Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 9   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 23--27/11/2009  (อ่าน 11134 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 10:36:42 AM »

บทวิเคราะห์ทองคำ (23-11-52)

23 พ.ย. 2552



สรุปภาวะตลาดเมื่อวันศุกร์
ราคาโกลด์ฟิวเจอร์สปรับตัวผันผวนตามราคาสปอตซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นรุนแรงเมื่อเช้านี้ ทองคำแท่งสมาคมฯปิดที่ 17,900/18,000 บาท เงินบาททรงตัว


ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อเนื่องถึงวันนี้
       ไม่มีปัจจัยใดส่งผลกระทบต่อทองคำโดยตรง นอกจากแรงซื้อขายทำกำไรระยะสั้นทางเทคนิคเท่านั้น โดยนักเก็งกำไรได้ใช้ข้ออ้างเรื่องเงินเฟ้อที่ไม่มีหลักฐานชัดเจน ประกอบกับการที่เฮดจ์ฟันด์เริ่มให้ความสนใจในการเข้าซื้อ ส่งผลให้ราคาทองคำปรับตัวบวกเพิ่มขึ้นไปในสหรัฐฯ  [Reuters, TCAF Research]
       ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงเมื่อเช้านี้ โดยไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด
       วันนี้ญี่ปุ่นหยุดทำการ จึงอาจทำให้ปริมาณการซื้อขายในตลาดโลกไม่หนาแน่นมากนัก และอาจเป็นช่องทางของนักเก็งกำไรในการทำราคาอีกด้วย
       เหมืองถ่านหินในประเทศจีนเกิดอุบัติเหตุระเบิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ส่งผลให้มียอดผู้เสียชีวิตล่าสุดสูงถึง 92 ราย นับเป็นอุบัติเหตุครั้งรุนแรง  [Reuters, TCAF Research]


แนวโน้มทองคำวันนี้
เรามองว่าวันนี้ราคาทองคำไม่น่าจะปรับตัวได้รุนแรงนัก โดยที่นักลงทุนจะจับตารายงานเศรษฐกิจต่างๆที่จะประกาศออกมาอย่างหนาแน่นในคืนวันอังคาร อย่างไรก็ตามราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างรุนแรงเมื่อเช้านี้ก็เป็นที่น่าสนใจเช่นกัน เราจึงคาดว่า "ราคาทองคำน่าจะแกว่งตัว" และแนะนำให้ "หยุดรอดูสถานการณ์ ก่อนตัดสินใจ" โดยพิจารณาว่าราคาทองคำที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเมื่อเช้าปรับตัวด้วยปัจจัยสำคัญจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงการฉวยโอกาสของนักเก็งกำไรที่ตลาดญี่ปุ่นหยุดทำการ


มุมมองทองคำ
ภาวะเศรษฐกิจเปรียบเทียบในภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งมาตรการและมุมมองภาครัฐฯยังมีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ปัจจัยการเก็งกำไรทางเทคนิคและทางจิตวิทยาน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นกว่าเดิม

 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 10:42:05 AM »

Daily Update 23-11-52

23 พ.ย. 2552


Gold Market Commentary

ประเด็นสำคัญ

-   เช้านี้ทำจุดสูงสุดใหม่ที่ 1162.73 US$
-   ทองปิดแกร่งแม้ดอลล์แข็งค่า
-    ดอลล์ไต่ขึ้น,เทรดเดอร์ขายสกุลเงินเสี่ยงสูง
-    น้ำมันดิบปิดร่วง 74 เซนต์ขณะดอลล์ไต่ขึ้น
-    กังวลศก.กดดาวโจนส์ปิดลบ 14 จุด
 

 
    ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดสูงขึ้นเป็นวันที่ 6 ติดต่อกันในวันศุกร์ แม้ว่าดอลลาร์แข็งค่า และเทรดเดอร์กล่าวว่า การทะยานขึ้นในช่วงท้ายของการซื้อขาย ท่ามกลางการปรับตัวขึ้นของดอลลาร์ อาจจะหนุนความเชื่อมั่นในตลาดในช่วงต้นสัปดาห์ เช้านี้โลหะทุกประเภทเปิดบวกสูงขึ้นต่อเนื่อง       
     ดอลลาร์ไต่ขึ้นเป็นวันที่สองติดต่อกันในวันศุกร์ ขณะที่นักลงทุนลดความต้องการซื้อสินทรัพย์เสี่ยง และขายสกุลเงินที่มีความเสี่ยงสูงออกมาก่อนที่จะถึงช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสัปดาห์ที่มีวันหยุดเนื่องในวันขอบคุณพระเจ้าของสหรัฐ (26 พ.ย.)  หยวนทรงตัวที่ 6.8278 ต่อดอลลาร์ ขณะที่ธนาคารกลางจีนกำหนดอัตราอ้างอิงที่ทรงตัว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจที่จะไม่ปล่อยให้หยวนแข็งค่าขึ้น แม้ว่าวุฒิสมาชิกสหรัฐ 2 รายได้ผลักดันให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับ
การผูกติดค่าเงินหยวนของจีนกับดอลลาร์สหรัฐ
 นักวิเคราะห์กล่าวว่า เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สิ้นปี นักลงทุนบางกลุ่มซึ่งรวมถึงกลุ่มเฮดจ์ฟันด์จึงขายทำกำไรหุ้นที่เพิ่งพุ่งขึ้นในช่วงก่อนหน้านี้
 
กำหนดการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้
 
    วันจันทร์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโกเปิดเผยดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนต.ค. สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนต.ค
 
     กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,117.493ตัน ณ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2552 เพิ่มขึ้น 13.97 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 52
       กลยุทธ์:   แนวโน้มค่าเงิน   Euro/US$ เริ่มแสดงการอ่อน อาจจะส่งผลกระทบต่อราคาทองในแนวโน้มระยะกลางได้
 
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 10:44:50 AM »

ทางการจีนคงเป้าปล่อยสินเชื่อปีหน้าที่ 1 ล้านล้านเหรียญ หวั่นเศรษฐกิจทรุด

Posted on Monday, November 23, 2009
จับตาหุ้น-ทอง นักลงทุนเก็งตัวเลขตลาดบ้านอเมริกาทำสถิติใหม่

ตลาดหุ้นทั่วโลกแผ่วแรงลงในสัปดาห์ที่แล้ว เริ่มจาก Emerging markets ที่มีแรงขายเข้ามาตามราคาน้ำมันและค่าเงินที่อ่อนแรงลง ขณะอีกทางหนึ่งยังเป็นผลมาจากท่าทีของประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ที่ออกมาบอกว่าจะค่อยๆ ถอนมาตรการอัดฉีดเงินฉุกเฉินออกจากระบบ ซึ่งก็เป็นปัจจัยฉุดตลาดหุ้นยุโรปด้วยเช่นกัน

ทางด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯฯ นักลงทุนก็เริ่มวิตกในแนวโน้มของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี นำโดย ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตชิพคอมพิวเตอร์ Intel ที่ราคาหุ้นในสัปดาห์ที่แล้วร่วงลงเกือบ 3% ขณะ Dell ราคาหุ้นดิ่งลงกว่า 7% หลังบริษัทรายงานกำไรไตรมาสล่าสุดปรับตัวลงมากกว่าครึ่ง

นอกจากนั้น หุ้นอเมริกาในภาพรวมยังเป็นไปตามสภาวะอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 3 เดือนที่กลับมาติดลบเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ตลาดการเงินตกอยู่ในสภาพถูกแช่แข็งเมื่อปีที่แล้ว

นักวิเคราะห์ของ Bank of America ปรับลดคำแนะนำการลงทุนของหุ้นผู้ผลิตชิพรายใหญ่ที่สุดของโลก Intel และเบอร์สองในสหรัฐฯฯ อย่าง Texas Instruments รวมถึง ทั้งกลุ่มอุตสาหกรรม Semiconductor ด้วย และนอกจากตลาดจะเจอแรงขายของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีแล้ว ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเรื่องราคาหุ้นโดยรวมที่บวกขึ้นมาสูงเกินกว่าปัจจัยพื้นฐานรองรับ

อย่างไรก็ดี สำหรับหุ้นอีกส่วนหนึ่งก็กลับได้อานิสงส์จากราคาทองคำ รวมถึงทองแดง ที่เดินหน้าบวกอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ราคาหุ้นของผู้ผลิตสินค้าจำพวกวัตถุดิบอุตสาหกรรมวิ่งขึ้นตาม โดยราคาทองคำเมื่อสัปดาห์ที่แล้วบวกขึ้นไปทำสถิติที่ 1,153.40 เหรียญต่อออนซ์ ตามมุมมองของนักลงทุนที่เก็งกันว่าเงินดอลลาร์จะอ่อนค่าทำสถิติใหม่

สัปดาห์นี้ หลายคนกำลังจับตามองผลประกอบการของเจ้าตลาดแห่งวงการคอมพิวเตอร์ อย่าง Hewlett-Packard ไปจนถึงผู้ผลิตเครื่องจักรที่ใช้ในภาคเกษตรรายใหญ่ของโลก ซึ่งก็คือ บริษัท Deere & Co. และนอกจากนั้น ตลาดบ้านสหรัฐฯฯ จะสามารถสร้างเซอร์ไพร์สได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูที่ตัวเลขยอดขายบ้านที่สร้างเสร็จในเดือนตุลาคม ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 2 ปี


จีนคงระดับสินเชื่อปีหน้า หวั่นเศรษฐกิจทรุด

ธนาคารกลางยุโรปส่งสัญญาณถอนมาตรการอัดฉีดเงินออกจากระบบ แต่ประเทศมหาอำนาจแดนมังกร กลับมีผู้แนะนำให้คงระดับการปล่อยสินเชื่อในประเทศต่อไป เพื่อป้องกันเศรษฐกิจทรุด

อดีตรองประธานคณะกรรมการกำกับภาคธนาคารของจีน นาย ตั้ง ซวงหนิง กล่าวว่า จีนควรต้องดูแลให้ยอดการปล่อยกู้ใหม่ในประเทศอยู่แถวๆ 7-8 ล้านล้านหยวน หรือราว 1 ล้านล้านเหรียญ ในปีหน้า เพื่อทำให้การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่งขึ้น โดยตัวเลขนี้ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ให้เศรษฐกิจของประเทศขยายตัวในอัตรา 8-9% และเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 3%

ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนสนับสนุนการโหมปล่อยสินเชื่ออย่างหนัก ด้วยวงเงิน 1.3 ล้านล้านเหรียญ ในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการเงินและการคลังของประเทศ จนทำให้เศรษฐกิจในไตรมาสที่แล้วขยายตัวได้เร็วที่สุดในรอบปี

ความเห็นดังกล่าวก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับผู้บริหารของธนาคารรายใหญ่ในประเทศ รวมถึงประธานของ Bank of China ที่มองว่า ระบบธนาคารพาณิชย์ควรต้องยืนระดับการเติบโตของสินเชื่อที่เหมาะสมต่อไปในปีหน้าเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ และหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้ยอดเงินปล่อยกู้ใหม่กลับทิศทางหันหัวลง

ตัวเลขสินเชื่อล่าสุดออกมาชะลอลงในเดือนตุลาคม ขณะทางการจีนเองก็กำลังพิจารณานโยบายคุมเข้มมาตรฐานสินเชื่อและหามาตรการเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะฟองสบู่ของราคาสินทรัพย์ โดยหากเทียบกับการปล่อยกู้ของภาคธนาคารมูลค่า 516,700 ล้านหยวนสำหรับสินเชื่อใหม่ในเดือนกันยายนแล้ว ตัวเลขของเดือนตุลาคมก็ลดลงมาอยู่ที่ 253,000 ล้านหยวน

มีคำเตือนมาจากนักเศรษฐศาสตร์ว่า จีนควรต้องเตรียมพร้อมรับมือกับภาวะฟองสบู่ในตลาดสินทรัพย์ เนื่องจากสภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่สูง และเงินทุนไหลเข้าในจำนวนมหาศาล แม้อาจยังไม่ทำให้อัตราเงินเฟ้อกลับขึ้นมาอยู่ในช่วง 2-3% ได้ง่ายๆ ในเวลาอันใกล้นี้ ดูจากดัชนีราคาผู้บริโภคที่เพิ่งจะปรับตัวลง 0.5% ในเดือนตุลาคมเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว


ประธานาธิบดีสหรัฐฯเชื่อ ?ส่งออก? เป็นกุญแจฝ่าวิกฤติ

ประธานาธิบดีสหรัฐฯฯ ระบุภารกิจเยือนเอเชียประสบความสำเร็จอย่างงดงาม นับว่าเป็นการเยือนเอเชียอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังได้เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดี

ผู้นำสหรัฐฯ กล่าวผ่านรายการวิทยุประจำสัปดาห์เมื่อวันเสาร์ ระบุถึงภารกิจเยือนภูมิภาคเอเชียอย่างเป็นทางการครั้งแรก นาน 8 วัน ตั้งแต่กรุงโตเกียวถึงกรุงโซล โดยชี้ให้ชาวอเมริกันเห็นว่าภูมิภาคเอเชียคือ สถานที่ที่สหรัฐฯต้องซื้อสินค้าและต้องเพิ่มความเกี่ยวข้องทางการค้ามากกว่าภูมิภาคอื่นของโลก เพราะนั่นจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอเมริกันอีกหลายล้านคน

โอบามากล่าวว่า การเพิ่มความสามารถในการส่งออก เป็นหนึ่งในหนทางที่จะช่วยสนับสนุนการสร้างงานในเกิดขึ้นในสหรัฐฯ

สหรัฐฯกำลังเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ขณะที่จีนคือเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯด้วยมูลค่ามากกว่า 800,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

ดังนั้นสหรัฐฯต้องรักษาความสัมพันธ์กับจีน ไม่เฉพาะปัญหาเศรษฐกิจ หากยังต้องร่วมมือกันแก้ปัญหาโลกร้อน และร่วมผลประโยชน์กันด้านความมั่นคงของโลกด้วย

ตัวเลขการว่างงานในสหรัฐฯ ยังคงเพิ่มสูงขึ้นในเดือน ตุลาคม โดยเพิ่มเป็นตัวเลข 2 หลัก คือ 10.2% นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2526

โอบามาให้คำมั่นว่าจะมุ่งให้ความช่วยเหลือ การสร้างงาน เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ที่จะทำให้สหรัฐฯหลุดพ้นออกจากปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน และทางภาครัฐก็มีแผนที่จะประชุมหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหานโยบายต่างๆ ในการช่วยหนุนการขยายตัวของยอดการจ้างงาน

ในการกล่าวครั้งนี้ โอบามา ได้พูดถึงอัตราการขยายตัวของสหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ที่โต 3.5% นั้นเป็นการเดินมาอย่างถูกทาง หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้น ศก. ด้วยเม็ดเงิน 787,000 ดอลลาร์ในเดือน กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมกับยังยืนยันว่าจะใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป จนกว่าจะเห็นสัญญาณที่ภาคธรุรกิจจ้างงานอย่างแท้จริง


EU เลือกนายกฯ เบลเยียมเป็นประธานคนแรก

กลุ่มผู้นำจากสหภาพยุโรป (EU) มีมติอย่างเป็นเอกฉันท์เลือก แฮร์มัน ฟาน รอมปุย นายกรัฐมนตรีเบลเยียม ให้ดำรงตำแหน่งประธานของกลุ่ม ส่งผลให้เขาเป็นประธานคนแรกที่ทำหน้าที่แบบเต็มเวลา ไม่ใช่แบบผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนเหมือนที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ในการประชุมนัดพิเศษ ผู้นำจาก 27 ประเทศสมาชิกยังมีมติแต่งตั้งบารอนเนส แคเธอรีน แอชตัน ตัวแทนจากอังกฤษ ให้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าด้านนโยบายต่างประเทศของ EU แทนที่นายฮาเวียร์ โซลานา โดยบารอนเนสแอชตันเป็นตัวแทนการค้าของ EUมาตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว

การตัดสินใจดังกล่าวได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวว่า การแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งครั้งนี้จะช่วยให้ EUมีความแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะทำให้สหรัฐฯมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งขึ้นในการร่วมมือกันพัฒนาความมั่นคงและสร้างความรุ่งเรืองให้กับทั่วโลก

ฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ แสดงความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับนายฟาน รอมปุย และบารอนเนส แอชตัน ทั้งในเรื่องการแก้ปัญหานิวเคลียร์ การสร้างความมั่นคงในอัฟกานิสถาน และการสร้างความสงบในตะวันออกกลาง

โฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ก็เห็นด้วยกับการแต่งตั้งดังกล่าว พร้อมยืนยันว่าไม่มีผู้ใดที่เหมาะสมกับตำแหน่งเท่านี้แล้ว

นายกรัฐมนตรีอังเกล่า แมร์เคล ของเยอรมนี กล่าวว่า EU ได้ผู้นำคนใหม่ที่มีความสามารถทางการเมืองและจะนำความสมานฉันท์มาสู่ EU

ประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ของฝรั่งเศส กล่าวว่า สมาชิก EU ฉลาดมากที่ตัดสินใจเลือกผู้นำจากประเทศที่มีความสำคัญแต่ไม่ได้สำคัญที่สุด ทำให้ไม่มีใครรู้สึกว่าถูกกีดกัน

ท่ามกลางเสียงสนับสนุน ปรากฏว่ามีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการแต่งตั้งครั้งนี้ไม่น้อย เนื่องจากมองว่าทั้งฟาน รอมปุย และ บารอนเนส แอชตัน มีประสบการณ์ด้านนโยบายต่างประเทศไม่มากเท่าที่ควร และถือว่าเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับผู้ท้าชิงคนอื่นๆที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้แต่เดิม อาทิ อดีตนายกรัฐมนตรีโทนี่ แบลร์ของอังกฤษ

โอเนอร์ ออยเมน สมาชิกรัฐสภาตุรกี กล่าวว่า การที่นายฟาน รอมปุย ได้ดำรงตำแหน่งประธาน EU อาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างตุรกีและ EU รวมถึงโอกาสที่ตุรกีจะได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก EU เนื่องจากเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนายฟาน รอมปุย เคยต่อต้านมิให้ตุรกีเข้าเป็นสมาชิก EU ด้วยเหตุผลด้านศาสนาและวัฒนธรรม

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ของอังกฤษ ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่าบารอนเรสแอชตันไม่มีอิทธิพลมากพอ และกล่าวว่าการแต่งตั้งบารอนเนสถือเป็นเรื่องดีเพราะถือว่าเธอเป็นตัวแทนของอังกฤษ


ECB เตรียมผ่อนสภาพคล่องจากระบบกันเงินเฟ้อ

ฌอง-คล้อด ทริเชต์ กล่าวว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะค่อย ๆ ถอนเงินสดฉุกเฉินที่ธนาคารได้อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ

นายทริเชต์กล่าวในการแถลงข่าวที่นครแฟรงค์เฟิร์ตเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ว่า ขณะนี้ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรการหนุนสภาพคล่องทั้งหมดเหมือนกับที่ผ่านๆมา โดยมาตรการที่ไม่ได้มาตรฐานซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านราคาจะต้องถูกยกเลิกโดยทันทีและอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจยูโรโซน หรือ ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร 16 ประเทศจะสามารถหลุดพ้นจากภาวะถดถอยครั้งเลวร้ายที่สุดนับแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ได้ ด้วยอัตราการขยายตัวที่ 0.4% ในไตรมาส 3 แต่ภาวะสินเชื่อที่ตึงตัว ตลอดจนมาตรการกระตุ้นทางการเงินที่หมดอายุลง ตัวเลขว่างงานที่สูงขึ้น และเงินยูโรที่แข็งค่า อาจเป็นอุปสรรคบั่นทอนการขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพได้


BOJ คงอัตราดอกเบี้ย-ยกระดับการประเมินเศรษฐกิจ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) มีมติเป็นเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.1% ในการประชุมระยะเวลา 2 วันที่เสร็จสิ้นลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่

นอกจากนี้ BOJ ยังยกระดับการประเมินเศรษฐกิจเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยระบุว่า "เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวขึ้น" ซึ่งถือเป็นการประเมินในทิศทางที่บวกมากขึ้นเมื่อเทียบกับการประเมินครั้งก่อนที่ระบุว่า "เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น"

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าการประกาศคงอัตราดอกเบี้ยและการยกระดับการประเมินเศรษฐกิจของ BOJ มีขึ้น หลังจากนายนาโอโตะ คัง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจและการคลังญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเงินฝืดเต็มตัวแล้ว และร้องให้ BOJ เข้ามามีบทบาทมากขึ้นในการยับยั้งปัญหาเงินฝืด ขณะที่นักการเมืองหลายคนในญี่ปุ่นเรียกร้องให้ BOJ แก้ไขปัญหาดังกล่าวด้วยการซื้อพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มขึ้น

นายฮิโรชิสะ ฟูจิอิ รมว.คลังญี่ปุ่นกล่าวว่า เขารู้สึกวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อภาวะเงินฝืดในญี่ปุ่น และจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าญี่ปุ่นจะหลุดพ้นจากภาวะเงินฝืดได้เมื่อใด ซึ่งแม้ว่ารัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายภาคสาธารณะไปในช่วงก่อนหน้านี้ แต่ก็ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหนุนดัชนีราคาผู้บริโภคและราคาผู้ผลิตเพิ่มขึ้นได้

บรรดานักวิเคราะห์ต่างให้ความเห็นว่า ภาวะเงินฝืดที่เกิดขึ้นภายในประเทศอาจทำให้บีโอเจไม่มีทางเลือกอื่นๆนอกจากการคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ต่อไปอีกระยหนึ่ง และมีความเป็นได้ที่รัฐบาลญี่ปุ่นจะขอให้บีโอเจซื้อพันธบัตรมากขึ้น

GDP ประจำไตรมาส 3 ของญี่ปุ่น ขยายตัวในอัตรา 4.8%ต่อปี ซึ่งเป็นสถิติที่ขยายตัวติดต่อกัน 2 ไตรมาส และเป็นการขยายตัวที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 2 ปี แต่ดัชนีราคาผู้บริโภคของญี่ปุ่นดิ่งลงหนักสุดในรอบ 51 ปี ซึ่งบ่งชี้ว่าแม้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้น แต่ญี่ปุ่นยังไม่หลุดพ้นจากภาวะเงินฝืด


ปัญหาการเมืองรัสเซีย ส่อเค้าบานปลาย

ผู้นำรัสเซียตำหนิพรรคฝ่ายรัฐบาลให้หยุดแทรกแซงเลือกตั้งท้องถิ่น รัสเซีย เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีรัสเซีย ตำหนิพรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลให้หยุดแทรกแซงการเลือกตั้งท้องถิ่น

ประธานาธิบดีดมิทรี เมดเวเดฟ แห่งรัสเซีย กล่าวตำหนิ พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาล หรือพรรคยูไนเต็ด รัสเซีย ซึ่งนำโดยนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน (ผู้ผลักดันนายเมดเวเดฟ ให้ได้ขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี) โดยนายเมดเวเดฟ ขอให้พรรคการเมืองฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลหยุดแทรกแซงการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะเชื่อว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ของพรรคการเมืองใดพรรคหนึ่งหรือหลายพรรคทั้งฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน แต่ประชาธิปไตยเป็นของประชาชนทุกคน

ท่าทีของนายเมดเวเดฟครั้งนี้ ถือได้ว่าแข็งกร้าวที่สุด และถือว่ากำลังท้าทายนายกรัฐมนตรีวลาดิมีร์ ปูติน ส่วนการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหน้าจะมีขึ้นในปี 2555

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีเมดเวเดฟกล่าวในการแถลงนโยบายและผลงานประจำปีต่อรัฐสภาเมื่อวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เรียกร้องให้รัสเซียยุติการพึ่งพาการส่งออกน้ำมันและปรับปรุงระบบเศรษฐกิจให้มีความทันสมัย ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่าคำกล่าวของประธานาธิบดีเมดเวเดฟเป็นการท้าทายต่อนายกรัฐมนตรีปูติน

ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีปูตินยังแถลงตัวเลขเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจรัสเซียอาจหดตัว 8-8.5% ในปีนี้ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เลวร้ายกว่าในหลาย ๆ ประเทศ แต่ขณะเดียวกัน ก็ได้รับปากว่า รัฐบาลจะยังคงให้การสนับสนุนอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจต่อไป

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (จันทร์ที่ 23 พ.ย. 2552)
? ยอดขายบ้านมือสอง (ต.ค.) โดย สมาคมนายหน้าอสังหาฯ แห่งชาติสหรัฐฯฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 01:50:17 PM »

ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่ Azn
บันทึกการเข้า
oyo
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1760


« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 02:07:01 PM »

ขอบคุณคร๋าบบบบบ   Grin
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 03:18:25 PM »

กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.60
บันทึกการเข้า
verb2be
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 278



« ตอบ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 03:21:48 PM »

ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่
บันทึกการเข้า
Cindy
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 347



« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2009, 05:57:13 PM »

ขอบคุณค่ะ

รอย่อแล้วค่อยซื้อใหม่ ใจเย็น ๆ อย่าใจร้อนนะคะทุกท่าน Wink
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 06:29:08 AM »

สวัสดียามเช้าครับ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.75
บันทึกการเข้า
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 06:35:37 AM »

อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ทองใหม่   Smiley
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 07:31:10 AM »

!thk !thk

ถ้าตาไม่ฝาด  ทิศทางขึ้นเต็มตัว---เส้นบน กลาง ล่าง ล้วนหันหัวขึ้น อันนี้หรือเปล่าคะ อาจารย์ รบกวนตรวจสอบการบ้านด้วยค่ะ ส่วนกราฟล่าง เริ่มหักหัวลง เกิน 80 แล้ว
ใช่ครับ ตาไม่ฝาด กราฟปากถุงยังมีแรงขึ้นต่อได้ครับ  กราฟล่างเริ่มอ่อนแรง แต่อาจเป็นการลงไปปรับส่วนที่ซื้อเกินอล้วขึ้นต่อก็ได้ หรือดูเหตุการณ์.. หากลงได้อาจลงเลยก็ได้ เหลืออีกไม่กี่วันสิ้นเดือน จะมีการครบรอบสัญญาส่งมอบทองค่ำ อาจมีการเทขายก่อนครบรอบสัญญาก็ได้ครับ ..ช่วงนี้ตลาดดูยาก อะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ครับ
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 08:51:31 AM »

อรุณสวัสดิ์คุณทองใหม่ค่ะ อากาศเย็นใส่เสื้อหนาๆหน่อยนะคะ  ขอบคุณข่าวทองด้วยค่ะ
บันทึกการเข้า
mamai
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237



« ตอบ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 08:57:08 AM »

ขอบคุณครับคุณทองใหม่ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ  Azn
บันทึกการเข้า

"ไม่เชื่อต้องศึกษา   ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 09:10:03 AM »

กราฟตาแป๊ะ
http://www.thaigold.info/forum/index.php?topic=4660.105
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2009, 09:38:20 AM »

เงินบาทเปิดตลาด 33.21/22 
 วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552 09:31

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา รายงาน เงินบาทเปิดตลาด 33.21/22 ทรงตัว คาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ

นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดวันนี้ที่ระดับ 33.21/22 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวในระดับเดียวกับปิดตลาดวานนี้ โดยเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าได้เล็กน้อย ตามการเคลื่อนไหวของดอลลาร์ที่ดีดกลับมาแข็งค่าบ้างเมื่อเทียบสกุลหลัก แต่ยังอยู่ในกรอบแคบๆ

ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยหนุนที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของค่าเงิน อีกทั้งในช่วงปลายปีที่เทรดเดอร์จะเริ่มปิด Position บ้างแล้วทำให้ชะลอการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยน ทำให้ตลาดเริ่มมีการซื้อขายเบาบาง

"ช่วงนี้ยังไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจอะไรที่น่าสนใจ นอกจากราคาทองคำที่ปรับตัวสูงสุดทำสถิติใหม่เป็นประวัติการณ์ แต่ก็ไม่ได้มีผลต่อค่าเงินบาทมากนัก เพราะช่วงนี้เป็นช่วงปลายปีตลาดต่างประเทศจะเริ่มเงียบแล้ว ซึ่งเป็นปกติของทุกปี ดังนั้นคาดว่าเงินบาทน่าจะทรงตัวในกรอบแคบๆต่อไปจนถึงสิ้นปี" นักบริหารเงิน ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าว

ส่วนค่าเงินสกุลต่างประเทศ เงินเยน อยู่ที่ 88/82/87 เยน/ดอลลาร์ เงินยูโร อยู่ที่ 1.4940/44 ดอลลาร์/ยูโร

เงินบาทวันนี้คาดว่าเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบ 33.20/25 บาท/ดอลลาร์

บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3 4 ... 9   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: