ทองใหม่
|
|
« ตอบ #120 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 10:43:29 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #121 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 10:49:47 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #122 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 10:55:05 AM » |
|
Daily Update 03-12-52
03 ธ.ค. 2552
Gold Market Commentary
ประเด็นสำคัญ ? แรงซื้อหนุนทองทำสถิติสูงสุดที่ 1,224 ดอลล์/ออนซ์ ? ดอลล์พุ่งสูงสุดเทียบเยนในรอบ 6 สัปดาห์ ? ดาวโจนส์ปิดลบ 18 จุดจากแรงขายหุ้นกลุ่มพลังงาน ? รายงานภาวะเศรษฐกิจเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย
ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,210 ดอลลาร์/ ออนซ์ในวันพุธ แม้ว่าดอลลาร์แข็งค่า โดยได้แรงหนุนจากการเข้าซื้ออย่างหนาแน่นจากกองทุนเฮดจ์และนักลงทุนสถาบันอื่นๆ เทรดเดอร์กล่าวว่า แรงผลักดันและการเข้าซื้อของกองทุน ดันราคาทองขึ้นสู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 1,200 ดอลลาร์ โบรกเกอร์กล่าวว่า แรงซื้อของนักลงทุนรายย่อยผ่านทางเครื่องมือการลงทุนต่างๆ อาทิ กองทุน ETF ทอง เป็นแรงหนุนตลาด สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.เคลื่อนตัวในช่วง 1,196.50-1,218.40 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 180,608 สัญญา ธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจหรือ Beige Book ว่าเศรษฐกิจสหรัฐปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ขณะที่แทบไม่มีแรงกดดันในช่วงขาขึ้นต่อค่าแรงและราคาสินค้าสำเร็จรูป ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นเทียบดอลลาร์ โดยแข็งค่าแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 33.15 ต่อดอลลาร์ เทียบกับ 33.18 ต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้ ดีลเลอร์ไม่พบการแทรกแซงตลาดของ ธปท. แต่กล่าวว่า วอลุ่มซื้อขายที่เบาบางอาจทำให้เป็นเรื่องง่ายที่ธปท.จะดันค่าเงินบาทกลับมาที่ 33.20 ต่อดอลลาร์ถ้าต้องการ กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,131.214 ตัน ณ วันที่ 2 ธันวาคม 2552 เพิ่มขึ้น 27.695 ตัน จากวันที่ 30 ตุลาคม 2552 กลยุทธ์ : มีจุดสังเกตวอลูมวันที่ 30 พ.ย. เป็นวันที่มีวอลูมเข้ามาสูงสุด แล้ววอลูมเมื่อคืนเริ่มลดลง ประกอบเกิดสัญญาณขายใน Indicator เงินยูโรในระยะสั้นครั้งแรกในสัปดาห์ ระวังราคาทองอาจจะปรับเช่นเดียวกับวันที่ 30 พ.ย. เพราะวันนั้นก็เป็นวันที่เกิดสัญญาณขายระยัสั้นในเงินยูโร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #123 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 10:59:12 AM » |
|
ก.ล.ต.สหรัฐส่งหมายศาลถึงสถาบันการเงินเพื่อขยายผลสอบ Insider
Posted on Thursday, December 03, 2009 ก.ล.ต.สหรัฐส่งหมายศาลถึงสถาบันการเงินเพื่อขยายผลสอบ Insider
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐรุกใช้ไม้แข็งในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการทำธุรกรรมซื้อขายด้วยการให้ข้อมูลวงใน (Insider Trading) พร้อมส่งหมายศาลถึงสถาบันการเงินหลายแห่ง ตั้งเป้าขยายผลสอบสวนกรณีละเมิดการทำธุรกรรมดังกล่าว
สื่อต่างประเทศรายงานว่า ขณะนี้มีสถาบันการเงินสหรัฐอย่างน้อย 36 รายที่ถูกหมายศาล ซึ่งในจำนวนนี้มีโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ รวมอยู่ด้วย โดยหมายศาลบางฉบับมีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการของอุตสาหกรรมค้าปลีกและบริษัทด้านสุขภาพ ขณะที่บางส่วนระบุตัวเจ้าหน้าที่ด้านวาณิชธนกิจ ซึ่งรวมถึงบทบาทของพนักงานโกลด์แมน แซคส์ ที่ทำธุรกรรมกับบริษัทด้านการดูแลสุขภาพ 12 แห่งนับตั้งแต่ปี 2549
นอกจากนี้ หมายศาลที่ส่งถึงยังสถาบันการเงินต่างๆ ยังได้ขอให้ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการร่วมงาน หรือติดต่อกับพนักงานของโกลด์แมน แซคส์ที่เดินเรื่องทำธุรกรรมในลักษณะนี้
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ ก.ล.ต.สหรัฐได้ดำเนินคดีกับราช ราชารัตนาม ซึ่งเป็นเจ้าของกองทุนเฮดจ์ฟันด์ Galleon Group ในข้อหาทำกำไรจากการซื้อขายหุ้นด้วยการใช้ข้อมูลวงในเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา
เฟดชี้เศรษฐกิจฟื้นต่อ ขณะนักลงทุนขายหุ้นพลังงาน
นักลงทุนขายหุ้นกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันที่ร่วงลงมากกว่า 2% หลังจากรัฐบาลรายงานตัวเลขความต้องการพลังงานที่ลดลง 2.6% ส่งผลตลาดหุ้นสหรัฐฯ แผ่วลงจากระดับนิวไฮในรอบ 14 เดือน แม้จะมีแรงซื้อกลับเข้ามาในหุ้นกลุ่มอื่นหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้น
ทางด้านราคาทองยังเดินหน้าทำสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 จากความต้องการของนักลงทุนที่กระจายสินทรัพย์ออกจากเงินดอลลาร์ที่กำลังอ่อนค่าลง ราคาทองขึ้นไปแตะที่ระดับ 1,218.4 เหรียญต่อออนซ์ที่ตลาดนิวยอร์ก เช่นเดียวกับราคาทองที่อยู่ในรูปของเงินปอนด์สเตอลิง ยูโร และฟรังก์สวิส ที่ขยับขึ้นทำนิวไฮเช่นกัน
สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในผลสำรวจรายภูมิภาคของเฟดล่าสุด พบว่า เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวหรือขยับดีขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมจนถึงกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยการใช้จ่ายผู้บริโภคเป็นตัวสร้างความหวังว่าแนวโน้มหลังจากนี้น่าจะดีขึ้นอีก แม้จะยังมีแรงกดดันมาจากสถานการณ์แรงงานและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ดูอ่อนแออยู่ก็ตาม
ข้อมูลเฟดยังชี้ว่า ธุรกิจสถาบันการเงินยังเผชิญกับความต้องการสินเชื่อในระดับต่ำ การปล่อยสินเชื่อที่ยังถูกคุมเข้มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงคุณภาพสินเชื่อที่อยู่ในภาวะทรงตัว หรือแม้แต่ลดลง
ตลาดยังจับตาดูการแถลงของนาย Ben Bernanke ต่อคณะกรรมาธิการทางด้านธนาคารของวุฒิสภาในคืนวันนี้ เพื่อยืนยันการต่ออายุในตำแหน่งประธานธนาคารกลางเป็นเทอมที่ 2 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ปีหน้า
จากผลสำรวจเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของเฟด ก็มาดูต่อกันที่เศรษฐกิจโลกผ่านมุมมองของสถาบันการเงินชั้นนำ โดยหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs Group คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 4.4% ในปีหน้า และ 4.5% ในปีถัดไป หลังโลกหลุดพ้นจากวิกฤติการเงินรอบนี้ ซึ่งข่าวดีที่นักลงทุนจะได้เจอก็น่าจะมีทั้งอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงเกินคาด ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออาจจะไม่ได้ออกมาสูงอย่างที่หลายคนคาดไว้
การคาดการณ์เศรษฐกิจโลกที่จะขยายตัวได้มากกว่า 4% ในช่วงสองปีจากนี้นั้น ตั้งอยู่บนความเชื่อที่ว่า จะไม่มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยระยะสั้นในช่วงเวลาดังกล่าว และทั้งหมดก็น่าจะเป็นตัวกระตุ้นความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น รวมทั้งอาจนำไปสู่การปรับตัวขึ้นสูงเกินจริงสำหรับสินทรัพย์บางประเภทได้อีกด้วย
GM วุ่นหาผู้นำใหม่ หลังบอร์ดกดดันซีอีโอลาออก
ข่าวเซอร์ไพร์สเมื่อวานนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องการลาออกอย่างกระทันหันของประธานเจ้าหน้าที่บริหารของผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ อย่าง General Motors ซึ่งก็คือ นาย Fritz Henderson หลังจากที่เขาทำงานมาได้เพียงแค่ 8 เดือน ก่อนที่จะถูกคณะกรรมการบริษัทบอกว่ายังทำงานได้ไม่ดีพอสำหรับการแก้ไขปัญหาทางการเงินและวัฒนธรรมองค์กร
แหล่งข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้บอร์ด GM ให้เวลา Henderson สำหรับการทบทวนผลงานของตัวเองในช่วง 100 วันที่ผ่านมา หรือ นับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม ที่ GM เดินออกจากภาวะคุ้มครองการล้มละลาย ขณะเดียวกัน ก็มีรายงานข่าวว่าคณะกรรมการบริษัทก็มีความคิดที่จะสรรหาผู้บริหารคนนอกเข้ามาดูแลกิจการของผู้ผลิตรถยนต์รายนี้อีกด้วย
การลาออกของ Henderson ได้ทิ้งภาระต่างๆ ไว้ให้กับคนที่จะเดินเข้ามารับงานต่อ ซึ่งรวมถึง การหาทางออกหลัง GM ยกเลิกดีลขายรถแบรนด์ Saturn, Saab และ Opel และก็ยังมีเรื่องความพยายามในการหาคนมาแทนที่ผู้บริหารระดับสูงในแผนกต่างๆ ที่ออกจากบริษัทไป นอกจากนั้น เรื่องสำคัญ ก็คือ การแก้ปัญหาส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทในตลาดสหรัฐฯ ที่ลดลง
ทั้งหมดก็ทำให้ประธานของ General Motors นาย Ed Whitacre ที่ลงมาดูแลธุรกิจชั่วคราว มีงานสำคัญที่ต้องหาคนมาแทนที่ เพื่อเดินหน้าอาณาจักรผลิตรถยนต์แห่งนี้ต่อ ซึ่งนักวิเคราะห์ก็เก็งว่า ซีอีโอคนใหม่ที่จะเข้ามาน่าจะเป็นคนที่บอร์ดส่งมาลุยงานนี้เอง
สำหรับตัว Whitacre ถ้ามองย้อนกลับไป เขาก็เป็นคนที่คณะทำงานที่ดูแลอุตสาหกรรมรถยนต์จากกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ส่งเข้ามานั่งเป็นประธานในบอร์ดชุดใหม่ ที่รัฐบาลหวังจะช่วยให้กิจการจากเมืองดีทรอยต์แห่งนี้เดินหน้าต่อไปได้ หลังจากบริษัทหลุดพ้นจากภาวะคุ้มครองการล้มละลาย ภายใต้การถือหุ้นใหญ่โดยรัฐบาล ซึ่งประธานผู้นี้ได้ประกาศอย่างชัดเจนเมื่อวันก่อนว่า GM จำเป็นที่จะต้องเดินหน้าต่อไปให้เร็วกว่านี้
ที่ผ่านมา ไม่เคยมีสัญญาณมาก่อนเลยว่า เก้าอี้ของ Henderson จะร้อนจนถึงขีดสุด ในเมื่อบอร์ดก็เพิ่งจะอนุมัติแผนธุรกิจของ GM ปี 2553 และพิมพ์เขียวของแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของ Opel ในยุโรป ก่อนที่จะมาถึงคิวการประเมินผลงานของซีอีโอรายนี้
ยุโรปร่วมฉลองสนธิสัญญาบอนมีผลบังคับใช้
สนธิสัญญาบอนของสหภาพยุโรป (EU) มีผลบังคับใช้แล้วตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งผู้นำสหภาพยุโรปถือว่าเป็นการเปิด "ยุคใหม่" ของกลุ่มสมาชิก 27 ประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงได้เฉลิมฉลองด้วยการจุดพลุและปราศรัยที่กรุงบอน โปรตุเกส
นายโฮเซ่ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมมาธิการEU กล่าวว่า สนธิสัญญาดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึง "เสรีภาพและประชาธิปไตย" ของยุโรป อย่างไรก็ตาม กลุ่มผู้นำEUไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ เพราะยังมีภารกิจอีกมากที่ต้องทำ
นายกรัฐมนตรีเฟรดริก ไรน์เฟลด์ท ของสวีเดน ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานระบบหมุนเวียนของEUในขณะนี้ กล่าวว่า สนธิสัญญาดังกล่าวทำให้EU "เปิดกว้างและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น"
ทั้งนี้ สนธิสัญญาบอน (Lisbon Treaty หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า Reform Treaty) เป็นเสมือนกฎหมายแม่บทระหว่างสมาชิกสหภาพยุโรป 27 ประเทศ ถูกกำหนดขึ้นเพื่อช่วยให้การตัดสินใจในเรื่องต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเพื่อให้EUมีอิทธิพลในกิจการต่างๆ ของโลกมากขึ้น
เป้าหมายหลักๆ ในสนธิสัญญาบอน มี 4 เรื่องได้แก่ 1) ยกระดับความโปร่งใสและประชาธิปไตยในยุโรป 2) เพิ่มศักยภาพภายในของยุโรป 3) สร้างคุณค่า ความเป็นปึกแผ่น และความมั่นคงของสหภาพยุโรป 4) เน้นการเป็นผู้นำในเวทีโลก
นอกจากนั้นสนธิสัญญานี้ยังทำให้เกิดตำแหน่งใหม่ขึ้นมา 2 ตำแหน่ง ได้แก่ ประธาน EU คนแรกที่ทำหน้าที่แบบเต็มเวลา และ หัวหน้าด้านนโยบายต่างประเทศ
นายกรัฐมนตรีแคนาดาเดินสายเยือนจีน-ฮ่องกง
นายสตีเฟน ฮาร์เปอร์ นายกรัฐมนตรีแคนาดาเดินสายเยือนจีนและฮ่องกงในสัปดาห์นี้ โดยนายกรัฐมนตรีแคนาดาได้เดินทางถึงกรุงปักกิ่งแล้วเมื่อวานนี้ ซึ่งในการเดินทางครั้งนี้ แคนาดามีเป้าหมายที่จะผลักดันให้บริษัทในจีน อาทิ ไชน่า ปิโตรเลียม แอนด์ เคมิคอล คอร์ป เข้ามาลงทุนในธุรกิจเหมืองและพลังงานของประเทศ เนื่องจากแคนาดากำลังหาทางลดการพึ่งพาสหรัฐ หลังจากที่ดีมานด์สำหรับไม้ รถยนต์ และสินค้าโภคภัณฑ์ของสหรัฐหดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ
จิม ฟลาเฮอร์ที รัฐมนตรีคลังแคนาดาได้ชักชวนนักลงทุนจีนให้เข้ามาลงทุนในธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติของแคนาดาไปแล้วระหว่างการเดินทางเยือนจีนเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีของแคนาดาก็พยายามหาช่องทางในการเข้าถึงตลาดจีนให้กับบริษัทเอกชนของแคนาดา เช่น บริษัท แมนูไลฟ์ ไฟแนนเชียล และบอมบาร์ดิเยร์
นายกรัฐมนตรีแคนาดากล่าวก่อนหน้านี้ว่า แคนาดาต้องการย้ำกับพันธมิตรจีนว่า เราทุ่มเทในเรื่องการเปิดตลาด และตลาดดังกล่าวจะต้องเป็นระบบของการติดต่อกันได้ทั้ง 2 ทาง
นายฮาร์เปอร์จะได้เข้าพบประธานาธิบดีหู จิ่นเทา และนายเหวิน เจียเป่า นายกรัฐมนตรีจีน ตลอดจนนายกเทศมนตรีเซี่ยงไฮ้ โดยนายกรัฐมนตรีแคนาดาจะขึ้นกล่าวปราศรัยที่สมาคมธุรกิจจีน-แคนาดาที่โรงแรมเซี่ยงไฮ้ ไฮแอท วันที่ 4 ธันวาคม
Google จำกัดการอ่านข่าวฟรี หลังถูกกดดันจากสื่อฯ
Google อิงค์ ประกาศว่า นับจากนี้ไป บริษัทผู้ผลิตหนังสือพิมพ์สามารถจำกัดจำนวนข่าวที่จะอนุญาตให้อ่านฟรีผ่าน Google ได้แล้ว ซึ่งการยินยอมในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่บริษัทสื่อบางแห่งร้องเรียนว่า Search Engine รายใหญ่หาผลประโยชน์จากหน้าข่าวออนไลน์ของสื่อหนังสื่อพิมพ์ต่างๆ
นายจอห์น โคเฮน ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายผลิตภัณฑ์ธุรกิจของ Google เปิดเผยผ่านบล็อกว่า "ตอนนี้กูเกิ้ลได้มีการอัพเดทโปรแกรมขึ้น เพื่อที่สำนักพิมพ์จะได้สามารถจำกัดผู้ใช้ไม่ให้คลิกอ่านข่าวมากกว่า 5 ชิ้นต่อวัน โดยไม่ได้ลงทะเบียนหรือสมัครสมาชิก" ภายใต้โครงการที่มีชื่อว่า First Click Free ทางสำนักพิมพ์ผู้ผลิตเนื้อหาข่าวสามารถป้องกันมิให้มีการเข้าสู่เว็บไซต์ที่ต้องสมัครสมาชิก
และเมื่อผู้ใช้คลิกอ่านข่าวเป็นชิ้นที่ 6 ก็จะมีหน้าต่างให้ผู้ใช้ลงทะเบียนหรือจ่ายค่าบริการปรากฏขึ้น ถ้าไม่สมัคร หรือ ไม่จ่ายค่าบริการก็จะไม่สามารถใช้งานในส่วนนั้นๆ ได้
ก่อนหน้านี้มหาเศรษฐี รูเพิร์ต เมอร์ด็อค เจ้าพ่อสื่อเจ้าของ นิวส์ คอร์ป ออกมาต่อว่าเว็บไซต์หลายแห่ง รวมถึงGoogle ว่าหารายได้จากการโฆษณาด้วยการนำข่าวของหนังสือพิมพ์ไปเสนอให้ผู้อ่านผ่านทาง Google
ขณะเดียวกันผู้ใช้งานหัวใสบางคนก็อ่านข่าวผ่านลิงค์ใน Google ทำให้ไม่ต้องเสียค่าบริการให้กับเว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์
BOJ ประสานงานรัฐบาลใกล้ชิดเพื่อดำเนินนโยบายใหม่
นายมาซาอากิ ชิรากาว่า ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เผยภายหลังการประชุมร่วมกับนายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเมื่อวานนี้ว่า BOJ จะติดต่อพูดคุยกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิดเมื่อมีการออกนโยบายใหม่ๆ พร้อมกับปฏิเสธว่า นายกรัฐมนตรีไม่ได้ต้องการให้ธนาคารกลางใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม
ทั้งนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นประกาศจัดหาเงินทุนมูลค่า 1 ล้านล้านเยนให้กับสถาบันการเงินภายในประเทศ รวมถึงธนาคารพาณิชย์และบริษัทโบรกเกอร์ เมื่อวานนี้ โดยผ่านการดำเนินการในตลาดเงิน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการผ่อนปรนด้านการเงินฉบับใหม่ของบีโอเจและมีเป้าหมายที่จะยับยั้งภาวะเงินฝืดตามที่บีโอเจได้ออกแถลงการณ์ไปเมื่อต้นสัปดาห์
นายยูคิโอะ ฮาโตยามะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นแสดงความกังวลต่อกรณีบังคับใช้นโยบายจัดเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมในปีงบประมาณ 2553 ซึ่งจะเริ่มในเดือนเม.ย.ปีหน้า ขณะที่กำลังพิจารณายกเลิกการจัดเก็บภาษีน้ำมันเบนซินและภาษีที่เกี่ยวกับยานยนต์
ฮาโตยามะกล่าวว่า "ประชาชนจะมองว่ารัฐบาลผิดสัญญาที่ให้ไว้ หากเรานำนโยบายจัดเก็บภาษีสิ่งแวดล้อมมาปะปนกับนโยบายด้านภาษีเชื้อเพลิง"
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีคนสำคัญของรัฐบาลชุดนายกรัฐมนตรีฮาโตยามะมองว่า รัฐบาลจำเป็นต้องรับภาระขาดแคลนรายได้ดังกล่าว ด้วยการนำภาษีสิ่งแวดล้อมมาใช้ในปีงบประมาณ 2553
ขณะที่นายฮาโตยามะกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลของเขาจะเปลี่ยนแปลงนโยบายที่ได้ให้คำมั่นไว้เมื่อครั้งหาเสียงเลือกตั้งในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ถ้าประชาชนเรียกร้องสิ่งที่แตกต่างออกไป
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พุธที่ 2 ธ.ค. 2552) ? ตัวเลขภาคการจ้างงานเอกชน (พ.ย.) ลดลง 169,000 ตำแหน่ง ? ตัวเลขสต็อกน้ำมันสำรองประจำสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 2.1 ล้านบาร์เรล ? รายงาน Beige Book โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (พฤหัสบดีที่ 3 ธ.ค. 2552) ? ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ? ประสิทธิภาพการผลิตและต้นทุนการผลิตต่อหน่วย (Q3/2009) โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ? ดัชนีภาคการบริการ (พ.ย.) โดย ISM
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #124 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 12:02:09 PM » |
|
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลงขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหันซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้ทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #125 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 12:08:20 PM » |
|
ดัชนีเงินเมกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #126 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 12:10:44 PM » |
|
น้ำมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
MIJI
|
|
« ตอบ #127 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 02:05:32 PM » |
|
ขอบคุณคุณทองใหม่นะคะ ขอให้น้ำมันขึ้นไปให้ปล่อยของทีเถอะ ถือไว้นานแล้ว แล้วค่อยลงเยอะๆนะจ้ะน้องออย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
บทวิเคราะห์คือแนวทาง การตัดสินใจคือตัวเราเอง
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #128 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 06:30:49 PM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้กราฟ1ชมซ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
sue662
|
|
« ตอบ #129 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 07:45:14 PM » |
|
สวัสดียามหัวค่ำค่ะ คุณทองใหม่ต้องเตรียมร่างกายไปให้คุณหมอตรวจแล้ว พักผ่อนมากๆนะคะ ยังไงอยู่ไกล้หมอดีกว่าอยู่ไกล้ทองแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่แข็งแรงแล้วจะได้ช่วยออกแรงดึงน้องทองลงมาซะหน่อยก็ดีค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #130 เมื่อ: ธันวาคม 03, 2009, 08:24:00 PM » |
|
สวัสดียามหัวค่ำค่ะ คุณทองใหม่ต้องเตรียมร่างกายไปให้คุณหมอตรวจแล้ว พักผ่อนมากๆนะคะ ยังไงอยู่ไกล้หมอดีกว่าอยู่ไกล้ทองแน่นอนค่ะ ขอบคุณค่ะ คุณทองใหม่แข็งแรงแล้วจะได้ช่วยออกแรงดึงน้องทองลงมาซะหน่อยก็ดีค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #133 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 06:32:51 AM » |
|
กราฟGold 1 ช่อง1 เส้นแดงอยู่เหนือเส้นเขียว---ทิศทางขึ้น ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นเขียวอยู่เหนือเส้นแดง---ทิศทางลง ผู้เล่นออนไลน์ให้ดูเส้นปะ(เส้นปะสีขาว---เส้นแนวต้านและหนุน)และเส้นแนวโน้ม(เส้นแนวโน้ม---สีฟ้า---ทิศทางขึ้น สีเหลืองทอง?ทิศทางลง สีขาว?กำลังหาทิศใหม่)ประกอบ ตั้งจุดกำไรและขาดทุน เส้นแดงและเขียวประสานเป็นกากะบาด ---กำลังจะเปลี่ยนทิศ ให้ดูเส้นแนวโน้มประกอบ หากเส้นแดงและเขียวกำลังจะประสาน แต่ไม่ทันได้ประสานก็หันหันหัวกลับขึ้นหรือลง แสดงว่ากำลังมีเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนี่งเกิดขึ้น หากขึ้นทะลุเส้นปะแนวต้าน ให้ดูเส้นปะแนวต้านเส้นต่อไป หากลงทะลุเส้นปะแนวหนุน ให้ดูเส้นแนวหนุนเส้นต่อไป ส่วนจุดกลมเหลืองทอง---ทิศทางลง จุดกลมฟ้า---ทิศทางขึ้น หากกราฟวิ่งในยามปกติ พอเชื่อถือได้ หากกราฟวิ่งขึ้นลงแรงๆ คือยามไม่ปกติ ไม่อาจเชือถือได้ ช่อง2 ให้ดูเส้นสีม่วง ประกอบกับเส้นแนวโน้มในช่อง1 หากหันหัวไปในทิศทางเดียวกัน โอกาสที่จะผิดพลาดก็มีน้อย ส่วนเส้นปะสีเหลืองทองและฟ้า หากขึ้นเหนือเลข80 เข้าสู่เขตซื้อเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ทุกเมื่อ หากลงต่ำกว่าเลข20 เข้าสู่เขตขายเกิน ระวังจะเปลี่ยนทิศได้ตลอดเวลา ช่อง3 ให้ดูทั้ง2เส้น คือเหลืองทองและฟ้า หันหัวไปทิศทางเดียวกันหรือไม่ เท่านั้นยังไม่พอ ให้ดูประกอบทิศทางในช่อง1ว่าเป็นทิศทางเดียวกันหรือไม่ หากทิศทางหันหัวในแนวเดียวกัน ทิศทางนั้นเชื่อถือได้หากภาพเล็กให้คิ๊กที่ภาพ จะมีหน้าต่างเกิดใหม่ ภาพยังเท่าเดิม ให้คิ๊กที่ภาพอีกครั้ง ภาพจะใหญ่ขึ้นครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #134 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 07:07:13 AM » |
|
ขอบคุณค่ะ ทิศทางลงมาแล้ว คุณทองใหม่ว่ากราฟสองตัวข้างบน จะบอกทิศทางล่วงหน้าได้กี่ ชั่วโมงคะ เท่าที่ตามดู ใน 1 วัน มันเปลี่ยนแปลงตลอด แต่ช่วงบ่าย ๆ ได้แต่มาอ่านย้อนน่ะค่ะ
คุณปุยเมฆได้นอนบ้างหรือเปล่านี่ (เห็นตอบกระทู้ตอน เวลา 01:14 am) โดยปกติแล้วกราฟ1ชม.จะอยู่ได้หลายชม. กราฟ4ชม.อยู่ใด้1วันครับ แต่ช่วงเหตุการณผันผวน เป็นยามที่ไม่ปกติ กราฟก็จะเปลี่ยนแปลงบ่อยมากครับ ไม่ต้องดูอื่นไกล ดูแต่กราฟตาแป๊ะ ยังเปลี่ยนหน้ากันได้ในชั่วขณะไม่กี่ชม.เลยครับ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 04, 2009, 07:40:34 AM โดย ทองใหม่ »
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|