Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: [1]   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: มาตรวจ..ออร่า..ของเรากานเหอะ  (อ่าน 3833 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
nokeang
Moderator
Full Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 720



« เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 07:07:22 PM »

รังสีออร่าในตัวคุณ คือสีของความคิดและอารมณ์จะมีลักษณะเป็นหมอกไหลปรากฏ เป็นหย่อมๆ เห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะและเหนือบ่า

วิธีคิดหารังสีออร่าของตัวคุณ
เพียงคำนวณตามสูตร นำวัน เดือน ปี ค.ศ. ที่เกิด มาบวกกัน

สมมุติว่า เกิดวันที่ 5 เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1960 > ก็นำเลขทั้งหมดมาบวกกันคือ 5 + 5 + 1960 = 1970

จากนั้นก็แยกตัวเลขออกมาบวกกันอีกครั้ง
จะได้เป็น 1 + 9 + 7 + 0 = 17
> ก็นำมาแยกบวกอีกจนกว่าจะได้เลขตัวเดียว ซึ่งก็คือ 1 + 7 = 8

เมื่อได้ผลลัพธ์เป็นเลขตัวเดียว มาดูว่าตัวเลขที่ได้ตรงกับสีพื้นฐานสีอะไร มีความหมายว่าอย่างไร
(แต่ถ้าเลขบวกกันแล้วได้ผลเป็น 11 และ 22 ไม่ต้องแยกบวกอีก เพราะเป็นเลขพิเศษกว่าเลขอื่น)


มาดูกันเถอะว่า ออร่าของคุณสีอะไรเอ่ย อิอิอิ ::-5

1. สีแดง : ผู้นำ
พวกมีสีแดงเป็นสีพื้นฐาน จะมีความกระตือรือร้น เป็นผู้นำ ทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉงและพลังทางเพศ มีเสน่ห์ พูดจาโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้ดี เป็นคนสนุกสนาน โอบอ้อมอารี กล้าหาญ คุณวิ่งไม่เร็ว มองโลกในแง่ดี ชอบการแข่งขัน เป็นสีที่นำมาซึ่งความสำเร็จ คุณควรหาอะไรที่ท้าทายความสามารถทำ ชอบสร้างโครงการท้าทายความสามารถ แต่ต้องพิจารณาให้พอเหมาะสมกับตัวด้วย

ข้อเสีย มักจะขี้กังวล ตื่นตระหนกและอาจหลงตัวเอง รวมทั้งอาจจะบ้างานมากไปจนเครียด ควรรู้จักพักผ่อน และคลายความเครียด

2. สีส้ม/แสด : มนุษยสัมพันธ์ดี
คุณเป็นคนอบอุ่น น่าคบ เข้ากับคนง่าย กระฉับกระเฉงว่องไว มีความสุข เป็นสีที่คอบควบคุมกล้ามเนื้อ แต่มีมากไปจะเย่อหยิ่ง ชอบเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้ใครต่อใคร ชอบช่วยเหลือและ ทำตัวให้เป็นประโยชน์อยู่เสมอ จิตใจสมถะ ชอบปิดทองหลังพระ คุณควรคบกับคนที่มีนิสัยคล้ายคลึงกัน ไม่งั้นคนอื่นจะเอาเปรียบคุณ

ข้อเสีย ขี้เกียจ ใจน้อย มักถูกคนอื่นเอาเปรียบ

3. สีเหลือง : มีความคิดสร้างสรรค์ ฉลาด
คุณเป็นคนคิดอะไรรวดเร็ว มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ เข้าสังคมง่ายปรับตัวเก่ง ชอบคุยถกเถียงปัญหา ชอบเรียนรู้ และทำอะไรหลายๆอย่างในเวลาเดียวกัน เป็นคนฉลาด หลักแหลม และเรียนรู้อะไรได้รวดเร็ว มีเมตตา รักเพื่อนมนุษย์ เป็นสีคุ้มกันโรคภัย มีพรสวรรค์ด้านการพูด งานที่ทำควรเกี่ยวกับการพูดเป็นสื่อ เช่น ครู เซลล์แมน นักการทูต ที่ปรึกษา ฯลฯหรืองานอาชีพที่ต้องใช้คำพูดเป็นหลัก

ข้อเสีย จับจด ขี้อาย โกหกเก่ง

4. สีเขียว : รักษาโรค
คุณเป็นคนรักสงบ ละเอียดอ่อน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น จิตใจดี มีพลังจิต ไว้วางใจได้ คุณอาจมีลักษณะภายนอกหงิมๆ หรือเรียบง่าย แต่ส่วนลึกแล้วดื้อน่าดู คุณเป็นพวกสู้งาน หนักเอาเบาสู้ มีความสามารถในการใช้มือ เป็นสีแห่งความสมดุลและปรับตัว

ข้อเสีย ดื้นรั้น ไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

5. สีน้ำเงิน : เป็นได้ทุกอย่าง
คุณเป็นพวกมองโลกในแง่ดี แม้ชีวิตจะลุ่มๆ ดอนๆ ไปบ้างแต่ยังยิ้มสู้เสมอ เชื่อมั่นในตนเอง ซื่อตรง พยายามยืนหยัดด้วยตัวเอง แสงออร่าของคุณจึงกว้างและสว่างไสวเสมอ ทำให้กระชุ่มกระชวยดูอ่อนกว่าวัย คุณมีความจริงใจ ซื่อสัตย์ ปากกับใจตรงกัน รักการผจญภัย มีความคิดสร้างสรรค์และมีจินตนาการ ชอบพบปะผู้คน และสนใจการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม มีพรสวรรค์หลายๆ ด้าน

ข้อเสีย ชอบทำงานหลายๆ อย่างในคราวเดียวกัน จึงกลายเป็นคนจับจด ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่างนอกจากนั้นยังเป็นพวกชีพจรลง เท้า และขาดความอดทนอีกด้วย

6. สีคราม : มีความรับผิดชอบสูง
คุณชอบงานด้านสังคมสงเคราะห์ ช่วยเหลือผู้อื่น ชอบรับผิดชอบงาน จิตใจโอบอ้อมอารี เป็นที่พึ่งของผู้อื่นได้ ไม่เห็นแก่ตัว เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิตต่างๆ มีความคิดฉลาดล้ำลึกและสร้างสรรค์ นิยมความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต

ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น ควรหาเวลาเป็นตัวของตัวเองบ้าง มีมาตรฐานการทำงานสูง จึงมักหงุดหงิดกับอะไรๆ ที่ไม่ได้ตามมาตรฐานของตนเอง

7. สีม่วง : ฉลาดล้ำลึก และสันโดษ
คุณมีจิตใจละเอียดอ่อน สนใจในศาสตร์ลึกลับจนบางครั้งดูเหมือนเป็นคนลึกลับ คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 สูง รักสันโดษจนดูเหมือนคุณจะเข้ากับใครไม่ได้ มักมีปัญหาบริเวณท้อง

ข้อเสีย มักดูถูกความคิดผู้อื่น และเก็บความรู้สึกมากเกินไป

8. สีชมพู : นักบริหาร นักธุรกิจ
คุณเป็นคนมีความตั้งใจจริง แต่ค่อนข้างดื้อรั้น วางมาตรฐานตัวเองไว้สูง มุ่งมั่นที่จะให้บรรลุเป้าหมายและความสำเร็จ ถ้าคุณรู้ว่าเป็นฝ่ายถูก คุณจะยืนหยัดต่อสู้อย่างไม่ยอมถอย มีพลังที่แจ่มใส รักสงบ เต็มไปด้วยความรัก โรแมนติก อารมณ์ขัน ถ่อมตน ปลอบประโลมคนเก่ง

ข้อเสีย มักจะใจคอโลเล อาชีพของคุณจึงต้องเกี่ยวกับการบริหารและความรับผิดช อบ

9. สีทองเหลือง : นักสังคมสงเคราะห์
คุณเป็นคนอ่อนโยน ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นทั้งนักปราชญ์และเป็นคนมีคุณธรรมเต็มเปี่ยม มีความสุขมากที่สุดเมื่อได้ช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หว ังผลตอบแทน เป็นคนมีความสุขและมองโลกในแง่ดี

ข้อเสีย ปฏิเสธใครไม่เป็น จึงถูกเอาเปรียบบ่อยๆ ควรรู้จักปฏิเสธบ้าง

11. สีเงิน : นักอุดมคติ
คุณมีประสาทสัมผัสที่ 6 มีศักยภาพสูงในหลายๆ ด้าน เต็มไปด้วยความคิดแปลกๆ ใหม่ๆ ชอบฝันหวาน แต่คุณมักจะฝันมากกว่าลงมือทำจริงๆ เป็นคนซื่อสัตย์ มีความเชื่อมั่นในตัวเอง มองโลกในแง่ดี ถ้ามุมานะสร้างความฝันให้เป็นความจริงคุณจะไปได้ไกลม ากทีเดียว

ข้อเสีย ขี้เกียจ และบางครั้งจะเครียดจนใครๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ ควรหาเวลาพักผ่อน ฝึกสมาธิ หรือโยคะ

12. สีทอง : ไม่มีขอบเขตจำกัด
คุณสามารถทำเรื่องใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องเล็ก หรือทำงานใหญ่ให้กลายเป็นเรื่องปอกกล้วยเข้าปาก คุณจะประสบความสำเร็จไปแทบทุกเรื่อง เป็นคนมีเสน่ห์จูงใจ ทำงานหนักเอาเบาสู้ มีเป้าหมาย ในการทำงานที่แน่นอน มีอุดมคติและความสามารถสูงเป็นผู้นำสามารถโน้มน้าวจิตใจผู้อื่นได้
บันทึกการเข้า

ไม่มีน้ำหนักใด...หนักกว่ากรรม
ไม่มีหนทางใด...ยาวเท่าหนทางแห่งกรรม
nokeang
Moderator
Full Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 720



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 06, 2009, 07:12:12 PM »

  Smiley    ความรู้เกี่ยวกับออร่า   Smiley

ออร่า.. คือ แสงสีที่เกิดจากเซลล์ต่างๆและอวัยวะส่วนสมองของเรา บ่งบอกถึงสภาวะจิต ความรู้สึกนึกคิด สุขภาพร่างกายของเราว่าเป็นอย่างไร ใครมีความคิดดี มีสมาธิดี มีสติปัญญาความขยันหมั่นเพียร มีความสดชื่นสดใส แสงออร่าก็จะแผ่กว้างออก ยิ่งมีพลังมากก็จะแผ่กว้างมาก ใครที่ไม่มีสมาธิ ขาดสติปัญญา แสงออร่าก็จะน้อยไม่มีพลัง ในทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ว่า สมองของคนเรานั้นจะมีคลื่นพลังไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่เปล่ งรัศมีเป็นพลังอำนาจออก มา ขนาดความกว้างและความสว่างของแสงนั้นขึ้นอยู่กับคลื่ นพลังสมองของผู้นั้น


แสงกายทิพย์ (Astral)
ร่าง กายมนุษย์ ประกอบด้วยเซลล์ต่างๆเป็นพันล้านเซลล์ กลุ่มเซลล์จะจับกลุ่มประกอบกันเป็นอวัยวะต่างๆ เช่น ปอด ตับ ม้าม หัวใจ ฯลฯ ซึ่งจะทำงานสัมพันธ์กันเป็นระบบร่างกายที่สมบูรณ์ดี มีพลังชีวิตเพื่อความเป็นอยู่ที่ปรกติ แต่เมื่อใดที่เซลล์เกิดบกพร่องเสื่อมเสีย บิดเบี้ยวผิดปกติ อวัยวะนั้นก็จะทำงานไม่สมบูรณ์ ไม่ดี ทำให้ร่างกายเจ็บป่วยไม่สบาย ซึ่งจะสะท้อนออกมาเป็นสีและแสงของ " กายทิพย์ " โดยจะปรากฏให้เห็นเมื่อถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพพิเศษ

กายทิพย์ และ ออร่า

ออร่าและกายทิพย์ ทั้งสองส่วนนี้มีความประสานสัมพันธ์กัน และเป็นเหตุเป็นผลซึ่งกันและกัน ลักษณะของแสงออร่าที่อยู่รอบร่างกายนั้นยังมีลักษณะต ่างๆที่สามารถบอกความ โน้มเอียง หรือความน่าจะเป็นที่เกี่ยวข้องกับบุคคลอื่น หรือสิ่งแวดล้อมรอบข้างได้ ซึ่งมีรูปลักษณะของแสงแตกต่างกันดังนี้

- มีแสงเรืองรอบกายในลักษณะกระจายออกในทิศทางต่างๆ แสดงถึงความเป็นผู้มีพลังจิตดี เป็นคนดีมี
คุณธรรม

- มีแสงกระจายออกเป็นหย่อมๆ เหมือนเมฆ เป็นคนขาดความมั่นใจในตัวเอง ขาดความกล้า ใจเสาะ

- มีแสงกระจายแหลมออกเหมือนขนเม่น เป็นคนคิดแต่เรื่องของตัวเอง เห็นแก่ตัว ไม่ช่วยเหลือใคร

- มีแสงเหมือนลักษณะแสงฟ้าผ่า เป็นคนมักมากในกามารมณ์ ฮิสทีเรีย

- มีแสงหลบข้างๆตัว เป็นคนชอบหลบซ่อนตัว ไม่กล้าสู้ความจริง พูดไม่จริง

- มีแสงหุ้มตัวเหมือนเปลือกแข็ง เป็นคนหนักแน่นมั่นคง มั่นใจในตัวเอง

- มีแสงเหมือนตะขอเกี่ยวเบ็ดตกปลา เป็นคนชอบฉวยโอกาส เอาเปรียบผู้อื่น

- มีแสงเหมือนหนวดปลาหมึก เป็นคนเห็นแก่ตัว มักได้ ไม่ยอมเสียสละ


ออร่า เป็น คลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าชนิดหนึ่งมีทั้งหมด 7 ชั้นรอบกาย ชั้นนอกสุดมีลักษณะเป็นรูปไข่ ออร่าประกอบด้วยคลื่นแสง สี เสียง อุณหภูมิ มีโครงสร้างและอวัยวะเหมือนกายเนื้อ
กายเนื้อของเรามี กระดูกไขสันหลังเป็นที่รวมของเส้นประสาทต่างๆที่ควบค ุมการทำงานของกายเนื้อ และมีเส้นประสาทย่อยเชื่อมโยงไปยังส่วนต่างๆของร่างก าย กายแสงหรือออร่ามีแกนกลางซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นๆซ้อนก ันอยู่ในไขสันหลัง แกนกลางอันนี้เปรียบเสมือนสายเมนไฟฟ้าซึ่งมีหน้าที่ป ั่นและแจกจ่ายพลังงาน โดยมีจักระเป็นตัวปั่นพลังงานเข้าไปในกายแสงแต่ละชั้ น จักระจะยึดติดอยู่กับท่อแกนกลางของกายแสงนี้


จักระ กงล้อดูดซับพลังงาน
จัก ระมีอยู่ด้วยกัน 7 จักระใหญ่ ซึ่งมีเป็นคู่ด้านหน้าและหลัง ยกเว้นจักระที่ 7 และจักระที่ 1 ซึ่งไม่มีคู่ ถ้ามองจากด้านข้างจะเห็นจักระในลักษณะเป็นกรวยหมุน แต่ถ้ามองจากด้านหน้าจะเห็นว่ามันมีลักษณะเป็นแผ่นกล มๆหมุน จักระมีลักษณะเป็นดอกบัวหมุน จักระแต่ละอันจะซ้อนกันอยู่ 7 ชั้น เพื่อปั่นพลังงานให้กับกายแสงที่ 7
ตำราส่วนใหญ่จะพูดถึงจักระว่ามี สี 7 สี ตามสีของรุ้งกินน้ำ คือ จักระที่ 7 สีม่วง จักระที่ 6 สีคราม จักระที่ 5 สีน้ำเงิน จักระที่ 4 สีเขียว จักระที่ 3 สีเหลือง จักระที่ 2 สีแสด และจักระที่ 1 สีแดง จริงๆแล้วจักระอาจจะไม่ได้มีสีสรรตรงตามทฤษฎี และถ้าคุณอ่านจากตำราของทิเบตจะเห็นได้ว่าสีของจักระ อาจจะไม่ตรงกับตำราของ ฮินดู ทั้งนี้และทั้งนั้นอาจเป็นเพราะว่า จักระมีลักษณะที่ซ้อนกันอยู่หลายชั้น แต่ละชั้นอาจจะมีสีที่ต่างกันออกไปบ้าง
การทำงานที่สมดุลของจักระช่วย ให้อวัยวะบริเวณที่จักระนั้นๆตั้งอยู่ทำงานได้เป็นปก ติ ถ้าจักระใดทำงานไม่ปกติ อวัยวะของร่างกายในส่วนนั้นก็จะมีอาการไม่ปกติตามไปด ้วย จักระรับพลังงานจากแกนกลางของออร่า แกนกลางของออร่ายังมีเส้นประสาทฝอย เชื่อมติดกับส่วนต่างๆ เส้นประสาทย่อยของออร่า คือเส้นเมอร์เดียน ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นสีขาวนวล


พลังงานในออร่ามาจากไหน
คลื่น พลังงานที่ปั่นในออร่ามาจากหลายแห่ง เราสามารถรับคลื่นพลังงานได้จากธรรมชาติรอบข้าง จากสภาพแวดล้อม คนใกล้เคียง สัตว์ สิ่งของ และที่สำคัญมากคือลมปราณ ซึ่งมีอยู่ทั่วไปในบรรยากาศ ลมปราณมีลักษณะเป็นจุดประกายไฟฟ้าเล็กๆวิ่งวนไปมาในอ ากาศ ถ้ามองดูท้องฟ้าจะสังเกตเห็นประจุประกายไฟฟ้าจุดเล็ก ๆ เต็มไปหมด


เรารับเอาลมปราณเหล่านี้เข้ามาปั่น พลังงานในกายแสง ยิ่งเรารับลมปราณได้มากเท่าไหร่ เรายิ่งมีพลังงานมากขึ้นเท่านั้น แสงออร่าเราจะสว่างสดใสขึ้น เมื่อลมปราณเข้ามาแล้ว จะถูกแจกจ่ายไปตามส่วนต่างๆของกายแสง เมื่อไรก็ตามที่แกนกลางของออร่า หรือจักระ หรือเส้นเมอร์เดียนทำงานผิดปกติติดขัด ลมปราณจะเดินไม่สะดวก สุขภาพร่างกายของเราก็จะแย่ไปด้วย
ตำราด้านการรักษาโรคส่วนใหญ่จะให้ ความสำคัญกับจักระอย่างมาก แต่ถ้าเราดูจากลักษณะโครงสร้างของออร่าแล้ว การรักษาโรคน่าจะทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับว่าส่วนไหนในกายแสงที่เป็นโรค เช่น ถ้าลมปราณติดขัดในเส้นเมอร์เดียน การเดินเส้นเมอร์เดียนใหม่จะช่วยให้ลมปราณเดินสะดวกข ึ้น อาการปวดเจ็บกล้ามเนื้อในบริเวณนั้นอาจหายไป ถ้าเป็นการบกพร่องของจักระ ให้รักษาที่จักระ ถ้าเป็นการเสียสมดุลของคลื่นพลังงานรอบกายแสง เราสามารถใช้มือลูบแสงออร่าเราใหม่เพื่อจัดให้มันเข้ าที่และปรับสมดุลได้ และในกรณีที่เป็นโรคร้ายแรงหรือเรื้อรัง คุณอาจจะตรวจสอบเส้นแกนกลางของออร่าว่าเป็นอย่างไร เส้นแกนกลางออร่านี้ บางตำรากล่าวว่าเป็นการรักษาโรคทีได้ผลดีที่สุด แกนกลางอันนี้เป็นที่เก็บสะสมความทรงจำที่เจ็บปวด ความรู้สึกฝังใจหลายๆอย่างไว้ที่นี่


ตัวเรามีระบบบันทึกข้อมูลความทรงจำ ความเจ็บปวดต่างๆของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตามเซลล์ในร่างกาย ในไขสันหลัง กระดูก นอกจากนี้ความทรงจำที่เจ็บปวดยังถูกจารึกไว้ในคลื่นพ ลังงานรอบกาย ในจักระ และเมื่อมากเข้าก็จะส่งข้อมูลไปยังแกนกลางของออร่า เมื่อเส้นแกนกลางรับไม่ไหว ร่างกายจะทรุดทันที

การรักษาโรคในเส้นแกนกลางของออร่า

บ่อเกิดของโรคที่ทำให้ไขสันหลังหรือแกนกลาง ของออร่ามีปัญหาก็คือ ความคิดความเจ็บปวดทางอารมณ์ที่ถูกบันทึกไว้ และเก็บกดไว้เป็นเวลานาน ความคิดเหล่านี้จะบั่นทอนความมั่นคงของแกนกลางออร่า คลื่นพลังงานจะผ่านไม่สะดวก การรักษาโรคบริเวณนี้จึงต้องเป็นการชำระล้างและขจัดข ้อมูลความคิดเหล่านี้ ออกไป ซึ่งทำได้หลายวิธี เช่น


1.การทำสมาธิ
การ ทำสมาธิจะช่วยให้เกิดคลื่นพลังงานทางบวกที่จะเข้าไปข ับเคลื่อนและแทนที่ ข้อมูลทางลบที่ติดอยู่ในแกนกลางและรอบๆกายแสงให้ออกไ ป การที่จะรักษาสมาธิได้ เราต้องดูแลรักษา กาย วาจา และใจ การรักษาทั้ง 3 อย่างนี้ ทำให้แสงออร่าเปลี่ยนไป เกิดความสว่างไสว จักระทำงานได้ดีขึ้น กายแสงรับลมปราณได้มากขึ้น ปฏิกิริยาทั้งหมดเหล่านี้จะไปชะล้างเอาความสกปรกในเส ้นแกนกลาง และขับเคลื่อนข้อมูลแนวลบที่ถูกบันทึกไว้ให้เคลื่อนต ัวออกไป จึงไม่เป็นที่น่าแปลกใจเลยว่า ผู้ที่ฝึกสมาธิสม่ำเสมอสามารถหายขาดจากโรคที่เป็นได้ สมาธิช่วยรักษาโรคให้ตัวเองได้


2.ให้ผู้อื่นรักษาโรคในคลื่นแสงออร่าของเรา
ผู้ ที่มีพลังจิตสูงสามารถดึงเอาคลื่นพลังงานติดค้างเหล่ านี้ออกจากเส้นแกนกลาง กายได้ ทำให้หายจากโรคที่เป็นอยู่อย่างรวดเร็วมาก โรคที่สามารถหายขาดจากการรักษาด้วยวิธีนี้จะรวมถึง มะเร็ง อัมพาต และโรคร้ายแรงและเรื้อรังอื่นๆ ด้วย


3. การนวดในหลายๆรูปแบบ
การ นวดตรงบริเวณไขสันหลังจะช่วยให้ความทรงจำเหล่านั้นค่ อยๆเคลื่อนตัวออกทีละ น้อย ในประเทศตะวันตก การนวดที่พบว่ามีผลในการรักษาโรค ได้แก่
วิธี การบำบัดเรียกว่า " ซีโร่ บาล้านซิ่ง " ( Zero Balancing ) คิดค้นโดยแพทย์ชาวอเมริกันชื่อ ดร.ฟริกซ์ สมิธ ( Dr. Fritz Smith ) เป็นวิธีการที่ผสมผสานแนวความคิดเกี่ยวกับคลื่นพลังง านของทางตะวันออก และวิทยาศาสตร์ทางด้านสรีระของทางตะวันตกเข้าด้วยกัน ดร.ฟริกซ์กล่าวว่า คลื่นพลังงานของเรามีสรีระโครงสร้างทุกอย่างเหมือนกา ยเนื้อ การนวดจุดต่างๆ บนร่างกายจะช่วยให้คลื่นพลังงานและโครงสร้างของร่างก ายปรับระดับให้สมดุลย์ กัน


ดร.ฟริกซ์ กล่าวต่อไปอีกว่า กระดูกเปรียบเสมือนแกนในสุดที่สะสมความรู้สึกทางกายเ นื้อ อารมณ์ความทรงจำต่างๆ เอาไว้ ดังนั้นในการบำบัดวิธีนี้ ผู้บำบัดจะต้องทำจิตให้สงบ ไม่มีการพูดคุยกันระหว่างการบำบัด เพื่อป้องกันไม่ให้คลื่นความคิดของผู้บำบัดเข้าไปในค ลื่นของผู้ป่วย
การ นวดแบบ " รอล์ฟฟิ่ง " ( Rolfing ) ตรงบริเวณไขสันหลังจะช่วยให้เซลล์ที่บันทึกข้อมูลควา มทรงจำในอดีต คลายความรู้สึกอันนั้นออกมา ซึ่งสามารถมองเห็นได้ในออร่า


สรุปว่าการรักษาเส้นแกนกลางหรือไข สันหลังของออร่านี้ทำได้หลายวิธี อาจจะรักษาด้วยการหมั่นทำสมาธิ เพื่อเปลี่ยนคลื่นพลังงานใหม่ให้ตัวเอง หรือให้ผู้มีพลังจิตดึงออก หรือด้วยการนวด เป็นต้น


นอกจากคุณสมบัติต่างๆ ของออร่าที่กล่าวถึงไปแล้ว ออร่ายังปรากฏในลักษณะของ คลื่นพลังงานที่ไหลหมุนวนไปมามีลักษณะเหมือนเลข 8 แนวนอน การไหลหมุนวนของคลื่นพลังงานในลักษณะนี้ ช่วยให้การทำงานของสมองซีกซ้ายและขวา ทำงานได้สมดุลยิ่งขึ้น


ถ้ารู้สึกว่าสมองตื้อและคิดอะไรไม่ ออก เราอาจจะปรับคลื่นพลังงานให้ตัวเองได้ใหม่ด้วยวิธีกา รง่ายๆ เช่น การใช้มือวาดรูปเลข 8 แนวนอนให้กับแสงออร่า โดยการเหยียดแขนไปข้างหน้าทั้ง 2 ข้าง งอเข่าลงเล็กน้อย แล้ววาดเลข 8 แนวนอนด้วยแขนทั้ง 2 ข้าง พร้อมกับโยกตัวตามไปด้วย จะช่วยให้คลื่นพลังงานสามารถปรับระดับให้เกิดการสมดุ ลได้อย่างดี ถ้าวาดแล้วร่างกายมันแข็งๆทื่อๆไม่อ่อนไหวไปตามรูป อาจเป็นเพราะคลื่นพลังงานรอบกายมีการติดขัด ต้องหมั่นปรับคลื่นให้เข้าสู่ภาวะสมดุล


ลักษณะแสงออร่าที่มองเห็นได้
แสง ออร่ารอบกายมนุษย์นี้เราอาจจะเห็นไปได้ในหลายลักษณะ แสงสีที่เห็นอาจจะมีความไม่ตรงกันนัก เพราะเราต้องมองผ่านแสงออร่าของเราเอง จึงเกิดการกรองแสงก่อนที่จะเข้าสู่ตาเรา นอกจากนั้นบางคนอาจจะเห็นทีละชั้น บางคนอาจจะเห็นทีละหลายชั้น บางคนอาจจะเห็นในลักษณะของคลื่นพลังงานที่หมุนปั่นอย ู่รอบกาย บางคนอาจจะเห็นหลายชั้นซ้อนๆ กันอยู่มีลักษณะคล้ายๆ เงาสีเทาๆ หลายชั้นซ้อนกันโดยไม่มีสีสัน ลักษณะออร่าจะเป็นไปในหลายๆ รูปแบบทั้งเป็นคลื่นพลังงานหมุนปั่น ทั้งชั้นแสงที่ไม่มีสีหลายชั้นซ้อนกัน หรือชั้นที่มีแสงสี หรือบางครั้งเห็นเฉพาะแสงชั้นที่ 6-7 เป็นรูปไข่สีทองรอบนอกและมีสีเหลืองปนชมพูภายใน


ผู้ที่มีความสามารถในการมองเห็นแสงออ ร่าทั้ง 7 ชั้นอย่างละเอียดคือ นางบาร์บาร่า แอน เบรนแนน เพราะเธอเป็นผู้เดียวที่เขียนแยกแยะเรื่องแสง 7 ชั้นได้อย่างละเอียดที่สุด


ทำอย่างไรจึงจะเห็นแสงทั้งหมดได้รวดเร็ว
เมื่อ เริ่มเห็นแสงชั้นที่ 1 แล้ว ให้จับจากขอบชั้นที่ 1 แล้วดูชั้นที่ 2 ทำอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ มันจะค่อยๆเป็นไปทีละนิด สำหรับผู้ที่ฝึกสมาธิอาจใช้วิธีกำหนดจิตขอให้เห็นแสง ได้ แต่มักจะไม่เห็นภายในทันทีทันใด อาจจะเป็นหลายวันหลังจากนั้นก็จะเห็นขึ้นมาเอง นอกจากนั้นก็อาจจะเห็นแสงในขณะที่จิตใจปลอดโปร่ง
ระยะห่างในการมองก็ มีผลเช่นกัน ถ้าจะดูแสงของผู้อื่น ควรให้ผู้นั้นนั่งห่างจากเราประมาณ 5-6 ฟุต สภาพจิตใจควรจะมีความสบาย ถ้าเครียดหรือ ?ตั้งใจเกินไป? ก็จะไม่เห็น และต้องปรับสายตาให้เบลอๆ แบ็คกราวด์ที่ใช้ดูแสงควรเป็นสีอ่อนๆ ไม่มีลวดลาย เวลาดูแสงให้ดูไปรอบๆร่างรอบๆใบหน้า


เราจะเริ่มเห็นแสงชั้นที่ 1 ซึ่งมีลักษณะสีน้ำเงินอมเทาจางๆ คล้ายเงา จากนั้นให้จับขอบแสงชั้นที่ 1 เพื่อดูชั้นที่ 2 จะเห็นสีสรรของชั้นที่ 2 เมื่อฝึกดูไปเรื่อยๆจะพบว่า เวลามองใครต่อใคร เราจะเห็นคนเหล่านั้นในลักษณะที่เรืองแสง อาจจะไม่เห็นสีสรร แต่จะเห็นลักษณะของความเรืองแสงของมนุษย์ เราอาจจะใช้วิธีเดียวกันดูสัตว์พืช และสิ่งของ จะเห็นความเรืองแสงของสัตว์ พืช และสิ่งของ มนุษย์จะมีความเรืองแสงมากที่สุด
ถ้าที่บ้านมีอ่างอาบน้ำ เวลานอนแช่น้ำในอ่างหลังจากฟองสบู่เริ่มจางแล้ว เราสามารถมองดูแสงของตัวเองในน้ำได้ อาจจะเริ่มจากมือ เท้า หรือแขน ขา จะเห็นแสงรอบๆ ส่วนเหล่านี้ได้ง่าย


เราจะมองเห็นจักระในกายแสงได้หรือไม่ ?
เราจะมองเห็นได้หลังจากมองเห็นแสงออร่าได้แล้ว ลักษณะเป็นแผ่นกลมๆหมุนปั่น แต่ละจักระจะมีชั้นสีต่างๆ
การ เห็นแสงออร่าตลอดเวลาไม่ได้ทำให้จิตใจสบายขึ้น ในทางตรงกันข้ามคุณอาจจะรู้สึกว้าวุ่นกับสิ่งที่เห็น จึงควร ?ปิด? การเห็นเป็นระยะๆ มิฉะนั้นจักระที่ 6 ( ตาที่ 3 ) จะแย่ อาจจะเป็นโรคนอนไม่หลับเรื้อรัง เพราะตาที่ 3 เปิดกว้างอยู่ตลอดเวลา จึงควร ?ปิด? ตาที่ 3 เมื่อคุณไม่มีความจำเป็นที่จะมองแสง


บางคนอาจจะมองเห็นแสงชั้นใดชั้น หนึ่งได้อย่างละเอียด โดยเฉพาะถ้าสนใจและเจาะจงที่จะศึกษาแสงเฉพาะชั้นนั้น ๆ บางคนสนใจเรื่องจักระก็อาจจะเห็นจักระได้ละเอียด แต่เห็นแสงออร่าได้อย่างหยาบๆ บางคนก็อาจจะชอบมองรวมๆ กันไปโดยไม่ได้สนใจเจาะจงรายละเอียด ดังนั้นเรื่องการเห็นแสงออร่า เห็นมากเห็นน้อย เห็นบ่อย หรือไม่เห็นเลยจึงเป็นเรื่องเฉพาะตัว นอกจากนั้นสีสรรที่เห็นและความหมายอาจเป็นเรื่องเฉพา ะตัว และขึ้นอยู่กับความแตกต่างของวัฒนธรรมอีกด้วย


ภาพในแสงออร่าคือภาพจริงใช่หรือไม่ ?
ใน ออร่าจะมีภาพบางภาพติดอยู่ซึ่งภาพเหล่านี้อาจเกิดจาก ความคิดที่เกี่ยวกับ เรื่องงาน ความรัก ความสัมพันธ์กับผู้อื่น บางครั้งภาพที่ติดอยู่อาจคล้ายคลึงกับภาพที่จิตใต้สำ นึกสร้างขึ้นมาในความ ฝัน อย่างไรก็ตามภาพบางภาพที่ปรากฏอยู่ในแสงออร่าอาจจะเก ี่ยวกับโรคที่เป็นอยู่ เหตุการณ์ในอดีตที่ยังติดตรึงใจความทรงจำ หรือแม้แต่ภาพของเจ้ากรรมนายเวร
บันทึกการเข้า

ไม่มีน้ำหนักใด...หนักกว่ากรรม
ไม่มีหนทางใด...ยาวเท่าหนทางแห่งกรรม
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: