Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 33   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนกันเข้าครัว  (อ่าน 79271 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 26 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #135 เมื่อ: กรกฎาคม 20, 2010, 09:45:29 PM »

 Undecided

กระเทียมดองผัดไข่

นั่นมั่กๆๆจัมมั่ยลั้ย สับกระเทียมดองหรือซอย ทั้งทอด ทั้งผัด ขอป่ายนอนคิดที่ปายก่องน้ะ Tongue
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #136 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2010, 10:54:04 AM »

ไข่เจียวต้มยำ



ส่วนผสม

* ไข่ไก่ 2 ฟอง
* น้ำมะนาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
* ตะไคร้ซอยแว่นบาง 1 ต้น
* พริกขี้หนูซอยหรือสับหยาบๆ 3 - 5 เม็ด
* น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำพริกเผา (ไม่เอาน้ำมัน) 1 ช้อนชา
* ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ใบ
* กุ้งสดสับหยาบ 2 ช้อนโต๊ะ (ไม่ใส่ก็ได้)



วิธีทำ

1. ตอกไข่ใส่ชามปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และเครื่องปรุงทั้งหมด ตีให้ขึ้นฟู
2. ทอดไข่ในกระทะน้ำมันร้อนจนสุกเหลือง
3. ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสิร์ฟกับข้าวสวยร้อนๆ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #137 เมื่อ: กรกฎาคม 27, 2010, 10:14:45 PM »

วิธีทำ
1. ตัดรากต้นหอมและตัดก้านผักชี นำไปล้างน้ำให้สะอาด  จากนั้น นำต้นหอมมาซอยให้ละเอียดและเด็ดผักชีเป็นใบๆ

2. ตอกไข่ใส่ชาม ตีให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าและเครื่องปรุงต่างๆ คือ ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส น้ำมันหอย และน้ำตาลทรายลงไป

3. คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน เทใส่ถ้วยสำหรับนึ่งโดยกรองผ่านกระชอนเพื่อกรองเยื่อไข่และฟองออก

4. ใส่หมูสับลงไปคนให้ทั่ว โรยหน้าด้วยต้นหอมซอยและใบผักชี ปิดปากถ้วยด้วยพลาสติกกันความร้อน เพื่อไม่ให้ไอน้ำลงไปในไข่ เนื้อไข่ตุ๋นจะได้เนียนนุ่ม จากนั้น นำถ้วยไปนึ่งในหม้อนึ่งในขณะที่น้ำเดือด นึ่งไปประมาณ 20-25 นาทีหรือจนไข่สุก

5. ยกลงจากเตา จากนั้นก็ยกเสิร์ฟตอนร้อนๆ ได้เลยค่ะ







บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #138 เมื่อ: กรกฎาคม 28, 2010, 09:58:39 AM »



เค้กสตอเบอรี่

ส่วนผสม


แป้งเค้ก 90กรัม ไข่ไก่3ฟอง น้ำตาล90กรัม เนยสดจืด 40กรัม
วิปครีม 400 cc น้ำตาล5ช้อนโต๊ะค่ะ
ส่วนผสม น้ำซอส น้ำ200ซีซี น้ำตาล90กรัม บรั่นดี 3ช้อนโต๊ะค่ะ ก็ผสม รวมกันค่ะ
สตอเบอรี่, ผงฟู, เนย
วิธีทำ

ใส่น้ำร้อน เอาไข่ไก่+น้ำตาล ตีให้เป็นสีครีมๆ เสร็จแล้วก็ใส่เค้ก+ผงฟู ที่ร่อนแล้ว1ครั้ง แล้วตะล่อมให้เข้ากันเบาๆค่ะ
แล้วใส่เนยละลายที่อุ่นๆค่ะ ค่อยๆเทลงไปแล้วคนให้เข้ากันเบาๆ มือค่ะจนส่วนผสมเข้ากันดี
เทใส่พิมนำเข้าเตาอบ เปิดไฟ ประมาณ180องศาค่ะ พอสุกตัดครึ่ง พักไว้
ตีวิปครีม ใส่น้ำตาล กลิ่นวนิลา ตีค่ะ ใส่ เนยลงไปซัก40กรัม แล้วตีให้แข็งตัว แต่ไม่ต้องแข็งตัวมากนะคะ เดี๋ยวปาดหน้าเค้กไม่สวยค่ะ
จากนั้นก็ใส่สตอเบอรี่ บนเค้กก่อนจะใส่วิปครีม เสร็จแล้วเราก็ใส่วิปครีมลงไป แล้วเอาสตอเบอรี่มาหั่น วางเรียงๆกันค่ะ
จะแต่งหน้าเค้กกันแบบไหนก็ได้ค่ะ สตอเบอรี่ก็วางบนเค้กจักเรียงให้สวยงามก็ใช้ได้ได้แล้วค่ะ
อย่าใส่วิปครีมจนหมดนะคะ เหลือเอาไว้มาปั่น ให้แข็งอีกรอบค่ะ เพราะเราจะเอามาใส่หลอด ที่ทำเค้กเป็นหัวแหลมๆไว้แต่งหน้าด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #139 เมื่อ: กรกฎาคม 30, 2010, 09:43:45 AM »

ขนมเบื้องญวน






เครื่องปรุงแป้ง

แป้งข้าวเจ้า 2ถ้วย
ถั่วเขียวคั่วป่น 1/4 ถ้วย
เกลือป่น 1/2ช้อนชา
กะทิ 1 ถ้วย
ไข่ 1 ฟอง
ขมิ้นผง 1 ช้อนชา
น้ำปูนใส 2 1/2 ถ้วย

วิธีทำแป้ง

ผสมแป้งข้าวเจ้า ถั่วเขียวคั่วป่น เกลือป่น ไข่ให้เข้ากัน ค่อยๆใส่กะทิทีละน้อย นวดให้เข้ากันจนหมดกะทิจึงใส่น้ำปูนใสลงจนหมด เมื่อแป้งละลายดีแล้วใส่ขมิ้นผง คนให้เข้ากัน

เครื่องปรุงใส้

กุ้งสดสับละเอี่ยด 1 ถ้วย
มะพร้าวขูดขาว 1 ถ้วย
หัวไชโป๊เค็มล้างสับละเอี่ยด 1/2 ถ้วย
เต้าหู้แข็งหั่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ 1 แผ่น
ถั่วงคั่วป่นละเอี่ยด 1/2 ถ้วย
ถั่วงอกลวกน้ำพอสุก 1 ถ้วย
รากผักชี พริกไทย กระเทียมโขลกละเอี่ยด 2 ช้อนชา
ผักชีหันฝอย 1 ต้น
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1ช้อนชา
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1 ผสมมะพร้าวขูดขาว กุ้งที่สับจนเข้ากันดี
2 ใส่น้ำมันในกระทะ ผัดเครื่องที่โขลกให้หอม ใส่กุ้ง(ข้อ1) ผัดต่อไปจนกุ้งสุก ปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ ชิมรส เมือ่รสดีแล้วตักขึ้นใส่ชามพักไว้

วิธีละเลงแป้ง

ตั้งกระทะแบนบนไฟอ่อน ทาน้ำมันให้ทั่ว พอกระทะร้อนตักแป้งใส่กระทะ เกลี่ยแป้งโดยเร็วให้ทั่วกระทะ อย่าให้แป้งหนา คอยตักน้ำมันหยอดข้างกระทะให้รอบจนแป้งกรอบดี ใส่ถั่วงอก หน้ากุ้ง เต้าหู้ หัวไชโป๊เค็ม ถั่วงป่น ผักชี พับครึ่ง ตักใส่จาน รับประทานกะบอาจาด
 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #140 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2010, 09:49:31 AM »

"ปอเปี๊ยะกุ้งทอด"

ส่วนผสม

กุ้งสด 2 ขีด
รากผักชี พริกไทย เกลือ
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสหอยนางรม 2 ช้อนโต๊ะ
ไขไก่ 1 ฟอง (สำหรับทาปอเปี๊ยะ)
แผ่นแป้งปอเปี๊ยะ 5 แผ่น
น้ำมันพืชสำหรับทอด

เมื่อได้ส่วนผสมกันแล้วก็มาถึงขึ้นตอนการลงมือทำ เริ่มจากนำกุ้งมาล้างทำความสะอาด แล้วผ่าหลังกุ้งเอาขี้กุ้งออก และพักกุ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำ หันมานำเอารากผักชี พริกไทย และเกลือมาโขลกรวมกัน แล้วนำกุ้งที่พักไว้แล้วมาผัดกับเครื่องที่โขลกไว้ แล้วปรุงรสด้วยซีอิ้วขาว และซอสหอยนางรม เป็นอันว่าได้ไส้กุ้งที่ต้องการแล้วก็พักทิ้งไว้ให้เ ย็นสักนิดก่อนที่จะนำมา ห่อ (เพราะถ้าห่อตอนร้อนๆ ปอเปี๊ยะจะแตกได้)


สำหรับการห่อ ให้นำไข่ไก่มาตี เพื่อทาปิดแป้งปอเปี๊ยะ ส่วนการห่อก็ให้นำแผ่นแป้งปอเปี๊ยะมากางออก แล้วนำไส้กุ้งใส่ลงไปตรงกลาง จากนั้นก็พับแผ่นแป้งด้านข้างทั้งสองข้างเข้าหากัน แล้วม้วนให้เป็นแท่ง ทาปิดด้วยไข่ที่เตรียมไว้ เพียงเท่านี้ก็ได้ปอเปี๊ยะกุ้ง นำไปทอดในน้ำมันร้อนๆ ที่ตั้งไฟปานกลาง ทอดจนให้เหลืองกรอบก็เป็นอันว่าเสร็จได้ "ปอเปี๊ยะกุ้งทอด" จิ้มกินกับน้ำจิ้มบ๊วย หรือน้ำจิ้มไก่ก็ได้แล้วแต่ใจชอบ
 sleepy

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #141 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2010, 03:20:48 PM »




ปลาหนึ่งตัว หนัก 400-500 กรัม

 (ปลากระพง, ปลาทับทิม, อื่นๆ หรือเนื้อปลาก็ได้)

* น้ำมันหอย 2 ช้อนชา

* น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

* น้ำตาล 1 ช้อนชา

* น้ำมันพืช

วิธีทำ

1. ทำความสะอาดและบั้งตัวปลาจนถึงกระดูก (บั้งทั้งสองข้าง) เพื่อช่วยให้เนื้อปลาสุกเร็วและสุกทั่วทั้งตัว

2. ใส่น้ำมันประมาณครึ่งถ้วยตวงหรืออย่างน้อยให้พอท่วมตัวปลา ตั้งกระทะบนไฟอ่อนๆ เมื่อน้ำมันร้อนจึงนำปลาลงไปทอด ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีสำหรับข้างแรก (เคล็ดลับ : อย่าพยายามกลับปลาไปมาจนกว่าเนื้อปลาจะสุกข้างใดข้างหนึ่งเสียก่อน จึงจะกลับตัวปลาได้ ไม่เช่นนั้นเนื้อปลาจะแตกหรือหลุด ไม่น่ารับประทาน)

3. เมื่อทอดเนื้อปลาข้างนึงสุกแล้วจึงกลับตัวปลาเพื่อทอดอีกข้าง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 5 นาที เมื่อปลาสุกทั่วดีแล้ว นำออกมาสะเด็ดน้ำมันและจัดใส่จานเสริฟเตรียมไว้

4. วิธีทำน้ำราด : นำน้ำมันที่เหลือจากการทอดปลาหนึ่งช้อนโต๊ะไปใส่ในกระทะ และนำไปตั้งบนไฟร้อนปานกลาง รอจนน้ำมันร้อนจึงใส่น้ำตาล, น้ำปลา และซ๊อสหอยนางรม คนจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดีจึงปิดไฟ

5. จัดผักสดกับปลาที่ทอดไว้แล้ว จากนั้นจึงนำน้ำราดที่ทำในขั้นตอนที่สี่มาราดลงบนตัวปลา แล้วจึงเสริฟทันทีพร้อมข้าวสวยร้อนๆ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #142 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2010, 03:32:35 PM »




ผัดเผ็ดทะเล

ผัดเผ็ดทะเลเครื่องแกง (กรณีอยากออกแรงโขลกเองหรือให้หวานใจช่วยโขลก อิอิ)ต้องหาคนรักจิง จิงน้ะต่ะเอง อิอิ เทวดาอย่าลืมเอาพริกเข้าตาด้วย ใจหวานจะได้เห็นจัยงั้ยต่ะเอง อิอิ Tongue

-กระเทียม 4 กลีบใหญ่
-หอมแดง 1-2 หัว
-ตะไคร้ 2 ต้น หั่นฝอย ถ้าหายาก ใส่ต้นเดียวก็พอ อิอิ
-ขมิ้น (ถ้าสดใช้แง่งขนาด 1 ข้อนิ้ว ถ้าผง ½ ช้อนชา)
-ข่า (หั่นแว่นหนาประมาณเหรียญบาท 4-5 แว่น)
-พริกไทยดำเม็ดหนึ่งขยุ้มเล็กๆ
-พริกแห้งเม็ดเล็ก 20 เม็ดใหญ่ 5 (ถ้ากลัวเผ็ดให้ลดจำนวนพริกเม็ดเล็กลง )
-เกลือครึ่งช้อนชา
-กะปิ 1 ช้อนชา
โขลกเครื่องแกงให้แหลก เมื่อเครื่องแกงเหนียวเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ใส่กะปิลงไป ตำให้เข้ากันดีแล้วตักขึ้นใส่กล่องเล็กๆ ตักแบ่งออกมาประมาณ 1 ช้อนโต๊ะกว่าๆ


เครื่องปรุง

เนื้อปลากะพง และกุ้งสดแกะเปลือก
ใบมะกรูดฉีกเอาเส้นกลางใบออก 5-6 ใบ
ใบโหระพา ตามชอบ
พริกแดงหั่นตามยาว (ไม่มีไม่ต้องใส่)
นมสดประมาณ 2-3 ช้อนโต๊ะ
เครื่องแกง ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

 ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ ใช้ไฟแรง พอน้ำมันเริ่มร้อน เอาเครื่องแกงลงไปผัดให้หอม ตอนนี้จะได้ยินเสียงจามจากคนในบ้าน รวมถึงเพื่อนบ้าน อิอิ
แล้วใส่เนื้อปลากับกุ้งลงไป ตอนคนระวังเนื้อปลาอาจเละ ให้ใช้วิธีกระดกกระทะให้เนื้อปลาเข้ากับเครื่องแกง ขั้นตอนนี้ มือใหม่อาจเหลือของอยู่ในกระทะแค่ครึ่งเดียว อีกครึ่งนึงอาจอยู่บนพื้นครัว อิอิ แล้วใส่นมสดลงไป น้ำเล็กน้อย แล้วชิม หากไม่เค็ม เติมเกลือ เมื่อแน่ใจว่า ปลากับกุ้งสุกดีแล้ว ใส่ใบมะกรูดฉีก กับใบโหระพาลงไป ตักเสิร์ฟ
เสร็จแล้วค่ะ ง่ายดีไหมคะ


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #143 เมื่อ: ตุลาคม 29, 2010, 08:41:14 PM »


  
ข้าวอบบีทรูทแกะย่าง





เครื่องปรุงข้าวอบ

-น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วยตวง
-กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-มะกอกเขียวไร้เม็ดหั่นแว่น 1/4 ถ้วยตวง
-ข้าวสารหอมมะลิ 1 ถ้วยตวง
-ถั่วไพน์ 1/2 ถ้วยตวง
-บีทรูทสดซอยเป็นเส้น 1 ถ้วยตวง
-เกลือป่น พอประมาณ
-พริกไทย พอประมาณ
-น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง


วิธีทำ

1.นำกระทะตั้งไฟใส่น้ำมันมะกอกลงไปพอร้อน ใส่กระเทียมสับ มะกอกเขียวหั่นแว่น และบีทรูทสดซอยเป็นเส้น ผัดพอหอม
2.ใส่ข้าวสารหอมมะลิ และถั่วไพน์ ผัดให้ข้าวสารเป็นตากบ
3.ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย น้ำเปล่า ผัดให้เข้ากัน
4.เทส่วนผสมใส่หม้อหุงข้าว กดหุงเร่งด่วนจนกระทั่งข้าวสุก
5.ข้าวอบบีทรูทใช้เสิร์ฟกับแกะย่าง


เครื่องปรุงแกะย่าง

-มัสตาร์ด 1 ช้อนโต๊ะ
-กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-ซอสตรากระต่าย 1 ช้อนโต๊ะ
-เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
-พริกไทยดำบดสด 1/2 ช้อนชา
-ไวน์แดง 1 ช้อนโต๊ะ
-โรสแมรี่สดสับ 1 ช้อนโต๊ะ
-น้ำมันมะกอก 1/4 ถ้วยตวง
-ซี่โครงแกะหั่นเป็นชิ้น 200 กรัม
-มะกอกเขียว 5 ลูก
-ใบสะระแหน่ สำหรับแต่งหน้า


วิธีทำ

1.ในชามผสม ใส่มัสตาร์ด กระเทียมสับ ซอสตรากระต่าย เกลือป่น พริกไทยดำบดสด ไวน์แดง โรสแมรี่สดสับ ผสมให้เข้ากัน
2.เทน้ำมันมะกอกลงไปในส่วนผสมน้ำหมักคนพอเข้ากัน
3. ใส่ซี่โครงแกะลงไปหมักประมาณ 30 นาที หรือค้างคืนก็ได้
4.เปิดกระทะย่างให้ร้อน นำซี่โครงแกะที่หมักไว้ลงไปย่างให้ผิวนอกเหลืองแต่ข้ างในยังแดงอยู่ ตักออกพักไว้
5.ในจานเสิร์ฟนำข้าวอบบีทรูทใส่ในจาน แล้วนำซี่โครงแกะเป็นชิ้นวางไปบนข้าวอบโรยหน้าด้วยมะ กอกเขียวหั่นแว่น และใบ สะระแหน่ เสิร์ฟทันที


ความรู้คู่ครัว

-เวลาหมักเนื้อสัตว์ทำไมต้องใส่ไวน์ด้วย ?
เพื่อทำให้เนื้อนุ่ม ลดความคาวของเนื้อสัตว์



หมึกแดง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 29, 2010, 08:48:12 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #144 เมื่อ: พฤศจิกายน 11, 2010, 11:12:31 AM »

 Smiley
ความรักของคุณ เหมือนอาหารจานไหน




 


 ความรักเหมือนส้มตำ : ของบ้าน ๆ ที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันและคิดว่ามันไม่น่ากิน แต่พอเอามารวมกันดันโดนซะได้ก็เหมือนคนบางคนที่ไม่น่ าจะเข้ากันได้ แต่ผ่านไปเป็นสิบ ๆ ปีก็ยังรักกันดีอยู่เลย ต่างกับบางคู่ที่ใคร ๆ คิดว่าก็น่าจะไปกันได้สวย แต่ไม่กี่เดือนก็ดันเตียงหักซะแล้ว




ความรักเหมือนปลาย่าง : มีโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย แต่ถ้ากินแบบไม่ระวังเราอาจถูกก้างปลาตำคอเอาได้ นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เวลามีความรักต้องใส่ใจทุกรายละเอียด ศึกษานิสัยใจคอของคนรักให้ดีเสียก่อน อย่าดูกันแต่ภายนอก เพราะก้างของปลานั้นซ่อนอยู่ภายใน เหมือนกับนิสัยห่วย ๆ ของคนรัก นั่นหล่ะที่มองแค่ภายนอกจะไม่มีทางรู้เลย




ความรักเหมือนวาซาบิ : เวลาพิษรักวิ่งขึ้นจมูก เรานึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว แต่ถ้าทนซักพักความทรมานก็จะหายไปเอง สาว ๆ รักร้าวทั้งหลายจำไว้นะจ๊ะ




ความรักเหมือนต้มยำกุ้ง : ต่อ ให้อร่อยแค่ไหน แต่ถ้าทิ้งไว้จนจืดชืดก็ไม่มีใครอยากกิน ก็เหมือนคู่ที่รักกันนานจัด แต่ไม่ยอมแต่งงานเสียที รักมาราธอนแบบนี้ส่วนใหญ่มักจะไปไม่รอด เพราะอะ ๆ ที่เคยซี๊ดซ๊าดแซบอีหลี มันกร่อยไปหมดแล้ว




ความรักเหมือนข้าวหลาม : ถ้าไม่ผ่ากระบอกออกก็จะไม่มีทางรู้ว่าข้างในเป็นอะไร เปรียบได้กับเจ้าสาวที่กลัวฝนทั้งหลายที่กลัวความรัก กลัวการแต่งงานจนปิดโอกาสตัวเอง ไม่ยอมทดลองดูว่ารสชาติของการมีคนรักมันหวานมันขนาดไ หน



ความรักเหมือนไอศกรีม : ทั้งสวยทั้งหอมดูไม่มีพิษภัย แต่ถ้ากินมากเกินไปความสวีตเกินพิกัดอาจพาไปจบที่โรค เบาหวาน เป็นการเตือนนักรักทั้งหลายให้เสพรักอย่างพอเพียง รู้จักทิ้งระยะมีช่องว่างให้กันบ้าง ไม่อย่างนั้นจะเบื่อกันเร็วเกินไป




ความรักเหมือนทุเรียน : ถ้าอยากชิมเนื้อในที่หอมหวานก็ต้องยอมถูกหนามตำ อุปสรรคของความรักก็เหมือนหนามทุเรียน ถ้าเราอดทนและฝ่าฟันไปได้ เราก็จะได้ลิ้มรสหวานหอมอร่อยเริดเป็นรางวัล



ความรักเหมือนโอเลี้ยง : ถึงจะดำดีสีไม่ตกแต่ก็หวานอร่อยถูกปาก เป็นข้อพิสูจน์ว่าคนที่ไม่สวยหล่อก็อาจเป็นแฟนที่ดีไ ด้ ถ้าคุณให้โอกาสเขาพิสูจน์ตัวเอง




ความรักเหมือนคากิ : หน้าตายั่วยวนแต่ไม่ควรกิน มิฉะนั้นอาจทำให้เส้นเลือดอุดตัน มีผลถึงสิ้นใจก่อนวัยอันควร เปรียบได้กับกิ๊ก ถึงแม้รูปร่างหน้าตาของเธอจะชวนน้ำลายไหล แต่ถ้าเผลอกินเข้าไปเราอาจอายุไม่ยืน เพราะถ้าแฟนจับได้เราคงได้ชิมลีลาแม่ไม้มวยไทย ก่อนจะถูกหามไปสิ้นใจที่โรงพยาบาล (ใครเห็นด้วยกับข้อนี้ขอเสียงหน่อย...ฮิ้ว)



ความรักเหมือนน้ำเปล่า : เปรียบเหมือนความรักของเพื่อนที่สะอาดบริสุทธิ์ เพราะไม่มีสี ไม่มีกลิ่น ไม่มีรส ไม่ต้องมีรูปร่างหน้าตายั่วยวน แต่ดีต่อสุขภาพและควรจะดื่มเป็นประจำ เพราะถ้าขาดการติดต่อนานเกินเดี๋ยวจะต่อกันไม่ติด




ความรักเหมือนมะม่วงน้ำปลาหวาน : ต้องอยู่คู่กันถึงจะอร่อย คนบางคนเกิดมาเพื่อจะอยู่ด้วยกัน และต้องจับคู่กันถึงจะลงตัวที่สุด ของแบบนี้เขาเรียกพรหมลิขิตค่ะพี่น้อง



ความรักเหมือนน้ำพริกปลาทู : เป็นสมบัติประจำชาติและจะไม่มีวันหายไปจากโลกตลอดกาล




บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #145 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2010, 09:19:37 PM »

ข้าวผัดม้วนไข่




ส่วนผสมอาหาร


ข้าวสวย 1 ถ้วย ไข่ไก่ 2 ฟอง
สาหร่ายทะเลชนิดทำข้าวห่อ สาหร่าย1 แผ่น
เนื้อหมูหั่นชิ้นสี่เหลี่ยม เล็ก1/4 ถ้วย
แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1/2 ช้อนโต๊ะ
ข้าวโพดอ่อนหั่นบางๆ ตามขวาง 1/2 ช้อนโต๊ะ
เห็ดหอมแห้งแช่น้ำหั่นเป็นสี่ เหลี่ยมเล็ก1/2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนชา
น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำอาหาร - Make it

1ตอก ไข่ใส่ชาม ตีให้แตก จากนั้นเทน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ ลงในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟอ่อนๆ กรอกกระทะไปมาให้น้ำมันติดทั่วกระทะ เทไข่ใส่ กรอกให้เป็นแผ่นบางๆ พอสุกทั่วแล้วปิดไฟ แซะไข่ออก พักไว้ก่อน


2เทน้ำมัน ใส่ในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่เนื้อหมู แครอท ข้าวโพดอ่อน และเห็ดหอม ผัดพอสุก ใส่ข้าวสวย และเครื่องปรุงอื่น ซีอิ๊ว น้ำตาล เกลือ พริกไทย ผัดให้เข้ากัน แล้วปิดไฟ


3ขั้นตอนการห่อเริ่มด้วยนำไข่ที่พักไว้มาวาง แล้ววางทับด้วยสาหร่าย ตักข้าวผัดใส่ เกลี่ยให้ทั่ว อย่าให้หนาเกินไป ม้วนห่อให้แน่น หั่นเป็นชิ้นพอคำ จากนั้นก็เสิร์ฟเป็นเมนูข้าวผัดแปลงกายได้เลย

ใช้ข้าวหอมมะลิน่ะจ้ะ ....หย่อยย...อิ อิ หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #146 เมื่อ: มกราคม 01, 2011, 02:45:13 PM »


สวัสดีปีใหม่ค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #147 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2011, 12:30:25 PM »

ปอเปี๊ยะสด เวียดนาม




เมนูสุดอร่อยวันนี้ขอเสนอ ปอเปี๊ยะสด เวียดนาม สำหรับผู้รักสุขภาพทุกท่านรับรองว่าอาหารสุดพิเศษนี้จะช่วยท่านได้อย่างแน่นอน เพราะปอเปี๊ยะสดเวียดนาม ทำง่ายและอร่อยมากๆ

ส่วนผสมสำหรับหมูหมัก
1. เนื้อหมูสันนอก 3 ขีด หรืออาจจะใช้หมูยอแทนก็ได้
2. ซีอิ้วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
3. ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
4. ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมสำหรับปอเปี๊ยะสด
1. ใบเมี่ยงเวียดนาม สำหรับห่อเป็นปอเปี๊ยะสด
2. ใบโหระพา
3. ใบสะระแหน
4. ผักกาดหอม
5. ผักชีฝรั่ง
6. แครอทซอยเป็นเส้น

ส่วนผสมน้ำจิ้ม
1. น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วย
2. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
3. เกลือ 1 ช้อนชา
4. พริกชี้ฟ้าแดง 1 ช้อนโต๊ะ
5. กระเทียม 1 ช้อนโต๊ะ
6. หัวผักกาด ขูดฝอยเป็นเส้น 1/4 ถ้วย
7. แครอท ขูดฝอยเป็นเส้น 1/4 ถ้วย

วิธีทำปอเปี๊ยะสด

แล่เนื้อหมูเป็นชิ้นบางๆ ตามขวางของเนื้อหมู

หมักเนื้อหมูด้วย ซีอิ้วขาว ซอสปรุงรส ซอสหอยนางรม น้ำตาลทราย คลุ๊กให้เขากัน แล้วทิ้งไว้ในตู้เย้น 1 ชั่วโมง

เตรียมใบเมี่ยง โดยนำใบเมี่ยงมาพรมน้ำเล็กน้อย เพื่อให้ใบเมี่ยงนิ่ม

นำเนื้อหมูที่หมักไว้มาย่างกับเตาย่าง หรือกระทะ พอสุก หั่นเป็นชิ้นยาวๆ

นำใบเมี่ยงมาห่อ โดยนำผักกาดหอมวางก่อน ตามด้วยใบโหระพา ใบสาระแหน ผักชีฝรั่ง แครอทซอย และหมูย่าง ห่อให้เน่นๆ

วิธีทำน้ำจิ้ม

น้ำพริกชี้ฟ้าแดง กระเทียมโขลกให้ละเอียด

ใส่หัวผักาดขูดฝอย แครอทขูดฝอยใส่ ตามด้วย น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือ และพริกกระเทียมที่โขลก

ตั้งเตาเคี่ยวเป็นเวลา 10 นาที เทใส่ถ้วย

เป็นอันเสร็จสิ้นแล้วสำหรับเมนูปอเปี๊ยะสดเวียดนาม สำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนักรับรองว่าเมนูนี้จะช่วยให้สุขภาพของท่านดีอย่างแน่นอน

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #148 เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 03:59:26 PM »

แครมบรูเล่ ( Cr è me Brulee)





แม้ชื่อจะฟังดูแล้วฝรั่งเศสสุดๆ แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้นขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้ ได้เท่ากับใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #149 เมื่อ: มีนาคม 09, 2011, 04:02:28 PM »

แบล็คฟอเรสท์เค้ก




ด้วยความมีชื่อเสียงในเรื่องชนิทเซล เบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยมของเรา โดยเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค 1900 ทางตอนใต้ของ เยอรมนี (ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุงเบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็นทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า นี่ก็เป็นหนึ่งในของโปรดของเราเช่นกัน
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11 12 ... 33   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: