหารมีหลายวิธี ดังนี้
1. การเชื่อม
ใช้ความเข้มข้นของน้ำตาลแตกต่างกันตามอัตราส่วน ดังนี้
1.น้ำเชื่อมใส ใช้น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 3 ถ้วย
2.น้ำเชื่อมปานกลาง ใช่น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 2 ถ้วย
3.น้ำเชื่อมเข้มข้น ใช้น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 1ถ้วยการเชื่อมนิยมใช้กับผลไม้บรรรจุกระป๋อง หรือขวด ที่เรียกว่า ลอยแก้ว เช่น เงาะกระป๋อง ลิ้นจี่กระป๋อง เป็นต้น

2. การทำแยม
เป็นการใส่น้ำตาลในเนื้อผลไม้ที่มีน้ำปนอยู่ส่วนมาก แล้วกวนให้เข้ากัน เช่น แยมส้ม แยมสับปะรด เป็นต้น


3.การแช่อิ่ม
เป็นการใส่น้ำตาลในปริมาณมาก โดยการแช่ในน้ำเชื่อม และเพิ่มความเข้มข้น ของน้ำเขื่อมจนถึงจุดอิ่มตัว แล้วนำมาทำแห้ง สมัยก่อนนิยมใช้วิธีการถนอมอาหารนี้กับผลไม้ ปัจจุบันนำผักหลายชนิดมาแช่อิ่ม แล้วจัดจำหน่ายจนเป็นที่นิยมในท้องตลาดเช่น ลูกตำลึง ก้านบอระเพ็ด ลูกมะกรูด เป็นต้น




การถนอมอาหารโดยการแช่แข็ง
การแช่เเข็งเป็นการถนอมอาหาร โดยการใช้อุณหภูมิต่ำ โดยการควบคุมจุลินทรีย์ และบัตเตรีไม่ให้สามารเจริญเติบโตได้ นิยมใช้กับอาหารสด อาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว และบรรจุภัณฑ์พร้อมจำหน่าย ซึ่งผู้บริโภคซื้อแล้วสามารถนำไปอุ่นก่อนรับประทาน ในปัจจุบันนิยมแพร่หลายถึงแม้ว่าจะมีราคาสูง เพราะช่วยประหยัดเวลาเเละเเรงงาน ในการประกอบอาหาร นอกจากนี้ อาหารแช่เเข็งจะสดและมีรสชาติดีกว่าอาหารกระป๋อง




การถนอมอาหารโดยใช้สารปรุงแต่งอาหาร
การใช้สารปรุงแต่งอาหารเป็นการถนอมอาหาร เพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงการทำงาน
ของเอนไซม์หรือปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เก็บรักษาอาหารได้นานขึ้งหรือตกแต่งอาหาร
สารปรุงแต่งที่นิยมใส่ในอาหาร มีดังนี้
๑) สารกันบูด ถ้าใช้เพียงเล็กน้อยจะไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าใช้มากแม้แต่เกลือ
ก็เป็นพิษต่อร่างกายไม่ควรใช้มากหรือบ่อยจนเกินไป ส่วนปริมาณที่ใช้อย่างปลอดภัย
ควรใช้สารกันบูด ๑ กรัมต่อน้ำหนักอาหาร ๑ กิโลกรัม
๒) สีผสมอาหาร ควรใช้สีจากธรรมชาติ หรือสารเคมีที่ได้รับอนุญาตให้ใส่ในอาหาร ขององค์การเภสัชกรรม
๓) สารเคมี ช่วยในการควบคุมความเป็นกรด ด่าง เกลือในอาหารควบคุมคุณสมบัติทางกายภาพของอาหาร ทำให้อาหารสด เช่น ทำให้ผลไม้สุกช้าหรือทำให้สุกเร็ว เช่น พวกแก๊สบ่มผลไม้ เป็นต้น ก่อนใช้ควรศึกษาและดูคำแนะนำในซอง หรือฉลากที่ปิดไว้ข้างภาชนะบรรจุ




การรมควัน
การรมควันเป็นการถนอมอาหารที่ต่างไปจากการ ตากแห้งธรรมดา นอกจากจะทำให้อาหารแห้งแล้ว ยังช่วยรักษาให้อาหารเก็บได้นาน มีกลิ่นหอมและรสชาติแปลกซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก การรมควันที่สามารถทำได้ในครอบครัวจะเป็นแบบธรรมชาติิโดยการสุมไฟด้วยไม้กาบมะพร้าว ขี้เลื่อย ซางข้าวโพด ให้แขวนอาหารไว้เหนือกองไฟใช้ไฟอ่อนๆเพื่อให้รมควันอาหาร
ไปพร้อมกับไอร้อนจะช่วยทำให้อาหารแห้งเร็ว เช่น รมควันปลา เป็นต้น
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #251 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 10:20:16 PM »

หมูแผ่น

เนื้อหมูติดมันเล็กน้อย 1 กก.
น้ำตาลทราย 150 กรัม
พริกไทยป่น 1 กรัม
ซีอิ้วขาวหรือน้ำปลาอย่างดี 130 กรัม
ผงพะโล้ 1 กรัม 

วิธีทำ:
1.เนื้อหมูหั่นบาง ๆ ชิ้นขนาด 4 นิ้วฟุต (แช่เนื้อหมูในช่องแช่แข็ง พอแข็งตัวจะหั่นได้ง่ายขึ้น)

2.คลุกหมูด้วยพริกไทย ผงพะโล้ น้ำตาลทรายและน้ำปลาหรือซีอิ้ว หมักไว้ 30 นาที

3.นำหมูไปตากบนตะแกรง หรืออบในตู้อบอุณหภูมิ 50-60 องศาเซลเซียส จนแห้งพอควร
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #252 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 10:22:07 PM »


แฮมสุก (cooked ham)

ส่วนผสม:

เนื้อสะโพกหมู 3 กก.
น้ำเกลือร้อยละ 8 ประกอบด้วย
-น้ำ 1 ลิตร
-เกลือไนไตรท์ 80 กรัม (99.4 % NaCl +0.6 % NaNO2)
-น้ำตาลทราย 4 กรัม
-ผงรีกัลเบส 4 กรัม

***ทั้งนี้ให้เตรียมประมาณ 3 ลิตร***

วิธีทำ:

1.เลาะเอาไขมันและพังผืดออกจากเนื้อหมูให้หมด ไม่เช่นนั้น น้ำเกลือจะซึมเข้าไปในเนื้อได้ยาก

2. ฉีดน้ำเกลือเข้าเนื้อสะโพก โดยใช้เครื่องฉีด จนให้เนื้อสะโพกมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 ของน้ำหนักเดิม ก่อนจะฉีดน้ำเกลือเข้าไป

3. นำเนื้อใส่ถุงพลาสติก เทน้ำเกลือที่เหลือใส่ลงไป แล้วมัดปากถุงให้สนิท

4. เก็บไว้ในตู้เย็น อุณหภูมิประมาณ 10 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 3-5 วัน

5. เมื่อครบเวลาก็นำเนื้อออกมาจากตู้เย็น ล้างคราบน้ำเกลือที่บริเวณผิว แล้วนำไปอัดในบล็อกแฮมแล้วต้มในน้ำเดือด 1 ชั่วโมง/เนื้อหมู 1 ก.ก.

6. ทิ้งไว้ให้เย็น

7. แกะใส่ถุง ปิดปากถุงให้สนิท เก็บไว้ในตู้เย็น 2 วัน

8. นำเนื้อมาสไลด์เป็นแผ่นบาง ๆ ตามต้องการ โดยใช้เครื่องหั่นเนื้อ (meat slicer)

9. บรรจุในถุงพลาสติกโดยใช้เครื่องบรรจุสุญญากาศ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #253 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 10:23:03 PM »

หมักปลา
(เก็บไว้ได้ประมาณ 2 ปี)

ส่วนผสม: (สำหรับปลา 1 ก.ก)

- ปลา (เฉพาะเนื้อหรือทั้งตัว) จะใช้นาดต่าง ๆ กันก็ได้ (ขนาดเดียวกัน - ชนิดเดียวกัน - ไว้ในขวดเดียวกัน) 1 ก.ก / 1 ขวด
- เกลือป่น 2 ถ้วย
- เกลือหยาบ (เม็ดไม่ใหญ่มาก) 1 - 1 1/2 ก.ก
- ใบ bay leaf 3-4 ใบ (ซื้อหาได้ตามร้านขายเครื่องเทศ หาไม่ยากค่ะ)
- พริกไืทยดำ (เม็ด) 1 ช้อนชา

วิธีทำ:

- ล้างปลาให้สะอาด ควักไส้ออกให้หมด
- นำเกลือป่น มาโรยให้ทั่วตัวปลา และใส่เกลือเข้าไปข้างในท้องปลาด้วย นวดให้ทั่ว
- นำปลาที่นวดเกลือแล้ว มาจัดเรียงไว้บนถาด ที่มีเกลือหยาบโรยอยู่ก่อนแล้ว (ให้เรียง โดยวางเป็นแถว ทีละตัว)
- เรียงปลาทับกันเป็นชั้น ๆ แต่ละชั้นให้โรยเกลือป่นด้วยก่อนเสมอ
- ปิดหุ้มถาดด้วยพลาสติก หรือถ้าใช้กล่ิองใส่อาหารก็ให้ปิดฝากล่อง
- นำไปเก็บไว้ในตู้เย็น ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
- นำปลาออกมาจากตู้เย็น โดยวางเรียง ๆ ซับไว้บนกระดาษทิชชู (paper towel) ให้แห้ง (กระดาษทิชชู แผ่นใหญ่ หยาบ มีขายตาม Supermaket)
- โรยเกลือลงไปในภาชนะที่จะใช้บรรจุพอประมาณ หลังจากนั้นให้นำปลาลงไปเรียงใส่ในภาชนะ ตามด้วย เกลือหยาบพอประมาณ และ ใบ bay leaf ระหว่างนี้ก็ให้โรยพริกไทยดำลงไปด้วย พอประมาณ เช่นกัน
- ทำสลับกันแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะเต็มขวด (อย่าลืมว่าชั้นบนและชั้นล่างสุด ต้องเป็นเกลือหยาบโรยเคลือบไว้อยู่เสมอ)
- เก็บไว้ในที่มืด และ เย็นมาก ๆ (ุ6-8 องศา) ได้ประมาณ 2 ปี


****ก่อนนำมารับประทานให้นำมาแช่ในน้ำก่อน ประมาณ 1-2 ชั่วโมง
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #254 เมื่อ: ตุลาคม 24, 2011, 10:24:37 PM »

การทำกิมจิ

ส่วนผสม:

---ผักกาดขาว หรือ กระหล่ำปลี 1 หัว
---แครอท 1-2 หัว
---เกลือป่น (ไม่มีไอโอไดน์) 1 ช้อนโต๊ะ และ 1 1/2 ช้อนชา
---พริกแห้งป่น (อย่างหยาบ) 1-2 ช้อนชา
---ต้นหอม (หั่นยาว 1" ) 3-4 ต้น
---กระืเทียม(กลีบใหญ่) ซอยละเอียด 8 กลีบ
---น้ำตาล 1-2 ช้อนชา
---ขิงซอย 1 ช้อนชา

วิธีทำ:

1. หั่นผักขนาดตามต้องการ หรือขนาด 1-2"
2. ใส่ผักที่หั่นเตรียมไว้ลงหม้อ หรืออ่าง และนวดผักด้วยเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ (แบบขยำๆ)
3. ปล่อยทิ้งไว้ ประมาณ 3 ชั่วโมง มั่นคนกลับไปมา
4. เสร็จแล้วรินน้ำ แล้วล้างออก ซัก 2 น้ำ
5. เมื่อล้างเสร็จแล้วให้ใส่เกลือลงไป 1 1/2 ช้อนชาที่เหลือ และส่วนผสมอื่น ๆ ที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากันจนทั่ว
6. หลังจากนั้น นำไปใส่ใน ไห ตุ่ม หรือขวด ที่มีฝาปิด เทน้ำลงไปให้ท่วมผัก ขึ้นมาประมาณ 1"
7. ปิดฝาหลวม ๆ และหาที่เก็บไว้ในห้องอุณหภูมิปกติ ประมาณ 6-8 วัน
8. เมื่อผักเปรี้ยวและเค็มได้รสชาดตามที่ต้องการแล้ว ให้ปิดฝาให้สนิท และเก็บไว้ในที่เย็น
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 15 16 [17] 18 19 ... 33   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: