พลิกความเชื่อเดิม! “B17” รักษา “มะเร็ง” ที่แท้ “ยาพิษ” ในรูปวิตามิน มติชน (Matichon)[size=12.5pt]เคยสงสัยมั้ยว่าวิตามินบีทั้งหลายแหล่มีถึงบีเท่าไหร่แล้วบีอื่นๆ ที่ไม่ค่อยได้ยินชื่อ อย่างวิตามินบี 4 วิตามินบี 8 วิตามินบี 11 มีมั้ย ทำไมไม่ค่อยมีคนเอ่ยถึง
มาได้ยินอีกทีก็วิตามินบี 17 ซึ่งแพทย์ทางเลือกอ้างว่าสามารถรักษาโรคมะเร็งได้!
ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะยุคนี้เป็นยุคของข้อมูลที่หลากล้นท่วมท้นในโซเชียล ซึ่งถ้าไม่ใช่นักวิชาการหรือผู้ศึกษาเฉพาะทางจริงๆ อาจหลงทางได้ ประกอบกับร้านขายวิตามินทั้งหลายมีอยู่เกลื่อน โดยเฉพาะในโลกออนไลน์ ซึ่งมีไม่น้อยที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา และอีกไม่น้อยที่พูดความจริงเพียงครึ่งเดียว บอกแต่ข้อดี แต่อุบข้อเสียไว้ประเด็นของวิตามินบี 17 เป็นประเด็นสำคัญ เพราะสรรพคุณที่เอ่ยอ้างว่า
"ฆ่าเซลล์มะเร็งได้ และไม่มีผลต่อเซลล์ปกติ"
อาจสร้างความหวังกับใครหลายๆ คนโดยไม่ทราบถึง "อันตราย"
ที่รออยู่เบื้องหน้า
"บี 17" ไม่ใช่วิตามิน
แค่เอ่ยคำว่า "วิตามิน" นักวิชาการรวมทั้งคนในแวดวง คนที่สนใจด้านโภชนาการจะทราบดีว่าเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์และจำเป็นต่อร่างกาย ส่วนมากร่างกายจะได้รับสารอาหารที่รับประทาน แต่บางชนิดร่างกายก็สามารถสังเคราะห์ขึ้นเองได้จากแบคทีเรียในลำไส้ เช่น วิตามินบี 5 ฉะนั้น ในคนที่ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ แพทย์หรือนักโภชนาการจึงแนะนำให้รับประทานในรูปแบบเม็ดวิตามินเป็นอาหารเสริมสำหรับ "วิตามินบี 17" นั้น
ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร ตราชูธรรม อาจารย์ประจำหลักสูตรพิษวิทยาทางอาหารและโภชนาการ สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล
บอกว่า ต้องอธิบายก่อนว่า ที่เรียกกันว่า "วิตามินบี 17" ในความเป็นจริงไม่ใช่ "วิตามิน" แต่เป็นสารชนิดหนึ่งชื่อ "อะมิกดาลิน" (amygdalin) ซึ่งสกัดได้จาก "เมล็ด" ในผลแอปริคอต ผลไม้สีส้มผลกลม มีร่องกลางผล คล้ายลูกท้อแต่ขนาดเล็กกว่าที่มาของชื่อวิตามินบี 17 มาจากความเชื่อดั้งเดิมในสายแพทย์ทางเลือกที่เริ่มจากข้อสันนิษฐานว่าการขาดสารตัวอะมิกดาลินเป็นผลให้เกิดมะเร็ง โดยมีการทดลองวิจัยในหนูทดลองและในคน ซึ่งเป็นการทำวิจัยในจำนวนไม่มากนัก พบว่าเมื่อให้สารชนิดนี้แล้วผู้ป่วยมีอาการดีขึ้น จึงเชื่อว่าสารอะมิกดาลินนี้เป็นทางเลือกในการรักษามะเร็ง (บางชนิด) และเป็นที่มาของการเรียกชื่อสารชนิดนี้ว่า "วิตามินบี 17""
มีการศึกษามาตั้งแต่ปี 1970 โดยสายแพทย์ทางเลือกยกประเด็นนี้ขึ้นมา เนื่องจากมีการศึกษาการใช้วิตามินบี 17 ร่วมกับเอ็นไซม์ของตับอ่อน ร่วมกับการควบคุมอาหาร มีการทำในคนจำนวน
น้อยๆ บังเอิญผลออกมาดี จึงเชื่อว่าร่างกายคนไข้อาจจะขาดวิตามินบี 17 ก็ได้ เมื่อได้รับเข้าไปจึงช่วยให้ร่างกายคนไข้ดีขึ้น และเป็นที่มาของการตั้งชื่อ "วิตามินบี 17"
ทั้งนี้ คุณหมอดุลยพรย้ำว่า การจะใช้คำว่า "วิตามิน" นั้น ต้องได้รับการพิสูจน์ได้รับการยอมรับว่าสารชนิดนั้นเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกาย หมายความว่าร่างกายจะขาดมิได้ตัวอย่างเช่น การขาดวิตามินบี 1 เป็นเวลานานๆ มีผลทำให้ถึงกับเสียชีวิต ดังในกรณีที่มีข่าวเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่าลูกเรือประมง 2 ราย ที่จังหวัดระนอง ซึ่งออกเรือหาปลากลางทะเลนานกว่า 9 เดือนถึงกับเสียชีวิต โดยสาเหตุหลักมาจากร่างกายขาดวิตามินบี 1
เปิดตัว "วิตามินบี" ตระกูลนี้มีใครบ้าง
แล้ววิตามินบีที่เราได้ยินชื่อ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบีรวม วิตามินบี 12 จริงๆ แล้วมีเรียง
ลำดับตัวเลขครบทุกตัวหรือไม่ แล้วมีถึงบีเท่าไหร่
คำตอบคือ มีถึงแค่บี 12
วิตามินแต่ละชนิดจะทำหน้าที่สอดรับกันและจำเป็นต่อร่างกายทุกตัว เพื่อเป็นการง่ายจึงมีการรวมกันเป็น "วิตามินบีรวม" กล่าวคือ มีตั้งแต่
วิตามินบี 1
ไทอะมีน (Thiamine) ที่เราท่องจำกันว่าป้องกันโรคเหน็บชา
วิตามินบี 2
ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) ช่วยในการเจริญเติบโต เมื่อขาดจะกลายเป็นคนแคระแกร็น จำเป็นต่อเอ็นไซม์และกระบวนการเมตาบอลิซึมของสารอาหารต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะไขมัน ป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด อันเป็นสาเหตุให้เส้นเลือดแข็งตัว เมื่อก่อนเรียกว่าวิตามินจี
วิตามินบี 3
คือไนอะซิน (Niacin ย่อมาจาก Nicotinic acid vitamin) มีอีกชื่อว่าวิตามิน PP ช่วยให้ร่างกายได้พลังงานจากคาร์โบไฮเดรต ลดคอเลสเตอรอล ไขมัน ควบคุมน้ำตาลในเลือด ขยายหลอดเลือดเล็กๆ จะช่วยการไหลเวียนเลือด กำจัดสารก่อแพ้ฮีสตามีนที่จะทำให้เกิดอาการคัน บรรเทาอาการข้ออักเสบ บรรเทาอาการโรคซึมเศร้าได้ ฯลฯ
วิตามินบี 5
คือกรดแพนโทเทนิก (pantothenic acid) ช่วยในสุขภาพของผิวหนังและประสาท เสริมการป้องกันโรค สร้างภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อโรค รวมทั้งช่วยละลายพิษจากยาปฏิชีวนะ ขับพิษออกจากร่างกาย ช่วยเผาผลาญโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เพื่อสร้างพลังงาน ฯลฯ
วิตามินบี 6
ไพริดอกซิน (Pyridoxin) เสริมภูมิคุ้มกัน สร้างการเจริญเติบโตให้กับร่างกาย วิตามินบี 7 ไบโอติน (Biotin) มีส่วนสำคัญในการเผาผลาญไขมันและโปรตีน และการสังเคราะห์กรดแอสคอร์บิกเพื่อช่วยรักษาสุขภาพผิวพรรณ เส้นผม และเล็บ
วิตามินบี 9
กรดโฟลิก (Folic acid) หรือโฟเลต ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของร่างกาย ถ้าขาดไปจะทำให้ร่างกายผลิตเม็ดเลือดแดงไม่สมบูรณ์ และตัวสุดท้ายคือ วิตามินบี 12 โคบาลามิน (Cyanocobalamin) เชื่อมโยงไปถึงความผิดปกติของสมองและระบบประสาทด้วย
...เหล่านี้คือคุณสมบัติคร่าวๆ ของวิตามินแต่ละชนิดที่จำเป็นสำหรับร่างกาย
"วิตามินทั้ง 8 ตัวนี้เป็นวิตามินบีที่ได้รับการยอมรับและพิสูจน์แล้วว่าจำเป็นต่อร่างกาย ถ้าขาดแล้วจะเกิดโรคตามมา
แต่ก็ยังมีวิตามินบีอื่นๆ ที่ขาดหายไป เช่น วิตามินบี 4 วิตามินบี 8 วิตามินบี 10 วิตามินบี 11 วิตามินบี 15 วิตามินบี 16 และวิตามินบี 17 พวกนี้เป็นกลุ่มของวิตามินบีที่มีคนเสนอมาว่า มัน "อาจจะ" มีความจำเป็นต่อร่างกาย แต่ว่าเอาเข้าจริงๆ พอมีงานวิจัยพยายามทดสอบ ปรากฏว่ามันไม่ได้มีความจำเป็นต่อร่างกาย และขาดแล้วก็ไม่ได้ก่อผลเสียอะไร ตอนหลังวิตามินเหล่านี้จึงหายไป และจริงๆ ก็ไม่ควรจะเรียกมันว่าเป็นวิตามินด้วย"
แอปริคอต
รักษามะเร็งได้ เป็นแค่ข้อมูลเก่า
ถ้าเข้าไปสืบค้นข้อมูล โดยใช้คำว่า "วิตามินบี 17" จะพบสรรพคุณที่เอ่ยอ้างว่า "รักษามะเร็งได้"ผศ.ดร.ทพญ.ดุลยพร อธิบายให้ฟังว่า ว่ากันในแง่ของการวิจัยก็ดี ในสถาบันมะเร็งแห่งชาติของอเมริกาก็ดี ผลของการรักษาโรคมะเร็ง มีแค่ในระดับห้องปฏิบัติการทั้งนี้ ผลเท่าที่ได้ศึกษากับตัวรายงานวิจัยก็ดี รวมทั้งข้อแนะนำของสถาบันมะเร็งแห่งชาติในอเมริกาและยุโรป บอกว่า วิตามินบี 17 อันดับแรก มันไม่ใช่วิตามิน เพราะมันไม่มีบทบาท ไม่ใช่สิ่งจำเป็นต่อร่างกาย ประการที่ 2 งานวิจัยที่บอกว่ารักษามะเร็งได้ มีแค่ในงานวิจัยระดับห้องปฏิบัติการ คือระดับเซลล์ ที่พบว่ามันฆ่าเซลล์มะเร็งได้ แต่งานวิจัยในสัตว์ทดลองและงานวิจัยในคนยังไม่ยืนยัน
ที่สำคัญอีกอย่างคือ งานวิจัยในคนเท่าที่มีการศึกษาพบว่า "มันอาจจะส่งผลข้างเคียง" ได้ด้วย เนื่องจากอะมิกดาลิน ลักษณะเป็นสารกลุ่ม ไซยาโนเจนีติก กลัยโคไซด์ (Cyanogenetic Glycosides) คือเป็นกลุ่มที่องค์ประกอบมีส่วนของน้ำตาลและสารพิษจำพวกไซยาไนด์ เมื่อเรากินเข้าไป แบคทีเรียในลำไส้จะไปย่อยสารตัวนี้แล้วปล่อยไซยาไนด์ออกมา"ฉะนั้น ที่เจอในคนคือมันจะก่อผลข้างเคียงได้ ก็คืออาจจะทำให้เกิดพิษไซยาไนด์ได้ โดยสรุปที่ว่าผลดีต่อร่างกายยังไม่ชัดเจน แต่ผลเสียมีอยู่ โดยเฉพาะถ้ารับประทานร่วมกับถั่วอัลมอนด์ในปริมาณมากๆ หรือรับประทานร่วมกับพืชผักที่มีเอ็นไซม์เบต้ากลูโคสิเดส พวกลูกพีช แครอต เซลเลอรี่ ถ้ารับประทานร่วมกับอะมิกดาลินจะเป็นผลเสีย คือจะเกิดพิษไซยาไนด์ได้ง่าย รวมถึงถ้ารับประทานร่วมกับ
วิตามินซีสูง จะเป็นการทำให้พิษของไซยาไนด์ปรากฏมากขึ้น"
พิษของไซยาไนด์ ถ้ามีในระดับอ่อนๆ จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้อาเจียนและเกิดภาวะไซโนยาซีส คือตัวจะเขียวเป็นจ้ำๆ เพราะปริมาณออกซิเจนในเม็ดเลือดแดงจะลดลง เนื่องจากตัวไซยาไนด์เข้าไปแทนที่ ทำให้ความดันตก และตับอาจจะถูกทำลาย รวมถึงระบบประสาทอาจจะถูกทำลาย และลงท้ายผู้ป่วยอาจจะโคม่า ไปจนถึงเสียชีวิตเลยทีเดียว ถ้ารับประทานในปริมาณมากๆอย่างไรก็ตาม คุณหมอดุลยพรบอกว่า โดยปกติแล้วเรากินเฉพาะเนื้อของผลแอปริคอตจึงไม่ส่งผลอันตรายแต่อย่างใด เพราะพิษนั้นอยู่ที่ "เมล็ด" ซึ่งปริมาณส่งผลถึงกับเสียชีวิตนั้นจะอยู่ที่ 50 เมล็ด
เมล็ดแอปริคอต ภาพจากบทความใน reset.com ที่ Daud Scott รายงานว่า เอฟดีเอ "ห้าม" การใช้บี 17 ในฐานะยารักษามะเร็ง
ความจริงที่ไม่ได้รับการชี้แจง
"ในเว็บไซต์ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติของอเมริกา หรือในยุโรป หรือเว็บไซต์ของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) มีการกล่าวถึงวิตามินบี 17 นี้ โดยจะเขียนเป็นคำเตือนเลยว่า "ไม่ควรใช้" เพราะอาจจะเกิดผลเสียตามมา
ส่วนประเทศที่มีขายคือเม็กซิโกกับจีนก็ยังจัดอยู่ในส่วนของแพทย์ทางเลือกหรือในระดับงานวิจัย แต่ในระดับนำมาใช้รักษายังไม่อนุญาต
ขณะที่ในบ้านเราการให้ข้อมูลพวกนี้ยังน้อยอยู่ เชื่อว่าในอนาคตน่าจะมีการทำดาต้าเบสออกมา เพราะถ้าประชาชนเข้าไปค้นในข้อมูลเดียวกันอาจจะไม่เข้าใจ ซึ่งแม้จะฆ่าเซลล์มะเร็งได้ แต่มันก็
ฆ่าเซลล์ปกติได้เหมือนกัน ฉะนั้น ถ้าเอามาใช้กับคน ยังไม่รับรองว่ารักษามะเร็งได้หรือเปล่า แต่จะส่งผลเสียกับเนื้อเยื่อปกติ ฉะนั้น ยังไม่ควรทดลองใช้ฉะนั้น ใครที่เข้าไปค้นข้อมูลแล้วพบว่าวิตามินบี 17 รักษามะเร็งได้ นั่นเป็นเพียงข้อมูลเก่า หลังจากพบว่าไม่ผ่านเรื่องความปลอดภัย การวิจัยจึงจบลง แต่ยังไม่ค่อยมีการอัพเดตข้อมูลตรงนี