ทองใหม่
|
|
« ตอบ #60 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 08:54:16 AM » |
|
อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณทองใหม่ ไม่มีวี่แววน้องทองจะลงมั่งเลยนะคะเนี่ย
วี่แววลงมีอยู่ แต่ออกจะลำบากสักหน่อย เหตุผลอย่างที่บอกไว้แล้วครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
mamai
Jr. Member
ออฟไลน์
กระทู้: 237
|
|
« ตอบ #61 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 09:50:24 AM » |
|
ขอบคุณครับคุณทองใหม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
"ไม่เชื่อต้องศึกษา ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #62 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:06:10 AM » |
|
Emirates Airlines ไม่แคร์วิกฤติหนี้ดูไบ มั่นใจกำไรพุ่งต่อ ด้านนักวิเคราะห์เตือนดูไบอาจเสียสถานะศูนย์กลางการเงิน
Posted on Tuesday, December 01, 2009 Emirates Airlines ไม่สนวิกฤติหนี้ดูไบ มั่นใจกำไรพุ่งต่อ
ขณะที่นักลงทุนยังวุ่นวายอยู่กับปัจจัยสถานะการเงินของดูไบจะกระทบหรือไม่กระทบต่อพอร์ทการลงทุนของตัวเองนั้น ก็มีหนึ่งธุรกิจชั้นนำของดูไบ อย่าง Emirates Airlines ออกมาบอกว่าวิกฤติหนี้โดยรวมจะไม่สามารถหยุดยั้งการเติบโตของกำไรของบริษัทได้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงความเป็นอิสระของธุรกิจ รวมถึงยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินเจ็ทที่บริษัทมีไว้กับ Boeing และ Airbus
ผู้บริหารสายการบินที่มีรัฐบาลดูไบเป็นเจ้าของรายนี้ ได้เรียกผู้สื่อข่าวมาร่วมฟังการแถลงผลกระทบจากวิกฤติการเงินของประเทศ โดยบอกว่า กำไรสุทธิในครึ่งปีหลัง ที่จะสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้า มีความเป็นไปได้ว่าจะพุ่งเกิน 205 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เคยทำไว้ในครึ่งปีแรก และแม้แต่อาจจะแตะระดับ 1,000 พันล้านได้ในปีงบประมาณถัดไป
สายการบิน Emirates ที่มีประมุข คือ ชีค มูฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม (Sheikh Mohammed Bin Rashid Al Maktoum) ถือหุ้นอยู่ด้วยนี้ ได้มีการปรับเพิ่มจำนวนที่นั่งกว่า 20% ในช่วงครึ่งปีแรก สวนกระแสจากสายการบินคู่แข่งรายอื่นๆ ที่ถูกบีบให้ลดขนาดการให้บริการลง เพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
นาย Maurice Flanagan รองประธานของสายการบินนี้ ที่ได้ต่อสายพูดคุยกับผู้สื่อข่าว ยังแสดงความมั่นใจว่า คณะผู้ปกครองดูไบจะไม่ยกเลิกสัญญาเที่ยวบินที่มีไว้กับบริษัท ขณะที่ธุรกิจยังสามารถทำเงิน รวมถึงมีแผนการขยายจำนวนเที่ยวบินด้วย
อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าต้องมีคนไม่เชื่อคำกล่าวของผู้บริหาร ซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์ของ Evolution Securities ในลอนดอน ที่มองว่า วิกฤติหนี้ดูไบได้ทำให้เกิดคำถามตามมาถึงความสามารถในการหาเงินเพื่อซื้อเครื่องบิน อย่างเช่น Airbus A380 superjumbos จำนวน 58 ลำ และ A350 อีก 50 ลำ รวมถึงเครื่อง Boeing 777 อีกจำนวนหนึ่ง
ขณะที่รองประธาน Emirates Airlines ก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทางดูไบจะขายสายการบินแห่งนี้ออกไปหรือแม้แต่ประกาศแผนควบรวมกิจการเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งทั้งหมดก็รวมถึงการที่บริษัทไม่เคยมีแผนที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับสายการบินอื่นๆ ในโลกอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ SocGen หรือ Societe Generale บอกว่า ดูไบมีทางเลือกที่จะนำสายการบิน Emirates ขึ้นมาในฐานะหลักประกัน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากรัฐผู้ร่ำรวยน้ำมัน อย่าง Abu Dhabi ซึ่งก็เป็นไปได้ในเรื่องการควบรวมกับสายการบินของเพื่อนบ้าน ก็คือ Etihad Airways (เอทิฮัด แอร์เวย์ส)
นักวิเคราะห์เตือนดูไบอาจเสียสถานะศูนย์กลางการเงิน
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลายแห่ง รวมถึงมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เชื่อว่า ดูไบอาจสูญเสียสถานะการเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย และอาจสูญเสียสถานะของศูนย์กลางการค้าและการบริการ
การรับความช่วยเหลือจากอาบูดาบีมีขึ้นหลังจากบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวม 59,000 ล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้เบื้องต้นจำนวน 3,500 ล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี โดยข่าวหนี้สินของดูไบส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกตื่นตระหนกและฉุดตลาดหุ้นดิ่งลงถ้วนหน้า
มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดว่า หนี้สินของดูไบอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นหนี้เสียราว 25,000 ล้านดอลลาร์
ดูไบเปิดตลาดหุ้นในปี 2543 และเปิดศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศดูไบ (Dubai International Financial Centre) ในปี 2547 ซึ่งดึงดูดสถาบันการเงินระดับโลก รวมถึงโกลด์แมน แซค์ และเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง ให้เข้ามาตั้งฐานธุรกิจ ส่งผลให้ศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศดูไบมีมูลค่า 8.3 % ของระบบเศรษฐกิจดูไบในปี 2551
ดูไบเผชิญกับภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์การเงินโลกในปีที่แล้ว ทำให้ราคาบ้านในดูไบดิ่งลง 50% หลังจากทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในไตรมาส 3 ปี 2541 ขณะที่นักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงค์ คาดว่าราคาบ้านในดูไบจะร่วงลงอีก 30%
อย่างไรก็ตามทาง ธนาคารกลางของรัฐบาลกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ออกมายืนยันว่า จะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารภายในประเทศและธนาคารต่างชาติ ด้วยการประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิลด์
พร้อมเตรียมรับมือกับความแตกตื่นของผู้ฝากที่อาจจะแห่มาถอนเงิน และเพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนทั่วโลกว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อจำกัดผลกระทบจากปัญหาวิกฤติหนี้สิน ด้วยการจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารทั้งในประเทศและธนาคารต่างประเทศที่มีสาขาอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์
หุ้นฟื้น หลังวิตกหนี้ดูไบเริ่มแผ่ว
นักลงทุนทั่วโลกเริ่มลดความวิตกในเรื่องวิกฤติหนี้ของดูไบ หลังจากที่ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ออกมาแสดงความช่วยเหลือ และล่าสุด Dubai World ก็เปิดเผยว่า มีความคืบหน้าในทางที่ดีสำหรับการพูดคุยกับบรรดาธนาคารต่างๆ เรื่องการปรับโครงสร้างหนี้มูลค่า 26,000 ล้านเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นดูไบยังคงร่วงลงกว่า 7% และตลาดหุ้น Abu Dhabi ที่เปิดทำการในวันแรกหลังจากที่มีข่าว ก็ทำสถิติปรับตัวลงกว่า 8% หรือแรงที่สุดในรอบ 8 ปีเป็นอย่างน้อย
ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเล็กน้อย ท่ามกลางแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ยังคงมีเข้ามา นำโดย ธนาคาร Royal Bank of Scotland Group ในฐานะเป็นผู้จัดการเงินกู้รายใหญ่ที่สุดของ Dubai World นับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2007 ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย JPMorgan Chase ขณะที่อีกโบรกเกอร์ชั้นนำ อย่าง Morgan Stanley ก็บอกว่า ธนาคารของอังกฤษอาจจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากปัจจัยการปรับโครงสร้างหนี้ของดูไบ ซึ่งรวมถึงธนาคาร Standard Chartered ที่ได้ลงทุนไว้ในภูมิภาคนี้ถึง 50,000 ล้านเหรียญตามข้อมูลของ BIS
นอกจากนี้ นักกลยุทธ์ของ UBS ยังได้ออกมาปรับลดคำแนะนำสำหรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน ลงจากระดับ ?overweight? มาอยู่ที่ ?neutral? หรือระดับ ?ปานกลาง? ด้วยเหตุผลว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นมามากพอแล้ว ขณะที่ยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่างรออยู่ข้างหน้า ซึ่งรวมถึง การปฏิรูปกฏเกณฑ์ต่างๆ อัตราการขยายตัวของสินเชื่อ อัตรากำไร และการสำรองหนี้สูญ
สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ S&P 500 ขยับบวกเล็กน้อย นักลงทุนทยอยเข้าซื้อหุ้นแบงก์ นำโดย Wells Fargo และ JPMorgan Chase จากข่าวความคืบหน้าในแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของดูไบกับธนาคารต่างๆ และธนาคารในยุโรปเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากเมื่อดูจากข้อมูล ณ ตอนนี้ ขณะตลาดโดยรวมยังถูกบีบจากปัจจัยความกังวลในเรื่องยอดขายของร้านค้าปลีกในเทศกาลวันหยุดปลายปี
ทางด้านตลาดน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบที่นิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้น 1.2 เหรียญ มาที่ 77.28 เหรียญต่อบาร์เรล จากข่าวอิหร่านจับกุมเรือยอร์ชสัญชาติอังกฤษ ที่ไปสร้างแรงกดดันทางการเมืองรอบใหม่
ราคา-สินเชื่อบ้านในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง
โฮมแทร็คเผยราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนต.ค. มาอยู่ที่ 156,700 ปอนด์ หรือ 258,000 ดอลลาร์ เนื่องจากเกิดการขาดแคลนบ้านพร้อมขายในตลาด
ริชาร์ด ดอนเนล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของโฮมแทร็ค กล่าวว่า เอเยนต์ขายบ้านเริ่มมีความรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับระดับของราคาที่มีความยั่งยืน อย่างน้อยก็ในระยะสั้นนี้ โดยลอนดอนและพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเป็นพื้นที่ที่ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นมาก
สำหรับดีมานด์ที่ลดลงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไปจนถึงช่วงคริสต์มาส แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงกดดันต่อราคาบ้านจะลดลง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานที่สูงขึ้นอาจจะทำให้ราคาบ้านในอังกฤษไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้มากกว่าไปกว่านี้
อัตราการอนุมัตสินเชื่อเพื่อบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งในเดือนต.ค. นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย โดยธนาคารกลางอังกฤษเผยว่า ยอดปล่อยกู้เพื่อซื้อบ้านในเดือนต.ค.อยู่ที่ 57,345 ราย เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ที่ 56,205 ราย
นายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จังหวะของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะสดใสในระยะสั้นนี้ แม้ว่าการฟื้นตัวจะยังไม่แข็งแกร่งนัก
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า การอนุมัติสินเชื่อจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่สูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤต และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะยั่งยืนหรือไม่
BOJ ตัดสินใจลดเงินเดือนผู้ว่าฯและผู้บริหาร
ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารจะปรับลดเงินเดือนผู้บริหารซึ่งจะมีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 นี้ โดยเงินเดือนต่อปีของผู้ว่าการแบงก์ชาติจะถูกลดลงไป 860,000 เยน เหลือ 34.92 ล้านเยน ขณะที่ เงินเดือนต่อปีสำหรับรองผู้ว่าบีโอเจจะถูกลดลง 680,000 เยน เหลือ 27.59 ล้านเยน และเงินเดือนต่อปีสำหรับสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารจะถูกลดลงไป 650,000 เยน เหลือ 24.46 ล้านเยน
การตัดสินใจลดเงินเดือนผู้บริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่นมีขึ้น ในขณะที่รัฐสภาญี่ปุ่นได้อนุมัติร่างกฎหมายลดเงินเดือนคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางตำแหน่งพิเศษอื่นๆ
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การลดเงินเดือนผู้บริหารบีโอเจครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน
แนะรัฐบาลจีนเพิ่มปริมาณสำรองทองคำ
นสพ.ไชน่า ยูท เดลี่ รายงานว่า จี เสี่ยวหนาน เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะกรรมการบริหารและกำกับดูแลสินทรัพย์ แนะให้จีนเพิ่มปริมาณสำรองทองคำของประเทศเป็น 6,000 เมตริคตันภายใน 3-5 ปีข้างหน้า หรืออาจจะเพิ่มเป็น 10,000 เมตริคตันในช่วง 8-10 ปี เพื่อลดโอกาสที่จะขาดทุนอันเนื่องมาจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงมาแล้วประมาณ 20% เมื่อเทียบกับเงินยูโร และนับตั้งแต่ปี 2546 จีนได้เพิ่มสำรองทองคำมาแล้ว 76% แตะ 1,054 ตัน
นายจีกล่าวว่า การเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิลด์ อาจเป็นการเปิดโอกาสให้จีนได้นำสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนในตลาดโลหะและน้ำมัน
สมาคมทองคำของจีนคาดการณ์ว่า ความต้องการและผลผลิตทองคำในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่สุดของโลก อาจพุ่งทำสถิติสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากการใช้ทองเพื่อทำเครื่องประดับเพิ่มสูงขึ้นมาก และผู้ประกอบการเหมืองขยายกำลังการผลิตหลังจากที่ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
จาง หยางเถา รองเลขาธิการของสมาคม กล่าวในที่ประชุมสมาคมในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนานว่า จีนอาจต้องการทองคำมากกว่า 450 เมตริกตันในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 395.6 ตันในปี 2551 และผลผลิตอาจเพิ่มขึ้นแตะ 310 ตัน จากระดับ 282 ตันในปีก่อน พร้อมเผยว่า การผลิตทองของจีนขยายตัว 9.5% ต่อปีในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา
ทางด้านผู้จัดการฝ่ายวิจัยการลงทุนของสมาคมทองคำโลกมองว่า จีนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคทองคำรายใหญ่สุดของโลกในปีนี้
จีนเมินแรงกดดันประเด็นเงินหยวน
นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน กล่าวในการหารือกับผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่นครหนานจิง เมืองเอกมณฑลเจียงซู ว่า การตรึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของจีนให้มีเสถียรภาพ คือ สิ่งจำเป็นที่จะทำให้เศรษฐกิจของจีนมีเสถียรภาพไปด้วย
การออกมาเน้นย้ำดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีจีน มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากคณะผู้นำจากสหภาพยุโรป หรืออียู เรียกร้องให้จีนยกเลิกการตรึงค่าเงินหยวน เนื่องจากกังวลว่า จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอียู และจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า
ภายหลังการประชุม นายกฯ จีนได้แสดงความเห็นว่า การกดดันให้จีนเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ยุติธรรม และประณามผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของจีนว่า พยายามกีดกันการค้าของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา
ธนาคารกลางจีนได้ตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับเดิมนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2551 หลังจากปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 21% เมื่อ 3 ปีก่อนหน้านั้น เพื่อช่วยบริษัทส่งออกของจีนให้อยู่รอดได้ในยามที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย
สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐเรียกร้องให้ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ปรับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่ามากขึ้น ซึ่งผลจากประเด็นค่าเงินในปัจจุบัน ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง จึงทำให้ทางผู้เชี่ยวชาญ ได้ออกมาแนะให้เพิ่มปริมาณสำรองทองคำของประเทศเป็น 6,000 เมตริคตันภายใน 3-5 ปีข้างหน้า หรืออาจจะเพิ่มเป็น 10,000 เมตริคตันในช่วง 8-10 ปี เพื่อลดโอกาสที่จะขาดทุนอันเกิดมาจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง
นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงมาแล้วประมาณ 20% เมื่อเทียกับเงินยูโร และนับตั้งแต่ปี 2546 จีนได้เพิ่มสำรองทองคำมาแล้ว 76% แตะ 1,054 ตัน
ทางด้านผู้จัดการฝ่ายวิจัยการลงทุนของสมาคมทองคำโลกมองว่า จีนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคทองคำรายใหญ่สุดของโลกในปีนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 1 ธ.ค. 2552) ? ดัชนีภาคการผลิต (พ.ย.) โดย ISM ? ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง (ต.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ? ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (ต.ค.) โดยสมาคมนายหน้าอสังหาฯ แห่งชาติสหรัฐฯ
ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #63 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:19:47 AM » |
|
กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลงขวาบน เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น แท่งเขียว---แรงขายลงขวาช่องสอง แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหันซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง แท่งสีเขียว---เพดาน แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้ทอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #64 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:22:57 AM » |
|
ดัชนีเงินเมกา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #65 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:26:50 AM » |
|
น้ำมัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
jainu
|
|
« ตอบ #66 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:44:26 AM » |
|
สวัสดีค่ะ พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ อากาศร้อนน้ะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
finghting!!!
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #67 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 12:01:31 PM » |
|
สวัสดีค่ะ พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ อากาศร้อนน้ะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ไม่เข้าใจ set50 set 100 set index ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #68 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 12:37:16 PM » |
|
กราฟตาแปะ ทอง หน้าสีแดง แสดงว่ากำลังจะลงแล้ว เงินเมกา กับ น้ำมัน กำลังจะดีดขึ้น ใช้ใหมค่ะ คุณทองใหม่
ใช่ครับ ดูตามกราฟแล้วเป็นเช่นนั้นครับ ตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าปัจจัยภายนอกจะมากวนให้กราฟเสียทิศทางไหม?
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #69 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:02:37 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Jeera
|
|
« ตอบ #70 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:04:51 PM » |
|
สวัสดีค่ะ พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ อากาศร้อนน้ะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ไม่เข้าใจ set50 set 100 set index ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ พวกหุ้นน่ะค่ะ แต่นู๋จัยเค้าคงหมายถึงกองทุนหุ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Someone love one Some one love two But I love one That One is...U (^?^)-?
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #71 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:12:52 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #72 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:14:34 PM » |
|
สวัสดีค่ะ พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ อากาศร้อนน้ะค่ะ รักษาสุขภาพด้วยค่ะ ไม่เข้าใจ set50 set 100 set index ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ พวกหุ้นน่ะค่ะ แต่นู๋จัยเค้าคงหมายถึงกองทุนหุ้น อ้อ...ไม่ได้เล่นครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #73 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:24:59 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ทองใหม่
|
|
« ตอบ #74 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:25:57 PM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
|
Thanks: ฝากรูป dictionary
---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ----------
---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc.
แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย
15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค
ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน
กพ และ กลางเดือน ตค -----
แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้
ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc.
Thanks: ฝากรูป dictionary
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|