Forex-Currency Trading-Swiss based forex related website. Home ----- กระดานสนทนาหน้าแรก ----- Gold Chart,Silver,Copper,Oil Chart ----- gold-trend-price-prediction ----- ติดต่อเรา
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11   ลงล่าง
พิมพ์
ผู้เขียน หัวข้อ: ทิศทางทองวันที่ 30/11?4/12/2009  (อ่าน 13604 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 6 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #135 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 07:55:34 AM »

ทองคำปิดพุ่ง1218.3$ (อ่านไม่ผิดหรอกครับ เป็นทองสัญญาส่งมอบเดือน กพ.จ้า)
วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552 07:47

แรงซื้อเก็งกำไรหนุนทองคำปิดพุ่งทำนิวไฮ 1218.3ดอลลาร์สหรัฐ

สัญญาทองคำตลาดโคแม็กซ์ ส่งมอบเดือนก.พ.ปิดที่ 1218.3 ดอลลาร์/ออนซ์ เพิ่มขึ้น 5.3 ดอลลาร์ หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 1218.4-1206.5 ดอลลาร์ ขณะที่สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 19.7 เซนต์ ปิดที่ 19.128 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาโลหะทองแดงส่งมอบเดือนมี.ค.ลดลง 1.35 เซนต์ ปิดที่ 3.2450 ดอลลาร์/ปอนด์ ส่วนสัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนธ.ค.ดิ่งลง 12.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,492.70 ดอลลาร์/ออนซ์ และสัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค.ดิ่งลง 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 386.80 ดอลลาร์/ออนซ์
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #136 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 08:24:03 AM »

ปัจจัยพื้นฐานของเมกาทั้งสัปดาห์ จันทร์----พฤหัสฯประกาศไปแล้ว

ปัจจัยพื้นฐานวันศุกร์ แรงงานนอกภาคเกษตร จะส่งผลต่อตลาดได้มากที่สุด

ตัวนี้ครับ แรงงานนอกภาคเกษตร

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #137 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 08:29:26 AM »

ลืมบอกไป เวลาปัจจัยพื้นฐานของเมกาที่ประกาศ เป็นเวลาของประเทศจีน ซึ่งไวกว่าไทยเรา1ชม.ครับ
บันทึกการเข้า
brabus
บุคคลทั่วไป
« ตอบ #138 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 09:01:30 AM »

ขอบคุณค่ะ พี่ทองใหม่ Azn
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #139 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 09:08:03 AM »

อ.ทองใหม่คับ สงสัยว่าทำไมราคาวันนี้ถึงลงละคับ หรือว่าเป็นเพราะเค้าตกลงซื้อขายล่วงหน้า เรียบร้อยแล้ว ทำให้ตอนนี้ยังไม่มีผู้ซื้อกลุ่มใหม่ที่สนใจจะซื้อในช่วงนี้
ทองคงลงมาคอยแรงงานนอกภาคเกษตรที่จะประกาศในคืนนี้ ตลาดคาดการณ์ว่าแรงงานนอกภาคเกษตรออกมาดีกว่าเดิม หากเป็นไปตามคาดการณ์ ดอลล์เมกาก็จะแข็งค่าขึ้น ทองก็จะลง ตลาดหุ้น เงินตรา ทอง มีความอ่อนไหวต่อข่าวมาก มีข่าวอะไรนิดหน่อยก็เหมือนกระต่ายตื่นตุม พลิกได้ตลอดเวลาครับ
บันทึกการเข้า
sue662
Full Member
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 616


« ตอบ #140 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 11:05:44 AM »

ขอบคุณคุณทองใหม่ค่ะ พักผ่อนมากๆนะคะ
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #141 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 11:29:47 AM »

Daily Update 04-12-52

04 ธ.ค. 2552

 
 
 
 
Gold Market Commentary
 
ประเด็นสำคัญ
?  แรงซื้อหนุนทองหลังทำสถิติสูงสุดที่ 1,226.37 ดอลล์/ออนซ์
?   ยูโรพุ่งเทียบดอลล์หลังอีซีบีส่งสัญญาณถอนสภาพคล่อง
?    ดาวโจนส์ปิดร่วง 86 จุดหลังภาคบริการหดตัวเกินคาด
?   การเข้าแทรกแซงของธนาคารกลางเกาหลีใต้และฟิลิปปินส์
 

 
       ราคาทองที่ตลาดสหรัฐปิดตลาดสูงสุดในการซื้อขายที่ผันผวนในวันพฤหัสบดี แต่ลงจากจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงแรก ในขณะที่ความวิตกเกี่ยวกับการที่ธนาคารกลางต่างๆถอนสภาพคล่องส่วนเกินจากระบบการเงิน สร้างแรงกดดันต่อทอง        สัญญาทองส่งมอบเดือนก.พ.เคลื่อนตัวในช่วง 1,205.20-1,227.50 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในขณะที่มีปริมาณการซื้อขายราว 220,273 สัญญา
      ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า รายงานการจ้างงานของภาคเอกชนส่งสัญญาณว่า ระดับการว่างงานในเดือนพ.ย.อาจเพิ่มขึ้นจาก 10.2% ในเดือนต.ค. แต่ก็ย้ำว่าไม่ได้คาดการณ์ผลลัพธ์ของข้อมูลการจ้างงานที่กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยในวันศุกร์ ขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ 10.2%
      สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยดัชนีภาคบริการหดตัวลงสู่ 48.7 ในเดือนพ.ย.จาก 50.6 ในเดือนต.ค. โดยดัชนีที่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ถึงการหดตัวของภาคบริการ นักเศรษฐศาสตร์ที่ได้รับการสำรวจโดยรอยเตอร์คาดไว้ว่า ดัชนี ISM ภาคบริการจะอยู่ที่ 51.5 ในเดือนพ.ย.
      โกลด์แมน แซคส์ยังคงคาดการณ์ราคาน้ำมันดิบ WTI โดยเฉลี่ยที่ 90 ดอลลาร์/บาร์เรลในปีหน้า แต่คาดว่าราคาจะพุ่งขึ้นสู่ระดับ 110 ดอลลาร์ในปี 2011    ด้าน AccuWeather.com คาดว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศเย็นและมีอุณหภูมิต่ำกว่าปกติในสัปดาห์นี้และสัปดาห์หน้า ขณะที่อุณหภูมิสูงสุดช่วงกลางวันลดลงสู่30-49 องศาฟาเรนไฮต์
      กองทุน SPDR Gold trust ซึ่งเป็นกองทุน ETF ทองรายใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยว่าทางกองทุนได้ถือครองทองแท่งระดับ 1,131.49 ตัน ณ วันที่ 3 ธันวาคม 2552 เพิ่มขึ้น 27.971 ตัน   จากวันที่ 30 ตุลาคม 2552
       กลยุทธ์ :  เริ่มเกิดสัญญาณขายเกิดขึ้นอาจจะมีการปรับฐานติดตามมาได้จริง
ประกอบกับการเกิดสัญญาณขายเช่นเดียวกับวันที่ 30 พย เกิดขึ้น ถ้าวันนี้ราคายังถดถ่อยอาจจะมาการปรับฐานรุนแรงติดตามมาได้ถึง 8 วันทำการเกิดขึ้นได้
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #142 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 11:34:24 AM »

ศูนย์ข้อมูลจีนคาดเศรษฐกิจจีนปี 2553 ขยายตัว 8.5%

Posted on Friday, December 04, 2009

ศูนย์ข้อมูลจีนคาดเศรษฐกิจจีนปี 2553 ขยายตัว 8.5%

ศูนย์ข้อมูลแห่งชาติของจีน (SIC) คาดการณ์ว่า ตัวเลขจีดีพีของจีนจะขยายตัวได้ประมาณ 8.5% ในปี 2553 โดยศูนย์ข้อมูลแห่งชาติคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจจีนจะยังคงฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แม้กำลังการผลิตภายในประเทศจะยังมีมากเกินความต้องการ แต่จะช่วยให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนไม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ที่คาดว่าในปีหน้าจะขยายตัวขึ้นราว 2.5%

รายงานคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจยังบ่งชี้ว่า หากเศรษฐกิจโลกยังคงเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่องในปีหน้า นโยบายด้านเศรษฐกิจมหภาคของจีนก็คงไม่เปลี่ยนแปลง

สำหรับตัวเลขขาดดุลงบประมาณน่าจะยังอยู่ที่ประมาณ 3% ของจีดีพี ขณะที่ยอดปล่อยเงินกู้จะขยายตัวไม่เกิน 8 ล้านล้านหยวน

รายงานดังกล่าวยังระบุด้วยว่า กลุ่มผู้ประกอบการจะสามารถระดมทุนจากตลาดทุนได้มากขึ้น และตลาดจีนจะมีสภาพคล่องหมุนเวียนอยู่มากพอในปีหน้า

นายเจีย กัง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์การเงินของกระทรวงคลังจีนคาดว่า เศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะขยายตัวค่อนข้างสูงในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 และมีเสถียรภาพในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมแนะให้จีนจับตาการปรับโครงสร้างและคุณภาพของโครงการต่างๆ ตลอดจนการปฏิรูปเรื่องการจัดเก็บภาษี ภาษีทรัพยากร และเริ่มต้นจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า

ผู้อำนวยการสถาบันฯยังคาดการณ์ด้วยว่า เศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวได้ 8% อย่างแน่นอนในปีนี้ และการขยายตัวของจีดีพีในไตรมาส 4/52 จะสูงขึ้น ขณะที่ดัชนีเศรษฐกิจจะค่อนข้างดีในไตรมาส 1-2/53 และเศรษฐกิจจะเริ่มมีเถียรภาพในไตรมาส 3-4-52

ผู้อำนวยการฯกล่าวว่า ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการปฏิรูปภาษีทรัพยากร และแนะนำให้เตรียมพร้อมสำหรับการจัดเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์

BofA คืนหนี้ TARP จ่อปลดล็อกหาตัวซีอีโอใหม่

Bank of America บอกว่า จะจ่ายคืนหนี้จำนวน 4.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่ได้มาจากมาตรการเจ็ดแสนล้านดอลลาร์สหรัฐที่ช่วยเหลือภาคการเงิน ( TARP) และผลจากการคืนเงินนี้จะทำให้ธนาคารหลุดพ้นจากการควบคุมของรัฐ โดยเฉพาะเรื่องความต้องการจำกัดการจ่ายเงินผู้บริหาร ซึ่งสร้างอุปสรรคสำคัญต่อการสรรหาคนที่จะเข้ามากุมบังเหียนธนาคารจาก North Carolina แห่งนี้ต่อไป

Bank of America ระบุว่า ธนาคารมีแผนจ่ายคืนหนี้ตามโครงการ TARP ด้วยการใช้สภาพคล่องส่วนเกินที่มีอยู่จำนวน 2.62 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และ 1.88 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายหลักทรัพย์ นอกจากนี้ ยังมีแผนเพิ่มทุนอีกราว 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐโดยผ่านการขายสินทรัพย์ พร้อมออกหุ้นที่มีสิทธิจำกัดให้กับพนักงานมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แทนการจ่ายโบนัสให้กับพนักงานบางส่วนในช่วงสิ้นปีอีกด้วย

เงินช่วยเหลือจากรัฐสองรอบที่เคยช่วยธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯรายนี้ ยังรวมถึงเงิน 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐที่เคยนำมาช่วยกันสำรองผลขาดทุนที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการ Merrill Lynch ในช่วงที่ผ่านมาด้วย

แผนการคืนหนี้ดังกล่าวจะช่วยลดแรงกดดันของธนาคารในการหาคนมาแทน นาย Kenneth Lewis อดีตซีอีโอที่ประกาศแยกทางจาก Bank of America ไปตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า ผลจากการเพิ่มทุนจะนำไปสู่ภาวะมูลค่าหุ้นที่ลดลงอย่างมาก (dilution effect) และนักวิเคราะห์ก็ยังเก็งว่า สิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดแผนนี้ก็อาจเป็นเพราะการเตรียมรับผู้บริหารใหม่ที่กำลังจะเข้ามานั่งดูแลกิจการของธนาคารใหญ่แห่งนี้ รวมถึงความต้องการถอนข้อจำกัดต่างๆ อันเป็นผลของการถือหุ้นโดยรัฐ

ที่ผ่านมา เรื่องการจำกัดค่าตอบแทนผู้บริหารเป็นอุปสรรคสำคัญในการสรรหาซีอีโอใหม่ ซึ่งการจ่ายคืนหนี้ TARP ถือเป็นการปลดล็อกข้อจำกัดในส่วนนี้ออกไปได้ และที่สำคัญเป็นการเตรียมรับมือกับคู่แข่งที่สำคัญ อย่าง JPMorgan Chase ที่ก่อนหน้านี้ได้จ่ายคืนหนี้เงินช่วยเหลือของรัฐไปเรียบร้อยแล้ว

ข่าวรายงานว่า มี candidates อย่างน้อย 4 รายที่ถูกเสนอชื่อเพื่องานนี้ ซึ่งรวมถึง Michael O?Neill ที่เป็นผู้บริหารจาก Citigroup และ Robert Kelly ที่เป็นซีอีโอจาก Bank of New York Mellon

โอบามาจัดประชุมสุดยอดการสร้างงานที่ทำเนียบขาว

บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เตรียมเผยขีดความสามารถในการรับมือกับปัญหาว่างงาน ระหว่างการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดการสร้างงาน (Job-creation summit) ที่ทำเนียบขาวเมื่อคืนนี้

การประชุมดังกล่าวมีผู้ทรงคุณวุฒิเข้าร่วมมากมายไม่ว่าจะเป็น นักเศรษฐศาสตร์ ผู้นำสหภาพแรงงาน ผู้นำทางธุรกิจอย่าง เอริค ชมิดท์ ซีอีโอของ กูเกิล อิงค์ และ เฟรด สมิธ ผู้บริหาร เฟดเอ็กซ์ คอร์ป รวมถึงตัวแทนจากอีกหลายบริษัท อาทิ เอทีแอนด์ที, โบอิ้ง และ ไฟเซอร์

ทั้งนี้ โอบามาได้เรียกร้องให้เอกชนเป็นส่วนหนึ่งและเป็นผู้นำในการกระตุ้นการจ้างงาน และรัฐบาลก็จะเข้ามาช่วยภาคเอกชนให้สามารถเพิ่มการจ้างงานได้ในระยะใกล้ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าโอบามาจะเรียกร้องให้ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นการสร้างงาน อาทิ การให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับธุรกิจขนาดเล็ก หรือการให้เครดิตภาษีกับบริษัทต่างๆ แต่ผู้บริหารของบริษัทแห่งหนึ่งกล่าวว่า การใช้มาตรการดังกล่าวก็สู้การที่เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งไม่ได้ และทางบริษัทจะไม่ยอมจ้างงานจนกว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแท้จริง

ปัจจุบันอัตราว่างงานในสหรัฐฯอยู่ที่ 10.2% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี

จับตาทิศทางน้ำมัน หลังอิหร่านสร้างนิวเคลียร์ท้าโลก

ประธานาธิบดีมาห์มูด อาห์มาดิเนจาด ผู้นำอิหร่าน กล่าวว่า อิหร่านพร้อมเสริมสมรรถนะยูเรเนียมเพิ่มอีก จากระดับปัจจุบันที่ 3.5%  เป็น 20% ด้วยตนเอง เนื่องจากอิหร่านขอให้ต่างประเทศส่งยูเรเนียมที่ได้รับการเสริมสมรรถนะมาให้  แต่ปรากฏว่าได้มีการกำหนดเงื่อนไขต่าง ๆ ให้อิหร่านปฏิบัติ  ซึ่งอิหร่านยอมรับไม่ได้

ทั้งนี้ เตาปฏิกรณ์เพื่อการวิจัยในกรุงเตหะรานต้องใช้ยูเรเนียมที่เสริมสมรรถนะ 20%  แต่ประเทศตะวันตกวิตกว่าหากอิหร่านเสริมสมรรถนะยูเรเนียมถึง 90%  จะสามารถนำไปใช้ในการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ได้ ประเด็นดังกล่าว ทางการจีนได้เรียกร้องให้เพิ่มความพยายามทางการทูตมากกว่าการใช้มาตรการคว่ำบาตรเพื่อแก้ไขวิกฤตินิวเคลียร์อิหร่าน 

เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว จีนได้ร่วมกับรัสเซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหรัฐฯลงคะแนนเห็นชอบมติของทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) ที่เรียกร้องให้อิหร่านยุติการก่อสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะยูเรเนี่ยมแห่งที่สอง  แต่จีนซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของอิหร่านยังคงคัดค้านการออกมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน และทางอิหร่านเองก็ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้ โดยกล่าวว่าการที่ประชาคมโลกคว่ำบาตรต่ออิหร่านจะไม่เกิดประโยชน์และบอกว่าการตัดสินใจของรัสเซีย ที่ลงมติประณามอิหร่านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว กรณีการสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมแห่งที่ 2 ถือเป็นความผิดพลาด พร้อมทั้งชี้แจงว่าไม่ได้ดำเนินการสร้างโรงงานเสริมสมรรถนะแร่ยูเรเนียมเพิ่มอีก 10 แห่งตามที่ประกาศ

อินเดียตั้งเป้าลดคาร์บอนไดออกไซด์ 35% ภายใน 22 ปี

รัฐบาลอินเดียตั้งเป้าควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ควบคู่ไปกับกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ได้ภายในปี 2574 หลังจากที่ได้ใช้มาตรการลดการใช้พลังงานและก๊าซคาร์บอนอย่างจริงจังในช่วงที่ผ่านมา

นายกรัฐมนตรีมานโมฮาน ซิงห์ ผู้นำอินเดีย ทูตพิเศษด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ กล่าวว่า อินเดียจะสามารถลดอัตราการใช้พลังงานต่อหนึ่งหน่วยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ลงได้มากถึง 35% ภายใน 22 ปี หรือภายในปี 2574 รวมไปถึงการลดอัตราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ที่เป็นตัวการภาวะโลกร้อนได้ที่ระดับ 35% เช่นเดียวกัน เมื่อพิจารณาจากอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินเดียโดยเฉลี่ยที่ 6% ขณะที่ปริมาณการใช้พลังงานขยายตัวเพียง 3.8% ต่อปีนับตั้งแต่ปี 2533

ทั้งนี้ อินเดีย ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นประเทศผู้ปล่อยมลพิษทางอากาศมากที่สุดอันดับ 4 ของโลก และเป็นประเทศผู้บริโภคพลังงานรายใหญ่อันดับ 3 ในเอเชีย กำลังเผชิญแรงกดดันให้ควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเช่นเดียวกับจีนและสหรัฐฯ  ซึ่งสองประเทศหลังได้ประกาศเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนได้ออกไซด์ก่อนที่การประชุมของสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงทางสหภาพอากาศในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก จะเปิดฉากขึ้นในวันที่ 7 ธันวาคมนี้

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา จีนประกาศว่าจะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยจีดีพีลงราว 40-45% จากระดับในปี 2548 ขณะที่สหรัฐจะลดระดับการปล่อยก๊าซดังกล่าวลง 17%

นอกจากนี้ บรรดานักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเชื่อว่า อินเดียอาจยื่นข้อเสนอเรื่องการควบคุมมลพิษในครั้งนี้ต่อที่ประชุม หลังจากที่ได้ประกาศถึงแผนการเพิ่มระบบพลังงานแสงอาทิตย์ในเดือนมิ.ย.2551 และการประหยัดพลังงาน รวมไปถึงการปลูกป่า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาภาวะโลกร้อน

ขณะเดียวกันรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอินเดียอาจกำหนดเป้าหมายการควบคุมก๊าซเรือนกระจกในวันนี้ ซึ่งรัฐบาลคาดว่าอินเดียอาจกำหนดตัวเลขควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนจากปี 2548 ลงให้ได้ 24% ภายในปี 2563 ก่อนที่จะลดการปล่อยก๊าซดังกล่าวลง 37% ภายในปี 2573

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่ประกาศออกมาเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 3 ธ.ค. 2552)
?     ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ 457,000 ราย
? ประสิทธิภาพการผลิต ไตรมาส 3/52 เพิ่มขึ้น 8.1% จากไตรมาสก่อนหน้า
? ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย ไตรมาส 3/52 ลดลง 2.5% จากไตรมาสก่อนหน้า
? ดัชนีภาคการบริการ เดือนพฤศจิกายน อยู่ที่ระดับ 48.7 จุด (น้อยกว่าคาดการณ์และเดือนก่อนหน้า)

ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯที่จะประกาศออกมาวันนี้ (ศุกร์ที่ 4 ธ.ค. 2552)
? ตัวเลขตลาดแรงงานสหรัฐฯเดือนพฤศจิกายน โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ
? ยอดสั่งซื้อสินค้าโรงงาน เดือนตุลาคม โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ

ติดตาม Money Wake up ทุกวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 6.00 น. ทาง Money Channel
บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #143 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 01:50:18 PM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #144 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 01:52:47 PM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #145 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 01:54:48 PM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #146 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 01:56:18 PM »


บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #147 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 02:07:47 PM »

กราฟตาแป๊ะซ้ายบน หน้าสีแดง---ลงปรับฐานช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน หน้าสีเทา---ดีดขึ้นช่วงสั้นๆ อาจเป็นวัน-สองวัน     เส้นสีแดงหนา---ขาขึ้น เส้นสีเขียวหนา---ขาลง
ขวาบน  เส้นสีแดง---เสนอซื้มากกว่าเสนอขาย เส้นสีเขียว---เสนอขายมากกว่าเสนอซื้อ  ส่วนช่วงกลางที่มีแท่งสีแดงกับเขียวนั้น แท่งแดง---แรงซื้อขึ้น   แท่งเขียว---แรงขายลง
ขวาช่องสอง  แท่งเหลืองคู่เส้นแดง---ขาขึ้น   แท่งฟ้าคู่เส้นเขียว---ขาลง โดยปกติ ช่องนี้จะเปลี่ยนแนวโน้มช้ากว่าเพื่อน หากเปลี่ยนแนวโน้มเมื่อไหร่ เขาให้ขายออกหรือซื้อเข้าได้ทันที่ ยกเว้นมีปัจจัยพื้นฐานแรงๆแทรกเข้ามา จึงจะทำให้แนวโน้มกลับเปลี่ยนได้โดยกะทันหัน
ซ้ายช่องสอง หน้าเหลืองแป๊ะยิ้ม---ขาขึ้น หน้าแดงแป๊ะร้องไห้---ขาลง  แท่งสีเขียว---เพดาน   แท่งสีแดง---พื้นดินโดยปกติ ช่องนี้จะส่งสัญญาณว่า กำลังจะเปลี่ยนแนวทางแล้วนะ แต่ยังไม่เต็มร้อย อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยกะทันหันก็ได้ ต้องดูซ้ายบนและขวาช่อง๒ประกอบด้วย จึงจะให้ความมั่นใจได้
ทอง

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #148 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 02:11:07 PM »

ดัชนีเงินเมกา

บันทึกการเข้า
ทองใหม่
Hero Member
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1062


« ตอบ #149 เมื่อ: ธันวาคม 04, 2009, 02:12:50 PM »

น้ำมัน

บันทึกการเข้า
Gold Price today, Gold Trend Price Prediction, ราคาทองคํา, วิเคราะห์ทิศทางทองคํา
   

images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary ---------------------Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. For more information on Moore Research products and services click here. --- http://www.mrci.com ---------- ---------------------------------------------รูปกราฟแสดงราคาทองในอดีตปี 1974-1999 ของ Moore Research Center, Inc. แสดงฤดูกาลที่ราคาทองขึ้นสูงสุดและตําสุด เอาแบบคร่าวๆ เส้นนําตาลหรือนําเงินก็ใกล้เคียงกัน เส้นนําตาลเฉลี่ย 15 ปี เส้นนําเงินเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุดของเส้นนําตาล หรือเฉลี่ย 15 ปี ในเดือน ปลายเดือน เมษ และปลายเดือน สค ต่อต้นเดือน กย[/color] สูงสุดในเดือน กพ กับ พย / ส่วนเฉลี่ย 26 ปี ราคาตําสุด ต้น กค กับ ปลาย สค และราคาสูงสุดในเดือน กพ และ กลางเดือน ตค ----- แค่ดูคร่าวๆ เป็นแนวทาง อย่ายึดมั่นว่าจะต้องเป็นตามนี้ ข้างล่างเป็นกราฟราคานํามัน ตามฤดูกาล จาก Charts courtesy of Moore Research Center, Inc. images by free.in.th
Thanks: ฝากรูป dictionary
 บันทึกการเข้า
หน้า: 1 ... 8 9 [10] 11   ขึ้นบน
พิมพ์
กระโดดไป: