jainu
|
|
« ตอบ #105 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 02, 2020, 12:54:39 PM » |
|
อ่านให้จบนะจ๊ะ...แล้วคุณจะรักตัวเอง
ขึ้นอีกเยอะ...!!
สรุป :- ชีวิตที่เรียบง่าย ให้ความสุข ความสะดวกกับ การใช้ชีวิต ที่เหลืออยู่...
ไม่เจ็บปวด แต่ก็ต้อง : บำรุง
ไม่กระหาย แต่ก็ต้อง : ดื่มน้ำ
ว้าวุ่นแค่ไหน ก็ต้อง : ปล่อยวาง
มีเหตุมีผล แต่ก็ต้อง : ยอมคน
มีอำนาจ แต่ก็ต้องรู้จัก : ถ่อมตน
ไม่เหนื่อย แต่ก็ต้อง : พักผ่อน
ไม่รวย แต่ก็ต้อง : รู้จักพอเพียง
ธุระยุ่งแค่ไหน ก็ต้อง : รู้จักพักผ่อน
หมั่นเตือนตน : ชีวิตนี้สั้นนัก
หากเวลาของคุณ ยังมีเหลือเฟือ ส่งต่อข้อความ เหล่านี้ ให้เพื่อนของคุณ ให้เพื่อนได้อ่านบ้าง เพื่อจะได้ใส่ใจ ตัวเองบ้าง
ดังนั้น
อยากกิน...กิน
อยากเที่ยว....เที่ยว
เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้
สุขสบายทุกเพลา
เวลาที่ยังจับมือไหว
ให้เชิญเพื่อน มาสังสรรค์
เวลาที่ยังกอดไหว
ให้โอบกอดให้ชื่นใจ
ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา พี่ น้อง
เพื่อนที่ดีต่อไป
เวลาที่อยู่ด้วยกัน
อย่าได้โกรธกัน ง่ายๆ
..นี่คือ....... ความสุข อย่างแท้จริง ของชีวิต.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #107 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 20, 2020, 11:01:02 PM » |
|
คบ ‘คน 5 แบบ’ นี้ แล้วชีวิตจะ ‘ง่าย' ขึ้น !
1.'คนตรงไปตรงมา'
คิดอะไรรู้สึกยังไงก็พูดออกมา ไม่เสแสร้ง ตลบแตลง ต่อหน้าอย่างลับหลังอย่าง อ้อมค้อม หรือดีแต่พูดสอพลอ อาจพูดไม่เข้าหูเราทุกอย่าง แต่พูดออกจากใจจริง พวกนี้อาจดูขวานผ่าซาก แต่สุดท้ายจะเป็นคนที่เรานับถือที่สุด น่าคบว่ะ !
2.'คนไม่ดราม่าเยอะ'
พูดจริงๆ ชีวิตมันดราม่าอยู่แล้ว แต่คนดราม่าเยอะจะทำให้มันยิ่งดราม่าขึ้นไปอีก ดังนั้น อย่าคบคนคิดลบ ขี้ประชด ขี้น้อยใจ ขี้อิจฉา มองโลกในแง่ร้าย หดหู่ จมปลัก งี่เง่า พูดง่ายๆ โคตรดราม่า คบพวกตรงข้ามดีกว่า สบายใจกว่ากันเยอะ !
3.'คนง่ายๆ เซอร์ๆ ติดดิน'
ไม่ชอบสร้างภาพ ไม่ชอบยุ่งยาก และไม่ได้แคร์ว่าคนอื่นต้องมาชอบฉัน ฉันถึงจะมีความสุข แต่มีความสุขเองได้ด้วยการเป็นตัวของตัวเอง เงินมี แต่ไม่เน้นฟุ้งเฟ้อ ของหรูมี แต่ไม่เน้นโชว์ เพราะไม่มีปมด้อย เป็นคนมีความสุขแบบธรรมดาๆ ถ้าเจอแบบนี้ คบเลย !
4.'คนกล้า บ้า ลุย'
ถ้าเราเป็นพวกลังเล ขี้ขลาดนิดๆ อ่อนแอนิดๆ คบพวกนี้เลย จะเติมเต็มเราได้ดีมาก เพราะจะช่วยให้เรากล้าตัดสินใจ กล้าเสี่ยง กล้าลอง กล้าคิด กล้าทำ มันอาจทำให้เราล้มเหลว (ครั้งแรกในชีวิต) ใช่ ! เราอาจบอกว่า พระเจ้าจอช ! ไม่น่าเชื่อมันเลย ! แต่มันนั่นแหละ ที่จะถีบเราไปสู่จุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตเต็มที่จริงๆ วันนึงเราจะขอบคุณมัน !
5'คนโฟกัสที่ตัวเอง ไม่ยุ่งเรื่องคนอื่น'
พูดง่ายๆ เป็นคนไม่สนใจใคร และไม่แคร์เรื่องคนอื่น เพราะไม่ว่าง ไม่มีเวลา ไม่มีสมอง ไม่มีอารมณ์ เป็นคนมีเป้าหมาย ไอเดียบรรเจิด แผนในหัวเยอะ มีงานต้องทำ ยุ่งกับการพัฒนาตัวเอง ขี้เกียจวิจารณ์คนอื่น พวกนี้คือของดี คบไว้ ไม่นานเราจะเป็นเหมือนเขา เท่มาก !
ถ้าคุณคบใครที่เป็นเหมือนบางข้อหรือทุกข้อที่กล่าวมา Tag ไปหาเขาเลย แทนคำชม แต่ถ้าคบคนแบบตรงข้ามกับที่กล่าวมา Tag ไปกระแนะกระแหนได้ ถ้ากล้า 555 แต่ที่สำคัญ ก็เหมือนที่เคยบอกทุกครั้ง ว่าสำคัญที่สุดคือ . . 'ดู... ตัว... เอง' !
#พิมพ์ Yes !
เฌอมาณย์ รัตนพงศ์ตระกูล . . >>>ติดตามเกรซทาง igig เพจ: www.instagram.com/chermarnrtofficialig ส่วนตัว: www.instagram.com/chermarnrt
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #108 เมื่อ: เมษายน 14, 2020, 07:34:04 PM » |
|
ขอเชิญทุกท่าน ถวายมาลัย&สรงน้ำพระออนไลน์ ในเทศกาลสงกรานต์ ค่ะhttps://www.songkran2563.com/prayhttps://www.songkran2563.com/prayความหมายของสงกรานต์
กรานต์ แปลว่า ก้าว สัง แปลว่า ดี แปลว่า ก้าวไปด้วยดี ... ก้าวไปในความเจริญงอกงาม ในความสุข ก็ก้าวไปด้วยธรรมะ ด้วยการที่ประพฤติตัวให้ดีงาม มีศีล มีจิตใจที่ดี พัฒนาจิตใจ พัฒนาปัญญา ให้ปัญญานำชีวิตไปในทางที่ถูกต้อง
สงกรานต์ แปลอีกอย่างหนึ่ง สัง แปลว่า ด้วยกัน
สงกรานต์ก็แปลว่าก้าวไปด้วยกันก็ได้ พอรวมสองคำก็แปลว่า ก้าวไปด้วยกันด้วยดี หรือ ก้าวไปด้วยดีด้วยกัน หมายความว่า ไม่ใช่เฉพาะตัวเราคนเดียวก้าวไป แต่เราคำนึงถึงเพื่อนมนุษย์ สังคม ตั้งแต่ครอบครัวเป็นต้นไป ก็พากันก้าวไปโดยคำนึงถึงคนอื่น
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต)13 เมษายน เป็น วันมหาสงกรานต์ ทางจันทรคติตรงกับวันจันทร์ แรม 6 ค่ำ เดือน 5 เวลา 20 นาฬิกา 48 นาที
นางสงกรานต์ปีนี้ ทรงนามว่า โคราคะเทวี ทรงพาหุรัดทัดดอกปีบ อาภรณ์แก้วมุกดาหาร ภักษาหาร น้ำมัน พระหัตถ์ขวาทรงธนูหรือไม้เท้า พระหัตถ์ซ้ายทรงพระขรรค์ เสด็จไสยาสน์ลืมเนตร มาเหนือหลังพยัคฆะ เป็นพาหนะ
วันที่ 16 เมษายน เวลา 09นาฬิกา 24 นาที 36 วินาที เปลี่ยนจุลศักราช ใหม่ เป็น 1382 ปีนี้ วันพฤหัสบดี เป็น ธงชัย , วันอาทิตย์ เป็น อธิบดี , วันพุธ เป็น อุบาทว์ , วันอังคาร เป็น โลกาวินาศ
ปีนี้ วันศุกร์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 500 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 50 ห่า ตกในมหาสมุทร 120 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 180 ห่า ตกในเขาจักรวาล 250 ห่า นาคให้น้ำ 1 ตัว เกณฑ์ธัญญาหาร ได้เศษ ๐ ชื่อ ปาปะ ข้าวกล้าในภูมินาจะได้ผล 1 ส่วน เสีย 9 ส่วน มหาชนร้อนใจด้วยอาหารแล เกณฑ์ธาราธิคุณ ตกราศีวาโย (ลม) น้ำน้อย คือการที่ให้ระวังเรื่องของอาหารการกิน กันดารอาหาร น้ำแล้ง
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2020, 07:41:44 PM โดย jainu »
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #109 เมื่อ: เมษายน 14, 2020, 07:43:34 PM » |
|
#การฝากคนอื่นทำบุญแทนตัวเอง
"หลวงพ่อพุธ" ท่านเมตตาตอบปัญหาเรื่อง "การฝากคนอื่นทำบุญ" มีประโยชน์มาก แก้วอยากให้กัลยาณมิตรได้อ่านกันค่ะ
ถ้าให้คนอื่นทำบุญแทน เราจะได้บุญหรือเปล่า?
หลวงพ่อพุธ : ถ้าเป็นสมบัติของเรา เราให้คนอื่นเขาทำแทน เราจะได้บุญหลายทอด
ทอดที่ 1 เป็นบุญเพราะสละสมบัติของเราออกไป ทอดที่ 2 เป็นการแบ่งบุญให้เขา เมื่อเราให้คนอื่นเขาทำ เราก็ได้บุญเพิ่มขึ้น เป็นการแบ่งปันความสุขให้กันและกัน
ถ้าฝากคนอื่นเขาทำบุญ แล้วเราจะกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลได้หรือไม่?
หลวงพ่อพุธ : ทำได้ มีปัญหาอยู่ว่าคนเฒ่า - คนแก่โบราณมักจะพูดว่า "ทำบุญแล้วไม่กรวดน้ำจะไม่ได้บุญ" อันนี้ได้ยินกันอยู่บ่อยๆ แล้วก็แก้กันอยู่บ่อยๆ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า "ทำดีได้ดี - ทำชั่วได้ชั่ว" ถ้าเป็นเรื่องส่วนตัว เราทำอะไรลงไปแล้ว เราจะได้รับผลอย่างแน่นอน เราไม่ต้องการกรวดน้ำเราก็ได้
แต่หากเราจะทำบุญเพื่ออุทิศให้ใครสักคนหนึ่ง ถ้าเราไม่น้อมใจนึกถึงเขา เขาก็จะไม่ได้รับส่วนบุญจากเรา จึงมี "พิธีกรวดน้ำ" เพื่ออุทิศส่วนกุศล
แต่ถ้าหากพูดถึงเรื่องส่วนตัว เราจะกรวดก็ตาม ไม่กรวดก็ตาม ทำลงไปแล้วจะได้ผลเฉพาะตัวเรา ถ้าจะให้คนอื่นด้วย ต้องตั้งจิตอธิษฐานว่าเราจะให้ส่วนบุญแก่คนๆนั้น เขาก็จะได้รับส่วนบุญจากเรา
ถ้าอุทิศส่วนกุศลไปแล้ว บุญของเราจะเหลืออยู่หรือเปลา?
หลวงพ่อพุธ : สำหรับการให้ส่วนบุญ เป็นการแบ่งส่วนความดีที่เราทำให้กับคนอื่น "บุญที่เราทำนั้นไม่ได้หมด" แต่ยิ่งเพิ่มทวีมากขึ้น
แทนที่จะได้เฉพาะส่วนที่เราทำอย่างเดียว แต่เราได้ให้ส่วนบุญแก่คนอื่นด้วย การให้ส่วนบุญคนอื่นนั้น เรียกว่า "ทานบุญ" ให้บุญเป็นทาน
และถ้าสมมุติว่าเราเดินไปในที่ไหนๆก็ตาม ไปเห็นใครเขาทำบุญสุนทาน คนที่เขาทำจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่เราเห็นแล้ว "เราอนุโมทนา" แสดงความยินดีในบุญที่เขาทำ เราก็ได้บุญเหมือนกัน คือ "บุญสำเร็จด้วยการอนุโมทนา"
การทำบุญจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องทำกับพระสงฆ์ ถ้าทำกับคนทุกข์คนยากจะได้บุญหรือไม่?
หลวงพ่อพุธ : "การทำบุญ" คือ "การให้" ไม่เฉพาะแต่ในพระพุทธศาสนาอย่างเดียว แต่เป็นอุบายผูกมิตรไมตรีระหว่างเพื่อนมนุษย์ เราอยู่ร่วมกัน ต่างคนต่างให้ซึ่งกันและกัน ให้วิชาความรู้ ให้สิ่งของ ให้การช่วยเหลือ ได้ชื่อว่า "การให้ทาน" ทั้งสิ้น
ผู้ใดมีศรัทธาบริจาคทรัพย์สร้างถนนหนทาง / สร้างโรงพยาบาล / สร้างสาธารณะประโยชน์ ฯลฯ นับเป็น "การให้ทาน" เป็น "การทำบุญ" ได้บุญเหมือน
โอวาทธรรม : หลวงพ่อพุธ ฐานิโย
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 14, 2020, 07:45:39 PM โดย jainu »
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #110 เมื่อ: เมษายน 14, 2020, 07:47:35 PM » |
|
■หนุ่มจบนอก” พูดดูถูก “ลุงแจวเรือ” แต่กับอึ้งไปเลย เมื่อเจอลุงพูดสวนกลับไปแบบนี้ !?
■เด็กหนุ่มคนหนึ่ง เป็นชาวสงขลา เรียนเก่งมาก ได้ทุนไปเรียนอเมริกาตั้งแต่เด็กจนจบด็อกเตอร์ จึงกลับมาเยี่ยมบ้าน บ้านของเด็กหนุ่ม อยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลสาบสงขลา ต้องนั่งเรือแจวข้ามไป ใช้เวลาแจวประมาณหนึ่งชั่วโมง
●“เรือที่ติดเครื่องยนต์ไม่มีเหรอ ลุง? ”
●“ไม่มีหรอกหลาน ที่นี่มันบ้านนอก มันห่างไกลความเจริญมีแต่เรือแจว”
●“โอ…ล้าสมัยมากเลยนะลุง โบราณมาก ที่อเมริกาเขาใช้เครื่องบินกันแล้วลุง ลุงยังมานั่งแจวเรืออยู่อีก ไปส่งผมฝั่งโน้น เอาเท่าไหร่ลุง?”
●“80 บาท”
●“OK…ไปเลยลุง”
■ในขณะที่ลุงแจวเรือ หนุ่มนักเรียนนอกก็เล่าเรื่องความทันสมัย ความก้าวหน้า ความศิวิไลช์ ของอเมริกาให้ลุงฟัง
●“เมืองไทย…เมื่อเทียบกับอเมริกาแล้วล้าสมัยมาก ไม่รู้คนไทยอยู่กันได้ยังไง? ทำไมไม่พัฒนา ทำไมไม่ทำตามเขาเลียนแบบเขาให้ทัน? ลุง…ลุงใช้คอมพิวเตอร์ ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นไหม? ”
●“ลุงไม่รู้หรอก…ใช้ไม่เป็น”
●“โอโฮ้…ลุงไม่รู้เรื่องนี้น่ะ ชีวิตลุงหายไปแล้ว 25%”
●“แล้วลุงรู้ไหมว่า เศรษฐกิจของโลกตอนนี้เป็นยังไง? ”
●“ลุงไม่รู้หรอก”
●“ลุงไม่รู้เรื่องนี้นะ ชีวิตของลุงหายไป 50%”
●“ลุง…ลุงรู้เรื่องนโยบายการค้าโลกไหมลุง? ”
●“ลุง.ลุงรู้เรื่องดาวเทียมไหมลุง? ” ●“ลุงไม่รู้หรอก…หลานเอ๊ย”
●“ชีวิตของลุง ลุงรู้อยู่อย่างเดียวว่าจะทำยังไงถึงจะแจวเรือให้ถึงฝั่งโน้น ถ้าลุงไม่รู้เรื่องนี้ ชีวิตของลุงหายไปแล้ว 75%”
■พอดีช่วงนั้นเกิดลมพายุพัดมาอย่างแรง คลื่นลูกใหญ่มาก ท้องฟ้ามืดครึ้ม
●“นี่พ่อหนุ่มเรียนหนังสือมาเยอะจบดอกเตอร์จากต่างประเทศ ลุงอยากถามอะไรสักหน่อยได้ไหม? ” ●“ได้…จะถามอะไรหรือลุง? ”
●“เอ็งว่ายน้ำเป็นไหม? ” ●“ไม่เป็นจ๊ะ…ลุง”
●“ชีวิตของเอ็งกำลังจะหายไป 100% แล้วพ่อหนุ่ม”
■จากเรื่องนี้ทำให้เรารู้ได้เลยว่า อย่าคิดว่าตัวเราเหนือกว่าคนอื่นเพียงแค่มีการศึกษาสูง ยังมีประสบการณ์ชีวิตที่ต้องศึกษาอีกมาก จะเรียนจบสูงขนาดไหนแต่ถ้าขาดประสบการณ์ชีวิตบางอย่างไป ก็อาจจะไม่มีประโยชน์อะไร เพราะเรื่องบางเรื่องก็ต้องเรียนรู้และ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #111 เมื่อ: มิถุนายน 05, 2020, 05:52:19 PM » |
|
#เมรุปันสุข #เมรุข้าวสารอาหารแห้ง #ยุคCovid19 แปลกแต่เกิดประโยชน์จริง สุขใจผู้ให้..ผลบุญส่งถึงผู้วายชนม์
บริษัท ภัณฑโชค ฟิวเนอรัล จำกัด ประดับตกแต่งเมรุด้วยข้าวสารกว่า 500 กิโลกรัม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกว่า 5,000 ซอง โจ้กกึ่งสำเร็จรูปกว่า 2,000 กระป๋อง และอาหารแห้งอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งหลังจากเสร็จงานฌาปนกิจ จะแจกจ่ายชาวบ้านในพื้นที่ต่อไป
งานศพงานนี้จัดขึ้นที่วัดบ้านทวน อ.พนมทวน จ.กาญจนบุรี มองเผินๆก็เหมือนงานศพที่ตกแต่งด้วยดอกไม้แบบทั่วๆไป เมื่อมองใกล้ๆ กลับเป็นข้าวสาร อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง น้ำตาลทราย มาประดับเมรุ โดยไม่มีดอกไม้มาประดับเหมือนงานศพทั่วๆไป
ซึ่งทางเจ้าภาพได้แจ้งว่า อยากให้จัดเมรุโดยที่ไม่ต้องใช้ดอกไม้เลย ให้ใช้แต่ #อาหารแห้ง ที่จะนำไปใส่ #ตู้ปันสุข แจกจ่ายชาวบ้านมาประดับตกแต่งแทนดอกไม้ แต่ด้วยเวลาที่กระชั้นชิด ทีมของเรามีเวลาเตรียมงานเพียง 1 วัน ออกซื้อสินค้าตามงบประมาณที่เจ้าภาพได้กำหนดไว้ และออกแบบวางแผนงานด้วยหัวใจนักศิลปะ ประกอบกับความรู้ด้านการบริหาร ผนวกกับพรสวรรค์ด้านการจัดดอกไม้ และทีมงานที่พร้อมด้วยความสามารถทำให้ทุกอย่างนั้นลงตัวเสร็จก่อนเวลาที่กำหนด จนแขกที่มาร่วมงานต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “มองมาแต่ไกล ยังคิดว่าเป็นดอกไม้ จัดได้อย่างสวยงาม” ทั้งๆที่จริงแล้วเมรุนี้ถูกตกแต่งด้วยอาหารแห้งที่จะนำไปแจกจ่ายชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือในช่วงที่ได้รับผลกระทบจาก Covid-19
นอกจากใจรักในงานดอกไม้แล้ว งานนี้ยังต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ลงมือทำด้วยสมองและสองมือด้วยหัวใจช่างดอกไม้นักศิลปะ นำทีมพนักงาน #ภัณฑโชค สร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ถูกใจตามคอนเซ็ปของเจ้าภาพ
*สำหรับอาหารแห้งทั้งหมดเป็นสินค้าผลิตใหม่ และในช่วงเวลาตกแต่งเมรุจนถึงเวลาฌาปนกิจ ทางบริษัทได้ตรวจสอบพยากรอากาศแล้ว พบว่ามีเมฆมากไม่มีฝน มีแดดอ่อนๆ จึงทำให้อาหารทั้งหมดที่ตกแต่งเมรุไม่มีการเน่าเสียจากสภาพอากาศ สามารถนำอาหารที่ประดับไปบริโภคได้ทั้งหมดhttps://www.panthachok.co.th/news/8710/ไอเดียสุดยอด สวยงามค่ะ สาธุค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #112 เมื่อ: มิถุนายน 18, 2020, 11:02:45 PM » |
|
ถึงพ่อแม่ทุกคน
มีเด็กชายฉลาดอัจฉริยะที่ได้100%ในด้านวิทยาศาสตร์ได้รับคัดเลือกเรียนใน IIT Madras และได้คะแนนดีเยี่ยมในด้านนี้มาตลอด เรียนต่อและจบ MBA ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย
ได้งานที่มีรายได้สูงมากในอเมริกาและตั้งรกรากที่นี่
แต่งานกับสาวสวยชาวทมิฬ ซื้อบ้านหลังใหญ่ และรถหรูราคาแพง
มีทุกอย่างที่ทำให้ประสบความสำเร็จ แต่2-3ปีหลังจากนั้น เขาฆ่าตัวตาย หลังจากฆ่าลูกและภรรยา
*** เกิดอะไรขึ้น มีอะไรผิดพลาดในชีวิตเขาหรือ?****
สถาบันจิตวิทยาของแคลิฟอร์เนีย (California Institute of Clinical Psychology )ได้ทำการศึกษากรณีนี้ และ พบว่า อะไรคือความผิดพลาด
นักวิจัยได้คุยกับสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนของผู้ชายคนนี้ พบว่า เขาตกงานเนื่องจากวิกฤตเศรษฐกิจของอเมริกา ต้องอยู่เฉยๆโดยไม่มีงานทำเป็นเวลานาน
ถึงแม้จะลดค่าตัว(เงินเดือน)ลง เขาก็ยังไม่ได้งาน
การผ่อนบ้านจึงยุติลง เขาสูญเสียบ้านไป
ครอบครัวเขาอยู่รอดมาได้อีก2 -3เดือนด้วยเงินจำนวนน้อย หลังจากนั้นไม่นาน เขาและภรรยาร่วมกันตัดสินใจฆ่าตัวตาย
เขาเริ่มด้วยการยิงภรรยาและลูก และโดยยิงตัวเองเป็นคนสุดท้าย
ผลงานวิจัยสรุปว่า เขาถูกโปรแกรมเพิ่อ "ความสำเร็จ"แต่ไม่ถูกโปรแกรมให้เรียนรู้ที่จะ "ฝึกการรับมือกับความล้มเหลว"
ขอกลับมาสู่คำถามที่แท้จริงว่า
อะไรคือนิสัยของผู้ประสบความสำเร็จ
อย่างแรก ฉันขอบอกคุณว่า ถ้าคุณประสบความสำเร็จทุกอย่าง คุณก็มีโอกาสที่จะสูญเสียทุกอย่างเช่นกัน ไม่มีใครรู้ว่า เมื่อไรวิกฤตเศรษฐกิจของโลกจะเกิดขึ้นอีก
นิสัยที่ดีที่สุดของผู้ประสบความสำเร็จคือ การฝึกที่จะรับมือกับความล้มเหลว
ฉันอยากวิงวอนพ่อแม่ทุกคนได้โปรดอย่าโปรแกรมลูกคุณเพียงเพื่อ "ความสำเร็จ" แต่ "สอนเขาถึงวิธีที่จะรับมือกับความล้มเหลว" และ ช่วยสอนเขาเรื่องบทเรียนที่เหมาะสมเกี่ยวกับชีวิตด้วย
ระดับความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ที่สูงจะช่วยเขาได้ในเวทีการแข่งขันขันการสอบ แต่ความรู้เรื่องชีวิตจะช่วยให้เขาเผชิญกับทุกปัญหาได้
สอนเขาให้รู้ว่า " บทบาทของเงินเป็นอย่างไร" แทนการสอนให้ " ทำงานเพื่อเงิน"
ช่วยเขาให้ค้นหาแรงบันดาลใจของตัวเอง เพราะปริญญาเหล่านี้ มิได้ช่วยเขาได้ในวิกฤตโลกครั้งต่อไป ซึ่งไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไร
*ความสำเร็จเป็นครูที่แย่มาก ความล้มเหลวสอนเราได้มากกว่า
ขอช่วยแบ่งปันไปยังพ่อแม่ด้วยนะคะ ,To all parents
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #113 เมื่อ: สิงหาคม 02, 2020, 11:26:27 AM » |
|
อาเตี่ยกับอาหมวย
เดินจากตลาดมาถึงบ้าน ก็พอดีฝนเทลงมา สองพ่อลูกหันมายิ้มด้วยกัน เหมือนกับจะบอกว่า " เรารอดแล้ว " รอดจากการเปียกฝน อาหมวยหิ้วตะกร้าตรงเข้าครัว จัดการล้างผักให้เตี่ย โดยมีเตี่ยเป็นผู้กำกับ
" ผักมีดินติดอยู่ ต้องล้างผ่านน้ำก่อน แล้วค่อยลงแช่น้ำผสมด่างทับทิมนะ " " ค่ะ เตี่ย เตี่ยบอกทุกครั้ง อั๊วจำได้ " " เอาน่า เตี่ยยังอยู่เตือนลื้อ ก็รับฟังเอาไว้ วันหนึ่งข้างหน้า เสียงของเตี่ยก็ไม่มีแล้ว "
อาหมวยหยุดมือ มองหน้าเตี่ย
" เตี่ย เตี่ยพูดแบบนี้อีกแล้ว อั๊วไม่ชอบฟัง "
เตี่ยไม่ตอบอะไร แค่อมยิ้ม มือยังคงล้างซี่โครงหมูผ่านน้ำ
" ซี่โครงหมูนี่นะ ต้องล้างผ่านน้ำ เอามือถูให้ทั่วๆ เอาสิ่งสกปรกออก แล้วก็ซับให้แห้ง แบบนี้ "
เตี่ยวางซี่โครงลงบนเขียง ที่มีผ้าสะอาดปูบนหน้าเขียง จับชายผ้าทั้งซ้ายและขวา ขึ้นมาซับน้ำออกจากซี่โครงหมู จากนั้นดึงผ้าออก แล้วจึงสับให้พอดีคำ
" ทำไมต้องซับด้วยผ้าคะ ประเดี๋ยวลงหม้อ ก็เปียกอยู่ดี "
อาหมวยถามด้วยความสงสัย
" ถ้าเปียก เวลาสับ น้ำจะกระเด็น เปรอะเปื้อน เสื้อผ้า ยังไงหล่ะ "
เตี่ยหยิบซี่โครงหมูที่สับแล้ว ใส่ลงหม้อทีละชิ้น ปากก็พูดว่า
" ปัญหาแต่ละอย่าง มันมีวิธีแก้ไขที่ไม่เหมือนกัน แต่ความรุนแรงของปัญหา จะเบาบางลงหากเราใช้วิธีที่นุ่มนวล เหมือนการที่เราเอาผ้าซับน้ำ ต่อให้ปังตอสับแรงแค่ไหน น้ำและเลือดจากซี่โครง ก็ไม่กระเด็นมาโดนเรา จริงไหม "
อาหมวยยิ้ม พยักหน้า ตอนนั้น ยิ้มเพราะไม่เข้าใจ ยิ้มไปอย่างนั้น แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป นึกถึงทีไร ก็ยิ้ม ยิ้มให้กับความคิดแยบยลของเตี่ย ที่สั่งสอนธรรมะให้ลูก ผ่านการทำอาหาร เตี่ยค่อยๆ หยิบผักแต่ละชนิด จากกะละมังน้ำผสมด่างทับทิมที่แช่ผักเอาไว้ นำขึ้นมาล้างอย่างเบามือ ทีละชนิด แล้ววางลงบนตะกร้า เพื่อสะเด็ดน้ำ ต่อจากนั้น เตี่ยบรรจงหั่นผักแต่ละชนิด ที่ต้องใช้คำว่าบรรจง เพราะเตี่ยบรรจงจริงๆ การทำอาหารของเตี่ย ดูแล้วเหมือนงานศิลปะ นุ่มนวล เนิบนาบ ตามนิสัยเตี่ย
" ใส่ซี่โครงหมูลงไป แล้วเติมน้ำสักครึ่งหม้อ ยกไปตั้งบนเตาให้เตี่ยที "
อาหมวยทำตามที่เตี่ยสั่ง
" ตั้งไฟแรงก่อน คอยดูไว้นะพอเดือดต้องเบาไฟ แล้วช้อนฟองออกทิ้ง จากนั้นก็แง้มฝา ความร้อนจะได้ระอุอยู่ในหม้อ ปล่อยให้เคี่ยวไปเรื่อยๆ ความหวานจากซี่โครงหมูจะค่อยๆออกมา "
" บางสิ่ง บางอย่าง ต้องรอเวลา อย่ารีบร้อน มันถึงจะหอมหวาน "
เตี่ยพูดเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเอง มือยังคงหั่นผักไปเรื่อยๆ เวลาผ่านไป ผักทั้งหมดนอนอวดตัวในถาด
" เอาไชเท้านี่ หย่อนลงหม้อก่อน ไชเท้าเนื้อแน่น หนา สุกยาก ต้องใส่ก่อน " " ค่ะ เตี่ย "
แต่ อาหมวยก็เผลอเทพรวดลงทั้งตะกร้า น้ำซุปร้อนๆกระเด็นโดนแขนหลายที่ รีบวางตะกร้าเอามือลูบแขนให้คลายร้อน เตี่ยยืนมองแล้วยิ้ม พูดเบาๆว่า
" เพิ่งสอนไปหยกๆ ว่าความรุนแรงมักก่อปัญหา ความเดือดร้อน เข็ดไหม อาหมวย "
อาหมวยพยักหน้าที่งอหงิก เพราะความร้อน เตี่ยยกกระทะมาตั้งบนเตาไฟอีกเตา ตักน้ำมันหมูใส่ ตามด้วยกระเทียมสับ
" นี่เป็นก้านผักคะน้า และกวางตุ้ง ต้องแยกจากใบ เพราะก้านแข็งกว่าใบ ผัดแล้วต้องแยกไว้ ก้านใส่ก่อน ใบใส่ทีหลัง ส่วนกะหล่ำปลีเตี่ยฝานให้ติดใจผัก จะได้ไม่แยกออกจากกัน เดี๋ยวต้องเอามานาบกับกระทะ ใส่น้ำมันนิดหน่อย สีจะสวยน่ากิน และไม่เหม็นเขียว ส่วนคึ่นช่ายนั่นผัดเอาไว้ ใส่หลังสุด เพราะสุกง่ายที่สุด "
เตี่ยใช้มือทำงานไป พร้อมกับใช้คำพูดสอนลูกไป
" ทำไมต้องแยกคะ เดี๋ยวก็ลงหม้อเดียวกัน "
อาหมวยถามด้วยความสงสัย
" ใช่ ใส่พร้อมกันได้ เป็นวิถีของคนชุ่ยๆ ที่แปลว่า มักง่ายยังไงหล่ะ ลื้ออยากเป็นคนมักง่ายหรือไม่ "
อาหมวยส่ายหน้า คำว่าชุ่ย คำว่ามักง่าย อาหมวยว่าเป็นคำด่าที่รุนแรง มันหมายถึงคนที่ไม่ได้รับการอบรมสั่งสอน หรือ คนที่ไม่รับฟังคำสั่งสอน เมื่อโตเข้าวัยทำงาน หากใครถูก อาหมวยตำหนิว่า มักง่าย นั่นหมายถึงรุนแรงแล้ว ผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
" เตี่ย กินได้หรือยังคะ อั๊วอยากกินแล้ว " " กินได้ แต่ยังไม่อร่อย ยังไม่ถึงเวลาของมัน อดทนไหม ถ้าอดทน ก็จะได้กินของอร่อย "
อาหมวยพยักหน้า ใครๆก็อยากกินของอร่อยทั้งนั้น บ่ายคล้อยแล้ว ตอนนี้จับฉ่ายของเตี่ย ปรุงเสร็จแล้ว เตี่ยปรุงรสเพียงเติมดอกเกลือเล็กน้อย ใช้เวลาเคี่ยวจนความหวานของผักเผยตัวออกมา รสชาติอ่อนๆ ผักทุกชนิดเปื่อยนุ่ม เท่าๆกัน ละมุนลิ้น ละมุนคอ นี่กระมังที่เค้าเรียกว่า " นวลลิ้น "
เตี่ยนั่งลง ตรงข้ามอาหมวย เอ่ยถามว่า
" อร่อยไหม อาหมวย "
อาหมวยเงยหน้าจากชามข้าว ใช้ตะเกียบคีบกะหล่ำปลีใส่ในชามข้าวของเตี่ย แล้วตอบ
" ที่สุดค่ะเตี่ย ผักทุกอย่างนุ่มกำลังดีค่ะ " " นุ่มเท่าๆ กันด้วย ใช่ไหม " " ค่ะ "
เตี่ยวางตะเกียบลงบนปากชามข้าว ก่อนจะเอ่ยว่า
" การทำอาหาร ก็เหมือนการใช้ชีวิต แต่ละช่วงวัย ก็ทำหน้าที่ตามวัย ไม่ก้าวข้าม ไม่ต้องรีบโต ค่อยเป็นค่อยไป ค่อยๆเรียนรู้ จากการดู การฟังตามจังหวะของชีวิต ไม่ก้าวกระโดด เติบโตตามวัยนั้น รับผิดชอบในหน้าที่ตนให้ดีที่สุด รู้จักคิด รู้จักลำดับความสำคัญ อะไรควรทำก่อน อะไรควรทำทีหลัง เป็นการสร้างวินัยในการดำเนินชีวิต อะไรก็ตาม ที่ถูกที่ ถูกเวลา สิ่งนั้นจะสมบูรณ์ งดงามเสมอ " " ค่ะ เตี่ย "
เตี่ยทิ้งท้ายอีกว่า
" สิ่งสำคัญที่พ่อแม่ควรฝึกให้ลูก คือ ระเบียบ วินัย ความอดทน ต้องฝึก ต้องปลูกฝังกันให้เป็นนิสัย เพราะเป็นยาขนานเอก ที่จะปกป้องลูก ไม่ให้เป็นคน มักง่าย โกรธง่าย"
ด้วยความปรารถนาดี เพจ รอยทางของเตี่ย
*ขอขอบคุณบทความดีๆ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยเจ้าค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #114 เมื่อ: สิงหาคม 12, 2020, 07:07:25 PM » |
|
“ลืม” กับ “จำ” อะไรสำคัญกว่ากัน
เราเคยคิดว่าการมีความ “จำ” ดี เป็นสิ่งที่พิเศษ แต่เมื่อเราเข้าใจมันมากขึ้น
“ลืม” ต่างหากที่เป็น สิ่งที่พิเศษอย่างแท้จริง!
หากลืมไม่ได้ ชีวิตเราก็เหมือนกับอยู่ในโลกสีเทา
ลืมความรุ่งเรืองในอดีตได้ นี่คือ การปล่อยวาง
ลืมความล้มเหลวในอดีตได้ นี่คือ ความกล้าหาญ
ลืมบาดแผลที่ใครๆฝากไว้ได้ นี่คือ การให้อภัย
ลืมความผิดพลาดของคนอื่นในอดีตได้ นี่คือ ความเมตตา
ลืมความไม่ใส่ใจที่มิตรสหายมีต่อเราได้ นี่คือ ความใจกว้าง
ลืมความแค้นชิงชังที่ผู้อื่นมีต่อเราได้ นี่คือ ความกรุณา
ลืมการทะเลาะเบาะแวงกับคนที่เรารักได้ นี่คือ การให้ความรักอันยิ่งใหญ่
“ลืม” ยากกว่า “จำ” มากมายหลายเท่านัก
จำ คือ ฉลาด ลืม คือ ปัญญา
ชีวิตเหลืออีกไม่นาน ที่สำคัญอย่าลืมยิ้มให้กันไว้นะ
Cr. Line forward
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #115 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2020, 04:09:20 PM » |
|
ชอบมาก เลยแชร์มาต่อ
"Money is yours but resources belong to the society" .. หลายๆโรงเรียนในไทยจัดงานเลี้ยงโต๊ะจีนใหญ่โตด้วยเงินผู้ปกครอง อาหารเหลือมากมาย แล้วยังขี้นเวทีพูดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ลองอ่านดูข้างล่างครับ ยาวหน่อยแต่ได้ข้อคิด .. สรายุทธ พุธ 19/4/2560 #SKunlong
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของผู้ที่ไปดูงานที่เยอรมันท่านหนึ่ง และคิดว่าอยากจะแชร์ให้หลายๆท่านได้อ่านกันครับ....
เยอรมันนี เป็นประเทศซึ่งพัฒนาอุตสาหกรรมไปไกลแล้ว ประเทศนี้เป็นผู้ผลิตสินค้าชั้นนำอย่างเช่น เบนซ์ บีเอ็มดับเบิลยู ซีเมนส์ เป็นต้น
ปั๊มพ์ที่ใช้ในเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ผลิตขึ้นในเมืองเล็กๆแห่งหนึ่งของประเทศนี้ ในประเทศซึ่งมีการพัฒนาไปไกลเช่นนี้ คนส่วนใหญ่คงคิดว่าประชาชนชาวเยอรมันคงใช้ชีวิตที่หรูหราฟุ่มเฟือย อย่างน้อย นั่นเป็นความรู้สึกของผมก่อนเดินทางไปศึกษาดูงานที่นั่น
เมื่อผมเดินทางถึงฮัมบูร์ก เพื่อนร่วมชาติซึ่งทำงานอยู่ที่นั่นจัดให้มีการเลี้ยงต้อนรับผมที่ภัตตาคาร ขณะที่เราเดินเข้าไปในภัตตาคาร เราพบว่าโต๊ะจำนวนมากว่างอยู่ มีโต๊ะหนึ่งมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังนั่งกินอาหารกันอยู่ บนโต๊ะของทั้งคู่ มีอาหารอยู่เพียงสองจาน และเบียร์อีกสองกระป๋อง
ผมคิดสงสัยอยู่ในใจว่า อาหารมื้อง่ายๆ อย่างนี้ จะทำให้เกิดบรรยากาศโรแมนติคขึ้นได้อย่างไร และสาวน้อยคนนี้จะเลิกคบกับหนุ่มขี้เหนียวคนนั้นหรือไม่
มีหญิงสูงอายุสองสามคนนั่งอยู่อีกโต๊ะหนึ่ง เมื่อคนเสิร์ฟนำอาหารมาบริการ เขาจะทำการแบ่งอาหารให้แก่ลูกค้าเหล่านั้น และทุกคนจะกินอาหารจนหมดสิ้น ไม่มีเศษเหลืออยู่บนจานให้เห็น
พวกเราไม่ได้ให้ความสนใจกับผู้คนเหล่านั้นมากนัก เพราะเรากำลังนั่งรออาหารหลายจานที่ได้สั่งไปแล้วด้วยความหิวโหย อาหารเสิร์ฟออกได้รวดเร็วดี คงเป็นเพราะภัตตาคารมีแขกน้อย เราใช้เวลาในการกินอาหารเย็นมื้อนั้นไม่นาน เพราะเรายังมีกิจกรรมอื่นรออยู่ ขณะที่เราลุกออกจากโต๊ะ ยังมีอาหารเหลือคาจานอยู่อีกราวหนึ่งในสาม
ขณะที่เดินออกจากภัตตาคาร เราได้ยินเสียงใครร้องทักให้หยุด เราหันมอง เห็นเป็นหญิงสูงอายุกลุ่มนั้นกำลังพูดกับเจ้าของภัตตาคารด้วยภาษาเยอรมัน เมื่อเขาเริ่มพูดกับเราเป็นภาษาอังกฤษ เราจึงเข้าใจที่เขาไม่พอใจการกินทิ้งกินขว้างของพวกเรา เราออกอาการหงุดหงิดทันทีที่เขาเข้ามายุ่มย่ามเกินกว่าเหตุ "พวกเราจ่ายค่าอาหารแล้ว ไม่ใช่กงการอะไรของพวกคุณสักหน่อย" เพื่อนของเราคนหนึ่งชื่อ กุย ( Gui) ตอกหน้าหญิงสูงอายุเหล่านั้น
หญิงเหล่านั้นโกรธกริ้วเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที หนึ่งในนั้นหยิบมือถือขึ้นมา ต่อสายถึงใครบางคน ไม่นานช้า ชายในชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่องค์กรสวัสดิการสังคม ( Social Security organization) ก็มาปรากฏกาย ภายหลังจากฟังความจนรู้เรื่องว่าอะไรขึ้น เขาก็สั่งปรับพวกเราเป็นเงิน 50 มาร์ค
พวกเราทุกคนต่างเงียบกริบ เพื่อนซึ่งพักอยู่ในเมืองนี้หยิบเงิน 50 มาร์คส่งให้ไปพร้อมกล่าวขอโทษขอโพยซ้ำๆ เจ้าหน้าที่ผู้นั้นกล่าวกับเรา ด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดว่า
"สั่งอาหารเท่าที่พวกคุณจะกินได้หมด เงินทองเป็นของคุณก็จริง แต่ทรัพยากรเป็นสมบัติส่วนรวม มีคนอีกจำนวนมากในโลกนี้ที่อดอยากหิวโหย พวกคุณไม่มีเหตุผล ที่จะใช้ทรัพยากรอย่างทิ้งๆขว้างๆ "
สีหน้าพวกเราเปลี่ยนเป็นสีแดง เราเห็นด้วยกับคำพูดของเขาหมดหัวใจ ทัศนคติของผู้คนใ นประเทศร่ำรวยแห่งนี้ทำเอาพวกเราอับอายขายขี้หน้า เราต้องทบทวนพิจารณาตัวเองกันจริงๆ จังๆ ในประเด็นนี้
พวกเรามาจากประเทศด้อยพัฒนาที่มีทรัพยากรไม่อุดมสมบูรณ์นัก แต่เพื่อปกปิดปมด้อยเหล่านี้ เราจึงสั่งอาหารมามากมาย และจงใจให้เหลือในยามจัดเลี้ยงผู้อื่น บทเรียนนี้สอนเราให้คิดอย่างจริงจังเพื่อที่จะปรับเปลี่ยนนิสัยไม่ดีเหล่านี้ เพื่อนผู้จ่ายค่าปรับถ่ายสำเนาใบเสร็จค่าปรับแล้วมอบให้พวกเราทุกคน พวกเราทุกคนรับเก็บไว้โดยดุษณี และนำแปะไว้ข้างฝา เพื่อเตือนใจตลอดไปว่า เราจะไม่ทำตัวเป็นคน "กินทิ้งกินขว้าง"อีกเด็ดขาด.... "Money is yours but resources belong to the society" เงินทองเป็นของคุณก็จริง แต่ทรัพยากรนั้นเป็นสมบัติของสังคมส่วนรวม
Cr: Online
บทความดีๆ โปรดช่วยกันแชร์ เพื่อส่วนรวม ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #116 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2020, 04:11:19 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #117 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2020, 04:15:04 PM » |
|
จากเหตุการณ์ แบล็กแพนเทอร์ กษัตริย์และผู้พิทักษ์แห่งประเทศวาคานดา ตาย เพราะ มะเร็งลำไส้. เกิดความวิตกมากมาย ในการศึกษา และ ปัจจัยที่จะเกิด
E-Book: แนวทางการตรวจคัดกรอง วินิจฉัยและรักษาโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง
ไปดาวน์โหลดได้ที่นี่ครับhttp://www.nci.go.th/th/cpg/Cervical_Cancer3.pdf
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #118 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2020, 04:18:31 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #119 เมื่อ: สิงหาคม 31, 2020, 04:40:15 PM » |
|
นิทานสองเรื่อง ข้อสรุปเดียวกัน" #สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด”
นิทานเรื่องแรก
หากคุณรู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังตั้งครรภ์ แต่หล่อนเคยมีลูกมาแล้วแปดคน มีสามคนหูหนวก สองคนตาบอด อีกคนปัญญาอ่อน และตอนนี้หล่อนก็กำลังป่วยเป็นโรคซิฟิ ขอถามว่าคุณอยากแนะนำให้หล่อนไปทำแท้งไหม ?
เรากำลังจะตอบ แต่เพื่อนห้ามไว้ก่อน และเขาก็ขอเล่าเรื่องถัดไป
นิทานเรื่องที่สอง
ตอนนี้พวกเรากำลังเลือกผู้นำประเทศ คะแนนหนึ่งเสียงของคุณมีความหมายมากในการตัดสินการเลือกครั้งนี้ และต่อไปนี้เป็นข้อมูลเกี่ยวกับตัวเลือกทั้งสามคน
คนแรก มีสายสัมพันธ์ที่ดีกับนักการเมืองที่มีประวัติไม่สะอาดนัก ดูดวงเก่ง มีกิ๊ก สูบบุหรี่จัด ต้องดื่มมาร์ตินี่ 8-10 แก้วทุกคืน
คนที่สอง มีประวัติถูกนายจ้างไล่ออกจากงานมาแล้วสองหน นอนขี้เซาต้องตื่นหลังเที่ยงวันแทบทุกวัน เคยสูบฝิ่นตอนเป็นนักศึกษา ดื่มวิสกี้ทุกเย็นวันละครึ่งค่อนขวด
คนที่สาม ประวัติเคยรับเหรียญกล้าหาญจากสงคราม ทานมังสวิรัติเป็นนิจ ไม่สูบบุหรี่ ดื่มเบียร์บ้างบางครั้ง ไม่มีประวัตินอกใจภรรยา
ขอถามว่าคุณจะเลือกใครเป็นผู้นำประเทศในสามคนนี้
เราเขียนคำตอบไว้ในกระดาษ ก่อนที่เพื่อนจะบอกเราว่า......
คนแรกที่เอ่ยถึงคือ แฟรงคลิน รูสเวลด์ ประธานาธิบดีคนที่ 32 ของสหรัฐอเมริกา
คนที่สองคือ วินสตัน เชอร์ชิล อดีตนายกรัฐมนตรีคนดังของอังกฤษ
ส่วนคนสุดท้ายคือ อดอล์ฟ ฮิตเล่อร์ จอมเผด็จการที่ทำให้โลกสะท้านมาแล้ว !!!
เราได้แต่อ้าปากหวอหลังทราบคำเฉลย เพื่อนถามว่า เราเลือกฮิตเลอร์เป็นผู้นำใช่ไหม ถ้าเช่นนั้น ก็คงอยากแนะนำผู้หญิงจากนิทานเรื่องแรกไปทำแท้งแน่นอน ใช่ไหม?
เราอธิบายว่า ปัญหาเหล่านี้ไม่ต้องคิดมาก เราได้รับการศึกษาอย่างดีเป็นเวลาสิบๆปี ย่อมแยกแยะถูกผิดชั่วดีได้ชัดเจน ฉะนั้นเราต้องเสนอให้หล่อนไปทำแท้งแน่นอน ชัวร์
เพื่อนบอกว่า ถ้าเช่นนั้นคุณก็ได้สั่งฆ่าบีโธเฟ่น......นักเปียโนเอกของโลก และคีตกวีอันลือนามชาวเยอรมันคนนั้น เพราะหล่อนคือมารดาของบีโธเฟ่นนั่นเอง !!!
เราได้แต่อ้าปากหวออีกครั้ง เพื่อนบอกว่าคำตอบที่คุณคิดว่าดีและถูกต้องที่สุดนั้น ผลของมันคือสั่งฆ่าบีโธเฟ่นทิ้ง และสนับสนุนให้ฮิตเล่อร์เป็นใหญ่ในแผ่นดิน
ในโลกใบนี้ บางครั้งบางครา เรื่องบางเรื่องมันเป็นเรื่องซับซ้อนและละเอียดอ่อน แยกแยะลำบาก เพราะฉะนั้น มันยากที่จะตัดสินความถูกผิดชั่วดีด้วยข้อมูลที่มีจำกัด หรือมุมมองเพียงด้านเดียว
สิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต อาจผิดแปลกไปในปัจจุบัน และสภาพในปัจจุบัน ก็อาจไม่สามารถตัดสินอนาคตได้ ไม่ว่าจะเป็นของคนอื่น หรือตัวเราเอง
#สิ่งที่เห็นจึงอาจไม่ใช่อย่างที่คิด
"ขจรศักดิ์"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|