Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 33   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ชวนกันเข้าครัว  (อ่าน 79163 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 13 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #210 เมื่อ: กรกฎาคม 09, 2011, 04:59:07 PM »

น่ากินทุกเมนูเลยนะ..พูดแล้วน้ำลายจะไหล

ถ้าไม่มีเวลา    ก็ไม่เป็นไรจ้า  ว่าง ๆ ก็เข้ามาโพสก็ได้

ยังไงก็ขอให้รักษาสุขภาพด้วยจ้า.... Smiley
Smileyสวัสดีจ้ะ
ขอบคุณน้ะคะ  Smiley
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #211 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2011, 08:27:28 PM »

ต้มจืดมะระ

มีหลายสูตร ถ้าเจอสูตร เด็ด เด็ด จะมาโพสต์เพิ่มเติมในภายหลังน่ะจ้ะ

ส่วนผสม

มะระ
หมูสับหรือกุ้งสับ
เห็ดหอม
วุ้นเส้น
กระดูกหมู หรือโครงไก่
คนอร์ไก่ก้อน
รากผักชี
พริกไทยเม็ด
กระเทียม


วิธีทำ

 มะระเลือกเอาตาห่างๆๆ ที่มันนูนๆๆน่ะคะไม่ต้องอ่อนมากดูสี ไม่เขียวมากไม่ออกแดงน่ะคะมันสุกมันจะเละอ่ะ ตัดหัวตัดท้าย หั่นเป็นท่อนอย่าเล็กจนเกินไป ขูดตรงกลางออก นำเกลือมาคลุกทิ้งไว้ก่อน
วุ้นเส้นแช่น้ำ พอนิ่ม แล้วหั่นสั้นๆ  ไม่ใส่ก็ได้
ล้างรากผักชีให้สะอาด จนรากขาว ตำกับพริกไทยเม็ด ปอกเปลือกกระเทียม ตำผสมกันให้ละเอียด
จะใช้กุ้งสับหรือหมูสับอีกอย่างเนื้อไก่สับ อย่างใดก็ได้ สับให้ละเอียดผสมกับรากผักชีกระเทียมพริกไทยที่ตำแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากันนำไปแช่ช่องฟิตก่อน
เห็ดหอมหั่นก้านแล้วหั่น สี่ คะ ถ้าใส่เป็นดอกใส่ได้แต่เวลาทานมันร้อนคะแล้วเย็นตัวช้า
นำมะระมาล้างน้ำให้สะอาด สะเด็ดน้ำ
ต้มน้ำ พอเดือดใส่กระดูกหมูหรือโครงไก่ เคี่ยวสักหน่อย โรยเกลือลงไปด้วยอย่าเยอะเดี๋ยวเค็มคะ
นำมะระมาใส่ไส้ไม่ต้องใส่จนล้นเหลือพื้นที่ให้หมูหรือไก่หรือกุ้งและวุ้นเส้นพองหน่อยคะ
น้ำเดือด หรี่ไฟ ค่อยๆๆใส่มะระลงไป ไม่ใช้ไฟแรง ให้ใช้ความร้อนอ่อนจนสุกใส่คนอร์ตาม
ปรุงรสถ้าจืดเติมน้ำปลาซอสเห็ดหอม หรือซอสถั่วเหลืองสุตรหนึ่งค่ะ ชิม ชิม

ปล.ถ้ากลัวไส้มันลอยออกจากตัวมะระใช้ไข่ขาวทาด้านในมะระพอยัดไส้ทาหัวและทาท้ายอีกครั้ง
บางสูตรเอามะระไปต้มกับน้ำเดือดๆแล้วนำมาใส่น้ำซุปที่ทำแยกอีกที หรือเอามะระไปนึ่งก่อน
ขึ้นชื่อว่ามะระไม่ขมก็คงไม่ใช่มะระ


หวานเป็นลมขมเป็นมะระ กิง กิง มันเข้าไปเถอะคะ อิ อิ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #212 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 01:57:14 PM »

ซุปผักโขมกับขนมปังกระเทียม

ใส่กระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกลงในชามแก้ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหารจากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลา 30 วินาที



ส่วนผสม

ผักโขมสับ 150 กรัม
กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำสต๊อกไก่ 1 ถ้วย
นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย
เกลือ พริกไทย สำหรับปรุงรส
ขนมปังธัญพืช หรือขนมปังบาแกตต์



วิธีทำ

ใส่กระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกลงในชามแก้ว ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทย ปิดด้วยพลาสติกถนอมอาหาร
จากนั้นนำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลา 30 วินาที
นำผักโขม น้ำสต๊อกไก่ และนมใส่ชามแก้ว เข้าเตาไมโครเวฟกดปุ่ม ระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลาประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วปรุงรสด้วย
เกลือและพริกไทย
เททั้งหมดลงในเครื่องปั่น ปั่นให้พอแหลก เทใส่ถ้วย
จัดขนมปังธัญพืชหรือขนมปังบาแกตต์ลงในจานกระเบื้อง นำเข้าเตาไมโครเวฟ กดปุ่มระบบอัตโนมัติ ตั้งเวลาประมาณ 30 วินาที
หลังจากนั้นนำออกมาตั้งทิ้งไว้ให้เย็นประมาณ 2-3 นาที
นำกระเทียมสับละเอียดและน้ำมันมะกอกที่เตรียมไว้มาทาบนขนมปังเสิร์ฟพร้อมซุปผักโขมร้อนๆ

มาข้อมูล : Samsung

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #213 เมื่อ: สิงหาคม 04, 2011, 02:03:55 PM »

ตำรับอาหารไทยเพื่อสุขภาพ
 
ตำรับอาหารไทยเพื่อสุขภาพที่จะนำเสนอมี 3 ตำรับคือ ข้าวยำ ห่อหมกปลา และแกงป่า โดยความเป็นจริงแล้วยังมีตำรับอาหารไทยเพื่อสุขภาพอื่นๆ อีกมากที่มีคุณค่าอันยังประโยชน์ใหญ่หลวงต่อสุขภาพ



ข้าวยำ
   เป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างมาก ให้โปรตีนสูงแต่ไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุเหล็กสูงมาก และยังให้วิตามินเอและวิตามินบี 1 สูงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นอาหารบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง และบำรุงโลหิต ข้าวยำเป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของชาวใต้ ซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำบูดู" ซึ่งเป็นภูมิปัญญาในการปรุงแต่งรสอาหารของชาวใต้ โดยเป็นการนำเอาพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านมาเป็นเครื่องปรุงที่มีคุณค่าอาหารสูง และเป็นความชาญฉลาดที่นำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาปรุงเป็นยาแต่อยู่ในรูปของอาหาร
     




ห่อหมกปลา
  เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงแต่ให้โปรตีนและไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุแคลเซียมสูงเป็นพิเศษ ประกอบด้วย เครื่องปรุงสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยให้มีคุณค่าอาหารสูง สรรพคุณทางยาของห่อหมกปลาส่วนใหญ่มาจากเครื่องปรุงสมุนไพร เช่น กระชาย กระเทียม ใบยอ ข่า ตระไคร้ โหระพา พริก รากผักชี ทำให้เป็นอาหารที่บำรุงธาตุ บำรุงกระดูก เจริญอาหาร ขับลม ขับเหงื่อแก้จุกเสียด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ทางด้านภูมิปัญญานั้น คือ เป็นการนำเอาเครื่องปรุงสมุนไพรหลากรสมารวมกับกะทิและเนื้อปลา กลายเป็นยาในรูปแบบของอาหารที่มีคุณค่าสูง และยังมีศิลปะในการนำใบตองมาห่อแทนการใช้ภาชนะ เพิ่มกลิ่นรส ร่วมกับใบยออ่อนที่ใช้รอง เป็นการผสมผสานการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติโดยแท้



แกงป่า
  เป็นอาหารที่ให้พลังงานและไขมันต่ำ แต่ให้กากและใยอาหารสูงมาก ให้แร่ธาตุและวิตามินสูงเกือบทุกชนิด ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยลดความดันโลหิต ฆ่าพยาธิและเชื้อแบคทีเรีย แกงป่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการจัดการสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด โดยการนำผักพื้นบ้านและสมุนไพรหลากหลายชนิดมาปรุงอย่างง่าย ๆ แต่ได้รสกลมกล่อม เป็นการปรุงยาให้อยู่ในรูปอาหารที่อร่อยมาก 

     จะเห็นได้ว่าอาหารไทยมีคุณลักษณะพิเศษ อย่างน้อยสามารถจำแนกตามการใช้ประโยชน์ หรือตามคุณค่าได้ถึง 3 ด้าน คือ ด้านคุณค่าทางอาหารและโภชนาการ ด้านคุณค่าทางยาและสมุนไพร และด้านคุณค่าทางภูมิปัญญาและศิลปวัฒนธรรม ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกอาหารเลี้ยงประชากรโลกรายใหญ่ เป็นอันดับที่ 5 ของโลก รองจาก อเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และฝรั่งเศส อาหารไทยจึงควรมีบทบาทอย่างสูงในสังคมโลก ไม่เพียง แค่ขายอาหารในด้านคุณค่าทางโภชนาการ แต่ควรนำจุดเด่นคุณค่าอีก 2 ด้าน คือ ค้านคุณค่าทางยาและภูมิปัญญามาเป็นจุดขายเพื่อเพิ่มมูลค่าและความนิยมให้กับอาหารไทยมากขึ้น อันจะนำไปสู่ความสามารถในการแข่งขันบนเวทีการค้าโลกได้อย่างสง่างาม

ขอขอบคุณ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #214 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2011, 10:16:15 PM »



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #215 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 06:35:33 PM »

ดอกขี้เหล็ก



 ชื่อวิทยาศาสตร์
Cassia Siamea Britt


ชื่อวงศ์
Leguminosae


ชื่อท้องถิ่น
ลำปางเรียก ขี้เหล็กบ้าน แม่ฮ่องสอนเรียก ผักจี้ลี้ ภาคเหนือเรียก ขี้เหล็กหลวง ภาคกลางเรียก ขี้เหล็กใหญ่ ภาคใต้เรียก ขี้เหล็กจิหรี่

ลักษณะทั่วไป
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง มีใบประกอบด้วยใบย่อยประมาณ 6–10 คู่ ใบเลี้ยงปลายใบมนหยักเว้าหาเส้นกลางใบเล็กน้อย โคนใบกลม สีเขียวใต้ใบซีดกว่าด้านบน ใบมีขนเล็กน้อย ดอกเป็นดอกช่อใหญ่ยาวประมาณ 60 เซนติเมตร กลีบดอกสีเหลืองสด ผักแบนหนามีสีน้ำตาลเข้ม


สรรพคุณทางยาดอกตูมและใบอ่อน รสขม ช่วยระบายท้อง ดอกตูมทำให้นอนหลับ เจริญอาหาร



วิธีนำมาใช้
อาการท้องผูก ใช้ใบอ่อนและใบแก่ 4–5 กำมือ ต้มเอาน้ำดื่มก่อนอาหาร หรือเวลามีอาการนอนไม่หลับ กังวลเบื่ออาหาร ใช้ใบแห้งหนัก 30 กรัม หรือใช้ใบสด หนัก 50 กรัม ต้มเอาน้ำรับประทานก่อนนอน หรือใช้ใบอ่อนทำเป็นยาดอกเหล้า โดยใส่เหล้าขาวพอท่วมยา แช่ไว้ 7 วัน เปิดคนทุกวัน แล้วกรองกากยาออกจะได้น้ำยาดองเหล้าขี้เหล็ก ดื่มครั้งละ 1–2 ช้อนชาก่อนนอน


ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
ใบอ่อนและดอก พบว่า มีสารจำพวก Chromone มีชื่อว่า Barakol ส่วนในใบพบสาร Anthraquinones ออกฤทธิ์เป็นยาระบาย และ พ.ศ.2492 คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ศึกษาโดยใช้กับผู้ป่วยที่มีอาการกระวนกระวาย นอนไม่หลับ พบว่าสารสกัดจากใบขี้เหล็กด้วยแอลกอฮอล์มีฤทธิ์ระงับประสาทได้ดี ช่วยให้นอนหลับสบาย และระงับอาการตื่นเต้นทางประสาทได้แต่ไม่ใช่ยานอนหลับโดยตรง และไม่พบอาการเป็นพิษ มีความปลอดภัยสูง


แกงดอกไม้เหล็ก



เครื่องปรุง
- ดอกขี้เหล็กต้ม 2 ถ้วยตวง
- เนื้อวัวสันใน 2 ถ้วยตวง
- ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วยตวง
- น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
- หัวกะทิ ½ ถ้วยตวง
- กะทิข้น 2½ ถ้วยตวง


เครื่องปรุงน้ำพริก
- พริกแห้ง 5 เม็ด
- หอมหัวแดงหั่น 3 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมหั่น 2 ช้อนโต๊ะ
- ข่าหั่น 1 ช้อนชา
- ตะไคร้หั่น 1 ช้อนโต๊ะ
- กระชายหั่น 3 ช้อนโต๊ะ
- พริกไทย 15 เม็ด
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
- กะปิ 1 ช้อนชา


วิธีทำ
ดอกขี้เหล็กตูม รูดออกจากก้าน ต้องเปลี่ยนน้ำ 2 ครั้งจนหายขม เนื้อวัวทุบแล้วย่างให้สุก หั่นเป็นชิ้นยาวๆ ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อ โขลกรวมกับเครื่องน้ำพริกให้ละเอียด ใส่กระชายโขลกทีหลัง เพื่อไม่ให้น้ำกระเด็น เคี่ยวกะทิข้นให้แตกมัน ใส่น้ำพริกลงละลายพอน้ำแกงเดือดใส่ดอกขี้เหล็กที่ต้ม ใส่เนื้อย่าง เคี่ยวให้เข้าเนื้อ ใส่น้ำปลา พอเดือดใส่หัวกะทิ ทำให้น้ำแกงข้น แล้วยกลงเสิร์ฟ
 




เพิ่มเติมคะ จะใช้ปลาเค็ม,หมูชิ้น,ปลาแห้ง,ปลาสด สูตรดั่งเดิมเป็นปลาแห้ง ใช้ใบหรือดอก ก็ได้ ถ้าเป็นดอกมันจะออกมันๆ บางคนว่าเปรี๊ยว ต้มหลายๆๆน้ำทุกครั้งทีเปลี่ยนน้ำก็บีบน้ำออกให้หมาดๆด้วยค่ะ การันตีว่า ขม อยู่ดีค่ะ หวานเป็นลมขมเป็นยาค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 27, 2011, 06:37:17 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #216 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 06:42:57 PM »

การเลือกผักเพื่อปรุงอาหารให้อร่อย

เวลาเลือกซื้อผักต่างๆ นอกจากจะต้องดูถึงความสดใหม่ของผักแล้ว การเลือกผักอย่างถูกวิธีก็สามารถเพิ่มรสชาติและความอร่อยให้อาหารที่ปรุงจากผักได้เช่นกัน เคล็ดลับการเลือกผักต่างๆ มีดังนี้

ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา ถั่วแขก ควรเลือกที่อ่อนๆ สีเขียว เนื้อแน่น ฝักยาวตรง ไม่คด ไม่พอง ไม่ฝ่อ เม็ดข้างในฝักอวบอิ่ม ไม่แห้ง

ผักบุ้งจีน ควรเลือกต้นอวบ หากเป็นต้นที่เล็กลีบไปจะเหนียวเคี้ยวยาก

กะหล่ำปลี ทั้งกะหล่ำปลีเขียวและกะหล่ำปลีม่วง ควรเลือกที่หัวแน่นๆ หนักๆ สำหรับกะหล่ำปลีเขียวหากชอบกรอบควรเลือกหัวใหญ่ๆ ที่สีออกสีขาว ส่วนหัวเล็กๆ หรือที่ออกสีเขียวๆ ใบจะนิ่มกว่า

ดอกกะหล่ำ ควรเลือกดอกแน่นๆ ก้านมีสีเขียว ไม่ดำ ไม่เหี่ยว

แตงกวา เลือกผลสีเขียว ขั้วต้องสด ไม่เหี่ยวหรือมีสีน้ำตาล ผลอ่อนขนาดเล็กจะมีรสชาติดีกว่าผลแก่ขนาดใหญ่

มะเขือเปราะ เลือกผลอ่อน ผิวเกลี้ยง ขั้วเขียวสด ไม่ดำ ไม่ช้ำ ไม่เหลือง

บร็อกโคลี เลือกดอกที่แน่นๆ สีเขียวเข้มทั่วทั้งดอก ไม่เหลือง ไม่แห้ง

แครอท หัวผักกาด มันเทศ มันฝรั่ง เลือกรูปร่างดี ไม่หงิกงอมาก เนื้อแน่นหนัก ผิวค่อนข้างเรียบ ตาไม่ลึก ไม่มีแผล ตำหนิ หรือรอยเน่า
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #217 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2011, 06:48:03 PM »

การเลือกเนื้อวัวเพื่อประกอบอาหาร

การเลือกเนื้อวัวมาประกอบอาหารนั้น ต้องเลือกเนื้อวัวที่สด สะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า สีออกสีแดงๆ ไม่มีสีคล้ำอมเขียว กดลงไปแล้วเนื้อไม่บุ๋ม ไม่มีน้ำเลือดไหลซึมออกมา การเลือกส่วนต่างๆ ของเนื้อวัวไม่ว่าจะเป็น เนื้อสัน ซี่โครง สะโพก ซึ่งเนื้อแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกัน และเหมาะกับการนำมาประกอบอาหารแตกต่างเมนูกัน ดังนี้

เนื้อส่วนคอ เหมาะสำหรับทำอาหารประเภทอบ เนื้อบด ทำซุป หรือสตูว์

เนื้อกระพุ้งแก้ม เป็นส่วนที่มีน้อยและหายาก นำมาตุ๋นจนเปื่อยจะได้เนื้อนุ่มอร่อย

ลิ้นวัว เหมาะที่จะนำมาเคี่ยวทำสตูว์

เนื้อไหล่ เหมาะสำหรับทำสุกี้ยากี้ ชาบูชาบู หรืออาหารที่ใช้เนื้อเป็นก้อน

เนื้อสันใน เนื้อส่วนนี้นุ่มและมีไขมันน้อย เหมาะสำหรับนำมาผัด หรือย่างทั้งก้อน

เนื้อสันนอก เนื้อนุ่มเหมาะสำหรับทำสเต็กที่สุด

เนื้อติดซี่โครง เนื้อนุ่ม ลายไขมันเป็นลายหินอ่อน เหมาะกับการอบ ทอด และย่าง

เนื้อสะโพก เหมาะกับการอบ ย่าง ทำเนื้อบด หรือสเต็ก

เนื้อส่วนท้อง มีไขมันเยอะ รสชาติเข้มข้น จึงเหมาะกับการทำสตูว์ น้ำสต๊อก ทำเนื้อเปื่อย หรือ เนื้อตุ๋น

เนื้อท่อนขา เป็นส่วนที่เหนียว เหมาะที่จะสตูว์ น้ำซุป ย่าง หรือตุ๋น

หางวัว เป็นเนื้อส่วนที่มีคอลลาเจนมาก เหมาะสำหรับนำไปตุ๋น นิยมทำเป็นซุปหางวัว

กระดูกวัว เหมาะที่จะนำมาต้มทำน้ำซุป
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #218 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 07:53:03 PM »

อาหารมังสวิรัติ



ผัดพริกขิง

เครื่องปรุง

1. โปรตีนเกษตรอย่างหยาบ 2 ถ้วยตวง
2. โปรตีนเกษตรอย่างละเอียด(เบอร์ 7 ฮานามิ) 1 1/2 ถ้วยตวง
3. ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมัน 1/4 ถ้วย
5. น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
6. ใบมะกรูดหั่นฝอย 2 ช้อนโต๊ะ

เครื่องแกงเผ็ด

1. พริกแห้ง 3 เม็ด
2. กระเทียม 3 กลีบ
3. ข่าซอย 1 ช้อนชา
4. ลูกผักชี 1/2 ช้อนชา
5. รากผักชี 1/2 ช้อนชา
6. หอมแดงซอย 1 ช้อนโต๊ะ
7. ตะไคร้ซอย 2 ช้อนโต๊ะ
8. ผิวมะกรูด 1/2 ช้อนชา
9. เกลือ 1 ช้อนชา

วิธีทำ

1. โขลกพริกแห้ง ข่า ผิวมะกรูด และเกลือเข้าด้วยกันจนละเอียดแล้วจึงใส่เครื่องแกงที่เหลือโขลกรวมเข้าด้วยกัน
2. ทอดโปรตีนเกษตรทั้งหยาบและละเอียดให้กรอบ
3. ตั้งกะทะใส่น้ำมัน ผัดเครื่องแกงให้แห้งและหอม ใส่น้ำตาลและซีอิ้วขาว ชิมรส เค็ม หวาน เผ็ด เมื่อได้ที่แล้วนำโปรตีนที่ทอดเตรียมไว้ ลงคลุกเคล้า ให้เข้ากันดี ยกลง ทิ้งไว้สักพัก จึงนำใบมะกรูดหั่นฝอยเคล้ารวมกัน



แกงเขียวหวาน เจ

วัตถุดิบ

1 ข่า 1 ท่อน
2 ตะไคร้ 5 ต้น
3 กระชาย 8 ต้น
4 รากผักชี 8 ราก
5 พริกขี้หนูเขียว 3 ช้อนโต๊ะ
6 กะปิ 1 ช้อนโต๊ะ
7 มะกรูด 1 ลูก
8 กะทิชาวเกาะ 1ส่วน 2 กิโลกรัม
9 ปลากราย
10 เห็ดนางฟ้า 1 ขีด
11 เห็ดฟาง 1 ขีด
12 โปรตีน 1 ขีด
13 พริกชี้ฟ้าแดง, เหลือง อย่าง 2 เม็ด
14 โหระพา
14 น้ำตาลปี๊บ
14 เกลือ - ซีอิ้ว -ซอส
14 มะเขือเปราะ หรือฟัก

วิธีทำ

- นำส่วนผสมข้อ 1 - 6ปั่นให้เป็นพริกแกง
- นำกะทิหรือน้ำเต้าหู้ ตั้งให้แตกมัน ใส่เครื่องแกงลงไปเคี่ยว
- พอหอมใส่ปลากรายแจกับโปรตีนเกษตร
- ปรุงรสดว้ยน้ำตาลปี้บ เกลือ ซอส ชิมรสหวานมันเค็ม ใส่มะเขือเปราะลงไป
- ใส่เห็ดทั้งสองลงไป
- พอเดือดยกลง ใส่โหระพาและพริกซี้ฟ้าซอย


ทอดมันสามสหาย

เครื่องปรุง
1.ถัวฝักยาว 10 ฝัก
2.แครอท 2 หัว
3.ข้าวโพดใหญ่ 5 ฝัก
4.แป้งทอดกรอบสำเร็จรูป 500 กรัม
5.น้ำมันพืช 1000 กรัม
6.น้ำพริกเครื่องแกงเผ็ด 50 กรัม

น้ำจิ้ม
1.น้ำตาลทราย 300 กรัม
2.น้ำส้มสายชู 100 กรัม
3.เกลือป่น 50 กรัม
4.พริกชี้ฟ้าแดง 5 เม็ด

วิธีทำ
นำถั่วฝักยาวมาหั่นหนาประมาณ1 ซม. แครอทหั่นเป็นลูกเตำ ข้าวโพดฝานเป็นเม็ดใหญ่ นำมารวมกัน ผสมแป้ง,เกลือป่นเล็กน้อย แล้วจึงนำไปทอดไฟกลางจนกรอบได้ที่ สีออกสีทองๆ ใกระชอนตักไว้ให้สะเด็ดน้ำมัน

วิธีทำน้ำจิ้ม
น้ำส้มสายชู พริกชี้ฟ้าแดง เกลือป่นเล็กน้อย รวมกันใส่ในเครื่องป่นให้พริกละเอียดแล้วจึงนำไปเทรวมกับน้ำตาลทราย ใส่หม้อเคี่ยวไฟอ่อนๆ ให้มีลักษณะ ข้นๆ รสหวาน เปรี้ยวเค็มตาม


น้ำพริกอ่อง

เครื่องปรุง

1.มะเขือเทศ 1/2 กิโลกรัม
2.เต้าหู้แผ่น 1/2 กิโลกรัม
3.เห็ดฟางบาน 1/2 กิโลกรัม
4.พริกแห้ง 7 เม็ด
5.หอมแดง 7 หัว
6.กระเทียม 5 หัว
7.รากผักชี 7 ราก
8.ซีอิ๊ว 1-2 ช้อนโต๊ะ
9.เกลือ 1 ช้อน
10.น้ำมันพืชพอประมาณเพื่อผัดน้ำพริก

วิธีทำ
มะเขือเทศ (สีดา) หั่นผ่า 4หรือ 6 เห็ดฟางต้มปั่นละเอียด เต้าหู้ขยี้ให้ละเอียด
พริกแห้งแช่น้ำ บีบเอาน้ำออก โขรกหอม กระเทียม รากผักชี ให้ละเอียด เอามะเขือเทศ โขลกทีหลังบุบๆ กะทะตั้งไฟใส่น้ำมัน นำเครื่องปรุง ที่เตรียมไว้ ลงผัดให้หอม
ใส่น้ำปีบ ซีอิ๊ว เกลือ ชิมรสตามต้องการ


ไก่ผัดขิงน้ำแดง (เจ)

เครื่องปรุง
1.ไก่เจ 1/2 กิโลกรัม
2.ขิงหั่นฝอย 2 ขีด
3.เห็ดหูหนู 1 ขีด
4.พริกชี้ฟ้าแดง 5 เม็ด
5.หอมใหญ่ 3 ขีด
7.เห็ดฟางบาน 3 ขีด
8.น้ำตาล 2 ช้อนชา
9.ซีอิ้ว 1-2 ช้อนชา
10.กระเทียม 7 กลีบ
11.น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1.โปรตีนเกษตรแช่น้ำสักคู่
2.ขิงหั่นฝอย
3.เห็ดหูหนูหั่น2-3ชิ้น
4.พริก ชี้ฟ้าหั่นฝอยตามยาว
5.หอมใหญ่หั่นชิ้นบางหนาประมาณ1มิลลิเมตร
6.เห็ดฟาง

เอาน้ำมันตั้งไฟแรงปานกลาง ทุบกระเทียมเจียวให้เหลือง ใส่ขิง โปรตีน เห็ดหูหนู
เห็นฟาง น้ำตาล ซีอิ้ว ชิมรสตามชอบ ใส่หอมใหญ่ พริกแดง พอสุกยกลง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2011, 07:54:47 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #219 เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 08:23:28 PM »

สูตรลับ..น้ำสลัด



สลัด..อาหารจานเบาๆที่คลุกเคล้ากับน้ำสลัดรสชาติกลมกล่อม เป็นเมนูโปรดสำหรับคนรักสุขภาพ ซึ่งเคล็ดลับในการรับประทานสลัดให้อร่อย อยู่ที่รสชาติของส่วนผสมที่นำมาปรุง
- น้ำมันมะกอก ( Olive Oil) ให้รสชาติที่นุ่มนวลกลมกล่อม มีกลิ่นหอม
- น้ำส้มสายชู ( Vinegars ) ให้รสเปรี้ยว ที่เหมาะกับการทำน้ำสลัดก็คือ White Wine Vinegars
- แคปเปอร์ ( Capers ) เป็นดอกตูมของไม้พื้นเมืองทางแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีรสชาติเข้ม
- มัสตาร์ด ( Mustard) ทำให้น้ำ น้ำมัน และน้ำส้ม ผสมเข้ากันเร็ว แต่ไม่เป็นที่นิยาใช้เท่าไรนัก
- ผลมะกอก ( Olives ) เป็นสิ่งสำคัญขาดไม่ได้เลยทีเดียว นิยมใช้ทั้งมะกอกดำและเขียว

ทราบกันไปแล้วกับสูตรลับ..น้ำสลัดรสเยี่ยม ถ้าหากคุณจะลงมือปรุงน้ำสลัดรสชาติกลมกล่อมรับประทานเอง ก็คงไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว


น้ำสลัดผลไม้



เครื่องปรุง

น้ำส้มคั้น 2 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 2 ถ้วย

วิธีทำ
ใส่ส่วนผสมทั้งหมดลงในขวด เขย่าให้เข้ากัน


น้ำสลัดเธาซั่นไอส์แลนด์



เครื่องปรุง

น้ำสลัดน้ำข้น 1 1/2 ถ้วย
ไข่ต้มสับ 1 ลูก
แตงกวาดองสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
หอมหัวใหญ่สับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสพริก 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนช
วิธีทำ
ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน ตักใส่ถ้วยน้ำจิ้ม


น้ำสลัดใสญี่ปุ่น



เครื่องปรุง
แครอทซอย 250 กรัม
หอมใหญ่ซอย 500 กรัม
กระเทียมกลีบใหญ่ซอย 50 กรัม
น้ำส้มสายชู 1 1/4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 4 ถ้วย
ซอสมะเขือเทศ 1/2 ถ้วย
พริกไทยป่น 1 ช้อนโต๊ะ
มัสตาร์ดผง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันสลัด 5 ถ้วย

วิธีทำ
ใส่เครื่องทุกอย่างลงในโถปั่น ปิดฝา ปั่นเข้าด้วยกันจนละเอียด หรือปั่นแครอทเป็นชิ้นเล็กๆก็ใช้ได้ เทใส่ขวด ปิดฝา เก็บเข้าตู้เย็น


เม็กซิกันมายองเนส



เครื่องปรุง
น้ำสลัดน้ำข้น 1 ถ้วย
ซอสพริกชนิดเผ็ดกลาง 3 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสเปรี้ยว 1 ช้อนชา
ใบยี่หร่าสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงสับละเอียด 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
วิธีทำ
ผสมเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกัน คนเบาๆ ใส่ลงหม้อ ปิดฝาแช่ให้เย็นในตู้เย็น  

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 28, 2011, 08:27:25 PM โดย nujai » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #220 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 10:37:44 PM »

คัสตาร์ด



ส่วนผสม

1.น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
2.น้ำเย็น 1/2 ถ้วย
3.ไข่ไก่ 2 ฟอง
4.ไข่ไก่ (เฉพาะไข่แดง) 2 ฟอง
5.นมสด 2 1/2 ถ้วย
6.น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
7.วานิลลา 2–3 หยด


วิธีทำ

1.ใช้ภาชนะทนไฟ เคี่ยวน้ำตาลจนน้ำตาลไหม้ ยกลง
2.นำน้ำตาลไหม้เทลงในภาชนะที่จะใช้ทำคัสตาร์ด ภาชนะอันหนึ่งใช้ประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ แล้วกรอกไปทาให้ทั่ว ทิ้งไว้ให้เย็นจนจับตัวแข็ง
3.ตอกไข่ไก่ 2 ฟอง พร้อมไข่แดง คนให้เข้ากัน แล้วใส่นมที่อุ่นกับน้ำตาล 1 ช้อนโต๊ะ ใส่วานิลลา ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วกรอง เทใส่ภาชนะที่เตรียมไว้ ปิดหน้าด้วยกระดาษฟอยด์
4.เตรียมภาชนะใส่น้ำอุ่นวางไว้ใต้เตาอบ แล้วนำพิมพ์คัสตาร์ดเข้าอบ ใช้ไฟประมาณ 375 องศาฟาเรนไฮต์ ประมาณ 40 นาที
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #221 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 10:40:20 PM »

เกี๊ยวกรอบเจ



ส่วนผสม

1.แป้งเกี้ยว 20 แผ่น
2.เห็ดหอมปรุงรส 3 ดอก
3.เห็ดฟาง 5 ดอก
4.โปรตีนเกษตร 5 ชิ้น
5.พริกใทยป่น 1/4 ช้อนชา
6.น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
7.ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำมันพืชสำหรับทอด 2 ถ้วย

วิธีทำ

1.ล้างเห็ดฟาง เฉือนโคนที่สกปรกออก ใส่กระชอนพักไว้
2.โปรตีนเกษตร แช่น้ำไว้ให้นิ่ม
3.สับเห็ดหอม เห็ดฟาง โปรตีนเกษตร รวมกันให้ละเอียด ใส่พริกไทย น้ำตาล ซีอิ๊วขาว เคล้าให้เข้ากัน (ใช้ทำเป็นไส้)
4.วางแผ่นเกี้ยว ตักส่วนผสมข้อ 3 เป็นไส้ โดยวางไว้ตรงมุมม้วนเข้าไปถึงกึ่งกลางของแผ่นแป้งเกี้ยว พับมุมด้านข้างสองมุมเข้าหากัน ใช้น้ำแตะให้แป้งติดกัน ทำจนหมด
5.ใส่น้ำมันในกระทะ ตั้งไฟให้ร้อน ใช้ไฟกลาง ใส่เกี้ยวลงทอดให้เหลืองกรอบ รับประทานกับน้ำจิ้ม

เครื่องปรุงน้ำจิ้ม

1.พริกชี้ฟ้าแดงโขลก 2 เม็ด
2.น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
3.เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
4.น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ ผสมน้ำส้มสายชู น้ำตาล เกลือ พริกชี้ฟ้าโขลก เข้าด้วยกันตั้งไฟ เคี่ยวให้ข้น ยกลง

บทความจาก : mindcyber.com
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #222 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 10:42:21 PM »

แพนเค้กกล้วยหอม



ส่วนผสม แพนเค้กกล้วยหอม

1.แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 3/4 ถ้วยตวง
2.ผงฟู 3 ช้อนชา
3.เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
4.น้ำตาล 2 ช้อนโต๊ะ
5.ไข่แดง ตีพอแตก 2 ฟอง
6.นม 1 1/4 ถ้วยตวง
7.น้ำมันพืช 1/2 ถ้วยตวง
8.ไข่ขาวตีจนขึ้นแข็ง 2 ฟอง
9.วานิลา หรือผิวมะนาวขูด 1/2 ช้อนชา
10.กล้วยหอมหั่นตามขวาง 1–2 ผล

วิธีการทำ แพนเค้กกล้วยหอม

1.นำแป้ง ผงฟู เกลือ น้ำตาล มาร่อน 2 รอบ
2.ผสมนม น้ำมัน ไข่แดง วานิลาให้เข้ากันเทลงในแป้ง
3.คนส่วนผสมพอเข้ากัน ใส่ไข่ขาวที่ตีแข็ง เคล้าเบาๆ คนจนเนื้อแป้งเนียน
4.ตั้งกระทะแบน ไฟปานกลาง พอร้อนทาผิวกระทะด้วยเนยนิดหน่อย ตั้งแป้งหยอดครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ
5.เอากล้วยหอมวางเรียงบนแผ่นแป้ง พอเริ่มด้านแล้วกลับอีกข้างพอเหลืองเอาขึ้นใส่จาน
6.ม้วนแพนเค้กเป็นเส้น ราดด้วยซอสช็อคโกแลต เป็นอันเสร็จพิธี
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #223 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 10:44:08 PM »

บานาน่าสมูทตี้



ส่วนผสม

1.นมสด 1/2 ถ้วย
2.กล้วยหอม 1 ผล
3.โยเกิร์ตรสผลไม้ หรือ รสธรรมชาติก็ได้ 1/4 ถ้วย
4.น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา
5.ไอศกรีมวานิลา 1–2 สคูป

วิธีทำ

1.นำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในเครื่องปั่นผลไม้
2.ปั่นจนเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน
3.เทใส่แก้วใบสวย
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #224 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 10:46:53 PM »

พายบลูเบอร์รี่



ส่วนผสม
1. บลูเบอร์รี่ 1 กระป๋อง
2. เนยสด 250 กรัม
3. แคร็คเกอร์(บด) หรือจะใช้เป็นโอรีโอ้ ก็ได้ 4 ถ้วย
4. ครีมชีส (สีขาว) 2 ก้อน
5. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
6. ครีมข้นชนิดธรรมดา 2 กระป๋อง

วิธีทำ
1. นำ Cracker บทดแล้วนำมาผสมกับเนยเคล้าให้เข้ากัน แบ่งเป็นสองส่วนเพราะ Blueberry 1 กระป๋องทำได้ 2 ถาด แผ่แป้งให้เต็มถาดกดให้เรียบ แล้วนำเข้าอบพอสุก นำออกมาทิ้งให้เย็น
2. Cream Cheese กับครีมข้นชนิดธรรมดา ตีให้เข้ากันช้าๆ ใส่น้ำมะนาว แล้วตีเข้ากันพอประมาณจนเข้ากันได้ดี
3. ใส่ Cream Cheese ที่ผสมดีแล้วใส่ลงในแป้งที่เย็นดีแล้ว ใช้ไม้พายเกลี่ยให้ทั่วแป้ง
4. ใส่ Blueberrry แล้วนำเข้าตู้เย็น เวลาจะรับประทานให้ตัดนำมาตัดแบ่งไป
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 13 14 [15] 16 17 ... 33   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: