Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 9   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009  (อ่าน 11152 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #30 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 09:58:01 AM »

"สมัคร"ถึงแก่อนิจกรรม   
 วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:40

อดีตนายกฯคนที่25"สมัคร สุนทรเวช"ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคมะเร็งที่รพ.บำรุงราษฎร์

นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 วัย74ปี ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว ที่รพ.บำรุงราษฎร์ หลังเข้ารับการรักษาอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ

เว็ปไซต์ วีกีพีเดีย สารานุกรม http://th.wikipedia.org รายงานประวัติของนายสมัคร ว่า เกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2478 เป็นบุตรของ เสวกเอก พระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) กับ คุณหญิงบำรุงราชบริพาร (อำพัน จิตรกร) เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของ มหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนัก

นายสมัครเป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน ดังนี้
พ.อ. (พิเศษ) พ.ญ.มยุรี พลางกูร - อดีตรองผู้อำนวยการ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
นางเยาวมาลย์ ราชวังเมือง - ประกอบธุรกิจส่วนตัว
พล.อ.อ.สมมต สุนทรเวช - อดีตที่ปรึกษา ทอ. (ถึงแก่กรรมแล้ว)
นายสมัคร สุนทรเวช
นายมโนมัย สุนทรเวช - พนักงานรัฐวิสาหกิจ
นายสุมิตร สุนทรเวช - นักการเมือง หัวหน้าพรรคประชากรไทย
         
นายสมัคร สมรสกับ คุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช ที่ปรึกษาด้านการเงินของบริษัทใน เครือเจริญโภคภัณฑ์ มีบุตรสาวฝาแฝด คือ กานดาภาและกาญจนากร ปัจจุบันสมรสแล้วทั้งคู่ จากการที่ภรรยาทำงานอยู่กับบริษัทเอกชนมาตั้งแต่ พ.ศ. 2505 สถานะการเงินของภรรยาจึงมั่นคงพอที่จะดูแลครอบครัวได้ นายสมัคร เลยมิได้ทำงานประจำให้กับหน่วยงานใดและได้ทำงานด้านการเมืองเพียงอย่างเดียว มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2516

นายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (ดำรงตำแหน่ง 29 มกราคม พ.ศ. 2551 ? 9 กันยายน พ.ศ. 2551) หัวหน้าพรรคพลังประชาชน อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และผู้ก่อตั้งพรรคประชากรไทย เกิดที่กรุงเทพมหานคร เป็นนักการเมืองเก่าแก่ ที่มีเสียงพูด และลีลาการพูดเป็นเอกลักษณ์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย เช่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (2 สมัย) ได้ฉายาจากสื่อมวลชนทั่วไปว่า "น้าหมัก" "ออหมัก" หรือ "ชมพู่" (มาจากลักษณะจมูกของนายสมัคร) "ชาวนา" (จากกรณีกลุ่มงูเห่า) เป็นต้น

นายสมัครเริ่มทำงานหลังจบนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์ เป็นสื่อมวลชนสายการเมือง โดยเขียนบทความ และความคิดเห็น ทางการเมืองแบบไม่ประจำใน หนังสือพิมพ์สยามรัฐ, สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง ตั้งแต่ พ.ศ. 2500 จนถึง 2516 เขียนบทความ การเมืองในหนังสือพิมพ์ประชาไทย ตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนถึง 2520 และเขียนบทความในคอลัมน์ประจำ "มุมน้ำเงิน" หนังสือพิมพ์เดลิมิเร่อร์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2521 จนถึง 2537

นายสมัครข้ามจากการเป็นสื่ออย่างเดียว มาเริ่มต้นชีวิตการเมืองโดยเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2511 ลงสมัครตั้งแต่ระดับท้องถิ่นจนขึ้นถึงระดับชาติ จนมามีบทบาทโดดเด่นช่วงปี 2519 จากการจัดรายการสถานีวิทยุยานเกราะ ที่มีเนื้อหาโจมตีบทบาทของ ขบวนการนักศึกษาในสมัยนั้น พร้อมทั้งปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังขบวนการนักศึกษา และ เป็นศูนย์กลางประสานงาน ถ่ายทอดกำหนดการ และคำสั่งเคลื่อนไหวของกลุ่มต่อต้านนักศึกษาใน เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519

เมื่อสิ้นสุดเหตุการณ์ ในปี พ.ศ. 2519 นายสมัครได้เป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมๆ กับการลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์ และในปี พ.ศ. 2522 ได้ก่อตั้ง พรรคประชากรไทย และดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค มีฐานคะแนนเสียงหลักในกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะในเขตที่มีหน่วยทหารตั้งอยู่หนาแน่น

ความคิดและบทบาทของนายสมัคร มักสร้างกระแสมวลชน ทั้งสนับสนุนและคัดค้านได้อย่าง กว้างขวางร้อนแรง ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ 6 ตุลา, พฤษภาทมิฬ,ไอเดียหนุนกระทงโฟม ไล่มาจนถึงการกล่าวโจมตี ประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ทางรายการโทรทัศน์ เมื่อต้นปี พ.ศ. 2549.

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #31 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 10:05:12 AM »

ผู้เชี่ยวชาญจากจีนชี้อัตราดอกเบี้ยต่ำกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

Posted on Tuesday, November 24, 2009
ตลาดหุ้นโลก-สินค้าโภคภัณฑ์พุ่ง ตัวเลขบ้านสหรัฐฯ ทำสถิติใหม่

บรรยากาศตลาดหุ้นทั่วโลกยังสดใสต่อเนื่องจากเอเชียเมื่อวานนี้ โดยที่ยุโรป ดัชนี Dow Jones Stoxx 600 บวกขึ้นได้ถึง 2% เช่นเดียวกับทางฝั่งสหรัฐฯ ที่ Dow Jones ขึ้นไปทำสถิติสูงสุดในรอบ 13 เดือนเรียบร้อยแล้ว หลักๆ เป็นเพราะการตอบรับกับข่าวดีของตัวเลขตลาดบ้าน ที่ยอดขายบ้านสร้างเสร็จจากสมาคมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในอเมริกาออกมาพุ่งขึ้นถึง 10% ในเดือนตุลาคม ทะลุระดับสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2550

นักลงทุนยังขานรับมุมมองของนายธนาคารและผู้บริหารนโยบายภาครัฐหลายคนที่เห็นด้วยกับการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป รวมทั้งความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางหลายแห่งจะยืดเวลาการใช้นโยบายดอกเบี้ยต่ำเป็นประวัติการณ์ออกไปอีก

นาย Charles Evans ประธานธนาคารกลางสาขาชิคาโก้ ก็เป็นตัวอย่างหนึ่งที่ให้ความเห็นว่าดอกเบี้ยจะต่ำต่อไปได้อีกระยะ โดยเขาได้ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ Financial Times ว่า ดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อาจจะอยู่ใกล้ระดับศูนย์เปอร์เซนต์เช่นนี้ไปจนถึงช่วงท้ายของปี 2553 หรือบางทีอาจจะนานกว่านั้นด้วยซ้ำ ซึ่งความเห็นของผู้บริหารเฟดรายนี้ก็จุดกระแสให้แนวโน้มตลาดในระยะสั้นรู้สึกผ่อนคลายลงได้ และทำให้ตลาดสินทรัพย์ รวมถึงตลาดที่มีความเสี่ยงอื่นๆ มีทิศทางเดินหน้าบวกได้ต่อไปอีก ขณะเดียวกัน จะกลับเป็นแรงกดดันให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงต่อได้เช่นกัน

แรงซื้อในตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา มีเข้ามาหนาแน่นในกลุ่มเทคโนโลยี โทรศัพท์ และสถาบันการเงิน นำโดย Verizon Communications, AT&T, General Electric และ Chevron ที่บวกได้อย่างน้อย 2.5% และนี่ยังไม่รวมถึงหุ้นยักษ์ใหญ่ในตลาดอื่นที่ปรับตัวขึ้นเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น BHP Billiton และ Rio Tinto ที่บวกได้อย่างน้อย 3.5% ที่ตลาดลอนดอน ขณะที่หุ้นบริษัท Renault ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสองในยุโรป ก็บวกกระโดดขึ้นไป 3.8% ที่ฝรั่งเศส หลังจากโบรกเกอร์ Credit Suisse ออกคำแนะนำให้ลงทุนในหุ้น

ทางด้านหุ้นเอเชียเมื่อวานนี้ ส่วนหนึ่งก็ได้แรงสนับสนุนจากความเห็นของประธานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน ที่บอกว่าประเทศยังจะเดินตามนโยบายเศรษฐกิจที่มุ่งการรักษาเสถียรภาพและทำให้เกิดความต่อเนื่อง


หลายฝ่ายประสานเสียงให้เดินหน้ามาตรการอัดฉีดเศรษฐกิจต่อ

เปิดต้นสัปดาห์มาก็มีหลายความเห็นที่ตอกย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องมีมาตรการอัดฉีดกระตุ้นเศรษฐกิจกันต่อไป หนึ่งในนั้นก็คือ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาเซ็นต์หลุยส์ นาย James Bullard ที่แสดงความเห็นด้วยกับการที่เฟดจะมองหาช่องทางเดินหน้ามาตรการซื้อพันธบัตรที่มีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักประกัน (Mortgage-back Securities) ไปจนถึงหลังไตรมาส 1/53

นาย Bullard มองว่าการอัดฉีดเงินซื้อหลักทรัพย์รวมถึงตราสารหนี้ภาครัฐนี้ เกิดขึ้นเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคาร ถึงแม้ว่าจะเป็นการซื้อในระดับต่ำก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าที่จะยุติมาตรการนี้ไปเลยอย่างถาวร

ความเห็นของผู้บริหารเฟดนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ที่มีการระบุว่า มาตรการอัดฉีดของธนาคารกลางที่กำหนดวงเงินไว้ที่ 1.25 ล้านล้านเหรียญสำหรับการซื้อหลักทรัพย์ MBS ที่ว่านี้ จะเสร็จสิ้นภายในเดือนมีนาคม พร้อมกับบอกว่าจะลดวงเงินการซื้อตราสารหนี้ภาครัฐให้ลงมาเหลือ 175,000 ล้านเหรียญ จากเพดานเดิมที่วางไว้ที่ 200,000 ล้านเหรียญ

นายกรัฐมนตรี นาย Gordon Brown ของอังกฤษ ก็ได้ออกมายืนยันถึงความสำคัญของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อตอบโต้ผู้นำพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยม ที่หาว่านโยบายของเขาจะไปกดดันภาระการขาดดุลงบประมาณภาครัฐให้สูงขึ้นไปอีก และอาจสร้างความเสี่ยงต่ออันดับเครดิตของประเทศอีกด้วย

นาย Brown บอกว่า การถอนมาตรการที่ถือเป็นห่วงชูชีพของเศรษฐกิจออกเร็วเกินไปนั้น จะยิ่งไปทำร้ายแรงงานในประเทศ ตลอดจนอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในอีกหลายปีข้างหน้า

ท่ามกลางการหาเสียงที่กำลังเข้มข้นขึ้นทุกขณะ ก่อนที่การเลือกตั้งทั่วไปจะเกิดขึ้นในอีกหกเดือนข้างหน้า นาย Gordon Brown ก็กำลังถูกหลายฝ่ายโจมตี โดยเฉพาะในประเด็นนโยบายเศรษฐกิจ ที่ถูกเปิดฉากโจมตีโดยพรรคอนุรักษ์นิยม ด้วยคำถามว่าเมื่อไหร่จะมีการลดงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลลง นอกจากนั้น ยังมีข้อเสนอจากพรรคเดียวกันนี้ด้วยว่าจะให้มีการชะลอแผนการปรับขึ้นค่าตอบแทนของพนักงานภาครัฐ ตลอดจนเสนอให้ประชาชนที่เข้าเกณฑ์เกษียณอายุต้องรอต่อไปอีกหนึ่งปีถึงจะได้รับสิทธิต่างๆ

พรรคอนุรักษ์นิยมของอังกฤษถือโอกาสเรียกคะแนนนิยม หลังจากที่ OECD ออกมาบอกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อังกฤษควรจะต้องปรับปรุงสถานะการคลังให้ดีขึ้นกว่าเดิม เมื่อเห็นตัวเลขการขาดดุลในเดือนตุลาคมที่ออกมาย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่มีการบันทึกข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2536


ผู้เชี่ยวชาญชี้อัตราดอกเบี้ยต่ำกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก

นายโจว เสี่ยวฉวน ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน ได้กล่าวในการประชุมซีอีโอโลก ประจำปี 2552 ว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำจนเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อบทบาทหน้าที่ของสถาบันการเงินในการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจที่แท้จริง

บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็ออกมาแสดงความเห็นด้วยกับมุมมองของผู้ว่าการธนาคารกลางจีน โดยกล่าวว่า ถ้อยแถลงของนายโจวสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลว่าอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐและยุโรปที่ต่ำจนเกินไปอาจจะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกต้องล่าช้าออกไป

ผู้ว่าการแบงค์ชาติจีนกล่าวในที่ประชุมว่า ระบบการเงินควรจะสร้างทั้งแรงกดดันและแรงผลักดันเศรษฐกิจที่แท้จริง โดยการที่จะรักษาแรงกดดันไว้ได้นั้น จำเป็นต้องมีการแข่งขัน
ส่วนการรักษาแรงผลักดันนั้น ก็ควรจะต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับปานกลาง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่อยู่ในระดับต่ำมาก หรือเกือบใกล้กับระดับศูนย์ จะเป็นการลดแรงกดดันของสถาบันการเงินในการสนับสนุนเศรษฐกิจ

เหลียน ปิง หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของแบงค์ออฟคอมมิวนิเคชั่นส์เห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของผู้ว่าการแบงค์ชาติจีน และชี้ว่าอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำเกินไปอาจจะทำให้ผลประโยชน์จากเงินกู้ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจลดลง

ตัน หยาหลิง ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินชื่อดังของจีนเตือนว่า อัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำอาจจะนำไปสู่การเก็งกำไร โดยหยาหลิงกล่าวว่า จริงๆแล้วเงินทุนได้หลั่งไหลเข้าท่วมตลาดไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับสหรัฐ แต่ขณะเดียวกัน เงินทุนที่หมุนเวียนมากขึ้นอาจจะหมายถึงการเก็งกำไรที่เพิ่มขึ้นในจีน


BNP ชี้จีนเสี่ยงภาวะฟองสบู่เหมือนญี่ปุ่นช่วงทศวรรษ 80

เออร์วิน ซานฟ์ หัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของจีนและฮ่องกงของบีเอ็นพี พาริบาส์ เปิดเผยว่า จีนกำลังเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะฟองสบู่แบบญี่ปุ่นในทศวรรษที่ 80

หากจีนยังคงใช้นโยบายผ่อนปรนทางการเงินและการคลังต่อไป เว้นเสียแต่ว่าหน่วยงานกำกับดูแลของจีนสามารถคุมเข้มเงื่อนไขทางด้านสภาพคล่องได้

จีนได้ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งส่งเสริมให้มีการปล่อยสินเชื่อครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ และลดอัตราดอกเบี้ยลงถึง 5 ครั้งตั้งแต่เดือนก.ย. 2551 เพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจ

หลังจากที่ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยทำให้ดีมานด์สินค้าส่งออกของประเทศหดตัวลง และเมื่อปี 2533 เกิดภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งนำไปสู่ช่วงเวลาแห่งการสูญเสียและแทบจะไม่มีการขยายตัว

บลูมเบิร์กรายงานว่า ก่อนหน้านี้ หลิว หมิงกัง คณะกรรมการกำกับดูแลด้านการธนาคารของจีนได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับราคาสินทรัพย์ที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ว่า จีนเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงด้านภาวะฟองสบู่ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์และอสังหาริมทรัพย์

ยอดการปล่อยสินเชื่อที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 1.3 ล้านล้านดอลลาร์ทำให้ดัชนีหุ้นเซี่ยงไฮ้ดีดขึ้นถึง 83% ในปีนี้ ขณะที่ราคาบ้านในเมืองใหญ่ปรับตัวสูงขึ้นรวดเร็วที่สุดในรอบ 14 เดือนเมื่อเดือนต.ค.ที่ผ่านมา

ทั้งนี้ สตีเฟน โร้ช ประธานมอร์แกน สแตนลีย์ เอเชีย กล่าวว่า จีนอาจจะต้องลงมือดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้การปล่อยกู้มากเกินไปจนต้องเข้าสู่ภาวะฟองสบู่


ญี่ปุ่น-จีน-เกาหลีใต้ จับมือต้านหวัด 2009

กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ได้ตกลงที่จะแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารและประสานงานเรื่องการใช้มาตรการรับมือกับการระบาดของไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ภายหลังการประชุมร่วมกันที่กรุงโตเกียว

ทั้ง 3 ประเทศได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยด้านอาหาร และออกแถลงการณ์ร่วมเพื่อให้คำมั่นว่าจะเพิ่มความร่วมมือในเรื่องของอาหารและสุขภาพ

ทั้ง 3 ประเทศจะแลกเปลี่ยนข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการตรวจสอบอาหารของตนเอง รายงานปัญหาที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหาร และจัดส่งผู้เชี่ยวชาญไปมาหาสู่กัน

รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นยังได้เรียกร้องให้รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขจีนแก้ปัญหาเกี่ยวกับความปลอดภัยในอาหารระหว่าง 2 ประเทศ ซึ่งรวมถึงกรณีการตรวจพบเกี๊ยวซ่าปนเปื้อนของจีนในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2550

สถาบันโรคติดเชื้อแห่งชาติของญี่ปุ่นประเมินว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ในญี่ปุ่นจะอยู่ที่ 9.02 ล้านคน และคาดว่า ผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ส่วนใหญ่คาดว่า จะติดเชื้อไวรัสหวัดใหญ่สายพันธุ์ H1N1 เช่นกัน

กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการของญี่ปุ่นคาดว่า ชาวญี่ปุ่น 1 ใน 14 รายจะไปโรงพยาบาลเพราะป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ 2009 มาตั้งแต่เดือนก.ค.จนถึงช่วงกลางเดือนพ.ย.

ขณะที่บริษัท แกล็กโซสมิทไคล์น ผู้ผลิตยาของอังกฤษ จะระงับการใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2552 จำนวน 170,000 โดสในแคนาดา เนื่องจากบริษัทได้รับรายงานผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนสูงเกินระดับปกติ

รายงานระบุว่า ปกติแล้วในการฉีดวัคซีนทุกๆ 170,000 โดสจะพบการรายงานผลข้างเคียงในผู้ได้รับการฉีดวัคซีนหนึ่งหรือสองราย ดังนั้นการรายงานผลข้างเคียงครั้งนี้จึงถือว่าสูงผิดปกติ บริษัทแกล็กโซสมิทไคล์นจึงได้ตัดสินใจที่จะตรวจสอบวัคซีน 170,000 โดสที่มีซีเรียลนัมเบอร์ชุดเดียวกัน


JAL เล็งต่อรองพนักงานลดผลตอบแทน

นาย ฮารุกะ นิชิมัตซึ ประธาน เจแปน แอร์ไลน์ส คอร์ป ได้เสนอให้มีการลดเบี้ยบำนาญของพนักงานเกษียณลงประมาณ 30% และลดเงินสงเคราะห์สำหรับพนักงานปัจจุบันลง 50% เพื่อแก้ปัญหาบำนาญที่จะมีการออกให้ในช่วงสิ้นเดือนม.ค. ซึ่งถือเป็นสวัสดิการที่ต้องใช้ต้นทุนสูง

ประธาน JAL กล่าวว่า ด้วยสภาพปัจจุบัน ถือเป็นเรื่องยากที่สายการบินจะพลิกธุรกิจให้ฟื้นคืนมาได้โดยไม่ใช้เงินของประชาชน การปฏิรูปบำนาญเป็นเริ่องที่จำเป็น เพื่อที่ประชาชนจะได้เข้าใจถึงความจำเป็นที่สายการบินจะต้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล

พร้อมกันนี้ เขายังได้กล่าวขอโทษในระหว่างเปิดการประชุมกับพนักงานที่เกษียณอายุกรณีที่ทำให้สายการบินต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

นอกจากนี้ ประธานได้กล่าวเป็นนัยถึงการยุติการปฏิบัติหน้าที่หัวเรือใหญ่ในเร็วๆนี้ หลังจากที่ได้มีการส่งมอบบริษัทให้อยู่ในมือของผู้บริหารรุ่นต่อไป

JAL เร่งหาเสียงสนับสนุนจากคณะทำงานที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น เพื่อขอเงินช่วยเหลือ แต่รัฐบาลได้ย้ำว่า สายการบินจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือที่ดึงมาจากภาษีของประชาชน ยกเว้นเสียแต่ว่าบริษัทสามารถปรับปรุงระบบบำนาญที่ใช้เงินทุนเป็นจำนวนมากได้ก่อน

อย่างไรก็ตาม อเมริกัน แอร์ไลน์ อิงค์ และทีพีจี อิงค์ กลุ่มการลงทุนชั้นนำของสหรัฐ ยืนยันถึงความพร้อมที่จะเข้าลงทุนในเจแปน แอร์ไลน์ คอร์ป บริษัทสายการบินรายใหญ่สุดของญี่ปุ่นและเอเชียที่กำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (จันทร์ที่ 23 พ.ย. 2552)
? ยอดขายบ้านมือสอง (ต.ค.) อยู่ที่ 6.10 ล้านยูนิต (เพิ่มขึ้น 10.1% จากเดือนก่อนหน้า)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 24 พ.ย. 2552)
? GDP (Q3/09) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ดัชนีราคาบ้าน (ก.ย.) โดย S&P Case-shiller
? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) โดย Conference Board

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #32 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 11:56:43 AM »

บทวิเคราะห์ทองคำ (24-11-52)

24 พ.ย. 2552


สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวผันผวนเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงตั้งแต่เช้าตามราคาสปอตซึ่งได้รับแรงขายทำกำไรเมื่อคืนนี้ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 18,250/18,350 บาท เงินบาททรงตัว


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       นายบุลลาร์ด เฟดเซนต์หลุยส์ได้ให้ความเห็นว่าเฟดควรจะขยายเวลาใช้มาตรการกระตุ้นที่ซื้อสินทรัพย์ต่างๆออกไปอีกนานกว่าเดือนมีนาคมที่กำหนดไว้ ในขณะที่นายทริเชต์ประธานอีซีบีกลับให้ความเห็นว่าอีซีบีอาจเริ่มถอนมาตรการกระตุ้นออกจากระบบอย่างช้าๆ เป็นการแสดงให้เห็นว่ายุโรปอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยก่อนสหรัฐฯ นักลงทุนจึงเข้าไปเก็งกำไรเงินดอลลาร์อ่อนค่า ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อย่างรุนแรง  [Yahoo, Reuters, Bloomberg, TCAF Research]
       รายงานผลสำรวจผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อของยุโรปออกมาค่อนข้างดีขึ้นกว่าเดิมแสดงให้เห็นการเติบโตของเศรษฐกิจ ประกอบกับรายงานการขายบ้านเก่าของสหรัฐฯที่ดีขึ้นอย่างแรงเนื่องจากมาตรการกระตุ้นต่างๆ แสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวแล้ว นักลงทุนจึงเก็งกำไรดอลลาร์อ่อนค่าพร้อมกับราคาทองคำปรับตัวขึ้นต่อไปอีกเล็กน้อยก่อนเทขายทำกำไรออกมาอย่างต่อเนื่องเพื่อป้องกันความเสี่ยงเมื่อเห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯก็ดีขึ้นแล้วเช่นกัน  [Markit, Econoday, TCAF Research]
       นักลงทุนจะจับตามองรายงานผลสำรวจความคิดเห็นผู้บริหารในเยอรมันที่รายงานในบ่ายวันนี้ ประกอบกับรายงานภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯในส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค และต่อด้วยรายงานการประชุมของเฟดในคืนนี้


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าวันนี้ราคาทองคำน่าจะได้รับแรงเทขายอย่างผันผวนและปรับตัวผันผวนรุนแรงขึ้นในช่วงข้ามคืนจากรายงานเศรษฐกิจต่างๆที่อาจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกันเราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัว" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์"


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯยังมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยการเก็งกำไรทางเทคนิคและทางจิตวิทยาน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #33 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 12:00:40 PM »

Daily Update 24-11-52

24 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ
- ทองทำสถิติสูงสุดที่ 1,174 ดอลล์/ออนซ์
-  ดอลล์ร่วงรับแนวโน้มดบ.สหรัฐต่ำ
-  ตัวเลขยอดขายบ้านหนุนตลาดหุ้นสหรัฐพุ่งขึ้น
- น้ำมันดิบปิดบวก 9 เซนต์ขณะดอลล์ร่วงลง

   ราคาทองที่ตลาดสหรัฐแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,170 ดอลลาร์/ออนซ์ ในวันจันทร์ โดยเดินหน้าขึ้นเกือบ 2 % ในขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่นๆจากคาดการณ์ที่ว่า อัตราดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ที่ระดับต่ำสักระยะ    สัญญาทองส่งมอบเดือนธ.ค.เคลื่อนตัวในช่วง 1,151.60-1,174.00 ดอลลาร์ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 261,055 สัญญา
   ดัชนีดอลลาร์เมื่อเทียบกับตะกร้าสกุลเงินสำคัญร่วงลง 0.7 % หลังจากนายเจมส์ บุลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาเซนต์หลุยส์กล่าวในวันอาทิตย์ว่า เฟดควรต่ออายุให้กับโครงการซื้อหลักทรัพย์ที่ได้รับการค้ำประกันจากสัญญาจำนอง(MBS)
       สภาทองคำโลก (World Gold Council : WGC) เปิดเผยว่า ดีมานด์ทองคำทั่วโลกในไตรมาส 3 ปีนี้พุ่งขึ้น 10% จากไตรมาส 2 แตะระดับ 800.3 เมตริกตัน เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำเพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงในช่วงที่เศรษฐกิจโลกผันผวนและเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อ โดยเฉพาะดีมานด์ทองคำในจีนที่พุ่งขึ้นแตะระดับ 120.2 ตัน
    แบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ คาดการณ์ว่า สัญญาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ 1,500 ดอลลาร์/ออนซ์ ในอีก 18 เดือนข้างหน้า โดยสัญญาทองคำพุ่งขึ้นไปแล้ว 32% ในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนและธนาคารกลางหลายแห่งเข้าซื้อทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยธนาคารกลางอินเดียเข้าซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟจำนวน 200 ตัน มูลค่า 6.7 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา ขณะที่ธนาคารกลางมอริเชียสได้ซื้อทองคำ 2 ตันจากไอเอ็มเอฟ มูลค่าประมาณ 71.7 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางศรีลังกายังวางแผนเข้าซื้อทองคำด้วย
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,121.457 ตัน ณ วันที่ 23พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 17.93 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
       กลยุทธ์:  เล่นตามกระแสเงินที่ไหลเข้าทองให้แนวหยุดขาดทุนไว้ที่แนวระดับราคา 1,146 US$ เพราะถ้าราคาปรับลงมาถึงแนวนี้ได้อาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นทิศทางลงได้
บันทึกการเข้า
verb2be
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 278



« ตอบ #34 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 12:13:33 PM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่  หัวเราะกันนะ
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #35 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 12:40:53 PM »

ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่  Cheesy
บันทึกการเข้า
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #36 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 01:12:03 PM »

สวัสดีรอบบ่ายค่ะ   Grin
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
oyo
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1760


« ตอบ #37 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 01:48:00 PM »

ขอบคุณนะครับคุณทองใหม่   Smiley
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #38 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 02:47:11 PM »

โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่




บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #39 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 04:49:29 PM »

โพลของเวปจีน ผมติดตามมานาน มีความแม่นยำสูง เอามาให้ดูเพื่อศึกษา หากโพลมีการเปลี่ยนแปลง และผมอยู่หน้าจอคอมฯ จะโพสต์ให้ดูใหม่นะครับ
สีแดง-----มองขึ้น   สีเขียว--------มองลง    สีเหลือง--------วิ่งในวงแคบเพื่อปรับทิศทางใหม่







บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #40 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 07:25:39 PM »

สมัครโผล่กลางสภา! 
 วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 16:52

วิญญาณสมัครโผล่กลางประชุมวุฒิสภาสวมชุดขาวพระราชทานยกมือไหว้ลา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ระหว่างการประชุมวุฒิสภา เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ขณะนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ปรากฎว่าระหว่างที่รอผลการลงคะแนนทางจอมอนิเตอร์ในห้องประชุม สมาชิกวุฒิสภาที่นั่งอยู่ในห้องประชุมเห็นภาพของนาย สมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคมะะเร็งตับ ปรากฏบนจอประกาศผลคะแนน ในชุดขาวพระราชทานเต็มยศ กำลังยกมือไหว้ ปรากฏค้างหน้าจอประมาณ 4 วินาทีแล้วหายไป
         
นายนิคม พร้อมด้วยส.ว.ส่วนหนึ่งได้รุดขึ้นไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าวถึงห้องควบคุมภาพ และผลการลงคะแนนบริเวณชั้น3 ของอาคารรัฐสภา ก่อนเปิดเผยด้วยสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดว่า ได้ตรวจสอบแล้ว รู้สึกขนลุก เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดทราบเรื่อง และไม่รู้สาเหตุว่าทำไมจู่ๆถึงมีภาพของนายสมัครปรากฏออกมา ขณะนั้นตนนั่งเป็นประธานที่ประชุมอยู่ด้วย ไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ส.ว.ที่นั่งอยู่ในห้องประชุมตะโกนว่า ?ท่านสมัคร มา..? จึงต้องรีบขึ้นไปตรวจสอบว่าเรื่องดังกล่าวเกิดได้อย่างไร
         
อย่างไรก็ตามในขณะที่นายนิคม และคณะส.ว.กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าไฟในอาคารรัฐสภาก็ดับพรึบประมาณ 1 นาที สร้างความตกตะลึงให้กับบรรดาส.ว.และเจ้าหน้าที่รัฐสภา ทั้งนี้นายนิคม ได้นำภาพนายสมัครยกมือไหว้ที่ปรากฏในห้องประชุมสภา ซึ่งปริ้นออกจากคอมพิวเตอร์ขนาดเอสี่ ก่อนจะเปิดเผยว่า"สงสัยท่านมาลาเรา เพราะตนเคยเป็นลูกน้องเก่าของท่านสมัยที่เป็นรองปลัดฯกทม."
         
นายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งรับผิดชอบดูแลสถานีวิทยุและสถานีโทรทัศน์รัฐสภา กล่าวว่า กำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงอยู่ เพราะดูจากรูปที่ปรากฏนั้น ทางสภาฯไม่มีสต็อกของรูปนี้เก็บไว้ เบื้องต้น สันนิษฐานว่า น่าจะมีความผิดพลาดเกิดขึ้น อาจจะเป็นภาพข่าวอินเตอร์เน็ต ส่วนสาเหตุที่ไฟตกในช่วงบ่ายเป็นเพราะวันนี้มีการใช้กำลังไฟสูงมากกว่าปกติ เนื่องจากมีการเตรียมความพร้อมในการจัดงานยุติความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ในวันที่ 25 พ.ย.นี้.
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #41 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 07:58:24 PM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ เมื่อไรทองจะลงซะทีน้า ความเสียวอื่นไดไม่เท่าเสียวทองของชาวขาชอตคุณทองใหม่คะจากประสบการณ์ เดาเล่นๆได้มั๊ยคะว่ามันจะขึ้นถึงเมื่อไรเพื่อไม่ให้โชว์ความน่าเกลียดของกราฟน่ะคะ ขอบคุณค่ะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #42 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 08:16:13 PM »

ขอบคุณค่ะคุณทองใหม่ เมื่อไรทองจะลงซะทีน้า ความเสียวอื่นไดไม่เท่าเสียวทองของชาวขาชอตคุณทองใหม่คะจากประสบการณ์ เดาเล่นๆได้มั๊ยคะว่ามันจะขึ้นถึงเมื่อไรเพื่อไม่ให้โชว์ความน่าเกลียดของกราฟน่ะคะ ขอบคุณค่ะ
เดาเล่นๆผมว่าใกล้จะลงแล้วครับ  Huh?
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #43 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 08:23:33 PM »

เป็นการเดาที่ช่วยได้มากเลยค่ะ ขอบคุณมากๆค่ะ อากาศเย็นอย่าให้เป็นหวัดนะคะ พักผ่อนมากๆรักษาสุขภาพด้วยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #44 เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2009, 06:24:45 AM »

 วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ
ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา  หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง  จดจำเป็นคติเตือนใจว่า  เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ
กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ

บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 9   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: