Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 14   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ศรัทธา ธรรม  (อ่าน 13571 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #150 เมื่อ: กันยายน 01, 2015, 09:44:13 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #151 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2015, 04:16:28 PM »



มีพระหนุ่มรูปหนึ่ง..... อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

ในแต่ละวันจะมีเรื่องที่ขุ่นเคืองไม่พอใจอยู่เสมอ

เวลานั่งสมาธิ หากได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน
เสียงดังก็ไม่พอใจ บางทีก็ตบะแตกต่อว่าคนที่พูดคุยกัน

เวลากวาดใบไม้ก็บ่นว่าไม้ใบเยอะ
กวาดไปก็หงุดหงิดไป

บางทีก็ต่อว่าเพื่อน
หาว่าเพื่อนกินแรง

ไม่ว่าจะทำอะไร
ถ้ามีอะไรที่ไม่ถูกใจก็จะโมโหง่าย
แม้แต่บางทีใช้ปากกาแล้วเขียนฝืด
ก็ขว้างปากกาทิ้ง

เหตุการณ์ทั้งหมดนี้
อยู่ในสายตาของหลวงพ่อตลอด

วันหนึ่งหลวงพ่อจึงบอกให้พระหนุ่มนี้
ไปเอาเกลือจากในครัวมาห่อหนึ่ง
และให้ไปรินน้ำมาแก้วหนึ่ง
แล้วให้โรยเกลือลงไปในแก้วน้ำนั้น

สักพักหลวงพ่อให้พระหนุ่มชิมน้ำในแก้วนั้นดู
พระหนุ่มบอกว่าเค็มมาก

หลวงพ่อจึงพาเดินไปที่ลำน้ำหน้าวัด
แล้วให้พระหนุ่มเอาเกลือที่เหลือโรยลงไปในลำน้ำนั้น
แล้วให้ชิมน้ำนั้นดู หลวงพ่อถามว่าเป็นอย่างไร
พระหนุ่มบอกว่าจืด

ตอบไปก็งงไป
ว่าหลวงพ่อตั้งใจจะบอกอะไรแก่ตน

หลวงพ่อให้เวลาพระหนุ่มคิดสักพัก
แต่พระหนุ่มก็คิดไม่ออก

ท่านจึงบอกว่าความทุกข์ในชีวิตคนเรา
เหมือนกับเกลือ คือว่าจะเค็มหรือจะจืด
ขึ้นอยู่กับภาชนะที่ใส่น้ำด้วย

ขึ้นอยู่กับว่าเธอจะเป็นน้ำแก้วหนึ่ง
หรือจะเป็นลำน้ำสายหนึ่ง

แล้วให้พระหนุ่มลองพิจารณาดูว่า
ความทุกข์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเรา
เป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่
สิ่งที่ไม่ถูกใจเรา ไม่เป็นไปดั่งใจเรา
จะว่าไปก็เหมือนกับเกลือ
แต่จะเค็มหรือจืดขึ้นกับภาชนะที่ใส่น้ำ

ความทุกข์ก็เช่นกันจะจืดหรือจะเค็ม
ขึ้นอยู่กับใจของเรา
ว่าใจของเราเหมือนแก้วน้ำเล็กๆ
หรือเหมือนกับลำน้ำ ซึ่งมีขนาดต่างกันมาก

เวลาที่เราเจอเหตุการณ์อะไรก็ตาม
หากเรามีความขุ่นเคืองหรือมีความทุกข์มาก
นั้นแสดงว่าใจเราเล็ก ใจเราแคบเหมือนกับแก้วน้ำ

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าสิ่งที่มากระทบเรา
หรือเกิดขึ้นกับเราจะทำให้เราเจ็บปวดหรือไม่
ขุ่นเคืองหรือไม่นั้น

ขึ้นอยู่ที่ใจเราด้วย
ไม่ได้ขึ้นอยู่กับที่สิ่งที่มากระทบเท่านั้น

ใบไม้จะเยอะ เพื่อนร่วมงานจะไม่น่ารัก
หรือดินฟ้าอากาศจะไม่เป็นใจ
แต่มันทำให้เราทุกข์ไม่ได้
หากใจเราใหญ่เหมือนแม่น้ำหรือลำน้ำ

พูดง่ายๆ ว่าสุขหรือทุกข์นั้น
ขึ้นอยู่กับคุณภาพจิตของเรา

ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งที่มากระทบ
หรือเกิดขึ้นกับเรานั้นเป็นอย่างไร

ใจที่เล็กกับใจที่กว้างใหญ่นั้น ส่งผลให้เรา
เป็นคนทุกข์ง่ายหรือไม่

คนที่ใจแคบใจเล็ก คิดถึงแต่ตัวเอง
เมื่อเจออะไรมากระทบก็ทุกข์ไปหมด โกรธ
ไม่พอใจไปหมด

แต่คนที่ใจกว้างใหญ่
แม้จะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ก็รู้สึกปกติ เฉยๆ ได้

พระไพศาล วิสาโล
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #152 เมื่อ: มีนาคม 16, 2016, 10:09:53 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #153 เมื่อ: มีนาคม 16, 2016, 07:37:03 PM »

คืนฟ้าฉ่ำฝน ตอนที่ 1

รวมบทกวีของ

เรียวกัน

พระโง่ผู้ยิ่งใหญ่

พระมหาสมภาร พรมทา

แปลและเรียบเรียง

จาก ONE ROBE ONE BOWL

The Zen Poetry of Ryōkan






Ryōkan (Photo credit: Wikipedia)


ของ John Stevens

จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์จตุจักร

ตีพิมพ์ครั้งแรก กรกฎาคม 2525



ประวัติย่อเรียวกัน

พระเซนสังกัดนิกายโซโต เกิดเมื่อ พ.ศ. 2301 และมรณภาพ
เมื่อ พ.ศ. 2374 เรียวกันไม่ใช่ชื่อจริง เป็นศาสนฉายา หมายความ
ว่าผู้มีใจที่เปิดกว้างต่อคุณธรรม เดิมเรียวกันมีชื่อจริงว่า เออิโซ
เป็นชาวจังหวัดเอชิโกะ เกิดที่หมู่บ้านอิสึโมซากิ ซึ่งตั้งอยู่ฝั่ง
ตะวันตกของเกาะญี่ปุ่น

ชีวิตในวัยเด็ก แตกต่างจากเด็กทั่วไป เป็นคนช่างคิดและสนใจใน
ศาสนธรรม กับ วรรณคดี  มักจะปลีกตัวไปอ่านคำสอนของขงจื๊อ
หรือกวีนิพนธ์โบราณอยู่เงียบ ๆ ตามลำพัง

เรียวกันบวชเป็นพระอยู่ในวัดประจำหมู่บ้าน เป็นเวลาสี่ปี วันหนึ่ง
มีอาจารย์เซนท่านหนึ่ง ชื่อ โกกุเซน จาริกผ่านมา หลังจากสนทนา
กัน เรียวกันก็ตัดสินใจออกติดตามเป็นศิษย์ เพราะเลื่อมใสใน
จริยวัตรและปฏิภาณในการแสดงธรรมของอาจารย์เซนท่านนั้น
อาจารย์โกกุเซน เป็นเจ้าอารามเอนซูจิ หมู่บ้านตามาชิมะ
ในจังหวัดบิตชู เรียวกันศึกษาธรรมอยู่กับอาจารย์โกกุเซน ที่
อารามเอนซูจิเป็นเวลา 12 ปี ยามว่างก็ฝึกหัดเขียนบทกวี
และคัดลายมือพู่กันอยู่เสมอ


ต่อมาในปี พ.ศ. 2333 อาจารย์โกกุเซน ได้มรณภาพ เรียวกันจึง
ตัดสินใจออกจาริกไปในที่ต่างๆ เป็นเวลา 5 ปี และในปีสุดท้าย
เรียวกัน ก็ได้ประสบข่าวร้าย อันนำความสะเทือนใจมาสู่ชีวิตเป็น
คำรบสอง หลังจากที่ต้องสูญเสียมารดาไป ในปี พ.ศ. 2326
กล่าวคือ บิดาที่หนีระหกระเหินจากอำนาจป่าเถื่อนของรัฐบาล
ขุนศึก ไปใช้ชีวิตบั้นปลาย ณ เมืองเกียวโต ได้ฆ่าตัวตาย ด้วย
การกระโจนลงไปในแม่น้ำกัตซูระ เพราะทนความคับแค้นบีบ
คั้น ของรัฐบาลไม่ไหว เรียวกันเดินทางไปจัดการศพบิดา ตาม
ประเพณีเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ตัดสินใจเดินทางจากเกียวโต
กลับคืนสู่มาตุภูมิ

ที่บ้านเกิด เรียวกันได้ปลูกกระท่อมเล็ก ๆ ที่เชิงเขากุกามิ ห่าง
จากหมู่บ้านประมาณ 6 ไมล์ ขนานนามว่า โกะโกอัน แปลว่า
อาศรมของผู้ใฝ่สันโดษที่ยังชีพด้วยข้าววันละ 1 โกะโก
กระท่อมของท่านตั้งอยู่บนริมผา หันหน้าออกไปทางทะเล เมื่อ
มองจากกระท่อมลงไปจะเห็นทัศนียภาพที่สวยงามมากฟองคลื่น
สีขาวซัดสาดโขดหินไม่ขาดระยะ ลมทะเลพัดโชยทิวสนดังหวีด
หวิว ผสานกับเสียงนกร้องท่ามกลางดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่ง
ที่นั้น เรียวกันได้ใช้ชีวิตอันสุขสงบเยี่ยงอนาคาริกผู้ละเคหสถาน
บ้านเรือน ออกประพฤติสมณพรตอยู่กับ ป่าไม้และขุนเขา เรื่อย
มาจนกระทั่งถึงวันสุดท้ายแห่งชีวิต

โกะโกอัน
เรียวกัน สิ้นลมหายใจในวันที่ 6 มกราคม 2374 รวมอายุได้
73 ปี

บทกวีบทสุดท้ายที่เรียวกันร้อยกรองออกมาก่อนสิ้นชีวิต ว่า

ชีวิตเปรียบเหมือนหยาดน้ำค้าง

   ที่วันหนึ่งต้องถึงคราวเหือดแห้ง
   วันคืนผ่านไปไม่หวนกลับ
   เช่นชีวิตและร่างกายของฉัน
   ที่ค่อย ๆ ทรุดโทรมผุพัง
   รอเวลาเปื่อยเป็นธุลีดิน

เรียวกันเขียนผลงานไว้มากมาย และใช้รูปแบบการเขียนที่
หลากหลาย รูปแบบกวีนิพนธ์คลาสสิคของจีน มีจำนวนกว่า
400 ชิ้น นอกนั้น เป็นบทเพลงพื้นบ้าน ไฮกุ และวากะ มี
จำนวนนับไม่ถ้วน เรียวกัน มีลักษณะพิเศษอยู่อย่างหนึ่ง คือเป็น
กวีที่ไม่ยึดติดในฉันทลักษณ์

งานส่วนใหญ่ มักมีเนื้อหาง่าย ๆ เกี่ยวกับ ชีวิตประจำวันของ
เรียวกันเอง ธรรมชาติป่าไม้ขุนเขา และอารมณ์อ่อนไหวต่อ
ความทุกข์เข็ญของเพื่อนร่วมโลก มีเพียงบางชิ้นที่พูดถึง
ปรัชญาอันลึกซึ้งในพุทธศาสนา ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะอิทธิพลของ
นิกายโซโตที่เรียวกันสังกัดอยู่ ที่มีคำสอนต่างจากนิกายอื่น อยู่
 
2 ประการด้วยกัน คือ•นิกายโซโตถือว่า ในการปฏิบัติสมาธินั้น การขบคิด

โกอานหรือปริศนาธรรมพร้อม ๆ กันไปด้วย เป็นสิ่งที่ไร้
ประโยชน์ ก่อให้เกิดความสับสนวู่นวายขึ้นในจิตใจ นิกายโซโต
เห็นว่าการปฏิบัติสมาธิอยู่ที่การปล่อยวางทั้งร่างกายและจิตใจ
ให้ว่างเปล่า อิสระจากกฎเกณฑ์ทั้งปวง•พระในนิกายนี้ จะใข้ชีวิตเรียบง่าย เรื่อย ๆ อยู่กับการงาน
อย่างมีสติ

เรียวกันคือตัวแทนของความรู้สึกนึกคิด
ส่วนลึกของคนญี่ปุ่นรุ่นเก่า

   ยาสึนาริ คาวาบาตะ
ผู้ที่เข้าถึงความรู้สึกนึกคิดของเรียวกัน
ชื่อว่าเข้าถึงจิตวิญญาณของประชาชาติญี่ปุ่น
   ไดเซตส์ ที. ซูสุกิ

บทกวี “คืนฟ้าฉ่ำฝน” (บางบท)

2
ฝนหยุดแล้ว
เมฆลอยล่องลม
ฟ้าแจ่มอีกครา
ถ้าใจของท่านผ่องใส
ทุกสิ่งในโลกย่อมพลอยสดใส
ลืมโลกที่สับสน
และลืมตัวท่านเอง
แล้วดวงเดือนและดอกไม้
จะจูงมือท่าน
เข้าสู่หนทางแห่งสัจธรรม
3
เงียบงัน
ฉันนั่งฟังเสียงใบไม้หล่น
กระท่อมโดดเดี่ยวหลังหนึ่ง
กับชีวิตที่โลดลิ่วเป็นอิสระชีวิตหนึ่ง
อดีตที่เลือนราง
ความทรงจำที่ล่องลอย

ชายแขนเสื้อคลุมฉัน
ชุ่มน้ำตา

5
คืนฟ้าฉ่ำฝน
น้ำหลากท่วมทางเดินเข้าหมู่บ้าน
เช้าวันนี้
กอหญ้าข้างกระท่อมของฉัน
เย็นเยียบเพราะละอองฝน
ที่หน้าต่าง
เขาครามมองเห็นลิบลับ
สลัวเลือนในสายฝน
ปานหยกเขียวในสายหมอกขาว
ข้างนอกกระท่อม
ธารน้ำใสไหลริน
เลาะเลี้ยวตามเกาะแก่ง
ระยิบระยับดังสายไหม
ยามต้องแสงแดด
ใต้หุบผาใกล้กระท่อม
ฉันก้มล้างฝุ่น
ที่จับเป็นคราบข้างซอกหู
ด้วยน้ำแห่งฤดูใบไม้ผลิ
ที่เย็นฉ่ำใสสะอาด
บนต้นไม้
จักจั่นเริงรำขับขาน
ฉันฉวยเสื้อคลุมหยิบไม้เท้า
เตรียมออกเดินเล่น
แต่ความงามแห่งธรรมชาติยามอรุณ
สะกดฉันให้ตะลึงลานเงียบงัน
อยู่ที่นั้นเอง

7
…..
บาตรของฉัน
อบอวลด้วยกลิ่นข้าวจากหมู่บ้าน
หัวใจของฉัน
โลดทะยานออกจากห่วงโซ่
แห่งความฟุ้งเฟ้อและเกียรติยศแบบโลก ๆ
ถนอมความรำลึก
ที่มีต่อเหล่าอดีตพุทธะไว้ทุกยาม
แม้ในเวลาเข้าไปในหมู่บ้าน
เพื่อภิกขาจาร

9
…..
เกล็ดน้ำแข็งบนเสื้อคลุมบาง
คือของกำนัลที่ฉันได้รับ
เพื่อนเก่าหายหน้า
เพื่อนใหม่ไม่มี
ฉันเดินเข้าไปในเพิงพักร้อน
ที่ถูกทิ้งให้ว่างเปล่า
วังเวง อ้างว้าง
…..

ขอขอบคุณ ดร. สมภาร พรมทา ผู้แปลและเรียบเรียง
เป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้

..


 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #154 เมื่อ: มีนาคม 16, 2016, 07:39:51 PM »

คืนฟ้าฉ่ำฝน ตอนที่ 2



คืนฟ้าฉ่ำฝน


รวมบทกวีของ

เรียวกัน

พระโง่ผู้ยิ่งใหญ่



Ryōkan (Photo credit: Wikipedia)

12
…..
ถ้ามีใครถามฉันว่า
อะไรคือเครื่องหมาย
บอกให้รู้ว่า
นี่คือมายา นี่คือการรู้แจ้ง
ฉันก็ตอบไม่ได้
ฉันทราบเพียงว่า
สำหรับฉันนั้น
ฝุ่นธุลีกับทรัพย์สินเกียรติยศ
หามีความแตกต่างกันไม่
…..
15
หอบสังขารที่ทรุดโทรมขราภาพ
และไร้ประโยชน์มานานแล้ว
วันแล้ววันเล่า
ภายในกระท่อมที่เงียบเหงาหลังนี้
ฉันเฝ้ามองมวลบุปผาบานสะพรั่งในภายนอก
หากฤดูใบไม้ผลิมาเยือน
และหากยามนั้นฉันยังมีลมหายใจอยู่
แน่ใจได้เลยว่า
ฉันจะมาเยี่ยมท่านอีก
รอฟังเสียงไม้เท้าของฉันให้ดีนะ

17
เมื่อมีความงาม
ความน่าเกลียดย่อมตามมา
เมื่อมีความถูกต้อง
ย่อมมีความผิดพลาด
ปัญญากับอวิชชาเป็นของคู่กัน
ภาพลวงกับการรู้ทันความลวง
แยกจากกันไม่ได้
นี่คือสัจธรรม
ที่มีมานานนับอสงไขยกาล
“ฉันอยากได้นี่
กูต้องการนั่น
หาใช่สิ่งอื่นใด
แท้คือความงมงาย
หลงละเมอมายา
ฟังนะ ฟังเอาไว้
ฉันจะบอก
อมตวจนะประโยคหนึ่งให้
“สรรพสิ่งทั้งหลายทั้งปวง
ล้วนไม่เที่ยงแท้แน่นอน”

24
…..
ณ ที่นี่ฉันใช้วันคืน
อยู่กับชีวิตที่สมถะสุขสงบ
มีเพียงเสียงนกดุเหว่าขับขาน
เป็นเพื่อนยามราตรี

26
ชีวิตของคนเรา
เปรียบได้กับแสงตะเกียง
บางคราวก็โชติช่วงรุ่งเรือง
บางครั้งก็ริบหรี่ เศร้าหมอง
…..

31
เรียวกันคนนี้
คล้ายคนบ้า
เหมือนคนโง่
ร่างกายและจิตใจของเขา
ได้รับการกล่อมเกลา
ให้หลับสนิทแล้ว
(หมายเหตุ : ร่างกายและจิตใจของเขาได้รับการกล่อมเกลาให้หลับสนิทแล้ว
เป็นคำที่รู้จักกันดีในหมู่นักปฏิบัติธรรมของเซนนิกายโซโต การปฏิบัติสมาธิ
คือ การกล่อมเกลาร่างกายและจิตใจให้หลับ)

34
…..
ปีที่แล้ว ฉันคือพระโง่
ปีนี้ เหมือนเดิม

35
เจ็ดสิบปีแล้วสินะ
ที่ฉันเลิกใส่ใจ
ถึงความดี
และความเลว
ของคนอื่น
หันมาเฝ้ามองตนเอง
อย่างจริงจัง
ผู้ที่คอยจับผิดคนอื่น
จนลืมสำรวจตัวเอง
คือคนอ่อนแอ
…..

37
…..
ชีวิตของพระเซนรูปหนึ่ง
ช่างสมถะเรียบง่าย
และสุขสงบอะไรเช่นนี้

50
กลับจากเที่ยวบิณฑบาตเช้านี้
ขณะเดินเข้าประตูกระท่อม
พลันสายตาก็เหลือบไปเห็น
ไม้ป่าเล็ก ๆ ต้นหนึ่ง
งอกอยู่ซอกประตูกระท่อม
ภายในกระท่อม
ฟืนแห้งกับใบไม้สด
ถูกโยนเข้าเตาไฟ
ฉันนั่งอ่านบทกวีของกันซาน
อยู่หน้าเตาไฟ
ลมฝนพัดพลิ้วหอบละอองน้ำ
ปะทะต้นกกไหวเอนไปมา
เพลินอ่านบทกวีจนหลังเมื่อยขบ
ฉันเหยียดขาออก
เอนตัวลงบนแคร่
สำรวมใจเป็นสมาธิ
อา ฉันเข้าใจแล้ว
ฉันเข้าใจ
ความเร้นลับของสรรพสิ่งแล้ว

52
ใครหนอว่าบทกวีของฉันเป็นบทกวี
บทกวีของฉันไม่ใช่บทกวีดอก
เมื่อใดที่ท่านเข้าใจว่าทำไม
บทกวีของฉันจึงไม่ใข่บทกวี
เมื่อนั้นเราค่อยมาคุยกัน
ถึงเรื่องกวีนิพนธ์

ขอขอบคุณ ดร.สมภาร พรมทา ผู้แปลและ

เรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ เป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #155 เมื่อ: มีนาคม 16, 2016, 07:59:08 PM »

แนะนำหนังสือเก่าหายาก … คืนฟ้าฉ่ำฝน ตอนที่ 3   

 คืนฟ้าฉ่ำฝน   
รวมบทกวีของ

เรียวกัน

พระโง่ผู้ยิ่งใหญ่





55   

ภาพลวงกับการรู้ทันความลวง   

เปรียบได้กับเหรียญเงิน   

ที่มีสองหน้า   

ปรมัตถสัจจะ   

ที่เป็นกฎของสากลจักรวาล   

หาได้แตกต่าง   




จากโลกียสัจจะไม่   

.....   




59   

กระท่อมน้อยหลังนี้   

โดดเดี่ยวมานาน   

วันแล้ววันเล่า   

ไม่มีโครผ่านมา   


ฉันนั่งเหม่อ   

อยุ่ริมหน้าต่าง   

มีเพียงเสียงใบไม้หล่น   

ผสานเสียงลมหวีดหวิว   

เป็นเพื่อนคลายเหงา   

62   

.....   

ณ หุบเขาแห่งนี้   

ฉันใช้เป็นที่พักพิงทั้งกายและใจ   

พร้อมกับใช้เป็นที่หวนรำลึก   

ไปหาอดีตอันยาวนาน   

63   

ท่ามกลางป่าเปลี่ยวแห่งนี้   

กระท่อมน้อยของฉัน   

แอบตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ   

ตัดขาดจากโลกภายนอก   

กระท่อมซอมซ่อหลังนี้   

มีเถาวัลย์เป็นรั้ว   

มีเสียงเพลงของคนตัดฟืน   

เป็นมโหรีขับกล่อม   

มีแสงเดือนแสงตะวัน   

เป็นโคมส่องต่างตะเกียง   

ยามกลางวัน   

ฉันทำงานไปตามเรื่อง   

เช่นปะชุนเสื้อผ้าที่ขำรุด   

ตกกลางคืน   

ก็ดื่มด่ำอยู่กับความงาม   

ของบทโศลกแห่งพุทธธรรม   

สหายเอ๋ย   

ทั้งหมดแห่งชีวิตของฉัน   

สามารถถ่ายทอด   

ออกมาเป็นคำพูด   

ได้เพียงเท่านี้   

หากเพื่อนต้องการทราบว่า   

อะไรคือแก่นแท้ของชีวิต   

ก็จงหยุดวิ่งไล่   

สิ่งที่เป็นมายาทั้งปวงเถิด   

69   

นับแต่ฉันหนีความพลุกพล่าน   

และวุ่นวายสับสนแห่งนาคร   

มาใช้ชีวิตอันสงบอยู่ที่นี่   

วันเวลาก็ผ่านเลย   

ไปหลายปีแล้ว   

ภายในกระท่อมสันโดษหลังนี้   

ฉันใช้ชีวิตเรียบง่าย   

อยู่กับธรรมชาติ   

ทำงานเหนื่อย   

ฉันก็หยุดพัก   

ยามจิตใจปลอดโปร่ง   

ฉันก็ท่องไปในหุบเขา   

แสวงหาความวิเวก   

เสียงนินทาว่าร้าย   

หรือแซ่ซ้องสรรเสริญ   

ไม่มีความหมายสำหรับฉัน   



วันหนึ่ง ๆ ฉันใส่ใจ   

อยู่แต่กับความเป็นไปของฉันเอง   

ซึ่งถือกำเนิดมา   

ในฐานะรางวัลแห่งความรัก   

ของพ่อและแม่   

ขอจารึกแรงรักแรงถนอม   

ของท่านทั้งสอง   

ไว้ชั่วกัลปาวสาน   

70   

.....   

บทกวีอันเป็นผลจากแรงบันดาล   

ของความงามแห่งธรรมชาติ   

คือรางวัลของชีวิตอันสงบ   

.....   
73   

.....   

วันแล้ววันเล่า   

ราคาของชีวิตที่แท้จริง   

นับแต่จะเลื่อนมลาย   

พร้อมกับความไม่มีแก่นสารของชีวิต   

ที่พอกพูนขึ้นเรื่อย ๆ   

ทรัพย์สินเกียรติยศ   

จะมีค่าอยู่หรือ   

เมื่อเจ้าของของมัน   

หมดลมหายใจแล้ว   

ก็อาจมีค่ามีความหมายอยู่ดอก   

สำหรับให้คนข้างหลัง   

ยื้อแย่งกันต่อไป   

คนหนอคน   

น่าอนาถอะไรเช่นนั้น   

74   

.....   

สิ่งที่ฉันได้รับเป็นรางวัล   

แห่งชีวิตของผู้ละเคหสถาน   

คือความสุขุมเยือกเย็น   

ที่ค่อย ๆ สะสมขึ้นในใจอย่างเงียบ ๆ   

76   

.....   

ชีวิตนะชีวิต   

ดูแล้วก็น่าขำดี   

ทั้งหมดของชีวิต   

มีเพียงกระบอกใส่น้ำดื่ม   

กับบาตรอย่างละใบ   


บางครั้ง   

ฉันเคยเปรียบตัวเอง   

ว่าเหมือนกระท่อมผุพัง   


ที่ผ่านลมและแดดมานาน   

มอซอ คร่ำคร่า   

แต่สุขสงบ   

77   

หนทางสู่พุทธภูมิ   

มีเพียงหนึ่งเดียว   

เมื่อแทงทะลุ   

มายาของสรรพสิ่ง   

ศาสนาทุกศาสนา   

ย่อมไม่มีความแตกต่างกัน   

ในการเข้าสู่พุทธภูมิ   

ไม่มีสิ่งที่ต้องสละออก   

และไม่มีสิ่งที่ต้องไขว่คว้า   

การไขว่คว้าฉวยยึด   

คือการถอยหลัง   

ออกจากพุทธภูมิ   

.....   

78   

แน่แท้ทีเดียว   

สิ่งที่ฉันรักที่สุดในชีวิตนี้   

คือความสันโดษเรียบง่าย   

.....   

ชีวิตของคนที่นี่   

เป็นชีวิตที่สมถะสุขสงบ   

อันได้รับถ่ายทอดเป็นมรดก   

ทางจิตวิญญาณ   

มาหลายชั่วอายุคน   


ภายในกระท่อมหลังน้อย   

อบอวลด้วยกลิ่นไอของศานติ   

หนังสือกวีนิพนธ์โบราณ   

วางกองเป็นระเบียบอยู่บนพื้น   

ยามที่ฉันต้องการหลีกเร้น   

ออกหาวิเวกธรรม   

ฉันมักจะมาที่นี่เสมอ   


ชีวิตทุกชีวิตที่นี่   

เป็นชีวิตที่แนบสนิท   

และประสานกลมกลืน   

เป็นหนึ่งเดียว   

กับเซน   





84   

ถึงจะมีชีวิตอยู่ตั้งร้อยปี   

แต่ร้อยปีนั้น   

หมดเปลืองไปกับ   

สิ่งที่ไร้แก่นสาร   

คนผู้นั้นจะแตกต่างอะไร   

กับเศษสวะ   

ที่ล่องลอยไปตามกระแสน้ำ   

.....   


85   

เมื่อคำพูดออกมาจากอวิชชา   

ทุกสิ่งอย่างย่อมเป็นเพียงภาพลวง   

แต่หากคำพูดนั้นออกมาจากสัจจะ   

สรรพสิ่งย่อมเป็นความจริง   


100   

พุทธะอยู่ในใจ   

หนทางสู่พุทธภาวะอยู่ในกาย   

อย่ามองไปที่อื่น   

จงย้อนกลับมามอง   

ภายในของตนเอง   




ที่ฝังศพเรียวกัน   




หนังสือที่แนะนำเล่มนี้ เป็นหนังสือเก่า เป็นหนังสือดี   

มีคุณค่า และ หายากมากในปัจจุบันเล่มหนึ่ง พิมพ์เมื่อ   25 ปีที่แล้ว   






ขอขอบคุณ ดร.สมภาร พรมทา ผู้แปลและ



เรียบเรียงหนังสือเล่มนี้ เป็นอย่างสูงไว้ ณ ที่นี้

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #156 เมื่อ: มีนาคม 20, 2016, 10:23:04 PM »

อ้างอิง : หนังสือ “รอยรำลึกที่ผ่านเลย” บทกวีเซนของ เรียวกัน
 พระมหาสมภาร พรมทา แปลและเรียบเรียง
 พิมพ์ครั้งแรก สิงหาคม 2526
ขอขอบคุณ พระมหาสมภาร พรมทา ไว้เป็นอย่างสูง ณ ที่นี้

 “รอยรำลึกที่ผ่านเลย” รวมบทกวีเซนของเรียวกัน เป็นบันทึกความรู้สึกและ
อารมณ์ขณะใช้ชีวิตบั้นปลายเพียงลำพัง ณ ชนบทแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เมื่อ
สองร้อยกว่าปีที่ผ่านมา

งานเหล่านี้ แฝงไว้ด้วยความเศร้า ความอ้างว้าง ความชื่นบาน ตลอดจน
ความคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านมาในชีวิตอันยาวนาน

ทัศนะของพุทธศาสนา ได้จำแนกวิถีชีวิตมนุษย์ ออกเป็น 2 สายทางใหญ่ ๆ

สายทางแรก คือ แนวทางของบุคคลผู้ปล่อยตัวให้เลื่อนไหลไปกับกระแสสังคม
อันเชี่ยวกราก ชีวิตเช่นนี้จะเต็มไปด้วยการต่อสู้ แย่งชิง ฉกฉวย สิ่งที่สังคม
ยอมรับว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดของชีวิต ได้แก่ เกียรติยศ ความมั่งคั่ง
ซึ่งมีคนเลือกเดินแน่นขนัดทั้งกลางวันและกลางคืน

ส่วนอีกสายทางหนึ่ง คือ แนวทางของผู้มองเห็นความไม่เป็นแก่นสารของ
การแสวงหาสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้น บุคคลเช่นนี้จะปลีกตัวออกมาจากการต่อสู้
แย่งชิง มาดำรงตนอยู่ด้วยความสันโดษในอาชีพอันสุจริต สะอาด อุทิศตน
เข้าหาความดีงามของชิวิต ซึ่งมีคนเลือกเดินเพียงหยิบมือเดียว

เรียวกัน พระเซนเจ้าของบทกวี คือ หนึ่งในจำนวนคนอันน้อยนิดนั้น

กวีนิพนธ์ชุด “รอยรำลึกที่ผ่านเลย” นี้เป็นงานสืบเนื่องจากกวีนิพนธ์
ชุด “คืนฟ้าฉ่ำฝน”
ภาพ : จากอินเตอร์เน็ต ขอขอบคุณ



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มีนาคม 20, 2016, 10:24:57 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #157 เมื่อ: มีนาคม 31, 2016, 11:56:51 AM »

ตามดูตามเห็นอยู่เป็นปกติ

จงตั้งใจดูสิ่งทั้งปวงหรือธรรมทั้งปวงให้เห็นตามที่เป็นจริงว่า สังขารธรรมเหล่านี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา อะไรมาปรากฏในสายตาก็ดูให้เห็นความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา ดูแล้วก็เห็นอยู่อย่างนี้ในลักษณะที่เรียกว่าตามดูตามเห็นอยู่เป็นปกติ ครั้นถึงขนาดถึงระดับ มันก็จะเกิดวิราคธรรม...คือความเบื่อหน่าย คลายความยึดมั่นถือมั่น กำหนดความเบื่อหน่าย คลายความยึดมั่นถือมั่น

 ฉะนั้นการพอกพูนเพิ่มพูนความเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา นั่นแหละเป็นตัวการปฏิบัติที่ก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป เพิ่มความเห็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา มากขึ้นเท่าไร วิราคะ ความคลายกำหนัดก็จะเป็นไปยิ่งขึ้นมากขึ้น จนกระทั่งสูญสิ้นความยึดมั่นถือมั่น นี้ก็เรียกว่า นิโรธะ คือ ความดับแห่งความยึดมั่นถือมั่น ความดับแห่งความรู้สึกเป็นตัวเป็นตน และก็เป็นความดับแห่งความโลภ ความโกรธ ความหลง และเป็นความดับแห่งความร้อน คือกิเลส มันก็กลายเป็นความเย็น คือพระนิพพาน มาจบลงที่ตรงนี้ แล้วก็เรียกว่าบรมธรรม ธรรมะอันสูงสุด

 พุทธทาสภิกขุ


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #158 เมื่อ: เมษายน 05, 2016, 05:03:04 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #159 เมื่อ: เมษายน 05, 2016, 05:04:19 PM »



เราได้ไปเสียเวลามากมายเกินไปในการกระทำอย่างไรบ้าง แล้วเราก็ยังไม่เคย ก็ยังไม่ได้รับผลในพระพุทธศาสนาตามที่ควรจะได้รับ ทั้งนี้ก็เพราะว่าเราไปทำผิดเสียบ้าง เราไปเสียเวลาในส่วนที่ไม่ควรจะทำเสียบ้าง จึงเกิดผลอย่างนี้ ไม่ได้ประสบผลทันตาเห็นในการที่จะดับทุกข์ของตนของตน

ถ้าเราพิจารณาดูอีกสักนิดหนึ่ง ก็จะพบว่าเราไปสนใจในส่วนที่เป็นข้อปลีกย่อย ที่ไม่ใช่หัวใจของพระพุทธศาสนากันเป็นเสียกันเสียเป็นส่วนมาก ทั้งนี้ก็เพราะว่าเราอยากจะเป็นนักปราชญ์มากกว่าที่จะอยากดับความทุกข์ให้หมดสิ้นไปโดยเร็ว
 เพราะว่าเราเคยชินจากการที่จะมีหน้ามีตา ว่าเป็นคนมีความรู้มาก เป็นคนผู้เด่น เป็นคนทำอะไรที่เก่งๆหลายๆอย่าง เราก็ไปสนใจกันแต่ในเรื่องที่เขานิยมกันว่าจะทำให้เป็นคนเก่ง แล้วเราก็เลยไม่มีโอกาสไม่มีเวลาที่จะไปสนใจในเรื่องอันเกี่ยวกับความดับทุกข์นั้นโดยตรง มันจึงเสียเวลาไปมากเพราะเหตุนี้

 เมื่อเราจะศึกษาพุทธศาสนา เราก็มีเรื่องราวเป็นอันมากที่จะต้องศึกษาอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ละเรื่องยังไม่รู้ว่าเป็นอะไรด้วยซ้ำไป เพราะว่าต้องทนศึกษาไปอย่างมากมาย จะต้องท่องจะต้องจำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วก็มีเรื่องที่ทำให้เข้าใจยากยิ่งขึ้นทุกที ยิ่งขึ้นทุกที ในที่สุดก็ไม่เข้าใจอะไรได้

 นี่แหละมีอาการเหมือนกับคนบ้าหอบฟาง ไม่มีเมล็ดข้าวสักเม็ดเดียวอยู่ในฟางนั้น อย่างนี้ก็มีอยู่เป็นส่วนมาก ถ้ามองไม่ดีก็ไม่อาจอาจจะไม่เห็น แต่ถ้ามองให้ดีแล้วก็อาจจะเห็นในข้อที่เราทำอะไรได้มากๆ แต่มันก็ไม่มีความดับทุกข์รวมอยู่ในนั้น นี้ก็นับว่าเป็นความประมาทอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน จึงต้องระวังให้ดีๆ

 ถ้าจะตั้งคำถามกันขึ้นว่า การที่จะศึกษาปฏิบัติพุทธศาสนานี้ จะต้องเรียนอะไรบ้าง เราก็ตอบกันอย่างนั้นอย่างนี้ มีเรื่องที่จะต้องเรียนจะต้องปฏิบัติมากมายเหลือเกิน แต่แท้ที่จริงแล้วมันไม่ได้มีอะไรมากมายอย่างนั้น

 มันควรจะตั้งต้นกันด้วยเรื่องเพียงเรื่องเดียวว่า อย่าไปฟัง อย่าไปคิด อย่าไปนึกอะไรหมดเลย มาคิดมานึกแต่เรื่องที่ว่าเรามีความทุกข์หรือไม่ แล้วก็ดูว่ามันมีความทุกข์เพราะเหตุอะไร เพียงเท่านี้ก็พอแล้ว เรื่องที่จะมีความทุกข์หรือไม่นั้น ดูจะไม่เป็นปัญหาอะไร เพราะว่ามันก็รู้สึกกันอยู่ชัดๆว่า ยังมีจิตใจที่เร่าร้อนกระวนกระวาย ส่วนข้อที่ว่าความทุกข์นั้นมาจากอะไรนั้น มันเป็นสิ่งที่ต้องพิจารณากันสักหน่อยจึงจะเห็นได้ แต่แล้วก็ไม่ยากเย็นเกินไปในการที่จะพิจารณา ยิ่งได้รับคำสั่งสอนกันมามากมายถึงอย่างนี้แล้ว มันก็ยิ่งเป็นการง่ายขึ้น

 คือว่าให้พิจารณาดูให้เห็นแต่เพียงว่า เมื่อใดมีความยึดมั่นสิ่งใดว่าเป็นตัวเราหรือเป็นของเรา เมื่อนั้นก็มีความทุกข์ทันที เพียงเท่านี้ก็พอแล้วสำหรับที่จะรู้ จะเข้าใจ และจะปฏิบัติพระพุทธศาสนา เดี๋ยวนี้เราต้องไปท่องไปจำไปพูดไปจาเรื่องที่ยากยิ่งขึ้นทุกที ยากยิ่งขึ้นทุกที เป็นปรมัตถ์ เป็นอะไรที่สูงลึกซึ้งยิ่งขึ้นไปทุกที จนกลายเป็นบ้าหอบฟาง ท่วมหัวท่วมหูท่วมตัว มองไม่เห็นตัว เพราะไม่มีข้าวสารอยู่ในนั้นสักเม็ดหนึ่ง ทีนี้ถ้าเราจะเอากันแต่เนื้อข้าวสาร เราก็ไม่ต้องไปดูอะไร นอกจากที่จะดูแต่เพียงว่า ความทุกข์นี้เกิดมาจากอะไร จนพบแล้วก็จะเกิดความเบื่อหน่ายคลายกำหนัดในสิ่งที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์นั้น จิตใจก็จะเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปในทำนองที่จะหมดกิเลส มีกิเลสอันเบาบางไปตามลำดับ

 พุทธทาสภิกขุ

 ที่มา ธรรมเทศนาวิสาขบูชา ปี พ.ศ ๒๕๑๓ ชื่อ ความเชื่อและการปฏิบัติเพียงข้อเดียว กัณฑ์ ๒
 ฟังได้ที่ http://sound.bia.or....e=1215130520020
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #160 เมื่อ: เมษายน 05, 2016, 05:22:56 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #161 เมื่อ: เมษายน 28, 2016, 05:40:52 PM »

วัว 2 แม่ลูกหนีตายจากโรงฆ่าสัตว์เข้าวัด ด้านพระและชาวบ้านร่วมเรี่ยไรเงินไถ่ชีวิต พร้อมช่วยกันตั้งชื่อ ดวงดีกับดวงมี
วันที่ 26 เมษายน 2559 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีพระสงฆ์และชาวบ้านต่างพากันมามุงดูวัว 2 แม่ลูกที่ทุกคนเพิ่งจะช่วยกันระดมเงินบริจาคมาไถ่ชีวิต หลังจากเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา วัวทั้ง 2 ตัว เป็นวัวแม่-ลูก เพศเมียทั้งคู่ ตัวแม่อายุประมาณ 3 ปี ส่วนตัวลูกอายุประมาณ 1 ปี ได้หลุดออกมาจากโรงฆ่าสัตว์ในบริเวณใกล้เคียง เข้ามาหลบอยู่ภายในวัดท่ามะยม ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

ต่อมาชาวบ้านได้ช่วยกันจับวัว 2 แม่ลูกไว้ และนำมาให้เจ้าอาวาสวัดท่ามะยมดูแลไว้ หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีผู้มาแสดงตัวเป็นเจ้าของวัว พร้อมขอวัวคืน เนื่องจากจะนำไปเข้าโรงฆ่าสัตว์ จนเจ้าอาวาสวัดและญาติโยมต้องขอร้องเจ้าของวัวไม่ให้พาส่งโรงฆ่าสัตว์ พร้อมขอเวลาในการระดมเงินบริจาคมาไถ่ชีวิตไว้ ซึ่งได้ข้อตกลงกันว่า จะต้องนำเงินมาไถ่ชีวิตวัวทั้ง 2 ตัว ในราคา 40,000 บาท
 โดย พระวินัยธรดนัย ยโสธโร เจ้าอาวาสวัดท่ามะยม เล่าว่า วัว 2 แม่ลูกเพิ่งหนีออกมาจากโรงฆ่าสัตว์ที่อยู่ห่างจากวัดนี้ไปประมาณ 2 กิโลเมตร ซึ่งชาวบ้านได้ช่วยกันจับและนำมาฝากไว้ที่วัด ก่อนจะช่วยระดมรับบริจาคเงินไปไถ่ชีวิตไว้ ซึ่งในตอนแรกเจ้าของวัวตั้งราคาไว้ที่ 60,000 บาท เพื่อไถ่ชีวิตวัวทั้ง 2 ตัวนี้ แต่ตนได้ขอบิณฑบาตไว้ จึงลดเหลือ 40,000 บาท
ภายหลังที่ตกลงเรื่องไถ่ชีวิตวัว 2 แม่ลูกกับเจ้าของเรียบร้อย ก็ได้มีการปรึกษากับชาวบ้านว่า จะทำอย่างไรให้ได้เงินจำนวนนี้มา เนื่องจากเงินของวัดก็มีเงินจำนวนไม่มากขนาดนั้น จึงได้มีการประกาศระดมเงินบริจาคไถ่ชีวิตผ่านเฟซบุ๊กของวัด เมื่อข่าวแพร่ออกไปก็ชาวบ้านผู้ใจบุญพากันบริจาคเงินตามกำลังที่ตนมี กระทั่งช่วงบ่ายสามารถระดมเงินบริจาคได้มากถึงกว่า 100,000 บาท จึงทำให้รู้สึกตกใจมาก ไม่นึกว่าจะมีผู้ใจบุญมากขนาดนี้ ทำให้มีเงินนำไปไถ่ชีวิตวัว 2 แม่ลูก ส่วนเงินที่เหลือ ก็จะเก็บไว้ทำคอกให้อยู่ รวมทั้งไว้ใช้ซื้อหญ้ามาเป็นอาหาร
 นอกจากนี้ ชาวบ้านได้ช่วยกันตั้งชื่อวัว 2 แม่ลูกแล้ว โดยตัวแม่มีชื่อว่า "ดวงดี" ส่วนตัวลูกชื่อว่า "ดวงมี" โดยทางวัดจะเลี้ยงทั้ง 2 แม่ลูกไว้จนแก่ตายไปตามธรรมชาติเอง
อย่างไรก็ดี ในเวลาต่อมา เพจเฟซบุ๊ก พระวินัยธรดนัย ยโสธโร เจ้าอาวาสวัดท่ามะยม ได้รายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเจ้าดวงดีและเจ้าดวงมี ว่า ขอขอบคุณแทนเจ้าดวงดีกับดวงมี ที่มีผู้จิตใจดีทั้งหลายได้ร่วมบริจาคปัจจัยคนละเล็กคนน้อย เพื่อมาไถ่ชีวิตเจ้าดวงดีกับดวงมี ทั้งนี้ ขอเชิญชวนทุกท่านมาร่วมพิธีไถ่ชีวิตเจ้าดวงดีกับดวงมี ในวันที่ 5 พฤษภาคม 2559 (วันฉัตรมงคล) เวลา 09.00 น. เพื่อเป็นการถวายเป็นพุทธบูชาและถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
 CR: Kapook






บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #162 เมื่อ: มีนาคม 13, 2017, 08:55:57 AM »



ทำให้มาก พิจารณาให้มาก   
รูปก็ดี เสียงก็ดี กลิ่นก็ดี รสก็ดี ทุกอย่างเลย เรารู้อันเดียวรู้หมดเป็นลักษณะอันเดียวกันทั้งนั้น   
คล้ายกับว่า โยมจำไก่ตัวนี้ได้ว่ามันมีลักษณะอย่างนี้ จำตัวเดียวเท่านี้ล่ะ จะไปหลายจังหวัดไปพบสัตว์ชนิดนี้มันก็อย่างเดียวกันนี้ ไก่มันเป็นอย่างนี้ ไม่ต้องไปจำว่าอันนั้นไม่ใช่เป็ดหรอก เป็นไก่ มันแน่เข้าไปอย่างนี้   

เมื่อเรานั่งเมื่อมีเสียงเข้ามา ไม่ใช่เขาไปกวนเรา ความรู้อันนี้มันเกิดขึ้นมาแล้วคือเราไปกวนเขา เราก็แก้ตรงนี้ ปัญญามันจะค่อยๆ เกิดขึ้นทีหลัง ค่อยๆ วิจัยพิจารณาเอาเอง ขัดข้องตรงไหนก็แก้ตรงนั้น หน้าที่ปฏิบัติสมาธิไม่ต้องทำอะไรมาก ทำจิตให้เป็นหนึ่ง ลม-เข้า, ลม-ออก ให้รู้จัก บางทีมันพะวงไปอย่างอื่นให้กำหนดใหม่ บางทีมันหลงลม ลม-เข้า ลม-ออก ก็ไม่รู้ ก็ตั้งสติใหม่   
***********************
 จากหนังสือ ความผิดในความถูก หลวงปู่ชา สุภัทโท หน้าที่ ๕๕
 ภาพงานอาจริยบูชา หลวงปู่ชา วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี เมื่อวันที่ ๑๒ -๑๗ มกราคม ๒๕๖๐ โดยคุณ เจียมรัตน์ ศรีธัญ      



Ink, 38x28 cm   


Thank.....   
Ink, 28x38 cm   
ARTIST © Endre Penovác -   


Ink, 38x56 cm



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #163 เมื่อ: พฤษภาคม 10, 2017, 10:57:26 AM »



เกิด แก่ เจ็บ ตาย มันคือ วัฎจักรของชีวิต
#มนุษย์ทุกคนล้วนเดินหน้าสู่ความตายด้วยกันทั้งนั้น


KhunGap Sky
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #164 เมื่อ: พฤษภาคม 18, 2017, 07:36:52 PM »



600516 พุทธศาสนาตามภูมิ กิจวัตร พ่อครู พักฟื้น ๘ พ.ค. ๖๐ ภูผาฟ้าน้ำ
https://www.youtube....eature=youtu.be
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 9 10 [11] 12 13 14   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: