Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 38 39 [40] 41 42 ... 67   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: อ่าน เพลิน เพลิน  (อ่าน 94766 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #585 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 09:03:50 PM »

คุณใช้ชีวิตคุ้มหรือยังกับเวลาที่ผ่านมา


นอกจากเรื่องของความรักที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในชีวิตแล้ว คุณผู้อ่านเคยถามตัวเองไหมว่า เวลาที่ผ่านมา คุณได้ใช้ชีวิตคุ้มค่าแล้วหรือยัง เพราะชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่มีใครรู้อนาคตว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่มีใครตอบได้ว่าตายไปจะได้กลับมาเกิดอีกไหม หรือชีวิตหลังความตายเป็นอย่างไร อยากให้คุณผู้อ่านได้ลองคิดทบทวนดูว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาเคยได้ทำสิ่งเหล่านี้บ้างไหม

ทำดีกับคนที่เรารัก แปลกที่คนเรามักจะไม่ค่อยใส่ใจหรือสนใจคนรอบๆตัวเวลาที่เรามีความสุข แต่กลับจะนึกถึงเมื่อเวลาที่เรามีความทุกข์ นอกจากความคิดที่ว่าชีวิตคนเราไม่แน่นอนนั้น ในทางกลับกันชีวิตของคนที่เรารักก็เช่นกัน คงไม่มีใครตอบได้ว่าใครจะจากโลกนี้ไปก่อนกัน การทำดีกับคนที่เรารักนั้นจึงเป็นสิ่งแรกในชีวิตที่คุณควรจะทำ เพื่อคุณจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ เมื่อมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่คุณไม่เคยได้ทำดีกับคนที่คุณรักเลยซักครั้ง นอกเหนือจากคนที่เรารักยังรวมถึงคนที่รักเราด้วย ไม่ว่าจะเป็นคนในครอบครัว คนรัก เพื่อนฝูงที่สนิทกับเรา ดูแลใส่ใจ ให้อภัย บอกรัก ขอโทษ ประหนึ่งว่าทุกวันเป็นวันสุดท้ายของชีวิต

ทำตามความฝันความตั้งใจ คนเรามีความชอบและความฝันแตกต่างกัน ฝันอยากเป็นโน่นอยากเป็นนี่ แต่จะมีซักกี่คนบนโลกนี้ได้ทำความฝันตัวเองให้เป็นความจริง คงจะมีเพียงคนส่วนน้อยที่สามารถทำฝันให้เป็นจริง คนอีกส่วนที่พยายามทำความฝันให้เป็นจริง และคนส่วนใหญ่ที่ได้แต่คิดว่าอยากจะทำแต่ไม่ทำอะไรเลย ลองถามตัวเองดูว่าที่ผ่านมาคุณจัดอยู่ในคนประเภทไหน ต่อให้คุณพยายามทำแล้วมันไม่สำเร็จอย่างน้อยคุณยังได้ชื่อว่าเป็นคนที่ได้พยายามที่จะทำตามความฝันของคุณแล้ว

ทำสิ่งที่อยากทำ สิ่งที่อยากทำอาจจะเป็นคนละเรื่องกับความฝัน สิ่งที่อยากทำก็มีมากมายในชีวิตคนเราแต่ข้อแม้สำคัญของมันก็คือ ทำแล้วต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น อาจเป็นการไปเที่ยวในที่ๆอยากไป อยากทำสิ่งของเครื่องใช้ อยากเรียนรู้ความรู้ในศาสตร์ต่างๆที่ไม่เคยทำมาก่อน

ช่วยเหลือคนอื่น ตอบแทนสังคม การตอบแทนสังคมหรือช่วยเหลือผู้อื่น ถ้าคุณคือหนึ่งในคนที่พอเพียงกับสิ่งที่มีอยู่ และรู้สึกเพียงพอกับความอยากของตนเองแล้ว การช่วยเหลือผู้อื่นและการตอบแทนสังคมเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าจะทำเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ บนโลกนี้นอกจากคนที่เดือดร้อนจากสภาวะร่างกาย โรคร้าย ครอบครัว สังคม รวมทั้งสิ่งมีชีวิตอื่นๆที่ยังต้องการความช่วยเหลือยังมีอีกมากมาย ถ้าคุณได้ลองซักครั้งนึง คุณผู้อ่านจะต้องติดใจที่จะทำซ้ำอีก เพราะสิ่งที่ได้กลับมามันคือความสุขที่จะอยู่ในใจของคุณไปตลอดชีวิต

ปฎิบัติธรรม หลายครั้งที่อ้างอิงถึงเรื่องการปฏิบัติธรรม คนบางส่วนที่เห็นด้วยหรือว่าปฏิบัติอยู่แล้ว คงเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่สำหรับคนที่ไม่เคยปฏิบัติคงจะส่ายหน้าร้องยี้กัน การปฏิบัติธรรมนี้คงไม่ต้องถึงกับนุ่งขาวห่มขาว ปลีกวิเวกเข้าป่ากัน อาจเริ่มต้นด้วยการสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอน อ่านหนังสือธรรมะ ทำบุญตักบาตร หรือว่าไปปฏิบัติธรรม หรืออย่างน้อยที่สุดคือการปฏิบัติให้อยู่ในศีลในธรรม ถ้าคุณไม่ได้นับถือศาสนาพุทธ เชื่อว่าแต่ละศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี ลองเอาชีวิตไปติดกับธรรมะหรือศาสนาแล้วคุณจะรู้สึกว่าไม่เสียดายที่เกิดมาชาติแล้วก็ได้นะ

“เสียดาย” เป็นคำที่พูดกันเมื่อไม่ได้ทำสิ่งที่ตัวเองอยากจะทำ อยากให้คุณผู้อ่านได้ทำสิ่งที่คุณอยากทำอย่างเต็มที่ ใช้ชีวิตให้คุ้มกับการเกิดมาเป็นมนุษย์ เพื่อจะได้ไม่รู้สึกเสียดายว่าไม่ได้ทำสิ่งที่อยากทำ และจะได้ไม่ต้อง”เสียใจ”เมื่อเวลาที่เราต้องจากโลกนี้ไปด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2013, 09:24:34 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #586 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 09:08:24 PM »

ชีวิตอาจเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ก็งดงาม





ชีวิตอาจเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ก็งดงาม

ชีวิตอาจเต็มไปด้วยทุกข์ แต่ก็เต็มไปด้วยสิ่งงดงามน่าอัศจรรย์ด้วย

ดังเช่น ฟ้าคราม สายแดด และนัยน์ตาของเด็กน้อย
อย่าเพ่งเล็งแต่ด้านทุกข์ ...
เราต้องสัมผัสด้านงดงามน่าอัศจรรย์ของชีวิตด้วย

ทั้งหมดล้วนอยู่ในเราและรอบๆตัวเรา.. ทุกเวลาและสถานที่...

หากเราไร้สุข ขาดสันติภายในใจ ...
ย่อมไม่อาจแบ่งปันสันติและความสุขกับผู้อื่นได้...
แม้เขาจะเป็นคนที่เรารักและอยู่ร่วมชายคาเดียวกันก็ตาม

แต่ถ้าเรามีสันติสุข...
เราจะยิ้มและแย้มบานได้อย่างดอกไม้...
ทุกคนในครอบครัวตลอดรวมถึงสังคม...
...จะได้รับอานิสงส์จากสันติภาวะของเรา


เราต้องพยายามเป็นพิเศษหรือไม่ในการชื่นชมความงามของฟ้าคราม
เราต้องฝึกเสียก่อนจึงจะดื่มด่ำความงามดังกล่าวได้กระนั้นหรือ

เปล่าเลย... เราดื่มด่ำได้ทันที...
แต่ละวินาทีของชีวิต เราสามารถดำเนินไปเยี่ยงนี้
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เวลาใด...
เราสามารถชื่นชมสายแดด ชื่นชมการปรากฎอยู่ของกันและกัน
หรือกระทั่งชื่นชมความรู้สึกขณะหายใจได้

เราไม่จำเป็นต้องไปชื่นชมฟ้าครามถึงเมืองจีน
ไม่จำเป็นต้องดั้นด้นไปถึงอนาคตเพื่อจะชื่นชมลมหายใจ

เราสามารถสัมผัสทั้งหมดนั้นได้เดี๋ยวนี้...
คงเป็นเรื่องน่าเสียดายถ้าเราตระหนักเห็นแต่ด้านที่เป็นทุกข์.. .





ขอบคุณบทความจากทำดีดอทเน็ต(จั่นเจา)
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #587 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 09:14:59 PM »

บันได 5 ขั้นสู่ชีวิตใหม่ ที่มีค่า



บันได 5 ขั้นสู่ชีวิตใหม่ที่มีค่าและเป็นสุข

หลาย ๆคน มักจะพร่ำสัญญากับตัวเองเสมอว่า ฉันจะเป็นคนใหม่ ที่สดใส สำเร็จและเป็นสุข เอาหละค่ะ บางทีการตั้งเป้าเอาไว้ แต่พอถึงเวลาจริง ๆ แล้ว ไม่ลงมือปฏิบัติการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตัวเอง อะไร ๆ มันก็ไม่ดีขึ้นจริงไหมคะ หรือถ้าหากว่าใคร ไม่รู้จะเริ่มต้นลงมือกันอย่างไร ก็ลองมาใช้วิธีการที่เรียกว่า บันได 5 ขั้น นี้ดูค่ะ

บันไดขั้นที่ 1

มองตัวเองว่าดีและมีคุณค่าทุกวัน โดยที่ตื่นนอนมา ก็จงยิ้มกับตัวเอง และบอกกับตัวเองว่า "เรานี่ช่างโชคดีจริง ๆ " จากนั้น ก็นึกถึงคุณงามความดี หรือสิ่งดี ๆ ที่เราได้เคยทำเอาไว้ เช่น เมื่อวานช่วยพาคนแก่ข้ามถนน อย่างนี้เป็นต้น นอกจากนั้นให้อวยพรตัวเองเสมอ อย่าเอาแต่แช่งตัวเอง มองจุดดี และเชื่อมั่นในความสามารถของตัวเอง



บันไดขั้นที่ 2

มองคนอื่นดี มองโลกในแง่ดี นอกจากจะมองตัวเองดีแล้ว ก็จงถ่อมตัว ถ่อมใจตัวเองด้วย โดยคิดว่า ทุก ๆ คนก็มีความสามารถทั้งนั้น ซึ่งอาจจะเด่น อาจจะเก่งในแง่มุม ในเรื่องที่แตกต่างกัน อย่างเช่นว่า มีโทรศัพท์มาก็ให้คิดว่าคนดี ๆ โทรมาบอกเรื่องดี ๆ คิดอย่างนี้เสมอจนกลายเป็นนิสัยของเราไปเลยจะยิ่งดี



บันไดขั้นที่ 3

วันนี้ให้ดีที่สุด นั่นคือให้เราอยู่กับปัจจุบัน ทำกิจกรรมในวันนี้ให้ดีที่สุด ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็ให้ยอมรับเพราะว่าเราทำในสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว และให้คิดต่อไปว่า ในอนาคตเราจะทำให้ดีกว่านี้อีก



บันไดขั้นที่ 4

มีความหวังและเชื่อว่าอนาคตจะดีเสมอ ถ้าเราเชื่อและบอกกับตัวเองเช่นนั้นเป็นประจำ กำลังใจก็จะเกิดจะมีพลังที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป เผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตโดยไม่เกรงกลัว หัดเป็นคนมีความหวัง และมีอารมณ์ขันในชีวิตเสมอ



บันไดขั้นที่ 5

ปรับปรุงตัวเองเสมอ ทั้งในแง่ของการทำงาน ครอบครัว สังคม และตนเอง โดยในส่วนของการงานนั้น ก็ให้ขยัน อดทน หมั่นหาความรู้ใส่ตัวเสมอ ครอบครัวก็ต้องคิดในสิ่งที่ดีต่อกัน รู้จักให้อภัยกัน ไม่อิจฉา ระแวง แข่งขัน มีน้ำใจ และเกรงใจกัน ด้านสังคม ก็ให้หมั่นสร้างมิตรเสมอ ช่วยเหลือผู้อื่น ส่วนด้านของตนเองนั้น ก็ให้พัฒนาตนเองเพื่อลบปมด้อย ภูมิใจในตนเอง ตามความเป็นจริง อย่าผัดวันประกันพรุ่งนี้อีกเลย มาเริ่มไต่บันไดเพื่อไปสู่ชีวิตที่มีความสุขได้เลย



 
 
ที่มา:fwmail
 
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #588 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 09:22:15 PM »

ทำดีเพราะอยากทำ หรือ ทำดีเพราะอยากดี


พระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เทศน์ ณ บ้านอนุสาวรีย์ เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๑


" พวกเราปฏิบัติแบบใจร้อนกัน หวังจะให้ได้เลยในทันที ขนาดหลวงปู่ปานท่านยังใช้เวลาในการศึกษาปฏิบัติเป็นเวลากว่า ๘ ปี จึงจะเป็นที่ยอมรับแบบนี้ เราลองถามใจตัวเองก่อนว่า เวลาทำความดี เราทำเพราะเราพอใจที่จะทำความดีนั้นจริงๆ หรือทำเพราะอยากให้คนอื่นเห็นว่าเราดี ว่าเราเก่ง ถ้าคิดแบบนี้พอทำๆ ไปแล้วไม่ได้อย่างใจหวัง จะรู้สึกไม่พอใจในการปฏิบัติ จะท้อ ใจร้อนกระวนกระวายว่าทำเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ได้สักที แต่ในขณะที่เราทำความดีเพราะเราพอใจในความดี ไม่ว่าจะเร็วหรือช้าอย่างไรเราก็ไม่รู้สึกกระวนกระวายใจหรือใจร้อน อยากได้แบบท่านอื่น เพราะเรามีความสุขพอใจที่ได้ทำความดีนั้นไปเรื่อยๆ

ถ้าต้องการทำความดีในแบบที่ว่าคนอื่นเห็นได้จริงๆ มันต้องแบบว่า ความดีนั้นเต็มจนล้นออกมา เปรียบได้กับถัง ถ้าเราเอาน้ำใส่ลงไป ถ้าใส่น้ำได้แค่ครึ่งหนึ่งของถัง เราจะมองเห็นน้ำในถังไหม? เราก็จะเห็นแต่ถังอย่างเดียว แต่ถ้าเราเอาน้ำนั้นใส่ให้เต็มจนมันล้นออกมา เราจึงจะสามารถเห็นน้ำในถังนั้นได้

ส่วนพวกเราละทำความดีจนถึงขนาดที่ว่าล้นออกมาได้กันหรือยัง ถ้ายังก็มีหน้าที่ทำไปเรื่อยๆ ถ้าเมื่อไหร่ที่มันล้นออกมาคนอื่นเขาก็จะเห็นเอง และถึงตอนนั้นไม่ว่าเราพูดอะไรก็จะมีแต่คนเชื่อ"



ที่มา board.palungjit.com
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #589 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 09:28:07 PM »

สุภาษิต สำนวนไทย (ค.ควาย)


สีซอให้ควายฟัง
ความหมาย : คนเซ่อคนโง่ หรือคนที่ดูฉลาดแต่กลับไม่ฉลาด ดังเช่นควายตัวโตกลางทุ่งนาถึงจะมีคนไปสีซออันแสนไพเราะให้ฟัง แต่ควายก็ได้สนใจฟังไม่ผู้ที่สีซอก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไรจากควายเลยเสียแรงและเสียเวลาไปโดยใช่เหตุสีซอให้ควายฟังจึงมีความหมายว่า แนะนำจี้แจงสิ่งต่างๆให้แก่คนโง่ ชี้แจงให้ฟังเท่าไหร่ก็ไม่รู้เรื่องซึ่งไม่มีประโยชน์ที่จะต้องคอยแนะนำ


คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตาย

ความหมาย : สำนวนนี้เป็นที่เข้าใจกันว่า เมื่อเวลาไปไหนคนเดียวไม่ปลอดภัยนัก อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เรียกว่า "หัวหาย" ถ้าไปด้วยกันสองคน ก็อาจจะช่วยขจัดเหตุร้ายหรือเป็นเพื่อนอุ่นใจได้ดีกว่าไปคนเดียว


คนตายขายคนเป็น

ความหมาย : หมายถึงคนที่ตายไปแล้ว มีหนี้สินติดตัวอยู่มาก ทำให้คนที่อยู่ซึ่งเกี่ยวข้องหรือเป็นญาติพี่น้องต้องรับผิดชอบใช้หนี้และมิหนำซ้ำต้องเป็นภาระในการจัดทำศพ ซึ่งถ้าหากไม่มีเงินเลยก็ต้องไปกู้หนี้ยืมสินเขามาทำศพด้วย


คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ

ความหมาย : เปรียบผืนหนังของสัตว์ส่วนมากย่อมจะมีผืนเล็กกว่าเสื่อ ฉะนั้นสำนวนนี้ก็หมายถึงว่า คนที่จะรักเราจริง ๆ มีน้อยแต่คนเกลียดหรือคนชังเรามีเป็นส่วนมากกว่า


คนล้มอย่าข้าม ไม้ล้มจึงข้าม

ความหมาย : แปลว่า คนที่เคยมีอำนาจและวาสนามาก่อน แต่ต้องตกต่ำลงก็อย่าเพิ่งไปคิดดูถูกเหยียบย่ำเข้า เพราะเขาอาจกลับฟื้นฟูขึ้นอีกได้ ไม่เหมือนไม้ที่ไม่มีชีวิตวางทิ้งไว้จะข้ามจะเหยียบอย่างไรก็ได้


คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตบัณฑิตพาไปหาผล

ความหมาย : สำนวนนี้ มีความหมายหรือคำบรรยายอยู่ในตัวแล้ว คือคบคนชั่ว คนชั่วก็ชักพาเราให้พลอยไปทำชั่วด้วย ถ้าคบคนดีมีความรู้ ก็ทำให้เราได้รับผลดีหรือได้รับความรู้ดีตามไปด้วย


ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก

หมายความว่า มีเรื่องราวเดือดร้อนเกิดขึ้น ยังไม่ทันจะแก้ไขหรือจัดการให้สงบดี ก็เกิดมีเรื่องใหม่ซ้อนขึ้นมาอีก กลายเป็น ๒ เรื่องขึ้นในคราวเดียว


ความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด

ความหมาย : สำนวนนี้ หมายถึงคนที่มีวิชาความรู้ดี หรือรู้สารพัดเกือบทุกอย่าง แต่ถึงคราวเกิดเรื่องขึ้นกับตัวเอง กลับจนปัญญาแก้ไข หรือความหมายอีกทางหนึ่งว่า มีความรู้อยู่มากมายแต่ใช้วิชาหากินไม่ถูกช่อง ทำให้ต้องตกอยู่ในฐานะยากจนอยู่เรื่อยมา สู้คนที่ไม่รู้หนังสือเลย แต่หากินจนร่ำรวยไม่ได้


โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ

ความหมาย : สำนวนนี้ มีประโยคต่อท้ายสัมผัสกันด้วยว่า "ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก" แต่เรามักพูดสั้น ๆ ว่า "โค่นกล้วยอย่าไว้หน่อ" หมายความว่าจะคิดกำจัดศัตรู ปราบพวกคนพาลให้หมดสิ้นทีเดียวแล้วก็ต้องปราบให้เรียบ อย่าให้พรรคพวกของมันเหลือไว้เลยแม้แต่คนเดียว มิฉะนั้นพวกที่เหลือนี้จะกลับฟื้นฟูกำลังขึ้นมาเป็นศัตรูกับเราภายหน้าได้อีก ทำนองเดียวกับที่ว่า ถ้าเราจะขุดตอไม้ทิ้ง เราก็ต้องขุดทั้งรากทั้งโคนมันออกให้หมดอย่าให้เหลือไว้จนมันงอกขึ้นมาภายหลังได้อีก
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #590 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2013, 08:21:08 PM »


People Magazine



ชายจีนคนหนึ่งแบกถังน้ำสองใบไว้บนบ่าเพื่อไปตักน้ำที่ริมลำธาร
ถังน้ำใบหนึ่งมีรอยแตก ในขณะที่อีกใบหนึ่งไร้รอยตำหนิ และสามารถบรรจุน้ำกลับมาได้เต็มถัง...
แต่ด้วยระยะทางอันยาวไกล จากลำธารกลับสู่บ้าน....
จึงทำให้น้ำที่อยู่ในถังใบที่มีรอยแตกเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ดำเนินมาเป็นเวลา 2 ปีเต็มที่คนตักน้ำสามารถตักน้ำ
กลับมาบ้านได้หนึ่งถังครึ่ง....
ซึ่งแน่นอนว่าถังน้ำใบที่ไม่มีตำหนิจะรู้สึกภาคภูมิใจ ในผลงานเป็นอย่างยิ่ง ...
ขณะเดียวกันถังน้ำที่มีรอยแตกก็รู้สึก อับอายต่อความบกพร่องของตัวเอง
มันรู้สึกโศกเศร้ากับการที่มันสามารถทำหน้าที่ได้เพียงครึ่งเดียวของจุดประสงค์ ที่มันถูกสร้างขึ้นมา
หลังจากเวลา 2 ปี ที่ถังน้ำที่มีรอยแตกมองว่าเป็นความล้มเหลวอันขมขื่น
วันหนึ่งที่ข้างลำธาร มันได้พูดกับคนตักน้ำว่า
"ข้ารู้สึกอับอายตัวเองเป็นเพราะ รอยแตกที่ด้านข้างของตัวข้าที่ทำให้น้ำที่อยู่ข้างในไหลออกมาตลอดเส้นทาง
ที่กลับไปยังบ้านของท่าน"
คนตักน้ำตอบว่า "เจ้าเคยสังเกตหรือไม่ว่ามีดอกไม้เบ่งบานอยู่ตลอดเส้นทางในด้านของเจ้า...
แต่กลับไม่มีดอกไม้อยู่เลยในอีกด้านหนึ่งเพราะข้ารู้ว่าเจ้ามีรอยแตกอยู่....
ข้าจึงได้หว่านเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ลงข้างทางเดินด้านของเจ้าและทุกวันที่เราเดินกลับ...
เจ้าก็เป็นผู้รดน้ำให้กับเล็ดพันธุ์เหล่านั้น เป็นเวลา 2 ปี ที่ข้าสามารถที่จะเก็บดอกไม้สวยๆ
เหล่านั้นกลับมาแต่งโต๊ะกินข้าว ถ้าหากปราศจากเจ้าที่เป็นเจ้าแบบนี้แล้ว..
เราก็คงไม่อาจได้รับความสวยงามแบบนี้ได้"
คนเราแต่ละคนย่อมมีข้อบกพร่องที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง... แต่รอยตำหนิและข้อบกพร่องที่เราแต่ละคนมีนั้น อาจช่วยทำให้การอยู่ร่วมกันของเราน่าสนใจ และกลายเป็นบำเหน็จรางวัลของชีวิตได้....
สิ่งที่ต้องทำก็เพียงแค่ยอมรับคนแต่ละคนในแบบที่เขาเป็น..
และมองหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวของพวกเขาเหล่านั้นเท่านั้นเอง
อ่านแล้วได้แง่คิดยังไง ร่วมคอมเม้นต์กันด้วยนะคะ

flower story pic
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #591 เมื่อ: ธันวาคม 19, 2013, 09:08:18 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #592 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2013, 08:19:00 AM »




บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #593 เมื่อ: ธันวาคม 20, 2013, 08:19:47 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #594 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2013, 07:21:11 AM »

เช้าตรู่วันหนึ่ง..ชาวนาได้พาเจ้าลาแก่..ออกไปข้างนอก
ด้วยความโง่เขลาของมันดันเดินซุ่มซ่ามไปตกบ่อแห่งหนึ่ง

มันร้องครวญครางเป็นเวลาหลายเพลา
ชาวนาเองก็พยายามใคร่ครวญหาวิธีที่จะช่วยมันขึ้นมา
...
ในที่สุดชาวนาหวนคิดขึ้นมาได้ว่า เจ้าลาก็แก่เกินไปแล้วอีกอย่างบ่อนี้ก็ต้องกลบ
ไม่คุ้มที่จะช่วยเจ้าลา ชาวนาจึงไปขอแรงชาวบ้านเพื่อมาช่วยกลบบ่อ ทุกคนใช้พลั่วตักดินสาดลงไปในบ่อ

ครั้งแรกเมื่อดินไปถูกหลังลามันตกใจและรู้ชะตากรรมของตนทันที
มันร้องโหยหวนทันที สักพักหนึ่งทุกคนก็แปลกใจที่เจ้าลาเงียบไป

หลังจากที่ชาวนาตักดินใส่ไปในบ่อได้สัก สองสามพลั่วก็เหลือบมองลงไปในบ่อ
ก็พบกับความประหลาดใจที่ว่า ทุกครั้งที่ทุกคนสาดดินไปถูกหลังลามันจะสะบัดดินออกจากหลัง แล้วก้าวขึ้นไปเหยียบบนดินเหล่านั้น ยิ่งทุกคนพยายามเร่งระดมสาดดินลงไปมากเท่าไร มันก็ก้าวขึ้นมาได้เร็วมากยิ่งขึ้น

ในไม่ช้าทุกคนต่างประหลาดใจที่เจ้าลาในที่สุดก็สามารถหลุดพ้นจากปากบ่อดังกล่าวได้

จำไว้ว่า "อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป"

ในชีวิตเราอาจมี..อุปสรรคต่างๆที่ถาโถมเข้ามาหา..ก็เปรียบเสมือนดินที่สาดเข้ามาหาเรา..จำไว้ว่า..สิ่งแรกที่ต้องมี..ยามที่คุณเผชิญช่วงเวลาที่ยากลำบาก คือ "สติ"

จงตั้งสติให้ได้ก่อน..อย่ามัวแต่โทษนั่นโทษนี่ โวยโวยหรือเหวี่ยงกับทุกอย่างรอบๆตัว
หลังจากนั้น..ลองมองหาวิธีแก้ปัญหาดูครับ..อย่าใจร้อน อย่าคิดมากหรือวิตกกังวลจนเกินเหตุครับ เชื่อเถอะว่าทุกปัญหามีทางออกเสมอ..


สุดท้าย..จงอย่าท้อถอยและยอมแพ้กับอุปสรรค..จงแก้ไขและหาทางเอาชนะมัน เพื่อที่เราจะได้ก้าวเหยียบมันเพื่อที่จะปีนป่ายให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ เปรียบเสมือนลาแก่ที่หลุดพ้นจากบ่อนั้นได้ครับ..

"อุปสรรคมีไว้ให้ก้าวข้ามไป" นะครับ...สู้ๆ

^____^


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #595 เมื่อ: ธันวาคม 21, 2013, 07:23:08 AM »


บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #596 เมื่อ: ธันวาคม 28, 2013, 09:03:59 PM »

โง่ + ขยัน = เหนื่อย
โง่ + โลภ = เหยื่อ
โง่ + ขี้เกียจ = ยากจน
โง่ + บริโภคนิยม = หมดตัว
โง่ + ช้า = ล้าหลัง
โง่ + รีบร้อน = สะดุด
โง่ + อดทน = ถึงจุดหมาย แต่ช้าหน่อย
โง่ + ขยัน + อดทน = ลืมตาอ้าปากได้
โง่ + ซื่อสัตย์ = คนเมตตา
โง่ + กตัญญู = พระคุ้ม
โง่ + เรียนรู้ = ไม่โง่

ฉลาด + ขยัน = ความสำเร็จ
ฉลาด + อดทน = ความเจริญ
ฉลาด + ขี้เกียจ = โกง
ฉลาด + ขี้เกียจ + โลภ = โคตรโกง
ฉลาด + โอกาส = ติดปีก
ฉลาด + โอกาส + ขยัน = ติดจรวด
ฉลาด + กตัญญู = สัตบุรุษ
ฉลาด + ซื่อสัตย์ = ยอดคน
ฉลาด + ไม่เรียนรู้ = ไม่ฉลาด

โลภ + ขี้เกียจ = ชีวิตหมดไปกับการหาทางลัด
โลภ + ขยัน = รวย
โลภ + โกรธ = โรคหัวใจ

โกรธ + เกลียด = ไฟในอก
โกรธ + อโหสิ = สวรรค์

รัก + หลง = อุปาทาน
รัก + ใจร้อน = ชิงสุกก่อนห่าม
รัก + ใจเย็น = ไม้เท้ายอดทอง ตะบองยอดเพชร
รัก + เข้าใจ = รักจริง

เข้าใจ + ให้อภัย = รักแท้

รัก + อดทน = บ้านเย็น
รัก + อกหัก = ปรากฏการณ์ธรรมชาติ

อกหัก + เหล้า = ยืดเวลาอกหัก
อกหัก + เข้าใจ = ลดเวลาอกหัก
อกหัก + เมตตา = หายอกหัก

ความรู้ + ความโลภ = โมหะ
ความรู้ + ความหลง = เอาตัวไม่รอด
ความรู้ + จริยธรรม = ปัญญา

สติ + ปัญญา = ความเจริญ

จินตนาการ + ความคิดสร้างสรรค์ = นวัตกรรมด้านบวก
จินตนาการ + โมหะ = นวัตกรรมด้านลบ
จินตนาการ + อารมณ์ลบ = ฟุ้งซ่าน

ปัญหา + กลุ้มใจ = ปัญหา + กลุ้มใจ
ปัญหา + วิเคราะห์ = ลดปัญหา

ใจเย็น + รอบคอบ = สำเร็จมั่นคง

รีบร้อน + มีแผน = วิ่งสะดุด
รีบร้อน + ไม่มีแผน = วิ่งอยู่กับที่

รวย + เมตตา = บุญ
รวย + ธรรม = กุศล

ทำบุญ + ชื่อเสียง = แบกโลก
ทำบุญ + ชาติหน้า = การลงทุน
ทำบุญ + เมตตา = ปล่อยวาง

ไม่เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = อุปาทาน
เข้าใจ + ไม่ปล่อยวาง = โซ่ตรวน
เข้าใจ + ปล่อยวาง = เย็น

สรุป สูตรชีวิตที่ประสบความสำเร็จ :

ขยัน + อดทน + เรียนรู้ + ใจเย็น + เมตตา + ปล่อยวาง = ความเจริญรุ่งเรือง...ทั้งทางโลกและจิตใจ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #597 เมื่อ: มกราคม 01, 2014, 12:12:12 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #598 เมื่อ: มกราคม 01, 2014, 12:14:35 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #599 เมื่อ: มกราคม 04, 2014, 11:19:20 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 38 39 [40] 41 42 ... 67   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: