Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 33   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนกันเข้าครัว  (อ่าน 79329 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 28 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #165 เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 08:58:46 PM »

เครื่องดื่มโดนใจคนยุคใหม่




เครื่องดื่มโดนใจ ... สำหรับคนยุคใหม่ (แม่บ้าน)
เรื่อง : น้ำริน

ถ้าคุณแม่บ้านสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าน้ำรินชอบนำ "ลูกพีช" มาเป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มเสมอ...ผลไม้สีเหลืองอมส้ มนี้ นอกจากรสชาติดีแล้วยังมีประโยชน์มากอีกด้วยค่ะ เริ่มจากมีวิตามินเอ ช่วยควบคุมการทำงานของ Rod cells และ Cone cells ใน Retina บำรุงรักษาเซลล์ชนิดบุผิวของอวัยวะต่าง ๆ มีบทบาทในการสร้างกระดูกและฟัน รวมทั้งระบบสืบพันธุ์ มีสารต้านอนุมูลอิสระชื่อว่า เบต้าคริบโตแซนทิน ช่วยป้องกันไม่ให้เซลล์ถูกทำลาย ช่วยบำรุงหัวใจ กระเพาะอาหาร เป็นยาระบายอ่อนๆ ในผลลูกพีชยังมีเกลือแร่โบรอน ซึ่งทำให้สมองกระฉับกระเฉงและกระปรี้กระเปร่า ถ้าได้รับเกลือแร่โบรอนในปริมาณต่ำ จะทำให้สมองทำงานช้าลงและสมาธิสั้น...

และ ครั้งนี้น้ำรินก็นำลูกพีชมาเป็นส่วนผสมหลักอีกครั้ง. .. เนื่องจากเจ้าพี่ตัวแสบซื้อมาให้เพียบจากงานลดราคาขอ งห้างฯ ดังกลางเมือง "ฉันเห็นว่าชอบเลยซื้อมาให้" น้ำรินมองหน้าพี่สาวเล็กน้อยก่อนบอกไปว่า "เยอะเกินไปหรือเปล่าล่ะน้ำค้าง แล้วจะกินกันทันมั้ยเนี่ย" พี่สาวตัวดีจึงนำเสนอให้จัดการทำเป็นเมนูเครื่องดื่ม ซะ รวมถึงให้นำมาปรุงอาหารคาวและหวานอีกหลายชนิด ขอบอกค่ะว่ากว่าจะหมดลูกพีชล็อตนี้แทบแย่...



Strawberry Peach Plus

 ส่วนผสม

 สตรอเบอร์รีสด 150 กรัม

 ลูกพีชในน้ำเชื่อม 150 กรัม

 น้ำเชื่อม ¼ ถ้วยตวง

 น้ำเปล่า ½ ถ้วยตวง

 น้ำหวานเข้มข้น กลิ่นสตรอเบอร์รี ตราเฮลซ์บลูบอย 1/3 ถ้วยตวง

 น้ำแข็งป่น 2 ถ้วยตวง

 วิธีทำ

ล้างสตรอเบอร์รีให้สะอาด ซับให้แห้ง ตัดขั้วออกหั่นเป็น 4 ส่วน หั่นลูกพีชเป็นสี่ส่วน นำใส่โถปั่นพร้อมกับสตรอเบอร์รีปั่นประมาณ 5 วินาที จึงใส่ส่วนผสมอย่างอื่นลงไป ปั่นต่อจะละเอียดเนียน ชิมรสตามชอบ สามารถใส่เกลือป่นเพิ่มได้เล็กน้อยถ้าต้องการ



ลูกพีชสมหวัง

 ส่วนผสม

 สมหวัง (แห้ว) กระป๋อง 150 กรัม

 ลูกพีชในน้ำเชื่อม 100 กรัม

 นมสด ½ ถ้วยตวง

 น้ำหวานเข้มข้น กลิ่นสับปะรด ตราเฮลซ์บลูบอย 1/3 ถ้วยตวง

 น้ำแข็งป่น 2 ถ้วยตวง

 ผงซินนามอน ½ ช้อนชา

 วิธีทำ

หั่นสมหวัง (แห้ว) ให้เป็นชิ้น ๆ ใส่ในโถปั่นพร้อมกับลูกพีชที่หั่นแล้ว ใส่นมสด น้ำหวานเข้มข้น กลิ่นสับปะรด ตราเฮลซ์บลูบอยและน้ำแข็งป่นลงไป ปั่นให้เข้ากันจนละเอียดเนียน รินใส่แก้วตกแต่งด้วยผงชินนามอน



Peach & Pear

 ส่วนผสม

 ลูกพีชในน้ำเชื่อม 150 กรัม

 ลูกแพร์สด 150 กรัม

 น้ำเปล่า 1/3 ถ้วยตวง

 น้ำหวานเข้มข้น กลิ่นครีมโซดา ตราเฮลซ์บลูบอย 1/3 ถ้วยตวง

 น้ำแข็งป่น 2 ถ้วยตวง

 วิธีทำ

ล้างลูกแพร์ให้สะอาด นำเมล็ดและแกนกลางออก หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ หั่นลูกพีชเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำใส่โถปั่นพร้อมกับลูกแพร์ น้ำเปล่า น้ำหวานเข้มข้น กลิ่นครีมโซดา ตราเฮลซ์บลูบอยและน้ำแข็งป่น ปั่นให้เข้ากันจนละเอียด



ขอขอบคุณข้อมูลจาก
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #166 เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 09:00:22 PM »

อาหารเช้าสำคัญสำหรับเด็ก   

           เพราะความรีบเร่ง ชุลมุน วุ่นวาย ในตอนเช้า  ทำให้เจ้าตัวเล็ก ๆ ทั้งหลายไม่ค่อยจะได้กินอะไรเป็นเรื่องเป็นราวนัก  รู้ไหมครับว่าเด็กที่กินอาหารเช้าจะมีสมาธิดี  ตั้งใจเรียน  ตรงเวลา  ส่วนเด็กที่ไม่ได้กินอาหารเช้า  มักจะอารมณ์เสียง่าย  ขี้กังวล  อยู่ไม่สุข  ชอบก่อกวนและง่วงเหงาหาวนอน
อาหารเช้าของเด็กๆควรเป็นอาหารให้พลังงาน หรือแคลอรี่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ25 ของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน  ควรเป็นอาหารไขมันต่ำ และเป็นอาหารคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน  จำพวกข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีต  โปรตีนจากนม ไข่ ถั่ว ธัญพืชที่มีเส้นใยสูง ผักและผลไม้  ทั้งนี้เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานจากกลูโคสอย่างช้า ๆ   ส่งผลให้ร่างกายสร้างพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอตลอดวัน   

รักลูก  อยากให้ลูกเก่ง  อารมณ์ดี  ไม่ขี้หลงขี้ลืม  และสดชื่นตลอดทั้งวัน  ก็หาข้าวเช้าให้ลูก กินอย่าได้ขาดน้ะค่ะ

ข้าวตุ๋นปลาบด

1. ปลานึ่งแกะเอาแต่เนี้อ (ยีให้ละเอียดเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีก้างเหลืออยู่)
2. หอมหัวใหญ่
3. แครอท
4. ผักโขม หรือ ผักคะน้า
5. น้ำซุปปลา หรือ ไก่ (ใช้กระดูกปลา หรือไก่ เคี่ยวกรองน้ำซุปไว้)
6. น้ำมันพืช ใช้น้ำมันถั่วเหลือง หรือทานตะวัน
7. ปลายข้าวกล้อง (มีจำหน่ายเป็นถุงตามห้างทั่วไป)

นำน้ำซุป ลงต้มกับปลายข้าว จนข้าวสุกเปื่อย ใส่หอมใหญ่ แครอท ผักโขม (หั่นชื้นเล็ก ๆ เพื่อจะได้เปื่อยง่ายคะ) ตุ๋นจนสุกได้ที ใส่น้ำมันพืช ส่วนความข้น คุณแม่กะประมาณที่เราทำข้าวต้มทานกันนั่นละคะ ไม่ใสมาก ไม่ข้นเกิน พอสุกดีแล้ว เรา รอจนส่วนผสมเย็น คุณแม่นำเข้าเครื่องปั่น ปั่นจนส่วนผสมเนียน เป็นอันเสร็จสรรพ อาหารเมนูโปรด ของหนู แบบครบคุณค่าเชียวคะ
เมนูนี้ เป็นของทารก วัย 7 เดือน ถึง 1 ขวบคะ ส่วนความละเอียดของการปั่นส่วนผสม ดูความพร้อมลูกน้อยเป็นหลักนะคะ ถ้าไม่พร้อมทานอาหารที่มีกาก คุณแม่ปั่นละเอียดได้เลยคะ
เคล็ดไม่ลับนำมาฝาก
- คุณสามารถเคี่ยวน้ำซุป เก็บไว้ใช้ได้ เมื่อแบ่งเก็บในช่องแข็ง
- คุณแม่ทำเพิ่มมากกว่า 1 มื้อ ด้วยการแบ่งเก็บช่องแข็งได้คะ เวลาจะใช้ นำเข้าไมโครเวฟ (พักเพื่อคนให้ความร้อนเสมอ) อย่าลืมระวังเรื่องความร้อนคะ ต้องแน่ใจนะคะว่าก่อนให้เด็กทานคุณเช็คความร้อนดีแล้ว
- ไม่ใส่สารชูรสใด ๆ แม้กระทั่งเกลือนะคะ เด็กวัยนี้ เราระวังการทำงานของตับและไต รวมถึงระบบการย่อย ปลาและหอมหัวใหญ่ เพิ่มความหอมหวานถูกใจอยู่แล้วคะ
- ส่วนข้าวที่ใช้ตุ๋น ต้องเป็นข้าวซ้อมมือเท่านั้นคะ มีคุณค่ามากกว่ากันเยอะ แม้จะสุกยากกว่ากันนิดหน่อยคะ ถ้าใช้แบบข้าว 7 นาที อบสุกแล้วก็ได้นะคะเขามีจำหน่าย
- เมนูนี้คุณแม่สามารถปรับส่วนผสมได้ตามต้องการนะคะเช่น ต้องการเพิ่มน้ำหนักลูกน้อย ใส่ประมาณข้าวพอเหมาะ หากต้องการลดน้ำหนัก คุณแม่ปรับข้าวให้น้อยลง เป็นหลักโภชนาการที่เราทราบแต่ครบถ้วนด้วยคุณค่า

มันฝรั่งตับบด

1. ตับไก่ หรือตับหมู
2. มันฝรั่ง
3. เนย หรือน้ำมันงา
4. ผักตำลึง พรอคโครี่ หรือผักคะน้า ( อย่างใดอย่างหนึ่งคะ)
5. ข้าวกล้อง ( แบบข้าวอบ 7 นาที เปื่อยเร็วดีคะ)
6. น้ำซุป ( หมู ไก่ หรือปลา )

นำน้ำซุปต้มพอเดือด นำตับไก่ลงต้มพอสุก ตักขึ้นพักไว้คะ นำข้าวกล้อง มันฝรั่งหั่นชิ้นเล็ก พร้อมผัก น้ำมันงา หรือ เนย ลงตุ๋นพร้อมกันในน้ำซุปที่ต้มตับ จนส่วนผสมนิ่มดีแล้ว คุณแม่จะตุ๋นจนนิ่มไว้ป้อนหนูน้อย โดยนำตับที่ต้มไว้มาบด หรือปั่นผสมกับข้าวและผัก ถ้าหนูน้อยยังไม่สามารถเคี้ยวได้ละก็ เมนูปั่นถูกใจสุดคะ นำตับลงปั่นพร้อมส่วนผสมทั้งหมดได้เลยคะ เมนูที่เตรียมให้นี้ คุณแม่สามารถทำเพิ่มมื้อได้ โดยการนำเข้าช่องแข็งทันทีที่ปั่นเสร็จ ระวังเรื่องความสะอาดของภาชนะและไม่ปั่นอาหารตั้งทิ้งไว้นะคะ

อาหารเสริม ผลไม้รวม

1. กล้วยน้ำว้าสุก
2. มะละกอสุก
3. น้ำส้มคั้น 1 ลูก

นำส่วนผสมทั้งหมดปั่นให้ละเอียดเนียน ใช้ป้อนหนูน้อยได้เลยคะ ส่วนจะปั่นให้เนียน หรือไม่ละเอียดนัก ให้คุณแม่ดูตามความเหมาะสมคะ เพราะเด็กแต่ละคนมีความพร้อมในการทานอาหาร เรื่องการเคี้ยวและกลืนต่างกันคะ รายละเอียดเรื่องอาหารข้น หรือใส ปั่นแบบละเอียดมากน้อย ให้ดูตามความพร้อมคะ

เมนูนี้ลูกน้อยจะหนีความจำเจของรสชาดผลไม้บด เช่นมะละกอขูด หรือกล้วยขูด ได้ดีเชียวคะ ยิ่งตอนนี้มะละกอรสหวานแบบแขกดำที่เคยทานก็ถูกบริษัทยักใหญ่ตัดต่อพันธุกรรม ครองตลาดเรียบร้อยไปแล้ว เป็นมะละกอเนื้อแข็ง ทานไม่อร่อยเหมือนเดิม ส่วนใหญ่จืดชืดเชียวคะ ถ้าคุณแม่เจออย่างนี้ ก็อย่าเพิ่งทิ้งให้เสียของเปล่าเชียวคะ นำมาทำผลไม้รวม เมนูนี้ ดีสุดเชียวคะ ถูกใจไม่ไม่หนู ๆ คนใด ปฏิเสธ แม้กระทั่งหนูน้อยที่ปฏิเสธมะละกอสุกมาตลอดละคะ คุณแม่ลองดูนะคะ


เมนูเพิ่มน้ำหนัก

ขนมปังตุ๋นนม

1. ขนมปังโฮลวีต ฉีกเป็นชิ้นเล็ก ๆ 2 แผ่น
2. นมผงผสมตามสัดส่วนที่เด็กทานอยู่ 6 ออนซ์
3. ฟักทอง หรือ แครอท หั่นสี่เหลื่ยมลูกเต๋าเล็ก ๆ
4. ไข่ต้มสุก แยกเอาแต่ไข่แดง 1 ฟอง

นำขนมปังโฮลวีต ที่ฉีกไว้ แช่ลงในนมที่คุณแม่ผสมเตรียมไว้ ใส่ฟักทอง หรือแครอท ใส่หม้อ่ตุ๋นจนส่วนผสมสุกนิ่มดีแล้ว ทิ้งไว้จนเย็น นำเข้าเครื่องปั่น ปั่นจนเนียนละเอียด ส่วนผสมจะข้น เวลารับประทาน ให้นำไข่แดงที่ต้มสุกแล้วผสมลง บดด้วยช้อนให้เข้ากัน พร้อมรับประทานได้เลยคะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #167 เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 09:03:39 PM »

เคล็ดลับอร่อย ทอดไก่ให้กรอบนอกนุ่มใน



เริ่มต้นเราต้องนำเนื้อไก่ที่จะทำการทอดล้างแล้วนำมา ผึ่งแดดไว้ จากนั้นตำกระเทียมพริกไทยเม็ดให้เข้ากันแล้วใส่เกลือ ลงไปนิดหน่อย นำไปหมักกับไก่อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง จากนั้นเรียงใส่จานนำไปนึ่ง แนะนำว่าเวลานำลงนึ่งต้องให้น้ำเดือดก่อน นึ่งจนไก่พอสุกแล้วนำออกจากลังปล่อยให้ไก่เย็นตัวลงพ ร้อมทั้งผึ่งให้แห้ง

ขั้นตอนต่อไปนำไก่คลุกกับแป้งสาลี (หรือจะใช้แป้งชุบทอด ที่ขายกันทั่วไปก็ได้) คลุกกับแป้งแห้งๆ จากนั้นชุบด้วยไข่ไก่ที่ตีเข้ากัน แล้วนำไปคลุกเกล็ดขนมปัง ต่อไปก็จัดการลงทอดในน้ำมันร้อนจัด ด้วยไฟปานกลาง พอเกล็ดขนมปังสุกเหลือง ค่อยช้อนขึ้นพักสะเด็ดน้ำมัน เท่านี้ก็จะได้ไก่ทอดกรอบนอกนุ่มในแล้ว

ถ้าไม่ชอบ แบบชุบเกล็ดขนมปังทอด หลังจากนึ่งเสร็จรอจนไก่เย็นตัวลงแล้ว นำไปชุบกับแป้งทอดกรอบ เคล็ดลับสำคัญ อยู่ที่เวลาผสมแป้งกับน้ำ ให้ใช้น้ำเย็น ผสมให้แป้งข้นพอชุบติด จุ่มไก่ลงทอดในน้ำมันร้อนจัดเช่นกัน ก็จะได้ไก่ทอดกรอบ นอกนุ่มในอีกแบบหนึ่ง

ง่ายๆแค่นี้อย่าลืมนำไปลองทำทานที่บ้านเพิ่มความอร่อ ยให้เมนูโปรดกันดู.

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #168 เมื่อ: เมษายน 23, 2011, 09:05:34 PM »

ช่วงนี้หน้าร้อน  แถมร้อนจัดมาก ๆ

ขอสูตรอาหารคลายร้อนให้เจ้าตัวเล็กหน่อยได้ไหมจ๊ะ

ขอเป็นอาหารแบบไทย ๆ นะคะ 

ฝรั่ง ๆ ทำไม่ค่อยเป็งงงง Grin

 Cheesy Grin อิ อิ
เดี๋ยวมาเขียนใหม่น้ะค่ะ พอดีติดสอบค่ะ อิ อิ เทวดา
บันทึกการเข้า

finghting!!!
อุ๊
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1778



« ตอบ #169 เมื่อ: เมษายน 29, 2011, 01:11:05 PM »

ช่วงนี้หน้าร้อน  แถมร้อนจัดมาก ๆ

ขอสูตรอาหารคลายร้อนให้เจ้าตัวเล็กหน่อยได้ไหมจ๊ะ

ขอเป็นอาหารแบบไทย ๆ นะคะ 

ฝรั่ง ๆ ทำไม่ค่อยเป็งงงง Grin

 Cheesy Grin อิ อิ
เดี๋ยวมาเขียนใหม่น้ะค่ะ พอดีติดสอบค่ะ อิ อิ เทวดา

อ้าว!   ยังเรียนไม่จบอีกเหรอ Cheesy
ไม่เป็นไรรอได้จ้า 

เดี๋ยวเอาเมนูอื่น ๆ ไปลองทำดูก่อนแล้วกันจ้า
บันทึกการเข้า
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #170 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 05:23:34 PM »

อาหารสำหรับเด็กค่ะ

มะกะโรนีกุ้ง



ส่วนผสม

มะกะโรนีลวก 1 ถ้วยตวง
กุ้งสดลวก 5-6 ตัว
ไข่ไก่ 1 ฟอง
หอมหัวใหญ่ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
แครอท หั่นเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศหั่นเต๋า ไม่เอาเมล็ด 2 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศเชอร์รี่ 4-5 ลูก
ผักกาดหอม สำหรับตกแต่ง  
กะหล่ำปลี 1 ถ้วยตวง
ขึ้นฉ่าย 4 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
เนยจืด เล็กน้อย



วิธีทำ

1. ตั้งกระทะใส่เนยจืด พอร้อนใส่แครอท มะเขือเทศ หอมหัวใหญ่ ผัดให้หอม แล้วใส่ไข่ ผัดไข่ให้สุก
2. ใส่มะกะโรนีทีลวกแล้ว ผัดให้เข้ากัน แล้วใส่กุ้งที่ลวกไว้ ผัดให้เข้ากันอีกที
3. ใส่กะหล่ำปลี แล้วผัดให้พอสุก เติมเครื่องปรุง ชิมรสตามชอบ
4. ก่อนปิดเตาให้ใส่ขึ้นฉ่ายและมะเขือเทศเชอร์รี่ ผัดเพียงเล็กน้อย ตักเสิร์ฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 01, 2011, 05:47:12 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #171 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 05:30:40 PM »

ปลาซาบะต้มซีอิ๊วญี่ปุ่น



ส่วนผสม

ปลาซาบะขนาดกลาง 1 ตัว
ขิง 4-5 แว่น
ซีอิ๊วคิคูแมน (ซีอิ๊วญี่ปุ่น) (ถ้าไม่มีใช้น้ำตาลปี๊บแทน) 1 ถ้วยตวง
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา


วิธีทำ

1. หั่นปลาซาบะตามขวางเป็นแว่น อย่าหนามากนัก
2. เอาขิงวางเรียงลงในหม้อ เอาปลาวางทับ เทซอสคิคูแมน (หรือแทนด้วยน้ำตาลปี๊บ 1-2 ช้อนชาลงไปแทน แล้วแต่ชอบหวานแค่ไหน) และใส่น้ำส้มสายชูลงไป
3. เติมน้ำให้ท่วมเนื้อปลา แล้วนำไปต้มด้วยไฟกลาง เมื่อเดือดแล้วลาไฟ เคี่ยวต่อให้น้ำงวดลง

เราคุ้นเคยกับการกินปลาซาบะย่างมากกว่าการปรุงด้วยวิธีอื่น แต่รู้หรือไม่ว่า น้ำมันจากปลาที่มีประโยชน์ เช่น สารโอเมก้า 3 ซึ่งช่วยบำรุงสมอง แก้ภูมิแพ้ และทำให้เด็กมีภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อ จะสูญเสียไปกับการย่าง ดังนั้นคุณแม่ควรเปลี่ยนวิธีปรุงปลามาเป็นการต้มหรือนึ่งจะดีกว่า...ต้มยำปลาซาบะ (ไม่ใส่พริก) นั้นอร่อยนัก เครื่องต้มยำก็ช่วยดับคาวปลาได้ ส่วนปลาซะบะนึ่ง ใช้ขิงเป็นตัวช่วยดับคาวได้ค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #172 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 05:38:29 PM »


ต้มจืดสีรุ้ง



เครื่องปรุง

เนื้อปลากะพงแร่ตามยาว   10 ชิ้น
ปีกไก่   5 ปีก
แครอท หั่นเป็นท่อนพอดีคำ   1/2 ถ้วย
ซูกินี่ ไม่ต้องปอกเปลือกหั่นพอดีคำ   1/2 ถ้วย
ฟักทองหั่นพอดีคำ   1/2 ถ้วย
ก้านขึ้นฉ่ายลวก   10 ก้าน
กระเทียม พริกไทย รากผักชี โขลกละเอียด   1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส   2 ช้อนโต๊ะ


วิธีทำ

1. นำปลากะพงมาล้างให้สะอาดแล้วซับให้แห้งก่อนวางแครอท ซูกินี่บนชิ้นปลาแล้วม้วนเข้าด้วยกัน ผูกด้วยก้านขึ้นฉ่ายลวกแล้วพักไว้
2. ตั้งน้ำครึ่งหม้อใส่กระเทียมพริกไทยรากผักชีโขลกที่เตรียมไว้ ตามด้วยปีกไก่ ปลาม้วน เมื่อน้ำเดือดแล้วจึงใส่ฟักทองหรือผักอื่นๆ ที่เตรียมไว้ ปรุงรสได้ตามใจชอบ เสิร์ฟร้อนๆ ซดคล่องคอ

เด็กๆ ก็ช่วยได้
เตรียมผักให้คุณแม่ กับหน้าที่เฉพาะกิจไม่มีบ่อยๆ อย่างม้วนปลาก็น่าสนุกดี แต่เบามือหน่อยแล้วกันนะ

การนึ่ง ย่าง อบ และต้มจะช่วยรักษาน้ำมันที่มีประโยชน์ในปลา (อย่างกรดไขมันตระกูลโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงและป้องกันโรคหัวใจ วิตามินเอช่วยบำรุงสายตา ผิวพรรณ และวิตามินดีที่ช่วยในการเจริญเติบโต พร้อมเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรงให้คงอยู่และเกิดประโยชน์แก่ร่างกายเรามากที่สุด
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #173 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 05:45:16 PM »

แกงจืดไข่เจียวหมูสับ



ประกอบด้วย

ไข่ 2 ฟอง
หมูสับ ๑/๒ ถ้วยตวง (จะเปลี่ยนเป็นเนื้อสัตว์อย่างอื่นสับแทนก็ได้)
ซอสถั่วเหลือง 2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น ๑/๘ ช้อนชา (ถ้าเด็กไม่ชอบไม่ต้องใส่)
น้ำสะอาด 2 ถ้วยตวง
ต้นหอมซอย 1 ต้นเล็ก
ผักชีซอย 3 - 4 ก้าน

จะเพิ่มแครอท หรือฟักทองหั่นเป็นลูกเต๋าเล็กๆใส่ลงไปได้น้ะค่ะ
ตอกไข่ใส่ชามตีพอแตก
ใส่หมูสับ ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ และพริกไทยลงไป
ตีให้เข้ากัน ใส่ต้นหอม ผักชีลงไปสักครึ่งหนึ่ง ถ้าจะใส่ผักอื่นด้วยให้ใส่ตอนนี้ แล้วก็ตีให้ทุกอย่างเข้ากันดี
ตวงน้ำใส่หม้อ ยกตั้งไฟกลาง พอเริ่มจะเดือด ใส่ซอสถั่วเหลืองที่เหลือ 1 ช้อนโต๊ะลงไป
พอน้ำเดือดจัด เทส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไป ใครจะไม่เทแต่ใช้ช้อนตักลงไปเป็นคำๆก็ได้
สักพักหนึ่งให้คนเพื่อให้ส่วนที่ตกตะกอนนอนก้นลอยขึ้นมา
น้ำเดือดและหมูสุกดีแล้วปิดไฟได้ โรยต้นหอมผักชีที่เหลือลงไป
คนอีกที่จะได้อย่างนี้ พร้อมตักใส่ชามเสิร์ฟได้
ตักใส่ชามทานร้อนๆหรืออุ่นๆ ใครอยากใส่กระเทียมเจียวลงไปด้วยก็ได้
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #174 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 05:52:10 PM »

อาหารประเภทแกง

แกงหมายถึง    วิธีการผสมอาหารหลาย ๆ สิ่งรวมกับน้ำ   แยกเป็นแกงเผ็ดกับแกงจืด    แกงจืดโดยมากต้องรับ
ประทานร้อน ๆ จึงจะอร่อย  ใส่น้ำมากกว่าแกงเผ็ด  น้ำประมาณ 3 ใน 4 ส่วนของเนื้อ เช่น  เนื้อ 1 ส่วน น้ำ 3 ส่วน
เนื้อในที่นี้หมายถึงเครื่องปรุงที่เป็นเนื้อสัตว์กับผัก ส่วนแกงเผ็ดยังแยกออกไปได้อีกหลายชนิด เช่น แกงคั่ว แกงส้ม
 แกงเผ็ด ฯลฯ

1. แกงส้ม   
 
       แกงส้ม   เป็นแกงที่นิยมรับประทานในครอบครัวของคนไทย มีรสเปรี้ยว เค็ม หวานนิดหน่อย  ใช้ผักที่มีตาม
ท้องถิ่นนั้น ๆ ผักที่นิยมใช้แกงส้ม เช่น  ผักบุ้ง ผักกระเฉด ดอกแค กะหล่ำปลี หน่อไม้ดอง ฯลฯ   ส่วนเนื้อสัตว์ที่นำ
มาใช้กับแกงส้ม มีปลา กุ้งน้ำจืดและกุ้งน้ำเค็ม บางทีก็ใช้หอยแทนกุ้ง แกงส้มเป็นแกงที่ปรุงรสสามรส น้ำแกงที่ให้
รสชาติอร่อยพอดีทั้งสามรสจะทำได้ยากกว่าแกงชนิดอื่นไม่เปรี้ยวจนเกินไป  หรือเค็มขึ้นหน้า   หรือมีรสหวานนำ
ควรปรุงให้กลมกล่อมทั้งสามรส  เช่น   แกงส้มผักกระเฉดกับปลาช่อน  แกงส้มดอกแคกับกุ้ง   แกงส้มแตงโมอ่อน
แกงส้มผักรวม ฯลฯ   
 

2. แกงคั่ว   
 
       แกงคั่ว   เป็นแกงที่ต้องใช้เนื้อสัตว์ประเภท  ปลาย่าง ปลากรอบ หรือกุ้งแห้ง  อย่างใดอย่างหนึ่งโขลกผสมกับ
เครื่องแกง  เพื่อทำให้น้ำแกงข้น มีกลิ่นหอมชวนรับประทาน   แกงคั่วจะไม่ใส่เครื่องเทศ จะทำให้มีกลิ่นฉุน  ผักที่
นิยมใส่แกงคั่ว เช่น ผักบุ้ง สับปะรด เห็ด ฟักเขียว แกงคั่วจะใช้ผักเป็นหลัก ส่วนเนื้อ ปลา กุ้ง หอยเป็นส่วนประกอบ
รสชาติของแกงคั่วทั่ว ๆ ไปมีสามรส คือ เปรี้ยว หวาน เค็ม แต่แกงคั่วบางชนิดจะมีสองรส   คือ เค็มกับหวาน เช่น
แกงคั่วเห็ด  หรือแกงที่มีลักษณะคล้ายแกงคั่วแต่มีรสชาติออกเค็มอย่างเดียว เช่น   แกงขี้เหล็ก   แกงป่าชนิดต่าง ๆ
เช่น แกงป่าปลาดุก แกงป่าเนื้อ แกงป่าปลาสับ แกงป่าไก่ ฯลฯ
 
3. แกงเผ็ด   
 
        แกงเผ็ด  เป็นแกงที่ต้องใช้เนื้อสัตว์ในการปรุงเป็นหลัก  มีผักเป็นส่วนประกอบ  เนื้อสัตว์ที่นิยมนำมาประกอบ
ได้แก่   เนื้อ หมู ไก่ กุ้ง ปลา ส่วนผักจะใช้  มะเขืออ่อน  มะเขือพวง ถั่วฝักยาว หน่อไม้ ฯลฯ  ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าสี
ต่าง ๆ ใบมะกรูด ใบโหระพาปรุงรสด้วยน้ำปลา ให้ความเค็ม  มีน้ำตาลเล็กน้อย  เพราะแกงเผ็ดได้ความหวานจาก
กะทิ แกงเผ็ดสำคัญอยู่ที่การปรุงน้ำพริก ต้องปรุงให้ถูกส่วน โขลกน้ำพริกให้ละเอียด เช่น  แกงเผ็ดเนื้อ  ไก่ หมู กุ้ง
เนื้อ ปลากราย แกงเขียวหวาน ฯลฯ    แกงเผ็ดแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท  คือ  แกงเผ็ดที่ไม่ใส่กะทิเรียกว่า  แกงป่า
และแกงเผ็ดที่ใส่กะทิซึ่งใช้พริกแห้งมีสีแดง เรียกว่า แกงเผ็ด ถ้าใช้พริกสดสีเขียวเรียกว่า แกงเขียวหวาน

 
4. ผัดเผ็ด - พะแนง   
 
        ผัดเผ็ด - พะแนง  เป็นอาหารที่จัดอยู่ในพวกแกงเผ็ด เพียงแต่มีน้ำกะทิหรือน้ำน้อยกว่าแกงเผ็ด  การประกอบ
อาหารประเภทนี้ทำเช่นเดียวกับแกงเผ็ด   ลักษณะจะมีน้ำแบบขลุกขลิก หรือแห้ง ๆ    ปรุงรส เค็ม หวานนิดหน่อย
เช่น  ผัดเผ็ดกบ ผัดเผ็ดปลากราย ผัดเผ็ดหมูป่า  ส่วนพะแนงก็มีลักษณะเหมือนแกงเผ็ด   เนื้อสัตว์ที่ใช้ต้องเคี่ยวให้
นุ่ม  การปรุงรส มีรสหวาน เค็ม พอดี ตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าสด ใบมะกรูด ใบโหระพา   

 
5. แกงเลียง   
 
        แกงเลียง เป็นแกงที่ประกอบด้วยน้ำพริก ผัก เนื้อสัตว์ น้ำแกงและเครื่องปรุงรส น้ำพริกแกงเลียงจะแปลกกว่า
แกงชนิดอื่น ๆ เพราะมีพริกไทย หัวหอม กะปิ กุ้งแห้ง ปลาย่างหรือปลากรอบ น้ำแกงมีลักษณะข้น  ผักที่นิยมใส่ที่
สามารถบอกลักษณะว่าเป็นแกงเลียง  คือ   ใบแมงลักมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน     นอกจากนั้นยังมีผัก   เช่น  ตำลึง
ฟักทองข้าวโพดอ่อน หัวปลี บวบ ผักหวาน ฯลฯ เนื้อสัตว์ได้แก่ กุ้งสด เนื้อไก่ ฯลฯ ปรุงรสด้วยน้ำปลาหรือเกลือ   


6. ต้มยำ   
 
        ต้มยำ เป็นอาหารที่ประกอบด้วยเนื้อสัตว์เป็นหลัก  มีผัก  น้ำเปล่าหรือน้ำซุป   ปรุงรสเปรี้ยว เค็ม เผ็ดเล็กน้อย
เนื้อสัตว์ได้แก่ กุ้งสด หมู ไก่ ปลา ฯลฯ ผักที่สามารถบอกลักษณะได้ว่าเป็นต้มยำ คือ ตะไคร้ ใบมะกรูด ผักประกอบ
อื่น ๆ ได้แก่ เห็ดนางฟ้า กะหล่ำปลี เห็ดฟาง ฯลฯ  ปรุงรสด้วย น้ำมะนาว น้ำมะขามเปียก น้ำปลา ต้มยำแบ่งได้เป็น
2 ประเภท คือ ต้มยำที่ไม่ใส่กะทิ เช่น ต้มยำกุ้ง ต้มยำหัวปลา ต้มยำที่ใส่กะทิเช่น ต้มยำหัว


7. แกงจืด   
 
        แกงจืด เป็นอาหารที่ต้องรับประทานร้อน ๆ จึงจะอร่อยและคล่องคอ มีส่วนประกอบของน้ำประมาณ 3 ใน 4
ส่วนของเนื้อ   ก่อนปรุงแกงจืดต้องต้มกระดูกทำน้ำซุป กรองแล้วนำขึ้นตั้งไฟอีกครั้ง จึงนำมาแกง เวลาแกงต้องให้
น้ำเดือดพล่าน ใส่เนื้อสัตว์ลงไปก่อน จึงใส่ผัก  ผักที่ใช้ต้องเลือกว่าชนิดไหนสุกเร็ว หรือบางชนิดต้องเคี่ยวนาน  ถ้า
เป็นผักที่ต้องเคี่ยวจนเปื่อยก็ใส่พร้อมเนื้อสัตว์ได้ เช่น การต้มจับฉ่าย
        การต้มน้ำแกงจืด   ใช้กระดูกไก่ กระดูกหมูทุบตามข้อให้แตก แช่น้ำเย็นไว้ประมาณหนึ่งชั่วโมงใส่น้ำให้มาก
เติมเกลือนิดหน่อยยกขึ้นตั้งไฟอ่อน   เคี่ยวจนน้ำซุปงวดยกลงกรองพักไว้   นำกระดูกที่ต้มแล้วใส่น้ำยกขึ้นตั้งไฟใส่
หัวผักกาดขาว ขื่นฉ่าย ลงต้ม  เพื่อทำให้น้ำซุปหวานยิ่งขึ้น  แล้วนำมากรองด้วยผ้าขาวบางผสมกับน้ำซุปครั้งแรก
นำไปทำน้ำแกงจืด


 

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #175 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 05:56:22 PM »

รสชาติอาหารไทย

รสเค็ม   
 
           อาหารไทยได้รสเค็มจากน้ำปลาเป็นส่วนใหญ่ การประกอบอาหารไทยเกือบทุกชนิด ถ้าต้องการรสเค็มแล้ว
จะขาดน้ำปลาไม่ได้เลย    สังเกตจากเวลารับประทานอาหาร  จะต้องมีถ้วยน้ำปลาเล็ก ๆ      รวมอยู่ในสำรับอาหาร
แต่บางครั้งนอกจากน้ำปลาแล้วยังใช้เกลือหรือซีอิ๊วขาวเป็นตัวปรุงรสอาหารให้เกิดความเค็ม

 
รสหวาน   
 
           การประกอบอาหารไทยรสหวาน โดยทั่วไปในอาหารไทยใช้น้ำตาลทรายในการประกอบอาหารแล้ว   ยังมี
น้ำตาลอีกหลายชนิด เช่น  น้ำตาลมะพร้าว  น้ำตาลทรายแดง  น้ำตาลโตนด  น้ำตาลงบ ฯลฯ

 
เปรี้ยว   
 
           อาหารไทยนอกจากจะได้จากน้ำส้มสายชู    แล้วยังมีมะนาว   และที่นำมาใช้ประกอบอาหารกันมาก  โดยที่
ประเทศอื่น ๆ   ไม่มีใช้ก็คือ  ความเปรี้ยวที่ได้จากน้ำส้มมะขามเปียก น้ำมะกรูด น้ำส้มซ่า นอกจากนั้นรสเปรี้ยวจาก
ใบมะขามอ่อน  ใบมะดัน  ใบส้มป่อย  มะดัน  ซึ่งรสเปรี้ยวจากสิ่งเหล่านี้มีแต่ในอาหารไทย

 
รสเผ็ด   
 
           รสชาติอาหารของประเทศใดก็ไม่เผ็ดร้อนเหมือนอาหารไทย        รสเผ็ดที่ได้จากอาหาร มาจากพริกขี้หนู
พริกชี้ฟ้าสด    เรายังนำมาตากแห้งเป็นพริกแห้ง  คั่วแล้วป่นเป็นพริกป่น   รสเผ็ดเป็นรสที่อาหารไทยจะขาดไม่ได้
ในการประกอบอาหารคาวชนิดที่ต้องมีรสเผ็ด  การจะใส่พริกมากน้อยขึ้นอยู่กับความต้องการรส
ของผู้บริโภค


รสมัน   
 
           อาหารไทย ได้รสมันจากกะทิและน้ำมันเป็นส่วนใหญ่ ในการประกอบอาหารไทยโดยเฉพาะอาหารประเภท
แกงกับขนมไทย ความมันที่ได้จะมาจากแกงที่ใส่กะทิ เช่นแกงหมูเทโพ แกงเขียวหวาน ขนมชั้น ตะโก้ ฯลฯ ฉะนั้น
รสชาติของอาหารไทย จึงมีความกลมกล่อมจากรสชาติต่าง ๆ
 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #176 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2011, 05:58:35 PM »

เทคนิคในการประกอบอาหารประเภทแกง

1. เนื้อสัตว์   
 
      เนื้อสัตว์ที่นำมาประกอบอาหารประเภทแกงมีหลายชนิด ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบอาหารจะเลือกให้เข้ากับแกงชนิด
นั้น ๆ ผู้ประกอบอาหารจำเป็นต้องรู้จักวิธีทำเนื้อสัตว์ คือ

   
 
       ไก่ เป็ด นก   อาจเลือกทำได้หลายวิธี หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทั้งหนัง หั่นเป็นชิ้นใหญ่ หรือตัดเป็นท่อน ๆ ทั้ง
      กระดูกหรือแกงทั้งตัวได้  การล้างควรล้างภายนอกของตัวสัตว์ก่อน      ถ้าขนยังติดอยู่ถอนขนออกให้หมด
      ล้างโดยรอบให้สะอาด   ถ้าใช้ทั้งตัวตัดเท้าและก้นออก    นอกนั้นคงไว้    กรอกน้ำลงในตัวแล้วดึงสาปสอง
      ข้างออก ถ้าใช้เนื้อไก่ทำแกงจืด  ควรใส่ขณะที่น้ำเดือด เพราะน้ำแกงจะไม่ขุ่น   ถ้าใช้เป็นท่อน ควรตัดดังนี้
       คือ ขาบน ขาล่าง ตัดปีกทั้งสองข้าง ตรงอกตัดออกทั้งชิ้น แบ่งเป็นสองหรือสี่ชิ้นตามต้องการ  เหลือโครง
      ที่ไม่มีเนื้อกับคอนำไปต้มเป็นน้ำซุปใช้สำหรับทำน้ำแกงจืดต่อไป

       เนื้อวัว ไม่ควรล้างเนื้อแช่น้ำ นาน ๆ ควรใช้วิธีการผ่านน้ำแล้วนำขึ้นมาผึ่งเพราะการล้างเนื้อในน้ำจะทำ
      ให้เลือดอันเป็นของมีประโยชน์สูญเสียไปกับน้ำ   การหั่นถ้าหั่นเป็นชิ้นใหญ่ เช่น แกงมัสมั่น  ควรทุบให้นุ่ม
      ทั้งชิ้นใหญ่ก่อนจึงหั่น   ถ้าใช้ชิ้นเล็กควรหั่นเป็นท่อนตามยาวกะให้กว้างพอแล่ได้  แล้วใช้มีดบาง คม ๆ แล่
      เป็นชิ้นแฉลบ ทำให้สุกง่ายและไม่แข็งต่างกับการหั่นตามขวาง

       ปลา ถ้าเป็นปลามีเกล็ดให้ขอดเกล็ดก่อนล้าง มิฉะนั้นจะลื่นจับยาก เมื่อขอดเกล็ดแล้วจึงตัดหัวออกตัดตัว
      เป็นท่อน ๆ หรือแล่ก้างกลางออก หั่นเนื้อปลาเป็นชิ้น ๆ แล้วแต่ความประสงค์ที่นำไปประกอบอาหาร ถ้าปลา
      ตัวเล็กใช้ทั้งตัว เช่น ปลาทูสด ควักเอาพุงและไส้ออกทางปากแล้วล้างให้สะอาด การต้มปลาต้องใช้น้ำเดือด
      พล่าน ไม่คนในขณะที่น้ำยังไม่เดือด เพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นคาว

       กุ้ง ล้างทั้งเปลือกแล้วปอก  การล้างอย่าแช่ในน้ำ ควรจุ่มน้ำล้างจนทั่วแล้วรีบเอาขึ้นทันที  มิฉะนั้นจะทำ
      ให้หายหวาน ผ่ากลางหลังดึงเส้นสีดำออก  การต้มกุ้งต้องใส่เวลาน้ำเดือดเช่นเดียวกับปลา  ถ้าต้มกุ้งใช้เวลา
      นานเนื้อกุ้งจะแข็ง

   
  2. ผักที่จะใช้แกง   
 
      สำหรับแกงเผ็ดมีผักหลายชนิด เช่น หน่อไม้ มะเขือ ถั่วฝักยาว ฯลฯ ต้องเลือกให้เข้ากัน ส่วนผักที่โรยให้มีกลิ่น
หอม  มีใบโหระพา ใบกระเพรา ใบแมงลัก และใบมะกรูด  เป็นต้น   การหั่นผักควรหั่นขนาดพอคำ   หรือหั่นตาม
ลักษณะของแกงชนิดนั้น ๆ ว่าจะใส่ผักอะไรชิ้นเล็กหรือชิ้นใหญ่ ส่วนผักใบก็เด็ดเป็นใบ ๆถ้าแกงที่ต้องใช้ผักหลาย
อย่างปนกัน เช่น  แกงส้มผักรวมควรเลือกผักสุกยากลงต้มกับน้ำแกงก่อนจึงใส่ผักที่สุกง่ายตามลำดับ  ถ้าเป็นผักใบ
เขียวที่จะโรยหน้า ควรใส่เมื่อยกลงจากเตาแล้ว  เพื่อให้สดและเขียวดูน่ารับประทาน 

   
  3. เครื่องปรุงรส   
 
      สำหรับแกงกะทิควรใส่น้ำตาลแต่น้อยเพื่อแทนผงชูรส  เพราะมีรสหวานจากกะทิอยู่แล้วถ้าเป็นแกงคั่วส้มหรือ
แกงส้มใช้น้ำส้มมะขามเปียก ถ้าเป็นแกงต้มส้ม นอกจากใส่น้ำส้มมะขามเปียกแล้วควรใช้น้ำส้มสายชูหรือน้ำมะนาว
ปรุงรสด้วยเล็กน้อย  จะทำให้แกงมีรสชาติและหอมน่ารับประทานขึ้น   การประกอบอาหารทุกชนิด เครื่องปรุงรส
มีความสำคัญเพราะทำให้รสชาติอาหารดีขึ้น  เช่น น้ำปลา ซีอิ๊ว ควรใช้ของดี โดยที่ไม่ต้องใช้ผงชูรสช่วย

   
  4. การคั้นมะพร้าว   
 
        การคั้นมะพร้าวควรคั้นให้กะทิออกมันมาก ๆ ต้องคั้นด้วยน้ำอุ่นจัดและคั้นเพียงสองน้ำก็พอ ถ้าประกอบอาหาร
ประเภทเนื้อวัวควรใช้น้ำกะทิมากกว่าอย่างอื่น  เพราะเนื้อวัวเปื่อยยากต้องเคี่ยว  สำหรับแกงคั่วต้องมีหัวกะทิข้น ๆ
ไว้ใส่เมื่อแกงสุกแล้วใกล้จะยกลง
   
บันทึกการเข้า

finghting!!!
อุ๊
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1778



« ตอบ #177 เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 03:15:16 PM »

 หัวเราะกันนะ หัวเราะกันนะ หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #178 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 08:54:37 PM »

 Smiley
สวัสดีค่ะ

 เทวดา วันนี้มีเมนูมังสิวิรัต โนเอนีม่อน

ชื่อไรดีหนอ Undecided

เครื่องปรุง

ยอดมะพร้าวอ่อน อ่อน
เห็ดหูหนู
เห็ดออริจินอล
ใบโหระพา
กระเทียม
พริกขี้หนูแดง


วิธีทำ

ล้างทุกอย่างให้สะอาดอย่างเบามือน้ะค่ะ สีเขียวฟันขาว เด็ดใบโหระพาแช่น้ำเอาไว้ก่อน หั่นเห็ดออเป็นชิ้นเล็กๆๆบางๆๆและซอยเห็ดหูหนูอย่างเบามือ ปอกกระเทียมทุบซอยยิ๋บๆๆ พริกขี้หนูทุบไปสัก 4 ครั้งหั่นเป็นท่อนๆๆ เอาล่ะค่ะ ตั้ง Pan เปิดไฟอ่อนๆ  sleepyรอควันลอยนิดๆๆใส่กระเทียมพริกคุณหนูอย่างนุมนวล  Tongueผัดเบาๆ มีคนจามสักคน ดูสีเหลืองอ่อนใส่ยอดมะพร้าวอ่อนลงไปค่ะผัดช้าๆ4-5 ครั้ง ใส่เห็ดออลงไป ผัดไป ผัดมา Coolเติมน้ำมันหอยเห็ดหอมลงไปอย่าใส่มากเกินไปน่ะค้ะ เค็มค่ะ หอมยังค่ะ ถ้าหอมแล้วใส่น้ำผึ้งค่ะหาไม่ทันใช่ไหมค่ะน้ำตาลทรายแดงก็ได้ค่ะแต่ถ้าหาซื้อมาได้จะรู้ค่ะหอมน้ำผึ้งจริงๆๆค่ะ หัวเราะกันนะถ้าแห้งไปเติมน้ำพอคลุกคลิกค่ะดับไฟโรยใบโหระพาคลุกอีกครั้งค่ะ ชิมค่ะชิม:'(อร่อยชั่มมิ๋ Shocked good cooker   Blue เพื่อสุขภาพ รสเด็ดอีกด้วยค่ะ เทวดา


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2011, 08:56:13 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #179 เมื่อ: พฤษภาคม 09, 2011, 09:23:26 PM »

 Grin
แกงจืดสักถ้วยไหมค่ะ

เครื่องปรุง

ไข่ 2 ฟอง
ผักกาดขาว
วุ้นเส้น
แครอท

วิธีทำ

ตอกไข่ใส่ชามปรุงรสตามใจชอบเอารสจัดหน่อยค่ะตั้งPanรอร้อนหน่อยใส่น้ำมันกะพอดีอย่ามากไปควันลอยนิดๆๆเทไข่ลงไปให้กระจายเต็มPanให้เหลืองเข้มหน่อยใช่ตะหลิวตัดเป็นชิ้นๆๆๆเอาลงพักไว้ แช่วุ้นเส้น ตั้งหม้อใส่น้ำให้เดือดใส่แครอทหั่นเป็นดอกไม้สวยๆๆพอเดือดใส่วุ้นเส้นอย่าลืมตัดให้สั้นๆๆน่ะจ้ะใส่ไข่ที่พักไว้ตามด้วยผักกาดขาว เติมสีอิ๊วขาว ชิม ชิม Undecided


 Undecidedจะกิงเองหรึเอาป่ายหั้ยคนข้างบ้นกิงดี Cheesy  อิ อิ ล้อเล่ง เทวดา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤษภาคม 09, 2011, 09:25:26 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 10 11 [12] 13 14 ... 33   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: