Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: จุดชมวิว 2009/11/7-8  (อ่าน 9565 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Icy
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1188



« ตอบ #30 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:04:11 AM »

ถ้ามองจากกราฟ กราฟทำ EvE  หรือ โค้งหลังคา (ก่อนหน้าล้มเหลว มาสามครั้ง จึงเป็นการฟอร์มตัวที่เรียกว่า AB=CD)  ตอนนี้ขึ้นมาในระดับ 1.618AB แล้วโดยอาจมียอดโค้งประมาณ 1115 (อ พอล เคยมีตัวเลข 1117)

ประเมินต่ำๆ 1115 - 1090 = 25 เหรียญ ไม่เบาเลยนะคะ ระดีบนี้


Zero Zone = 1090 - 1097
หลุด 1089 ชอตไปหา 1080
หลุด 1097 ลองไปหา 1110.5x


บันทึกการเข้า

ข้อเขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น

ffr_manoj243
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 895


« ตอบ #31 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:07:49 AM »

ขอบคุณ .. คุณ Icy มากครับ

ที่กรุณา "นำข่าว IMF ขายทองให้อินเดีย" มาช่วยวิเคราะห์ .. "ในมุมมองของคุณ Icy"

พอดี .. ยังขาด "ข่าวชิ้นสำคัญ" ซึ่งก็คือ  เบื้องหลัง "การเชื่อมโยง . อเมริกา กับอินเดีย"

ซึ่ง จากข่าว "IMF เลือกที่จะขายทองให้อินเดีย"

จึงกลายเป็น .. "ข้อพิสูจน์ ในสมมุติฐาน" ที่ผมนำ "Jigsaw" เหล่าๆนี้ .. มาให้เพื่อนๆ คิดวิเคราะห์ข่าวกัน


http://news.thaiza.com/%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%20%E0%B8%96%E0%B8%81%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%B3%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B6%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B5_1212_156971_1212_.html

http://search.speedbit.com/searchresults.asp?site=web&prevsite=web&q=%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%88+%E0%B9%84%E0%B8%9B%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2&client=pub-1734327923886716&forid=1&channel=9518150362&ie=UTF-8&oe=UTF-8&cof=GALT%3A%23008000%3BGL%3A1%3BDIV%3A%23336699%3BVLC%3A663399%3BAH%3Acenter%3BBGC%3AFFFFFF%3BLBGC%3A336699%3BALC%3A0000FF%3BLC%3A0000FF%3BT%3A000000%3BGFNT%3A0000FF%3BGIMP%3A0000FF%3BFORID%3A11&hl=en&sa=Google+Search


* IMF จะขายทองได้ .. ต้องได้รับการอนุมัติจากประเทศสมาชิก และสภาคองเกรสสหรัฐ และต้องใช้ "Schdule" ที่ระบุรายละเอียดหรือกำหนดการขายทองและระยะเวลา  ที่ออกโดย "สภาคองเกรสของสหรัฐ" .. ในฐานะที่เป็น "ผู้ถือเสียงข้างมาก 17%" ในกลุ่มประเทศสมาชิก IMF


ดังนั้น  "การที่ IMF .. เลือกที่จะขายทองให้อินเดีย"
จึงเชื่อมโยงไปถึง "นโยบายทางเศรษฐกิจของอเมริกา" อย่างหลีกเลี่ยงมิได้




P.12 : " ..This provision means that the United States, with a voting share of over 17 percent, retains the only single-country veto over major IMF decisions, including any decision that would reduce its voting power and increase or decrease that of other countries. .."

P.2 : " .. the fact that the position of IMF Executive Director has always been reserved for a European, U.S. possession of a formal veto over important categories of IMF decisions, problems with the way developing country are represented on the Fund?s Executive Board ? to foster perceptions of systematic unfairness..."

REFORMING THE IMF?S WEIGHTED VOTING SYSTEM
http://www.g24.org/Rapkin.pdf
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:57:40 AM โดย ffr_manoj243 » บันทึกการเข้า
Icy
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1188



« ตอบ #32 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:31:12 AM »

ขอบคุณ อ มาโนชมากคะ สำหรับข้อมูล เพิ่มเติม

อ่านเจอ ตรงนี้ สดุดเลย เมกา กำลังสร้างภาวะตึงเครียด ในด้านการสงครามในภาค เอเซีย


ฮิลลารี คลินตัน กับรมว.ต่างประเทศอินเดีย เอส.เอ็ม. กฤษณะ



       รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ฮิลลารี คลินตัน ลงจากเครื่องบินในเมืองมุมไบเมื่อวันศุกร์(17) เพื่อเริ่มการปรึกษาหารือทางการเมืองในระดับสูงครั้งแรก ระหว่างคณะรัฐบาลบารัค โอบามากับอินเดีย นับแต่ที่โอบามาเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
      
       คลินตันไม่ได้มีกำหนดนัดหมายเร่งด่วนอะไรเลยในมุมไบ แต่เธอก็ยังใช้เวลาระยะหนึ่งก่อนจะมาถึงกรุงนิวเดลีในวันอาทิตย์(19) เธอกล่าวย้ำว่าคณะรัฐบาลโอบามามุ่งหวังที่จะมีความสัมพันธ์แบบพื้นฐานกว้างขวางกับอินเดีย โดยที่จะไปไกลกว่า "การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์" ซึ่งโดดเด่นด้านการทหาร แบบที่คณะรัฐบาลจอร์จ ดับเบิลยู บุช มุ่งมาตรปรารถนา และนิวเดลีเองก็คุ้นเคยเป็นอันดี
      
       เห็นได้ชัดว่าโอบามาปรารถนา "ความสดใหม่" ในความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสหรัฐฯ-อินเดีย ทว่าพวกนักยุทธศาสตร์ของอินเดียยังคงวนเวียนอยู่ในความเชื่ออันงดงามซึ่งทนุถนอมกันไว้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ที่ว่าอนาคตของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างสหรัฐฯ-อินเดียนั้นวางอยู่บนพื้นฐานที่สองประเทศกำลังก้าวเดิน "เคียงบ่าเคียงไหล่กัน" ในแง่ของการมี "วิสัยทัศน์" ร่วมกัน
      
       มองจากฝ่ายอินเดียแล้ว "วิสัยทัศน์"ดังกล่าวนี้หมายความว่า สหรัฐฯยอมรับความสำคัญลำดับสูงสุดของอินเดีย ในฐานะที่เป็นมหาอำนาจทางทหารอันดับหนึ่งในภาคมหาสมุทรอินเดีย และมุ่งช่วยเสริมต่ออินเดียให้แข็งแกร่งขึ้นอีก เพื่อเป็นชาติเอเชียรายหนึ่งที่จะคอยถ่วงน้ำหนักจีนเอาไว้ "วิสัยทัศน์"เช่นนี้ทำท่าไปได้สวยงามทีเดียวในยุคของบุช อินเดียได้ดำเนินการสิ่งที่เหมือนกับการฝึกซ้อมทางทหารกับสหรัฐฯถึง 50 ครั้งในระหว่าง 5 ปีที่ผ่านมา
      
       ทว่าโอบามามีการจัดลำดับความสำคัญที่แตกต่างออกไป อเมริกาที่เขารับมรดกมามีเรื่องที่ถือว่าสำคัญแตกต่างไปจากเดิมแล้ว โลกก็เช่นกันได้เปลี่ยนแปลงไปภายหลังการทรุดตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก คลินตันจึงกำลังกระทำภารกิจทางการทูตในฐานะผู้นำข่าวสารอันน่าตื่นตระหนกมายังนิวเดลี
      
       ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อินเดียในเวลานี้มีลักษณะคล้ายๆ การแต่งงานอยู่เหมือนกัน นั่นคือคู่ครองฝ่ายหนึ่งเกิดต้องการที่จะมีที่ทางของตนเองขึ้นมาบ้าง สำหรับสหรัฐฯแล้ว ความเป็นจริงที่หนักแน่นแน่นอนก็คือ ปากีสถานต่างหากที่จะเป็นหมากตัวศูนย์กลางในการดำเนินนโยบายระดับภาคต่อเอเชียกลางและต่ออ่าวเปอร์เซียในช่วงเวลาต่อจากนี้ไป
      
       ฝ่ายอินเดียตั้งความหวังว่าจะเสนอหลักเหตุผลอันน่าเชื่อถือทั้งหลายต่อคลินตัน เพื่อให้เข้าอกเข้าใจว่าทำไมสหรัฐฯและอินเดียจึงควรร่วมมือกันในฐานะหุ้นส่วน เพื่อกดดันปากีสถานให้ปรับปรุงแก้ไขผลงานที่ยังย่ำแย่ทั้งในด้านการก่อการร้ายระหว่างประเทศ และการแพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ แต่แล้วคลินตันกลับแสดงท่าทีกระจ่างชัดแจ๋วว่า วอชิงตันกำลังชื่นชมผลงานของปากีสถานใน "สงครามต่อต้านการก่อการร้าย" และคลังแสงนิวเคลียร์ของปากีสถานก็ได้รับการรักษาเอาไว้อย่างแน่นหนาปลอดภัย พฤติกรรมในอดีตของกรุงอิสลามาบัดนั้นไม่เป็นไรหรอก สิ่งที่มีความหมายคือปัจจุบันต่างหาก
      
       อินเดียจะผิดพลาดมากหากมองเรื่องนี้อย่างไม่ถูกต้อง หัวใจของเรื่องนี้ก็คือ สหรัฐฯไม่สามารถยินยอมให้ฝ่ายที่สามใดๆ มารบกวนกิจการอันสำคัญยิ่งยวดของตน ที่จะมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับอิสลามาบัดในการทำให้อัฟกานิสถานกลับมีเสถียรภาพ โดยผ่านการสนทนาพูดจากับพวกตอลิบาน ดังที่โฆษกของฝ่ายทหารปากีสถานได้บอกกับซีเอ็นเอ็นระหว่างการให้สัมภาษณ์เมื่อเร็วๆ นี้ว่า ต้องเป็นฝ่ายข่าวกรองปากีสถานนั่นแหละจึงจะสามารถนำเอาพวกแกนนำหัวแข็งกร้าวของตอลิบานอย่างเช่น มุลลาห์ โอมาร์ และ จาลาลุดดิน ฮักกอนี เข้าสู่โต๊ะเจรจากับสหรัฐฯได้

      
       ยิ่งกว่านั้น ในขณะที่เกมแข่งขันช่วงชิงอำนาจในเอเชียกลางกำลังดุเดือดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งถ้าหากสถานการณ์เกี่ยวกับอิหร่านก็ยังคงมีความสำคัญยิ่งยวดแล้ว ปากีสถานย่อมกลายเป็นหุ้นส่วนสำคัญที่สุด การที่ปากีสถานถูกดึงเอาไปผนวกกับองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือแม้จะเป็นไปอย่างไม่เนียนและไม่ราบรื่น แต่ก็เป็นหลักฐานชี้ชัดถึงจุดนี้ โชคร้ายที่ฝ่ายอินเดียกลับไม่เข้าใจแผนการเช่นนี้
       
       ในปัจจุบัน นโยบายระดับภาคของอินเดียกำลังมาถึงจุดต่ำสุด และอิทธิพลของอินเดียที่มีต่อเอเชียกลางก็แทบจะเท่ากับศูนย์
       
       เป็นเรื่องน่าเย้ยหยันที่ในระยะไม่กี่ปีหลังมานี้ นิวเดลีได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อทำให้นโยบายต่อภาคของตนสามารถประสานสอดคล้องเข้ากับนโยบายของสหรัฐฯ อินเดียตอบสนองต่อสงครามเย็นครั้งใหม่ที่ปะทุขึ้นมาด้วยการทำตัวเหินห่างจากรัสเซีย ผู้เป็นพันธมิตรเก่าแก่ของตน อินเดียตอบสนองต่อความขัดแย้งสหรัฐฯ-อิหร่านในกรณีโครงการนิวเคลียร์ของเตหะราน ด้วยการทำให้สายสัมพันธ์อันใกล้ชิดและเป็นมิตรที่มีอยู่กับอิหร่านต้องโรยราลง อินเดียตอบสนองยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนของสหรัฐฯ ด้วยการยอมรับเห็นพ้องกับแนวความคิดอันประหลาดในเรื่องพันธมิตร 4 ฝ่ายกับสหรัฐฯ,ญี่ปุ่น, และออสเตรเลีย

      
       แล้วความสัมพันธ์สหรัฐฯ-อินเดียจากนี้จะเดินต่อไปทางไหน? นิวเดลีนั้นแทบไม่มีทางเลือกตลอดจนมีความโน้มเอียงน้อยมากที่จะปรับเปลี่ยนถอยออกจากนโยบายการต่างประเทศที่ถือสหรัฐฯเป็นศูนย์กลางเช่นนี้ ชนชั้นทางการเมืองของอินเดียไม่ว่าจะในพรรคคองเกรสที่กำลังเป็นรัฐบาล หรือพรรคภรติยะ ชนะตะฝ่ายค้าน ตลอดจนสื่อมวลชนของบริษัทใหญ่ในอินเดียและชนชั้นกลางทั้งหลาย ก็ล้วนแต่ "นิยมสหรัฐฯ" ทั้งสิ้น
      
       (เก็บความตัดทอนจากเรื่อง Clinton delivers unwanted tidings to New Delhi
       เขียนโดย M K Bhadrakumar อดีตเอกอัครราชทูตอินเดียที่เคยประจำอยู่ในหลายประเทศ อาทิ สหภาพโซเวียต, เกาหลีใต้, ศรีลังกา, เยอรมนี, อัฟกานิสถาน, ปากีสถาน, อุซเบกิสถาน, คูเวต, และตุรกี)




ที่มา http://www.manager.co.th/asp-bin/mgrview.aspx?NewsID=9520000082594

ข้อมูลจาก Manager Online

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:38:38 AM โดย Icy » บันทึกการเข้า

ข้อเขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น

dada
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 140


« ตอบ #33 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:41:40 AM »

 Shocked Shocked Shocked  สองปรมาจาร์ย
บันทึกการเข้า

คนร้ายในคราบนักบุญ  น่าสะพึงกลัวกว่าสิ่งใด
Icy
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1188



« ตอบ #34 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:45:36 AM »

อินเดีย นิยม เมกา มานาน และทำให้คนอินเดีย มีความรู้ความสามารถ เพิ่มพูน ในด้าน เทคโนโลยี (ที่เริ่ม มาพร้อมๆ กับจีน ในยุค บุกเบิกไอที) จนปัจจุบัน อินเดีย สามารถยิงจรวดส่งดาวเทียมได้ และ มีความสามารถเชิงนิวเคลียร์ ทังด้านพลังงาน และ อาวุธ


เมกา จึง เลือกอินเดีย เป็น จุดยุทธศาสตร์ และ เป็นปราการแนวต้าน ต่อ การสงคราม กับ จีน อิหร่าน โดย มี ปากีสถาน เป็นแนวหน้าของอีกฝ่าย

แต่ ปัจจุบัน เมกา ต้องการผนวก ปากีสถานเข้ามาเป้นพวก จึงอยากพยายามเกลี้ยกล่อม อินเดีย อาจโดยการเอาใจ โดยขายทองให้เพื่อมีศักยภาพ เอาไปปันได้ในตลาดโลก



และ ไทยเอง เป็นจุดยุทธศาตร์ ในด้าน กำลังหนุน แต่โดนย้ายฐานไปอยู่ ฟิลิปปินส์  

อาจไม่คาดฝัน IMF อาจมาเจรจา ติดต่อขายทองให้ไทยสัก 100 ตัน พร้อมแผน ให้เงินถู้ยืม ซึ่งไทย กำลังมีความต้องการเงินอย่างยิ่งยวด จึงรีบใช้งบให้เกลี้ยง ก่อน พฤศจิกา  เพื่อรองรับเงินระลอกใหม่จาก IMF อีกเป็น หลายล้านๆๆๆๆ 

มิน่า มิน่า ไทย กะ จุดจุดจุด  หนีสิ้นล้นฟ้า กำลังมาเยือนไทย นี่เอง
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:59:17 AM โดย Icy » บันทึกการเข้า

ข้อเขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น

ben10
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 183



« ตอบ #35 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:51:35 AM »

เข้ามาขอบคุณคุณไอซี่เช่นเดิมค่ะ  ขอแอบฟังแอกเก็บและจดๆๆๆๆๆ นะคะ  Wink Wink  ตอนนี้ก็เดิมที่มีตั้งใจไม่ขายแล้ว  อิอิ ตั้งตาตั้งตาเก็บลูกเดียว   Grin Grin
บันทึกการเข้า

ใครชอบใครชัง ชั่งเถิด
ใครเชิดใครแช่ง ช่างเขา
ใครเบื่อใครบ่น ทนเอา
ใจเราร่มเย็น เป็นพอ
Icy
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1188



« ตอบ #36 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 09:02:42 AM »

ทานข้าวเช้าก่อน คะ อิอิอิ
บันทึกการเข้า

ข้อเขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น

ben10
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 183



« ตอบ #37 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 09:19:19 AM »

รบกวนคุณไอซี่นิดนึงนะคะ  ถ้าทองขึ้นได้ขนาด 3-4หมื่นต่อบาท แสดงว่าน้ำมันต้องถูกลากไปด้วยรึป่าวคะ  เพราะปกติทองกับน้ำมันจะไปด้วยกัน  เบนเข้าใจถูกรึป่าวคะ  Smiley
บันทึกการเข้า

ใครชอบใครชัง ชั่งเถิด
ใครเชิดใครแช่ง ช่างเขา
ใครเบื่อใครบ่น ทนเอา
ใจเราร่มเย็น เป็นพอ
ppjj
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 59


« ตอบ #38 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 09:40:35 AM »

คุณไอซ์ค่ะ งั้นทยอยเก็บดีมั้ยค่ะ ทองแท่งค่ะ Smiley Smiley Smiley
บันทึกการเข้า
Icy
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1188



« ตอบ #39 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 10:31:49 AM »

รบกวนคุณไอซี่นิดนึงนะคะ  ถ้าทองขึ้นได้ขนาด 3-4หมื่นต่อบาท แสดงว่าน้ำมันต้องถูกลากไปด้วยรึป่าวคะ  เพราะปกติทองกับน้ำมันจะไปด้วยกัน  เบนเข้าใจถูกรึป่าวคะ  Smiley

น้ำมัน กำลัง ลด บทบาทตัวเองลง สำหรับยานยนต์ เดือนก่อน ดูข่าว ที่เมกาเปิดตัว เอารถพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้า ออกมาฉายให้ดู รถคันเล็กมากคะ เล็กกว่า แจส อีก นั่งได้ สองคนมั้งคะ (กำลังคิดว่า ถ้าเป็นครอบครัวจะทำอย่างไร และถ้าต้องใช้เพือการขนส่งจะทำอย่างไร)

สองอาทิตย์ก่อน เห็นสารคดี แนชชั่นแนล ออกมาอีก สอนวิธีเติมพลังงานไฟฟ้าให้กับรถ แค่เสียบปลั๊ก

ยังมีทีเด็ดสุดยอด เอาน้ำ มาใช้ ซึงคง เป็น สินค้ารุ่นต่อไปนะคะ (จริงๆ ซาอุซื้อลิขสิทธิ์นี้ ไปจาก มหาลัยควีนแลนด์ ที่ออสเตรเลีย เมื่อ สามสิบปีที่แล้ว)

รถที่ว่า วิ่งได้ _60 ไมล์ต่อ ชมคะ


ดังนั้น ประเทศในกลุ่ม กำลังพัฒนา อาจต้อง พึ่ง น้ำมัน เพื่อการบรรทุกขนส่งไปอีกระยะ โลก อาจมีการจำกัด การใช้พลังงานน้ำมัน เป็นบางพื้นที่  เราเองเลยเป็น เป้าหมาย ของกลุ่มอาหรับ


เมื่อเราต้อง พึ่งพาน้ำมัน ในขณะที่ ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ต้องพึ่ง น้ำมัน อาจมีราคาแพง โดยไม่สนใจได้อีก เพราะดีมานด์อยู่ที่ ประเทศโลกที่สาม ซึ่งอาจสามารถ มีให้ใช้ได้อีก เป็น ร้อยๆๆๆ ปี ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว เลิกใช้น้ำมันไปแล้ว อย่าง บัฟฟเฟต เข้าซื้อกิจการรถไฟ เป็นเรี้องไม่ธรรมดา การขนส่งของ เมกา อาจไม่ต้องพี่งพาน้ำมันอีกต่อไป อาจกลับมาใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ + พลังงานลม + พลังงานนิวเคลียร์ + พลังงานความร้อนใต้ภิภพ ดังนั้น ธุรกิจโฉมใหม่และยิ่งใหญ่ของการรถไฟ เมกากำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


คะ น้ำมันจะแพงมากในอนาคต แต่มีแต่พวกเราคะ ที่เขา บังคับให้ซื้อ แหะๆๆๆๆ
บันทึกการเข้า

ข้อเขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น

~ uma ~
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 98



« ตอบ #40 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 10:37:29 AM »

ไงก็ต้องทนล่ะค่ะ เพราะเราไม่มีบ่อน่ำมันเองอ่ะ
บันทึกการเข้า
ffr_manoj243
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 895


« ตอบ #41 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 10:53:34 AM »

ตอนนี้!  เรามักจะเห็นข่าว  การกีดกันทางการค้า / Protectionism

ที่อเมริกา .. กำลังขึ้นภาษี .. สินค้าที่ส่งมาจาก จีน

อินเดีย .. จึงกลายเป็น "ตาอยู่" ทางการค้า

ที่แลกกับ .. การเป็น .."ฐาน" ที่อเมริกา .. จะรุกคืบ เข้าไปใน ปากีสถาน ฯ


จึงเป็นเรื่อง .. "ผลประโยชน์ .. ต่างตอบแทน"


แต่ที่ .. แน่ๆ!

ปริมาณทองคำ ของ IMF จะลดลง 200 ตัน .. ในขณะที่ .. ราคาทองคำ กำลังพุ่งขึ้นสู่ระดับ 11xx

นี่คือ  .. บทสรุป!  ของการที่อินเดีย ซื้อทองจาก IMF

(แต่ จะมีการจ่ายเงินกันจริงหรือเปล่า? .. เท่านั้น
หรืออาจจะกลายเป็น .. อินเดีย แอบเทขายทอง 200 ตัน ที่ 11xx ?
ผลก้ไม่แตกต่างกัน .. )
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 08, 2009, 10:57:41 AM โดย ffr_manoj243 » บันทึกการเข้า
Icy
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1188



« ตอบ #42 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 11:05:19 AM »

GoldTeller 
Member   Join Date: Jul 2008
Posts: 970 
 
 

--------------------------------------------------------------------------------

Quote:
Originally Posted by winterymix 
All this talk of Elliott Waves is fine and good but perhaps we should discuss market temperament.

Specifically, when market psychology flips and everyone heads for the door, you already want to be out. If not, it is too late.

I'm shorting the market like a maniac and loosing on paper; hope it flips and works out!


Okidoki

China informed that the POG is too high, and turn to buy directly from mine sources!


Some say India bought gold with too high price (But India sold US tressuries in low price while buy back gold in hign price from US) - that mean US bought cheap thing back and sold expensive in return!


SriLanka need to reserve more gold because India cut rate and will bright Rupee down with IMF support by Loan (mean more debt visit Srilanka)



All are funny but I dont see why US are in crisis situation at all - more day past , richer US is!


Europe and Asia, instead, are being in creating big big big and big Bubble! how to say!!!

but this bubble wont stop yet while I expose this - US still keep pump this Bubble Hahaha
บันทึกการเข้า

ข้อเขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น

ben10
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 183



« ตอบ #43 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 11:06:33 AM »

รบกวนคุณไอซี่นิดนึงนะคะ  ถ้าทองขึ้นได้ขนาด 3-4หมื่นต่อบาท แสดงว่าน้ำมันต้องถูกลากไปด้วยรึป่าวคะ  เพราะปกติทองกับน้ำมันจะไปด้วยกัน  เบนเข้าใจถูกรึป่าวคะ  Smiley

น้ำมัน กำลัง ลด บทบาทตัวเองลง สำหรับยานยนต์ เดือนก่อน ดูข่าว ที่เมกาเปิดตัว เอารถพลังงานแสงอาทิตย์และไฟฟ้า ออกมาฉายให้ดู รถคันเล็กมากคะ เล็กกว่า แจส อีก นั่งได้ สองคนมั้งคะ (กำลังคิดว่า ถ้าเป็นครอบครัวจะทำอย่างไร และถ้าต้องใช้เพือการขนส่งจะทำอย่างไร)

สองอาทิตย์ก่อน เห็นสารคดี แนชชั่นแนล ออกมาอีก สอนวิธีเติมพลังงานไฟฟ้าให้กับรถ แค่เสียบปลั๊ก

ยังมีทีเด็ดสุดยอด เอาน้ำ มาใช้ ซึงคง เป็น สินค้ารุ่นต่อไปนะคะ (จริงๆ ซาอุซื้อลิขสิทธิ์นี้ ไปจาก มหาลัยควีนแลนด์ ที่ออสเตรเลีย เมื่อ สามสิบปีที่แล้ว)

รถที่ว่า วิ่งได้ _60 ไมล์ต่อ ชมคะ


ดังนั้น ประเทศในกลุ่ม กำลังพัฒนา อาจต้อง พึ่ง น้ำมัน เพื่อการบรรทุกขนส่งไปอีกระยะ โลก อาจมีการจำกัด การใช้พลังงานน้ำมัน เป็นบางพื้นที่  เราเองเลยเป็น เป้าหมาย ของกลุ่มอาหรับ


เมื่อเราต้อง พึ่งพาน้ำมัน ในขณะที่ ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ต้องพึ่ง น้ำมัน อาจมีราคาแพง โดยไม่สนใจได้อีก เพราะดีมานด์อยู่ที่ ประเทศโลกที่สาม ซึ่งอาจสามารถ มีให้ใช้ได้อีก เป็น ร้อยๆๆๆ ปี ในขณะที่ประเทศที่พัฒนาแล้ว เลิกใช้น้ำมันไปแล้ว อย่าง บัฟฟเฟต เข้าซื้อกิจการรถไฟ เป็นเรี้องไม่ธรรมดา การขนส่งของ เมกา อาจไม่ต้องพี่งพาน้ำมันอีกต่อไป อาจกลับมาใช้ พลังงานแสงอาทิตย์ + พลังงานลม + พลังงานนิวเคลียร์ + พลังงานความร้อนใต้ภิภพ ดังนั้น ธุรกิจโฉมใหม่และยิ่งใหญ่ของการรถไฟ เมกากำลังจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง


คะ น้ำมันจะแพงมากในอนาคต แต่มีแต่พวกเราคะ ที่เขา บังคับให้ซื้อ แหะๆๆๆๆ

ขอบคุณมากๆเลยค่ะคุณไอซี่  Wink   แสดงว่าทั้งน้ำมันและทองยังเป็นสิ่งที่น่าจับตาและสะสม Grin Grin อิอิ  ตอนนี้น้ำมันน่าเก็บรึยังคะ   :Smiley เบนรอ 75ค่ะ เป้าหมายยังประมาณนี้รึป่าวคะ หุหุ รบกวนอีกแล้วววว Tongue  ขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ
บันทึกการเข้า

ใครชอบใครชัง ชั่งเถิด
ใครเชิดใครแช่ง ช่างเขา
ใครเบื่อใครบ่น ทนเอา
ใจเราร่มเย็น เป็นพอ
Icy
Moderator
Hero Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1188



« ตอบ #44 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 11:10:57 AM »

คุณไอซ์ค่ะ งั้นทยอยเก็บดีมั้ยค่ะ ทองแท่งค่ะ Smiley Smiley Smiley


ห้าห้าห้า เห้ฯ เจ้ามือ กำลังทะยอยเก็บนะคะ โดย ซื้อมาจากแหล่ง ลุกค้า ของตัวเอง

ผู้ซัพพลาย กำลังไล่ซื้อ แต่ ผู้บริโภค กำลังเร่งขาย  .... ตลกดี นะคะ
บันทึกการเข้า

ข้อเขียนทั้งหมด เป็นเพียงมุมมองส่วนตัว เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเท่านั้น

Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 6   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: