Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อสุขแท้ ก็ถึงธรรม  (อ่าน 16571 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 10 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #135 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:45:30 AM »

อยู่ให้ใครจำได้-ไปให้ใครคิดถึง


“คนที่ตายไปแล้ว หากคนที่มีชีวิตอยู่ เขาสามารถจดจำได้
และคิดถึงอยู่ ผู้นั้นได้ชื่อว่าไม่ตาย แต่คนที่มีชีวิตอยู่
กลับไม่มีใครกล่าวถึง หรือ คิดถึงเลย นั่นคือผู้ตายไปแล้ว”

-หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ-

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #136 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:47:13 AM »

ถ่านหรือเพชร



ท้อเป็นถ่าน , ผ่านเป็นเพชร
เวลาแม้ย้อนไม่ได้ แต่เราเริ่มต้นทำดีใหม่ได้ตั้งแต่วันนี้

-ธรรมทาน-

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #137 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:49:13 AM »

จิตจอมหลอกลวง/ท่านพุทธทาสภิกขุ


จิตเป็นขบถ
เป็นนักเลงที่หลอกลวง
เป็นกระจกเงาที่เล่นกลได้
มันเห็นอะไรอย่างไร
ชอบรักอะไรอย่างไร
มันก็ว่านั่นแหละดี
นั่นแหละจริงแท้

เช็ดถูอวิชชา ตัณหา อุปาทานออกเสียก่อน
มันจึงจะเป็นสิ่งที่พูดจริง

-ท่านพุทธทาสภิกขุ-

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #138 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:54:06 AM »

บาปและบุญ/หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร




บาปและบุญนั้นมีอยู่ประจำโลก
เหมือนกับน้ำและไฟนั้นแหละ
ใครทำชั่วก็เดือดร้อน
ใครทำดีก็มีความสุขกายสบายใจ”

-หลวงปู่สิม พุทฺธาจาโร-
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #139 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:55:39 AM »

หลง


” รู้ว่ากำลังหลง ดีกว่าหลงว่ากำลังรู้ “

-หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช-

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #140 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:57:15 AM »

ความรู้จักพอ



ความรู้จักพอ เป็นยอดแห่งทรัพย์
Moderation is the epitome of wealth.

สนฺตุฏฺฐี ปรมํ ธนํ(ขุ.ธ.๒๕/๔๒)

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #141 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2012, 11:58:41 AM »

การให้อภัย


ก า ร ใ ห้ อ ภั ย…มิได้หมายถึง…
การลืมเหตุการณ์ที่ “เ จ็ บ ป ว ด”
แต่…หมายถึง การไม่ยอมให้
เหตุการณ์เหล่านั้น…มาทำร้าย “เ ร า”

-พระไพศาล วิสาโล-

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #142 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 06:37:48 PM »

ปริศนาธรรมในศาสนพิธี


พระอาจารย์ กล่าวว่า "ในการจัดดอกไม้ ถ้ามีธูปเทียนอยู่ด้วย ธูป ๓ คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทียน ๒ คือ ตัวแทนของพระธรรมโดยตรง ก็คือ โลกียธรรม โลกุตรธรรม เพราะเทียนเขาหมายถึงความสว่างที่เป็นดวงปัญญา โดยเฉพาะความสว่างของพระธรรม บูรพาจารย์มักจะแทรกปริศนาธรรมต่างๆ เอาไว้ อยู่ในหลักการปฏิบัติบ้าง อยู่ในศาสนพิธีบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าเราจะตีความออกไหม ? เข้าถึงไหม ?

ปกติแล้วเราจะจุดธูปแล้วค่อยจุดเทียน ถ้าที่ไหนก็ตาม เขาเตรียมธูปเทียนไว้พร้อม มีการใส่น้ำมันไว้ด้วย เราจะจุดธูปก่อนแล้วจุดเทียน แต่ถ้าที่ไหนที่เขาไม่พร้อม เราต้องจุดเทียนก่อนแล้วเอาธูปไปต่อจากเทียน แต่มาระยะหลังเห็นจุดเทียนก่อนแล้วจุดธูป เขาก็เลยบอกว่าเป็นการจุดเทียนธูป เป็นวลีที่ไม่สะดวกลิ้น แต่จริงๆ ก็คือจุดธูปจุดเทียน

อาตมากำลังคิดว่าจะออกหนังสือสักเล่มหนึ่งชื่อว่า กลิ่นธูปควันเทียน มีบรรยากาศผีๆ หน่อย ตอนนี้ปกิณกธรรมไป ๓ เล่มแล้ว สัพเพเหระไป ๑ เล่ม เดี๋ยวลองดูว่ากลิ่นธูปควันเทียนจะออกไปทางไหน"


สนทนากับพระครูวิลาศกาญจนธรรม (พระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
ณ บ้านวิริยบารมี เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๕๕๕



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #143 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2012, 06:44:49 PM »




เพียงแต่เคารพกราบไหว้บูชาด้วยดอกไม้
ธูปเทียน เฉยๆ เท่านั้นน่ะ
แล้วไม่ละชั่วทำดีตามที่พระองค์เจ้าแนะนำสั่งสอนนั้น
มันก็พ้นทุกข์ไปไม่ได้
เพียงแค่กราบไหว้บูชาด้วยดอกไม้นั้น
มันจะพ้นจากนรก จากอบายภูมิไม่ได้เลย
ขอให้พากันคิดให้ดี ก็เป็นเพียงอุปนิสัย
ปัจจัยติดตัวไปนิดหน่อยเท่านั้นเองแหละ
แต่ว่าไม่พ้นนรก เพราะบุคคลยังไปทำบาปอยู่
ยังลุอำนาจแก่ตัณหาอยู่
เช่นนี้แล้วมันจะพ้นจากนรกไม่ได้เลย


ผู้นับถือพระพุทธศาสนานี้
ควรพยายามน้อมเอาคำสอนของพระพุทธเจ้า
เข้ามาตริตรอง พิจารณาอยู่ภายในใจนี้
ให้มันเห็นแจ้งด้วยใจของตนเองแท้ๆ
นั่นแหละมันถึงจะปฏิบัติตามได้
ถ้าไม่เห็นแจ้งด้วยใจของตนในเรื่องบาป เรื่องบุญ
เรื่องคุณ เรื่องโทษก็ดี
อย่างนี้แล้วจะไม่ยอมปฏิบัติตาม
คนเราน่ะเป็นอย่างนั้น
ถ้าเห็นแจ้งแก่ใจแล้วว่า
สิ่งที่พระองค์เจ้าทรงแสดงว่าเป็นบาป
มันก็เป็นบาปจริงๆ ให้มันเห็นแจ้งเลย มันเป็นบาป
เพราะเหตุว่าเป็นการไปก่อทุกข์ให้แก่ผู้อื่น
นั่นแหละว่าเป็นบาป
เมื่อทำอะไรลงไปแล้วมันต่อทุกข์ให้แก่ตนบ้าง
ให้แก่ผู้อื่นบ้าง อย่างนี้มันเป็นบาปทั้งนั้นแหละ


:: หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #144 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 08:00:23 PM »

การเอาสตางค์มาทำบุญ


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #145 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2012, 08:01:49 PM »

อย่าได้เป็นกบเฝ้าดอกบัว


ชาวโลกทุกถ้วนหน้าที่เคารพ
พวกเราอย่าได้เป็นกบเฝ้าดอกบัว
และอย่าได้เป็นกบเลือกนายเลย
นายของพวกเรา คือ...พระธรรมคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เป็นคำสอนที่ทรงพระเหตุผล
สมต้นสมกลางสมปลายบริบูรณ์ดีพอแล้ว
พร้อมทั้งฆราวาสและบรรพชิต
สอนจิตสอนใจของพวกเราให้ละเอียดสูงส่งตรงไปให้
ชนะความเมาความหลงของเจ้าตัว
สอนไม่ให้เข้าข้างตัวโดยฝ่ายเดียว
สอนให้แลเหลียวดูใจท่านผู้อื่นและให้เอาตนเป็นพยานก่อน

:: หลวงปู่หล้า เขมปัตโต
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #146 เมื่อ: มกราคม 01, 2013, 07:38:09 PM »

ยิ่งทำดีเท่าไร ยิ่งทำให้คนมองไม่ดี ?




ถาม : ยิ่งเราทำดีเท่าไร ยิ่งทำให้คนอื่นเขามองไม่ดี ?

ตอบ : จำไว้ว่าคนเราถ้าตั้งใจทำความดี มารจะขวาง คนรอบข้างสามารถเป็นมารได้ทั้งหมด ซึ่งเกิดจากการดลจิตดลใจของมารเขา ถ้าหากว่าตั้งหน้าตั้งตาสู้ฟันฝ่าไปด้วยกำลังใจที่เข้มแข็ง เราก็จะพ้นผ่านไปได้ แต่ถ้าหากไม่ยอมสู้ ยื่นเท้าเข้าไปให้เขาผูกแต่โดยดี ก็ไม่ต้องไปไหนหรอก เสร็จเขาแน่..!

สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕

ที่มา : ยิ่งทำดีเท่าไร ยิ่งทำให้คนมองไม่ดี ? - กระดานสนทนาวัดท่าขนุน



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #147 เมื่อ: มกราคม 13, 2013, 08:23:03 PM »

ทำกรรมขึ้นมาแล้ว...ยากที่จะหนีกรรมนั้นได้





ทำกรรมขึ้นมาแล้ว...ยากที่จะหนีกรรมนั้นได้

ถาม : .....

ตอบ : มีอยู่สมัยหนึ่งมีพระอยู่หลายคณะ พอออกพรรษาแล้วก็เดินทางไปกราบ พระพุทธเจ้า ที่ เชตวันมหาวิหาร

คณะหนึ่งเดินมาทางพื้นราบ ชาวบ้านเขาเห็นก็นิมนต์ไปรับภัตตาหาร ตอนที่เขากำลังประเคนอาหารพระอยู่ ปรากฏว่าไฟไหม้ไปติดที่เสวียนหญ้าที่เขาเอาไว้รองหม้อ สมัยก่อนจะใช้หม้อดิน เขาจะเอาหญ้ามามัดขดเป็นวงกลมๆ สำหรับเอาหม้อวางไว้ จะได้ไม่แตก ไม่หก ไม่ล้ม ไฟไหม้ไปติดเสวียนหญ้าแล้วลมตีลอยขึ้นไป ปรากฏว่าอีกาตัวหนึ่งบินผ่านมา ถูกเสวียนหญ้าสวมเข้าพอดีเลย จึงโดนไฟไหม้ร่วงลงมาตาย

พระท่านก็แปลกใจว่า "เออหนอ..ขนาดอยู่บนอากาศอย่างนั้นยังโดนไฟไหม้ร่วงลงมาตายได้ จะต้องมีอะไรที่เป็นเบื้องหลังชนิดที่คิดไม่ถึงแน่นอน จำเราจะต้องไปถามพระพุทธเจ้าดู" ฉันเสร็จแล้วก็ลาญาติโยมเดินทางต่อไป

อีกคณะหนึ่งมาทาง ทะเล อาศัยเรือเขามา ปรากฏว่าเรือที่กำลังแล่นอยู่กลางทะเล ทั้งๆ ที่ลมส่งก็แรงดีแต่เรือไม่ไป ติดอยู่เหมือนกับว่าทิ้งสมอไว้อย่างนั้น แก้ไขอย่างไรก็ไปไม่ได้ นายเรือก็เลยคิดว่า คนกาลกิณี จะต้องเกิดขึ้นแล้วในสถานที่ของเรา จึงทำฉลากให้จับ ปรากฏว่าไปเจอะเอาเมียสาวสวยเช้งของนายเรือพอดี ให้จับใหม่ถึงสามครั้ง ปรากฏว่าจะจับก่อน จับหลัง จับตรงกลาง ก็ได้คนเดียวกันนั่นแหละ นายเรือก็เลยตัดสินใจ เพื่อให้คนทั้งหลายอยู่รอดจำต้องสละภรรยาตัวเอง เลยจับภรรยาโยนน้ำไปเสีย เรือก็แล่นต่อไปได้ พระที่ติดเรือไปด้วยก็คิดว่า "นางทำกรรมอะไรเห็นปานนี้หนอ ต้องมาถูกทิ้งกลางทะเล จำเราต้องไปถามพระพุทธเจ้าดู"

ส่วนอีกคณะมาทางป่าและเขา พอค่ำลงก็มาขอพักที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นวัดป่ามีถ้ำใหญ่อยู่ พระเจ้าถิ่นก็จัดที่นอนให้กันอยู่ในถ้ำ ท่านมาด้วยกันเจ็ดรูป ปรากฏว่าขณะที่นอนกันอยู่ มีก้อนหินใหญ่ ท่านใช้คำว่า "ใหญ่เท่าเรือนยอด" เรือนยอดนี่หมายถึงกุฏิประเภทมณฑปมียอดของสมัยนี้ หินใหญ่เท่าเรือนยอดกลิ้งตกจากเขามาอุดปากถ้ำไว้พอดี พอตอนเช้าพระเจ้าถิ่นเห็นเข้าก็ตกใจ รีบเกณฑ์ชาวบ้านมาช่วยกันงัด ช่วยกันแงะ อย่างไรก็ไม่ออก พระท่านก็อดอาหารอยู่ข้างในนั้น พอถึงวันที่เจ็ดปรากฏว่าหินใหญ่นั้นกลิ้งออกไปเฉยๆ ไม่ต้องให้ใครทำอะไรเลย พระทั้งเจ็ดรูปก็หิวโซออกมา จนกระทั่งชาวบ้านเลี้ยงกินอิ่มหนำมีเรี่ยวมีแรงดีแล้ว ก็คิดว่า "เออหนอ..พวกเราทำกรรมอะไรมาหนักขนาดนี้หนอ ถึงต้องมาอดข้าวอดน้ำตั้งเจ็ดวัน จำเราจะไปทูลถามพระพุทธเจ้าดู.."


พอไปถึงพระเชตวันมหาวิหาร ต่างคนต่างกราบปฏิสันถารเรียบร้อยแล้ว ท่านก็ทูลถามว่าเกิดอะไรขึ้น พวกกรรมต่าง ๆ อย่างนี้ถึงได้มีอยู่ พระพุทธเจ้าท่านตรัสว่า อีกาตัวนั้นสมัยหนึ่งเป็นชาวนา วัวของแกดื้อมาก ทำอย่างไรก็ไม่ยอมไถนา แกเลยเอาฟางมาม้วนพันคอวัวไว้ แล้วจุดไฟเผา วัวทนไม่ไหวก็ตาย แกต้องตายเพราะไฟตามกรรมที่สร้างไว้มาตลอด ๕๐๐ ชาติ

รายที่เป็นภรรยาของนายเรือนั่น หลายชาติที่แล้วเป็นภรรยาของนายพราน คราวนี้สามีตาย ตัวเองก็อยู่กับหมา หมาพรานเป็นนักล่าอยู่แล้ว ไปไหนก็ไปด้วย คนก็พูดแซวไปเรื่อยเปื่อยว่า พรานผู้หญิงเขามาแล้ว เดี๋ยวล่าสัตว์ได้เราจะขอแบ่งไปกินบ้าง แซวกันไปแซวกันมา พอหลายวันเข้าพรานหญิงก็อาย เลยใช้วิธีจับหมาแล้วเอาหม้อผูกคอ เอาทรายใส่แล้วผลักลงน้ำ หมาก็จมน้ำตาย

พระพุทธเจ้าก็บอกว่าหมาตัวนั้นในอดีตชาติเคยเป็นสามีของผู้หญิงคนนั้น คราวนี้พอเกิดมาเป็นหมาแล้วจำได้ คอยติดสอยห้อยตามไม่ห่าง ใครเข้าใกล้มาก็คอยป้องกัน ทำด้วยความรักความผูกพันจากอดีตชาติมา แต่ผู้หญิงเขาโดนแซวอยู่บ่อย ๆ ทนไม่ไหว จึงจับถ่วงน้ำไปเลย ชาตินี้กรรมก็เลยพาให้ตัวเองต้องชดใช้บ้าง เรือวิ่งอยู่กลางทะเลแท้ ๆ ไปไหนไม่ได้ ต้องจับฉลากว่าใครเป็นตัวกาลกิณีที่ทำให้เกิดเหตุนี้ แกก็จับได้ทั้งสามครั้ง นี่เป็นกรรมจากอดีตมา

ส่วนพระอีกเจ็ดรูปที่ไปติดอยู่ในถ้ำ พระพุทธเจ้าตรัสว่าหลายอัตภาพที่แล้วมา เกิดเป็นเด็กเจ็ดคนมีหน้าที่ต้อนวัวไปเลี้ยง ถึงเวลาก็ตามประสาเด็ก มีหนังสติ๊กก็ไล่ยิงนกตกปลาของตัวเองไปเรื่อย ไปเจอตัวใหญ่เข้า คิดว่าจะกินก็ไล่ต้อน ไม่มีทางหนีก็ผลุบเข้าไปรูที่จอมปลวก พวกนี้เห็นว่าค่ำแล้วไม่สามารถที่จะขุดเอาออกมาได้ในวันนี้ ก็หาไม้มาอุดรูเอาไว้ เสร็จแล้วก็กลับบ้านไป คราวนี้วันต่อมาลืมว่าตัวเองขังเอาไว้ ก็ต้อนวัวไปหากินทางอื่น ต้อนไปต้อนมา พอวันที่เจ็ดย้อนกลับมาทางเดิมพอดี เห็นจอมปลวกนึกได้ ก็รีบไปดึงไม้ที่อุดอยู่ออกมา ปรากฏว่าคลานออกมาผอมโหลเหล จะตายแหล่ไม่ตายแหล่ เลยหมดความน่ากินเพราะอดมาเจ็ดวันแล้ว ไม่อ้วนเหมือนเดิมแล้ว ก็เลยปล่อยไป โทษที่ตัวเองขังเขาไว้เจ็ดวันไม่ได้กินอะไร ชาตินี้เลยเป็นเหตุให้ไปติดอยู่ในถ้ำเสียเจ็ดวัน ต้องอดข้าวอดน้ำเหมือนกัน

พอพระทั้งหมดได้ยินก็เกิดสลดใจว่า เออหนอ... คนเราทำกรรมขึ้นมาแล้ว ถึงจะบินอยู่บนฟ้า ลอยอยู่กลางทะเลก็ดี หลบซ่อนอยู่ในถ้ำก็ดี ไม่สามารถที่จะหนีกรรมนั้นได้เลย เกิดสลดใจขึ้นมา พระพุทธเจ้าท่านเลยเทศน์สงเคราะห์จนกลายเป็นพระอริยเจ้า คือท่านแสดงให้เห็นชัด ๆ ว่า ไม่ว่าคุณไปทำอะไรไว้ก็ตาม ถึงเวลาผลลัพธ์นั้นจะเกิดขึ้นกับตัวเองแน่นอน เป็นอย่างไร ? ฟังแล้วสยองไหม ?


สนทนากับพระอาจารย์เล็ก สุธมฺมปญฺโญ
ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ เดือนมิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๔๕
__________________
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 08, 2014, 11:53:35 AM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #148 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2013, 10:17:41 AM »




บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #149 เมื่อ: มิถุนายน 25, 2013, 10:18:35 AM »



บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: