Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 14   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ศรัทธา ธรรม  (อ่าน 13493 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #15 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2014, 09:42:00 PM »





บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #16 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2014, 09:42:29 PM »









« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2014, 08:51:09 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #17 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2014, 10:44:20 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #18 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 05, 2014, 11:04:56 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #19 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2014, 08:55:54 AM »








































« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 23, 2014, 09:40:26 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #20 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2014, 09:23:05 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2014, 10:42:01 AM »





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 14, 2014, 08:00:28 AM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #22 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 09, 2014, 10:46:26 AM »




อ่านเพื่อให้เป็นคติเตือนใจ เกิดสติปัญญา..@

มีชายหญิงคู่หนึ่งรักกันมาก
คบกันมา 3 ปี ทั้ง 2 ตกลงจะแต่งงานกัน
เมื่อกำหนดวันเรียบร้อย
ฝ่ายชายเองก็รอคอยวันที่จะแต่งงาน
ต่อมาไม่นานฝ่ายชายรู้ข่าวว่า
คู่รักของตนแต่งงานกับคนอื่นอย่างกะทันหัน
โดยฝ่ายหญิงเองก็เต็มใจ ไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด
เมื่อได้ทราบข่าว เขาทั้งงงและเสียใจมาก
ร้องไห้ไม่กินไม่นอน ไม่นานก็ป่วยหนักเพราะตรอมใจ

เวลาผ่านไป ฝ่ายชายป่วยหนักขึ้นเรื่อยๆ
ไปหาหมอเท่าไหร่ก็ไม่ดีขึ้น
ขณะที่นอนซมอยู่ที่บ้านนั้น
มีหลวงตาแก่ๆผ่านมา
เมื่อมาถึงหลวงตาหยุดอยู่ที่หน้าบ้าน
แล้วมองเข้าไปในบ้านจึงเคาะประตู
เด็กรับใช้ออกมาเปิดประตูพบว่า เป็นพระ
จึงบอกว่า " ไม่ทำบุญนิมนต์ข้างหน้า"

หลวงตายิ้มอย่างมีเมตตาแล้วพูดว่า "อาตมาไม่ได้มาบิณฑบาต ในบ้านมีคนป่วยใช่มั๊ย อาตมาพอมีความรู้ทางด้านการแพทย์นิดหน่อยไม่รู้จะพอช่วยได้รึปล่าว"
เด็กรับใช้ได้ฟังก็อึ้งแต่ก็บอกว่า ตัดสินใจเองไม่ได้ต้องขอไปถามเจ้านายก่อน เด็กรับใช้เดินเข้าไปในบ้านถามเจ้านาย เจ้านายตอบอย่างตัดรำคาญว่า
"อยากเข้ามา ก็เข้ามา!"

เมื่อหลวงตาเข้าไปพบที่ห้องนอนพบว่า
ชายคนดังกล่าวนอนอย่างหมดอาลัยตายอยากอยู่บนเตียง สีหน้าซีดเซียว ร่างกายซูบผอมประหนึ่งครึ่งคนครึ่งศพ เด็กรับใช้นำน้ำมาถวายหลวงตา พร้อมจัดเก้าอี้ถวายข้างๆเตียงของชายคนนั้น
หลวงตายิ้มแล้วพูดว่า "อาการหนักเลยนะ"

ชายคนนั้น นิ่งเงียบไม่สนใจในสิ่งที่หลวงตาพูด
หลวงตาตรวจอาการพอเป็นพิธี จึงกล่าวว่า
"โทรมมากเลยนะ" ชายคนนั้นไม่สนใจ
หลวงตาบอกว่า "ไม่เชื่อ ลองมองที่กระจกสิ"
ชายคนนั้นไม่สนใจ

แต่ขณะที่หางตาชายไปที่กระจกแต่งตัวในห้องนอน
เขามองเห็นภาพของคนที่รักอยู่ในนั้น
ไม่นานภาพของคนรักก็ค่อยๆจางหายไป
กลายเป็นภาพทิวทัศน์ชายทะเล

ที่ชายทะเลแห่งนั้นเงียบสงบ ไม่มีคนผ่านไปมา
ขณะที่ชายคนที่ป่วยนั้น มองภาพในกระจกด้วยความสนใจนั้น เขาพบว่า มีศพหญิงสาวนอนเปลือยกายอยู่ที่ชายหาด

เวลาผ่านไปสักครู่ มีชายคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพหญิงคนนั้นด้วยความรังเกียจ
แล้วเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต่อมาพักใหญ่มีชายอีกคนหนึ่งเดินผ่านมา
เขามองเห็นศพนั้น
เขาสงสารจึงถอดเสื้อนอกออกมาคลุม
ร่างของหญิงคนนั้น แล้วเดินจากไป

พักใหญ่ๆอีกเช่นกัน มีชายอีกคนเดินผ่านมา
เขาพบคนนอนมีผ้าคลุมอยู่ จึงเปิดออกดู
เมื่อพบว่า เป็นศพ ด้วยใจสงสาร
จึงจะฝังให้เรียบร้อย แต่ก็ไม่มีเครื่องมือจะขุด
เขาจึงตัดสินใจใช้มือทั้ง 2 ข้างๆ ค่อยๆ
กอบทรายขึ้นมา เขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ
จนเย็น พอได้หลุมใหญ่พอสมควร
จึงได้ฝังศพผู้หญิงคนนั้นเรียบร้อยแล้วจากไป

จากนั้นภาพในกระจกก็เปลี่ยนเป็นภาพ
ของศพหญิงคนนั้น และก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นภาพของหญิงคนรัก เขาได้เห็นก็ตกใจ
พอสักพัก ก็ปรากฏเป็นภาพชายคนที่ 2
แล้วก็ค่อยๆจางหายไป เหลือแต่เงาของตัวเองในกระจก

ทันใดนั้นหลวงตาพูดว่า "ทีนี้เข้าใจรึยัง ศพนั้นคือคู่รักของโยม ชายคนที่ช่วยฝังศพเธอ ผูกวาสนากับเธอหนึ่งชาติ ชาตินี้เธอเลยแต่งงานกับเขา ส่วนโยมช่วยคลุมศพเธอ จึงผูกวาสนา 3 ปี ตอนนี้ครบ 3 ปี วาสนาสิ้นแล้วก็ต้องจากกัน"

เมื่อชายคนนั้นฟังจบก็กระอักเลือดออกมา
เด็กรับใช้ตกใจมาก
หลวงตายิ้มแล้วบอกว่า "โยมรอดแล้ว
เมื่อกี้โยมกระอักเลือดเอาเลือดเสียออกมาแล้ว"

ต่อมาไม่นานชายคนนั้นก็ได้ออกบวชติดตามหลวงตาองค์นั้นในที่สุด

 คนเราเจอกัน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ความสัมพันธ์ พ่อ , แม่ , พี่ , น้อง ,
ญาติ , เพื่อน , ศัตรู , คนรัก ฯลฯ ไม่ใช่ของเลื่อนลอย
เมื่อมีวาสนา ไม่ต้องเรียกร้อง ถึงเวลาก็มาเจอกัน
เมื่อสิ้นวาสนา ก็ต้องจากกัน รั้งยังไงก็ไม่อยู่

ในตอนที่ยังไม่จากกันนี้
คุณทำได้ทำดีต่อคนของคุณหรือยัง
เพราะถึงเวลาที่ต้องจากกัน
ไม่ว่าคุณจะมีเงินหรืออำนาจล้นฟ้า
ก็เรียกมันกลับคืนมาไม่ได้
ทำดีต่อกันไว้ดีกว่า เพราะไม่มีใครรู้ว่า
เราจะต้องจากกันเมื่อไหร่ 

ทุกๆวจีกรรม กายกรรม และมโนกรรม ที่เรานึกคิด
พูดล้วนเป็นกรรมหมด อยู่ที่เจตนาเป็นบุญหรือบาป ล้วนส่งผลต่อปัจจุบันและอนาคตทั้งนั้น



thank you
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #23 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 10, 2014, 05:04:43 PM »














« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 26, 2014, 08:44:29 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2014, 09:15:25 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #25 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2014, 09:16:14 PM »




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 13, 2014, 09:42:02 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #26 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2014, 09:20:05 PM »

โทสะ คืออะไร

หมู่บ้านแห่งหนึ่งได้จัดงานบุญประจำปีขึ้น
ก็เป็นประเพณีทุกปีที่บรรดาเจ้าภาพจะนิมนต์พระมาเทศนา
ปีนี้ก็มีสามรูปจากคนละวัด

ก็มีญาติโยมถามไปว่า โทสะ คืออะไร

พระสองรูปจากวัดใกล้หมู่บ้านก็เทศนากันอย่างได้บรรยากาศ
ชาวบ้านที่มาฟังก็หัวร่อตามกันไม่หยุด
จนล่วงไปนานพระรูปที่สามก็นั่งนิ่ง นานเข้าก็ยังนั่งนิ่ง
พระรูปแรกเกิดความสงสัย ว่าเหตุใดท่านจึงไม่พูดจาอันใดเลย
ถามพระรูปที่สามไปว่าโทสะคืออะไร

ได้ยินดังนั้นพระรูปที่สามก็นิ่งอยู่ครู่ แล้วพูดออกมาคำเดียวว่า "ส้นตีน"

คำพูดนี้ทำให้พระรูปแรกถึงกับอึ้ง พูดไม่ออก
ชาวบ้านก็พากันตาค้าง ส่วนท่านเองก็นั่งนิ่งเหมือนเดิม
เล่นเอาคนงงกันทั้งบาง

พระรูปแรก เมื่อถูกย้อนมาดังนั้นก็นั่งนิ่ง
พูดไม่ออกอยู่นาน จนหน้าแดงผาด
ญาติโยมก็เห็นท่านหน้าแดง คงโกรธแต่พูดไม่ออกกระมัง

ความเงียบที่เข้ามาอยู่สักพักก็ถูกทำลายลงโดยพระรูปที่สาม
"นี่ไงล่ะท่าน คือโทสะ ดูเอาเถิด"

หลังจากนั้นพระรูปที่สามก็เทศนาต่อไป
ชาวบ้านญาติโยมจึงได้รู้และเห็นจริงของคำว่า โทสะ

จั่นเจ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #27 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 11, 2014, 09:24:19 PM »






















« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 18, 2014, 08:48:50 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #28 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 12, 2014, 09:24:16 PM »




มนุษย์5จำพวก.....(แล้วคุณคือมนุษย์จำพวกใหน?)
มนุษย์ ตามความหมายทางภาษาบาลีมีได้หลายนัย เช่น ผู้มีใจสูง, ผู้รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และสิ่งทีไม่เป็นประโยชน์, ผู้เป็นเหล่ากอของผู้รู้, ผู้ที่จะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ ก็เพราะได้อาศัยธรรมของมนุษย์ ได้แก่ศึล 5 และกุศลกรรมบถ 10 เป็นคุณธรรมที่จะเสกสรรปั้นปรุงให้เป็นคน ถ้าใครขาดธรรมทั้ง 2 หมวดนี้ ก็จัดว่าเป็นคนไม่เต็มคน เหตุดังนี้นท่านจึงแบ่งมนุษย์ออกเป็น 5 จำพวกคือ

1. มนุสฺสเนรยิโก: มนุษย์สัตว์นรก
ได้แก่ มนุษย์ผู้ดุร้ายหยาบคาย เที่ยวฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเขา เที่ยวจี้เที่ยวปล้นเอาทรัพย์สมบัติของผู้อื่นมาเป็นของตนด้วยอาการทารุณดุร้าย เช่น ฆ่าเจ้าทรัพย์ตายบ้าง ทุบตีจนบาดเจ็บสาหัสบ้าง ข่มขืนแล้วฆ่าบ้าง เบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่น ทรมานผู้อื่นสัตว์อื่น โดยอาการทารุณดุร้ายหยาบคายนานาประการ รวมความว่าเป็นคนไร้ศึลธรรม ไม่มีมนุษยธรรม คือ ศีล 5 ประจำตัวเลย เป็นมิจฉาทิฎฐิ ท่านจึงได้ขนานนามว่า มนุสฺสเนรยิโก คือเป็นมนุษย์แต่ชื่อ ส่วนความประพฤติทาง กาย วาจา ใจ นั้นเลวทรามต่ำช้าดุร้ายหยาบคายเหมือนกับสัตว์นรกฉะนั้น

2. มนุสฺสเปโต: มนุษย์เปรต
ได้แก่มนุษย์ผู้มากไปด้วยความโลภ มากไปด้วยตัณหา ชอบลักเล็กขโมยน้อย โลภเอาของผู้อื่นมาเป็นของตน แย่งชิง วิ่งราว เป็นต้น แม้พวกที่เที่ยวขอทานมีบาดแผลเกรอะกรังก็สงเคราะห์เข้าประเภทนี้ด้วย

3. มนุสฺสติรจฺฉาโน: มนุษย์สัตว์ดิรัจฉาน
ได้แก่มนุษย์ที่ขวางศีล ขวางธรรม มีโมหะคือความหลงมาก ไม่รู้จักบาป ไม่รู้จักบุญ ไม่รู้จักคุณ ไม่รู้จักโทษ ไม่รู้จักประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ ไม่รู้จักคุณของผู้มีคุณ เช่น บิดามารดา คูรบาอาจารย์ เป็นต้น เป็นมนุษย์ไร้ศีลธรรม ดื่มเหล้าเมาสุรา สูบฝิ่น กินกัญชา ทำอะไรทาง กาย วาจา ใจ ก็ขวางๆ ผิดทำนองครองธรรม ท่านจึงได้ขนานนามว่า มนุสฺสติรจฺฉาโน แปลว่า ผู้ไปขวาง คือเดินทอดตัว ไม่ได้เดินตั้งตัวเหมือนคน คนดิรัจฉานก็ฉันนั้น ทำอะไรก็ขวางธรรมขวางวินัย คือผิดศึลธรรมอยู่เสมอๆ

4. มนุสฺสภูโต: มนุษย์แท้ๆ
คือเป็นคนเต็มคน ได้แก่ บุคคลผู้เกิดมาเป็นคนแล้ว ได้รักษาศีล 5 มั่นเป็นนิตย์ มิได้ขาดมิได้ประมาทต่อศีล เพราะถือว่าเป็นมนุษยธรรม คือเป็นธรรมประจำมนุษย์ ธรรมที่ทำคนให้เป็นคน แต่มิได้บำเพ็ญกุศลจริยาอย่างอื่นอีก เช่น ไม่ได้ให้ทาน ไม่ได้ฟังธรรม เป็นต้น มนุษย์อย่างนี้ท่านขนานนามว่า มนุสฺสภูโต คือ เป็นคนเต็มคน เพราะมีคุณธรรมของคนคือศีล ศีล แปลว่า เศียร คือ หัว ถ้าคนขาดศีล ก็คือคนขาดหัว หัวขาดนั่นเอง เพราะขาดจากคุณธรรมของความเป็นคน

5. มนุสฺสเทโว: มนุษย์เทวดา
ได้แก่มนุษย์ผู้มีศีล 5 มั่นเป็นนิตย์แล้วยังได้พยายามบำเพ็ญกุศลเพิ่มพูนบารมีอยู่เรื่อยๆ เช่น ให้าน ฟังธรรม เรียนธรรมปฏิบัติธรรม ไหว้พระ สวดมนต์ มีหิริ คือความละอายบาป มีโอตตัปปะ คือความสะดุ้งกลัวต่อผลแห่งบาปอยู่เสมอเรียกว่า เป็นผู้มีใจสูงดุจเทวดา เพราะประกอบด้วยเทวธรรม 7 ประการ คือ
บำรุงเลี้ยงมารดาบิดา
ประพฤติอ่อนน้อมถ่อมตนต่อบุคคลผู้เจริญในตระกูล
พูดจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน นุ่มนวล
ละความส่อเสียด
รักษาคำสัตย์
ละความตระหนี่เหนียวแน่น
ไม่โกรธ
มนุษย์ผู้มีคุณสมบัติเช่นนี้ ท่านขนานนามว่า มนุสฺสเทโว
เท่าที่่แสดงมานี้ ก็พอชี้ให้เห็นได้เด่นชัดแล้วว่า ศีลธรรมเท่านั้นเป็นเครื่องวัดบุคคล เป็นเครื่องแบ่งแยกบุคคลให้มีประเภทต่างๆ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น ถ้าผู้ใดไรศีลธรรม ผู้นั้นก็ชื่อว่าเป็นคนไม่เต็มคนบ้าง เป็นคนเปรตบ้าง เป็นคนอสุรกายบ้าง เป็นคนนรกบ้าง เป็นคนดิรัจฉานบ้าง ถ้าผู้ใดมีศีลธรรม มีกัลยาณธรรม มีวัฒนธรรมอันดีงาม ผู้นั้นก็ชื่อว่า เป็นคนเต็มคน เป็นคนแท้ๆ และเป็นคนเทวดา
เพราะฉะนั้นทางไปมนุษย์จึงได้แก่ศีล 5 ซึ่งเป็นมนุษยธรรม คือธรรมประจำมนุษย์ ในพระบาลีท่านเรียกว่า "อริยธรรม" เช่น คำว่า "อริยธมฺเม ฐิโต นโร" นรชนผู้ตั้งอยู่ในอริยธรรม ได้แก่บุคคลผู้ตั้งอยู่ในศีล 5 ดังนี้



‎ธรรมะ จัดสรร
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #29 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2014, 09:40:58 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 14   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: