Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009  (อ่าน 7862 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 8 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #60 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 07:35:23 AM »

ทองคำปิดบวก 70 เซนต์ 
 วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 07:36

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กยังคงปิดบวกต่อเนื่อง จากแรงซื้อเก็งกำไร

สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 1,141.90 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 70.00 เซนต์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1,130-1,146.50 ดอลลาร์

ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 18.455 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 4.00 เซนต์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนธ.ค.ลดลง 2.95 เซนต์ ปิดที่ 3.106 ดอลลาร์/ปอนด์

ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนม.ค.ปิดที่ 1,443.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ลดลง 8.10 ดอลลาร์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนธ.ค.ปิดที่ 369.90 ดอลลาร์/ออนซ์ ร่วงลง 4.25 ดอลลาร์

จอห์น เนดเลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals Inc กล่าวว่า "นักลงทุนยังคงเข้าซื้อเก็งกำไรสัญญาทองคำแม้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ทั้งนี้ก็เพราะนักลงทุนมองว่าทองคำเป็นแหล่งการลงทุนที่ปลอดภัยในยามที่เศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยเฉพาะในภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐที่ยังคงอ่อนแอมาก ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่ายอดการกู้เงินเพื่อการซื้อบ้านร่วงลงอย่างหนักและตัวเลขการสร้างบ้านร่วงลงอย่างเหนือความคาดหมาย"
สมาคมธนาคารเพื่อการจำนองของสหรัฐเปิดเผยว่า ยอดการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านในรอบสัปดาห์ที่แล้วดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 12 ปี แม้อัตราดอกเบี้ยจำนองระยะ 30 ปีร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในรอบ 6 เดือนก็ตาม ขณะที่ตัวเลขการสร้างบ้านเดือนต.ค.ของสหรัฐร่วงลง 10.6% แตะที่ 529,000 ยูนิต/ปี สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.7%

บันทึกการเข้า
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #61 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 08:34:58 AM »

สวัสดีวันศุกร์ค่ะ  Smiley

ไม่รู้คืนนี้จะมีอะไรให้ลุ้นอีกมั้ยนะคะ
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
_LAN_NA_
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #62 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 08:51:04 AM »

สวัสดี และขอบคุณ คุณทองใหม่ มากครับ

ราคาแบบนี้ น่าโดดS ให้ตัวปลิว แต่ขี่หลังเสือ (ตัวใหญ่) ลงลำบาก

T T
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #63 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 09:24:45 AM »

อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ เฮ้อ... แห้งกรอบแกรบ เมื่อไหร่จะย่อซักทีนะคะ  คุณทองใหม่พักผ่อนมากๆหายเร็วๆนะคะ จะได้มีแรงสู้กับทองค่ะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #64 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 10:34:10 AM »

OECD คาดเศรษฐกิจประเทศพัฒนาแล้วโตต่อเนื่องยันปี 54 เหตุเศรษฐกิจจีนและประเทศเกิดใหม่ช่วยหนุน

Posted on Friday, November 20, 2009
หุ้นสหรัฐฯ ถอยหลังนักลงทุนหวั่นตลาดร้อนเกินไป

ตลาดหุ้นสหรัฐฯปรับลดลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าตลาดหุ้นนั้นมีความร้อนแรงเกินกว่าการคาดหมายทางการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยการปรับตัวขึ้นของตลาดถึง 68% ในช่วงที่ผ่านมานั้น ทำให้ดัชนี MSCI World Index ขึ้นไปอยู่ที่ระดับที่แพงที่สุดในรอบ 7 ปีเลยทีเดียว

ขณะที่ แบงก์ออฟอเมริกาได้ดาวเกรดความน่าลงทุนหุ้นกลุ่มผู้ผลิตชิพเซมิคอนดัคเตอร์ จาก buy เป็น Neutral เนื่องจากประเมินแล้วว่า ปริมาณอุปทานของสินค้าจะเติบโตเร็วกว่าความต้องการที่แท้จริง ทำให้หุ้นอย่าง อินเทลและ เท็กซัสอินสตรูเม้นท์ปรับจวลดลงเมื่อคืนนี้ประมาณ 3-4%

ส่วนดอลลาร์และเยนที่แข็งค่าขึ้นทำให้มีแรงขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ โดยหุ้นกลุ่มพลังงงานใน S&P 500 ปรับลดลง 2.1% และ หุ้นกลุ่มเทคโน ปรับลดลง 1.6% นอกจากนี้หุ้นในกลุ่มธนาคารก็ปรับลดลงด้วย เนื่องจากตลาดยังคงเป็นกังวลเกี่ยวกับปัญหาการตัดหนี้สูญ

หุ้นยุโรปและเอเชียปรับลดลง หลังจากที่ผู้ผลิตโยเกิร์ตรายใหญ่อย่าง ดานอน ออกมาปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของบริษัท

ส่วนตลาดหุ้นเอเชียก็ปรับลดลงด้วย โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลดลง นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์มิซูโฮ อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า นักลงทุนวิตกกังวลว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเงินของญี่ปุ่นอาจทำให้ธนาคารพาณิชย์พากันระดมทุนด้วยการขายหุ้น ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวจะส่งผลให้มูลค่าหุ้นอ่อนตัวลง

ส่วนการรีบาวด์ของดอลลาร์จากระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนทำให้นักลงทุนแห่เทสัญญาล่วงหน้าน้ำมัน ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับดีมานด์ หรือ ความต้องการในน้ำมันกลั่น หลังจากทีอากาศในสหรัฐฯ ไม่ได้หนาวเย็นอย่างที่คิด ส่วนทองคำล่วงหน้าราคาปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเมื่อคืนนี้


OECD ปรับเพิ่มคาดการณ์เศรษฐกิจปีหน้า

องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ได้เปิดเผยรายงานการคาดการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่พัฒนาแล้วในปีหน้าว่าจะมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น และยังขยายตัวต่อเนื่องไปยังปี 2554 หลังจากเศรษฐกิจจีนและกลุ่มประเทศเกิดใหม่มีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีและส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

เศรษฐกิจของประเทศสมาชิก 30 ประเทศของ OECD น่าจะขยายตัวได้ 1.9% ในปีหน้า และ 2.5% ในปี 2554 ส่วนปีนี้จะมีการหดตัวลง 3.5%

ขณะที่เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปนั้นจะสามารถกลับมาขยายตัวได้ในปีหน้า โดยในรายงานระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว 2.5% ในปี 2553 (คาดการณ์ก่อนหน้าในเดือน มิ.ย. ที่ขยายตัว 0.9%) ส่วนเศรษฐกิจในแถบยุโรปจะขยายตัว 0.9% ในปีหน้า ขณะที่ญี่ปุ่นจะเติบโตในอัตรา 1.8% ในปี 2553 และจีนจะสามารถขยายตัวได้ถึง 10.2%

ส่วนปี 2554 เศรษฐกิจสหรัฐฯจะขยายตัวได้ 2.8% ยุโรป 1.7% ญี่ปุ่น 2% และจีน 9.3%

อังเกล เกอร์เรีย เลขาธิการ OECD กล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงโตเกียว เนื่องในการเปิดเผยรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจล่าสุดในวันนี้ว่า "ข่าวดีก็คือ การฟื้นตัวที่เริ่มต้นขึ้นในบางภูมิภาคเมื่อตอนต้นปีนี้ ได้แผ่อิทธิพลมาถึง OECD แล้วในท้ายที่สุด"

อย่างไรก็ตาม เกอร์เรียเตือนว่า ยังคงมีความเสี่ยงหลายประการต่อการฟื้นตัว และคาดว่าการฟื้นตัวยังคงเปราะบางไปอีกสักระยะหนึ่ง

นายจอร์เก้น เอลเมคอฟ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ OECD กล่าวว่า ณ ปัจจุบันเราได้เห็นสัญญานถึงการฟื้นตัวหลายประการ แต่จะเป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ เพราะยังคงมีปัญญาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับความมั่งคั่งของภาคครัวเรือน ภาคเอกชน และ ภาคการเงิน นอกจากนี้ความเคลื่อนไหวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนอก OECD นั้นจะดูสดใสมากกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชีย เพราะประเทศเหล่านี้ ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากราคาสินทรัพย์ที่ร่วงหล่นลงมากนัก

ทั้งนี้การขยายตัวที่เชื้องช้าของประเทศ OECD นั้นจะยังคงทำให้ธนาคารกลางนั้น ระมัดระวังในการใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดขณะที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว โดยมีการประเมินกันว่าอัตราการว่างงานของประเทศ OECD นั้นจะเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 9% ในปี 2553


มูดีส์ประกาศทบทวนตราสารหนี้แบงค์ทั่วโลก

สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ออกแถลงการณ์ทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของธนาคารพาณิชย์ทั่วโลก

มูดีส์อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ด้อยสิทธิและตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน (hybrid) จำนวน 775 รายการที่ออกโดยธนาคารพาณิชย์ 170 แห่ง ใน 36 ประเทศทั่วโลก คิดเป็นมูลค่ารวมกัน ราว 4.50 แสนล้านดอลลาร์ รวมถึงตราสารหนี้ที่ออกโดยโกลด์แมน แซคส์, ซิตี้กรุ๊ป และเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค

แถลงการณ์ของมูดีส์ระบุว่า การทบทวนอันดับเครดิตตราสารหนี้ครั้งนี้อาจส่งผลกระทบต่อธนาคารทั่วโลก อย่างไรก็ตาม มูดีส์ได้พิจารณาทบทวนโดยอาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ของธนาคารเหล่านี้ หลังจากมูดีส์ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ใช้กับหลักทรัพย์ประเภทนี้

ทั้งนี้ มูดีส์คาดว่า ตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุนที่อาจได้รับผลกระทบในครั้งนี้นั้น ตราสาร 40% อาจได้รับการปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลง 1-2 ขั้น ขณะที่ 50% อาจได้รับการปรับลดอันดับลง 3-4 ขั้น และตราสารที่เหลืออาจได้รับการปรับลดอันดับ ลง 5 ขั้นหรือมากกว่านั้น

มูดีส์คาดว่าจะทบทวนอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารเหล่านี้ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือนข้างหน้า และจะประกาศผลการทบทวนแต่ละรายการขั้นตอนทุกอย่างแล้วเสร็จ

บลูมเบิร์กรายงานว่า การประกาศทบทวนครั้งนี้มีขึ้นหลังจากสถาบันการเงินทั่วโลกขาดทุนรวมกันกว่า 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ หลังจากเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 และการทบทวนอันดับครั้งนี้มีขึ้นในเวลาเดียวกับที่มูดีส์, สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ (S&P) และฟิทช์ เรทติ้งส์ ถูกบรรดานักลงทุนและเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐ รวมถึงนายคริสโตเฟอร์ ด็อด ประธานคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐ วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

นายด็อดระบุว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือเหล่านี้ให้อันดับเครดิตตราสารหนี้ของสถาบันการเงินกลุ่มซัพไพร์มในสหรัฐในระดับที่สูงเกินจริง จนนำไปสู่วิกฤตการณ์การเงินทั่วโลก

นักวิเคราะห์จาก UBS ในโตเกียวกล่าวว่า การดาวเกรดตราสารหนี้เหล่านี้จะส่งผลต่อต้นทุนของธนาคารผู้ออกตราสารหนี้ในการออกขายตราสารหนี้ใหม่ๆ


ทูตสหรัฐเผยโอบามาวอนผู้นำจีนปล่อยเงินหยวนแข็งค่าปีหน้า

จอน ฮันท์สแมน เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำกรุงปักกิ่ง เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวกับผู้นำจีนว่าสหรัฐอยากเห็นเงินหยวนเคลื่อนไหวอย่างยืดหยุ่นกว่านี้ในปีหน้า

โอบามากล่าวกับประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และนายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและรัฐมนตรีคลังของทั้งสองประเทศว่า สหรัฐต้องการเห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหาต่างๆ รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศภายในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า

ฮันท์สแมน กล่าวที่กรุงปักกิ่งว่า "นับตั้งแต่บัดนี้จนถึงการประชุมยุทธศาสตร์และเศรษฐกิจครั้งหน้า เราต้องการเห็นความคืบหน้าในการแก้ปัญหาต่างๆ ซึ่งมีส่วนทำให้ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐและจีนมีสมดุลมากขึ้น"

เงินหยวนของจีนตรึงอยู่ที่ระดับ 6.83 หยวน/ดอลลาร์ มาตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2551 ซึ่งการกระทำดังกล่าวทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ถือพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐมากที่สุดที่ระดับ 797,100 ล้านดอลลาร์ในเดือนสิงหาคม หรือเพิ่มขึ้น 10% จากวันที่ 1 มกราคม 2552

ฮันท์สแมนเชื่อว่าประเด็นการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐของจีนไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างชัดเจนในการประชุมครั้งนี้


ปิดฉากการเยือนเอเชีย โอบามาพร้อมเจรจาตรงกับเกาหลีเหนือ

ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ ได้เดินทางออกจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้แล้วในช่วงบ่ายวานนี้ นับเป็นการเสร็จสิ้นภารกิจเดินสายเยือนเอเชีย 4 ประเทศ ระหว่างวันที่ 12-19 พฤศจิกายน

ประธานาธิบดีบารัก โอบามาแห่งสหรัฐและประธานาธิบดี ลีมยองบัก แห่งเกาหลีใต้ ร่วมแถลงข่าวในภายหลังการร่วมหารือด้านการค้าและนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือในระหว่างการเดินทางเยือนของผู้นำสหรัฐ ซึ่งการเบือนเกาหลีใต้ เป็นการปิดฉากทางเยือนเอเชียของผู้นำสหรัฐ

แถลงการณ์ร่วม ผู้นำทั้ง 2 ได้ย้ำความร่วมมืออย่างใกล้ชิดในกรณีของเกาหลีเหนือ และเรียกร้องให้เกาหลีเหนือกลับเข้าสู่โต๊ะการเจรจาเพื่อยุติโครงการนิวเคลียร์ โดยต่างก็ต้องการให้เกาหลีเหนือยุติท่าทีลังเลที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

สหรัฐฯ มีแผนจะส่งนายสตีเฟน บอสเวิร์ต ไปเจรจาโดยตรงกับทางการโสมแดงเรื่องโครงการนิวเคลียร์ในวันที่ 8 ตุลาคมนี้ เพื่อแลกกับการให้ความช่วยเหลือด้านเศรษฐกิจ และ จุดยืนในประชาคมโลก นับเป็นการกำหนดวันที่สำหรับภารกิจดังกล่าวเป็นครั้งแรก

ภารกิจของนายบอสเวิร์ตคือการทำให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายเรื่องเพื่อปลดรนิวเคลียร์อีกครั้ง หลังเกาหลีเหนือหยุดเข้าเจรจาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ในหนึ่งเดือนต่อมายังทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งที่สองท้าทายโลกอีกด้วย

ส่วนในประเด็นการค้านั้น ผู้นำทั้ง 2 ยังคงยืนยันความสำคัญของข้อตกลงการค้าเสรี โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐมุ่งมั่นที่จะผลักดันให้มีการเจรจาเพื่อทำข้อตกลงการค้าเสรีกับเกาหลีใต้

หลังจากที่การเจรจาต้องหยุดชะงักลงเพราะสหภาพและกลุ่มล็อบบี้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ของสหรัฐมองว่า ข้อตกลงดังกล่าวยังไม่สามารถเปิดตลาดเกาหลีใต้ได้อย่างเพียงพอ อย่างไรก็ตามข้อตกลงการค้าเสรีของ 2 ประเทศในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจาเท่านั้น

ขณะที่ข้อตกลงของ 2 ประเทศยังคงติดอยู่ที่สภาคองเกรส เนื่องจากส.ส.ต้องการให้ค่ายรถของสหรัฐ ได้แก่ ไครสเลอร์ ฟอร์ด และเจนเนอรัล มอเตอร์ส สามารถเข้าถึงตลาดรถเกาหลีใต้ได้มากกว่านี้ ทางด้านประธานาธิบดีลีมยองบัก ของเกาหลีใต้ก็ยืนยันว่าเขาเต็มใจที่จะเจรจาเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์อีกครั้ง

ในระหว่างเดินทางเยือนเอเชีย ผู้นำสหรัฐได้รับฟังเสียงเรียกร้องจากผู้นำประเทศในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ประธานาธิบดีหู จิ่นเทา ที่ต้องการให้สหรัฐแสดงให้เห็นว่า สหรัฐจะเดินหน้าเพื่อลดอุปสรรคการเปิดเสรีการค้า โดยในการประชุมอาเซียนนั้น โอบามาก็ได้แสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมและขยายขอบเขตกลุ่มการค้าเสรีในภูมิภาค


สิงคโปร์ระบุภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจยุติแล้ว

ทางการสิงคโปร์ประกาศว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งรุนแรงของประเทศสิ้นสุดลงแล้ว หลังเศรษฐกิจสิงคโปร์ขยายตัวขึ้นสองไตรมาสติดต่อกันในรอบ 3 เดือนที่นับจนถึงเดือนกันยายน

ปลัดกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรม (MTI) ของสิงคโปร์ อ้างข้อมูลอย่างเป็นทางการว่า GDP Q3/52 ขยายตัว 14.2% ต่อปี ทำสถิติขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส และเป็นการขยายตัวต่อปีครั้งแรกนับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีที่แล้ว หลังเติบโตที่ร้อยละ 21.7 ในไตรมาสก่อน ซึ่งเท่ากับว่าเศรษฐกิจของสิงคโปร์หลุดพ้นจากภาวะถดถอยแล้ว

ทั้งนี้ การขยายตัวทางเศรษฐกิจมาจากการฟื้นตัวของภาคบริการและภาคอุตสาหกรรมช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศให้ดีดตัวขึ้น ส่วนมุมมองปีหน้า คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัว 3.0-5.0 % ขณะที่คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะหดตัว 2.0-2.5% ในปีนี้

สิงคโปร์ซึ่งพึ่งพาการค้าเป็นหลัก นับเป็นประเทศแรกในเอเชียที่ดำดิ่งสู่ภาวะถดถอยเมื่อปีที่แล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกกระทบต่อปริมาณความต้องการสินค้าส่งออกของสิงคโปร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐ

สำนักข่าว Bloomberg ประเมินว่า การคาดการณ์ตัวเลข GDP ของทางการสิงคโปร์เป็นหลักฐานล่าสุดที่บ่งชี้ว่า สิงคโปร์อาจจะดำเนินการตามอีกหลายประเทศทั่วโลกในการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยก่อนหน้านี้อินเดียได้ส่งสัญญาณการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการออกคำสั่งให้ธนาคารพาณิชย์ภายในประเทศปรับเพิ่มการสำรองสภาพคล่อง 25% จากเดิม 24% ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วถึง 2 ครั้ง

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ควรต้องจับตาต่อไปคือ สัญญาณบ่งชี้ถึงภาวะอ่อนแอทางเศรษฐกิจในเดือนต.ค. ที่ล่าสุดยอดการส่งออกดิ่งลง 12.6% จากเดือนก.ย. หรือร่วงลง 6.1% จากปีที่แล้ว


ค่าเงินเอเชียทรุด หวั่นมาตรการแทรกแซงค่าเงิน

สกุลเงินรูเปียห์ของอินโดนีเซีย และรูปีของอินเดียร่วงทั้งในตลาด Spot และ ตลาด Foreign จากความวิตกว่ารัฐบาลอาจดำเนินมาตรการควบคุมการไหลเข้าของเงินทุน

หลังจากบราซิลดำเนินความพยายามครั้งล่าสุดในการจำกัดการไต่ขึ้นของสกุลเงิน ?เรียล? ของบราซิล โดยบราซิลดำเนินขั้นตอนใหม่ในสัปดาหฺนี้ในความพยายามกดดัน เรียล โดยบราซิลประกาศเก็บภาษี 1.5% ในการค้าบางรายการที่เกี่ยวข้องกับตราสาร หรือ American Depository Receipts ที่ออกโดยบริษัทบราซิล

ค่าเงินรูเปียห์ร่วงลง 0.7% ขณะที่ค่าเงินริงกิตอ่อนตัวลง 0.3% ส่วนดอลลาร์ไต้หวันอ่อนลง 0.1% ทำให้ไต้หวันสั่งห้ามนักลงทุนจากการลงทุนในเงินฝากประจำ

ส่วนอินโดนีเซียระบุว่าอาจจะมีการจำกัดสิทธิของชาวต่างชาติในการถือครองตราสารหนี้ของ ธนาคารกลางอินโดนีเซีย ซึ่งจากกระแสข่าวดังกล่าว ทำให้นักลงทุนกังวลว่าประเทศตลาดเกิดใหม่หลายประเทศอาจจะประกาศมาตรการควบคุมเงินทุนในช่วงนี้


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 19 พ.ย. 2552)
? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 505,000 ราย
? ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.3% จากเดือนก่อนหน้า

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #65 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 11:19:11 AM »

กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4634.135
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #66 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 11:27:43 AM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ แต่ว่าทำไม 2-3 วันมาแล้ว เข้า thaigold ไม่ได้เลยค่ะ
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #67 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 11:34:58 AM »

ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ Grin
บันทึกการเข้า
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #68 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 12:16:27 PM »

ขอบคุณค่ะอาจารย์ทองใหม่ Smiley
บันทึกการเข้า
mamai
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237



« ตอบ #69 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 12:48:20 PM »

ขอบคุณครับคุณทองใหม่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  Wink
บันทึกการเข้า

"ไม่เชื่อต้องศึกษา   ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #70 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 01:28:06 PM »

บทวิเคราะห์ทองคำ (20-11-52)

20 พ.ย. 2552



สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามราคาสปอตซึ่งปรับตัวผันผวนในช่วงข้ามคืน ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,800/900 บาท เงินบาททรงตัว

ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       นักลงทุนเทขายทองคำและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นเพื่อทำกำไรอย่างต่อเนื่องเมื่อเห็นว่าไม่มีปัจจัยบวกต่อไปอีกแล้วและเศรษฐกิจก็ไม่ได้ดีจริง โดยเฉพาะหลังจากรายงานการว่างงานของสหรัฐฯรายสัปดาห์แสดงให้เห็นว่าภาวะการว่างงานยังสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างช้า นักลงทุนจึงเทขายหุ้นและทองคำต่อเนื่อง  [Econoday, TCAF Research]
       องค์กรความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา OECD ได้เผยแพร่รายงานปรับการคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจในปี 2010 ขึ้นไปอีก และปรับคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้เพิ่มขึ้นไปด้วยจากมาตรการอัดฉีดต่างๆของจีน รายงานดังกล่าวจึงส่งผลให้นักลงทุนเริ่มกลับเข้ามาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง  [Bloomberg, OECD, TCAF Research]
       นายไกธ์เนอร์ รมต.คลังสหรัฐฯกล่าวต่อคณะกรรมการเพื่อการปฏิรูปเศรษฐกิจสหรัฐฯว่าเขามั่นใจว่าจีนจะต้องปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าในไม่ช้า ความเห็นดังกล่าวจึงส่งผลให้นักลงทุนกลับมาเก็งกำไรในค่าเงินยูโรและทองคำอีกครั้ง ส่งผลให้ราคาทองคำดีดตัวกลับขึ้นไปได้  [Bloomberg, TCAF Research]

แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่ารายงานในวันนี้ไม่มีปัจจัยบวกต่อทองคำประกอบกับราคาทองคำที่ปรับตัวขึ้นได้ไม่รุนแรงนัก น่าจะส่งผลให้มีแรงขายทำกำไรต่อเนื่อง เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัวลง" เราจึงแนะนำให้ "สะสม SHORT เพิ่มเติม"


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯยังมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยการเก็งกำไรทางเทคนิคและทางจิตวิทยาน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #71 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 01:29:00 PM »

Daily Update 20-11-52

20 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary


ประเด็นสำคัญ

-  ทองปิดปรับขึ้นเล็กน้อย
-   ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์
-  ตลาดหุ้นร่วงกดน้ำมันดิบปิดลดลง 2.12 ดอลล์
 

     
      ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้นเล็กน้อยในวันพฤหัสบดี หลังจากที่อ่อนตัวลงในช่วงแรก ในขณะที่อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากกองทุนเพื่อการลงทุน มีอิทธิพลมากกว่าการแข็งค่าของดอลลาร์และการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง
        ในช่วงแรกทองได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์และเยน ในขณะที่การร่วงลงของตลาดหุ้น ทำให้ดอลลาร์และเยนกลับมามีความน่าดึงดูดใจอีกครั้งในฐานะแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย  ความเชื่อมั่นในตลาดยังคงอยู่ในเชิงบวก หลังจากที่มีข่าวว่า นายจอห์น พอลสัน มหาเศรษฐีผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ จะออกกองทุนทอง
        ยูโรร่วงลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์และเยน ขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับเยนหลังแตะระดับ 88.64 เยนซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. นักลงทุนกังวลกับข่าวจากประเทศตลาดเกิดใหม่เกี่ยวกับการควบคุมเงินทุนเพื่อจำกัดการไหลเข้าของเงินร้อน โดยบราซิลและเกาหลีใต้ประกาศมาตรการใหม่ๆ
ปิดร่วงลง 2.66% ในวันพฤหัสบดี ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีทร่วงลง โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องผลประกอบการภาคเอกชน ถึงแม้มีการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจในทางบวก   ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 2.12 ดอลลาร์
        ดอลลาร์ทะยานขึ้น ในขณะที่นักลงทุนลดความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยงหลังจากราคาหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์รวมทั้งน้ำมันร่วงลง
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,117.493ตัน ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 13.97 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
     
  กลยุทธ์:   แนวโน้มค่าเงิน                Euro/US$ เริ่มแสดงการอ่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาทองในระยะสั้น วัน สองวันนี้ได้ ให้แนวระดับ Sport 1142
US$ เป็นแนวถ้าไม่สามารถยืนได้อาจจะมีการปรับฐานทางราคาติดตามมาได้
 
บันทึกการเข้า
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #72 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 01:40:25 PM »

ขอบคุณค่ะ   Smiley
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
oyo
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1760


« ตอบ #73 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 01:46:17 PM »

ขอบคุณครับ Grin
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #74 เมื่อ: พฤศจิกายน 20, 2009, 01:56:59 PM »

ลองแปะให้ดูนะคะ

ทองใหม่
แฟนพันธุ์แท้
*****
ออนไลน์ ออนไลน์

กระทู้: 5611



ดูรายละเอียด
   
   
Re: ทิศทางทองวันที่ 16--20/11/2009
? ตอบ #142 เมื่อ: วันนี้ เวลา 11:28:54 am ?
   
กราฟ ตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวา บน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้าย ช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง

บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: