Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 9   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรจ้ะ  (อ่าน 18515 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 12 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ไม่สามารถโหลดไฟล์ภาษา 'Aeva.thai-utf8' ได้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #75 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 01:42:20 PM »




มีสรรพคุณในการต่อต้านการเกิดของเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาวได้เป็นอย่างดี และยังช่วยบำรุงอวัยวะภายในต่าง ๆ ของมนุษย์ เช่น ม้าม และกระเพาะอาหาร ช่วยในการย่อยอาหาร และยังช่วยทำให้ผิวพรรณดี อีกด้วย
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #76 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 01:43:08 PM »




ล้างสารพิษด้วยส้มโอ
วิธีทำ ให้ทานส้มโอแทนข้าวเย็นประมาณ 7 วัน ขอเน้นว่าทานแทนข้าวเย็นนะ ส้มโอจะช่วยล้างสารพิษในร่างกายได้
ส้มโอสามารถช่วยแก้อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นหน้าอก
วิธีทำ ให้ทานส้มโอจิ้มกับยาหอม อาจจะทานยากนิดนึ่งแต่การทานส้มโอแบบนี้จะช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นหน้าอกได้
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #77 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 01:43:53 PM »



ส้มแขก มีสรรพคุณช่วยลดคอเลสเตอรอลและลดการสร้างไขมันของร่างกายได้
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #78 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 01:44:30 PM »



ดอกเก๊กฮวย
มีสรรพคุณทางยามากมาย ช่วยดับพิษร้อน ขับลม ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน นอกจากนี้ ในดอกเก๊กฮวย ยังมีสารฟลาโวนอยด์ กรดอะมิโน สารไครแซนทีมิน สารอะดีนิน สารโคลีน และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเลือดหัวใจตีบ ลดการภาวะหัวใจล้มเหลว ช่วยขยายหลอดเลือด ลดกรด
โรคความดันโลหิตสูง ส่วนสารแคโรทีนนอยด์ในดอกเก๊กฮวย มีสรรพคุณบำรุงตับ บำรุงสายตา และบรรเทาอาการหน้ามืด วิงเวียนศรีษะ และที่น่าจะเป็นข่าวดี อีกอย่างหนึ่งของวงการแพทย์ก็คือ มีงานวิจัยออกมาว่า สารสกัดจากเก๊กฮวย มีคุณสมบัติยับยั้งไวรัสเอดส์ได้
ถ้ารู้สึกปวดศรีษะ ตึงเครียด และอยากผ่อนคลาย ให้ชงเก๊กฮวยผงดื่มจะช่วยได้มาก แต่ถ้านำเก๊กฮวยไปต้มรวมกับหล่อฮังก๋วย จะช่วยบำรุงร่างกาย และแก้ร้อนในได้ดี
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #79 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 01:45:24 PM »




เห็ดหลินจือ
มีสรรพคุณในการรักษาโรคได้หลายชนิด อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการรักษาตัวเองของร่างกาย และยืดชีวิตให้ยืนยาวจนได้รับการขนานนามว่า เป็นราชาแห่งพืชสมุนไพร
นอกจากนั้นเห็ดหลินจือ ยังเป็นสมุนไพรที่ได้รับความสนใจจากนักวิทยาศาสตรหลายๆประเทศทำการค้นคว้าวิจัย เห็ดหลินจือที่มีอยู่ตามธรรมชาตินั้นมีอยู่ด้วยกันกว่า 100 สายพันธุ์
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #80 เมื่อ: พฤษภาคม 05, 2014, 01:46:50 PM »




การดื่มน้ำมะตูมเย็นๆ ยังสามารถทำให้อารมณ์ที่ร้อนรุ่มขุ่นมัวของคุณเย็นลงได้อย่างน่ามหัศจรรย์ พร้อมเติมพลังให้กับร่างกายในยามที่อ่อนล้า คนโบราณยังเชื่ออีกว่าว่า มะตูม เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่ควรมีไว้ในบริเวณบ้าน จะสามารถทำให้เกิดกำลังใจ และความมานะพยายามที่จะต่อสู้ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ ในชีวิต นอกจากนี้ มะตูม ยังมีความเกี่ยวข้องกับพิธีกรรม และพิธีมงคลของไทย อย่างเช่น เวลาเข้ากราบบังคมลาพระเจ้าแผ่นดินไปรับราชการ หรือ ศึกษาต่อ ณ ต่างประเทศ ก็จะได้รับพระราชทานใบมะตูมเป็นสิริมงคล งานสมรสพระราชทานคู่บ่าวสาวก็จะมีใบมะตูมทัดหู การทำน้ำมนต์เพื่อสะเดาะเคราะห์ และการครอบครูก็จะใช้ใบมะตูมเป็นองค์ประกอบในพิธี อีกทั้ง มะตูม ยังช่วยป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆ ได้อีกด้วย
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #81 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 04:49:22 PM »




อีกครั้งกับการทำน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น
ครั้งนี้ผสมดอกอัญชัญสดๆเพื่อใช้กับ"ผม"ค่ะ
มะพร้าวขูด3กิโลกว่าๆ น้ำประมาณ3กิโล ดอกอัญชัญสดแกะเป็นกลีบๆล้างเบาๆให้สะอาดประมาณ2ขีด
ผสมมะพร้าวกับดอกอัญชัญ แบ่งน้ำมาครั้งละครึ่งเพื่อคั้นกระทิ 2ครั้ง
เอาน้ำกระทิทั้ง2ครั้งมาใส่ถังพักไว้ในถังใบเดียวกัน เพื่อให้แยกชั้นเป็นหัวกระทิและน้ำ เพื่อเวลากรอกใส่ขวดจะได้ไม่เปลืองขวด เพราะตักมาแต่หัวกระทิ ส่วนน้ำก็ทิ้งไป ทำครั้งนี้บัวทดลองพักไว้1คืนก่อนกรอกใส่ขวด
เพราะคั้นน้ำกระทิเสร็จตอน6โมงเย็นกว่าๆ (ครั้งที่ผ่านมาพักไว้แค่ชั่วโมงกว่า) ตอนเช้ามาเจอหัวกระทิเริ่มเป็นเม็ดเป็นครีมข้นๆ บัวคิดว่าคงจะบูด
เลยตักมาดมดู มีกลิ่นหอมเหมือนน้ำกระทิที่คั้นสดๆจากต้นวันนี้เวลานี้ ไม่มีกลิ่นบูดกลิ่นเปรี้ยวใดๆ แต่พอลองตักน้ำที่อยู่ใต้ชั้นหัวกระทิมาลองชิมดู
มีรสเปรี้ยวนิดๆ เหมือนเช่นทุกๆครั้งที่ทำค่ะ แขวนขวดไว้ในที่โล่งมีหลังคากันฝน ถ้าจะให้ดีให้โดนแดดส่องตอนเช้าด้วย โดยไม่ต้องย้ายที่แขวนขวด
บัวแขวดขวดไว้แค่1คืนตอนเที่ยงก็เจาะเอาน้ำมันได้แล้วค่ะ
อากาศยิ่งร้อนยิ่งเกิดน้ำมันง่าย
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #82 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 04:50:23 PM »



น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นผสมขมิ้นชันผง
ใช้มะพร้าวขูด4กิโล ขมิ้นชันผง1ถ้วยตวง น้ำสะอาด3กิโลกว่า
แบ่งน้ำมาที่ละครึ่งคั่นกระทิ2ครั้ง เอาน้ำกระทิที่ได้ทั้ง2ครั้งมาใส่รวมในถังเดียวกัน ตั้งพักไว้1ชั่วโมงกว่าๆ เมื่อกระทิแยกชั้นเป็นน้ำและหัวกระทิ
ให้ตักเอาแต่หัวกระทิชั้นบนโดยไม่ต้องให้ติดน้ำมากรอกใส่ขวด
เหตุที่ต้องเอาน้ำกระทิมาตั้งพักให้แยกชั้น เพื่อจะได้ไม่ต้องใช้ขวดหลายใบเวลาใส่น้ำกระทิ เอาขวดมาแขวนที่โล่งๆมีหลังคากันฝน ถ้าจะให้ดีควรเป็นที่ที่โดนแดดส่องในตอนเช้า (โดยไม่ต้องย้ายที่แขวน) ทำครั้งนี้ใช้เวลาแขวนขวด2คืนก็ได้น้ำมันมาใช้แล้วค่ะ โดยใช้เข็มเจาะส่วนที่เป็นน้ำมันสีเหลืองๆ "ทดลองทำน้ำมันทาผิวจ้า"
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #83 เมื่อ: พฤษภาคม 08, 2014, 04:52:26 PM »



มะม่วงหิมพานต์ เอามาทำน้ำปานะได้ค่ะ
โดยเลือกมะม่วงที่สุกจัดๆมาตัดส่วนท้ายผลทิ้งเสียครึ่งหนึ่ง
หั่นเฉลียงเท่านิ้วโป่ง ต้มกับน้ำตาลทรายแดง กรองเอาแต่น้ำมาถวายพระ
ใส่ใบเตยหอมกับดอกอัญชัญสดลงไปด้วย
ได้น้ำออกมาสีม่วงอ่อนๆ หอมกลิ่นมะม่วง
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #84 เมื่อ: พฤษภาคม 12, 2014, 01:22:30 PM »



ทับทิม : อัญมณีแห่งผลไม้
นอกจากความงดงามแล้ว น้ำคั้นจากผลทับทิมดื่มแล้วสดชื่นแก้กระหายน้ำได้ดีมาก เพราะมีทั้งน้ำตาลและกรดที่เป็นประโยชน์ โดยเฉพาะกรดแอสคอร์บิกหรือวิตามินซี ช่วยรักษาโรคลักปิดลักเปิด สามารถนำเอาส่วนต่างๆ มาทำยารักษาโรคได้หลายชนิด เป็นยาระบาย หรือถ่ายพยาธิเส้นด้ายและตัวตืด
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #85 เมื่อ: พฤษภาคม 13, 2014, 10:49:53 PM »




ดีท็อกซ์และถ่ายพยาธิด้วย ทุเรียน

ดีท็อกซ์และถ่ายพยาธิด้วย "ทุเรียน"

ทุเรียน กินอย่างไรไม่อ้วน เผยช่วยชำระล้างขยะในลำไส้ แถมเป็นยาถ่ายพยาธิชั้นยอด คงสงสัยกันสิว่า กินกันอย่างไรล่ะที่ไม่ให้อ้วน

ตำราไทยบอกไว้ให้กินเป็นยาถ่ายพยาธิปฏิบัติไม่ยากเลย ง่ายๆ เพียงแค่ตื่นนอนตอนเช้าๆ ยามรุ่งอรุณ ก็ราวๆ ประมาณ 05.00 น. หลังจากล้างหน้า แปรงฟัน เรียบร้อย เริ่มกินทุเรียนได้ทันที กินพอประมาณ อาจสักครึ่งลูกย่อมๆ หรืออาจมากน้อยกว่านั้น ตามน้ำหนัก หรือความอ้วน ความผอม คือ อ้วนก็มากหน่อย ผอมก็น้อยลง ไม่ใช่กินเพื่ออิ่มแต่กินเป็นยา แล้วดื่มน้ำอุ่นตามไปมากๆควรกินสองวันติดต่อกันและงดอาหารในทั้งสองเช้านั้น ความร้อนในสารกำมะถันธรรมชาติ และกากใย จากพูทุเรียน จะออกฤทธิ์ชำระล้างขยะในลำไส้ออกได้อย่างเกลี้ยงเกลา รวมทั้งเป็นยาถ่ายพยาธิต่างๆ อีกทั้งยังเป็นยาถ่ายในผู้ป่วยน้ำเหลืองเสีย ซึ่งมักเกิดแผลจากแมลงกัดอยู่เสมอ

ทุเรียน ให้ประโยชน์คณานับที่แพทย์แผนไทย มีอาทิเนื้อสีเหลือง รสหวานร้อน ทำให้เกิดความร้อน แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี หนอง แห้ง เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ขับพยาธิเปลือกหนาม รสเฝื่อน สับแช่ในน้ำปูนใสใช้ชะล้างแผลที่เกิดจากน้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง เผาทำถ่าน บดจนเป็นผง คลุกในน้ำมันมะพร้าว หรือน้ำมันงา ลดความบวมพองจากคางทูม และเผาเอาควันไล่ยุงและแมลงใบทุเรียน รสเย็นและเฝื่อน ใช้ต้มน้ำอาบแก้ไข้ แก้ดีซ่านและเป็นส่วนผสมในยาขับพยาธิรากจากต้น ตัดเป็นข้อๆ ต้มให้เดือด ดื่มบรรเทาอาการไข้และรักษาอาการท้องร่วงนอกจากทุเรียนจะให้คุณอเนกอนันต์

ขอขอบคุณข้อมุลจาก : heyhaparty
บันทึกการเข้า

finghting!!!