Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: [1] 2 3 ... 11   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มุมสุขภาพ แบ่งปันเรื่องความรู้ทั่วไป  (อ่าน 21383 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 02:25:54 PM »

                                         
                       

ปกติดิฉันพิมพ์ไม่เก่งเลย  แต่จากเหตุการณ์ที่ดิฉันได้รับกำลังใจ และความช่วยเหลือในการผ่าตัดลูกจนปลอดภัย
จากคุณพอล และสมาชิกในเวปที่ดิฉันจำท่านได้  เพียงแต่เอ่ยชื่อได้ไม่หมด

ดิฉันได้ตั้งใจไว้ว่า จะขอเอาเรื่องนี้มาบอกเล่า พอให้ได้เป็นความรู้แก่คนเป็นพ่อแม่
เพื่อจะได้ดูแลลูกหลานของเราให้ดีที่สุด 



หากพอจะมีประโยชน์หรือเกิดผลบุญอะไรบ้าง...  ขออุทิศให้แก่ทุกท่านและครอบครัวนะคะ
  Cheesy

บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 02:29:33 PM »

ดิฉันขอเล่าเรื่องราวในเวลาที่ยากลำบากนั้นให้ฟัง
เผื่อจะเป็นประโยชน์ตอบแทนทุกท่านได้บ้างค่ะ

                            เล่าเรื่องจากห้องผ่าตัด

"โรคไส้เลื่อนในเด็กเล็ก? ชะตาชีวิตของลูก อยู่ในมือของพ่อแม่จริงๆ  เพราะถ้าบังเอิญพ่อแม่ไม่รู้ว่าลูกเป็นโรคนี้ 
วันหนึ่งหากลูกเกิดอาการไส้เลื่อนอุดตัน จากสำไส้เลื่อนลงไปแล้วติดค้าง  ชีวิตของลูกจะมีเวลาเพียง 2-4 ชั่วโมงเท่านั้น


ดิฉันมีลูกหลายคน เพราะคนโตๆแกไม่เคยมีอาการโรคนี้ให้ดิฉันนึกถึง  วันหนึ่งเมื่อพบว่าลูกคนสุดท้องเป็นโรคไส้เลื่อน  ทุกอย่างจึงดูฉุกเฉินไปหมด

เริ่มจากวันหนึ่ง ดิฉันอาบน้ำลูก และวันนั้นให้พี่เลี้ยงลูกมาช่วยหลอกล่อจับให้แกอยู่นิ่งๆ เพราะแม่จะตัดผมให้หนูอีก (ลูกอายุ 1 ขวบเกือบ 2เดือน ดิฉันยังไม่อยากให้ช่างที่ร้านตัดผมแก ) แต่วันนี้ลูกหงุดหงิดร้องงอแงมากหน่อย ซึ่งปกติแกเป็นเด็กยิ้มแฉ่ง อารมณ์ดีตลอดเวลา  เป็นจังหวะที่พี่เลี้ยงเป็นคนจับลูกยืน
ทำให้แม่เริ่มมองเห็นว่า เวลาแกร้องอื้อ..ๆ?  ที่ขาหนีบด้านขวาของลูก ทำไมมันโป่งออกมา? !  แม่ลองเอามือจับดูเบาๆรู้สึกว่ามันเป็นก้อนแข็งหน่อย 
จากคืนนั้น ดิฉันรีบไปกวาดหนังสือคู่มือแม่ทั้งตู้มาเปิดอ่าน  เป๊ะเลย? อาการเหมือนโรคไส้เลื่อนที่ขาหนีบ  ที่ตกใจมากที่สุดคือ ทุกตำราพูดตรงกันว่า การรักษามีวิธีเดียวคือ ?ผ่าตัด? คืนนั้นแม่นอนไม่หลับเลย ?


ในชีวิตคนเราแต่ละคนจะเคยผ่าตัดกันกี่ครั้ง  ตัวดิฉันเองผ่าคลอดลูกมาหลายครั้ง ถึงมันจะเป็นการผ่าตัดใหญ่  แต่มันผ่าตัวเรา? ไม่ใช่ผ่าลูกอายุเพิ่งจะ 1 ขวบ ที่เพิ่งจะหัดเดินเตาะแตะ? วันๆยิ้มแฉ่ง ไม่รู้เดียงสาขนาดนี้
ดิฉันต้องเร่งหยิบตำราต่างๆมานั่งอ่านทั้งวันทั้งคืน  เรารีบพาลูกไปพบหมอ 4 ?5 ความเห็น จาก 3-4 โรงพยาบาล  โทรหาญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง หมอ พยาบาลที่รู้จัก  รวมถึงนั่งหาข้อมูลจากในอินเตอร์เน็ต (ซึ่งความจริงตัวเองเป็นคน Low tech มากๆ   ที่พิมพ์ดีดอยู่นี่ก็ช้าสุดๆ )

    ซึ่งต่อไปนี้จะ เป็นความรู้เรื่อง ?โรคไส้เลื่อนในเด็ก? ที่ดิฉันขอแบ่งปันให้คนเป็นพ่อแม่ได้ทราบด้วยกัน?

                           

โรคนี้มักเกิดในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง  ลูกชายเราตอนอยู่ในท้องแม่ เมื่อถึงเดือนใกล้คลอดลูกอัณฑะเดิมจะอยู่ในช่องท้องลูก มันจะค่อยๆเคลื่อนลงมาทางขาหนีบแล้วลงไปอยู่ในถุงอัณฑะ  และในระหว่างเคลื่อนตัวลงมามันจะดึงถุง (ลักษณะเป็นเนื้อเยื้อบางๆ ใสๆ แต่ยืดหยุ่นได้เยอะ ซึ่งดิฉันได้มาเห็นหลังผ่าตัดลูกเสร็จแล้วคุณหมอเอาออกมาให้ดู)  ถุงที่ยืดตามลูกอัณฑะมานี้ ปกติแล้วควรจะปิดไปเอง  แต่ในเด็กบางคนที่มันไม่ปิด หรือปิดไม่สนิท จะทำให้เกิดเป็นช่องว่างขึ้น  ซึ่งช่องนี้ จังหวะใดที่เด็กออกแรงเบ่งมาก เช่น เด็กที่เบ่งอึเพราะท้องผูกบ่อยๆ หรือเบ่งร้องไห้ ฯลฯ  มันจะดันลำไส้ในช่องท้องให้ตกลงมาตุงอยู่ที่ขาหนีบ หรือตกลงมาตุงอยู่ในถุงอัณฑะ  แบบนี้เรียก ?โรคไส้เลื่อน? ? 

ยังค่ะ?  โรคไส้เลื่อนเองยังไม่อันตรายฉุกเฉินถึงชีวิตเท่าไหร่  เพราะลำไส้มันเลื่อนตกลงมา  เดี๋ยวมันก็ขยับคืนขึ้นไปอยู่ในช่องท้องได้  และถ้าช่องเปิดอันนี้มันรูไม่ใหญ่มาก  สิ่งที่ตกลงมาเล็กๆอาจเป็นแค่ถุงน้ำรอบๆลำไส้ ไม่ใช่ลำไส้    ซึ่งมี 1 ในคุณหมอจากคุณหมอหลายๆท่านที่ดิฉันพาลูกไปตรวจบอกว่า  ถ้าเป็นแค่ถุงน้ำนี้ แปลว่าอาจเป็นแค่รูเล็ก อาจรอดูอาการลูกไปก่อนถึงสัก 2 ขวบ ยังไม่ต้องผ่าตัดก็ได้? (ถูกใจพ่อแม่แน่นอน  ไม่มีใครอยากพาลูกเล็กขนาดนี้เข้าผ่าตัด)
บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 02:30:55 PM »

ฟังจากคุณหมอท่านนั้น  ทีแรกดิฉันก็ดีใจว่าเราอาจไม่ต้องพาลูกผ่าตัด  หรืออย่างน้อยก็เหมือนอยากจะซื้อเวลาให้ลูกโตแบบพูดได้ก่อน ค่อยพาแกผ่า?  
 
แต่จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ค่ะ   ทั้งในหนังสือทุกเล่ม  และคุณหมออีกหลายท่านให้ความรู้มาว่า  ถ้าเรารู้ว่าลูกเป็น โรคไส้เลื่อน แล้วยังรีรอไม่พาลูกผ่าตัดเพื่อรักษา  อันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้คือ  วันใดโชคร้ายขึ้นมา จังหวะที่ลำไส้มันเลื่อนลงไป แล้วมันเกิดติดค้างอยู่ไม่กลับขึ้นมา  จากการผ่าตัดรักษาไส้เลื่อนที่คุณหมอศัลยกรรมเด็กบอกว่าเป็นการผ่าตัดเล็ก  จะกลายเป็นการผ่าตัดใหญ่และฉุกเฉินที่ภาษาหมอเรียกว่า EMERGENCY ทันที?

คุณหมอท่านหนึ่งอธิบายเราว่าถ้าหมอพบเด็กคลอดมาแค่ 1 วัน ว่าเป็นไส้เลื่อน ให้ผ่าตัดรักษาไส้เลื่อนทันที ก่อนจะให้เด็กกลับบ้านไป คุณหมอท่านนี้บอกว่า ไส้เลื่อน ทางการแพทย์ เรียกการรักษาว่าต้องทำ URGENT  แต่ผ่าตัดสำไส้อุดตัน ภาษาหมอเรียกการรักษาว่า ฉุกเฉิน กลายเป็นเคส EMERGENCY

ถ้าวันใดสำไส้ติดค้าง และมันกดทับกัน  ลูกจะเจ็บปวดมาก อาการของลูกคือ   จะร้องไห้จ้าปวดท้องอย่างกระทันหัน ลูกจะร้องจ้า แล้วหยุด แล้วร้องจ้าอีก ตามจังหวะการบีบตัวของลำไส้ที่มันเกิดทางตันขึ้นมา ร้องอยู่อย่างนั้นเป็นชั่วโมง   เลือดก็จะเดินไม่ได้ ภายใน 2-4 ชั่วโมง  ถ้าพ่อแม่พาไปถึง รพ. ไม่ทัน ลำไส้ลูกก็จะเน่า?  เนื้อเน่าเกิดเป็นรู มีเลือดออกในลำไส้  การรักษาจะกลายเป็นการผ่าตัดใหญ่ที่ต้องตัดลำไส้เน่าทิ้ง แน่นอน?เป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงชีวิตลูกมากขึ้น?

ถ้าพ่อแม่พาลูกไปถึง รพ. ทันก่อนสำไส้จะเน่า การรักษาหมอจะสวนแป้งเข้าไปทางรูทวารลูก เพื่อ x-ray ดูสำไส้  ซึ่งบางครั้งลำไส้ลูกก็จะหลุดออกมาจากขั้นตอนนี้  

คิดดูสิคะ...  แล้วถ้าพ่อแม่เกิดติดธุระอยู่นอกบ้าน  หรือเลือกไปโรงพยาบาลไม่ถูก (ควรเป็น รพ.ที่มีหมอศัลยกรรมเด็ก)
หรือแม้แต่เห็นลูกร้องไห้จ้า พอปลอบๆแล้วลูกก็หยุดร้อง  เดี๋ยวก็ร้องขึ้นมาอีก พ่อแม่เกิดไม่ทันได้นึกถึงโรคนี้จริงๆ  รอให้ถึงเช้าก่อนค่อยพาไปรพ. ลูกจะเป็นยังไง...

มีหนังสือเล่มหนึ่งเขียนให้ความรู้ไว้ดีมาก สมัยนี้เราเลี้ยงลูกให้ใส่แพมเพิสกันมาก
"ที่จริงเรื่องที่คุณแม่ควรทำทุกครั้งที่เห็นลูกร้องไห้จ้ากระทันหันคือ ตรวจดูที่ขาหนีบ หรืออัณฑะของลูก
ว่าโป่งบวมออกมาไหม?"

จะได้รักษาช่วยชีวิตลูกได้ทันถ่วงทีนะคะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2009, 04:40:01 PM โดย NN » บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 02:37:35 PM »

         อีกประมาณ 2สัปดาห์ คุณพ่อแกต้องไปดูงานต่างประเทศยาวอีกแล้ว  เราเร่งรีบพาลูกหาหมอเพื่อวินิจฉัยว่าลูกเป็น โรคไส้เลื่อน แน่ไหม  และจำเป็นต้องผ่าตัดโดยด่วนหรือเปล่า?   สรุปจากความเห็นคุณหมอประจำตัวลูก 2 ท่าน 2 รพ. และจากความเห็นของ กุมารศัลยแพทย์ อีก 2 ท่าน อีก 2 รพ.
3 ท่าน บอกว่า ใช่? ควรผ่าตัดลูกโดยเร็ว

เราซักถามหลายคุณหมอถึง วิธีการผ่าตัด หมอบอกเป็นการผ่าตัดเพียงแถวผนังท้อง ไม่ได้ผ่าลึกเข้าไปในช่องท้อง  ผ่าเข้าไปเพื่อเย็บปิดช่องที่มันเปิดอยู่ไม่ให้ไส้เลื่อนตกลงไปอีก  แผลผ่าประมาณ 2 ซม. และหมอแนะนำให้ผ่าทีเดียวทั้ง 2 ข้างเลย เพื่อป้องกันอีกข้างตกลงมาอีก


  

ฟังดูแล้วแม่ที่เคยผ่าตัดใหญ่อย่างเราเป็นห่วงเรื่องการผ่าตัดน้อยลงหน่อย?  แต่จุดสำคัญกลายเป็นเรื่องที่แม้แต่การผ่าตัดใหญ่ของเราก็ไม่เคยทำ คือ
การวางยาสลบลูก?

ผลเสียหรือผลข้างเคียง ของการวางยาสลบลูกเท่าที่เราพยายามหาข้อมูลมา  มีตั้งแต่?   ลูกอาจแพ้ยา จะมีอาการแสดงออกทางผิวหนัง  การเต้นของหัวใจ และการหายใจ?  พูดง่ายๆคือ ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นในห้องผ่าตัดขณะดมยาสลบลูก แล้วคุณหมอดมยาช่วยลูกไม่ทัน  ลูกอาจเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ  หรือแม้แต่ลูกไม่ตาย? แต่หลับไม่ฟื้นตลอดชีวิต เพราะสมองขาดอากาศ

ทุกอย่างคุณหมออธิบายเพราะเราถาม และทุกท่านก็บอกว่าโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่างๆมีน้อยมาก ? แต่ก็นั่นแหละค่ะ  ทางพ่อแม่ทุกคนก็คงอดลองคิดไม่ได้ ถ้าเผื่อโชคร้ายมันเกิดกับลูกเราจริงๆ จะทำอย่างไร?
ถ้าแม่อุ้มลูกไปส่งไปหมอผ่าตัดกับมือแม่เอง?  แล้วหนูไม่คืนกลับมาหาแม่อีก?         Huh?Huh???..


เป็นธรรมดาที่คุณหมอโดยทั่วไปคงอึดอัด ไม่อยากรับรักษาลูกที่พ่อแม่ถามมากๆ  ถ้าดิฉันพูดได้ ก็อยากจะบอกคุณหมอทุกท่านว่า  วิธีคลายกังวลพ่อแม่ เพื่อที่จะประคองจิตใจให้เข้มแข็งพอที่จะอุ้มลูกส่งให้มือคุณหมอ พ่อแม่แต่ละคนก็คงจะมีวิธีไม่เหมือนกัน  สำหรับเรา เราเพียงขอทราบว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกได้บ้าง แล้วคุณหมอจะช่วยชีวิตลูกเราอย่างไร  แล้วคุณหมอคุ้นเคยกับทีมผ่าตัดไหม  เครื่องมือช่วยชีวิตที่โรงพยาบาลมีพร้อมใช่ไหม ?

เท่านี้เอง?  เท่านี้เองที่พ่อกับแม่ขอทำเพื่อลูกให้ดีที่สุด?  ไม่มีเจตนาจะคาดโทษหรือตามฟ้องร้องอะไรใครเลย?

ก่อนถึงวันผ่าตัดลูก ข้อมูลที่เราหาได้ยากที่สุดคือ เรื่องการวางยาสลบลูก?
จนกระทั่งคุณพอลได้แนะนำให้ดิฉันโทรสอบถามที่โรงพยาบาลเด็ก? ดิฉันยอมรับว่า ผิดคาดเหลือเกิน ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้รับคำอธิบายจาก คุณหมอดมยาเด็กโดยตรงอย่างดีแบบนี้ จากรพ.ของรัฐ  เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมา
จากนั้นก็ คำอธิบายจากคุณหมอ richyrichy   ช่างเป็นประโยชน์กับเรามากๆ
การที่ดิฉันได้รับรู้เข้าใจขั้นตอนต่างๆที่เขาจะทำกับลูก มันทำให้เรามีแรงมากขึ้นจริงๆ

จากนั้นเราก็ไม่กลัวที่จะขอพบ และขอคุยกับคุณหมอดมยาที่จะมา ช่วยทำการผ่าตัดให้ลูกเรา

คุณหมอ richyrichy คะ  ดิฉันเข้าใจ วิสัญญีแพทย์ อย่างลึกซึ้ง? ก็วันนี้แหล่ะค่ะ  คุณหมอผ่าตัดก็มี หน้าที่ผ่าตัดรักษาอาการของคนไข้ไป อันนี้สำคัญยังไงคนไข้ทราบ?  แต่สิ่งสำคัญที่ต้องใช้ความสามารถทำให้สมดุลระหว่างระงับความเจ็บปวดที่คนไข้ต้องเจอจากการผ่าตัด และต้องควบคุมการให้ยาสลบหรือยาชาในจุดที่สมดุลไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้มากที่สุด  ตลอดจนหากเกิดเหตุฉุกเฉินสุดวิสัยกับคนไข้  ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ  ความดัน  แม่แต่การเต้นของหัวใจ? สัญญานชีวิตสุดท้ายของคนเรา  ล้วนอยู่ในมือของ หมอดมยาทั้งนั้น?  
พอผ่าตัดจบ มีผู้คนกี่คนกัน?  ที่รู้จักหรือจดจำชื่อ... ยกกระเช้าไปขอบคุณ หมอดมยา?.   ??
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2009, 04:41:54 PM โดย NN » บันทึกการเข้า
mvb
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4457


« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 02:40:41 PM »

แวะมาจองที่ครับ เด่วจะมาอ่านนะครับ  Grin
บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #5 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 03:26:54 PM »

นับถอยหลังจนถึงวันก่อนผ่าตัดลูก  ทุกชั่วโมงทุกนาทีที่พ่อแม่มองหน้าลูกแล้วสบตากันตลอด....

ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ที่เราเพียรสร้างเพียรหามา  แม้แต่ตัวเรา?  จะอยู่ยังไง?   
(ยอมรับนะคะ  ว่าจิตใจสั่นตลอดเวลา  ท้องไส้ปั่นป่วนตลอดวัน )

ในเช้าวันผ่าตัด  ดิฉันรวบรวมสติมากที่สุด  พอไปถึงรพ. ดิฉันอึ้งมากเมื่อเห็นอีกครอบครัวหนึ่ง  อุ้มลูกชายวัย 2 เดือน รอผ่าตัดไส้เลื่อนต่อจากเรา?.!

พอได้พูดคุยกับคุณแม่ท่านนั้น จึงได้ความว่า เธอมาจากระยอง?!?  ลูกของเธอร้องไห้จ้าเมื่อวาน เพราะไส้เลื่อนติดค้าง พาไปหาหมอในจังหวัดแล้ว คุณหมอดันลำไส้กลับเข้าไม่ได้ แนะนำให้พาลูกผ่าตัดด่วน?!  เธอเลยรีบพาลูกเข้ากรุงเทพมาที่ บำรุงราษฎร์  ระหว่างนี้ลำไส้ลูกเธอโชคดีที่มันกลับเข้าที่  แต่เมื่อพบหมอ หมอแนะให้รีบผ่าตัดทันทีเช่นกัน

ค่าผ่าตัด ไส้เลื่อนในเด็ก ที่รพ.เด็ก ราคาประมาณ 6,000 กว่าบาท
รพ.สมิติเวช  ประมาณ 40,000 ? 60,000 บาท
รพ.บำรุงราษฎร์  ประมาณ 70,000 ? 80,000 บาท
คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายลองพิจารณากันดูค่ะ  ว่าถ้าเป็นเราจะเลือกแบบไหน?

                 

บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #6 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 03:53:47 PM »

ถึงเวลาผ่าตัด  เราได้ขอพูดคุยกับคุณหมอทั้ง 2 ท่าน เราให้ข้อมูลลูกมากที่สุด  ดูเหมือนคุณหมอทั้ง 2ท่าน ก็เข้าใจเรา คุณหมอผ่าตัดแนะนำสิ่งหนึ่งซึ่ง มหัศจรรย์มาก  คือแกแนะนำว่า พอผ่าตัดลูกเสร็จใหม่ๆ ลูกจะยังไม่เจ็บแผลเพราะยังมียาชาที่ฉีกให้อยู่  แต่ถ้าลูกฟื้นกินน้ำกินนมได้แล้ว ให้ป้อนยาแก้ปวดลูกไว้เลย  เพื่อสมองลูกจะได้ไม่จดจำความรู้สึกเจ็บปวดที่แผลผ่าตัด 
          คุณหมอยกตัวอย่างเคส คนไข้ที่เป็นบาดเจ็บมากที่แขน เจ็บปวดสาหัสมาก  พอหมอตัดแขนออกไปแล้ว คนไข้ก็ยังรู้สึกเจ็บปวดมากที่แผลที่แขนอยู่ ทั้งๆที่ความจริงไม่มีแขนแล้ว  นั่นเป็นเพราะ สมอง มันจดจำความรู้สึกสาหัสนั้นไว้แล้ว?

แล้วสมองของลูกดิฉันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ?  คุณหมอ richyrichy คะ โชคไม่ค่อยดี รพ.ที่ดิฉันพาลูกผ่าตัด ไม่มีขั้นตอนแรกที่ว่า ให้เด็กดื่มน้ำหวาน หรือเป่าลูกโป่ง ปนยานอนหลับ หรือยาอะไรนะคะ? ที่จะช่วยทำให้ลูกสงบไม่ตื่นตกใจเมื่อเข้าไปในห้องผ่าตัด แล้วต้องแยกจากแม่

พยาบาลให้ดิฉันอุ้มลูกไปถึงที่ห้องผ่าตัดจริงๆ  แล้วคุณหมอดมยา ก็เอาหน้ากากมาครอบหน้าแกเลย  ลูกตกใจร้องไห้ดิ้นถีบแขนแม่จะหลุดมือ พยาบาล 2-3 คนก็เลยเข้ามาช่วยกันยึดจับแขน จับหัวลูกให้หน้ากากครอบไว้ ?  นับ 1 ไม่ถึง 10 ?  ลูกก็สลบไปทั้งร้องไห้อย่างนั้น?.  แล้วเขาก็ช่วยกันวางลูกลงบนเตียง  ดิฉันก็ถูกต้อนให้รีบออกจากห้องผ่าตัดมา?

ดิฉันรู้สึกเสียใจนิดๆ ที่ไม่ได้กอดลูกไว้ให้กระชับเพื่อไม่ให้ลูกตกใจ  ที่ได้ทำมีแค่ดิฉันร้องเพลงกล่อมนอนที่แกคุ้นเคยตลอดเวลาที่แกดิ้นก่อนจะสลบไปเท่านั้น?
บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #7 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 04:26:48 PM »

สักครู่คุณแม่ของลูกวัย 2 เดือนอุ้มลูกเข้ามารอคิวผ่าตัดต่อ  เราจึงเริ่มคุยกัน  ดิฉันรีบบอกเธอว่า  เวลาเขาให้เข้าไปส่งลูกในห้องผ่าตัดอุ้มลูกในอ้อมแขนไว้ให้กระชับจนกว่าลูกจะสลบไปนะคะ  เธอขอบคุณแล้วก็น้ำตาไหลพรากกันทั้งสามีและภรรยา (ดิฉันก็ต้องรีบหลบมาร้องไห้อีกมุมหนึ่ง)

                          

1 ชั่วโมงของการผ่าตัด สิ้นสุดลง ?.  การผ่าตัดลูกปลอดภัย?   พยาบาลเข็นเตียงลูกออกมาครู่เดียวลูกก็ตื่น เราโล่งหัวใจไปกว่าครึ่ง เหลือเพียงเฝ้าสังเกตุอาการลูกหลังตื่นว่าแกปกติดีไหม  แล้วสัก 2 ชั่วโมงคุณหมอก็จะให้กลับบ้านได้

แต่ลูกดิฉันพอแกตื่นขึ้นมา แกเริ่มต้นร้องไห้โยเยเขย่าหัวใจแม่อยู่นานเกือบ 1 ชั่วโมง   แม่จะอุ้มหนูก็แล้วจะวางหนูจะร้องเพลงกล่อม  หรือเอาของเล่นชิ้นโปรดที่เตรียมมาให้  แกก็โยเยไม่หยุดเลย จนพยาบาลต้องช่วยกันเข้ามาปลอบ   เราตึงเครียดกันอยู่นาน  กลัวลูกจะเจ็บแผล  สุดท้ายแกคงหมดแรงจึงหลับไปนานอีก 1 ชั่วโมง  
คราวนี้พอตื่นขึ้นมา แกหยุดร้องไห้โยเยเป็นปลิดทิ้ง  ดูดนมรวดเดียวหมดขวด
พ่อกับแม่จึงโล่งอกได้?  แล้วค่อยๆ พาลูกกลับบ้าน?

เช้าวันรุ่งขึ้น ดิฉันได้โทรคุยถามไถ่อาการลูกของคุณแม่ลูก 2 เดือน (เราได้แลกเบอร์โทรกันไว้)  ถึงได้ทราบว่า ลูกของเธอตอนออกจากห้องผ่าตัดมา ก็หลับต่อ?  พอตื่นมาก็ไม่ร้องโยเยเลย  กินนมได้ ยิ้มได้ตามปกติ  

ทีนี้นึกออกหรือยังคะ ว่าทำไมลูกออกจากห้องผ่าตัดมาจึงดูสงบ?ไม่เหมือนกัน

ดิฉันถึงบางอ้อเลย    ที่บอกสิ่งมหัศจรรย์ของสมองก็คือ  คุณแม่ของลูกน้อย 2 เดือนเธอได้กอดลูกกระชับไว้ในอก จนคุณหมอครอบหน้ากากดมยาลูกจนสลบ?  ลูกน้อยของเธอไม่ตกใจ  การผ่าตัดดำเนินไปนาน 1 ชั่วโมง พอลูกเธอฟื้นขึ้นมาจึงเป็นปกติดี?  ส่วนลูกของดิฉันสลบไปพร้อมกับสมองที่จดจำว่าตกใจ?  จึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความตกใจอยู่อีกนานถึง 1 ชั่วโมง?  สงสารลูกจับใจ?

แต่สุดท้ายเรื่องใหญ่ก็ผ่านพ้นชีวิต ครอบครัวเราไปได้?  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ตุลาคม 14, 2009, 04:31:53 PM โดย NN » บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #8 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 04:58:19 PM »



คุณพอลคะ  ดิฉันได้เขียนบอกเล่าเรื่องราวจากห้องผ่าตัด  และแบ่งปันความรู้ของโรคนี้ไว้ตรงนี้แล้ว (ถ้าเป็นคนอื่นอาจพิมพ์สัก 1 ชม.  แต่ดิฉันจิ้มอยู่นานเกือบทั้งวัน )  ขอบคุณที่มีเวปของคุณพอลให้ได้แบ่งปันนะคะ
                                     

ได้ทำสิ่งที่ตั้งใจแล้ว  อิ่มใจจริงๆ..   Cheesy
อย่าลืมนะคะคุณพ่อคุณแม่สมัยใหม่ ที่เราใส่แพมเพิสให้ลูกเกือบทั้งวัน

หมั่นตรวจดูตรงขาหนีบ หรือตรงถุงอัณฑะของลูกด้วยนะคะ  โรคนี้ชะตาชีวิตลูกอยู่ในมือของพ่อแม่จริงๆ

หวังให้ข้อความนี้เป็นประโยชน์กับเพื่อนสมาชิกได้บ้างนะคะ   Cheesy  Cheesy  Cheesy


บันทึกการเข้า
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #9 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 05:11:34 PM »

วันนั้น ต้องขอขอบคุณคุณ mvb มากเลยนะคะ ที่แนะนำให้ติดต่อเจอคุณหมอ richyrichy

ใจจริงอยากเอ่ยชื่อทุกท่านที่อุตส่าห์มีข้อความให้สติ และกำลังใจ

แต่คงเอ่ยได้ไม่หมด ได้แอบบันทึกไว้ในใจแล้วนะคะ

วันนี้ ฝืนสังขาร พิมพ์อยู่ทั้งวัน  ตาลาย..เลย..ย..    Cheesy



บันทึกการเข้า
mvb
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4457


« ตอบ #10 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 05:12:23 PM »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชีวิตนี้ครับ ได้ประโยชน์มากมายจริงๆ ครับ จะคอยดูแลลูกครับ 2 ขวบครึ่งแล้ว ยังใส่ แพมเพิสอยู่เลยครับ พ่อกับแม่ ไม่พยายามฝึกลูกอย่างจริงจังสักที ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มครับ ประสบการณ์พี่ NN ทำให้ผมเข้าถึงความรู้สึกของลูกเพิ่มขึ้นจริงๆ ครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ Smiley
บันทึกการเข้า
mvb
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4457


« ตอบ #11 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 05:14:14 PM »

วันนั้น ต้องขอขอบคุณคุณ mvb มากเลยนะคะ ที่แนะนำให้ติดต่อเจอคุณหมอ richyrichy

ใจจริงอยากเอ่ยชื่อทุกท่านที่อุตส่าห์มีข้อความให้สติ และกำลังใจ

แต่คงเอ่ยได้ไม่หมด ได้แอบบันทึกไว้ในใจแล้วนะคะ

วันนี้ ฝืนสังขาร พิมพ์อยู่ทั้งวัน  ตาลาย..เลย..ย..    Cheesy





ผมเป็นแค่ 1 ในกำลังใจครับ Wink

พี่ Richy Richy กับพี่พอล ครับ ที่ทำให้ผมและทุกๆ คน ได้สัมผัสความรู้สึกของพี่ ที่มีต่อลูกได้อย่างแท้จริงครับ Smiley
บันทึกการเข้า
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #12 เมื่อ: ตุลาคม 14, 2009, 11:03:11 PM »

 Cry   Cry   Cry
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
NN
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 174



« ตอบ #13 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2009, 09:52:15 AM »

Cry   Cry   Cry

อาคุณ Jeera เป็นอารายจ้ะ...   Huh?
ป้าต้องขอบคุณ PM คุณ Jeera ที่อุตส่าห์ถามไถ่ให้ตั้งแต่ก่อนผ่าตัดลูกด้วยนะคะ  Cheesy

บันทึกการเข้า
Theephat
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2435



« ตอบ #14 เมื่อ: ตุลาคม 15, 2009, 11:00:35 AM »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวชีวิตนี้ครับ ได้ประโยชน์มากมายจริงๆ ครับ จะคอยดูแลลูกครับ 2 ขวบครึ่งแล้ว ยังใส่ แพมเพิสอยู่เลยครับ พ่อกับแม่ ไม่พยายามฝึกลูกอย่างจริงจังสักที ทุกอย่างต้องมีจุดเริ่มครับ ประสบการณ์พี่ NN ทำให้ผมเข้าถึงความรู้สึกของลูกเพิ่มขึ้นจริงๆ ครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ Smiley
คุณเอมมีกะเค้าแล้วเหรอครับเนี่ย Cheesy Cheesy
บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 11   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: