Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: สิ่งดีๆมีให้แบ่งปัน  (อ่าน 9373 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #60 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2015, 09:06:03 AM »

https://www.youtube.com/watch?v=i7e1cQl5ETM


ถึงแม้ว่า หนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกา คนนี้จะไม่ได้เกิดที่ไทย แต่ก็ยังรักและคิดตอบแทบบุญคุณแผ่นดินไทย ด้วยการเป็นทหารรับใช้ชาติที่ไทย ซึ่งเป็นอะไรที่น่าคิดสุดๆ เลยทีเดียว

คลิปจาก Oam Common Man
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #61 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2015, 12:07:19 PM »



ลองดู
เพจนี้ มีไว้แบ่งปันLike Page
May 10 ·


น้ำยาเร่งราก ทำเอง ประหยัดค่าใช้จ่าย มีสูตรไม่มาก
- กะปิ ยี่ห้อใดก็ได้
- เครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อใดก็ได้
- น้ำเปล่า

- กะปิเพียวๆ เพียงปลายนิ้ว เอามาพอกตรงกิ่งตอนแล้วพอกซ้ำด้วยขุยมะพร้าวชุ่มน้ำ มัดให้แน่น เร่งรากได้
- เครื่องดื่มชูกำลัง ผสมน้ำอัตราส่วน 1ต่อ5 แช่ขุยมะพร้าวสำหรับพอกกิ่งตอนให้ชุ่ม เร่งรากได้ดี
- กะปิ 1 เครื่องดื่มชูกำลัง 1 ผสมเข้ากัน ใช้เป็นหัวเชื้อ นำไปผสมกับน้ำอีกในอัตรา 1 ฝาต่อน้ำ 5 ลิตร หรือหัวเชื้อ 2 ฝา ต่อน้ำ 5 ลิตร ทำน้ำยาเร่งรากได้ดีมาก
นำน้ำที่ผสมฉีดพ่นกล้วยไม้ เร่งรากได้ดี แช่กิ่งชำ หน่อสำหรับเพาะ เร่งรากได้ดี
ข้อมูลเพิ่มเติม ที่http://goo.gl/bBKiZI / ติดตามเพจ


https://www.facebook.com/kasetorganic
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #62 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2015, 05:18:12 PM »

"เกษม" เกษตรกรทฤษฎีเกษตรอินทรีย์ และผู้อนุรักษ์ม้าไทย 22-11-58

https://www.youtube.com/watch?v=6X9uYVkcugI

"อ.เกษม สมชาย"
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #63 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2015, 04:53:50 PM »

ปรับสมอง เปลี่ยนความคิด ชีวิตเปลี่ยน (1/2)



https://www.youtube.com/watch?v=9_t0l2ECT7E

https://www.youtube.com/watch?v=yqGIvP1csNg


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 24, 2015, 04:56:08 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #64 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 11:12:58 AM »

https://www.youtube.com/watch?v=MQAB4LKvcqk

The kitten made a miracle recovery and it back from the dead
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #65 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2015, 11:14:21 AM »

https://www.youtube.com/watch?v=T0xb2FpVMwc

Awe-inspiring recovery of a dog turning to stone from mange
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #66 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2015, 10:47:28 AM »

คีอานู รีฟส์ เผยข้อคิดเด็ดยุคสังคมก้มหน้า-รีบเร่ง ทุกวันมีค่า จงใช้ชีวิต !






คีอานู รีฟส์ เผยคำพูดโดนใจสำหรับชีวิตที่แสนรีบเร่งยุคสังคมก้มหน้า จงเงยหน้าขึ้นมาแล้วสัมผัสกับความงดงามของชีวิต ทักทายใครสักคนรอบข้าง ใช้ชีวิตให้เหมือนวันนี้เป็นวันสุดท้าย

                ช่างเป็นพระเอกฮอลลีวูดที่หล่อทั้งภายนอกและภายในจริง ๆ สำหรับ คีอานู รีฟส์ พระเอกสุดหล่อตลอดกาลที่แม้ว่าจะโด่งดังอย่างไรก็ยังคงได้รับการพูดถึงอยู่เสมอในเรื่องนิสัยที่ติดดิน ไม่ถือตัว และความเป็นผู้ชายแสนดีของเขา จนทำเอาผู้คนปลื้มกันไปทั่ว ล่าสุด ดูเหมือน คีอานู รีฟส์ จะยิ่งทำให้หลาย ๆ คนปลื้มมากขึ้นไปอีก เมื่อเพจ Keanu Reeves Online ได้เผยแพร่คำพูดของเขาที่พูดถึงเรื่องชีวิตในยุคสังคมก้มหน้าไว้อย่างโดนใจ โดยคำพูดของคีอานู รีฟส์ มีใจความว่า...

                "คุณเห็นผู้คนด้านหลังผมไหม พวกเขาต่างรีบเร่งไปทำงานและไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งรอบตัวเลย บางครั้งคนเราก็เอาชีวิตไปผูกติดไว้กับอะไรบางอย่างในชีวิตประจำวันจนเราลืมที่จะให้เวลากับการดื่มด่ำความงดงามของชีวิต มันเหมือนเราเป็นซอมบี้ เงยหน้าขึ้นมาแล้วเอาหูฟังออกซะเถอะ แล้วทักทายกับใครสักคนที่คุณพบ และอาจจะเข้าไปกอดใครสักคนที่เขามีท่าทีเหมือนคนกำลังเจ็บปวด จงช่วยใครสักคนเถอะ คุณต้องใช้ชีวิตทุก ๆ วันให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย สิ่งที่ผู้คนไม่รู้เกี่ยวกับตัวผมก็คือผมเป็นโรคซึมเศร้าในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ ผมไม่เคยบอกใครเลย ตอนนั้นผมต้องต่อสู้เพื่อหลุดออกจากภาวะซึมเศร้านั้น คนที่ฉุดตัวผมจากความสุขก็คือตัวผมเอง ทุก ๆ วันมีค่า ดังนั้นจงใช้มันอย่างมีค่า ไม่มีอะไรแน่นอนสำหรับวันพรุ่งนี้ จงใช้ชีวิตในวันนี้เถอะ ผมหวังว่าคุณจะแชร์โพสต์นี้เพื่อส่งต่อความรักในช่วงวันหยุดนี้นะ"


คีอานู รีฟส์ เป็นพระเอกที่ประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงอย่างมาก เขาเป็นที่รู้จักมาอย่างเนิ่นนานจนกล่าวได้เลยว่าไม่มีใครที่ไม่เคยได้ยินชื่อของเขา แต่ถึงจะมีชื่อเสียงอย่างไร เขายังคงมีชีวิตที่เรียบง่าย ติดดิน หลังจากที่โลดแล่นในวงการจนสร้างรายได้มหาศาล เงินก็กลายเป็นสิ่งที่คีอานู รีฟส์ ไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันมากมาย เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า "เงินเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมคิดถึง เพราะที่ผมมีอยู่ก็ทำให้ผมอยู่ได้อีก 2-3 ร้อยปีแล้ว"

                ทุกวันนี้ คีอานู รีฟส์ ยังคงใช้ชีวิตเฉกเช่นผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง มีแฟน ๆ ไปพบเขานั่งพูดคุยและดื่มกับคนไร้บ้านริมถนนในนครลอสแอนเจอยู่เนือง ๆ และเช่นเดียวกันคนก็ยังพบเห็นเขาใช้รถสาธารณะอย่างรถไฟฟ้าใต้ดิน แถมเมื่อคนเริ่มแน่น เขายังมีน้ำใจสละที่นั่งให้กับสุภาพสตรีด้วย

                จากนิสัยที่เรียบง่ายและการใช้ชีวิตอย่างปุถุชนคนธรรมดา ไม่ได้วิเศษหวือหวาไปกว่าใครนี้ ทำให้คีอานู รีฟส์ ได้ใจใครหลาย ๆ คนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อพูดถึงชื่อของเขาทีไร คำว่า Nice Guy ก็มักจะปรากฏขึ้นเสมอ



kapook.com
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #67 เมื่อ: มกราคม 17, 2016, 11:20:53 AM »

ตูบตัวนี้ถูกพบผอมโซใกล้ตาย แต่ 2 เดือนต่อมากลายเป็นตูบตัวใหม่อย่างไม่น่าเชื่อ

https://www.youtube.com/watch?v=hViMtuZFi0M

Fostering and letting go of Billy
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #68 เมื่อ: มกราคม 19, 2016, 11:37:05 AM »

คนจนผู้ยิ่งใหญ่!อาม่าจีนขายอาหารเช้าไม่ขึ้นราคามา 20 ปี
ที่ตำบลหวงถันโข่ว เมืองฉีว์โจว มณฑลเจ้อเจียง มีคุณยายท่านหนึ่งชื่อ “เหมา ซือฮวย” วัย 83 ปี ตั้งแผงขายอาหารเช้าใกล้โรงเรียนประถมในราคาถูกแสนถูกมานานร่วม 23 ปีแล้ว อาทิ บะจ่างลูกละ 0.5 หยวน โรตีจีนใส่ไข่ก็ 0.5 หยวนเช่นกัน ชาวเน็ตต่างยกนิ้วให้กล่าวและว่าน่าจะเป็นอาหารเช้าราคาถูกที่สุดในมณฑลเจ้อเจียง
โดยคุณยายจะลุกจากเตียงมาเตรียมของขายตอนตีหนึ่ง ทั้งทำน้ำเต้าหู้ บดแป้ง หั่นผัก เตรียมไส้บะจ่าง เป็นต้น และราวตี 4.30 น. ก็จะนำของที่เตรียมและแผงตั้งร้านขึ้นรถ 3 ล้อถีบออกจากบ้าน มาหยุดตั้งร้านใกล้โรงเรียนประถมเพื่อขายให้กับเด็กนักเรียน พอถึงเวลา 8 โมงเด็ก ๆ เข้าเรียนแล้ว คุณยายก็จะเก็บร้านเก็บของขึ้นรถ 3 ล้อกลับบ้าน

หลายคนสงสัยว่า ช่วง 23 ปีมานี้ ราคาข้าวของเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวแล้ว ทำไมคุณยายจึงยังคงราคาไว้เท่าเดิมไม่ยอมขึ้นเหมือนคนอื่นๆ ยายเหมาตอบว่า เพราะเมื่อได้ยินเด็กๆเรียกว่า คุณยายๆ ก็จะรู้สึกสุขใจมาก เด็กๆ เหล่านี้ก็เหมือนหลานๆ และว่าบางคนโตไปเรียนต่อในโรงเรียนมัธยมศึกษาที่อื่นแล้ว ยังมีแวะกลับมาเยี่ยมในวันหยุดสัปดาห์ด้วย เป็นความสุขทางใจที่มีค่ามากกว่าเงินทอง
(ขอบคุณข่าวจาก China Face by CRI)






บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #69 เมื่อ: มีนาคม 03, 2016, 07:04:51 AM »

https://www.facebook.com/payong.mnre/videos/749520948486973/?fref=nf


โปรดดูไว้...จะได้ไม่ดูถูกตัวเองครับ สุดยอดชีวิตจริงๆ (ขอบใจน้องชายที่ส่งมาให้ด้วยครับ)
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #70 เมื่อ: มีนาคม 12, 2016, 10:38:18 AM »

30 ปีที่รอคอย จากหมีที่ถูกขังแบบสิ้นไร้ สู่ความอิสระที่เหมือนเกิดใหม่ !!She waited to be rescued for 30 long years. 









Fifi takes her first look at her new home.








Picture of The Day! "FiFi"


https://www.thedodo.com/bear-sad-eyes-rescued-1654041994.html

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #71 เมื่อ: มีนาคม 12, 2016, 11:46:14 AM »

เพนกวินยอดกตัญญู ว่ายน้ำไกลเกือบหมื่นกิโลเมตรเพื่อกลับมาหาผู้ช่วยชีวิต

เมื่อวันที่ 9 มี.ค. สถานีโทรทัศน์ Globo เผยแพร่ภาพเพนกวินที่แสดงความรักต่อชายคนหนึ่ง และรายงานว่าเพนกวินมาเจลลันตัวนี้ว่ายน้ำมาไกลถึง 8,000 กิโลเมตรในทุกปีเพื่อเยี่ยมเยียน Joao Pereira de Souza ชายชาวบราซิลที่เคยช่วยชีวิตมันในอดีตนั่นเอง
เมื่อปี 2011 de Souza วัย 71 ปี ช่างก่ออิฐที่เกษียณและผันตัวเองมาเป็นชาวประมงนั้น พบเพนกวินตัวนี้กำลังจะขาดใจเนื่องจากน้ำมันและพยายามไต่ขึ้นไปบนโขดหินในชายหาดแห่งหนึ่งใกล้กับเมืองรีโอเดจาเนโร เขาจึงช่วยชีวิตมันไว้ รักษาพยาบาลและตั้งชื่อให้ว่า “Dindim”

เขากล่าวว่า หลังจากนั้นเกือบหนึ่งปี เพนกวินก็กลับลงไปในทะเล ถึงแม้ทุกคนจะกล่าวว่าไม่พบมันอีกหลังจากนั้น แต่ความจริงพวกเขาคิดผิด โดย Dindim กลับมาเซอร์ไพรส์ทุกคนอีกไม่กี่เดือนหลังจากนั้น และทุกปีก็ว่ายน้ำกลับมาหา de Souza และอยู่กับเขานาน 8 เดือน ก่อนที่จะมุ่งหน้าลงสู่ใต้เพื่อไปผสมพันธุ์บริเวณริมชายฝั่งทะเลของชิลีและอาร์เจนตินา
ทั้งนี้ การเดินทางไป-กลับระหว่างคาบสมุทรปาตาโกเนียในอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นบ้านของเพนกวินมาเจลลันจำนวนมาก และเมืองรีโอเดจาเนโร มีระยะทางไกลถึง 8,000 กิโลเมตร
de Souza กล่าวว่า “ผมรักเพนกวินตัวนี้เหมือนเป็นลูกของผมเอง และผมก็คิดว่ามันรักผมเหมือนกันนะ เพราะมันไม่ยอมให้ใครจับตัวมัน แต่ยอมให้ผมอาบน้ำและกินอาหารที่ผมให้”


https://www.youtube....h?v=vTCKyVYYr0U


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #72 เมื่อ: มีนาคม 12, 2016, 01:22:59 PM »

คุณยายสกลนคร เก็บผักหาปลาขาย บริจาคที่ดินมูลค่าร้อยล้านให้ราชการ
Nation Channel








พบคุณยายวัย 70 ปี อาชีพเก็บผักขายตามตลาด บริจาคที่ดินกว่า 100 ล้านให้สร้างห้องสมุด"เฉลิมราชกุมารี" อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร

คุณยายทองสวรรค์ วงษ์รัตนะ แม่เฒ่าวัย 70 ซึ่งมอบที่ดินให้กับทางราชการ เพื่อให้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ จำนวน 12 ไร่เศษ เมื่อปี 2556 และได้มีการก่อสร้างเป็นศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย และก่อสร้างเป็นห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี อำเภอเมืองสกลนคร และมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มีนาคม และคุณยายได้เข้ารับพระราชทานเหรียญที่ระลึกจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบคุณยายทองสวรรค์ ที่ยังพักอาศัยอยู่บริเวณด้านหลังของศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.) อ.เมืองสกลนคร ที่ยังเหลือที่ดินให้สร้างบ้านอยู่แบบพอเพียง ในวันที่คุณยายได้รับเชิญให้มาร่วมงานที่ศูนย์ กศน.เมืองสกลนคร ที่สร้างบนที่ดินที่คุณยายบริจาคให้ และเป็นกิจกรรมที่คุณยายได้รับเชิญเป็นเกียรติทุกครั้งที่มีการจัดกิจกรรม ซึ่งคุณยายทองสวรรค์ได้เล่าความรู้สึกให้กับผู้สื่อข่าวฟังด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขถึงสาเหตุของการบริจาคที่ดินในครั้งนี้ว่า เป็นความต้องการของตนและน้องสาว ที่เห็นดีด้วยที่จะร่วมบริจาคที่ดินให้กับทางราชการ เพื่อน้อมถวายเป็นพระราชกุศลฯให้กับสมเด็จพระเทพฯ เพื่อจะได้นำไปใช้เพื่อสาธารณะ

คุณยายทองสวรรค์เล่าต่อว่า ตนเองตัดสินใจกับน้องสาวเพียงไม่กี่วัน ก็ได้ไปเดินเรื่องเพื่อขอแยกโฉนดที่ดินให้ง่ายกับการบริจาค แต่ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าจะบริจาคให้ใครหรือหน่วยงานไหน แต่เมื่อทราบว่า ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียนจังหวัดสกลนคร กำลังมองหาพื้นที่ก่อสร้างห้องสมุดประชาชน เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพฯ ตนเห็นว่าเป็นประโยชน์ จึงตัดสินใจบริจาคให้ โดยได้ขอความมั่นใจจาก ผอ.ศูนย์ กศน.ขณะนั้นว่า เมื่อได้รับที่ดินไปต้องมีการก่อสร้าง ไม่ใช่รับบริจาคไปแล้วไม่ทำอะไรเลย เพราะตนและน้องสาวต้องการเห็นว่าที่ดินดังกล่าวได้สร้างประโยชน์ให้กับชุมชนและสังคม ในช่วงเวลาบั้นปลายของชีวิต

"ไม่ได้หวังสิ่งตอบแทนใดๆ เคยมีคนมาขอซื้อที่ดินเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว มูลค่ากว่าร้อยล้านบาท แต่มองว่าเมื่อได้เงินมาแล้วปัญหาต่างๆจะตามมาอีกมากมาย ในชีวิตอายุ 70 ปี และน้องสาวอายุ 60 ปี ที่อยู่ด้วยกันเพียงสองคน แม้จะเป็นพี่น้องคนละพ่อ แต่ก็รักกันดี ไม่เคยทะเลาะกัน อีกทั้งไม่มีครอบครัวและไม่มีลูก จึงอาศัยทำนาและปลูกผัก เก็บผัก หาปลา ตามท้องทุ่งมากิน และเมื่อเหลือจะนำไปขายที่ตลาดสด ชีวิตจึงไม่ได้เดือดร้อนอะไร" คุณยายทองสวรรค์เล่า

คุณยายเล่าอีกว่า หลังจากบริจาคที่ดินไปก็มีการก่อสร้างเป็นศูนย์ กศน.อ.เมืองสกลนคร และก่อสร้างเป็นห้องสมุดประชาชนเฉลิมราชกุมารี แล้วเสร็จ และมีการใช้ประ โยชน์ตามเจตนารมณ์ที่ตนเองและน้องสาวตั้งใจไว้ก็รู้สึกสบายใจ หมดห่วง และภูมิใจในชีวิต แม้ช่วงแรกจะมีคนมาทักท้วงว่าพื้นที่ดังกล่าวมีมูลค่ามหาศาล แต่เมื่อตัวคุณยายกับน้องสาวตั้งใจแล้วก็ต้องทำ

สำหรับพื้นที่ที่ดินที่บริจาคดังกล่าว ด้านหน้าอยู่ติดริม ถ.สกลทวาปี ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ โดยสำนักงานทางหลวงชนบทสกลนคร ได้เวนคืนเพื่อก่อสร้างเป็นถนนเลี่ยงเมืองชั้นในรองรับการขยายตัวของชุมชนเมือง จุดเริ่มต้นโครงการเชื่อมต่อกับสี่แยกถนนคูเมือง เขตเทศบาลนครสกลนคร ปัจจุบันเป็นย่านธุรกิจที่สำคัญ มีทั้งห้างสรรพสินค้า ย่านตลาดสด ตลอดจนพื้นที่ก่อสร้างหมู่บ้าน ที่อยู่อาศัย มีบ้านเรือนประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่น ปัจจุบันมีมูลค่านับร้อยล้านบาท
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #73 เมื่อ: มีนาคม 15, 2016, 04:24:02 PM »

เมื่อชีวิตคือการพัฒนา ผมจึงปิดบริษัทที่ทำรายได้ปีละ 20 ล้าน มาเป็นเกษตรกร และเปิดโรงเรียนให้กับลูกชาย

ก่อนหน้านี้มีการ Post ไปแล้วรอบหนึ่งแต่โดนลบไปเนื่องจากเข้าข่ายการขายของ รอบนี้เลยมาแบ่งปันแต่แนวคิดและสิ่งที่ผมทำ


       ก่อนอื่นผมแนะนำตัวสั่นๆว่าผมเองเปิดบริษัททำงานได้ IT เป็นงานให้บริการเป็นหลักนะครับ ผมทำมาตอนนี้ปีที่ 8 รวมกับทำงานบริษัทมาก่อน 3 ปี รวมประสบการณ์ทำงานทั้งหมดคือ 11 ปี  ชีวิตผมก็เป็นโครตคนเมืองคนหนึ่ง คือได้ทุกอย่างที่อยากได้ มีรถหรูๆ บ้านหรูๆ คอนโดหรูๆ ของทุกอย่างที่อยากได้ผมได้หมด เวลาแฟนถามว่าวันเกิดอยากได้อะไรบอกได้เลยคิดไม่ออกเพราะทุกสิ่งที่อยากได้ผมได้มันเดียวนั้นมาตลอด

      ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนแปลงตอนที่ผมเริ่มมีลูกคนแรก ป้จจุบันอายุ 3 ปี 4 เดือน 







ก่อนอื่นขอย้อนกลับไปอีก 8 ปีที่แล้วตอนช่วงที่ผมเริ่มเปิดบริษัทใหม่ๆผมเองนั้นอยากมีครอบครัวและก็อยากมีความรู้ที่จะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ด้วย ตัวเองจึงไปลงเรียน ป.โท คณะจิตวิทยา สาขา พัฒนาการ  ที่มหาลัยใจกลางกรุงแห่งหนึ่งซึ่งผมเองก็ได้ทั้งความรู้และแม่ของลูกมาด้วย ด้วยความรู้ที่ได้มาจากตอนไปเรียน รวมกับความรู้จากการฟังธรรม จากท่าน พระพรหมคุณาภรณ์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต)  ทำให้ผมเรียนรู้ว่าการทำงานและการใช้ชีวิตนั้น มันควรจะอยู่ในหลักสิขา คือการเรียนรู้และพัฒนาชีวิต ถามว่าและการเรียนรู้กับการพัฒนาชีวิตคืออะไร คำตอบสั่นๆพอจะตอบได้ดังนี้คือ การทำให้ชีวิตมีความสุขง่ายขึ้น และทุกข์ยากขึ้น สุขที่ง่ายขึ้นนั้นต้องพัฒนามาจากการที่มีความสุขจากการให้ ไม่ได้มีความสุขจากการเสพวัตถุ พอเข้าใจหลักการดังนี้ผมจึงเริ่มมองหาและเริ่มตั้งเป้าหมายใหม่ว่าเงินไม่ใช่จุดหมาย แต่เงินคือปัจจัยในการใช้ชีวิต พอผมมองว่าเงินคือปัจจัยในการใช้ชีวิต ผมจึงเริ่มรู้ว่าเงินนะพอแล้ว เริ่มเข้าสู่จุดหมายได้เลย

         จุดหมายแรกมันก็มาจากการย่อยข้อมูลที่มีอยู่ในสังคมที่ผมได้มีโอกาสรับรู้จากสื่อต่างๆทำให้ผมตั้งเป้าว่าผมจะสร้างสิ่งแวดล้อมที่เป็น Self Sufficient Environment คือผมต้องอยู่ได้โดยใช้เงินน้อยที่สุดในเรื่องอาหาร ดังนั้นผมจึงต้องสร้างอาหาร ซึ่งเบื้องต้นก็คือการปลูกผักและเลี้ยงสัตว์เพื่อให้ได้เนื้อนมไข่กิน
 ผมเริ่มซ้อมปลูกข้าวที่บ้าน กทม. ในหมู่บ้านเลย (เพื่อนบ้านตอนแรกงงว่าผมทำอะไรผ่านไป 90 วันถึงรู้กัน )





ปลูกผักที่ไร่


เลี้ยงไก่  เลี้ยงแพะนม



ตรงนี้เองผมมองว่าถ้าผมทำแบบนี้ได้แล้วผมจะฝึกให้ลูกผมสามารถใช้ชีวิตอยู่รอดในธรรมชาติได้ โดยการอาศัย ดิน น้ำ ลม ไฟ ในการเปลี่ยนมาเป็นอาหารโดยเรามีหน้าที่จัดสรรปัจจัยให้พร้อม และถ้ามันไม่พร้อม เราก็พร้อมที่จะศึกษาว่าที่ไม่พร้อมนั้นเราขาดปัจจัยอันได  ผมอยากจะเน้นตรงนี้มากเพราะผมมองเรื่องนี้เป็นความมั่นคงในชีวิตเลยทีเดียว เพื่อนๆผมที่ กทม. มองว่าความมั่นคงคือการซื้อประกันให้ลูก ผมบอกได้เลยว่าถ้าอีก 3 ปีข้างหน้าลูกผมอายุ 6 ปี ถ้ายังอยู่ กทม. เค้าจะอยู่ อนุบาล 3 และถ้าผมตายวันนั้นเงินทองที่มีให้ ประกันที่มีให้ เค้าก็คงใช้ได้อีกไม่กี่ปีก็หมด ถ้าอยู่ใน รร. แพงๆก็คงต้องลาออกมาเปลี่ยน รร. และก็ไม่รู้ว่าจะใช้เงินที่มีได้อีกนานแค่ไหน แต่ผมคิดว่าไม่เกิน 10 ปีเงินที่สะสมมาไม่ว่ามากขนาดไหนก็หมด ถ้าเค้ายังจะเสพวัตถุเพื่อความสุขอยู่   
          ที่ผมมองต่างคือถ้าลูกผมอายุ 6 ขวบโดยอยู่ที่ไร่กับผมนั้น ถ้าผมตายไป ลูกผมจะสามารถไปปลูกผักกินต่อได้ เก็บไข่กิน ตกปลามากิน รีดนมแพะมากิน จะเห็นว่านี่แหละคือความมั่นคงในชีวิตในมุมมองผม เค้าสามารถใช้ชีวิตต่อไปได้โดยเริ่มไม่ต้องพึ่งผมแล้ว คือผมใช้เวลาไม่มากฝึกลูกผมให้เค้ามีความสามารถในการให้ตัวเองพึ่งพาตัวเองได้

          ขั้นที่สองที่ผมจะสอนลูกคือ ตอนนี้ใน รร. หรือ มหาลัยส่วนใหญ่นั้นจะสอนให้คนหาเงิน และเอาเงินมาซื้ออาหาร และการหาเงินนั้นก็ต้องหาจากในตึกใน Office คือเอาเวลาไปแลกเงินออกมา  เพื่อซื้ออาหาร ส่วนอาหารเองนั้นก็ขายกำไรกันมาหลายต่อ ตั้งแต่ที่ไร่ เดินทางมาที่ตลาด ร้านอาหารไปซื้อที่ตลาดอีกที และเอามาขายเราอีกรอบ จะเห็นว่ามันทำไมต้องแพงเพราะการเดินทางของอาหารนั้นไกลเหลือเกิน และถ้าจะถูกเพื่อแข่งขันกันได้ ก็จะได้ของไม่ดีมีสารเคมีเยอะ  --> สิ่งที่ผมมองต่างคือผมจะสอนให้ลูกเห็นว่าเงินมันอยู่ในดิน  อยู่ในน้ำ อยู่ในอากาศ เราเองต้องหาวิธีดูดเงินออกมาจาก ดิน น้ำ อากาศ ผมยกตัวอย่างแบบนี้  ถ้าผมเอาเมล็ดผักสลัดไปวางบนดินและรดน้ำ พอมันโตมาก็มีค่า 30 บาทใน กทม.  ปลาคร๊าฟผมไปซื้อมาตัวเล็กๆ 60 70 บาท เลี้ยงไป 1 ปีให้มันกินขี้ไก่ ก็จะขายได้ประมาณตัวละ 700 บาท  ต้นไม้
ใหญ่ๆ ผมสามารถเก็บเมล็ดมาเพาะกล้า ต้นหนึ่งให้เมล็ดหลายร้อยเมล็ดมาเพาะกล้าใส่ถุงซัก 4 - 6 เดือนก็จะขายได้ต้นละ 20 บาท  เหมือนเงินมันอยู่ในดิน น้ำ อากาศจริงๆ เราเป็นเพียงผู้สังเกตุและจัดสรรเหตุปัจจัยให้เหมาะสมเพื่อดึงเงินออกมา  ตรงนี้ผมอาจจะต้องสอนเค้าเรื่องวิธีทำตลาด ผมเองงไม่ได้จะละทิ้งความทันสมัยขอโลกปัจจุบัน แต่ผมจะให้เค้ารู้และเข้าใจและใช้มันมาเกื้อกูลกับการใช้ชีวิตเพื่อให้ตัวเองพึ่งตนเองได้

            และเมื่อผมสอนลูกได้ดังนี้แล้วผมเองก็จะเปิด รร. ซึ่งให้ลูกผมมาสอนเด็กๆอีกที จริงๆตอนนี้แอบคิดชื่อ รร. ไว้แล้วครับชื่อว่า พุทธิจริตสิขาลัย โดยจะเน้น 4 ขบวนท่าของทางพุทธคือ
 พรหมวิหาร ๔
 อิทธิบาท ๔
 โยนิโสมนสิการ
 อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุป โท

 นี่แหละหลักสูตรผม อ๋อผมอาจจะลืมบอกว่า ผมทำ Home school กับลูกนะครับไม่ส่งลูกเข้า รร.

          ต่อไปก็จะถึงในส่วนของการแบ่งปันและหารายได้เพื่อทำประโยชน์กับสังคมให้มากขึ้น คือผมจะเปิดสิ่งแวดล้อมของผมเพื่อให้ผู้ที่สนใจในการพัฒนามาฝึกฝนและกระจายความรู้นำไปพัฒนาต่อยอดและสร้างเครื่อข่ายต่อๆไป












และตอนนี้ผมก็ได้ทำฝันเล็กๆคือการเลี้ยงม้า ที่เด็กๆหลายๆคนอยากเลี้ยงแต่เลี้ยงไม่ได้เพราะพื้นที่ใน กทม. ไม่เอื้ออำนวย






สุดท้ายแล้วผมบอกได้เลยว่าสิ่งที่ผมทำและสิ่งที่ผมเปลี่ยนแปลงกับชีวิตนี้มันทำให้ผมเป็นคนที่สามารถให้แบ่งปันได้ง่ายเพราะ เพราะผักหรือไข่หรือนมนั้นมันสูบมาจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ ความที่ผมรู้สึกเป็นเจ้าของมันก็น้อยลงและสามารถให้ฟรีๆกับคนอื่นได้เยอะๆ ไม่เหมือนใน กทม. ที่ทุกอย่างต้องเป็นการซื้อมาทั้งหมด การให้จึงจำกัดปริมาณและความถี่ด้วยตัวของมันเอง

 และลูกผมกับภรรยาผมก็เช่นกัน

 ปล. ภรรยาผมกว่าจะเห็นด้วยกับผมก็ไม่ใช่ง่าย ผมเองพาเค้าไปคุยกับพี่ๆที่อยู่ใน กทม. และย้ายไปอยู่ในต่างจังหวัดหลายคนมากและส่งไปเรียนการปลูกผักอินทรีย์ ใช้เวลาเป็นปีกว่าเค้าจะเริ่มเห็นว่าในระยะยาวแบบนี้แหละคือสิ่งที่ดีกับชีวิต  และยอมย้ายตัวเองไปกันผม

 ส่วนชีวิตที่บ้านใหม่ตอนนี้ก็สนุกมาก

 ิฝึกเดินป่า



ทำบ้านดิน




ขี่ม้าบ้าง


เล่นน้ำหลังบ้าน


พอว่างก็ไปขอเก็บฟางจากชาวบ้าน


หมดแรง

















บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #74 เมื่อ: มีนาคม 16, 2016, 10:11:37 AM »


เพื่อน คือ.... ....
cr ศักดิ์ เกื้อกูล
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: