ทองใหม่
|
|
« ตอบ #75 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 06:38:08 AM » |
|
ทิศทางทองวันที่ 26/11/2009 ต้าน๓ 1235.75.......xx ต้าน๒ 1209.75 ต้าน๑ 1200.84 เส้นแดน 1183.75 หนุน๑ 1174.84 หนุน๒ 1157.75 หนุน๓ 1131.75??.xx วิธีดูทิศทางทอง ต้าน๓----หนุน๓เป็นทิศทางทองที่จะเคลื่อนไหวในวันนี้ หากพุ่งทะลุต้าน๓หรือดิ่งทะลวงหนุน๓ แสดงถึงวันนั้นทองเคลื่อนไหวแรงเกินปกติ เส้นแดนเป็นเส้นที่จะแบ่งแยกทิศทางของทองที่จะขึ้นหรือลง หากทองเคลื่อนไหวอยู่ในทิศทางใดมากและนาน นั่นหมายถึงโอกาสเป็นไปได้มากที่ทองจะเคลื่อนไปในทิศทางนั้นๆ ในช่วงเวลานั้น (ยังต้องแบ่งออกในช่วงเวลาตลาดเอเซีย ยุโรป เมกาด้วย) ต้าน๑และหนุน๑หากถูกทดสอบแบบมีผล(ขึ้นลงมากกว่า๑ครั้ง)แล้วยืนอยู่ได้ นั่นคือทิศทางทองที่จะเดินต่อไปในช่วงเวลานั้น หากการวิเคราะเกิดขัดแย้งกันเมื่อไหร่ ให้หยุดมองดูอย่างเดียว ไม่ควรซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น แนวทางนี้เหมาะกับการเล่นสั้นมาก (เล่นแบบออนไลน์ในอนาคต) มีความแม่นยำถึง80%ครับ อีกอย่างข่าวปัจจัยพื้นฐานอาจเปลี่ยนทิศทางทองได้กะทันหันนะครับ ข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์กับการลงทุนแบบถัวเฉลี่ย ถัาติดดอยเมื่อทองต่ำลงมา หากยังมีเงินเหลืออยู่ ควรซื้อเพิ่ม เพิ่มที่ละนิด ต่ำอีกซื้ออีก เพื่อดึงต้นทุนที่สูงให้ต่ำลงมา ใครที่ยังไม่มีทองในมือควรทยอยซื้อเข้าอย่ามากนัก หากทองลงอีก เราก็ซื้ออีก ดีกว่าเวลาทองขึ้นเราไปไล่ซื้อในราคาที่สูง จดจำเป็นคติเตือนใจว่า เรามิอาจซื้อได้ในราคาที่ต่ำสุด และขายได้ในราคาที่สูงสุด ไม่มีการลงทุนใดที่ไม่เสี่ยง การบริหารพอร์ตให้ได้จังหวะ จะลดความเสี่ยงลงได้ครับ กราฟสำคัญ ปัจจัยพื้นฐานก็สำคัญ จิตวิทยาการโน้มเอียงของคนก็สำคัญ สิ่งเหล่านี้หากเป็นไปในแนวเดียวกัน ก็จะมุ่งไปทางนั้น หากแย้งกันก็ต้องดูฝ่ายไหนเหนือกว่า.....ด้วยเหตุนี้ไม่มีนักวิเคราะห์คนใดที่จะทำนายได้แม่นยำตลอดกาลได้ครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #79 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 07:39:21 AM » |
|
ส่งการบ้านด้วย อิ อิ
ลักษณะแบบนี้ ขึ้นทุกเส้น ราคามีโอกาสผันผวน ขึ้น ๆ ลง ๆ ได้ทุกเมื่อ ถ้าราคาย่อลงต่ำเมื่อไหร่ สามารถเข้าซื้อได้ แต่ให้ทยอยเข้า โดยต้องสังเกตุจากเส้นกลางที่เป็นแนวโน้มหลักหากยังชี้ขึ้นก็เข้าได้ แต่ถ้าสังเกตุเส้นบนเริ่มขวางเมื่อไหร่ให้ทยอยขายออกบ้างเพื่อทำกำไร แบบนี้ใช่หรือเปล่าครับ !54
โดยปกติแล้วถูกต้องครับ แต่ดัชนีเงินเมกาลงต่ำมากแล้วครับ เมื่อคืนดัชนีเงินเมกาปิดตลาดที่74.00 เมื่อเช้านี้เปิดตลาดเปิดสูง74.27 ขณะนี้อยู่ที่74.30.......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #80 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 07:43:06 AM » |
|
ETFซื้อทองเพิ่มอีกแล้วครับท่าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #81 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 08:00:47 AM » |
|
เมื่อคืนETFซื้อทองเพิ่ม+มีข่าวว่าอินเดียอาจจะซื้อทองส่วนที่ยังคงเหลือของIMF เลยทำให้ทองขึ้นต่อครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #82 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 08:18:23 AM » |
|
อ้าว ไหงงั้นล่ะคะ !ahh !ahh !064 !064 555555555555555
เพื่อความสวัสดีภาพ ทะยอยปล่อยบางส่วนได้ครับ หากขึ้นต่อ เราอาจกำไรน้อยลงหน่อย แต่ก็ปลอดภัยพอมีความสุขได้ อย่าลืมคำนี้----ยากที่จะขายได้ในราคาสูงสุด และซื้อได้ในราคาต่ำสุดครับ ให้พิจารณาเองนา เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นเองนะครับ ขอบคุณค่ะ สำหรับคำแนะนำยินดีครับ อย่างที่เคยบอกไว้ ทองช่วงนี้เล่นยากจริงๆ ดูกราฟภาพใหญ๋--ทองได้เวลาที่จะลง ดูภาพเล็ก อย่างกราฟ๔ชม.ปากถุงเป็นต้น ทองยังขึ้นต่อได้ครับ ดูโพลของเวปจีน---ทองก็ยังมีแรงขึ้นต่อครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #83 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 10:40:53 AM » |
|
GDP อังกฤษติดลบน้อยลง - เชื่อ Q4 พลิกเป็นบวกแน่
Posted on Thursday, November 26, 2009 ตัวเลขเศรษฐกิจดันหุ้นบวก ขณะที่ราคาทองยังมุ่งหน้าสู่ 1,200 เหรียญ
ในขณะที่หุ้นเอเชียตอบรับข่าวดีกับตัวเลขส่งออกของญี่ปุ่นที่สะท้อนถึงการเพิ่มขึ้นของดีมานด์ในตลาดภูมิภาค และรวมถึงความเห็นทางด้านบวกของผู้บริหารธนาคารกลางออสเตรเลีย ทางด้านสหรัฐฯ เอง เมื่อคืนนี้ก็มีการเปิดเผยถึงตัวเลขยอดขายบ้าน ความเชื่อมั่นผู้บริโภค และการขอรับสิทธิสวัสดิการว่างงาน ที่ทั้งหมดล้วนออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ ถือเป็นการตอกย้ำมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เมื่อวันก่อนได้ปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าขึ้นมาอยู่ในช่วง 2.5 ? 3.5% จากเดิม 2.1 ? 3.3% ซึ่งเฟดก็ได้ระบุด้วยว่า ยังสามารถรับได้กับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
และไม่ใช่เพียงแค่ตลาดหุ้นที่บวกรับข่าวเศรษฐกิจเท่านั้น เมื่อคืนนี้ทั้งพันธบัตรและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ก็บวกขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะราคาทองคำที่บวกทำสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อแรงซื้อสินทรัพย์ทางเลือกนี้ทำให้ราคาวิ่งขึ้นไปแตะ 1,189 เหรียญต่อออนซ์ที่ตลาดนิวยอร์ก
เทรดเดอร์ทองรายหนึ่งมองว่า เป็นเพราะออเดอร์ซื้อที่มาจากธนาคารกลางมีเข้ามามาก และยังไม่นับรวมถึงความต้องการจากบรรดาเฮดจ์ฟันด์ จนทำให้ราคาถูกดันขึ้นมาจนถึงขนาดนี้ และมีความเป็นไปได้ว่าราคาน่าจะบวกได้ถึง 1,200 เหรียญก่อนสิ้นปี
ในขณะเดียวกัน ทางด้านราคาน้ำมันก็บวกได้เกือบ 2 เหรียญ ขึ้นมาที่ 78 เหรียญต่อบาร์เรล หลังจากรายงานทางเศรษฐกิจออกมาดีกว่าคาดและปัจจัยเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดพันธบัตร นักลงทุนยังแสดงความสนใจด้วยเช่นกัน หลังเฟดแสดงทีท่าจะคงดอกเบี้ยต่อไปอีกระยะ และทำให้ความต้องการประมูลพันธบัตรอายุ 7 ปี ที่มีวงเงินสูงถึง 32,000 ล้านเหรียญเมื่อคืนนี้ ออกมาดีกว่าคาด
อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นยังมีแรงกดดันมาจากความเสี่ยงในภาคธนาคาร เมื่อมีข่าวว่าบริษัทลงทุนของรัฐบาลดูไบ อย่าง Dubai World กำลังดิ้นรนกับหนี้ที่แบกอยู่ถึง 59,000 ล้านเหรียญ และกำลังมีแผนที่จะขอชำระคืนหนี้ล่าช้าออกไป แม้ว่าธนาคารใน Abu Dhabi จะยื่นมือช่วยด้วยการให้เงินสนับสนุนจำนวน 5,000 ล้านเหรียญแล้ว
GDP อังกฤษติดลบน้อยลง - เชื่อ Q4 พลิกเป็นบวกแน่
ตัวเลขภาคบริการที่ดีขึ้นทำให้สำนักงานสถิติของอังกฤษปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่แล้ว จากที่เคยติดลบ 0.4% ในการประกาศครั้งก่อน ลงมาเหลือติดลบ 0.3% ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้ผิดไปจากที่ตลาดคาด
ล่าสุดธนาคารกลางอังกฤษก็ประเมินว่าเศรษฐกิจของประเทศน่าจะหลุดพ้นจากสภาวะถดถอยได้ในไตรมาสนี้ และจะขยายตัวได้ 2.2% ในปีหน้า ก่อนที่จะเร่งตัวขึ้นเป็น 4.1% ในปี 2011
แต่กว่าที่สถานการณ์จะดูดีขึ้นได้เหมือนในตอนนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากการที่ BOE กระหน่ำลดดอกเบี้ยจนลงมาอยู่ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ที่ 0.5% และหลังจากนี้ยังมีแผนควักเงินซื้อพันธบัตรเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องช่วยเศรษฐกิจ ด้วยวงเงินอีก 200,000 ล้านปอนด์
ภาพรวมที่สดใสนี้ ยังจะเห็นได้จากอัตราการว่างงานเดือนตุลาคมที่เพิ่มขึ้นช้าที่สุดในรอบ 18 เดือน พร้อมกับตัวเลขยอดค้าปลีกที่ขยับขึ้นเป็นเดือนที่สอง ส่วนอัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยล่าสุดขยับมาอยู่ที่ 1.5% ขณะธนาคารกลางตั้งเป้าว่าจะดูแลไม่ให้เกินระดับ 2%
สำหรับภาคธนาคารของอังกฤษเองนั้น บางส่วนก็ยังง่วนอยู่กับ การหาเงินมาฟื้นฟูฐานเงินทุนของตน หลังจากรัฐบาลได้เข้ามาช่วยเหลือสองสถาบันการเงินชั้นนำ อย่าง RBS หรือ Royal Bank of Scotland Group และ Lloyds Banking Group ในปี 2008 โดยรายหลังก็บอกเมื่อวันก่อนว่า กำลังวางแผนที่จะเพิ่มทุนถึง 13,400 ล้านปอนด์ ซึ่งเรียกว่าเป็นการออกเสนอขายหุ้นที่มีมูลค่ามากที่สุดของประเทศเลยทีเดียว
ทางด้านภาคธุรกิจ ก็มีสัญญาณที่ดีขึ้นสำหรับเม็ดเงินจับจ่ายของผู้บริโภค โดยผู้ประกอบการซูเปอร์มาร์เก็ตรายใหญ่อันดับสาม J Sainsbury สามารถโชว์กำไรครึ่งปีแรกได้สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ส่วน John Lewis Partnership เจ้าของดีพาร์ทเมนท์สโตร์ชื่อเดียวกันและบริหารซูเปอร์มาร์เก็ต ก็ออกมาบอกว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 15% ในสัปดาห์ที่แล้ว
สำหรับตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคของประเทศโดยรวมก็สามารถยืนอยู่ที่เดิมได้ในไตรมาสสาม ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในรอบหนึ่งปีครึ่งที่ตัวเลขไม่ปรับตัวลง
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีร่วงหลังวิตกว่างงาน
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากผู้บริโภควิตกว่าอัตราว่างงานจะยังคงพุ่งสูง ขณะที่รายได้ยังคงลดลง
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนธันวาคม ซึ่งได้จากการสำรวจความคิดเห็นล่วงหน้าโดยกลุ่มวิจัยตลาด GfK ลดลงแตะ 3.7 จุด จากระดับ 4.0 จุดในเดือนพฤศจิกายน
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นผู้บริโภคของเยอรมนีได้ปรับตัวลดลงในเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา อันเป็นผลมาจากการที่ผู้บริโภควิตกว่าอัตราว่างงานจะเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะเดียวกันรายได้ก็มีแนวโน้มลดลง อย่างไรก็ดี ราคาสินค้าที่ทรงตัวแสดงให้เห็นว่าแรงซื้อของผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับดีอยู่
ขณะที่ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจประจำเดือนพ.ย.ของเยอรมนีพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 เดือน สูงกว่าการคาดการณ์และทำสถิติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 หลังจากรัฐบาลเยอรมนีใช้มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจวงเงิน 85,000 ล้านยูโร (127,000 ล้านดอลลาร์) ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นจากภาวะถดถอย
สถาบัน Ifo เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนี ซึ่งได้จากการสำรวจความเห็นผู้บริหารราว 7,000 คน ปรับตัวสูงขึ้นจากระดับ 91.9 ในเดือนต.ค. สู่ระดับ 93.9 ในเดือนพ.ย.
อย่างไรก็ตาม อัตราว่างงาน การแข็งค่าของเงินยูโร และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลมูลค่า 85,000 ล้านยูโร (127,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ที่เริ่มครบกำหนดหมดอายุ อาจฉุดรั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้า
นอกจากนี้ รัฐบาลได้ปรับเพิ่มแนวโน้มเศรษฐกิจเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวที่ประมาณ 1.2% ในปี 2553 หลังจากที่หดตัว 5% ในปีนี้
ข้าราชการตุรกีหยุดงานประท้วงร้องขึ้นค่าจ้าง
ข้าราชการหลายแสนคนทั่วตุรกีหยุดงานประท้วงในเมื่อวานนี้ เพื่อเรียกร้องขอขึ้นค่าแรง ส่งผลให้การคมนาคมขนส่งสาธารณะหยุดชะงัก สำนักงานไปรษณีย์ต้องปิดให้บริการ และโรงพยาบาลหลายแห่งจำต้องให้บริการเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉิน
ซาลิม อัสลู ประธานสหภาพการค้าภาคสาธารณะ กล่าวว่า รัฐบาลควรแก้กฎหมายแรงงานให้ได้มาตรฐานขององค์การแรงงานสากล พร้อมกับเผยว่า มีการสนับสนุนให้มีการผละงานในเมืองหลักๆของประเทศ อาทิ อิสตันบูล อิซเมียร์ และอังการา เป็นต้น
ประธานสหภาพแรงงาน กล่าวว่า กลุ่มแรงานหวังว่าประชาชนจะเข้าใจในการกระทำดังกล่าว เพราะในท้ายที่สุดแล้ว การหยุดงานประท้วงมีเป้าหมายที่จะช่วยให้สามารถให้บริการพวกประชาชนได้ดียิ่งขึ้น
มาเลเซียคงดอกเบี้ยที่ 2% มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ
ธนาคารกลางมาเลเซียประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ระดับ 2% ในการประชุมเมื่อวานนี้ โดยมีเป้าหมายที่จะกระตุ้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ
ธนาคารกลางมาเลเซียได้ตัดสินใจคงดอกเบี้ยที่ระดับเดิมนานต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 และการคงดอกเบี้ยดังกล่าวยังสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ไว้ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2547
ทั้งนี้ การที่ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือนต.ค.ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5 ซึ่งช่วยให้ธนาคารกลางสามารถคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปได้
ขณะที่ธนาคารกลางออสเตรเลียและอินเดียเริ่มยุติมาตรการกระตุ้นภาคการเงินเพื่อเตรียมรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ
อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางมาเลเซียระบุว่านโยบายการเงินของธนาคารกลางมาเลเซียในปัจจุบันมีความเหมาะสมและจะช่วยหนุนเศรษฐกิจให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นักวิเคราะห์จากบริษัทแคปิตอล อีโคโนมิกส์ จำกัดในลอนดอน กล่าวว่า "จากสถานการณ์ภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อในมาเลเซียจะช่วยปูทางให้ธนาคารกลางมาเลเซียคงดอกเบี้ยที่ระดับต่ำต่อไปจนถึงปี 2553 ขณะที่สต็อกสินค้าสำรองที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจยังมีอยู่เหลือเฟือ ดังนั้น ประเด็นด้านเงินเฟ้อจึงยังไม่น่าจะสร้างปัญหาต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในระยะนี้"
วิกฤตเศรษฐกิจถดถอยในมาเลเซียเริ่มคลี่คลายลงเมื่อช่วงไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มฟื้นตัวซึ่งได้ช่วยกระตุ้นรายได้ในกลุ่มผู้ส่งออก ขณะเดียวกันแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ก็ช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม จากยอดขายสินค้าต่างประเทศที่ตกต่ำลงในเดือนก.ย.ที่ผ่านมาบ่งชี้ว่า ดีมานด์ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังไม่แข็งแกร่ง
เวียดนามลดค่าเงินดองลงสกัดเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางเวียดนามประกาศลดค่าเงินดอง โดยให้มีผลบังคับใช้ในวันนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ค่ากลางของเงินดองลดลงราว 5.2% แตะที่ระดับ 17,951 ดอง/ดอลลาร์
นอกจากนี้ ธนาคารกลางเวียดนามประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 1% เป็น 8% จากเดิมที่ระดับ 7% โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งนับเป็นการขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 11 เดือน โดยมีเป้าหมายที่จะยับยั้งเงินเฟ้อ พร้อมกับประกาศลดช่วงการซื้อขายเงินดองลงสู่ระดับ 3% จากเดิมที่ระดับ 5% โดยให้มีผลในวันพรุ่งนี้
ในปีที่แล้ว เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัว 6.2% ขณะที่อัตราการปล่อยสินเชื่อในรอบ 10 เดือนซึ่งสิ้นสุดในเดือนต.ค.พุ่งขึ้นแตะ 33% ซึ่งมากกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่ 30%
สัญญาณที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อขยายตัวอย่างรวดเร็วเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันให้ธนาคารกลางเวียดนามตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติรายงานว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนพ.ย.พุ่งขึ้น 4.35% จากปีที่แล้ว ซึ่งเป็นสถิติที่พุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.
ดัชนีชี้วัดเงินเฟ้อ จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 6% ภายในปลายปีนี้ ตามคาดการณ์ของรัฐบาล
อุตสาหกรรมจีนหวั่นวิกฤติก๊าซรุนแรงในฤดูหนาว
บริษัทพลังงานของจีน จะลดการจ่ายก๊าซในแก่ภาคอุตสาหกรรมเพื่อหลีกเลี่ยงต่อการที่ต้องลงการจ่ายก๊าซให้แก่ภาคครัวเรือนในฤดูหนาว
การขาดแคลนอาจเริ่มขึ้นในเดือนนี้ ซึ่งมีหิมะตกหนักและเกิดขึ้นเร็วกว่าปกติในภาคเหนือของจีน ทำให้ Demand เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจจะส่งผลให้ ปิโตรไชน่า ผู้จำหน่ายก๊าซชั้นนำของจีน ต้องเปลี่ยนเส้นทางการจ่ายก๊าซ โดยบริษัทมีแผนว่าจะลดปริมาณการจ่ายก๊าซให้แก่ผู้ใช้ภาคอุตสาหกรรมในภาคเหนือของจีนเป็นครั้งที่ 2 จำนวน 3 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ซึ่งจะทำให้ปริมาณก๊าซลดลงอีก 10%
ผลจากการขาดแคลนก๊าซต่างๆ ทำให้บริษัทลดการจ่ายก๊าซให้แก่อุตสาหกรรมต่างๆในตะวันตกเฉียงใต้ และแถบตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการที่โรงงานอุตสาหกรรมจะต้องปิดตัวลงมากขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อการผลิต และทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น
ความต้องการก๊าซจะแตะระดับสูงสุดในเดือน ธ.ค. และ ม.ค. นั้น ทำให้มีการคาดว่าการขาดแคลนก๊าซจะมีปริมาณ 8 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ในภาคเหนือของจีน และ 5-6 ล้านลูกบาศก์เมตร ต่อวัน ในภาคใต้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พุธที่ 25 พ.ย. 2552) ? ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน (ต.ค.) ลดลง 0.6% จากเดือนก่อนหน้า ? รายได้ส่วนบุคคล (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.2%จากเดือนก่อนหน้า ? รายจ่ายส่วนบุคคล (ต.ค.) เพิ่มขึ้น 0.7%จากเดือนก่อนหน้า ? ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค (พ.ย.) อยู่ที่ระดับ 67.4 จุด ? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 466,000 ราย ? ยอดขายบ้านใหม่ (ต.ค.) อยู่ที่ 430,000 ยูนิต ? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์เพิ่มขึ้น 1.0 ล้านบาร์เรล
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #84 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 10:46:36 AM » |
|
ค่าเงินบาทเปิดตลาดแข็งค่าสุดรอบ1ปี วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:39
เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.10/11 ปรับตัวแข็งค่าสุดในรอบ 1 ปี
นักบริหารเงินธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้ที่ระดับ 33.10/11 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 33.15/20 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นไปตามค่าเงินสกุลอื่นที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ "(เงินบาท)เปิดตลาดเช้านี้แข็งค่ามากสุดในรอบปี" นักบริหารเงิน กล่าว เนื่องจากตลาดมองว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เร็ว หลังการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของสหรัฐ ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่ในเดือน ต.ค.ขยายตัวเพิ่มขึ้น 6.2% ซึ่งเกินกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้
สำหรับความเคลื่อนไหวของค่าเงินสกุลหลักต่างประเทศ เงินเยนอยู่ที่ 87.28 เยน/ดอลลาร์ ปรับตจัวแข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ระดับ 87.43 เยน/ดอลลาร์ ส่วนเงินยูโรอยู่ที่ 1.5126 ดอลลาร์/ยูโร ปรับตัวแข็งค่าจากระดับ 1.5017 ดอลลาร์/ยูโร นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบระหว่าง 33.05-33.20 บาท/ดอลลาร์
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Cindy
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 347
|
|
« ตอบ #85 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 10:52:41 AM » |
|
ขอบคุณค่ะอาจารย์ เมื่อวานตัดสินใจเข้าน้องกิมไปนิดหน่อยพอหายอยาก ออกหัวหรือก้อยก็ต้องลุ้นกันต่อไป ดูตอนนี้ก็หัว แต่ก็ยังกลัว ๆ อยู่ค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #86 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 11:41:35 AM » |
|
สรุปภาวะตลาดเมื่อวาน ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สและราคาทองคำสปอตยังปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สกลับมาเป็นพรีเมียมรุนแรงอีกครั้ง ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 18,450/18,550 บาท เงินบาทแข็งค่า
ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้ รายงานเศรษฐกิจต่างๆของสหรัฐฯออกมามีทิศทางค่อนข้างไม่ชัดเจน โดยที่สหรัฐฯรายงานยอดการขายบ้านใหม่เพิ่มสูงขึ้นและมีแรงงานที่ได้รับประกันสังคมเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลงกว่าเดิม เป็นการชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่อาจฟื้นตัวได้อย่างรุนแรง อย่างไรก็ตามสหรัฐฯยังได้รายงานว่าบริษัทต่างๆมียอดการสั่งซื้อเครี่องจักรลดลงกว่าเดิมซึ่งผิดจากการคาดการณ์ว่าน่าจะเพิ่มขึ้น ประกอบกับรายงานการใช้จ่ายผู้บริโภคยังแสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคยังได้รับค่าจ้างเงินเดือนเท่าเดิม รายงานทั้งหมดที่ออกมาจึงได้เพียงแต่สร้างความผันผวนให้กับค่าเงินและราคาทองคำเท่านั้น [Econoday, TCAF Research] กองกษาปณ์สหรัฐฯรายงานว่ามีการหยุดขายเหรียญทองคำเพื่อการสะสมและการลงทุนเนื่องจากมีความต้องการมากจนผลิตไม่ทัน เป็นการแสดงให้เห็นว่ารายย่อยยังให้ความสนใจในการลงทุนทองคำอยู่ถึงแม้ว่าผู้บริโภคจะได้รับผลกระทบรุนแรงจากปัญหาเศรษฐกิจและราคาทองคำอยู่ในระดับสูงมากก็ตาม รายงานดังกล่าวจึงเปิดโอกาสให้นักเก็งกำไรผลักดันราคาเพิ่มขึ้นไปอีกอย่างต่อเนื่อง [Reuters, TCAF Research] ยังมีข่าวเรื่องธนาคารกลางต่างๆสนใจซื้อทองคำเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากศรีลังกา อินเดีย รัสเซีย และประเทศอื่นๆในเอเชียที่นักเก็งกำไรได้ใช้มาเป็นข้ออ้างในการผลักดันราคา ถึงแม้ว่าความสนใจดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อราคาทองคำได้เลยก็ตามเนื่องจากประเทศต่างๆที่พูดถึงนี้มีการซื้อทองคำเก็บอย่างต่อเนื่องอยู่แล้ว [Reuters, TCAF Research] ตลาดสหรัฐฯหยุดทำการในวันนี้ และเปิดทำการครึ่งวันพรุ่งนี้ เนื่องในเทศกาล Thanksgiving จึงอาจทำให้มีการซื้อขายทองคำในตลาดโลกเบาบางได้ อย่างไรก็ตามนักเก็งกำไรจะจับตามองรายงานการจับจ่ายของผู้บริโภคในช่วงสุดสัปดาห์นี้ว่าตลาดค้าปลีกจะคึกคักมากขึ้นหรือไม่ รวมทั้งอาจมีรายงานว่าผู้บริโภคใช้จ่ายซื้อสินค้าประเภทใดในช่วงเทศกาล
แนวโน้มทองคำวันนี้ เรามองว่าราคาทองคำปัจจุบันน่าจะได้รับแรงผลักดันหลักจากการเก็งกำไรเราจึงคาดว่า "ราคาทองคำอาจมีการปรับตัวรุนแรงได้ในไม่ช้า" และแนะนำให้ "หาโอกาสลดสถานะการถือครอง และหยุดรอดูสถานการณ์"
มุมมองทองคำ ปัจจัยการเก็งกำไรทางจิตวิทยาน่าจะมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆก็ไม่น่าละเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #87 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 11:44:59 AM » |
|
Daily Update 26-11-52
26 พ.ย. 2552
Gold Market Commentary
ประเด็นสำคัญ - ทองทำสถิติสูงสุดหลังดอลล์ร่วง 1,195.03 US$ - ดอลล์ร่วงต่ำสุดในรอบ 15 เดือนเทียบยูโร - น้ำมันดิบปิดพุ่งรับดอลล์ร่วงหลังเผยข้อมูลสต็อก - ตลาดสหรัฐจะปิดทำการในวันพฤหัสบดีนี้เนื่องในวันขอบคุณพระเจ้า
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,180 ดอลลาร์/ ออนซ์ในวันพุธ ในขณะที่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดีขึ้น อิงตามการอ่อนค่าของดอลลาร์ เมื่อเทียบกับเงินสกุลอื่น และรายงานที่ว่า อินเดียอาจจะซื้อทองมากขึ้นจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ทองได้รับแรงหนุน ในขณะที่ดอลลาร์ร่วงลงจากทัศนะแง่บวกเกี่ยวกับเศรษฐกิจอิงตามข้อมูลตัวเลขการจ้างงานที่ดีขึ้นและการปรับตัวขึ้นของการบริโภคส่วนบุคคล ดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 15 เดือนเมื่อเทียบกับตะกร้าเงินในวันพุธ หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) บ่งชี้ว่า การลดลงของดอลลาร์เป็นไปอย่างมีระเบียบ และอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐจะยังคงอยู่ที่ระดับต่ำต่อไปอีกระยะหนึ่ง เทรดเดอร์กล่าวว่า การร่วงลงของดอลลาร์รุนแรงขึ้น หลังธนาคารกลางรัสเซียกล่าวว่า จะใช้ทุนสำรองบางส่วนเพื่อซื้อดอลลาร์แคนาดา ซึ่งเป็นการตอกย้ำการดำเนินการของธนาคารกลางในการกระจายทุนสำรองออกจากดอลลาร์ ดัชนีความผันผวน (VIX) ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 เดือนโดยแตะระดับต่ำสุดที่ 20.05 ก่อนปิดตลาดที่ 20.48 เพิ่มขึ้นเพียง 0.05% การเปิดเผยข้อมูลบ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนต.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐได้รับการปรับเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ย.แต่ยังคงลดลงจากเดือนต.ค. ข้อมูลเศรษฐกิจในเชิงบวกดังกล่าวได้บดบังรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐที่ลดลงเกินคาดในเดือนต.ค. กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,127.860 ตัน ณ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 24.341 ตัน หรือ 2.205 % จากวันที่ 30 ตุลาคม 52 กลยุทธ์ : เล่นตามกระแสเงินที่ไหลเข้าทองให้แนวหยุดขาดทุนไว้ที่แนวระดับราคา 1,170 US$ เพราะถ้าราคาปรับลงมาถึงแนวนี้ได้อาจจะเริ่มมีการเปลี่ยนแนวโน้มเป็นทิศทางลงได้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
MIJI
|
|
« ตอบ #88 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 01:07:57 PM » |
|
ขอบคุณคุณทองใหม่นะคะ แบบนี้น่าเข้าเพิ่มนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บทวิเคราะห์คือแนวทาง การตัดสินใจคือตัวเราเอง
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #89 เมื่อ: พฤศจิกายน 26, 2009, 01:12:09 PM » |
|
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลงขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหันซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้ทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|