Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 33   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนกันเข้าครัว  (อ่าน 79392 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #180 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 12:01:40 PM »

 Smiley
ร้านMongmin

             ไปร้านนี้ทีไรทำให้นึกถึงตอนเล็กๆๆมากจะมีรถถีบ ถีบผ่านบ้านอยู่ประจำเวลาเดิมๆๆถ้าใครพอจำได้เค้าจะมีทีเคาะจังหวะของเค้าคือเราจะรู้ว่าเค้าขายอะไร Undecidedกลิ่นหอม หอม พร้อมกับเสียงเคาะทีแว่วแว่วมาแต่ไกล ประมาณตี2  Angryแล้วคร้ายยยยมันจะลุกไปกิงดั้ยจิงมั่ยค่ะ Grinอิ อิ กลับมาเข้าร้านต่อ ร้านนี้นู๋ไปหลายๆๆๆครั้งมาก เพราะชอบอาหารที่เป็นเส้นๆๆร้านนี้เส้นหมี่จะเล็กกว่าทั่วๆๆไปนิดหน่อยแต่รสชาติอร่อยเหนียวนุ่มหอมบะหมี่ ราคาไม่แพงมีเป็นเซ็ท ถ้าไปเป็นคู่ Grinหรือมีกขค. Aznไปด้วย อยู่ชั้น5 Central ปิ่นเกล้า

ปล.อาหารหรือของหวานบางอย่างเค้าโชว์ดูสวยงามน่าเจี๋ยะเหมือนจะอร่อยหรืออร่อยเราไม่ได้กินเราไม่รู้มองราคาสักนิดถ้ามันไม่ได้pineappleมันจะไม่คุ้มกับเงินที่เสียไปดังนั้นอยากเตือนผู้อ่านจงใช้สติในการเลือกกินเจ้าค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #181 เมื่อ: พฤษภาคม 15, 2011, 12:25:06 PM »

 Smiley
อาหารวันนี้

ลาบน้องสาว

ปลาย่าง
เห็ดเข็มทอง
เห็ดหูหนู
ใบสะระแน
ข้าวคั่ว
เม็ดมะม่วงหิมะพาน
มะนาว
พริกป่น


วิธีทำ

เเกะเอาเนื้อปลาขาวๆๆออกระวังก้างไม่เอาค่ะแล้วอย่าหยิบกินเล่นล่ะเดี๋ยวหมด หัวเราะกันนะพักไว้ไปล้างผักต่างๆให้สะอาดใบสะระแนต้องล้างอย่าให้ช้ำรองน้ำใส่ชามเอาใบสะระแนจุ่มๆๆเปลี่ยนน้ำหน่อยจับตรงก้านมันเเล้วสะบัดน้ำออกเด็ดใส่ภาชนะเอาเข้าตู้เย็น หั่นหูหนูยาวๆเส้นเล็กๆๆอย่าลืมตัดตูดมันออกหน่อย เห็ดเข็มทองเนี่ยจับมากๆๆมันช้ำก่อนเอาออกจากที่ห่อหั่นตูดมันทิ้งอย่าขี้เหนียวล่ะ รองน้ำเอาเห็ดลงไปแผ่ในน้ำเทน้ำทิ้งล้างสัก2-3 ครั้ง หั่นตามใจชอบ เทวดา ซอยเม็ดมะม่วง

ปรุง

เอาเนื้อปลาใส่ในชามใหญ่หน่อยเพื่อใส่เครื่องปรุงและคลุ้กเคล้า มิกซ์ทุกอย่าง ตั้งน้ำใหเดือดรวกเห็ดหูหนู เข็มทองสะเด็ดน้ำ คลุกกับเนื้อน้องปลาใสข้าวคั่วนิดหน่อยใส่น้ำปลา บีบมะนาว คลุกๆชิม ใส่พริกบ่นตามใจชอบคลุกๆๆๆๆ ชิมๆถ้าชอบหวานเติมน้ำตาลทรายแดงนิดหน่อยถ้าชอบเปรี๊ยวไม่ต้องจ้ะ ตักใส่จานโรยข้าวคั่วตามด้วยเม็ดมะม่วงไปเอาไปสะระแนในตู้เย็นมาโรยหน้า กิงด้ายยยย หัวเราะกันนะ

ปล.อ่านอย่าระมัดระวังด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #182 เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2011, 10:38:21 AM »

เทคนิค/หุงข้าวด้วยไม้ไผ่

การหุงข้าวมีอยู่หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการหุงข้าวด้วยหม้อหุง ข้าวไฟฟ้า หรือการหุงข้าวด้วยเตาถ่านโดยการหุงข้าวแบบเช็ดน้ำและไม่เช็ด น้ำ ซึ่งแต่ละวิธีจะมีกระบวนการที่แตกต่างกัน ผลลัพธ์ที่ได้คือเราจะได้

ข้าวสวยที่ สุกน่ารับประทาน และยังมีการหุงข้าวอีกหนึ่งวิธีที่หลาย ๆ คนอาจจะยัง ไม่เคยได้สัมผัสหรือทดลองหุงซึ่งเป็นการหุงข้าวที่น่าสนใจและได้ข้าวสวยสุก ที่มีกลิ่นหอมน่ารับประทาน ซึ่งวิธีการหุงวิธีจะทำการหุงข้าวด้วยกระบอกไม้ ไผ่ ซึ่งมีวิธีการดังนี้

วัสดุ-อุปกรณ์

1. ข้าวสารเจ้า
2. กระบอกไม้ไผ่สด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 3.5 นิ้ว ขึ้นไป  ทำการตัดกระบอกไม้ไผ่ความยาวด้านหนึ่งจากข้อไม้ไผ่ยาว 15 นิ้ว (ด้านที่ใช้สำหรับหุงข้าว) อีกด้านยาวประมาณ 5 นิ้ว
3. ใบตอง ที่ใช้สำหรับห่อข้าวสาร
4. เชือกฟางหรือเชือกกล้วยที่ใช้สำหรับมัดใบตอง

ขั้นตอนการหุงข้าว

1. ล้างทำความสะอาดกระบอกไม้ไผ่ให้สะอาด (ทั้งด้านในและด้านนอก)
2. นำข้าวสารมาซาว ล้างทำความสะอาดประมาณ 1-2 น้ำ
3. น้ำข้าวสารที่ซาวเรียบร้อยแล้ว มาห่อด้วยใบตองที่เราเตรียมไว้
 ลักษณะ การห่อคล้ายกับการห่อข้าวต้มมัด ม้วนใบตองแล้วทำการปิดหัวปิดท้าย อย่าห่อให้แน่น ปริมาณข้าวสารที่ห่ออย่าให้มากจนเกินไปและ ขนาดของห่อข้าวควรจะเล็กกว่าขนาดของไม้ไผ่ เพราะจะง่ายต่อการใส่ห่อข้าวลงในกระบอกไม้ไผ่ ให้เหลือช่องว่างในกระบอกไม้ไผ่บ้างเผื่อพื้นที่เมื่อข้าวสุก
4. ใช้เชือกมัดเพื่อป้องกันการหลุดของใบตอง
5. นำใบตองที่ห่อข้าวสารลงไปในกระบอกไม้ไผ่ ประมาณ 3 ห่อ
6. ให้เหลือพื้นที่ว่างจากบริเวณปากกระบอกประมาณ 4 นิ้ว
7. นำน้ำสะอาดใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ อย่าให้เต็ม ให้เหลือพื้นที่จากปากกระบอกประมาณ 2 นิ้ว
8. นำกระบอกไม้ไผ่ไปเผาบนกองไฟ โดยลักษณะการวางกระบอก คือ ตั้งตรง ต้องคอยระวังอย่าให้กระบอกไม้ไผ่ล้ม
9. สังเกตเมื่อน้ำเดือด รอเวลาประมาณ 20 นาที จากนั้นให้รินน้ำออก (คล้ายกับการหุงข้าวเช็ดน้ำ)
10. จากนั้นนำกระบอกไม้ไผ่ไปอังไฟอ่อนๆ ประมาณ 10 นาที
11. ผ่ากระบอกไม้ไผ่เพื่อนำข้าวมารับประทาน

ข้อดีของการหุงข้าวในกระบอกไม้ไผ่

1. ข้าวที่ได้จะมีกลิ่นหอมน่ารับประทาน
2. เหมาะสำหรับคนที่รับประทานข้าวได้น้อย ข้าวที่หุงจะง่ายต่อการรับประทาน
3. สามารถนำไปปรับใช้ในการเดินป่าได้
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #183 เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2011, 02:18:21 PM »

ขนมรังผึ้ง



เครื่องปรุง+ส่วนผสม

แป้งข้าวเจ้า 4 ถ้วยตวง
แป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่งเหลืองต้มบดละเอียด 4 ถ้วยตวง
ไข่ไก่ ใช้เฉพาะ ไข่ขาว 4 ฟอง
หัวกะทิ 6 ถ้วยตวง
น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วยตวง
น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
เกลือบ่น 1 ช้อนชา




วิธีทำขนมไทยที่ละขั้นตอน

1.นำแป้งไปผสมกับน้ำตาลทรายเกลือ และถั่วต้มบด คนจนส่วนผสมเข้ากันดี
2.นำไข่ขาวไปตีจนขึ้นฟู จากนั้นนำไปผสมกับแป้งที่เตรียมไว้ในขั้นตอนที่1 ผสมจนเข้ากันดี
3.ทาน้ำมันบางๆที่แบบพิมพ์ ตักส่วนผสมแป้งเทลงในแบบ พอท่วมให้รีบปิดฝาบนทันที
 กลับพิมพ์ไปมาทั้งสองด้านให้ถูกความร้อนจนสุกเหลืองทั่ว จึงเคาะออกจากแบบ
4.เสริฟทันทีขณะร้อนๆ หรือ เสริฟทานกับไอศครีม หรือแย้มผลไม้ก็ได้ค่ะ

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #184 เมื่อ: พฤษภาคม 27, 2011, 02:25:14 PM »

เส้นก๋วยเตี๋ยว + อาหารไทย



สำหรับอาหารไทย มีเส้นก๋วยเตี๋ยวหลายชนิดด้วยกัน ขนาดของเส้นก็ต่างกันด้วยไม่ว่าจะเป็นเส้นเล็ก, เส้นใหญ่, เส้นหมี่ ฯลฯ นอกจากนั้นเส้นก๋วยเตี๋ยวยังสามารถแยกเป็นประเภทเส้นที่ผลิตสดใหม่ๆ และชนิดแห้ง (ซึ่งต้องนำไปแช่น้ำก่อนประกอบอาหาร) ขณะเดียวกันเส้นก๋วยเตี๋ยวยังทำมาจากวัตถุดิบที่ต่างชนิดกันด้วย เช่น ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า, แป้งข้าวสาลี หรือถั่วเขียว (mung bean)

ในกรณีที่ใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดแห้ง (Dried Noodles) ก่อนนำมาประกอบอาหาร จำเป็นต้องนำเส้นก๋วยเตี๋ยวไปแช่ในน้ำประมาณ 15-20 นาทีก่อนใช้งาน จากนั้นจึงสามารถนำไปผัดได้ กรณีที่จะนำไปใส่ในแกงจืด ก็นำเส้นก๋วยเตี๋ยวไปแช่ในน้ำประมาณสองนาทีก็พอ กรณีที่ต้องการใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวชนิดแห้งด่วนสามารถนำเส้นไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาทีแล้วนำเส้นไปแช่ในน้ำเย็น เพื่อไม่ให้เส้นก๋วยเตี๋ยวเละ   ขณะเดียวกันถ้าใช้เส้นก๋วยเตี๋ยวที่ผลิตสดใหม่ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องนำไปแช่น้ำก่อนนำมาประกอบอาหารแต่อย่างใด สำหรับเส้นหมี่ที่ต้องการนำไปทอดกรอบ ก็ไม่จำเป็นต้องแช่น้ำ สามารถนำไปทอดได้ทันที



วุ้นเส้นที่ใช้ประกอบอาหารนั้น โดยปกติจะทำจากถั่วเขียว ก่อนนำไปประกอบอาหารต้องนำแช่ในน้ำประมาณ 5 นาที แต่ถ้าจะนำวุ้นเส้นไปทำยำ (ยำวุ้นเส้น) จำเป็นจะต้องนำวุ้นเส้นไปลวกในน้ำร้อนและนำไปแช่น้ำเย็น (เพื่อป้องกันไม่ให้เส้นเละ) จากนั้นจึงค่อยนำไปทำยำต่อไป



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #185 เมื่อ: พฤษภาคม 30, 2011, 12:30:09 PM »

Good afternoon

How are you? I'm fine  Azn
It's too hot and cool and rain all the time ,should to take care of yourself , we will find some good food to eatting,what are you eating you should to thinking more more and more before you eat: beacuse now the time change, we might like  some rat to try on with  food so big deal to care of yourself

I hope you have agood time  

 
thanks

 Undecided Cheesy :Smiley Huh?
บันทึกการเข้า

finghting!!!
อุ๊
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1778



« ตอบ #186 เมื่อ: มิถุนายน 03, 2011, 01:49:16 PM »

มีแต่เมนูเด็ด ๆ น่าหม่ำทั้งนั้นเลย
 Grin Cheesy Wink


บันทึกการเข้า
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #187 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 08:57:34 PM »

เมนูดอกไม้


ดอกไม้นอกจากจะทำให้โลกเบี้ยวๆใบนี้ งดงามด้วยสีสัน รูปแบบทั้งบางชนิดก็มีกลิ่นหอมด้วยแล้วดอกไม้ก็ยังนำมาปรุงอาหารได้ด้วยค่ะ ไม่ใช่แค่เรียงประดับจานให้สวยนะคะ แต่นำมาปรุงอาหารเป็นเมนูแสนอร่อยได้เลยค่ะ ลองมาดูกันค่ะว่า เมนูดอกไม้นั้น จะน่าทานและมีประโยชน์เพียงใด


น้ำพริกจะเด็ดกับเจ็ดดอกฟ้า
น้ำพริกเจ้าชู้ คู่กับดอกฟ้าแสนงามทั้งเจ็ด ในแต่ละวัน เราควรกินพืชผักผลไม้ ให้ได้ 5 สี เพื่อสุขภาพที่ดี เด็ดดอกไม้ดอกไร่ และไม้ผลที่มีรสเปรี้ยว เพื่อนำมาตำน้ำพริกแบบง่ายๆ แต่อร่อยเด็ด

เครื่องปรุงน้ำพริก
พริกหนุ่ม 2 ดอกใหญ่ พริกแดงใหญ่ 1 ดอก พริกขี้หนู 5-10 เม็ด ถ้าชอบเผ็ด
หอมแดง และกระเทียมหั่นหยาบ อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
ปลาแห้งตัวเล็กๆ 3-5 ตัว กุ้งแห้งตัวเล็กๆ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายนิดหน่อย
ผลเชอรี่ห่าม ผลหม่อน มะนาว ตะลิงปริง มะขามอ่อน แล้วแต่จะเด็ดได้จากในสวนของเรา

วิธีทำ
- หั่นพริกตามขวาง เป็นท่อนสั้นๆ คั่วกับกระทะ ด้วยไฟกลางถึงอ่อน
- พอพริกเริ่มสลด เติมหอมและกระเทียมหั่นหยาบลงคั่วไฟด้วยกัน
- เมื่อเครื่องปรุงหอมไฟได้ที่ เติมน้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
- คั่วเครื่องปรุงทั้งหมดพร้อมกับกุ้งแห้งตัวเล็ก
- ตำปลาแห้งตัวเล็กให้แหลก แล้วเติมเครื่องปรุงที่ผัดจนหอมและเย็นแล้ว ตำต่อจนเข้ากัน
- เติมผลไม้เปรี้ยวที่เรามี ตำพอแหลก ใส่น้ำปลา เดาะน้ำตาลนิดหน่อย แล้วเคล้าให้เข้ากัน
- นำไปตั้งโต๊ะ จัดด้วยดอกไม้สดที่กินได้ 7 ชนิด


ดอกฟ้าแสนงาม จากสวรรค์ชั้นเจ็ด ที่จะเด็ดใฝ่หา สีสวยด้วยคุณค่าทางอาหารและยา ดอกฟ้าทั้งหมด จะงดงาม ถ้ารับประทานกันสดๆ บางชนิดอาจมรสขื่น หรือฝาดบ้าง
บางชนิดมีรสเปรี้ยว และแกมด้วยน้ำหวานในดอกพอชื่นใจ


รายชื่อดอกฟ้า

- ดอกผักตบไทย เลือกช่ออ่อน ยังไม่ติดเมล็ด
- ดอกอัญชัน กินสดทั้งดอก รวมกลีบเลี้ยง
- ดอกกาหลง แม้ใบอ่อนๆ ก็กินได้
- ดอกแค ทุกสี กินได้ กินดี
- ดอกดาหลา เฉพาะสีปูน จะไม่ค่อยฝาด
- ดอกเข็ม
- ดอกชบา
- ดอกกวางตุ้ง ดอกต้อยติ่ง ดอกขจร ฯลฯ



ข่ากุ้งซ่อนกลิ่น
กลิ่นหอมหวานของแกงข่าสำรับนี้ ไม่มีทางที่จะเร้นกลิ่นไว้ได้เลย ยิ่งได้กลิ่นดอกซ่อนกลิ่น ที่ใส่ในแกงข่าด้วยแล้ว จะยิ่งเจริญอาหาร ยิ่งกว่าแกงข่าธรรมดา และน้อยคนนัก ที่จะรู้ว่า ซ่อนกลิ่นนี้ กินดี รสดี มีประโยชน์

เครื่องปรุง
- ดอกซ่อนกลิ่น เลือกดอกบานเฉพาะติดก้านดอก และยอดช่ออ่อน รสจะหวาน
- กุ้งสด สองขีด ปอกเปลือก ผ่าตลอดหลัง
- กะทิ ถ้วยครึ่ง
- หอมแดง 3-4 หัว ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด ใบผักชีฝรั่ง ซอยบางๆ
- เห็ดสด พริกหวาน พริกชี้ฟ้า พริกหยวก
- น้ำปลาครึ่งถ้วย มะนาว 2 ผล น้ำตาลนิดหน่อย

วิธีทำ
- ต้มกะทิ 1 ถ้วย กับหอมแดง ข่า ตะไคร้ จนน้ำกะทิหอม
- หั่นพริกทั้งหลายเป็นแว่นและชิ้นเล็กๆ เติมลงในน้ำแกง
- เติมเห็ดสด กุ้งสด รอให้กุ้งเกือบสุก เติมน้ำกะทิที่เหลือ ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะนาว และน้ำตาล
- ใส่ดอกซ่อนกลิ่น รอให้ดอกสลด ตักใสชาม โรยใบมะกรูด ใบผักชีฝรั่งซอย



ซูชิดอกไม้
เห็นวัฒนธรรมการกินข้าวห่อสาหร่ายแล้ว ขอดัดแปลงนำแผ่นก๋วยเตี๋ยวห่อไส้ แล้วตัดพอคำ น่ากิน ไม่แพ้ซูชิ แต่เก๋กว่ามากมาย เพราะเราจะห่อดอกไม้สดไว้ในไส้นั้นด้วย นอกจากดอกไม้ เราจะเพิ่มเติมไส้ด้วยเนื้อชนิดต่างๆ หรือผักอื่นๆ เท่าที่เราต้องการหรือตามฤดูกาล ห่อกันทีไร ก็กินกันได้อร่อยทีนั้น สวยทั้งก่อนห่อ และหลังห่อ สวยทั้งคนทำ และคนกิน

เครื่องปรุง
- แผ่นก๋วยเตี๋ยว ที่ยังไม่ตัดทำเส้นใหญ่ หาซื้อได้ในตลาดสดทุกแห่ง
- หมูยอหรือไก่ยอ เต้าหู้แผ่น ตัดเป็นเส้นยาวๆ
- แครอท แตงกวา ฝานเป็นเส้นยาวเช่นกัน
- ดอกไม้สด เช่น ดอกอัญชัน ดอกขจร ดอกโสน ดอกเข็ม ดอกคูน เป็นต้น
- ผักหอม เช่น ต้นหอม ผักชี คื่นฉ่าย ผักชีฝรั่ง
- เห็ดเข็มทอง
- น้ำจิ้ม เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสบ๊วย ซอสพริก ตามสะดวก

วิธีทำ
- เตรียมจานเปลแบน หรือเขียง สำหรับวางแผ่นก๋วยเตี๋ยว
- จัดเรียงผักหอม หมูยอเส้น เต้าหู้เส้น เห็ดเข็มทอง แครอทและแตงกวาเส้น
- โรยกลีบดอกไม้และดอกไม้ต่างๆ
- จับปลายแผ่นก๋วยเตี๋ยวตลบห่อไส้ แล้วค่อยๆม้วน ม้วนให้แน่น
- พอถึงระยะกลางแผ่น เติมกลีบดอกไม้ประปรายบนแผ่นก๋วยเตี๋ยว
- ตัดก๋วยเตี๋ยวห่อไส้เป็นคำสั้นๆ พอดีเคี้ยว ยกตั้ง ใส่จาน จะดูสวยงาม



ข้าวมันอัญชันกับส้มตำดอกไม้
ข้าวมันหอมกลิ่นกะทิ และสีสวยใสเพราะใส่น้ำคั้นดอกอัญชัน กินเพลินเกินห้ามใจ เมื่อเคียงด้วยส้มตำดอกไม้ ส้มตำเลิศค่า เพราะปรุงจากกลีบดอกไม้สด และลิ้มรสความสดสะอาดปราศจากสารพิษ

วิธีหุงข้าวมัน
ข้าวหอมมะลิกลางเก่ากลางใหม่ 2 ถ้วย น้ำสะอาด 2 ถ้วย กะทิสด 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น ครึ่งช้อนชา
น้ำคั้นอัญชัน 2 ช้อนโต๊ะ
ใส่ทุกอย่างหุงพร้อมกัน

วิธีคั้นน้ำอัญชัน
เก็บดอกอัญชัน ยามสาย กลีบดอกขยายเต็มที่ เลือกเฉพาะกลีบดอก เก็บใส่ช่องแช่แข็ง เมื่อต้องการใช้ จึงนำออกมาใส่ในถุงพลาสติกเล็กๆ วางในอุณหภูมิห้อง ให้ละลาย เติมน้ำเปล่านิดหน่อย แล้วขยี้ถุงเบาๆ พอกลีบช้ำ จะได้น้ำอัญชันคั้นสดไว้ใช้

เครื่องปรุงส้มตำดอกไม้
- ดอกไม้สดตามฤดูกาล เช่น ดอกคูน ดอกอัญชัน ดอกเข็ม ดอกเฟื่องฟ้า ดอกกาหลง ดอกผักตบ ดอกขจร ดอกชบา ดอกพุดซ้อน ดอกกุหลาบ เป็นต้น เลือกใช้เฉพาะกลีบดอกที่มีสีสวยๆ
- แครอท ฟักทอง ฟักแม้ว ซอยหรือขูดเป็นเส้น ใช้แทนมะละกอ แต่ให้คุณค่าทางอาหารสูงกว่า และย่อยง่ายกว่า
- ถั่วฝักยาว มะเขือเทศ กุ้งแห้ง

วิธีทำน้ำส้มตำ
- น้ำปลา 1 ถ้วย
- น้ำมะขามเปียก 1 ถ้วย มะนาว 1 ผล
- น้ำตาลปี๊ป หรือ น้ำตาลทรายครึ่งถ้วย
- กระเทียมบุบหยาบๆ ครึ่งถ้วย
- พริกขี้หนูบุบหยาบๆ ครึ่งถ้วย น้อยหรือมากกว่าแล้วแต่ชอบ
- คนทุกอย่างให้เข้ากัน เตรียมไว้สำหรับคลุกส้มตำดอกไม้

วิธีทำส้มตำดอกไม้
- ปรุงเส้นแครอท ฟักทอง และฟักแม้ว พร้อมถั่วฝักยาวบุบ มะเขือเทศ และกุ้งแห้ง ด้วยน้ำส้มตำ คลุกเคล้าจนเข้ากัน
- จากนั้น เติมกลีบดอกไม้ที่เตรียมไว้เป็นสิ่งสุดท้าย เพราะความบอบบางของกลีบ ไม่จำเป็นต้องโขลก เพราะกลีบจะแหลกราญ แลดูไม่งาม ไม่น่ารับประทาน



ซุปถุงทอง
ดอกฟักทอง มีโคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นถ้วยลึก กลีบบานออกเป็นปากแตร สีเหลืองทอง ชื่อแสนจะเป็นมงคล อาหารก็แสนจะมีคุณค่า ไม่ลิ้มไม่ลอง ไม่ได้แล้ว ถุงทองแสนสวย คือ ดอกฟักทอง ที่ต้องเก็บจากต้นใหม่ๆ ไม่เกินสาย เพราะถึงเที่ยงวัน กลีบดอกก็จะหุบห่อ แต่ถ้าเก็บใส่กล่องปิดสนิทไว้ในช่องผัก ก็จะเก็บได้สักสองวัน กรุณาเก็บกินเฉพาะดอกตัวผู้ เก็บดอกตัวเมียไว้สำหรับผลิตฟักทองน้อยต่อไป

เครื่องปรุงและวิธีทำ
- ดอกฟักทองสดใหม่จากต้น เด็ดเฉพาะดอก ก้านไม่ใช้
- ไส้ปรุงรสตามถนัด เสริมเนื้อสัตว์กับผัก เช่น แครอท ฟักทอง มะเขือเทศ ข้าวโพด
- ใบต้นหอมแช่น้ำร้อนให้สลด ส่วนลำต้นก็ซอย สำหรับใส่ในน้ำแกง
- น้ำซุปใส หรือ น้ำสต็อกกระดูก หรือแม้แต่ก้อนซุปปรุงรสก็ใช้ได้
- สอดไส้ปรุงรสแล้ว ลงในดอกฟักทอง พออวบอิ่ม
- รวบปากดอกเข้าหากัน แล้วใช้ใบหอมผูกปากให้แน่น แลดูเป็นถุงตุงๆ สีทอง
- ต้มน้ำซุปให้เดือด แล้วนำถุงทองน้อยๆ ลงต้มต่อ ประมาณ 10 นาที ไส้จะสุก



ข้าวยำดอกไม้
ข้าวยำเป็นอาหารพื้นบ้านคู่กับคนใต้มานานแสนนาน บางทีกินกันเป็นข้าว เป็นอาหารเช้า อาหารเที่ยง อาหารเย็น กินกันได้ทั้งวัน บางทีก็กินกันเป็นอาหารว่าง ค่าที่ข้าวยำปรุงด้วยผักพื้นบ้านเป็นหลัก จึงกินกันได้ ไม่หนักท้อง กินสบายปาก เพราะเต็มไปด้วยผักสมุนไพรนานาชนิด เสริมด้วยโปรตีนจากปลาหรือกุ้ง คาร์โบไฮเดรทจากข้าว สารอาหารครบห้าหมู่ และเชิดชูรสชาตทางตา ทางลิ้น และทางจมูก ด้วยดอกไม้สดหลายอย่าง ตามฤดูกาล โดยเฉพาะดอกดาหลา ซึ่งเป็นไม้พื้นถิ่นของใต้แท้ๆ

เครื่องปรุงข้าวยำ
- ข้าวสุกสวย 3 สี จากอัญชัน ขมิ้น และใบยอ อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
- กุ้งแห้งป่น หรือ ปลาป่น มะพร้าวคั่ว อย่างละ 1 ช้อนโต๊ะ
- ใบไม้หอม หั่นฝอยบางละเอียด เช่น ใบมะกรูด ชะพลู ผักแพว พาโหม ผักชีล้อม บัวบก
- ผักอื่นๆ มีตะไคร้ซอยละเอียด ถั่วฝักยาวซอย มะม่วงสับ มะนาวฝานสักชิ้น
- น้ำบูดูหวาน หรือน้ำข้าวยำสำเร็จรูป 2 ช้อนโต๊ะ พริกป่น 1 ช้อนชา
- ดอกไม้สด เช่น อัญชัน คูน กลีบกุหลาบมอญ เล็บมือนางกับเข็มเด็ดแค่ก้านยาว 1 ซม. ดาหลากลีบใหญ่ซอยบางๆ ดาหลากลีบเล็กใส่ทั้งกลีบ

วิธีปรุง
ไม่แนะนำให้ทำน้ำข้าวยำหรือน้ำบูดูหวานเอง เพราะเกรงว่าจะไม่อร่อยเท่าของใต้แท้ หาซื้อได้ไม่ยากนัก ตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป กินข้าวยำให้อร่อย ต้องคลุกเคล้าเครื่องเคราทั้งหมดให้เข้ากันสนิท เริ่มด้วยการราดน้ำข้าวยำลงในข้าวสีสวย คลุกสักครั้งก่อน แล้วค่อยเติมของแห้งป่นทั้งหมด คลุกอีกครั้งอย่างเบามือ แล้วเสริมด้วยใบไม้หอมหั่นฝอย ตะล่อมเบาๆ จะไม่ช้ำ จากนั้น โรยดอกไม้ดอกไม้ทั้งหมด ยิ่งมาก ยิ่งสวย ยิ่งอร่อย ตักใส่จาน เคียงด้วยมะนาวฝาน
ดอกดาหลาจะมีรสเปรี้ยวอมฝาด ให้สรรพคุณในการช่วยย่อยอาหารและแก้ท้องอืด



ขนมเบื้องดอกไม้
ขนมหรือของว่าง จะกินเล่น หรือกินจริงจัง ก็อิ่มหนำสำราญ ทั้งสวย ทั้งอร่อย และทรงคุณค่า

เครื่องปรุง
- แผ่นปอเปี๊ยะสด หรือแผ่นโรตีที่ห่อสายไหม ขนาดใหญ่สักหน่อย
- ไข่ไก่ เบอร์ศูนย์ ใบเล็กที่สุด
- หมูบดปรุงรสตามชอบ
- ดอกไม้สด เช่น ดอกอัญชัน ดอกขจร ดอกโสน ดอกเข็ม ดอกคูน เป็นต้น
- น้ำมันปาล์มสำหรับทอดขนมเบื้อง
- น้ำจิ้ม เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสบ๊วย ซอสพริก ตามอัธยาศัย

วิธีทำ
- เตรียมถ้วยก้นลึก สำหรับวางแผ่นปอเปีี๊ยะสด
- ปาดหมูปรุงรสจนทั่วก้นถ้วย ปาดบางๆ จะได้สุกได้ง่าย
- ต่อยไข่ไก่ใส่ชามน้อยๆ แล้วค่อยๆรินลงบนหน้าหมูปรุงรส
- เติมดอกไม้สดพอประมาณ พับแผ่นปอเปี๊ยะทั้งสี่ด้านเข้าหากัน
- ตั้งกระทะบนไฟกลาง เติมน้ำมันปาล์ม รอจนร้อนทั่ว ทอดขนมเบื้อง ให้สุก โดยไม่พลิก



เทคแคร์ สลัด
เทคแคร์ตัวเราและครอบครัว เรื่องการกินอยู่ กินกันอย่างเอาใจใส่ และดูแลสุขภาพของทุกคน รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของเราด้วย นั่นคือ การกินดอกไม้ที่เราปลูกเอง ปลูกต้นแคไว้ริมรั้วบ้านสักสองสามต้น ปลูกง่ายๆ ไม่ต้องใช้สารเคมีเร่งสีเร่งโต เราก็จะมีอาหารจากดอกแคให้กินกันหลายอย่าง เช่น ผัดดอกแคใส่ไข่ แกงส้มดอกแค ดอกแคสอดไส้ชุบแป้งทอด และ ยำดอกแค เป็นต้น

เครื่องปรุงและวิธีทำเทคแคสลัด
- ดอกแคสดที่แรกแย้ม หรือ บานแล้วก็ได้ เด็ดกลีบออกจากขั้วดอก ใช้ยำได้ทั้งดอก
- น้ำจิ้มไก่ 2 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ ผสมรวมกัน
- ต้นคึ่นฉ่าย ต้นหอม ผักชี หั่นเป็นท่อนยาวประมาณ 1 นิ้ว
- มะเขือเทศ และ หอมใหญ่ ฝานบาง
- ปลาหมึกปิ้งกรอบ
- หอมเจียว กระเทียมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกขี้หนูบุบพอแหลก
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์ทอดกรอบ บุบพอแหลก 1 ช้อนโต๊ะ
- เคล้าเครื่องปรุงทั้งหมดพร้อมๆกัน เก็บของเจียวไว้นิดหน่อย
- แต่งหน้าด้วยหมึกแผ่นกรอบหักเป็นชิ้นพอคำ และโรยด้วยของเจียวกับเม็ดมะม่วง



แคซ่า
ดอกแคสีขาวสะอ้าน จะซ่าแสบได้อย่างไร เพียงแต่เมื่อเรานำไส้มาสอดไว้ในดอกแค แล้วชุบแป้งทอด หน้าตาอาหารว่างจานนี้ จึงแลดูเหมือนเกี๊ยวซ่าจากญี่ปุ่น แต่ภูมิใจไทยทำ ไทยกิน อร่อย และดีต่อสุขภาพ เพราะดอกแคมีคุณแก่ชาวไทยมานับหลายร้อยปี

เครื่องปรุงและวิธีทำแคซ่า
- ดอกแคสดจากต้น เก็บดอกช่วงเช้า ดอกจะยังไม่บาน ดอกแคบานตอนเย็น
- เตรียมไส้หมูสับ ไก่สับ หรือกุ้งสับปรุงรสตามชอบ
- เปิดดอกแคด้านโค้งข้างบน เด็ดเกสรตัวเมียซึ่งมีสีเขียวออกเพื่อลดความขื่น แต่ไม่ต้องเด็ดออกก็ได้ เพราะรสไม่จัดมาก
- สอดไส้เพียงเล็กน้อย ตลอดความยาวดอก แล้วปิดดอกกลับเหมือนเดิม
- ชุบแป้ง ทอดไฟกลาง พอเหลืองหอม ไส้จะสุกพอดี
- ตักขึ้นพักบนกระดาษซับมัน
- รับประทานเป็นของว่าง พร้อมน้ำจิ้มรสบ๊วย หรือ จิ๊กโฉ่ว หรือ น้าจิ้มเกี๊ยวซ่า



ขนมดอกดิน
ส่วนผสมของขนมดอกดิน
แป้งข้าวเจ้า 1.5 ขีด
แป้งท้าวยายม่อม 1.5 ขีด
น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ กะทิ 200 ซีซี
กล้วยน้ำว้าสุกงอม 2 ผล ขยำจนเนื้อเละ
ดอกดินสด 1 กำมือ
ใบตองสด ไม้กลัด สำหรับห่อ หรือ ถ้วยตะไลใบน้อยๆ สำหรับนึ่งขนม

วิธีทำ
- ล้างดอกดินให้สะอาด แล้วตัดเป็นท่อนสั้นๆ ใส่ในเครื่องปั่น เติมน้ำครึ่งถ้วย ปั่นให้ละเอียด แล้วกรองเอาแต่น้ำ จะได้น้ำสีม่วงตุ่น
- เคล้าแป้งทั้งสองชนิดให้เข้ากัน ค่อยๆรินน้ำดอกดินลงผสม กวนไปเรื่อยๆ จนเข้ากันดี
- เติมน้ำตาลทราย หรือ นำ้ตาลปีปก็ได้ ให้รสอ่อน ไม่หวานแหลม เติมกะทิ เหยาะเกลือป่นนิดหน่อย คนให้เป็นเนื้อเดียวกัน
- เติมเนื้อกล้วยน้ำว้าที่ขยำจนเนียนดีแล้ว คนให้เข้ากัน
- เตรียมซึ้งนึ่งขนมด้วยไฟกลาง
- ตักขนมดิบที่เตรียมไว้ ใส่ในถ้วยหรือกระทงใบตอง ราดหน้ากะทิพองาม


โดย : www.homedd.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 14, 2011, 09:53:36 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #188 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 09:24:18 PM »

    อาหารชีวจิต



การกิน ไม่ใช่กินอย่างไรให้อร่อย แต่เน้นเรื่อง “ กินดี ” เพื่อต้านโรค เพราะเล็งเห็นว่าคนยุคนี้มีโรคภัยมากมายเกาะกุมรุมเร้าอันมีสาเหตุมาจากอาหารการกิน...
 อาหารชีวจิต
ผู้ใหญ่และวัยรุ่นยุคนี้คุ้นเคยกับอาหารจานด่วนมากกว่าน้ำพริกผักจิ้ม ส่วนเด็กยุคใหม่เรียกได้ว่าโตมาจากนมผงและอาหารจานด่วน แถมดูอ้วนท้วนสมบูรณ์แก้มกลมแสนน่ารัก แต่อนาคตทำนายได้ยากว่าจะรอดพ้นจากภัย โรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดตีบ โรคมะเร็งได้แค่ไหน
สำหรับจุดประสงค์หลักของชีวจิตก็คือ ความสุขสมบูรณ์ทั้งกายและใจ โดยยึดเอาวิธีปฏิบัติและความคิดในแนวธรรมชาติเป็นหลัก ในด้านร่างกายและจิตใจนั้น ชีวจิตถือว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ร่างกายมีผลต่อจิตใจ และจิตใจก็มีผลต่อร่างกายด้วยความสุขสมบูรณ์ (Wholeness as Perfection)
การปฏิบัติตามชีวจิตจะมุ่งไปในด้านการสร้างสุขภาพกายและใจก่อน โดยการใช้ อาหารสุขภาพ การใช้เครื่องมืออุปโภคที่มาจากธรรมชาติหรือใกล้กับธรรมชาติมากที่สุด ในขณะเดียวกันชีวิตความเป็นอยู่ก็ต้องไปตามธรรมชาติ คือใช้ชีวิตที่บริสุทธิ์และเรียบง่าย ชีวิตที่เป็นไปตามธรรมชาติจะเป็นชีวิตที่มีอายุยืน แข็งแรง มีความสุขสดชื่นตลอดเวลา เมื่อมีการปฏิบัติทางกายแล้วก็ต้องมีการปฏิบัติทางใจด้วย ในด้านจิตใจเป้าหมาย ที่สำคัญที่สุดคือความสงบทางกายซึ่งอาศัยธรรมชาติเป็นปัจจัยจะทำให้เกิดความสงบทางใจ เกิดปัญญา มองเห็นสัจธรรมของโลกและชีวิต จุดสูงสุดของสัจธรรมนี้คือ ความหลุดพ้น ซึ่งแต่ละคนย่อมมีหนทางและแนวทางเป็นของตนเอง

ชีวจิต คืออะไร
ชีวจิต คือ ร่างกายและจิตใจ เป็นวิถีการดำรงชีวิตและการบริโภคที่เน้นความเป็นธรรมชาติ มีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตแบบแมคโครไบโอติค ซึ่งมีการดัดแปลงให้สอดคล้องกับความเป็นอยู่แบบไทย ๆ อาหารชีวจิต เป็นการบริโภคพืชผัก ธัญพืชไม่ขัดสี ผักผลไม้สดตามฤดูกาลไม่ผ่านการปรุงแต่งพืชหัวไม่ปอกเปลือก ดื่มน้ำสะอาดและชาสมุนไพรหรือน้ำผลไม้ งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด ยกเว้นปลาและอาหารทะเลบริโภคได้เป็นครั้งคราว งดน้ำตาลฟอกขาว กะทิ นม และไข่ การดำรงชีวิต อยู่ในที่อากาศบริสุทธิ์ไม่แออัด มีชีวิตเรียบง่าย ออกกำลังกายสม่ำเสมอ มีชีวิตที่ยัดธรรมชาติเป็นหลัก มีการฝึกสมาธิเป็นประจำ โดยภาพรวมแล้ว การปฏิบัติตามแนวชีวจิตจะมุ่งเน้นความมีสุขภาพดีทั้งกายและใจ และเข้าใกล้ธรรมชาติมากที่สุด
ชีวจิต เป็นแนวความคิดต่อเรื่องสุขภาพแบบองค์วม(Holistic) คือผนวกรวมเอา "ชีว" ที่หมายถึง "กาย" รวมเข้ากับ "จิต" ที่หมายถึง "ใจ" ให้เป็นสองภาคของชีวิตที่มีผลต่อกันและกันโดยตรง ไม่อาจแยกกายออกจากจิต และจิตย่อมกระทบถึงกายเช่นเดียวกัน ความหมายและการปฏิบัติตัวตามแนวทางของชีวจิต จึงอาจอธิบายได้ว่า คนเราจะมีความสุขความแข็งแรงได้ก็ต่อเมื่อกายและใจทำงานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน (Wholeness as Perfection)

การใช้ชีวิตให้เป็นไปตามธรรมชาติ บริสุทธิ์ละเรียบง่าย เป็นแก่นความคิดสำคัญอีกประการหนึ่งของชีวจิต ใช้ชีวิตในที่นี้หมายรวมถึง การบริโภคอาหารสุขภาพที่มาจากธรรมชาติและมีการดัดแปลงน้อยที่สุด รวมถึงการบริโภคผลิตภัณฑ์ใดๆที่มาจากธรรมชาติหรือใกล้
เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เพื่อให้ชีวิตหลุดพ้นจากความยุ่งเหยิงวุ่นวายของสังคมแบบวัตถุนิยมในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคสมัย
ใหม่นานัปการ

แนบเนื่องกับแนวปฎิบัติทางร่างกาย ต้องมีการปฏิบัติทางใจควบคู่ไปด้วย เป้าหมายของการฝึกจิตใจ เป็นไปเพื่อความสงบ เกิด
ปัญญา มองเห็นสัจธรรมของโลกและชีวิต ทั้งนี้การใช้ชีวิตและจิตใจให้เป็นไปตามแนวทางของชีวจิตไม่ใช่เรื่องยุ่งยากซับซ้อน ตรงข้าม
กลับเป็นความพยายามทำชีวิตให้เรีบบง่ายที่สุด แจ่มใสและมีความกลมกลืนกับธรรมชาติมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้สุขภาพเกิดความสมดุลและกระตุ้นให้ ภูมิชีวิต (Immune System) ที่เป็นเกราะคุ้มกันสุขภาพตามธรรมชาติ ซึ่งมีอยู่ในมนุษย์ทุกคน
ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การจะตรวจสอบว่าตัวเองดำเนินชีวิตได้ใกล้เคียงกับแนวชีวจิตเพียงใด หรือบกพร่องไปเพียงใดนั้น อาจทดสอบได้จากหลักการของ FASJAMM ซึ่งว่าด้วยรูปแบบและอาการต่างๆทางกายและจิต ที่ทำให้บุคคลนั้นๆ มีสุขภาพกายและจิตแตกต่างกันไป

จึงอาจพูดได้ว่า เมื่อระวังรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอตามแนวคิดของชีวจิต ภูมิชีวิตซึ่งเป็นหมอภายในร่างกายของมนุษย์ก็
ย่อมทำงานได้เต็มหน้าที่ เป็นเครื่องป้องกันด่านแรกที่คุ้มกันเราจากโรคทั้งปวง แต่เมื่อใดก็ตามหากเกิดเหตุสุดวิสัย มีโรคภัยไข้เจ็บเกิดกับร่างกาย การรักษาตามแนวทางของชีวจิต ยังคงยึดหลักของการเยียวยาแบบองค์รวม เช่นเดียวกับการป้องกันในเบื้องต้น วิธีบำบัดหลักๆของชีวจิต ได้ผสมผสานองค์ความรู้และวิธีการต่างๆ ดังต่อไปนี้

1. ใช้ธรรมชาติเป็นยา
2. ใช้อาหารเป็นยา
3. ใช้แนวทางการแพทย์แบบผสมผสาน
o แผนปัจจุบัน Conventional , Orthodox , Allopathic
o Wholistic (Holistic)
o Macrobiotics
o แบบจีนและการฝังเข็ม
o อายุรเวทและโยคะ
o สมุนไพร
o การนวดกดจุด การนวดฝ่าเท้า และบริหารโดอิน
o แบบอื่นๆ
4. การบริหารและการออกกำลัง (ใช้แบบผสมผสาน)
o โดอิน / โยคะ / นวดกดจุด
o การยืด ส่ง และดัน
o Chiropractic
o การรำตะบอง

โดย : เว็บไซต์อาหารชีวจิต
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #189 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 09:26:33 PM »

ปรุงปลาอย่างมืออาชีพ
 

- ต้องทอดปลาด้วยไฟแรงและใช้เวลาน้อย เพราะถึงหนังปลาข้างนอกจะ
 - ถ้าคุณแม่กลัวว่าปลาตัวใหญ่จะสุกไม่ทั่วทั้งตัวให้บั้งหรือแบ่งครึ่ง และถ้าไม่

ห่วงเรื่องความสวยงามก็เอาไม้เล็กๆ จิ้มทั่วตัวเพื่อให้น้ำมันซึมเข้าไปขณะ

ทอดปลาก็สุกทั่วตัวแล้วล่ะ

- ใช้น้ำมะนาวทาตัวปลาจะทำให้ไม่ติดกระทะ และลดกลิ่นคาวของปลาลงได้

- เวลาต้มปลาควรต้มน้ำซุปให้เดือด ค่อยนำปลาลงไปต้ม ปิดฝา และห้ามคน

เพราะกรดอะมิโนในเนื้อปลาจะแตกตัวทำให้ปลามีกลิ่นคาว ควรปล่อยให้

ปลาค่อยๆ สุกเองค่ะ

- ใบตะไคร้ ใบเตย หรือเกลือเม็ดใหญ่ จะช่วยล้างเมือกของปลาให้สะอาดขึ้น

- สำหรับเบบี๋คุณแม่ดับกลิ่นคาวปลาได้ด้วยผักและเครื่องเทศบางชนิด เช่น ขึ้นฉ่าย มะเขือเทศ ข่าอ่อนเพียงเล็กน้อย เป็นต้น
บันทึกการเข้า

finghting!!!
อุ๊
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1778



« ตอบ #190 เมื่อ: มิถุนายน 06, 2011, 11:31:26 AM »

ขอบคุณเคร็ดไม่ลับดี ๆ จ้า Cheesy
บันทึกการเข้า
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #191 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 12:58:57 PM »

น้ำซุปหมู

1.กระดูกหมู สัก 3-4 ดุ้นเพื่อเอามาต้มน้ำซุบ สำหรับหม้อก๋วยเตี๋ยว 1 หม้อ นำมาล้างให้สะอาดแล้วเอาไปลวกในน้ำเดือด วางบนเขียงทุบกระดูกดุ้นใหญ่ๆนี้ให้แตก ก่อนนำไปต้มในหม้อ เพื่อเวลาเคี่ยวไขกระดูกที่อยู่ในกระดูกหมูข้างในจะละลายออกมารวมกับน้ำซุบได้รสชาติหวานหอมมากกว่าการไม่ทุบกระดูก

2.เคี่ยวกระดูกหมูพร้อมกับนำรากผักชีมัดด้วยตอกหริอเชือกที่สะอาดใส่ลงไปด้วยประมาณ 1 กำมือ

3.นำกะหล่ำปลีหัวเขื่องๆผ่าซีกใส่ลงไปด้วย1-2 หัวความหวานจากกะหล่ำปลีจะออกมาละลายกับน้ำซุป

4.มะระจีนผลใหญ่ๆผ่าครึ่งเอาไส้ออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเคี่ยวลงไปด้วย

5.ทุบกระเทียมพอแตกใส่ลงไปอีก 5 หัว

6.เมล็ดพริกไทยดำหรือขาวก็ได้ทุบพอแตกอีก 2 ช้อนโต๊ะ

7.อย่าลืมเกลือนะคะชิมให้มีรสกลางๆอย่าเค็มนัก


น้ำซุปไก่

วิธีทำ
1. ล้างโครงไก่ให้สะอาด ควักพวกปอด เครื่องในที่จะทำให้มีกลิ่นออกมาให้หมด
แล้วเอาใบเตย 4-5 ใบมัดๆ ยัดเข้าในท้อง แล้วใส่ถุง แช่ตู้เย็น ทิ้งไว้ 1 คืน (หรือจะไม่แช่ทิ้งไว้ ทำเลยก็ได้)

2. พอวันรุ่งขึ้น ตั้งน้ำให้เดือด เอาใบเตยออกจากตัวไก่ พอน้ำเดือด นำไก่ลงลวกสักแป๊บ ก็เทน้ำทิ้ง

3. ตั้งน้ำที่จะใช้ต้มน้ำซุป พอน้ำเดือด ใส่โครงไก่ลงไป ตามด้วยรากผักชีทุบ ๆ ต้นผักชี เกลือ และใบเตย

4. พอน้ำเดือดอีกทีก็ใส่หัวไชเท้าหรือผักต่าง ๆ ที่ชอบลงไป ใช้ไฟอ่อน น้ำซุปจะได้ใส ระหว่างนี้มันคอยช้อนฟองที่ลอยอยู่ผิวน้ำทิ้งด้วย

5. ต้มเคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนน้ำซุปออกรสหวาน หอมจากไก่และผักตามต้องการ เค็มนิด ๆ ก็ใช้ได้


เคล็ดไม่ลับ แต่ไม่ควรมองข้าม

1 ใส่หมูหรือไก่พร้อมน้ำเย็น เกลือป่น ต้มไฟแรง พอเดือดให้หรี่ไฟทันที

2 ช้อนฟองทิ้ง พอเดือดอีก ช้อนฟองทิ้งอีก

3 เคี่ยวต่อไปเรื่อยๆ

4 น้ำซุปจะใสแจ๋ว


การทำน้ำซุบ

ซี่โครงไก่ หนึ่งโครง
หัวใช้เท้า ปอกแล้วหั่นหยาบๆๆ เหมือนใส่ก๋วยเตี๋ยว
รากผักชี ซักประมาณ ห้า ถึงเจ็ดราก
กระเทียม สด หนึ่งร้อยห้าสิบกรัมหรือแล้วแต่ความชอบ
พริกไทยเม็ดขาว ห้าสิบกรัม

ตั้งน้ำเปล่าให้เดือด

นำกระเทียม พริกไทยเม็ดขาด รากผักชี บดหรือตำเข้าด้วยกันให้ละเอียดใส่ ลงไปในน้ำซุบ ตรงนี้ใส่ตามใจถ้าใส่มากจะออกเผ็ดร้อนของพริกไทย

ปรุงรสด้วย คนร์อไก่ ซีอิ๊วขาว ไม่ต้องใส่ซีอิ้วขาวมากน้ำจะดำให้ใส่เกลือช่วยถ้าไม่เค็ม น้ำตาลทรายนิดหน่อยถ้าเป็นไปได้หาซื้อน้ำตาดกรวดมาใส่จะดี ใส่โครงไก่ที่ล้างสะอาดแล้ว ให้ใส่ไก่ขณะน้ำเดือดเมื่อใส่ไปอย่าเพิ่งคน ให้รอดูไก่พอสุกจึงคนได้ไม่งั้นน้ำซุบจะคาว ปรุงรสตามใจชอบ จะมีกลิ่นหอมของรากผักชีกระเทียมพริงไทยด้วย ตอนคนถ้าน้ำเดือดมากและไก่สุกแล้วให้รี่ใฟลงเบาๆๆแล้วเคี่ยวไปเรื่อยๆๆให้น้ำกระดูกไก่ออก คล้ายๆๆก๋วยเตี๋ยว ที่ให้รี่ไฟลงเพราะซุบจะใสไม่ขุ่น เคียวซักพักชิมรสยกลง กรองเอาแต่ซุบ สามารถแบ่งเก็บในตู้เย็นแล้วเอามาใช้เฉพาะที่จะกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 14, 2011, 01:05:43 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #192 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 01:03:14 PM »

การทำข้าวต้ม

ตั้งน้ำให้เดือด ใส่ข้าวสารที่ซาวจนสะอาดลงไปแล้วคน ให้ใส่ข้าวสารตอนน้ำเดือดเท่านั้น ใส่ข้าวสารไม่ต้องมากไม่เหมือนหุงข้าวเพราะเราทำข้าวต้มต้องให้น้ำเยอะกว่า คนพอสุกชิมข้าวดูปิไฟปิดฝาหม้อ ข้าวจะขึ้นอืดเองซักพัก ถ้าใส่น้ำน้อยจะกลายเป็นข้าวแฉะคือไม่มีน้ำ ไม่เป็นไร ตอนทำข้าวต้มก็ใส่น้ำวุบเยอะหน่อยการเอาข้าวสวยมาต้มจะได้รสชาดไม่ดีนัก ไม่อร่อย

นำน้ำซุบ หมูสับ ข้าวต้มขาว ตั้งไฟคนให้เข้ากัน

ถ้าจะใส่ใข่ก็ใส่ตอนเดือด ตอนใส่ใข่ลงไปคนระวังไม่ให้ใข่แตก พอเดือดยกลง เวลาเสืร์ฟ
ใส่ตั้งฉ่ายก้นถ้วยนิดหน่อย แล้วใส้ข้าวต้มหมู โรยด้วยกระเทียมเจียว พริกไทยขาวป่น ผักชี ต้นหอม ต้นคื่นฉ่าย หั่นรวมกันแบบหยาบโรยไปหน่อย


การทำหมู

นำหมูมาสับได้หมูติดมันจะดีเพราะหมูจะไม่แข็ง สับละเอียด ใส่รากผักชีกระเทียมพริกไทยที่บดหรือตำละเอียดไปนิดหน่อยเพื่อดับกลิ่นคาวหมู ใส่ไข่ใก่หนึ่งฟองถ้าหมูเยอะก็ใส่ไข่เพิ่ม ใส่ไข่เพื่อให้หมูนุ่ม ปรุงรสด้วย คนร์อไก่ ซีอิ้วขาว น้ำตาลนิหน่อย ระวังอย่าให้เค็มมาก
การปั้นหมู
ดั้งน้ำให้เดือด ปั้นหมูเป็นคำๆๆ เท่าหัวแม่มือหรือเล็กกว่า

ใส่ลงไปในน้ำเดือด ทีละก้อน ต้องใส่ตอนที่น้ำเดือดหมูจะไม่คาว
หมูที่สุกจะลอย ตัดขึ้นพักไว้

ที่จริงทำหมูก่อนก็ได้แล้วเอาน้ำที่ปั้นหมูไปทำน้ำซุบจะได้ไม่ต้องใช้โครงไก่ แต่มีข้อเสียคือน้ำซุบจะไม่ใส


ข้าวต้มหมูสับ

ส่วนผสม

ข้าวสุก 1 1/2 ถ้วย
หมูรวน 1/2ถ้วย
น้ำซุป 3ถ้วย
กระเทียมเจียว 1ช้อนโต๊ะ
พริกไทยป่น 1/8ช้อนชา
น้ำปลา 1ช้อนชา
ต้นหอมผักชีหั่นให้หยาบ ๆ อย่างละ 1 ต้น
คื่นฉ่ายหั่นให้หยาบ ๆ 1/4ถ้วย

วิธีทำ

1. ตั้งน้ำซุปให้เดือด ใส่ข้าว ใส่หมูรวน
2 . ใส่น้ำปลา โรยพริกไทยป่นคนพอทั่ว
3. ตักใส่ถ้วยที่รองด้วยคื่นฉ่าย โรยด้วยต้นหอมและผักชี.
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #193 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 01:09:38 PM »

ข้าวผัดปู


เครื่องปรุงข้าวผัดปู

ข้าวสวย
เนื้อปูนึ่งสุก
ไข่ไก่
ต้นหอมซอย
กระเทียมสับ
พริกไทยป่น
น้ำตาลทราย
ซีอิ๊วขาว
น้ำมันพืช

วิธีทำ

1. ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใส่กระเทียม เจียวพอหอม ใส่ไข่ ผัดยีให้กระจาย พอไข่สุก ใส่ข้าว ผัดพอทั่ว ใส่เนื้อปู (แบ่งไว้โรยหน้าเล็กน้อย) ผัดให้เข้ากันดี
2. ปรุงรสด้วยพริกไทย น้ำตาล ซีอิ๊วขาว ผัดให้เข้ากัน ปิดไฟ ยกลง
3. ตักข้าวผัดปูใส่จาน โรยเนื้อปู ต้นหอมซอย แต่งด้วยผักชี รับประทานข้าวผัดปูกับต้นหอม แตงกวา เสิร์ฟพร้อมมะนาว พริกน้ำปลา


ข้าวผัดอร่อย ใช้ข้าวหอมมะลิ หุงให้สวยสักหน่อย เวลายีข้าวทำแบบเบามือ ข้าวจะเป็นเม็ดสวยงาม ถ้าจะให้ดี ควรใช้เกลือโรยให้กระจายทั่ว ๆ แทนการใช้น้ำปลา หรือซีอิ้วขาว เพราะข้าวจะไม่แฉะ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #194 เมื่อ: มิถุนายน 14, 2011, 01:13:08 PM »

มีแต่เมนูเด็ด ๆ น่าหม่ำทั้งนั้นเลย
 Grin Cheesy Wink




สวัสดีค่ะ

 Shocked หม่ำ หม่ำ  หัวเราะกันนะ เทวดา
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 11 12 [13] 14 15 ... 33   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: