Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 37 38 [39] 40 41 ... 67   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: อ่าน เพลิน เพลิน  (อ่าน 94922 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #570 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2013, 08:21:21 AM »





บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #571 เมื่อ: พฤศจิกายน 22, 2013, 07:41:34 PM »

วิธีจูงใจผู้อื่นให้คล้อยตามความคิดของเรา


•อย่าโต้แย้ง หรือ โต้เถียง โดยเด็ดขาดไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดๆก็ตาม

◦ถ้าไม่มีหน้าที่ อย่าไปพิสูจน์ว่าผู้อื่นผิด

◦หลังการโต้เถียงต่างฝ่ายต่างเชื่อมั่นว่าตนถูก มากกว่าเดิม และจะรู้สึกเสียหน้าถ้าต้องเปลี่ยนความคิดเห็น

◦คนโดยทั่วไปจะไม่เปลี่ยนทัศนคติต่อเรื่องใดๆ ถ้าเขาต้องเชื่อเพราะถูกบังคับให้เชื่อในเรื่องที่เขาไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่แรก

◦การโต้แย้ง เปลี่ยนใจมนุษย์ไม่ได้

◦มิตรภาพ/ความรู้สึกที่ดี จะไม่มีวันเกิดขึ้นหลังการโต้เถียง
•เคารพความคิดเห็นของฝ่ายตรงข้าม อย่าบอกว่าเค้าผิด

◦ถ้าต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นข้อเท็จจริงที่แตกต่างจากเขา อย่าบอกให้เขารู้ตัวล่วงหน้า เช่น
อย่าพูด " ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นว่า สิ่งที่คุณพูดไม่ได้เรื่องหรือผิด" ควรพูด" เรื่องนี้ผมคิดอย่างนี้ ซึ่งอาจจะผิดก็ได้

◦นักวิทยาศาสตร์ จะไม่พยายามพิสูจน์สิ่งใดๆ เพียงแต่หาข้อเท็จจริงมา เผยแพร่เท่านั้น

◦ไม่มีมนุษย์คนใดชอบฟังความจริง ที่เกี่ยวข้องกับความผิดพลาด หรือ ความล้มเหลวของเขา
•ถ้าทำผิด ให้รีบผิดทันที โดยไม่มีข้อโต้แย้ง+เตรียมใจ รีบตำหนิตัวเองอย่าแก้ตัว จะทำให้ลดแรงกดดันจากฝ่ายตรงข้ามได้มาก

•เริ่มต้นสนทนาด้วยมิตรไมตรีที่ดี

◦ถ้าเขายังโกรธเราอยู่ ไม่ว่าเราจะพูดอะไร เขาจะไม่เชื่อ ไม่ฟัง

◦แสดงให้เขาเห็นว่า เรามีเจตนาที่ดีต่อเขา ต้องการช่วยเขา ด้วยใจจริง

◦ปรึกษาหารือกันว่า ทำไมเราจึงเห็นขัดแย้งกัน ประเด็นปัญหาคืออะไร
•ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมรับ คำว่า ใช่ ,ถูก, ครับ ในทันทีที่เริ่มสนทนา

◦เทคนิคของ Socrates

◦เลือกเรื่องง่ายๆที่เป็นความจริงของเรื่องที่จะสนทนาที่จะพูดก่อน
•พูดให้น้อย ฟังให้มาก

◦ในบางกรณี การฟังจะได้ประโยชน์มากกว่า สร้างศัตรูได้น้อยกว่าการพูด

◦ผู้ประสบความสําเร็จส่วนมากชอบระลึกถึงการต่อสู้ดิ้นรนในอดีต

◦ไม่มีใครอยากฟังเราโม้ถึงความสำเร็จของเรา ควรถ่อมตนจะดีกว่า
•ทำให้เขาเกิดความรู้สึกว่าความคิดที่เราเสนอ แท้ที่จริงเป็นความคิดของเขาแต่ลืมไป หรือ เป็นความคิดของเราแต่ให้เขาพิจารณาใคร่ครวญตัดสินใจเอง

◦ไม่มีใครมีความสุขที่ต้องทำอะไรเพราะความคิดของคนอื่น ถูกสั่งให้ทำ

◦คนทั่วไปชอบที่จะให้คนอื่นมาพูดกับเขาว่า เขาต้องการอะไร คิดอย่างไร

◦พยายามพูดย้ำโดยไม่ตั้งใจ เพื่อให้สิ่งที่พูดฝังอยู่ในใจของเขา เผื่อที่เขาจะได้นำมันมาคิดแล้วคิดอีกแล้วตัดสินใจตามเรา
•พยายามอย่างสุจริตใจที่จะมองสิ่งต่างๆในแง่คิดของเขา

◦คนฉลาด อดทน มีคุณสมบัติพิเศษ มีความเป็นผู้นำ เท่านั้นจึงจะทำได้

◦ลองถามตัวเองว่า ถ้าเราตกอยู่ในฐานะเดียวกับเขา เราจะรู้สึกอย่างไร และจะแก้ปัญหาต่างๆอย่างไร

◦ผลสำเร็จอันงดงามในการติดต่อกับผู้อื่น อาศัยหลักการของความเข้าใจแง่คิดของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

◦ลองถามตัวเองว่า ทำไมเขาจึงทำอย่างนั้น ทำเพื่ออะไร มีอะไรเป็นมูลเหตุจูงใจซ่อนอยู่ภายใน
•เห็นใจในความรู้สึกนึกคิด ความต้องการ ขีดจำกัด ของเขา

◦แผ่เมตตา ให้อภัย ไม่อาฆาต

◦เห็นอกเห็นใจในชะตากรรมของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
•ขอร้องด้วยการพูดด้วยเหตุผลว่า สิ่งที่เราเสนอดีกว่าของเขา แต่ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เขาเสนอไม่ดี

◦ถ้าเราไม่มั่นใจว่า เขาเป็นคนอย่างไร ต้องสันนิฐานไว้ก่อนว่า เขาเป็นคนมีเกียรติ์ ซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติต่อเขาด้วยดี

◦ทุกคนตีราคาคุณค่าของตัวเขาเองทุกคน

◦ปล่อยให้เขาคิดและเปรียบเทียบ ตัดสินใจดำเนินการเลือกเอง

◦คนแต่ละคนมีนิสัยต่างกัน ได้รับการอบรบสั่งสอน มีประสบการณ์ชีวิตแตกต่างกัน จึงจำเป็นต้องมีวิธีการจัดการไม่เหมือนกัน
•แสดงความคิดเห็นให้เป็นที่เร้าใจ มีพลัง และด้วยความกระตือรือร้น

◦ใช้ถ้อยคำสุภาพ

◦ยิ้มแย้มแจ่มใสขณะพูด

◦ต้องเชื่อมั่นเต็มที่ว่า สิ่งที่เสนอนั้นสามารถปฏิบัติได้/ดีกว่าของเดิมจริง
•หรือ ลองใช้วิธีการพูดท้าทายดูบ้าง เช่น

◦สิ่งนี้เราเสนอนี้ คนที่เก่ง หรือ คนที่มีความสามารถเท่านั้นที่ทำได้ เราผู้เสนอมีเพียงความคิด แต่ไม่มีความสามารถ หรือ มีความชำนาญมากพอที่จะทำได้

◦สิ่งที่จะทํานี้ไม่ง่าย แต่จากสิ่งที่ผ่านมาผมคิดว่าไม่เกินความสามารถของทุกคน

◦สิ่งนี้คุณทำได้อยู่แล้ว ถ้าอยากจะทำ

◦ผมไม่ตำหนิคุณหรอกที่คุณรู้สึกกลัว เพราะสิ่งนี้มันยาก

◦ต้องใช้ความสามารถและความอดทนมาก คนเก่งๆเท่านั้นที่จะทําได้


NOVABIZ.COM
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #572 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2013, 07:01:39 PM »


คนมองโลกในแง่ดี มักมีโอกาสดีกว่าคนอื่นเสมอครับ เพราะเมื่อมองทุกอย่างเป็นบวก

ก็ช่วยให้มีสุขภาพจิตดี ความคิดโปร่งใส ทำอะไรก็ดูจะสบายๆกว่าคนอื่น

แต่ที่น่าสนใจก็คือผลจากการวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าคนมองโลก
ในแง่ดียังมีแนวโน้มว่าจะมีอายุยืนยาวกว่าคนอื่นได้ด้วย
การวิจัยที่ว่านั้นนำกลุ่มคนที่อายุ 20 ปีขึ้นไป 1 กลุ่มที่มีความคิดทางบวก เป็นคนอารมณ์ดี อีกกลุ่มหนึ่ง.
ซึม เศร้า ไม่มีความเชื่อมั่นตนเอง ในอีก 40 ปีต่อมา คืออายุ 60 ปีขึ้นไป

ปรากฏว่าคนมองโลกในแง่ดีนั้นมีคนที่อายุยืนยาวมากกว่ากลุ่มหลังถึง 42%
คนที่มีความคิดเชิงบวก อารมณ์มักไม่ค่อยแปรปรวน ไม่รู้สึกกระวนกระวาย

ในเรื่องจิตวิทยาบอกไว้ว่า คนที่มีการคิดบวกจะทำให้มีโอกาสมีสุขภาพดี

และสุดท้ายตามมาด้วยความสำเร็จและความสุข
แน่นอนว่าใครๆก็อยากมีความสุข และอยากมองเห็นทุกเรื่องอย่างสบายใจ แต่เอาเข้าจริงๆแล้วไม่ง่าย
เท่าไร นัก เพราะการมองโลกเชิงบวกเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่ยังเด็ก แต่ก็ไม่ใช่ว่าสร้างใหม่ไม่ได้ โดยผมมีเคล็ดลับมาฝากผู้อ่าน “บิสิเนสไทย” ทุกท่านในวันนี้ครับ
1. อารมณ์ ในมิติอารมณ์ เราไม่ชินที่จะสังเกตตัวเองว่า บางครั้งอารมณ์ดี บางครั้งอารมณ์ไม่ดี

เราต้อง สามารถสังเกตว่าเรามีเหตุผลอะไร ที่อารมณ์ไม่ดี และมีความสามารถหาคำตอบเพื่อแก้ความอารมณ์ไม่ดีให้ได้



2. การกระทำ สามารถที่จะแก้ไขอารมณ์ได้ มีข้อแนะนำ คือ
- ต้องออกจากกรอบของตัวเอง โดยควรลองเปลี่ยนแปลงหรือคิดนอกกรอบเดิมๆ

เพื่อจะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และสิ่งใหม่ๆนั่นเอง จะพาความสนใจให้เราพบตัวเองไปเรื่อยๆและทำให้เรารู้สึกมีคุณค่า
- ทำอย่างไรให้การกระทำนั้นทำให้เรารู้สึกพอ ซึ่งจะทำให้เกิดผลต่อเนื่องในความคิดที่เรารู้สึกพอใจ

และการพอใจแปลเป็นความคิดทางบวก โดยแต่ละคนก็มีวิธีที่ต่างกัน

เช่นใช้วิธีเตือนตัวเองด้วยการอัดเทปบอกเล่าสิ่งที่เราทำ บางคนก็จดบันทึกไดอารี่

เมื่อนำกลับมาอ่านก็จะทำให้รู้สึกพอใจกับสิ่งที่เคยทำไปแม้บางช่วงจะมี อุปสรรคมาก

แต่เราก็สามารถแก้ปัญหาได้ ทำให้เกิดการเปรียบเทียบ และเกิดความรู้สึกว่า

เรามีการก้าวหน้าขึ้นมาก ซึ่งจะทำให้เกิดความคิดทางบวกได้
- มองถึงเรื่องอนาคต เพื่อหาว่าในอนาคตจะเป็นอย่างไร ซึ่งจะทำให้เกิดทั้งจินตนาการและวิธีการที่จะลงมือทำ

ก็เหมือนกับเราซ้อมมือไว้ก่อนที่จะเกิดขึ้นจริง ทำให้เราคิดได้รอบคอบมากขึ้น สิ่งดีๆและความสำเร็จก็จะตามมา


3. การรับรู้ คนที่คิดในทางลบ มักจะคิดถึงตัวเองใน 3 เรื่องคือ
1. การนำอดีตที่เคยผิดหวัง ล้มเหลว เราไม่มีทางทำได้ มาตอกย้ำตัวเองนั่นคือขาดความมั่นใจ
2. ปฏิเสธคนอื่นรอบข้าง โดยรู้สึกว่าคนอื่นคงดีใจเมื่อเราล้มเหลว

ทำให้โอกาสที่จะร่วมมือทำงานหรือแชร์ความรู้สึกกับคนอื่นไม่สามารถเกิดขึ้นได้
3. คิดว่าอะไรที่ไม่สำเร็จก็ไม่มีทางแก้ไขหรือไม่มีทางออกอื่นอีกแล้ว เช่นเด็กที่เอนทรานซ์ไม่ติด ก็ฆ่าตัวตาย

ทั้งที่ความเป็นจริงเราก็สามารถเรียนในมหาวิทยาลัยเปิด หรือมหาวิทยาลัย เอกชนได้เหมือนกัน
การวิเคราะห์ความคิดของตัวเอง จึงเป็นกลไกเบื้องต้นที่ช่วยให้เราบริหารอารมณ์ของตัวเองภายใต้เหตุผล

และความถูกความผิดได้ โอกาสที่จะคิดดีทำดีก็มีสูงขึ้น เหมือนภาษิตจีนโบราณสอนไว้ว่า

เมื่อใจเราคิดอย่างไร เรื่องก็จะเป็นอย่างนั้น
นอกเหนือจากเรื่องการวิเคราะห์ตัวเองและบริหารอารมณ์ให้ได้แล้ว

อีกเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือการปรับสมดุลชีวิตของตัวเอง

เพราะโลกนี้อาจไม่ยุติธรรมหรือสมดุลอย่างที่เราเคยคาดหวังเอาไว้ ซึ่งเราต้องเข้าใจธรรมชาติของมันดังนี้
1. ภายใต้สภาพแวดล้อมของสังคมที่มีการแข่งขันสูงเหมือนในทุกวันนี้

ความพยายามแค่ไหนก็อาจจะยังไม่พอเพราะเราไม่สามารถเดาได้ว่าเบื้องหน้าเรามี อุปสรรคที่ยากแค่ไหน
2. มนุษย์ถึงจะเก่งแค่ไหนก็ตาม ทุกคนต่างก็ถูกควบคุมด้วยเวลาที่มีจำกัดเหมือนกันหมด
3. ต่อให้เราทุ่มเทแค่ไหน และต่อเนื่องแค่ไหน ทุกคนมีชีวิตเดียวเท่ากันหมด
ซึ่งข้อจำกัดเหล่านี้ เป็นอุปสรรคที่ทุกคนต้องยอมรับ และสร้างความพอดีให้เกิดขึ้น

เหมือนรถไฟซึ่งอยากวิ่งได้ให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเร็วเกินไปอาจตกรางได้

หรือช้าเกินไปก็อาจไม่ทันเวลา กลไกชีวิตก็เช่นกัน น้อยไปต้องบวก หากมากก็ต้องลบ

เป็นความพอดีที่เราต้องเข้าใจและเรียนรู้
เช่นเดียวกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่

โดยความพอเพียงคือความพอดีในการดำเนินชีวิต ในการทำธุรกิจอะไรคือพอดี

กำลังมีเท่าไรจะทำเท่าไร และจากที่มีอยู่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้อย่างไร

แม้แต่คนที่ไม่มีก็มีความสุขได้ ซึ่งทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับความคิดของตัวเองและการบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้

เกิดผลสูงสุดความสุขก็เกิดขึ้นได้
ข้อจำกัดของคนเรามีมากมายครับ ทั้งเวลา อายุ ฉะนั้นอย่าปล่อยให้อารมณ์

และความคิดของเรามาเป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิต ในเมื่อเวลามีน้อยนักก็ต้องรู้จักใช้ชีวิตให้สมดุล

เพื่อกระตุ้นให้ชีวิตมีความสุข มีจินตนาการ
และมีพลังในการทำงานต่อไป
http://www.pattanakit.net/index.php?lay=show&ac=article&Id=538708641&Ntype=128
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #573 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 09:38:50 AM »



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #574 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 09:39:35 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #575 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 09:40:27 AM »



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #576 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 09:41:18 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #577 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 09:46:55 AM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #578 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 09:48:58 AM »

ปั้นข้าวเหนียว
ใช้ชีวิตอยู่กับความจริง
ยอมรับ ในสิ่งที่เป็น
มองเห็น ข้อดีของคนอื่น
ยืนหยัดด้วยขาของตนเอง



บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #579 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 11:02:40 AM »

บนบ่าของคุณมีแมลงปอไหม



. . มีเมืองเล็กๆ ที่สวยและสงบสุขเมืองหนึ่ง มีคู่รักคู่หนึ่งที่รักกันมาก
ทุกวันพวกเขาจะพากันไป ดู ชม พระอาทิตย์ขึ้นที่ชายหาดและไปส่งพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ชายหาดตอนโพล้เพล้
ทุกคนที่เคยพวกเขาพบเจอจะมองด้วยสายตาอิจฉาในความรักของคนคู่นี้เสมอ..แต่แล้ววันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุรถชนขึ้น
หญิงสาวผู้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส  เธอนอนเงียบๆ อยู่บนเตียงของโรงพยาบาวันแล้ววันเล่า


คืนแล้วคืนเล่า เธอก็ยังคงไม่ฟื้นคืนมา ตอนกลางวัน..ชายหนุ่มจะมาเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง
 ร้องเรียกคนรักของเขาเสมอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ตอบสนองใดๆเลย
ตกกลางคืน...ชายหนุ่มจะไปสวดภาวนาอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าที่โบสถ์นอกเมือง
เขาร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้ง ไม่มีจะไหลออกมาอีกแล้ว

ผ่านไป 1 เดือน
หญิงสาวยังคงหลับใหลไม่ฟื้นเหมือนเดิม...ส่วนชายหนุ่มก็ดูจะซูบเซียวขึ้นทุกวัน
แต่ก็ยังคงสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้าอยู่เสมอไม่หยุด
 แต่แล้ววันหนึ่ง
พระผู้เจ้าก็เกิดเห็นใจในรักของชายหนุ่มและตกลงที่จะประทานพรให้แก่เขา
พระผู้เป็นเจ้าได้ถามชายหนุ่มว่า


“เจ้ายอมที่จะแลกพรนี้ด้วยชีวิตของเจ้าไหม” ชายหนุ่มตอบโดยไม่ลังเลว่า “ ผมยอมครับ”
พระผู้เป็นเจ้าพูดว่า “งั้นดีฉันจะให้คนรักของเจ้าฟื้นขึ้นมา
แต่เจ้าต้องแลกกับการกลายเป็นแมลงปอเป็นเวลา 3 ปี เจ้าจะตกลงยอมไหม”
ชายหนุ่มได้ฟังดังนั้น แต่ก็ยังคงยืนยันคำตอบเดิม “ผมยอมครับ”

ฟ้าสางแล้ว
ชายหนุ่มได้กลายเป็นแมลงปอสวยงามตัวหนึ่ง
เขาบอกลาพระผู้เป็นเจ้าแล้วรีบบินกลับไปที่โรงพยาบาล...หญิงสาวฟื้นขึ้นมาแล้วจริงๆ
มีนายแพทย์หนุ่มยืนอยู่ข้างๆ เธอ คุยเรื่องอะไรกันสักอย่างหนึ่ง
 แต่ช่างเสียดายที่เขาไม่สามารถที่จะได้ยิน..หลายวันผ่านไป
หญิงสาวแข็งแรงพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
แต่เธอดูไม่มีความสุขเลย เธอออกตระเวนหาข่าวคราวของชายหนุ่ม
แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าชายหนุ่มหายไปอยู่ที่ไหน...หญิงสาวยังไม่ละความพยายามที่จะตามหาชายคนรักของเธอ
 ชายหนุ่มซึ่งอยู่ในร่างของเจ้าแมลงปอได้แต่บินวนเวียนอยู่รอบตัวหญิงสาวไม่ห่าง
ทว่าเขาไม่สามารถที่ส่งเสียง ไม่สามารถโอบกอดเธอเขาทำได้แค่เพียงเฝ้ามองดูหญิงสาวไม่ให้คลาดสายตาเท่านั้น



ฤดูร้อนผ่านไปแล้ว
ลมฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้ปลิวร่วงหล่นจากต้นไม้ใหญ่
 เจ้าแมลงปอจำต้องจากที่นี่ไปแล้ว
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้บินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาว..เขาอยากใช้ปีกของเขาลูบใบหน้าของหญิงสาว
อยากใช้ปากเล็กๆ  จูบที่หน้าผาก...แต่อย่างไรก็ดีร่างเล็กบอบบางในคราบของแมลงปอ
ก็ไม่สามารถเรียกร้องความสนใจจากหญิงสาวได้
แค่พริบตา ฤดูใบไม้ผลิก็มาเยือน
เจ้าแมลงปอรีบบินกลับมาหาคนรักของเขา
เพื่อจะพบว่าร่างอันคุ้นตานั้น บัดนี้ได้ยืนเคียงคู่อยู่กับชายรูปร่างสันทัดคนหนึ่ง
 ภาพๆ นั้นทำให้เจ้าแมลงปอเกือบจะบินตกลงมาจากอากาศเลยทีเดียว
ชาวบ้านต่างกล่าวขานถึงเรื่องอุบัติเหตุที่ทำให้หญิงสาวได้รับบาดเจ็บสาหัส..ทำให้ได้พบกับแพทย์หนุ่มที่น่ารัก และ ใจดี คนนั้น
และยังกล่าวถึงความรักของคนทั้งคู่ที่เหมือนถูกกำหนดมาอย่างไรอย่างนั้น
แน่นอนพวกเขายังคงพูดถึงหญิงสาวที่สดใสร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมากมายนัก...เจ้าแมลงปอรู้สึกเจ็บปวดยิ่งนัก


หลังจากนั้นไม่กี่วัน
แมลงปอเห็นแพทย์หนุ่มผู้นั้นพาคนรักของตนไปชายทะเลเพื่อดูพระอาทิตย์ขึ้น
 พลบค่ำก็อยู่(ที่)ชายหาดเพื่อดูพระอาทิตย์ตก
แต่สำหรับเขาแล้นอกจากบินมาเกาะที่บ่าของหญิงสาวแล้ว เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย
หน้าร้อนของปีนี้ช่างยาวนานนัก
เจ้าแมลงปอบินต่ำลงๆ ทุกวันด้วยความรู้สึกที่เจ็บปวด


เขาไม่มีเรี่ยวแรงเพียงพอที่จะบินเข้าใกล้ หญิงอันเป็นที่รัก..ท่าทางการพูดคุยกันอย่างสนิทสนมของคนทั้งคู่
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทั้งคู่ ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยวยิ่งนักย่างเข้าฤดูร้อนของปีที่ 3
 เจ้าแมลงปอไม่ค่อยไปเฝ้าดูคนรักของเขาแล้ว
บ่าของเธอบัดนี้ถูกโอบกอดด้วยมือของแพทย์หนุ่ม..ใบหน้าถูกประทับจูบอย่างเบาๆ จากเขาผู้นั้น
ดูท่าทางแล้วไม่มีทางเลยที่หญิงสาวจะมีเวลาที่จะไปคิดถึงแมลงปอที่เจ็บปวดตัวหนึ่ง
ยิ่งไม่มีทางที่จะไปคิดถึงอดีตสิ่งที่ผ่านไป


 วันครบรอบปีที่ 3 ที่พระผู้เป็นกำหนดไว้ใกล้มาถึงแล้ว
คนรักของเจ้าแมลงปอกับนายแพทย์หนุ่มได้จัดพิธีแต่งงานขึ้นในวันสุดท้ายนั้นเอง
เจ้าแมลงปอค่อยๆ บินเข้าไปในโบสถ์ และไปเกาะที่บ่าของพระผู้เป็นเจ้า
เขาได้ยินเสียงของคนรักที่ดังมาจากข้างล่างตอบรับคำสาบานของพระผู้เป็นเจ้าว่า..“ฉันยอมรับ”
เขาเห็นแพทย์หนุ่มคนนั้นสวมแหวนให้คนรักของเขา...ตามด้วยจุมพิตที่แสนหวานของคนทั้งคู่


 เจ้าแมลงปอปล่อยให้น้ำตาแห่งความเจ็บปวดไหลออกมา
พระผู้เป็นเจ้าถามแมลงปอว่า “เจ้ารู้สึกเสียใจไหม”
เจ้าแมลงปอเช็ดน้ำตาแล้วตอบว่า “เปล่า” พระผู้เป็นเจ้าถอนหายใจแล้วพูดต่อว่า
“งั้นพรุ่งนี้เจ้าก็ได้กลับเป็นเจ้าคนเดิมแล้ว” เจ้าแมลงปอส่ายหน้าอย่างช้าๆ ก่อนตอบว่า
 “ขอผมเป็นแมลงปออย่างนี้ไปตลอดชีวิตเถอะครับ”


บางบุพเพ (ชะตา) ถูกกำหนดมาเพื่อที่ต้องสูญเสียไป
บางที ตอนจบไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด
รักคน ๆ หนึ่ง ไม่จำเป็นต้องได้รับรักตอบ แต่ เมื่อได้รับรักจากใครคนหนึ่งเราต้องดูแลรักษามันไว้อย่างดี


 


บนบ่าของคุณมีแมลงปอไหม. . . . . Cry

ที่มา : FW
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #580 เมื่อ: พฤศจิกายน 30, 2013, 11:12:57 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #581 เมื่อ: ธันวาคม 06, 2013, 10:28:51 PM »

People Magazine

บทความนี้มาจาก web จีน ที่เราได้แชร์ส่งให้เพื่อน และมีเพื่อนแปลมาให้ มีความหมายดีมาก ws.
天不言自高,地不言自厚,没必要攀比,每个人都有自己的长处; 风有风的自由,云有云的温柔,没必要模仿,每个人都有自己的个性。 你认为快乐的,就去寻找; 你" 认为值得的,就去守候; 你认为幸福的,就去珍惜。 没有不被评说的事,没有不被猜测的人。 依心而行,无憾今生。 人生1条路: 走自己的路; 人生2件宝: 身体好、心不老; 人生3种朋友: 肯借钱给你、参加你的婚礼、参加你的葬礼; 人生有4苦: 看不透、舍不得、输不起、放不下。 人生5句话: 再难也要坚持,再好也要淡泊,再差也要自信,再多也要节省,再冷也要热情。 人生6财富: 身体、知识、梦想、信念、自信、骨气。

ฟ้ามีความสูงของฟ้า ผืนดินมีความลึกหนาของมัน

ไม่ต้องไปเทียบ เหมือนคน

แต่ละคนก็มีข้อดีของตัวเอง

ลมมีอิสระของลม

เมฆมีความอ่อนโยนของเมฆ

ไม่จำเป็นต้องเลียนแบบกัน

คนก็มีบุคคลิกของตัวเอง

สิ่งที่เห็นว่าสนุกก็ไปตามหา

สิ่งที่เห็นว่าคุ้มค่าก็ไปเฝ้ารอ

สิ่งที่เห็นว่าเป็นความสุขก็ควรหวงแหนไว้

ปฏิบัติตามจิตได้ ก็ไม่เสียใจในชาตินี้....


ชีวิตคนมี 1 หนทาง ทางเดินของตัวเอง

แต่มีของมีค่าอยู่ 2 อย่าง

สุขภาพกาย สุขภาพจิต

มีเพื่อน3 ประเภท ให้หยิบยืม,ร่วมงานมงคล,ร่วมงานโศกเศร้า

ชีวิตคนมี 4 ทุกข์

มองไม่ทะลุ

สละไม่ลง

แพ้ไม่เป็น

ปล่อยวางไม่ได้

คนเรามี 5 คำพูด

ยิ่งลำบากยิ่งต้องสู้

ยิ่งดียิ่งถ่อมตน

ยิ่งแย่ยิ่งต้องเชื่อมั่น

ยิ่งมียิ่งประหยัด

ยิ่งหนาวเหน็บยิ่งมีน้ำมิตร ้

คนมีทรัพย์สมบัติอยู่ 6 สิ่ง

ร่างกาย. ความรู้. ความฝัน. ทัศนคติ. ความเชื่อมั่น. ความกล้าหาญ


วันนี้เป็นวันเพื่อนแห่งโลก. ส่งให้เพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ คิดถึงใคร. ส่งให้คนนั้น!



1,000,000 picture pic
บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #582 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2013, 10:08:20 PM »

บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #583 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 08:49:49 PM »

อย่าลืมที่จะหัวเราะ



คนที่มีความสุข คือคนที่มองโลกในแง่ดี เลือกที่จะหัวเราะให้ลืมความทุกข์มากกว่า

_____________________________


คนที่มีความทุกข์ คือคนที่มองโลกในแง่ร้าย
...เขามักลืมที่จะหัวเราะ

แต่คนที่มีความสุข คือคนที่มองโลกในแง่ดี
เลือกที่จะหัวเราะให้ลืมความทุกข์มากกว่า

เสียงหัวเราะ เหมือนเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของคนที่มีความสุข คนที่เต็มไปด้วยความทุกข์หรือความเครียด จะมาให้หัวเราะอยู่ก็จะดูเป็นเรื่องยาก

แต่ก็มีไม่น้อยที่เราได้พบเห็นคนบางคนสามารถหัวเราะได้แม้ว่าขณะนั้น....
เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับภาวะที่ช่างเลวร้ายเกินกว่าที่จะรับได้

สิ่งที่ทำให้คนสองคนนี้แตกต่างกันคือ ทั ศ น ค ติ
หรือความคิดที่มองต่อสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่

เหมือนกับเวลาที่เรามองดูกระดาษใบหนึ่ง คนมองโลกในแง่ร้ายจะเห็นจุดดำที่แต้มอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น
ในขณะที่คนมองโลกในแง่ดี กลับบอกว่าเขาเห็นกระดาษสีขาวทั้งแผ่น แม้มีจุดดำเล็กๆ อยู่จุดหนึ่งก็ไม่มีปัญหาอะไร

คนที่มีความทุกข์ คือคนที่มองโลกในแง่ร้าย
เขามักลืมที่จะหัวเราะ

แต่คนที่มีความสุข คือคนที่มองโลกในแง่ดี
เลือกที่จะหัวเราะให้ลืมความทุกข์มากกว่า

อย่างไรเสีย......
หัวเราะก็ย่อมดีกว่าร้องไห้..........ไม่ใช่หรือ ?




ที่มา

http://www.dhammajak.net/

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 18, 2013, 08:59:57 PM โดย jainu » บันทึกการเข้า

finghting!!!
jainu
Moderator
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #584 เมื่อ: ธันวาคม 18, 2013, 08:59:09 PM »

ข้อความของ . . . ความรักและชีวิต




จง "บอกรัก" กับคนที่คุณรัก ด้วยความพยายามที่เหมาะสม และด้วยความเป็นตัวของคุณเอง

"ความรัก" คือ ความห่วงใย เอาใจใส่ อาจเป็นความลุ่มหลงนิดนิด ที่ต้องการการตอบรับ และกลับคืนมาหาคุณ ไม่แปลกหรอก ถ้าคุณจะคลั่งรักใครสักคน

สิ่งน่าเศร้าอย่างหนึ่งของชีวิต คือ การค้นพบคนที่มีความหมายกับชีวิตคุณมาก แต่ไม่ได้ถูกกำหนดมาเพื่อคู่กันกับคุณ ถ้าเป็นเช่นนี้คุณจงยินดีกับตัวคุณเอง ที่ปล่อยเขาผ่านพ้นไปจากหัวใจคุณได้ จงยินดีในความกล้าหาญ สำหรับการยอมรับความจริงในข้อนี้ ที่คุณทำมันได้ แต่มันก็ไม่ใช่การหลอกตัวเองเองหรอก ถ้าคุณจะยังรักคนที่มีเจ้าของแล้ว หากว่าเขา คนนั้นเป็นคนดีจริงจริงสำหรับทุกทุกคน ไม่ใช่ดีจริงๆ แค่กับ "คุณ" เพียงคนเดียว

เมื่อประตูแห่งความสุขบานหนึ่งถูกปิด ขอคุณจงกล้าที่จะเดินจากมันไป เพื่อค้นหาประตูแห่งความสุขบานอื่นๆ ที่ยังเปิดรอคุณอยู่ ด้วยหัวใจของคุณเอง

เพื่อนที่ดีที่สุด คือ คนที่สามารถพูดภาษาใจเดียวกันกับคุณได้ แม้ว่าคุณอาจต้องต่อยตีหรือทะเลาะกับเค้าบ้างในบางคราว หรืออาจจะทุกๆ วันของชีวิตคุณ

เป็นความจริงที่เราไม่รู้เลยว่า เรามีอะไรอยู่จนกระทั่งสูญเสียมันไป และก็จริงอีกเช่นกัน ที่เราไม่รู้ว่าเราพลาดอะไรไปบ้าง จนกระทั่งผลของสิ่งนั้นมาถึง . . . จง "อย่าลืม" ให้อภัยตัวคุณเองสำหรับทุกความผิดพลาดในชีวิต และจงยอมรับผลของมันด้วยหัวใจของคุณ ความผิดพลาดอภัยได้เสมอสำหรับผู้ที่มองเห็นมัน แต่ไม่ใช่สำหรับทุกทุกคน

"อย่า" มอบ (ชีวิต) ความรักทั้งหมดให้กับใครสักคน แม้ว่าเขาจะรักคุณมากก็ตาม จงเหลือความรักส่วนหนึ่งไว้กับตัวคุณเอง เพื่อให้มันเติบโตและงอกงามเพิ่มขึ้นทุกวันทุกวันในหัวใจของคุณ

"อย่า" บังคับให้ใครพูดในสิ่งที่เขาไม่อยากพูด เช่นคำว่า "รัก" หรือ "ปฏิเสธ" และอย่าปิดหัวใจคุณด้วยการไม่รับรู้คำว่า "รัก" จากคนที่รักคุณสุดหัวใจ

จง "บอกลา" กับความพยายาม (รัก) ที่ท้อแท้และสิ้นหวัง แต่อย่าทำใจให้ "เลิกรัก" คนที่คุณยังคงรัก "ความรัก" ดีเสมอสำหรับหัวใจของคนที่เห็นค่าของมัน ซึ่งไม่ใช่กับทุกทุกคน ความรักยังคงมาเยือนเสมอ สำหรับผู้ที่มีความหวังและมีความศรัทธาในหัวใจ
อย่ามองคนจาก "คำพูด" เพราะนั่นอาจเป็นการแสดงที่หลอกลวง แต่จงมองคนที่เปลือกของหัวใจเพราะภาพลักษณ์ภายนอกมันไม่จีรังยั่งยืน

เราอาจประทับใจใครใครได้ในเวลาเพียงชั่ววินาที แต่การค้นหาใครสักคนที่มีหัวใจตรงกันกับคุณอาจใช้เวลาเกือบทั้งชีวิต และคุณก็อาจ "ลืม" คนคนนั้นได้ในชั่วเศษเสี้ยวของหัวใจ ถ้าคุณพบว่า เขาไม่ใช่คนของคุณ จงเป็นคนที่อ่อนหวานและน่ารักสำหรับทุกบททดสอบของชีวิต ขอความกล้าหาญและเข้มแข็งจงมีอยู่สำหรับทุกเส้นทางชีวิตที่คุณได้เลือกแล้ว สำหรับความเป็นตัวของคุณเอง

หากการใส่ใจใครๆ เป็นสิ่งที่ทำให้คุณต้องเจ็บปวด คุณก็เลิกเสียเถอะสำหรับการทำสิ่งที่ถูกใจสำหรับทุกทุกคน จงใส่ใจในตัวของคุณเองตามสิทธิ์ที่คุณมี ตามหน้าที่ที่คุณทำได้ ซึ่งมันไม่จำเป็นว่าต้องดีที่สุดถูกต้องที่สุดสำหรับทุกคน

จุดเริ่มต้นของคำว่า "รัก" อยู่ที่การให้อิสระกับตัวคุณเอง ในการสะท้อนภาพจริงของตัวคุณให้ปรากฎแก่คนที่คุณรัก แต่ก็อย่าให้ภาพของเขาเปลี่ยนแปลงความเป็นตัวคุณได้

คนที่มีความสุขที่สุดคือคนที่สามารถทำสิ่งที่เรามีให้ดีที่สุด สำหรับตัวเราเองด้วยใจที่เป็นธรรมไม่ใช่ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับทุกทุกคน หากคุณยังคงรู้สึกทุกข์ขอจงเปิดใจของคุณเองก้าวกลับสู่อดีตที่ผ่านมา เพื่อแก้ไขความรู้สึกที่ติดค้างในใจนั้น ขอจงกล้าที่จะเผชิญหน้ากับความผิดพลาดและความปวดใจที่มันได้เคยผ่านเข้ามาในชีวิตคุณ

คุณร้องไห้ยามคุณเกิด ดังนั้นจงมีชีวิตอยู่อย่างคนที่หัวเราะและยิ้มได้กับทุกวันของชีวิต สำหรับการเลือกเกิดไม่ได้ จงทำมันให้มีความสุข และมีค่าที่สุดสำหรับตัวของคุณเอง มิใช่เพียงเพื่อผู้อื่นเท่านั้น และมิใช่อยู่เพียง เพื่อรอ ให้วันนั้นให้มันมาถึงคุณ
บันทึกการเข้า

finghting!!!
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 37 38 [39] 40 41 ... 67   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: