Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: [1] 2 3 ... 9   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: นานาสาระ ... แต่ไม่ไร้สาระ เก็บมาฝาก.....  (อ่าน 28832 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:50:11 AM »

ก่อนที่โครงสร้างร่างกายจะเสียสมดุล เราควรต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตตัวเองใหม่ ใส่ใจกับตัวเองให้มากขึ้น
เพื่อให้ร่างกายอยู่ได้อย่างเต็มศักยภาพตลอดอายุขัย ซึ่ง "เพ็ญพิชชากร แสนคำ"
นักกายภาพบำบัดจากสถาบันปรับโครงสร้างร่างกาย ซีเคร็ท เชฟ เวลาเนส เซ็นเตอร์ ได้สรุปพฤติกรรมที่
ทำให้โครงสร้างร่างกายเสียสมดุล เอาไว้ 10 ข้อดังนี้

1. การนั่งไขว่ห้าง จำทำให้น้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่ง เป็นผลให้กระดูก
คดอย่างแน่นอน หรืออาจจะคดแล้วก็ได้โดยที่ไม่รู้ตัว

2. การนั่งกอดอก ทำให้หลังช่วงบน สะบักและหัวไหล่ ถูกยืดยาวออก หลังช่วงบน
ค่อม และงุ้มไปด้านหน้า ทำให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้า มีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขน อาจทำให้มืออ่อนแรง หรือขาได้
นอกจากนี้ยังมีผลต่อหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เพราะถ้ากระดูกคอผิดรูป จะทำให้กล้ามเนื้อคอเกร็ง
และจำกัดการไหลเวียนของเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เป็นสาเหตุของการอาการปวดศีรษะ หรืออาจทำให้เป็นไมเกรนเรื้อรังได้

3. การนั่งหลังงอ / นั่งหลังค่อม เช่น การอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ติดต่อการนาน ๆ เป็นชั่วโมงจะทำให้กล้ามเนื้อค้าง เกิดการคั่งของกรดแลกติค ทำให้มีอาการเมื่อยล้า ปวดและมีปัญหาเรื่องกระดูกผิดรูปตามมา

4. การนั่งเบาะเก้าอี้ไม่เต็มก้น การนั่งเก้าอี้ส่วนใหญ่ จะชอบนั่งแบบครึ่ง ๆ ก้น ซึ่งส่งผลทำให้กล้ามเนื้อหลังต้องทำงานหนัก เพราะฐานในการรับน้ำหนักตัวแคบ แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้านั่งให้เต็มก้น คือเลื่อนให้เข้าในสุดจนติดผนังพิง จะทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานน้อยและเกิดการรองรับน้ำหนักตัวได้เต็มที่

5. การยืนพักขาลงน้ำหนักด้วยขาข้างเดียว การยืนที่ถูกต้อง ควรลงน้ำหนักที่ขาทั้งสองข้างเท่า ๆ กันโดยยืนให้ขากว้างเท่าสะโพก จะทำให้เกิดความสมดุลของโครงสร้างร่างกาย ไม่ทำให้กล้ามเนื้อข้างใดข้างหนึ่งต้องทำงานหนักมากเกินไป ในทางตรงกันข้าม หากยืนพักขาหรือลงน้ำหนักขาไม่เท่ากันจะทำให้
กระดูกเชิวกรานบิดเบี้ยว ส่งผลให้กระดูกสันหลังคด

6. การยืนแอ่นพุง / หลังค่อม ควรยืนหลังตรง แขม่วท้องเล็กน้อย ขณะยืน เดินหรือนั่ง ให้พยายามแขม่วท้องเล็กน้อย โดยให้มีสติรู้สึกตัวอยู่ตลอด หากเป็นไปได้ควรทำตลอดเวลาเพื่อเป็นการรักษาแนวกระดูกช่วงล่าง ไม่ให้แอ่นและทำให้ไม่ปวดหลัง

7. การใส่ส้นสูงเกิน 1 นิ้วครึ่ง จะทำให้แนวกระดูกสันหลังช่วงล่างแอ่นมากกว่าปกติ ซึ่งจะนำมาสู่อาการปวดหลัง และการมีโครงสร้างร่างกายที่ผิด

8. การสะพายกระเป๋าหนักข้างเดียว ไม่ควรสะพายกระเป๋าข้างใดข้างหนึ่งต่อเนื่องกันเป็นเวลานานควรเปลี่ยนเป็นการถือกระเป๋า โดยใช้ร่างกายทั้งสองข้างให้เท่า ๆ กัน อย่าใช้แค่ข้างใดข้างหนึ่งตลอดเพราะจะทำให้ตัวคุณต้องทำงานหนักอยู่เพียงข้างเดียว ส่งผลให้กระดูกสันหลังคดได้

9. การหิ้วของด้วยนิ้ว การใช้นิ้วหิ้วของหนักบ่อย ๆ จะมีผลทำให้มีพังผืดยึดตามข้อนิ้วมือ เพราะจริง ๆแล้ว กล้ามเนื้อในมือเป็นกล้ามเนื้อมัดเล็ก หน้าที่หลักคือ การใช้หยิบจับโดย ไม่หนัก แต่หากต้องใช้จับหรือหิ้วหนัก ๆ จะทำให้เส้นเอ็นมีการเสียดสี และเกิดพังผืดในที่สุด ยิ่งหากหิ้วหนักมาก ๆ จะทำให้รั้งกล้ามเนื้อมัดอื่น ๆ และเกี่ยวโยงไปถึงกระดูกคอ ทำให้กล้ามเนื้อเกร็งมากกว่าปกติ มีผลต่อการทรุดของกระดูกและกดทับเส้นประสาทได้

10. การนอนขดตัว / นอนตัวเอียง    [/b] ท่านอนหงายเป็นท่านอนที่ถูกต้องที่สุด ควรนอนให้ศีรษะอยู่ในแนวระนาบ ขนานกับเพดานไม่แหงนหน้า หรือก้มคอมากเกินไป หมอนหนุนศีรษะต้องไม่แข็งหรือนิ่มเกินไป    ควรมีหมอนรองใต้เข่าเพื่อลดความแอ่นของกระดูกสันหลังช่วงล่าง หากจำเป็นต้องนอนตะแคง ให้หาหมอนข้างกายโดยก่ายให้ขาทั้งหมดอยู่บนหมอนข้าง เพื่อรักษาแนวกระดูกให้อยู่ในแนวตรง
 Smiley
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 12, 2009, 03:42:56 PM โดย moddang » บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 04:56:53 PM »

ออยล์พูลลิ่ง

ออยล์พูลลิ่ง เป็นวิธีบำบัดของอินเดียที่มีมาเป็นเวลาช้านานแล้ว โดยการอมน้ำมันไว้และเคลื่อนน้ำมันไปให้ทั่วช่องปาก ใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที จากนั้นจึงบ้วนทิ้งไป ออยล์พูลลิ่งเป็นที่ฮือฮาเมื่อ Dr. F. Karach, M.D., ได้เสนอรายงานต่อที่ประชุมสัมนาบัณฑิตย์ทางด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศรัสเซียเมื่อปี 2534-2535 การประชุมมีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องมะเร็ง และแบคทีเรียซึ่ง Dr.Karach ได้อธิบายถึงการบำบัดรักษาโรคที่ยอดเยี่ยมไม่เหมือนใคร ด้วยวิธีง่ายๆ โดยใช้การอมน้ำมัน
  
ผลลัพธ์ ของการบำบัดด้วยวิธีนี้ ทำให้ผู้คนตะลึง ประหลาดใจ เต็มไปด้วยความสงสัยในรายงานของเขาเป็นอันมาก อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ได้มีการอธิบาย ซักถามกันถึงการรักษา มีการทดสอบ ทดลองใช้ ทดลองทำ พิสูจน์หาความสมเหตุสมผลที่เกิดขึ้น ต่างก็ยิ่งประหลาดใจถึงผลที่ได้รับจากการรักษาอย่างสมบูรณ์ อีกทั้งยังไม่มีอันตรายใดๆด้วย เป็นการรักษาทางด้านชีววิทยาโดยแท้ ด้วยวิธีการง่ายๆ ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยรักษาโรคได้มากมายหลายชนิด

ออยล์ พูลลิ่งเป็นกระบวนการทางชีววิทยาล้วนๆ แบคทีเรียในช่องปากที่ก่อให้เกิดโรคส่วนใหญ่เป็นสัตว์เซลล์เดียว เซลล์เหล่านี้ปกคลุมด้วยน้ำมันหรือเนื้อเยื่อที่เป็นไขมันซึ่งเป็นเรื่อง ธรรมดาของผิวเซลล์ ( เซลล์ ของคนเราก็ล้อมรอบด้วยส่วนผสมของไขมันเช่นเดียวกัน) เมื่อคุณเทน้ำมันลงในน้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำกับน้ำมันจะแยกกันอยู่ไม่ยอมผสมรวมกัน แต่ถ้าคุณเทน้ำมันสองชนิดเข้าด้วยกัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือ น้ำมันทั้งสองจะผสมรวมและดึงดูดซึ่งกันและกัน นี่คือความลับของออยล์พูลลิ่ง  

เมื่อ คุณใส่น้ำมันลงในปาก เนื้อเยื่อที่เป็นน้ำมันหรือไขมันของแบคทีเรียจะถูกน้ำมันดูดไว้ ขณะคุณเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปาก แบคทีเรียที่ซ่อนอยู่ภายใต้รอยแยกของเหงือกและฟันหรือตามซอกของฟัน จะถูกดูดออกจากที่ซ่อนและติดแน่นอยูในส่วนผสมของน้ำมัน ยิ่งนานยิ่งมาก หลังจากผ่านไป 20 นาที ส่วนผสมของน้ำมันจะเต็มไปด้วยแบคทีเรีย ไวรัส ฯลฯ คุณจึงควรบ้วนทิ้งไปมากกว่าที่จะกลืนมัน  เศษอาหารที่ติดอยู่ตามซอกฟันซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียจะถูกดูดออกด้วยเช่นกัน สิ่งที่ไม่ใช่น้ำมัน ( water based) จะถูกดูดออกด้วยน้ำลาย น้ำลายยังช่วยลดกรดที่เกิดจากแบคทีเรีย
  
เมื่อ แบคทีเรียรวมทั้งพิษร้ายที่เกิดจากแบคทีเรียถูกดูดออกไป จึงเป็นโอกาสดีที่ร่างกายได้ทำการฟื้นฟู การอักเสบทั้งหลายหมดไป กระแสเลือดเป็นปกติ เนื้อเยื่อที่เสียหายได้รับการซ่อมแซม การมีสุขภาพดีจึงกลับมาในที่สุด

อ่านเพิ่มเติมที่   http://www.the-arokaya.com/web/index.php?option=com_content&task=view&id=254&Itemid=35
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2009, 07:08:33 AM โดย moddang » บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
sayong
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 849



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 05:15:43 PM »

สวัสดีค่ะคุณมดแดง Smiley
ขออนุญาติเก็บสาระมาฝากด้วยคนนะคะ Azn

การเลิกบุหรี่
 

การเลิกบุหรี่ ด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ หรือด้วยกระบวนการทางการแพทย์ สามารถ
ช่วยอาการติดแบบ Psysical Addiction ได้ แต่สำหรับ Habit แล้ว ต้องอาศัยกำลังใจ
ความเข้มแข็ง และความตั้งใจจริง ถ้าหากคุณเป็นผู้หนึ่ง ที่คิดจะเลิกบุหรี่

1. ทิ้งบุหรี่ที่คุณมีอยู่ให้หมด หาให้ทั่วว่าคุณอาจจะซุกซ่อนบุหรี่ของคุณเอาไว้ที่ไหน ในกระเป๋าเสื้อ กระเป๋ากางเกง เสื้อแจ็คเก็ต ลินชักโต๊ะทำงาน
โยนทิ้งไม่ให้เหลือแม้กระทั่งมวนเดียว ไม่ว่ามันจะมีราคาแพงแค่ไหนก็อย่าเสียดายเป็นอันขาด

2. ที่เขี่ยบุหรี่ก็ทิ้งไปเสียด้วย กรณีที่เสียดายเพราะมันเป็นเครื่องตกแต่งราคาแพง อาจจะยกให้คนอื่นไปเสีย หรือนำไปเก็บไว้ในที่ ๆ คุณแน่ใจว่า จะไม่มองเห็นหรือหยิบออกมาได้โดยง่าย

3. เปลี่ยนทรงผม จะได้ดูว่า เรากำลังจะเป็นคนใหม่

4. ทำความสะอาดบ้านและเครื่องเรือนทั้งหมด รวมทั้งเสื้อผ้าก็นำมาซักให้สะอาด ให้กลิ่นบุหรี่หมดไป จริงอยู่คนสูบบุหรี่จะไม่ได้กลิ่นเหล่านี้หรอก เพราะความเคยชิน แต่เมื่อเลิกแล้ว คุณจะได้กลิ่นของมัน
5. ดื่มน้ำสะอาดมาก ๆ เพราะมันจะช่วยชำระล้าง Nocotine ออกจากร่างกาย และยังช่วยบรรเทาอาการอยากบุหรี่ได้ด้วย

6. ลดปริมาณสาร Caffeine ที่รับประทานในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟก็ตาม โดยก่อนการเลิกบุหรี่ ควรจะพยายามลดปริมาณสารนี้ให้ได้ประมาณครึ่งหนึ่งของที่เคยรับประทานในแต่ละวัน เพราะ Nicotine ทำให้ caffeine ซึมเข้าร่างกายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น ถ้าหากคุณรับประทาน Caffeine ในปริมาณเท่าเดิม ขณะที่สูบบุหรี่ อาจจะนำไปสู่ภาวะที่เรียกว่า Caffeine Toxicity โดยมีอาการ กระวนกระวายและเครียดได้ แลtนั่นอาจจะทำให้คุณหันกลับไปสูบบุหรี่อีกครั้ง

7. ออกกำลังกาย เพราะนอกจากจะทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ยังช่วยให้เราเอาใจออกห่างจากบุหรี่ได้ด้วย

8. หาเพื่อนที่มีความต้องการจะเลิกบุหรี่ด้วยกันสักคน แล้วเลิกพร้อมกันเพื่อที่จะได้เป็นที่ปรึกษา คอยเตือนและคอยให้กำลังใจกัน หรืออาจจะเป็นการหาแรงบันดาลใจอื่น เช่น เลิกเพื่อลูก เลิกเพื่อบิดามารดา หรือคนรักก็ได้

http://www.thaiclinic.com/medbible/quit_smoking.html
บันทึกการเข้า

ฝันให้ไกลและไปให้ถึง...
ทำทุกย่างก้าวของชีวิตให้มีความสุข
linkกระทู้เก่าค่ะ http://www.goldtraders.or.th/webboard/index.php?topic=4064.0
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 05:26:06 PM »

สวัสดีค่ะ คุณ sayong
ขอบคุณค่ะ  Cheesy เชิญค่ะ ด้วยความยินดีนะคะ   มีแต่วิธีอดบุหรี่หรือคะ  วิธีอดเหล้า หรือเบียร์ ไม่มีหรือคะ  Lips Sealed หัวเราะกันนะ หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
sayong
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 849



« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 05:38:22 PM »

สวัสดีค่ะ คุณ sayong
ขอบคุณค่ะ  Cheesy เชิญค่ะ ด้วยความยินดีนะคะ   มีแต่วิธีอดบุหรี่หรือคะ  วิธีอดเหล้า หรือเบียร์ ไม่มีหรือคะ  Lips Sealed หัวเราะกันนะ หัวเราะกันนะ
ขอหาก่อนนะคะ.... หัวเราะกันนะ หัวเราะกันนะ Grin
บันทึกการเข้า

ฝันให้ไกลและไปให้ถึง...
ทำทุกย่างก้าวของชีวิตให้มีความสุข
linkกระทู้เก่าค่ะ http://www.goldtraders.or.th/webboard/index.php?topic=4064.0
isariya
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 47


« ตอบ #5 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 08:45:11 PM »

สวัสดีค่ะคุณมดแดง
 ขอมาสมัครเป็นแฟนคลับด้วยคนนะคะ
 Grin Wink Tongue หัวเราะกันนะ Kiss :Smiley Tongue Cool Shocked Grin Azn เทวดา หัวเราะกันนะ sleepy Smiley
บันทึกการเข้า
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #6 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 09:47:33 PM »

ด้วยความยินดีอย่างยิ่งค่ะ Cheesy Cheesy Cheesy

นำแง่คิดมาฝากค่ะ

ทุกเช้าก่อนออกจากบ้าน.......อย่าลืมคิดถึงสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำเหล่านี้
 
1. เครื่องประดับที่สวยที่สุดบนเรือนร่าง คือ รอยยิ้ม

2. งานที่ทำแล้วพอใจที่สุด คือ การช่วยเหลือผู้อื่น

3. ความสุขที่สุด คือ การให้

4. อาวุธร้ายแรงที่ต้องระมัดระวัง และเก็บรักษาให้ดีที่สุด คือ การพูดทำร้ายผู้อื่น

5. พลังยิ่งใหญ่ที่สุดที่ทำให้ทุกอย่างสำเร็จ คือ ความรัก

6. ความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือ การทำร้ายตัวเอง

7. ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่จะต้องเอาชนะให้ได้ คือ ความกลัว

8. ยา นอนหลับที่ให้ผลดีที่สุด คือ ความสงบในใจ

วันนี้รุ่ง พรุ่งมีร่ว งดวงไม่แน่             วันนี้แย่ พรุ่งนี้ยัง กลับดังได้

วันนี้ดัง พรุ่งนี้ดับ กลับเปลี่ยนไป     โปรดจำไว้ ทุกชีวิต...อนิจจัง  
 

พระอาจารย์ บุญร่วม กตปุญโญ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2009, 07:07:11 AM โดย moddang » บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #7 เมื่อ: พฤศจิกายน 08, 2009, 10:38:08 PM »

การบริหารคอและไหล่  เหมาะสำหรับชาวเว็บทั้งหลายค่ะ
         
ไม่สามารถนำมาให้ดูได้ดีเท่าไปดูที่ลิงค์นี้ค่ะ เพราะมีภาพประกอบที่ดีมากค่ะ

http://www.drtuusa.com/knowledge/kwlge_exercises.htm
บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #8 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 06:29:23 AM »

ดื่มน้ำอย่างไรให้ถูกต้อง

1. คุณมีความเชื่อที่ว่าน้ำยิ่งดื่มยิ่งเยอะดีหรือไม่

2. คุณดื่มน้ำวันละกี่แก้ว

3. น้ำที่ดื่มเป็นน้ำเย็น น้ำธรรมดา หรือว่าน้ำอุ่น

4. ดื่มน้ำช่วงเวลาไหนเป็นพิเศษไหม เช่น ดื่มตอนเช้า ดื่มระหว่างทานข้าว ดื่มก่อนนอน เป็นต้น

5. ปกติดื่มอะไร เช่น น้ำเปล่า น้ำอัดลม ชา กาแฟ เป็นต้น

ข้อ หนึ่งนั้น เป็นความเชื่อที่ผิดครับ ทุกอย่างต่างมีทั้งคุณและโทษ ต้องหาจุดสมดุลของมันครับ น้ำดื่มมากเกินไปกลับไม่ดีเสียอีกครับ เดี๋ยวผมจะมีสูตรให้คำนวณว่า วันหนึ่งเพื่อน ๆ ควรดื่มน้ำแค่ไหน ส่วนข้อสองคิดว่าทุกคนคงเคยเรียนกันมาอยู่แล้วว่า คนเราวันหนึ่งควรดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว ว่าแต่ทำได้อย่างที่เรียนมาหรือเปล่าครับ ผมจะอธิบายให้ฟังว่า น้ำในร่างกายของเรามีที่มาที่ไปอย่างไรก่อน น้ำที่เข้าสู่ร่างกายเรามาจากน้ำ และอาหารที่ทานเข้าไปเป็นหลัก ส่วนน้ำจะออกากร่างกายทางปัสสาวะ อุจจาระ เหงื่อ และทางลมหายใจ แต่ปัสสาวะเป็นเส้นทางหลักครับ คนเราจำเป็นต้องปัสสาวะออกจากร่างกายอย่างน้อย 500 มิลลิเมตรต่อวัน ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถขับของเสียออกจากร่างกายได้หมด

นอกจากนี้ อีกสามทางที่เหลือโดยเฉลี่ยก็จำเป็นต้องใช้น้ำอีกราว 1,000 มิลลิลิตร หรือ 1 ลิตรต่อวัน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว คนเราจึงต้องดื่มน้ำเพื่อชดเชยส่วนที่ออกจากร่างกายทุกวันราว 1,500 มิลลิลิตร หรือ 7-8 แก้ว (แก้วละ 200 มิลลิลิตร) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นตัวเลขนี้ก็ไม่สามารถใช้ได้กับทุกคนครับ ผมเลยมีสูตรมาให้คิดกันคราว ๆ ว่า วันหนึ่งเราต้องดื่มน้ำปริมาณเท่าไหร่ จึงจะเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สูตรคือ

(น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) x 2.2 x 30) / 2 หน่วยที่ได้ออกมาเป็นมิลลิลิตรครับ เช่น หนัก 60 กิโลกรัม เอาเข้าแทนค่าก็จะได้ควรดื่มน้ำ (60 x 2.2 x 30) / 2 - 1980 มิลลิลิตร หรือประมาณ 10 แก้วต่อวันครับ ถ้าเราดื่มน้ำน้อยกว่านี้ เลือดซึ่ง 90% ทำมาจากน้ำก็จะไหลเวียนไม่สะดวก ร่างกายก็จะขับของเสียได้ยาก ขณะเดียวกันสารอาหารในเลือดก็ส่งไปถึงร่างกายช้า ทางแพทย์จึงถ้าเกิดเลือดลมเดินไม่สะดวก นี่เป็นบ่อเกิดสารพัดโรคเลย บางคนบอกว่าประจำเดือนมาน้อย หรือไม่มา มาเป็นลิ่มเลือด สีเข้ม หนืด ปวดประจำเดือนก็แหงล่ะครับ น้ำไม่กินจะเอาที่ไหนไปสร้างเลือดล่ะครับ แต่ถ้าดื่มน้ำมากกว่านี้ก็เป็นผลเสียต่อร่างกายอีกเหมือนกัน ทำอะไรก็ต้องพอดี ๆ ครับ

ข้อสาม อย่างที่เคยบอกไปตั้งแต่อาการขี้หนาวนะครับว่า น้ำเย็นเป็นของต้องห้ามสำหรับร่างกาย กระเพาะเมื่อเจอของเย็นเข้าไป การทำงานจะด้อยลงทันที เกิดเป็นอาหารไม่ย่อย อาหารบูดเน่า หมักหมมอยู่ในกระเพาะและลำไส้ ลำไส้ก็ดูดซึมของเสียจากากอาหารพวกนี้ กลับเข้าสู่เส้นเลือดต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะถ่ายอุจจาระออกจากร่างกายของเรา

เพราะฉะนั้น เราไม่ควรจะทานของเย็น ๆ ครับ ทานน้ำธรรมดา หรือน้ำอุ่นก็ได้ แต่ก่อนผมไม่รู้จุดนี้ก็ทานกันไป โดยเฉพาะไทยเป็นเมืองร้อน ทุกที่ต้องเสริ์ฟน้ำเย็น เสริ์ฟน้ำแข็งกันเป็นกระติก ๆ กินกันจนเป็นเรื่องธรรมชาติ ก่อนหน้านี้ไม่รู้ก็เฉย ๆ แต่พอตอนนี้เห็นแล้วกลัวไปเลยครับ บ้านผมตอนนี้ไม่ทานน้ำแข็งกันแล้ว


อันนี้ไปเก็บมา  ไม่ทราบที่มาที่ไป  

แต่ไปอ่านอีกแง่ทีได้ที่     http://www.the-arokaya.com/web/index.php?option=com_content&task=view&id=79&Itemid=40   พิจารณากันเองค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 09, 2009, 07:53:57 PM โดย moddang » บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
ccczaa
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 354



« ตอบ #9 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 06:41:00 PM »

สวัสดีค่ะ คุณ sayong
ขอบคุณค่ะ  Cheesy เชิญค่ะ ด้วยความยินดีนะคะ   มีแต่วิธีอดบุหรี่หรือคะ  วิธีอดเหล้า หรือเบียร์ ไม่มีหรือคะ  Lips Sealed หัวเราะกันนะ หัวเราะกันนะ

 Cry Cry  กระทู้นี้ ผมข้อประท้วง  เหล้า บุหรี เบียร์  ซื้อหาได้ โดยมีรัฐบาล(กระทรวงการคลัง)เป็นคนควบคุมดูแล 

สิ่งของที่ถูกต้องตามกฏหมาย ไม่มีความผิด  จะลด ละ เลิก ทำไม่ครับ Tongue  Lips Sealed
บันทึกการเข้า

ทั้งหมดเป็นประสบการณ์ส่วนตัวได้จากการลองผิดลองถูก ควรพิจารณาและตัดสินใจด้วยตัวท่านเอง เพราะไม่มีอะไรดีที่สุดและถูกต้องเสมอไปครับ
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #10 เมื่อ: พฤศจิกายน 09, 2009, 08:00:52 PM »

คุณ sayong  ไม่กล้าเอามาฝาก  แต่ไปอ่านมาแล้วค่ะ  Lips Sealed ต้องขอโทษคุณ ccczaa ด้วยค่ะ   Lips Sealed  เผื่อมีบางท่านอยากทราบ    Cheesy Cheesy Cheesy

ยาอดเหล้า

คุณอาจจะเคยได้ยินว่า มียาขนานหนึ่งที่ใช้อดเหล้า    ถูก แล้ว มียาที่ใช้ช่วยในการอดเหล้าจริง ๆ ยานี้คือ ไดซัลฟูแรม (Disulfuram) หรือ แอนตาบิ้วส์ (Antabuse) ยานี้เป็นยาที่ช่วยอดเหล้าในรายที่ยินยอมพร้อมใจที่จะเลิกเหล้า ทำให้คนไข้ที่ติดเหล้ามีอาการเบื่อเหล้า โดยการรบกวนกระบวนการที่ร่างกายทำลายแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเหล้าทุกชนิด

โดยปกติ เวลาคนเรากินเหล้า เหล้าจะเข้าสู่กระแสเลือด และเจ้าแอลกอฮอล์ก็เริ่มแผลงฤทธิ์ของมัน ในการกดระบบประสาทส่วนกลาง( คือ สมอง ) จะกดมากน้อยเพียงไร ก็ขึ้นกับว่าจะกินเหล้าเข้าไปมากน้อยแค่ไหนในช่วงเวลานานเท่าใด คุณจึงสามารถพบคนกินเหล้าในอาการต่าง ๆ ตั้งแต่มึน ๆ พูดมาก พูดไม่เป็นเรื่อง เพ้อเจ้อ บุคลิกเปลี่ยนแปลง ตัดสินใจไม่ได้ เดินโซเซ เอะอะโวยวาย ควบคุมสติอารมณ์ไม่ได้ บางครั้งทำอะไรบ้า ๆ ซึ่งในสภาวะปกติจะไม่มีวันทำเป็นอันขาด จนกระทั่งเมาหมดสติ
ในรายที่ ดื่มเข้าไปมากเกินไปอย่างรวดเร็ว อาจถึงกับช็อคตายได้ แต่ถ้าดื่มเข้าไปไม่มากนัก หรือไม่เมาหรือมึนจนขาดสติ เดินตกน้ำ หรือขับรถชน เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน ไม่นานนัก ก็จะค่อย ๆ สร่างเมา ฟื้นคืนสติ

สาเหตุที่คนเราสร่างเมา หลังจากกินเหล้าได้ ก็เพราะ แอลกอฮอล์ในเลือดถูกร่างกายทำลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (คือ ก๊าซที่เราหายใจออกมา) และน้ำได้หมด ทำให้เหล้าถูกขจัดออกจากร่างกายไป ก็หมดฤทธิ์เหล้า แต่ยาอดเหล้าจะขัดขวางกระบวนการที่ร่างกายจะทำลายแอลกอฮอล์ ทำให้ปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ เท่านั้น และสารตัวกลางนี้แหละเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้คนไข้เข็ดเหล้า การมีสารนี้สะสมไว้ ในร่างกาย จะทำให้คนไข้รู้สึกร้อนวูบวาบ กระวนกระวาย ไม่สบาย คลื่นไส้ อาเจียน หัวใจเต้นผิดปกติ มึนงง หายใจขัด หน้าเขียว ชีพจรเต้นเร็ว นอกจากนี้ในรายที่มีอาการรุนแรง อาจเกิดภาวะความดันเลือดลดต่ำลง ทำให้เป็นลม หมดสติ หรือมีอาการคล้ายคนเป็นโรคจิตได้ โดยปกติ ฤทธิ์ยาจะอยู่ได้นานตั้งแต่ครึ่งถึง หนึ่งชั่วโมง จนถึงหลาย ๆ ชั่วโมง นานตราบเท่าที่ยัง ปริมาณแอลกอฮอล์หลงเหลืออยู่ในเลือด แล้วคนไข้จะค่อย ๆ ดีขึ้น

คนที่คิดจะใช้ยาอดเหล้า จึงควรเป็นคนที่พร้อมที่จะอดเหล้า คือ ตัวเองยินดีและยินยอมที่จะอดเหล้า มีกำลังใจที่จะเลิก ภรรยาที่มีสามีติดเหล้า และอยากให้สามีเลิกดื่ม ไม่ควรแอบซื้อยามาให้สามีกิน โดยที่สามีไม่ทราบหรือไม่ต้องการ เพราะถ้ากินยาแล้วไปกินเหล้า แม้จะเพียงปริมาณเล็กน้อย จะทำให้เกิดอันตรายได้ ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
การใช้ยาอดเหล้า ควรจะใช้ภายใต้การดูแลแนะนำของแพทย์มากกว่า เพราะลำพังการใช้ยาเพียงอย่างเดียว จะช่วยอะไรไม่ได้เลย จิตแพทย์ จะช่วยได้มาก เพราะจะช่วยวิเคราะห์ผ่อนคลายปัญหาหรือภาวะที่บีบคั้นจิตใจคนไข้อยู่ พิจารณาการใช้ยาอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ยาคลายกังวล หรือยากล่อมประสาท ควบคู่ไปกับดูแลการอดเหล้าด้วยยาอดเหล้า ให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละคน ระยะเวลาที่กินยาต้องนานพอควร ซึ่งมักต้องใช้เวลาเป็นเดือน และตลอดระยะเวลาที่กินยาอยู่ ไม่ควรดื่มเหล้า เบียร์ ตลอดจนเครื่องดื่ม หรือยาใด ๆ ที่มีแอลกอฮอล์เจือปน เพื่อป้องกันอันตรายจากปฏิกิริยาของยาและเหล้า ดงได้กล่าวมาแล้วข้างต้น

นอก จากนี้ ยังมีสาเหตุอื่นที่ไม่แนะนำให้ซื้อยามาใช้เองโดยไม่ปรึกษาแพทย์เลย (ถ้าพบจิตแพทย์ไม่ได้ อย่างน้อยแพทย์ธรรมดาก็ยังดี) ก็เพราะว่า เราต้องระมัดระวังการใช้ยานี้ในคนไข้ที่มีประวัติเป็นโรค เบาหวาน โรคของต่อมธัยรอยด์ (คอพอก) โรคลมชัก โรคตับ โรคไต คนไข้ที่ได้รับการกระทบกระเทือนทางสมอง ยาอดเหล้ายังมีผลต่อระดับของยาหลายชนิดในเลือด เช่น ยาที่ใช้รักษาโรคลมชัก ยารักษาวัณโรค ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ในคนไข้ที่ต้องการจะอดเหล้า และมีภาวะของโรคเหล่านี้แทรกซ้อนอยู่ แพทย์จำต้องพิจารณาถึงภาวะของโรคที่เป็นอยู่ ตลอดจนยาที่ใช้รักษาอยู่ก่อน เพื่อปรับขนาดของยาแต่ละชนิดให้พอเหมาะที่จะใช้กับคนไข้คนนั้น

บท ความนี้ เพียงแต่แนะนำให้คุณ ๆ รู้จักกับยาอดเหล้าอย่างย่อ ๆ เท่านั้น อย่าลืมนะคะ วิธีที่จะป้องกันการติดเหล้าที่ดีที่สุด คือ อย่าดื่มเลยตั้งแต่ต้น แต่ถ้าเกิดติดเหล้าแล้ว จำไว้เถิดค่ะ ยาช่วยได้นิดหน่อยเท่านั้น ยาอดเหล้าจะใช้ไม่ได้ผลเลย ถ้าใช้เดี่ยว ๆ โดยไม่รักษาจิตใจ แก้ไขปัญหาที่เป็นสนิมเกาะกินใจอยู่ ถ้าใจสู้ บางทีไม่ใช้ยา ก็อดได้ แต่ถ้าใจไม่สู้ อดแล้วอดอีก ไม่นานนัก คุณก็คงหันหน้ากลับไปหาเกลอเก่าอีกแน่ ๆ

http://www.doctor.or.th/node/4694
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2009, 07:13:59 AM โดย moddang » บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #11 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 07:22:59 AM »

วันนี้ขอเรื่องเบาๆ คลายเครียดเล็กน้อย

ข้อคิดดี ๆ ในการใช้ชีวิต
 
เวลาเจองานหนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ

เวลาเจอปัญหาซับซ้อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ

เวลาเจอความทุกข์หนัก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต

เวลาเจอนายจอมละเมียด ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist)

เวลาเจอคำตำหนิ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ

เวลาเจอคำนินทา ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย

เวลาเจอความผิดหวัง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต

เวลาเจอความป่วยไข้ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี

เวลาเจอความพลัดพราก ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง

เวลาเจอแฟนทิ้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ

เวลาเจอคนที่ใช่ แต่เขามีคู่แล้ว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง

เวลาเจอคนกลิ้งกะล่อน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม

เวลาเจอคนเลว ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์

เวลาเจออุบัติเหตุ ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด

เวลาเจอศัตรูคอยกลั่นแกล้ง ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบททดสอบที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"

เวลาเจอวิกฤต ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"

เวลาเจอความจน ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต

เวลาเจอความตาย ให้บอกตัวเองว่า
นี่คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์

         จะไม่มีเชื้อโรคใดเจาะผ่านภูมิคุ้มกันของเราได้ หากมีจิตใจที่คิดแต่สิ่งดี ภายในวิกฤตที่เลวร้าย หากใช้สติและเหตุผลพิจารณาอย่างรอบคอบ เราอาจจะได้เห็นด้านดีๆ ของชีวิตที่ซ่อนอยู่ก็ได้
บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #12 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 07:32:35 AM »

โยคะแก้ปวดเมื่อยคนทำงาน


1.ท่าเงยคอ-ก้มคอ

วิธีทำ - นั่งตัวตรง ยืดกระดูกสันหลัง หายใจเข้า เงยคอ ยกไหล่ขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ไหล่รับน้ำหนักของศีรษะ หายใจออก ก้มคอช้าๆ โดยไม่ก้มไหล่ กลับคืนสู่ท่าตรง ทำ 3 ครั้ง


2.ท่าหันคอซ้าย-ขวา

วิธีทำ ? หายใจเข้า อยู่ในท่าตรง หายใจออก หันคอไปทางซ้าย ตามองไปข้างหน้า พยายามให้คางตรงกับไหล่ซ้าย กลับคืนท่าตรง สลับข้าง หายใจเข้า อยู่ในท่าตรง หายใจออก หันคอไปทางขวา ตามองไปข้างหน้า พยายามให้คางตรงกับไหล่ขวา กลับคืนสู่ท่าตรง ทำ 3 ครั้ง


3.ท่าเอียงคอ-ซ้ายขวา

วิธีทำ ? หายใจเข้าอยู่ในท่าตรง หายใจออก เอียงคอทางซ้ายให้ตึงคอทางขวา กลับคืนท่าตรง สลับข้าง หายใจเข้าอยู่ในท่าตรง หายใจออกเอียงคอทางขวาให้ตึงคอทางซ้าย กลับคืนท่าตรง ทำ 3 ครั้ง


4.ท่ายกไหล่ 2 ข้าง

วิธีทำ ? นั่งตัวตรง ยืดกระดูกสันหลัง แขนสองข้างผ่อนคลาย หายใจเข้า ยกไหล่ 2 ข้าง หายใจออก ลดไหล่ลง ทำ 3 ครั้ง

ประโยชน์ที่ได้ ? บำบัดและป้องกันปัญหาอันเกิดจากการทำงานนั่งโต๊ะที่เมื่อยล้า เพื่อป้องกันการเกิดหินปูนที่กระดูกคอและข้อต่อไหล่ เหมาะสำหรับผู้มีปัญหาไขข้ออักเสบ


5.ท่าวีรบุรุษ

วิธีทำ ? เป็นการยืดกระดูกสันหลัง นั่งขัดสมาธิ ลำตัวตรง นิ้วมือทั้ง 5 ประสานกัน กลับฝ่ามือออกจากลำตัว หายใจเข้า ค่อยๆ ยกแขนขึ้นเหนือศีรษะ พร้อมกับยืดกระดูกสันหลัง หยุดลมหายใจ 3 วินาที หายใจออก ลดแขนลงช้าๆ กลับสู่ท่าเริ่ม ทำ 3 ครั้ง

- นั่งสมาธิหลังตรง หายใจเข้า แขนเหยียดตรงเหนือศีรษะ หายใจออก เอียงตัวทางซ้ายจนตึงลำตัวด้านขวา กลับคืนท่าตรง สลับทำอีกข้าง ทำ 3 ครั้ง

ประโยชน์ที่ได้ ? ป้องกันหินปูนเกาะกระดูกคอ แก้ปัญหาออฟฟิศซินโดรม ช่วยยืดกระดูกสันหลังให้ตรง ป้องกันอาการไหล่ติด เพิ่มประสิทธิภาพของระบบการหายใจ ขณะนั่งบนเก้าอี้ในที่ทำงานพยายามนั่งตัวตรง ไม่พิงพนักเก้าอี้ หรือฝึกที่บ้านไม่สามารถนั่งขัดสมาธิได้ ควรเปลี่ยนเป็นท่านั่งทับส้นเท้าแบบญี่ปุ่นก็ได้


6.ท่ากลอกตาและพักสายตา

วิธีทำ ? กลอกตาไปตามทิศทางคือ ซ้าย-ขวา บน?ล่าง และแนวทแยง หมุนตาตามเข็มนาฬิกาและทวนเข็มนาฬิกาเป็นวงกลม ทำแบบละ 3-5 รอบ หลังจากนั้นถูฝ่ามือให้ร้อนหลายๆ ครั้ง ปิดตา และใช้ฝ่ามือประคบเปลือกตาเบาๆ นับในใจ 1 2 3 ปล่อยมือ ทำ 3 ครั้ง

ประโยชน์ที่ได้ ? ป้องกันกล้ามเนื้อตาเสื่อม ตาต้อ ช่วยถนอม

http://nirva.igetweb.com/?mo=3&art=251564
บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
isariya
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 47


« ตอบ #13 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 01:55:20 PM »

คุณมดแดงค่ะ
  ข้อมูลมากมายอ่านแทนไม่ทันเลยค่ะ ได้นำมาใช้บ้างส่วนแล้วค่ะ ขอบคุณหลายเด้ออาย
  Smiley Wink Cheesy Grin Tongue Kiss Azn เทวดา หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า
moddang
Newbie
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 124



« ตอบ #14 เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2009, 09:08:22 PM »

คุณมดแดงค่ะ
  ข้อมูลมากมายอ่านแทนไม่ทันเลยค่ะ ได้นำมาใช้บ้างส่วนแล้วค่ะ ขอบคุณหลายเด้ออาย
  Smiley Wink Cheesy Grin Tongue Kiss Azn เทวดา หัวเราะกันนะ


ขอบคุณมากค่ะ Cheesy สำหรับคำชม  และรู้สึกดีใจที่ข้อมูลเหล่านั้นสามารถนำไปใช้เป็นประโยชน์ได้บ้างค่ะ   วันนี้ วกเข้าเรื่องสุขภาพใกล้ตัว สำหรับสตรี ส..ว  โดยเฉพาะ  (อันนี้คิดเอง  จากประสบการณ์ ที่คุณแม่บ้านทั้งหลายเป็นกันเมื่ออายุุมากขึ้น )  เพราะฉะนั้นพบได้ทุกบ้าน

นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ

นิ้วล็อก

นิ้ว ล็อก หมายถึง อาการที่งอข้อนิ้วมือ  แล้วเหยียดขึ้นเองไม่ได้เหมือนถูกล็อก  เป็นโรคที่พบได้บ่อยในคนทั่วไปที่ต้องใช้มือจับสิ่งของ หรืออุปกรณ์ต่างๆ อย่างต่อเนื่องบ่อยๆ โรคนี้ไม่มีอันตรายใดๆ   เพียงแต่ให้ความรู้สึกเจ็บปวด และใช้มือได้ไม่ถนัด เป็นโรคที่สามารถป้องกันและรักษาให้หายได้

ชื่อภาษาไทย นิ้วล็อก, ปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมืออักเสบ
ชื่อภาษาอังกฤษ Trigger finger, Digital flexer  tenosynvitis,  Stenosing tenosynvits

สาเหตุ
เกิด จากการอักเสบของเส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นที่ใช้ในการงอข้อนิ้วมือ ซึ่งอยู่ตรงบริเวณโคนนิ้วมือ ทำให้เส้นเอ็นหนาตัวขึ้น และติดขัดในการเคลื่อนไหวขณะเหยียดนิ้วมือ เมื่ออักเสบรุนแรงมากขึ้นจะเกิดปุ่มตรงเส้นเอ็น เวลางอนิ้วมือปุ่มจะอยู่นอกปลอกหุ้ม แต่ไม่สามารถเคลื่อนเข้าปลอกหุ้ม เวลาเหยียดนิ้วมือกลับไป  ทำให้เกิดอาการนิ้วล็อกอยู่ในท่างอ ต้องออกแรงช่วยใน การเหยียด จึงจะสามารถฝืนให้ปุ่มเคลื่อนที่ผ่านปลอกหุ้มเข้าไปได้

การอักเสบของ เส้นเอ็นและปลอกหุ้มเอ็นนิ้วมือมักเกิดจากแรงกดหรือเสียดสีของเส้นเอ็นซ้ำ ซาก หรือใช้งานฝ่ามือมากเกินไป เช่น การใช้มือหยิบจับอุปกรณ์ในการทำงานบ้าน ทำสวน ขุดดิน  เล่นกีฬา เล่นดนตรี  เป็นต้น โรคนี้จึงพบบ่อยในกลุ่มแม่บ้าน เลขานุการที่พิมพ์ดีดบ่อยๆ ผู้ที่ชอบเล่นกีฬา (เช่น กอล์ฟ เทนนิส)  หรือเล่นดนตรี (เช่น ไวโอลิน) นอกจากนี้ยังพบในผู้ป่วยที่เป็นโรคข้อรูมาตอยด์  เบาหวาน ภาวะขาดไทรอยด์
  
อาการ
ระยะ แรกมีอาการปวดบริเวณโคนนิ้วมือ กำมือไม่ถนัดโดยเฉพาะตอนเช้าหลังตื่นนอน พอใช้มือไปสักพักหนึ่งก็จะกำมือได้ดีขึ้น บางคนจะสังเกตว่าเวลางอแล้วเหยียดนิ้วมือจะได้ยินเสียงดังกิ๊ก ต่อมาจะมีอาการนิ้วล็อกคือ เวลางอนิ้วมือแล้วเหยียดขึ้นเองไม่ได้ มักเกิดกับมือข้างถนัดที่ใช้งาน นิ้วที่เป็นบ่อยได้แก่ นิ้วหัวแม่มือ นิ้วกลาง และนิ้วนาง อาจเป็นเพียงนิ้วเดียว หรือเป็นพร้อมกันหลายนิ้วก็ได้ และอาจเป็นที่มือข้างเดียวหรือทั้ง ๒ ข้างก็ได้ อาการมักจะเป็นมากตอนเช้า

การแยกโรค
อาการ นิ้วงอ เหยียดขึ้นไม่ได้ อาจจะเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น เส้นเอ็นนิ้วมือฉีกขาดจากการบาดเจ็บ (ซึ่งมักเกิดขึ้นฉับพลันหลังได้รับบาดเจ็บ) การดึงรั้งของพังผืด  (เช่น ผู้ที่มีบาดแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกที่นิ้วมือ) ความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ (เช่น  Dupuytren's contracture) เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใดก็ตาม  ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางแก้ไข
  
การวินิจฉัย
แพทย์ มักจะวินิจฉัยจากอาการแสดงเป็นหลัก และการตรวจร่างกายอาจตรวจพบว่าเมื่อใช้มือกดตรงโคนนิ้วมือ ตรงปุ่มกระดูกจะรู้สึกเจ็บ และบางคนอาจคลำได้ปุ่มเส้นเอ็นที่อักเสบ
  
การดูแลตนเอง
หาก มีอาการเจ็บตรงโคนนิ้วมือ เวลางอนิ้วมือแล้ว เหยียดนิ้วมีเสียงดังกิ๊ก หรือเวลางอนิ้วมือแล้วเหยียดขึ้น เองไม่ได้ ควรจะไปพบแพทย์เพื่อให้การตรวจวินิจฉัยให้แน่ชัด เมื่อพบว่าเป็นโรคนิ้วล็อก ผู้ป่วยควรได้รับการรักษาจากแพทย์อย่างจริงจัง และควรปฏิบัติดังนี้

    * ไม่ขยับนิ้วหรือดีดนิ้วที่เป็นนิ้วล็อกเล่น  อาจทำให้เส้นเอ็นอักเสบมากขึ้นได้
    * ถ้ามีอาการข้อฝืด กำไม่ถนัดตอนเช้า ควรแช่น้ำอุ่นจัดๆ และบริหารโดยการขยับมือกำแบเบาๆ ในน้ำ จะทำให้นิ้วมือเคลื่อนไหวได้คล่องขึ้น
    * เมื่อ ต้องกำหรือจับสิ่งของแน่นๆ เช่น ไม้กอล์ฟ  ตะหลิวผัดกับข้าว ควรใช้ผ้าหรือฟองน้ำพันรอบๆ หรือใช้ถุงมือจับจะช่วยลดแรงกดหรือเสียดสีลง

  
การรักษา
แพทย์ จะให้การรักษาตามความรุนแรงของโรค ในระยะแรก อาจให้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์  เพื่อบรรเทาปวดและลดการอักเสบ การทำกายภาพ- บำบัด หรือฉีดยาสตีรอยด์เข้าไปที่เส้นเอ็นที่อักเสบ ซึ่งจะได้ผลดีเมื่อให้การรักษาตั้งแต่เริ่มมีอาการใหม่ๆ ถ้าไม่ได้ผล อาจต้องรักษาด้วยการใช้เครื่องมือสะกิดส่วนของพังผืดที่หนาตัวออกไป (โดยการฉีดยาชาเฉพาะที่ไม่ต้องเข้าห้องผ่าตัด จะมีแผลเป็นรูเล็กๆ ตรงตำแหน่งที่เจาะ) ถ้ายังไม่ได้ผลอาจต้องทำการผ่าตัดแก้ไข
  
ภาวะแทรกซ้อน
ไม่มีภาวะแทรกซ้อนอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด  นอกจากทำให้มีอาการเจ็บปวด และใช้มือได้ไม่ถนัด
  
การดำเนินโรค
ถ้าไม่ได้รับการรักษาก็จะเป็นเรื้อรัง  และข้อฝืดมากขึ้น
ถ้าได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็มักจะหายได้
  
การป้องกัน
หลีกเลี่ยงการใช้มือทำงานที่มีลักษณะทำให้เกิดแรงกดหรือเสียดสีกับเส้นเอ็นแบบซ้ำซาก

    * การหิ้วของหนักๆ เช่น ถุงหนักๆ  ถังแก๊ส  ถังน้ำ  กระเป๋า (ควรใช้รถเข็นลาก  หรือใส่ถุงมือ)
    * การซักผ้า  บิดผ้า (ควรใช้เครื่องซักผ้าแทน)
    * เวลา กำหรือจับอุปกรณ์ต่างๆ ควรใส่ถุงมือลดแรงกดหรือเสียดสี เช่น ใส่ถุงมือเวลาจับไม้ตีกอล์ฟ  กรรไกรตัดกิ่งไม้ มีดตัดต้นไม่หรือดายหญ้า

  
ความชุก
โรคนี้พบได้บ่อย  โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานที่ต้องหยิบจับสิ่งของหรืออุปกรณ์อย่างต่อเนื่องนานๆ  หรือใช้มือหิ้วของหนักๆ

http://www.doctor.or.th/node/1133
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 10, 2009, 09:22:51 PM โดย moddang » บันทึกการเข้า

สิ่งที่ควรทำคือความดี  สิ่งที่ควรมีคือคุณธรรม  สิ่งที่ควรจำคือบุญคุณ
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 ... 9   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: