mamai
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 237
|
|
« ตอบ #45 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 10:19:02 AM » |
|
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
|
|
|
อุ๊
|
|
« ตอบ #46 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 10:26:45 AM » |
|
ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
oyo
|
|
« ตอบ #47 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 10:45:37 AM » |
|
ขอบคุณครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #48 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 11:20:55 AM » |
|
คาดราคาน้ำมันในตลาดโลกยังไม่แตะ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในเร็ววัน
Posted on Tuesday, November 10, 2009 Dow Jones พุ่งทำสถิติใหม่ของปี 2552 หลัง G20 ยันกระตุ้นเศรษฐกิจต่อ
ดัชนี Dow Jones ปิดบวกกว่า 2% ประเดิมวันทำการแรกของสัปดาห์ รับข่าวที่ประชุม G20 ที่แสดงความเห็นพ้องกันว่าจะคงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่ต่อไป โดยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังอังกฤษ Alistair Darling ในฐานะเจ้าภาพจัดประชุมบอกว่า ที่ประชุมตัดสินใจที่จะสนับสนุนนโยบายอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำต่อไปอีก และยังคงระดับการขาดดุลงบประมาณจำนวนมหาศาลไปจนกว่าจะเห็นว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจสามารถเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
สำหรับการคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของนักลงทุนในขณะนี้ หากมองผ่านตลาดล่วงหน้าในส่วน Fed funds futures ก็สะท้อนให้เห็นความเชื่อที่ว่า ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะเริ่มปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนปีหน้า ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจอเมริกามีความเป็นไปได้ที่จะขยายตัวเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมีความเห็นว่า ในสภาวะตอนนี้ ที่มีสัญญาณเศรษฐกิจกำลังขยายตัวได้และเริ่มรองรับการขยับขึ้นของดอกเบี้ย จะเป็นตัวผลักดันให้ตลาดหุ้นบวกได้ต่อหลังจากนี้ ขณะเฟดยังมีโอกาสยืนดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำนี้ต่อไปในการประชุมอีก 6 ครั้งข้างหน้า
ทางด้านราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ตามปัจจัยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงไปอยู่แถวระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือน และเรื่องพายุลูกใหม่ Ida ที่เคลื่อนเข้าอ่าวเม็กซิโก จนทำให้ผู้ผลิตทั้งบริษัท BP และ Chevron ต้องปรับลดกำลังการผลิต โดยสัญญาน้ำมันส่งมอบเดือนธันวาคม บวกขึ้น 2 เหรียญ หรือกว่า 2% มาที่ 79.44 เหรียญต่อบาร์เรล จ่อเข้าใกล้ระดับสูงสุดใหม่ที่เคยทำไว้ที่ 82 เหรียญ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม
ในส่วนราคาสินทรัพย์ที่เป็นทางเลือกสำคัญของนักลงทุน อย่าง ทองคำ ก็บวกได้กว่า 5 เหรียญ มาปิดที่ 1,101.4 เหรียญต่อออนซ์ หลังจากระหว่างวันราคาวิ่งขึ้นไปแตะระดับ 1,111.70 เหรียญ ซึ่งนับว่าเป็นสถิติสูงสุดใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว
ยักษ์ประกันยุโรป Allianz เผยกำไรพุ่งกว่าเท่าตัว
บริษัทประกันรายใหญ่ที่สุดของยุโรป Allianz เปิดเผยกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัว เมื่อรายได้จากการลงทุนฟื้นขึ้นได้ หลังจากที่มีการล้างหนี้สูญไปเมื่อปีที่แล้ว และถ้าหากไม่รวมรายได้จากการขายธุรกิจ Dresner Bank ให้กับ Commerzbank จากเยอรมันไปเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา กำไรของยักษ์ใหญ่ประกันรายนี้ ก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,320 ล้านยูโร จาก 545 ล้านยูโรในไตรมาสเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งนั่นก็เป็นระดับที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าตัวเลขจะออกมาที่ราว 1,250 ล้านยูโร ขณะที่ทาง Allianz เองก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายกำไรของทั้งปีไว้
บริษัทประกันจากเมืองมิวนิครายนี้ ภายใต้การนำของซีอีโอ นายมิคาเอล ดิเอคมันน์ (Michael Diekmann) สามารถพลิกกลับมาทำกำไรได้ในครึ่งปีแรก หลังจากล้างขาดทุนและขายธุรกิจที่ไม่ทำกำไร อย่าง ธนาคาร Dresner ที่เคยสร้างภาระขาดทุนกว่า 2,400 ล้านยูโรในปีที่แล้ว
มาในตอนนี้ Allianz ก็กำลังดิ้นรนที่จะกลับไปยืนผงาดด้วยกำไรที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์เหมือนในปี 2007 อีกครั้ง ภายหลังจากที่วิกฤติเศรษฐกิจเล่นงานรายได้เบี้ยประกันให้ลดลง ขณะที่อัตราดอกเบี้ยก็อยู่ในระดับต่ำ และมูลค่าการลงทุนในหุ้นก็ปรับตัวลง ซึ่งทั้งหมดนี้ต่างล้วนไปบีบคั้นกำไรของบริษัทในช่วงที่ผ่านมา
จากธุรกิจประกันของเยอรมัน ก็มาดูต่อที่ความเคลื่อนไหวของยักษ์ใหญ่ประกันจากฝรั่งเศส ที่บริษัทสาขาในออสเตรเลีย อย่าง Axa Asia Pacific Holdings ได้ปฏิเสธการเข้ามาขอซื้อธุรกิจจากบริษัทแม่ และบริษัทที่ทำธุรกิจ wealth management รายใหญ่ อย่าง AMP ไปเรียบร้อยแล้ว และนี่ก็ถือเป็นการยุติความหวังดีลเทคโอเวอร์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียของปีนี้อีกด้วย
บริษัท AMP จากซิดนีย์ ได้ทำคำเสนอซื้อ Axa Asia Pacific ในราคา 5.34 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อหุ้น ซึ่งสูงกว่าราคาในตลาดถึงกว่า 20% และภายใต้ข้อเสนอนี้ บริษัทแม่ ซึ่งก็คือ Axa จากปารีส จะขายหุ้น Axa Asia Pacific นี้ในสัดส่วน 54% ให้กับบริษัท AMP ก่อนที่จะซื้อหุ้นธุรกิจในเอเชียรายนี้คืน ด้วยมูลค่า 7,700 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย
ราคาหุ้นของ Axa Asia Pacific พุ่งขึ้นไปสูงถึง 35% ในการซื้อขายเมื่อวานนี้ ซึ่งสะท้อนว่านักลงทุนต่างคาดหวังมูลค่าการขอซื้อหุ้นในราคาที่สูงกว่านี้ ขณะเดียวกัน คำเสนอซื้อดังกล่าวก็ถือเป็นความพยายามครั้งที่สองจากบริษัทแม่ในฝรั่งเศส ในรอบห้าปี สำหรับความต้องการที่จะเข้ามามีส่วนแบ่งในตลาดที่กำลังมีมูลค่าสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทั่วโลกร่วมประชุมโดฮาเพิ่มอำนาจ UN แก้ปัญหาทุจริตการเงิน
ตัวแทนเจ้าหน้าที่จากประเทศต่างๆหลายร้อยคนต่างเดินทางมาร่วมประชุมที่กรุงโดฮา เมืองหลวงของกาตาร์ เพื่อหาทางเพิ่มอำนาจตามข้อตกลงขององค์การสหประชาชาติ (UN) ในการต่อสู้กับปัญหาทุจริตทางการเงิน
หลังจากที่การประชุม 2 ครั้งก่อนซึ่งจัดขึ้นเมื่อช่วงปีที่ผ่านมายังไม่สามารถแก้ปัญหาดังกล่าวได้สำเร็จ โดยหลายฝ่ายคาดว่า ในการประชุม 5 วัน ซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อวานนี้นั้น เจ้าหน้าที่จากยูเอ็นและธนาคารโลกอาจหารือกันเพื่อเรียกร้องให้นานาประเทศช่วยกันกวาดล้างและปราบปรามการประพฤติมิชอบด้านการเงิน
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีความพยายามที่จะกำหนดกระบวนการตรวจสอบบัญชีในแต่ละประเทศอย่างอิสระ รวมถึงการตรวจหาเม็ดเงินของกองทุนที่ตกหล่นหรือสูญหาย ขณะที่ตัวแทนจากบางประเทศ เช่นจีน และรัสเซีย แสดงความเห็นคัดค้านมาตรการดังกล่าว
ทั้งนี้ รายงานจากยูเอ็นคาดการณ์ว่า เม็ดเงินที่มาจากการตักตวงผลประโยชน์ของกองทุนภาครัฐทั่วโลกในแต่ละปีนั้น มีมูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
เยอรมนีเผยยอดส่งออกพุ่งส่งสัญญาณเศรษฐกิจฟื้น
สำนักงานสถิติของเยอรมนีรายงานว่า ยอดส่งออกในเดือนก.ย.พุ่งขึ้น 3.8% จากเดือนส.ค. แม้ว่าค่าเงินยูโรแข็งแกร่งในระยะนี้ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 2.5%
ขณะที่ยอดนำเข้าปรับตัวสูงขึ้นเช่นกันที่ 5.8% นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่ชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งมีขนาดใหญ่สุดในยุโรปกำลังฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้น
เยอรมนีเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่สุดของโลก ส่งออกสินค้าคิดเป็นมูลค่า 7 หมื่นล้านยูโร (105,000 ล้านดอลลาร์) ในเดือนก.ย. และนำเข้าสินค้าคิดเป็นมูลค่า 59,400 ล้านยูโร
ตัวเลขส่งออกและนำเข้าล่าสุดส่งผลให้เยอรมนีมียอดเกินดุลการค้าขยับลงมาอยู่ที่ 9,900 ล้านยูโร (14,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) จากระดับ 10,600 ล้านดอลลาร์ในเดือนส.ค.
ทั้งนี้ แต่เมื่อเทียบเป็นรายปี ยอดส่งออกเดือนก.ย.2552 อยู่ในระดับต่ำกว่ายอดส่งออกเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 18.8% ขณะที่ยอดนำเข้าลดลง 16.3% เมื่อเทียบกับเดือนก.ย. 2551
ตัวเลขส่งออกและนำเข้ารายปีแสดงให้เห็นว่า ยอดส่งออกและนำเข้าของเยอรมนีปรับตัวลดลงในจังหวะที่ชะลอตัว โดยเมื่อเดือนส.ค. ยอดส่งออกรายปี ทรุดลง 20.9% ขณะที่ยอดนำเข้าร่วง 20.1%
นอกจากนี้ยังมีความน่าสนใจจากเยอรมันเพิ่มเติมด้วยก็คือ ผู้นำระดับโลกจากหลายประเทศพร้อมด้วยประชาชนหลายพันคนร่วมกันฉลองครบรอบ 20 ปีของการทำลายกำแพงเบอร์ลิน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่การสิ้นสุดสงครามเย็นในที่สุด
นายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคล ซึ่งเติบโตในเยอรมนีตะวันออก จะเป็นผู้นำการเฉลิมฉลองครั้งนี้ ส่วนแขกสำคัญของงานประกอบด้วย มิคาอิล กอบาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต, นิโกลาส์ ซาร์โกซี ประธานาธิบดีฝรั่งเศส, กอร์ดอน บราวน์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ และ ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ รวมถึง ไมคลอส เนเม็ธ อดีตนายกรัฐมนตรีฮังการี ซึ่งเป็นผู้ตัดสินใจเปิดชายแดนเพื่อให้ชาวเยอรมันตะวันออกหนีไปยังเยอรมันตะวันตกได้
การเฉลิมฉลองครั้งนี้จัดขึ้นบริเวณ Brandenburg Gate ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการรวมสองเยอรมนีเข้าด้วยกันอีกครั้งในปี 2533 โดยในงานมีการนำโดมิโนยักษ์ทำจากโฟม 1,000 ตัวไปวางตามทางที่เคยมุ่งไปสู่กำแพงเบอร์ลิน เพื่อแสดงถึงการล่มสลายอย่างต่อเนื่องของรัฐบาลคอมมิวนิสต์ในยุโรปตะวันออกในปี 2532
ผู้เชี่ยวชาญคาดน้ำมันยังไม่แตะ $100
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) กำลังเพิ่มปริมาณการผลิตในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 2 ปี ทำให้สต็อกน้ำมันดิบของโอเปคพุ่งขึ้นเกือบแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์ดังกล่าวไม่อาจทำให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกดีดตัวขึ้นแตะระดับ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในเร็วนี้
สตีเฟ่น ชอร์ก ประธานบริษัท ชอร์ก กรุ๊ป อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัที่ปรึกษาด้านพลังงานรายใหญ่ในสหรัฐเปิดเผยว่า โอเปคเพิ่มปริมาณการผลิต 4% ต่อวัน หรือ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน นับตั้งแต่เดือนมี.ค.เป็นต้นมา
"ราคาน้ำมันดิบที่ระดับ 100 ดอลลาร์ไม่เป็นผลดีต่อโอเปค เพราะโอเปครู้ดีว่าบรรดานักเก็งกำไรยังคงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น? ชอร์กกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีไม่นักวิเคราะห์ในวอลล์สตรีทคนใดเชื่อว่าราคาน้ำมันดิบจะพุ่งขึ้นไปแตะระดับ 100 ดอลลาร์ก่อนถึงปลายปีหน้า
ขณะที่กษัตริย์อับดุลเลาะห์แห่งซาอุดิอาระเบียระบุว่าราคาน้ำมันที่ระดับ 75 ดอลลาร์เป็นระดับที่ยุติธรรมสำหรับผู้ใช้และผู้ผลิต พร้อมกล่าวว่าซาอุดิอาระเบียได้เพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันอีก 50% หรือ 4 ล้านบาร์เรล/วัน
นอกจากนี้ รายงานข่าวที่ว่า บริษัทน้ำมันหลายแห่งในอ่าวเม็กซิโกพากันอพยพพนักงานและระงับการผลิตบางส่วนเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคน "ไอด้า" ทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากเคลื่อนตัวเข้าสู่อ่าวเม็กซิโก โดยอ่าวเม็กซิโกเป็นพื้นที่ที่สามารถผิลน้ำมันดิบได้กว่า 1 ใน 4 ของปริมาณการผลิตโดยรวมในสหรัฐ ทำให้ราคาน้ำมันดิบสิงคโปร์เมื่อวานนี้ปรับตัวสูงขึ้น
สัญญาน้ำมันส่งมอบเดือนธันวาคม บวกขึ้น 2 เหรียญ หรือกว่า 2% มาที่ 79.44 เหรียญต่อบาร์เรล จ่อเข้าใกล้ระดับสูงสุดใหม่ที่เคยทำไว้ที่ 82 เหรียญ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม
สิงคโปร์เล็งใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาฯ
ธนาคารกลางสิงคโปร์เปิดเผยในรายงาน Financial Stability Review ว่า สิงคโปร์อาจต้องใช้มาตรการควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศมากขึ้นหากอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก่อให้เกิดการซื้อขายเก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์
ธนาคารกลางสิงคโปร์กล่าวในรายงานว่า ดีมานด์หรือความต้องการที่อยู่อาศัยส่วนบุคคลขยายตัวขึ้นอย่างมาก และราคาที่ปรับตัวสูงขึ้นอาจทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ตกอยู่ในความเสี่ยง
สิ่งที่ต้องทำในเวลานี้คือการติดตามสถานการณ์ราคาและการทำธุรกรรมซื้อขายบ้านอย่างใกล้ชิด เพราะแม้ว่าเศรษฐกิจสิงคโปร์และเศรษฐกิจโลกยังคงเผชิญความไม่แน่นอน แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์สิงคโปร์ยังมีการซื้อขายที่แข็งแกร่ง
ธนาคารกลางเชื่อว่าเกิดจากการเก็งกำไร ด้วยเหตุนี้สิงคโปร์จึงต้องปรับมาตรการให้พอเหมาะเพื่อควบคุมตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้เคลื่อนไหวอย่างสมดุลกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ธนาคารกลางสิงคโปร์ยังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจสิงคโปร์เข้าสู่ระยะฟื้นตัวแล้วหลังจากเผชิญกับภาวะถดถอยรุนแรงในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจยังฟื้นตัวไม่ถึงระดับก่อนเกิดวิกฤตการณ์
ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีลี กวน ยู คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจในประเทศจะขยายตัว 2.5% ในปีนี้ และจะขยายตัว 3% ในปีหน้า
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสิงคโปร์คาดว่าตลาดหุ้นสิงคโปร์จะเผชิญภาวะผันผวนไม่ต่างกับตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆในเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนสถาบันต่างชาติและนักลงทุนรายใหญ่ปรับพอร์ทการลงทุน บลูมเบิร์กรายงานว่า จีดีพี ไตรมาส 3 ขยายตัว 14.9%ต่อปี หลังจากขยายตัวอย่างแข็งแกร่งถึง 22%ต่อปี ในไตรมาส 2
ทั้งนี้ สิงคโปร์ต้องพึ่งพาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การค้า และการเงินเป็นหลัก เพื่อให้สามารถประคองสถานการณ์เป็นประเทศที่มีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่สูงสุดในเอเชีย โดยภาคการผลิตของสิงคโปร์ขยายตัว 35%ต่อปีในไตรมาส 3 ส่วนภาคบริการขยายตัว 9.5%
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #49 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 11:37:51 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #50 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 11:38:44 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sue662
|
|
« ตอบ #51 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 11:41:01 AM » |
|
มาสวัสดีแล้วก็ขอบคุณคุณทองใหม่ค่ะ พักผ่อนมากๆหายเร็วๆนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #52 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 11:58:20 AM » |
|
๑ชม.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #53 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 11:58:53 AM » |
|
๔ชม.
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
brabus
บุคคลทั่วไป
|
|
« ตอบ #54 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 12:25:05 PM » |
|
ขอบคุณครับ ขอบคุณค่ะ ขอบคุณค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #55 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 01:14:19 PM » |
|
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง ขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลง ขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้[/size] ทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #56 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 01:15:20 PM » |
|
ดัชนีเงินเมกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #57 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 01:19:24 PM » |
|
น้ำมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #58 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 01:29:56 PM » |
|
บทวิเคราะห์ทองคำ (10-11-52)
10 พ.ย. 2552
สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สค่อยๆปรับตัวขึ้นตามคาด โดยมี Discount ลดลงอย่างเห็นได้ชัด เมื่อราคาทองคำสปอตปรับตัวพ้น $1,100 ก่อนถูกเทขายทำกำไรเมื่อคืน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,400/500 บาท เงินบาทแข็งค่า
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้ ดอลลลาร์อ่อนค่าพร้อมกับราคาทองคำและค่าเงินยูโรที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นไปต่อเนื่องรับมาตรการของ G20 ที่จะทิ้งมาตรการอัดฉีดต่างๆไว้ในระบบโดยไม่ได้ให้ความสนใจเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าหรือเงินเฟ้อแต่อย่างใด ดังที่เราได้ให้มุมมองไปเมื่อวานนี้ นักลงทุนจึงมีการเก็งกำไรดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อเนื่อง [Bloomberg, Reuters] พายุโซนร้อนไอด้า(Ida)เริ่มพัดเข้าอ่าวเม็กซิโกซึ่งเป็นแหล่งขุดเจาะน้ำมันที่สำคัญ ส่งผลให้ผู้ผลิตน้ำมันต้องลดอัตราการผลิตลง ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรุนแรงต่อเนื่อง [Bloomberg, TCAF Research] ราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นไป ไม่รุนแรงพอที่จะปรับพ้นแนวต้านสำคัญ ประกอบกับว่าไม่มีปัจจัยผลักดันรุนแรงต่อ นักลงทุนจึงพากันเทขายทองคำออกมาเพื่อทำกำไร [TCAF Research] นักลงทุนจะจับตามองรายงานผลสำรวจนักวิเคราะห์ ZEW ของเยอรมัน ซึ่งเรามองว่าความอ่อนแอของภาคธนาคารน่าจะส่งผลให้นักลงทุนทำกำไรยูโรและทองคำอย่างต่อเนื่อง [TCAF Research]
แนวโน้มทองคำวันนี้ ถึงว่าแนวโน้มดอลลาร์อ่อนค่าจะส่งผลบวก แต่ราคาทองคำที่ยังไม่สามารถปรับตัวพ้นแนวต้านสำคัญได้น่าจะส่งผลให้เกิดการเทขาย เราจึงคาดว่า"ราคาทองคำน่าจะเริ่มแกว่งตัวลง" เราจึงแนะนำให้ "เริ่มสะสม SHORT เพื่อทำกำไรในสัปดาห์"
มุมมองทองคำ ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯน่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดราคาทองคำในช่วงนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #59 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 01:33:30 PM » |
|
Daily Update 10-11-52
10 พ.ย. 2552
Gold Market Commentary
ประเด็นสำคัญ - กลุ่มจี-20 บ่งชี้ว่า อัตราดอกเบี้ยทั่วโลกจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำต่อไป - ปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,111.70 ดอลลาร์/ออนซ์ - น้ำมันดิบปิดพุ่ง 2.6% รับวิตกพายุ,ดอลล์อ่อน - ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 203 จุดแตะระดับสูงสุดรอบ 13 เดือน
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังจากที่พุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,111.70 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงแรก ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงจากคาดการณ์ถึงเงินทุนหมุนเวียนในระดับสูง ท่ามกลางภาวะแวดล้อมอัตราดอกเบี้ยต่ำหลังการประชุมจี-20 ในช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดทองคำยังได้รับแรงหนุนจากสัญญาน้ำมันดิบที่ทะยานขึ้นหลังจากมีรายงานว่าบริษัทพลังงานในอ่าวเม็กซิโกสั่งอพยพพนักงานและปิดสายการผลิตบางส่วนเนื่องจากพายุเฮอร์ริเคน"ไอด้า"เคลื่อนตัวเข้าสู่ฐานการผลิตน้ำมันในอ่าวเม็กซิโก การคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำจะยิ่งทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนแอลง และจะกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อสัญญาสินค้าโภคภัณฑ์อย่างคึกคัก รวมถึงน้ำมันดิบและทองคำ นิโคลาส บรู๊คส์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท ETF Securities กล่าวว่า สัญญาทองคำทะยานขึ้นเนื่องจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อิทธิพลของพายุไอด้าที่ส่งผลให้บริษัทพลังงานปิดสายการผลิตบางส่วนทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นด้วย กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,114.443 ตัน ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 10.924 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52 โดยกองทุนได้ถือครองทองคำเพิ่มแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,134.04 ตัน เมื่อ 1 มิถุนายน 2552 กลยุทธ์ ช่วงทำการวันพุธ อาจจะเป็นช่วงที่อาจเกิดช่วงเวลาการเปลี่ยนแนวโน้มเกิดขึ้นได้ ให้แนวจุดขาดทุนไว้ที่ระดับราคา 1,101 US$
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|