jainu
|
|
« เมื่อ: กันยายน 18, 2009, 04:28:57 PM » |
|
บลูเบอร์รี่Blueberry ผลไม้เพื่อสุขภาพ เป็นพืชท้องถิ่นทวีปอเมริกาเหนือค่ะมีมานานกว่า13,000ปี สมัยก่อนเรียกว่าVaccinium เค้าบอกว่า วัวโบราณชอบกินชื่อเดิมมาจากภาษาละตินที่แปลว่าวัว สืบไปสืบมาเค้าก็ไม่แน่ใจกัน ชาวอินเดียแดงนำมาทำอาหารหลายอย่าง หลงป่าไปก็มองซ้ายมองขวาหน่อยน้ะค่ะเพราะหมีมันชอบมากๆๆมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ต้านมะเร็งด้วยสารที่พบมากที่สุด คือ สารเพกติน ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายและช่วยเพิ่มความจำด้วยค่ะ กินเป็นประจำบำรุงสายตา ลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดต้อกระจกด้วยค่ะมีวิตามินซีสูง ธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส ทำให้ระบบปัสสวะทำงานดีขึ้น มีสารป้องกันเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุการติดเชื้อในท่อปัสสาวะที่ได้รับมาจากผนังกระเพาะปัสสาวะค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Neung99k
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 18, 2009, 06:13:48 PM » |
|
ชอบกินน้ำมะนาว กับน้ำสัปปะรดมาก..แต่มีคนสั่งห้ามกินเลยไม่ได้กินมานานล่ะ > บลูเบอร์รี่ชอบกินราดหน้าเค็กแบบหอมนุ่มกินที่โอเรียลเต็ลก็อร่อยดี แต่กินบ่อย ๆ ไม่ดี..เปลีองตังค์ ฮิๆ อยากได้แบบกินฟรีน่ะมีป่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
soda
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 18, 2009, 07:07:19 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 19, 2009, 11:46:20 AM » |
|
ดื่มน้ำวันละ 8 แก้วเป็นอย่างน้อย อย่าดื่มที่เดียวน้ะจ้ะ ไม่ดี ต้องค่อยๆๆๆดื่มยิ่งจิบยิ่งดี น้ำมะนาว กับน้ำสับประรด ถ้าท้องว่าง มันจะมีกรดไปกัดกระเพาะ คิดดูน้ะค่ะโรคกระเพาะ หายยากส์ ทรมานด้วย กินยา ยาก็กินยากส์ ถ้ากินตอนท้องไม่ว่างได้ค่ะ น้ำเปล่าดีที่สุดค่ะ ไม่เปลืองดื่มง่ายไม่มีน้ำตาล ถ้าไปเดินตามห้างหรือบนสถานนีรถไฟฟ้า จะมีร้านสกัดน้ำจากผลไม้สด ดื่มได้ค่ะเน้นไม่ใส่น้ำตาล ราคา25-45บาท เน้น จำให้ขึ้นใจ ว่า ร่างกายคนเราไม่ต้องการน้ำตาล ลิ้นคนเราต่างหากติดน้ำตาล ไม่กินน้ำตาล 1.หน้าYoung 2.แข็งแรง3.ไม่เครียด4.ผิวตึง O0
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
soda
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 19, 2009, 01:42:28 PM » |
|
มีนู๋จัยคอยช่วยดูแลสุขภาพ ดีจังคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 21, 2009, 03:49:08 PM » |
|
อยากหั้ยทุกคนขับถ่ายตอนเช้า เพราะมีประโยชน์มากมาย มาดูผลเสียกันน้ะก๊ะ ช่วงเวลา 05.00-07.00 เวลาลำไส้ใหญ่ ที่ต้องขับถ่าย ถ้าเลยเวลาไม่ยอมขับถ่าย 07.00-09.00เป็นเวลาของกระเพาะอาหารแล้วไม่กินข้าวอีก อุจาระจากลำไส้ใหญ่ที่ขับไม่ออก ก็จะดูดซึมอีกครั้ง ในอุจาระเก่ามีแก็สที่เสียแล้วเกิดการบูดโดยมีอุณหของร่างกาย มีความร้อนถึง37 องศาตลอดเวลา แก็สพิษเหล่านี้จะถูกดูดเข้าไปในกระแสเลือด เลือดจึงไม่สะอาด แล้วเลือดที่ไม่สะอาดไหลไปเลี้ยงทุกส่วนในร่างกาย : ผลคือ ง่วงนอน หัวใจอ่อนล้า มีกลิ่นตัว กลิ่นปาก ตัวเราจะไม่ได้กลิ่นน้ะจ้ะ คนข้างๆๆ นี่จิ๋ อายุมากๆๆขึ้น ความจำเสื่อมเร็ว ปวดเข่า เป็นริดสีดวง พยายามขับมันออกมาน้ะค่ะของเสีย อย่าเสียดายน้ะค้ะ หาอะไรกินตอนเช้า ด้วยน้ะค่ะ ใส่ใจสักนิด ร่างกายเราเองน้ะค่ะ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 21, 2009, 05:49:27 PM โดย nujai »
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Neung99k
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 23, 2009, 12:45:03 PM » |
|
จำไม่ค่อยได้ว่าถ่ายตอนไหน แต่ก็ถ่ายเรื่อย ๆ น่ะ สีบ้าง ขาวดำบ้าง ส่วนใหญ่ไม่ค่อยเสียน่ะ ไม่ชอบก็ลบทิ้ง.. เกี่ยวกันป่ะเนื่ยะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 29, 2009, 12:16:54 PM » |
|
มาบริหารปอดหน่อย หายใจเข้า ออก เข้า ออก เข้า ออก ช้า ลง ช้า ลง หายใจเข้าลึกๆๆๆ หายใจออกยาวๆๆๆ ทำซ้ำ หายใจเข้าลึกๆๆใช้นิ้วโป้งปิดข้างซ้ายหายใจออกข้างขวา ทำสลับ หายใจเข้าลึกๆๆใช้นิ้วชิ้ ปิดข้างขวา หายใจออกข้างซ้าย ทำซ้ำ ช้าๆๆค่ะ เพิ่มเติมหน่อยค่ะ เทคนิค ?หายใจ? แก้ไขโรคปอด คุณแอนโธนี่ วี ชาวสิงคโปร์ได้คิดค้นวิธีการหายใจโดยประยุกต์หลายศาส ตร์เข้าด้วยกัน กลายเป็น ?ชี่ไดนามิกส์? เทคนิควิธีการหายใจ กำหนดจิตสร้างสมาธิ ช่วยปรับการหายใจให้หายใจได้เต็มปอด สามารถนำก๊าซออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย และขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายได้ดี ก่อนฝึกหายใจแบบชี่ไดนามิกส์ ให้หาที่นอนในบริเวณที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก นอนหงายให้เท้าอยู่ในระดับสูงกว่าศีรษะ เพื่อให้โลหิตไหลเวียนได้สะดวก จากนั้นหายใจออกช้า ๆ จนรู้สึกว่าลมหายใจออกหมด แล้วจึงเกร็งตัวพร้อมยำตัวขึ้นและขมิบก้นเล็กน้อยเพื ่อไล่ลมออกเพิ่มเติม ต่อเนื่องด้วยการกลั้นหายใจเพียง 4 วินาที ครบแล้วให้หายใจเข้าช้า ๆ จนเต็มปอด กลั้นหายใจไว้ 4 วินาที และหายใจออก ทำในลักษณะเช่นเดียวกันนี้ราว 30 นาที ? 1 ชั่วโมง เพื่อให้ปอดแข็งแรง และขยายตัวได้เต็มที่ อีกทั้งยังรู้สึกสดชื่นกระฉับกระเฉงด้วยจ้ะ O0
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 01, 2009, 10:23:54 AM โดย nujai »
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Neung99k
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: กันยายน 30, 2009, 10:31:41 AM » |
|
หายใจเข้าลึก ๆ แล้วไม่ต้องหายใจออกกกกกกกกกก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 01, 2009, 10:03:09 AM » |
|
อาหารว่าง 10 ชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงมากที่สุด
ใน ร้านสะดวกฃื้อหลายๆ ร้านนั้น ทุกๆ ครั้งที่เราเข้าไปนั้นมีสินค้ามากมายที่เมื่อเข้าไปน ั้นจะดึงดูดความสนใจของ เราได้อย่างมาก นั่นก็คืออาหารนั่นเอง และบางทีของเหล่านี้อาจจะไม่อยู่ในรายการที่เราไม่ได ้คิดที่จะซื้อไว้ก่อน สินค้าเหล่านี้จะมีอิทธิพลอย่างมากกับกลุ่มเด็กวัยรุ ่นสมัยนี้ ซึ่งไม่แตกต่างไปจากในประเทศต่างๆ หลายประเทศเลย หรือแม้กระทั่งผู้ใหญ่บางคนด้วย อาหารว่าง หรืออาหารทานเล่นนั่นเอง ในประเทศอเมริกานั้นดูจะสร้างความวิตกกังวลมากขึ้นทุ กๆ ปี เพราะว่าส่วนประกอบของอาหารเหล่านี้นั้นส่วนมากจะเป็ นพวกน้ำตาล สารเคมี สี และไขมัน เป็นส่วนใหญ่ และเป้นสาเหตุของโรคอ้วน และไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการเอาซะเลย
French Fries: พูดถึงสิ่งนี้คงต้องพูดถึง Mc Donald's นั่นเอง แต่เราๆ ท่านๆ นั้นอย่าเพิ่งมั่นใจกับสิ่งที่เค้าใช้ในการทอด ที่เค้าบอกว่ามีการเปลี่ยนน้ำมันสำหรับทอดบ่อยๆ แต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ มันฝรั่งนั้นส่วนประกอบหลักเต็มไปด้วยแป้ง และเมื่อนำไปทอดในน้ำมันที่ร้อนจัด และปรุงรสชาตินั้น อาจจะเป็นอาหารว่างที่อันตรายที่สุด
Donuts: โดนัทคือ ขนมปังที่นำไปทอด อาหารชนิดนี้ก้เต็มไปดก้วยแป้งที่นำมาใช้ทำตัวโดนัทเ องแล้ว เมื่อนำไปทอดก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ามันฝรั่งทอดเลย
Chips (Potato or Corn): สิ่งนี่ก็คือมันฝรั่งทอดในรูปแบบอื่นที่แตกต่างออกไป ที่ถูกนำไปใส่ไว้ใน บรรจุภัณฑ์นั่นเอง แต่เราสามารถที่จะควบคุมอันตรายจากอาหารประเภทนี้ได้ คือการนำไปอบแทนการทอด ซึ่งมันฝรั่งประเภทที่ใช้การอบแทนนั้นสามารถหาซื้อได ้จากร้านอาหารเพื่อ สุขภาพ แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่ใช่อาหารที่ดี และควรรับประทานบ่อยๆ อยู่ดี
Soda: บางคนอาจจะสับสนกับการรวมสิ่งนี้เข้าไปเป็นกลุ่มอาหา รด้วยนั้น สิ่งนี้ไม่เพียงไม่มีคุณค่าทางอาหารยังรวมไปถึงสารเค มีอีกมากมายที่ถูกบรรจุ อยู่ในผลิตภัณฑ์อีกด้วย
Cupcakes and Snack Cakes: whipped cream ที่มีไส้ครีมมันเยิ้ม และส่วนประกอบหลักๆ ก็มีแต่ แป้ง น้ำตาล และสารปรุงแต่งกลื่น รส ซึ่งไม่มีคุณค่าอาหารเลย
Candy Bars: กับเจ้าสิ่งนี้อาจจะยังพอมีคุณค่าทางอาหารให้เราอยู่ บ้างกับโปรตีนประมาณ 1-2 กรัม จากถั่วที่เป็นส่วนผสม แต่ว่าปริมาณน้ำตาลที่มีอยู่นั้นไม่สามารถนำมาทดแทนค ุณประโยชน์ได้เลย เพราะความแตกต่างนั้นมีมากกว่ากันเยอะเลย แต่ก็ยังมีผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในประเภทเดียวกันคือ energy bars ซึ่งมีปริมาณแคลลอรี่น้อยกว่าถึง 1 ใน 3 มีโปรตีนมากกว่า และมีไขมันน้อยกว่าอีกด้วย แต่ยังไงก็มีคุณค่าสู้อาหารปกติไม่ได้อยู่ดี
Pork Rinds: เบคอนหรือ แคบหมูทอดในบ้านเรานั่นเอง ซึ่งข้อนี้คงไม่ต้องบอกใครๆ ก็คงทราบดีถึงสิ่งที่ได้รับจากเจ้าสิ่งนี้ว่ามีแต่ไข มันสัตว์
Fat-Free Cookies: สินค้าเหล่านี้เป็นที่น่าสงสัยในแง่ของโภชนาการ เพราะว่าถ้าดูเพียงผิวเผินอาจจะดูเหมือนอาหารเพื่อสุ ขภาพ แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้น อาหารที่ปราศจากไขมัน ไม่ได้หมายความว่าจะปราศจากแคลลอรี่ไปด้วย ดังนั้นสรุปก็คือ ไม่สมควรรับประทานอีกนั่นแหล่ะ
ers: แครกเกอร์เต็มไปด้วยไขมันชนิด Trans ดังนั้นควรอ่านฉลากดูให้ดีก่อนซื้อ (Trans Fat คือ ไขมันแบบ Polyunsaturated ที่วางขายตามท้องตลาด มีการเติมธาตุไฮโดรเจนสังเคราะห์ เพื่อให้มีสถานะแข็งที่อุณหภูมิห้อง ไขมันแบบนี้ มีคุณภาพต่ำ เพราะไปลดปริมาณ HDL และเพิ่มปริมาณ LDL ในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใ จมากยิ่งขึ้น
Pretzels: อาหารกลุ่มนี้เป็นที่น่าแปลกใจ เพราะเป็นอาหารที่ไม่มีไขมัน แต่ไม่มีไขมันไม่ได้หมายความว่าเป็นอาหารที่ดี เพราะ Pretzels นั่นเต็มไปด้วยแป้ง และน้ำตาล ซึ่งแอบแฝงให้ดูเหมือนอาหารเพื่อสุขภาพ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 26, 2012, 10:33:25 AM โดย nujai »
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2009, 03:51:02 PM » |
|
วิธีสังเกตยาที่เสื่อมคุณภาพ- ยาเม็ด สังเกตว่าเม็ดยาจะแตกร่วน สีเปลี่ยนไป มีจุดด่าง ขึ้นรา หรือหากเป็นยาเม็ดเคลือบน้ำตาล เม็ดยาอาจเยิ้มเหนียวมีกลิ่นหืนหรือกลิ่นผิดไปจากเดิ ม - ยาแคปซูล สังเกตว่าแคปซูลจะบวม พองออก หรือจับกัน ผงยาในแคปซูลเปลี่ยนสี เช่น ยาเตตราซัยคลินที่เสียแล้ว ผงยาจะเปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีน้ำตาล ซึ่งเป็นอันตรายต่อไตมาก - ยาน้ำแขวนตะกอน เช่น ยาลดกรด ยาคาลาไมน์ทาแก้คัน หากเสื่อมสภาพตะกอนจะจับกันเป็นก้อน เกาะติดกันแน่น เขย่าแล้วไม่กระจายตัวดังเดิม มีความเข้มข้น กลิ่น สี หรือรสเปลี่ยนไป - ยาน้ำเชื่อม เช่น ยาแก้ไอ หากหมดอายุ ยาจะมีลักษณะขุ่นมีตะกอน ผงตัวยาละลายไม่หมด สีเปลี่ยน มีกลิ่นบูดเปรี้ยวหรือรสเปรี้ยว - ยาขี้ผึ้งและครีม ถ้าพบว่าเนื้อยาแข็งหรืออ่อนกว่าเดิม เนื้อไม่เรียบ เนื้อยาแห้งแข็ง หรือสีของยาเปลี่ยนไป วิธีการดูว่ายาหมดอายุ คือ ดูวันหมดอายุของยาที่ระบุไว้บนฉลากยา และถ้ายานั้นไม่มีวันบอกหมดอายุ อาจดูจากวันเดือนปีที่ผลิต ซึ่งโดยปกติ ถ้าเป็นยาน้ำจะเก็บไว้ได้ประมาณ 3 ปีนับจากวันผลิต และหากเป็นยาเม็ดจะเก็บไว้ได้ 5 ปี และถ้าเป็นยาหยอดตาหากเปิดใช้แล้วเก็บไว้ได้เพียงหนึ ่งเดือน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Neung99k
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2009, 06:45:17 PM » |
|
แล้วยาเป็นซอง ๆ ล่ะนู๋จัย..มีวันหมดอายุป่ะ หรือต้องถามน้องซองยา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
SteamTurbine พ่อ ปันคุณ
Newbie
ออฟไลน์
กระทู้: 120
....บ้านชายคลอง.....
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 04:55:20 PM » |
|
บลลูเบอรี่ ราสเบอรี่สด มีขายที่ไหนบ้างอ่ะครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.....เธอจะเป็นคนเดียวอยู่ในใจฉัน และจะเป็นเหตุผลเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ฉัน ได้เดินต่อไป.....
|
|
|
gypsy
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 03, 2009, 04:58:55 PM » |
|
ตลาดกลาง.......... มีป่าว อิอิ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ขอโทษที่ไม่ตอบ ขอบคุณที่ทักทาย
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 04, 2009, 06:37:57 PM » |
|
บลลูเบอรี่ ราสเบอรี่สด มีขายที่ไหนบ้างอ่ะครับ : อยากดั้ยสดเหมือนเจ้าของมาเองหรือเปล่าค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|