Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 30/11?4/12/2009  (อ่าน 13735 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 7 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #60 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 08:54:16 AM »

อรุณสวัสดิ์ค่ะ คุณทองใหม่ ไม่มีวี่แววน้องทองจะลงมั่งเลยนะคะเนี่ย
วี่แววลงมีอยู่ แต่ออกจะลำบากสักหน่อย เหตุผลอย่างที่บอกไว้แล้วครับ
บันทึกการเข้า
mamai
Jr. Member
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 237



« ตอบ #61 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 09:50:24 AM »

ขอบคุณครับคุณทองใหม่ Azn
บันทึกการเข้า

"ไม่เชื่อต้องศึกษา   ไม่มีปัญญาต้องเรียนรู้"
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #62 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:06:10 AM »

Emirates Airlines ไม่แคร์วิกฤติหนี้ดูไบ มั่นใจกำไรพุ่งต่อ ด้านนักวิเคราะห์เตือนดูไบอาจเสียสถานะศูนย์กลางการเงิน

Posted on Tuesday, December 01, 2009
Emirates Airlines ไม่สนวิกฤติหนี้ดูไบ มั่นใจกำไรพุ่งต่อ

ขณะที่นักลงทุนยังวุ่นวายอยู่กับปัจจัยสถานะการเงินของดูไบจะกระทบหรือไม่กระทบต่อพอร์ทการลงทุนของตัวเองนั้น ก็มีหนึ่งธุรกิจชั้นนำของดูไบ อย่าง Emirates Airlines ออกมาบอกว่าวิกฤติหนี้โดยรวมจะไม่สามารถหยุดยั้งการเติบโตของกำไรของบริษัทได้ หรือแม้แต่การเปลี่ยนแปลงความเป็นอิสระของธุรกิจ รวมถึงยอดคำสั่งซื้อเครื่องบินเจ็ทที่บริษัทมีไว้กับ Boeing และ Airbus

ผู้บริหารสายการบินที่มีรัฐบาลดูไบเป็นเจ้าของรายนี้ ได้เรียกผู้สื่อข่าวมาร่วมฟังการแถลงผลกระทบจากวิกฤติการเงินของประเทศ โดยบอกว่า กำไรสุทธิในครึ่งปีหลัง ที่จะสิ้นสุดเดือนมีนาคมปีหน้า มีความเป็นไปได้ว่าจะพุ่งเกิน 205 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เคยทำไว้ในครึ่งปีแรก และแม้แต่อาจจะแตะระดับ 1,000 พันล้านได้ในปีงบประมาณถัดไป

สายการบิน Emirates ที่มีประมุข คือ ชีค มูฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม  (Sheikh Mohammed Bin Rashid Al Maktoum) ถือหุ้นอยู่ด้วยนี้ ได้มีการปรับเพิ่มจำนวนที่นั่งกว่า 20% ในช่วงครึ่งปีแรก สวนกระแสจากสายการบินคู่แข่งรายอื่นๆ ที่ถูกบีบให้ลดขนาดการให้บริการลง เพื่อรับมือกับสภาวะเศรษฐกิจถดถอย

นาย Maurice Flanagan รองประธานของสายการบินนี้ ที่ได้ต่อสายพูดคุยกับผู้สื่อข่าว ยังแสดงความมั่นใจว่า คณะผู้ปกครองดูไบจะไม่ยกเลิกสัญญาเที่ยวบินที่มีไว้กับบริษัท ขณะที่ธุรกิจยังสามารถทำเงิน รวมถึงมีแผนการขยายจำนวนเที่ยวบินด้วย

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าต้องมีคนไม่เชื่อคำกล่าวของผู้บริหาร ซึ่งรวมถึงนักวิเคราะห์ของ Evolution Securities ในลอนดอน ที่มองว่า วิกฤติหนี้ดูไบได้ทำให้เกิดคำถามตามมาถึงความสามารถในการหาเงินเพื่อซื้อเครื่องบิน อย่างเช่น Airbus A380 superjumbos จำนวน 58 ลำ และ A350 อีก 50 ลำ รวมถึงเครื่อง Boeing 777 อีกจำนวนหนึ่ง

ขณะที่รองประธาน Emirates Airlines ก็บอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่ทางดูไบจะขายสายการบินแห่งนี้ออกไปหรือแม้แต่ประกาศแผนควบรวมกิจการเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ซึ่งทั้งหมดก็รวมถึงการที่บริษัทไม่เคยมีแผนที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับสายการบินอื่นๆ ในโลกอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์ของ SocGen หรือ Societe Generale บอกว่า ดูไบมีทางเลือกที่จะนำสายการบิน Emirates ขึ้นมาในฐานะหลักประกัน เพื่อแลกกับความช่วยเหลือจากรัฐผู้ร่ำรวยน้ำมัน อย่าง Abu Dhabi ซึ่งก็เป็นไปได้ในเรื่องการควบรวมกับสายการบินของเพื่อนบ้าน ก็คือ Etihad Airways (เอทิฮัด แอร์เวย์ส)


นักวิเคราะห์เตือนดูไบอาจเสียสถานะศูนย์กลางการเงิน

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลายแห่ง รวมถึงมูดีส์ อินเวสเตอร์ส เซอร์วิส เชื่อว่า ดูไบอาจสูญเสียสถานะการเป็นศูนย์กลางการเงินในภูมิภาคอ่าวเปอร์เซีย และอาจสูญเสียสถานะของศูนย์กลางการค้าและการบริการ

การรับความช่วยเหลือจากอาบูดาบีมีขึ้นหลังจากบริษัท ดูไบ เวิลด์ ของรัฐบาลดูไบ ซึ่งมีหนี้สินรวม 59,000 ล้านดอลลาร์ วางแผนเลื่อนการชำระหนี้เบื้องต้นจำนวน 3,500 ล้านดอลลาร์ซึ่งครบกำหนดในเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ ออกไปเป็นเดือนพ.ค.ปีหน้า ซึ่งเป็นการผิดนัดชำระหนี้ครั้งใหญ่สุดในรอบ 8 ปี โดยข่าวหนี้สินของดูไบส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกตื่นตระหนกและฉุดตลาดหุ้นดิ่งลงถ้วนหน้า

มูดีส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส คาดว่า หนี้สินของดูไบอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งในจำนวนนี้จะเป็นหนี้เสียราว 25,000 ล้านดอลลาร์

ดูไบเปิดตลาดหุ้นในปี 2543 และเปิดศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศดูไบ (Dubai International Financial Centre) ในปี 2547 ซึ่งดึงดูดสถาบันการเงินระดับโลก รวมถึงโกลด์แมน แซค์ และเอชเอสบีซี โฮลดิ้ง ให้เข้ามาตั้งฐานธุรกิจ ส่งผลให้ศูนย์กลางการเงินระหว่างประเทศดูไบมีมูลค่า 8.3 % ของระบบเศรษฐกิจดูไบในปี 2551

ดูไบเผชิญกับภาวะตกต่ำในตลาดอสังหาริมทรัพย์ทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจากวิกฤตการณ์การเงินโลกในปีที่แล้ว ทำให้ราคาบ้านในดูไบดิ่งลง 50% หลังจากทำสถิติพุ่งขึ้นสูงสุดในไตรมาส 3 ปี 2541 ขณะที่นักวิเคราะห์ของดอยช์ แบงค์ คาดว่าราคาบ้านในดูไบจะร่วงลงอีก 30%

อย่างไรก็ตามทาง ธนาคารกลางของรัฐบาลกลางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ออกมายืนยันว่า จะให้ความช่วยเหลือด้านการเงินแก่ธนาคารภายในประเทศและธนาคารต่างชาติ ด้วยการประกาศจัดกองทุนกู้ยืมพิเศษเพื่อเสริมสภาพคล่องให้กับธนาคารพาณิชย์และเพื่อลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิลด์

พร้อมเตรียมรับมือกับความแตกตื่นของผู้ฝากที่อาจจะแห่มาถอนเงิน และเพื่อสร้างความมั่นใจแก่นักลงทุนทั่วโลกว่ารัฐบาลจะทำทุกวิถีทางเพื่อจำกัดผลกระทบจากปัญหาวิกฤติหนี้สิน ด้วยการจัดสรรเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำเพื่ออัดฉีดสภาพคล่องให้กับธนาคารทั้งในประเทศและธนาคารต่างประเทศที่มีสาขาอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรสต์


หุ้นฟื้น หลังวิตกหนี้ดูไบเริ่มแผ่ว

นักลงทุนทั่วโลกเริ่มลดความวิตกในเรื่องวิกฤติหนี้ของดูไบ หลังจากที่ทางสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ออกมาแสดงความช่วยเหลือ และล่าสุด Dubai World ก็เปิดเผยว่า มีความคืบหน้าในทางที่ดีสำหรับการพูดคุยกับบรรดาธนาคารต่างๆ เรื่องการปรับโครงสร้างหนี้มูลค่า 26,000 ล้านเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นดูไบยังคงร่วงลงกว่า 7% และตลาดหุ้น Abu Dhabi ที่เปิดทำการในวันแรกหลังจากที่มีข่าว ก็ทำสถิติปรับตัวลงกว่า 8% หรือแรงที่สุดในรอบ 8 ปีเป็นอย่างน้อย

ทางด้านตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเล็กน้อย ท่ามกลางแรงขายหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ยังคงมีเข้ามา นำโดย ธนาคาร Royal Bank of Scotland Group ในฐานะเป็นผู้จัดการเงินกู้รายใหญ่ที่สุดของ Dubai World นับตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2007 ตามข้อมูลที่รวบรวมโดย JPMorgan Chase ขณะที่อีกโบรกเกอร์ชั้นนำ อย่าง Morgan Stanley ก็บอกว่า ธนาคารของอังกฤษอาจจะได้รับผลกระทบมากที่สุดจากปัจจัยการปรับโครงสร้างหนี้ของดูไบ ซึ่งรวมถึงธนาคาร Standard Chartered ที่ได้ลงทุนไว้ในภูมิภาคนี้ถึง 50,000 ล้านเหรียญตามข้อมูลของ BIS

นอกจากนี้ นักกลยุทธ์ของ UBS ยังได้ออกมาปรับลดคำแนะนำสำหรับสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน ลงจากระดับ ?overweight? มาอยู่ที่ ?neutral? หรือระดับ ?ปานกลาง? ด้วยเหตุผลว่า ราคาหุ้นปรับขึ้นมามากพอแล้ว ขณะที่ยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่างรออยู่ข้างหน้า ซึ่งรวมถึง การปฏิรูปกฏเกณฑ์ต่างๆ อัตราการขยายตัวของสินเชื่อ อัตรากำไร และการสำรองหนี้สูญ

สำหรับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่ S&P 500 ขยับบวกเล็กน้อย นักลงทุนทยอยเข้าซื้อหุ้นแบงก์ นำโดย Wells Fargo และ JPMorgan Chase จากข่าวความคืบหน้าในแผนการปรับโครงสร้างหนี้ของดูไบกับธนาคารต่างๆ และธนาคารในยุโรปเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้รับผลกระทบมากเมื่อดูจากข้อมูล ณ ตอนนี้ ขณะตลาดโดยรวมยังถูกบีบจากปัจจัยความกังวลในเรื่องยอดขายของร้านค้าปลีกในเทศกาลวันหยุดปลายปี

ทางด้านตลาดน้ำมัน ราคาน้ำมันดิบที่นิวยอร์กปรับเพิ่มขึ้น 1.2 เหรียญ มาที่ 77.28 เหรียญต่อบาร์เรล จากข่าวอิหร่านจับกุมเรือยอร์ชสัญชาติอังกฤษ ที่ไปสร้างแรงกดดันทางการเมืองรอบใหม่


ราคา-สินเชื่อบ้านในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง

โฮมแทร็คเผยราคาบ้านในอังกฤษปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ในเดือนพ.ย. โดยตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 0.2% จากเดือนต.ค. มาอยู่ที่ 156,700 ปอนด์ หรือ 258,000 ดอลลาร์ เนื่องจากเกิดการขาดแคลนบ้านพร้อมขายในตลาด

ริชาร์ด ดอนเนล ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของโฮมแทร็ค กล่าวว่า เอเยนต์ขายบ้านเริ่มมีความรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับระดับของราคาที่มีความยั่งยืน อย่างน้อยก็ในระยะสั้นนี้ โดยลอนดอนและพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเป็นพื้นที่ที่ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้นมาก

สำหรับดีมานด์ที่ลดลงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ไปจนถึงช่วงคริสต์มาส แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ว่าแรงกดดันต่อราคาบ้านจะลดลง

อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า อัตราว่างงานที่สูงขึ้นอาจจะทำให้ราคาบ้านในอังกฤษไม่สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้มากกว่าไปกว่านี้

อัตราการอนุมัตสินเชื่อเพื่อบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีครึ่งในเดือนต.ค. นับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจของอังกฤษกำลังฟื้นตัวจากภาวะถดถอย โดยธนาคารกลางอังกฤษเผยว่า ยอดปล่อยกู้เพื่อซื้อบ้านในเดือนต.ค.อยู่ที่ 57,345 ราย เมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ที่ 56,205 ราย

นายเมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จังหวะของการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะสดใสในระยะสั้นนี้ แม้ว่าการฟื้นตัวจะยังไม่แข็งแกร่งนัก

นักเศรษฐศาสตร์มองว่า การอนุมัติสินเชื่อจะปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่สูงเท่ากับช่วงก่อนเกิดวิกฤต และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่ยังไม่มีความแน่นอนว่าจะยั่งยืนหรือไม่


BOJ ตัดสินใจลดเงินเดือนผู้ว่าฯและผู้บริหาร

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า ธนาคารจะปรับลดเงินเดือนผู้บริหารซึ่งจะมีผลตั้งแต่ปีงบประมาณ 2552 นี้ โดยเงินเดือนต่อปีของผู้ว่าการแบงก์ชาติจะถูกลดลงไป 860,000 เยน เหลือ 34.92 ล้านเยน ขณะที่ เงินเดือนต่อปีสำหรับรองผู้ว่าบีโอเจจะถูกลดลง 680,000 เยน เหลือ 27.59 ล้านเยน และเงินเดือนต่อปีสำหรับสมาชิกคณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารจะถูกลดลงไป 650,000 เยน เหลือ 24.46 ล้านเยน

การตัดสินใจลดเงินเดือนผู้บริหารของธนาคารกลางญี่ปุ่นมีขึ้น ในขณะที่รัฐสภาญี่ปุ่นได้อนุมัติร่างกฎหมายลดเงินเดือนคณะรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางตำแหน่งพิเศษอื่นๆ

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า การลดเงินเดือนผู้บริหารบีโอเจครั้งหลังสุดเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน


แนะรัฐบาลจีนเพิ่มปริมาณสำรองทองคำ

นสพ.ไชน่า ยูท เดลี่ รายงานว่า จี เสี่ยวหนาน เจ้าหน้าที่อาวุโสของคณะกรรมการบริหารและกำกับดูแลสินทรัพย์ แนะให้จีนเพิ่มปริมาณสำรองทองคำของประเทศเป็น 6,000 เมตริคตันภายใน 3-5 ปีข้างหน้า หรืออาจจะเพิ่มเป็น 10,000 เมตริคตันในช่วง 8-10 ปี เพื่อลดโอกาสที่จะขาดทุนอันเนื่องมาจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่า

ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงมาแล้วประมาณ 20% เมื่อเทียบกับเงินยูโร และนับตั้งแต่ปี 2546 จีนได้เพิ่มสำรองทองคำมาแล้ว 76% แตะ 1,054 ตัน

นายจีกล่าวว่า การเลื่อนชำระหนี้ของบริษัท ดูไบ เวิลด์ อาจเป็นการเปิดโอกาสให้จีนได้นำสำรองเงินตราต่างประเทศไปลงทุนในตลาดโลหะและน้ำมัน

สมาคมทองคำของจีนคาดการณ์ว่า ความต้องการและผลผลิตทองคำในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่สุดของโลก อาจพุ่งทำสถิติสูงสุดในปีนี้ เนื่องจากการใช้ทองเพื่อทำเครื่องประดับเพิ่มสูงขึ้นมาก และผู้ประกอบการเหมืองขยายกำลังการผลิตหลังจากที่ราคาทองคำพุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

จาง หยางเถา รองเลขาธิการของสมาคม กล่าวในที่ประชุมสมาคมในเมืองคุนหมิง มณฑลยูนนานว่า จีนอาจต้องการทองคำมากกว่า 450 เมตริกตันในปีนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากระดับ 395.6 ตันในปี 2551 และผลผลิตอาจเพิ่มขึ้นแตะ 310 ตัน จากระดับ 282 ตันในปีก่อน พร้อมเผยว่า การผลิตทองของจีนขยายตัว 9.5% ต่อปีในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา

ทางด้านผู้จัดการฝ่ายวิจัยการลงทุนของสมาคมทองคำโลกมองว่า จีนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคทองคำรายใหญ่สุดของโลกในปีนี้


จีนเมินแรงกดดันประเด็นเงินหยวน

นายกรัฐมนตรีเหวิน เจียเป่า ของจีน กล่าวในการหารือกับผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป ที่นครหนานจิง เมืองเอกมณฑลเจียงซู ว่า การตรึงอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนของจีนให้มีเสถียรภาพ คือ สิ่งจำเป็นที่จะทำให้เศรษฐกิจของจีนมีเสถียรภาพไปด้วย

การออกมาเน้นย้ำดังกล่าวของนายกรัฐมนตรีจีน มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังจากคณะผู้นำจากสหภาพยุโรป หรืออียู เรียกร้องให้จีนยกเลิกการตรึงค่าเงินหยวน เนื่องจากกังวลว่า จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกของอียู และจะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้า

ภายหลังการประชุม นายกฯ จีนได้แสดงความเห็นว่า การกดดันให้จีนเปลี่ยนแปลงนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนถือเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ยุติธรรม และประณามผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์นโยบายของจีนว่า พยายามกีดกันการค้าของกลุ่มประเทศที่กำลังพัฒนา

ธนาคารกลางจีนได้ตรึงค่าเงินหยวนไว้ที่ระดับเดิมนับตั้งแต่เดือนก.ค.ปี 2551 หลังจากปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 21% เมื่อ 3 ปีก่อนหน้านั้น เพื่อช่วยบริษัทส่งออกของจีนให้อยู่รอดได้ในยามที่เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย

สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามาแห่งสหรัฐเรียกร้องให้ประธานาธิบดีหู จิ่นเทาของจีน ปรับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อปล่อยให้เงินหยวนแข็งค่ามากขึ้น ซึ่งผลจากประเด็นค่าเงินในปัจจุบัน ส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง จึงทำให้ทางผู้เชี่ยวชาญ ได้ออกมาแนะให้เพิ่มปริมาณสำรองทองคำของประเทศเป็น 6,000 เมตริคตันภายใน 3-5 ปีข้างหน้า หรืออาจจะเพิ่มเป็น 10,000 เมตริคตันในช่วง 8-10 ปี เพื่อลดโอกาสที่จะขาดทุนอันเกิดมาจากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง

นับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงมาแล้วประมาณ 20% เมื่อเทียกับเงินยูโร และนับตั้งแต่ปี 2546 จีนได้เพิ่มสำรองทองคำมาแล้ว 76% แตะ 1,054 ตัน

ทางด้านผู้จัดการฝ่ายวิจัยการลงทุนของสมาคมทองคำโลกมองว่า จีนมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภคทองคำรายใหญ่สุดของโลกในปีนี้


ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (อังคารที่ 1 ธ.ค. 2552)
? ดัชนีภาคการผลิต (พ.ย.) โดย ISM
? ค่าใช้จ่ายด้านการก่อสร้าง (ต.ค.) โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ
? ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (ต.ค.) โดยสมาคมนายหน้าอสังหาฯ แห่งชาติสหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
 
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #63 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:19:47 AM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #64 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:22:57 AM »

ดัชนีเงินเมกา

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #65 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:26:50 AM »

น้ำมัน
บันทึกการเข้า
jainu
Sr. Member
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 11494


« ตอบ #66 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 11:44:26 AM »

 Smiley
สวัสดีค่ะ
พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ
พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ
 อากาศร้อนน้ะค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
 Cheesy
บันทึกการเข้า

finghting!!!
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #67 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 12:01:31 PM »

Smiley
สวัสดีค่ะ
พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ
พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ
 อากาศร้อนน้ะค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
 Cheesy
ไม่เข้าใจ set50 set 100 set index  ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #68 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 12:37:16 PM »

กราฟตาแปะ ทอง หน้าสีแดง แสดงว่ากำลังจะลงแล้ว
เงินเมกา กับ น้ำมัน กำลังจะดีดขึ้น ใช้ใหมค่ะ คุณทองใหม่
ใช่ครับ ดูตามกราฟแล้วเป็นเช่นนั้นครับ ตอนนี้ก็ต้องมาดูว่าปัจจัยภายนอกจะมากวนให้กราฟเสียทิศทางไหม?
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #69 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:02:37 PM »


บันทึกการเข้า
Jeera
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 3992


Happy day!


« ตอบ #70 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:04:51 PM »

Smiley
สวัสดีค่ะ
พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ
พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ
 อากาศร้อนน้ะค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
 Cheesy
ไม่เข้าใจ set50 set 100 set index  ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ

พวกหุ้นน่ะค่ะ แต่นู๋จัยเค้าคงหมายถึงกองทุนหุ้น   Smiley
บันทึกการเข้า


Someone love one
Some one love two
But I love one
That One is...U  (^?^)-?
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #71 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:12:52 PM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #72 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:14:34 PM »

Smiley
สวัสดีค่ะ
พี่ทองใหม่ขยันทุกวันเลยน้ะค่ะ
พี่ทองใหม่เล่น set50 set 100 set index หรือเปล่าค่ะ
 อากาศร้อนน้ะค่ะ
รักษาสุขภาพด้วยค่ะ
 Cheesy
ไม่เข้าใจ set50 set 100 set index  ช่วยอธิบายหน่อยสิครับ

พวกหุ้นน่ะค่ะ แต่นู๋จัยเค้าคงหมายถึงกองทุนหุ้น   Smiley
อ้อ...ไม่ได้เล่นครับ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #73 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:24:59 PM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #74 เมื่อ: ธันวาคม 01, 2009, 01:25:57 PM »


บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6 7 ... 11   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: